ตอนที่ 28 : ข้ามคืนครั้งที่ 27 : จบปัญหา [100%]
TEMPORARY BLISS : CHAPTER 27
ข้ามคืนครั้งที่ 27 : จบปัญหา
#ฟิคคืนของชานแบค
ชานยอลมาส่งผมที่บ้านตลอดทางผมก็เอาแต่เงียบมาตลอด ผมไม่ได้ขอร้องให้เขาอยู่เป็นเพื่อนผมและเขาเองก็รู้ว่าตอนนี้ตัวเองเป็นคนนอก เขาเลยเลือกที่จะไม่งอแงหรืออ้อนวอน เพียงแค่มาส่งแล้วกลับไป อาจจะมีจูบลาบ้างซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเขาหรอก
ผมรู้ว่าเขาเป็นห่วง แต่ด้วยสถานะเขาเลยไม่ควรอยู่ที่นี่
และผมก็ไม่อยากให้เราผิดใจกันด้วย เพราะงั้นพอหลังเขากลับไปผมเลยมานั่งรอพ่อที่ห้องนั่งเล่น พร้อมกับทบทวนสิ่งที่จงแดเล่า รวมถึงภาพที่ผมเห็นเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว ภาพของพ่อที่โอบกอดจงแดเอาไว้ ดูเหมือนเจ้าตัวจะร้องไห้ด้วย
ผมมั่นใจว่าเขาไม่ได้เสแสร้ง ท่าทางของเขามันบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเขารู้สึกยังไง เขาคงกังวล และอึดอัดมาก ตอนที่นั่งรถมาชานยอลก็เล่าประวัติคร่าวๆของจงแดให้ผมฟัง ผมว่าชีวิตเขามันน่าเศร้ามากเลยนะ เสียแม่ไปแล้วยังมีปัญหากับพ่ออีก พอพ่อของผมเข้าไปในชีวิต
เขาเลยไม่ต่างจากที่พึ่งเดียวที่จงแดต้องการ
พอคิดดูแล้วชีวิตของผมมันก็ไม่ต่างจากจงแดเท่าไหร่ ติดตรงที่ว่าผมไม่เคยมีปัญหากับพ่อ เรารักกันดีครอบครัวผมก็อบอุ่นและผมก็ไม่ได้รู้สึกขาดหาย แต่จงแดกลับกลายเป็นเด็กมีปัญหา นั่นเพราะการเลี้ยงดูและการแสดงความรักของครอบครัวเราแตกต่างกันไป
ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทุกคนถึงอยากได้พ่อของผมกัน
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...
“ฉันควรรู้สึกยังไงกันนะ” ผมถามตัวเองพลางทิ้งตัวลงพิงกับพนักโซฟา ยกมือขึ้นมาก่ายหน้าผากขณะเหลือบสายตามองเวลา ตอนนี้สี่โมงกว่าแล้วพ่อยังไม่กลับมาที่บ้าน ผมก็ไม่ได้คิดจะโทรหา การเร่งรัดจะทำให้ทุกอย่างแย่ลงก็เป็นได้ เพราะงั้นผมเลยเลือกที่จะถอนหายใจแล้วหลับตาลง
ขอหยุดคิดเรื่องนี้สักพักเถอะนะ...
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ผมเผลอหลับไปและเห็นภาพครอบครัวของตัวเองในตอนที่แม่ยังอยู่ ถึงมันจะเลือนลางมาก แต่ผมก็ยังคงจดจำได้ว่าในตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง รวมถึงความรู้สึกเสียใจตอนที่เสียแม่ไป วันนั้นทั้งผมทั้งพ่อเหมือนชีวิตพังทลาย ผมเอาแต่ร้องไห้เจ็บปวดกับมันในขณะที่พ่อยังคงนิ่ง เอาแต่โอบกอดผมเอาไว้ ผมไม่รู้เลยว่าพ่อรู้สึกยังไง เขาไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมานอกจากความเศร้าสร้อยในดวงตา
และรอยยิ้มอันหม่นหมองของเขา
พ่อบอกให้ผมเข้มแข็ง เราจะผ่านมันไปด้วยกัน ผมเคยเชื่อว่าพ่อมีเวทย์มนต์ที่ทำให้ความเจ็บปวดหายไป เพราะหลังจากนั้นผมก็สามารถทำใจได้ ต้องขอบคุณพ่อที่คอยดูแลผม ทำให้ผมไม่รู้สึกว่าขาดอะไร โดยที่ผมไม่เคยคิดเรื่องที่พ่อจะปันใจไปให้ใคร
ผมไม่เคยคิดว่าพ่อจะรักใครนอกจากแม่ของผม
กระทั่งวันนี้...
“แบคฮยอน”
“อะ…”
“ถ้าง่วงก็ขึ้นไปนอนที่ห้องสิ นอนตรงนี้เดี๋ยวไม่สบายนะ”
“พ่อ...”เสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยดังขึ้นปลุกผมให้ตื่นจากความฝัน ภาพของพ่อที่กำลังยกยิ้มอ่อนโยนให้ปรากฏขึ้นมาซ้อนทับกับภาพที่พ่อเคยปลอบผม วินาทีนั้นผมอดรู้สึกเจ็บปวดระคนเศร้าสร้อยไม่ได้ พอคิดว่าพ่อจะหายไป ผมก็รู้สึกแย่ขึ้นมาน้ำตาไหลมาคลอเบ้าถึงอย่างนั้นก็ยังฝืนเอาไว้
ผมไม่อยากร้องไห้ ถ้าร้องก็เท่ากับว่าทำให้พ่อลำบากใจ ผมไม่อยากให้พ่อต้องมาเหนื่อยเพราะผม
ต่อให้เขาจะมองออกว่าผมไม่สบายใจอยู่ก็ตาม
“วันนี้...กลับช้าจังนะครับ ไปไหนมาเหรอ”
“พ่อไปส่งจงแดที่บ้านมาครับ”
“…”
“เรากับเขาคุยกันแล้วใช่ไหม”
“…”
“อยากคุยกับพ่อหน่อยไหม หรือจะขึ้นไปพักให้สบายใจก่อน พ่อไม่อยากให้เรารู้สึกแย่ไปมากกว่านี้นะแบคฮยอน”
คำพูดของพ่อทำให้ใจผมสั่นสะเทือนไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งที่ตอนนี้เราควรจะเถียงกันไปมา เขากลับทำให้ทุกอย่างสงบด้วยน้ำเสียงของเขา พาเอาผมต้องหลุบตาต่ำ พ่อเป็นคนเดียวเสมอที่เข้าใจว่าผมรู้สึกยังไง ทั้งที่ผมบอกออกไปแล้วเก็บซ่อนเอาไว้เหมือนตอนนี้
ไม่ว่ายังไงก็หลบอะไรเขาไม่ได้เลย
“ไม่ครับ ผมอยากคุยกับพ่อ”
กึก !
“ผมอยากเคลียร์ให้จบน่ะ”ผมพูดออกไปตามความจริงส่งผลให้พ่อพยักหน้าตอบรับ เขาเดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาข้างๆผม นัยน์ตาสวยทอดมองลงมาเปิดโอกาสให้ผมได้พูดก่อน เล่นเอาผมต้องสูดลมหายใจเขาหนักๆเพื่อยับยั้งความย่ำแย่ของจิตใจ
การต้องมาพูดอะไรแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผมหวังไว้ นี่มันฟ้าแกล้งกันชัดๆ
“เขามาบอกผมว่าพ่อกับเขารักกัน”ผมเจาะเข้าประเด็นโดยไม่อ้อมค้อม เนื่องจากผมคิดว่าถ้าเจาะเข้าไปตรงๆมันน่าจะดีกว่า อย่างน้อยถ้าเกิดต้องรู้สึกแย่ ผมจะได้แย่รอบเดียว ไม่ใช่ถูกบั่นทอนลงไปเรื่อยๆจนไม่เหลืออะไรให้พร้อมรับฟัง
ดีหน่อยที่พ่อก็ให้ความร่วมมือ ฟังที่ผมพูดและตอบเหมือนจำเป็น
“พ่อไปจีบเขาตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน”
“ใช่”
“แล้วก็ตามตื้ออยู่เรื่อยๆ คอยดูแล คอยเทคแคร์เอาใจ เวลาเขามีปัญหาพ่อก็เป็นคนแรกที่เข้าไปหานั่นคือสาเหตุที่พ่อเริ่มไม่ค่อยกลับบ้านใช่ไหมครับ ?”
“มันไม่ใช่ซะทีเดียวหรอกนะ พ่อเองก็ต้องทำงานหนักเหมือนกัน”พ่อถอนหายใจนิดหน่อย ผมคิดว่าตัวเขาคงแบกรับอะไรไว้เยอะเช่นกัน “แต่พ่อเองก็ยอมรับว่าพ่อต้องดูแลเขาเลยทำให้ห่างบ้านไปบ้าง”
“…”
“แต่ไม่ใช่ว่าพ่อไม่สนใจลูกนะแบคฮยอน พ่อก็ยังดูแลลูกปกติ แค่เพิ่มคนพิเศษขึ้นมาอีกคนนึงเท่านั้น”พ่อว่าพลางประสานมือกันบนตัก มันเป็นท่าทีคุยงานประจำของเขา “พ่อยอมรับว่าพ่อสนใจเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน อาจจะฟังดูแปลกไปหน่อยแต่ความไม่ดีของเขาคือสิ่งทีพ่ออยากจะลบล้างให้มันหายไป”
“…”
“พ่อรู้ว่าจงแดไม่ได้เลวร้าย เขาแค่ต้องการความรักจากใครสักคน พ่อเองก็เหมือนกัน”ดวงตาของพ่อสั่นเขาเอื้อมมือมาจับมือผม บีบเบาๆราวกับขอร้องให้เข้าใจ “พ่อไม่เคยสนใจใครเลยตั้งแต่ที่แม่เราเสียไป สัญญากับตัวเองว่าจะไม่รักใครอีกกระทั่งจงแดก้าวเข้ามา”
“...”
“เขาทำให้พ่อต้องกลืนน้ำลายตัวเอง”ไม่รู้ทำไมน้ำเสียงของพ่อมันถึงได้ฟังดูอ่อนโยนมากขนาดนี้ มันอ่อนโยนในแบบที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับครอบครัว หากแต่เป็นความรู้สึกพิเศษที่เขามีต่อจงแดเท่านั้น นั่นพาให้หัวใจของผมรู้สึกวูบโหวงแปลกๆ “เขาอาจจะไม่ใช่เด็กดี ไม่ใช่คนเรียบร้อย แต่เขาแค่ต้องการคนที่คอยซัพพอร์ตเขา และพ่ออยากเป็นคนนั้น”
“พ่อรักเขาขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“ลูกอาจไม่เข้าใจนะแบคฮยอน มันอธิบายยาก”
“งั้นตอบคำถามผมแค่ข้อเดียวล่ะกันครับ” ผมสูดลมหายใจเข้าหนักกว่าเดิม รู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองต้องการทั้งกำลังใจ และการระบายความอึดอัดในเวลาเดียวกัน ที่ผมขัดไม่ใช่ว่าผมไม่อยากฟัง ผมแค่เห็นความรักที่พ่อมีต่อเขา รับรู้ได้ถึงความรู้สึกรักที่พวกเขามีต่อกัน
มันแสดงออกมาชัดผ่านแววตา ตอนที่จงแดพูดถึงพ่อเขาก็ฉายแววตาแบบนี้เหมือนกัน
แววตาที่แม้แต่ผมกับชานยอลยังไม่อาจจะแสดงมันออกมาได้ มันเป็นความรักที่ลึกซึ้งเกินไป ความรักจากความผูกพัน นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมผมถึงเปลี่ยนไปถามอย่างอื่น ผมรับรู้ถึงความรักของพวกเขาและคิดว่าการแยกพวกเขาออกจากกันเป็นเรื่องที่ยากลำบาก
ผมไม่มีความจำเป็นที่ต้องทำแบบนั้น
ทว่าถ้าเกิดพวกเขารักกัน สิ่งเดียวที่ผมอยากรู้ก็คือ...
“พ่อไม่ได้คิดจะเอาเขามาแทนที่แม่ใช่ไหม”
“อะ...”
“มันรู้สึกแปลกๆยังไงไม่รู้สิ ถ้าต้องมีแม่ใหม่เป็นคนวัยเดียวกัน”ดวงตาของผมบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ารู้สึกแย่กับเรื่องนี้มากแค่ไหน ส่งผลให้พ่อเลื่อนสายตามาสบเข้าให้ เขายกยิ้มออกมาพร้อมกับส่ายหน้าเป็นคำตอบของคำถาม
“จงแดจะไม่มาแทนที่ใคร เขาจะเป็นเขา และแม่เราก็ยังคงอยู่ที่เดิม”
“พ่อไม่ได้ลืมแม่ไปใช่ไหม พ่อยังรักแม่อยู่ใช่ไหมครับ ?”ผมถามเขาเสียงสั่นจู่ๆน้ำตาก็ไหลมาคลอเบ้า มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายได้ยากมาก ผมอยากให้พ่อมีความสุขกับคนที่เขารัก ไม่อยากให้เขาต้องทนเหงาในขณะที่เอาแต่มองผมมีความสุขกับคนที่เข้ามา ผมอยากให้เขาให้โอกาสตัวเองบ้าง ถึงอย่างนั้นพอคิดว่าจะมีคนมาแทนที่แม่ผมก็ปวดร้าวจนจุกอก
ผมกลัวว่าพ่อจะทอดทิ้งความรักที่แม่มีให้ กลัวว่าครอบครัวเราจะไม่เหมือนเดิมเมื่อใครบางคนก้าวเข้ามา
“แม่เราอยู่ในใจพ่อเสมอนะแบคฮยอน”
“อะ...”
“พ่อยังคงรักเขา รักเขามากกว่าใครไม่งั้นพ่อจะทำให้ลูกเกิดมาทำไม ทั้งเขา และลูกคือชีวิตของพ่อเลยนะ”เจ้าตัวบอกพลางเอื้อมมือมาลูบหัวผม “เพียงแค่ตอนนี้พ่อแค่อยากมีความสุขกับสิ่งที่พ่อเลือกบ้าง การที่เราเลือกเส้นทางใหม่ไม่ได้แปลว่าพ่อจะหลงลืมสิ่งที่เคยมีไป กลับกันพ่อจะเก็บมันไว้ในใจ และมันจะอยู่ในนั้นตลอดไป เชื่อพ่อสิ”
“ผมเชื่อพ่อมาตลอด พ่อก็รู้”
“งั้นครั้งนี้เชื่อพ่ออีกรอบได้ไหม”
“…”
“เชื่อว่าพ่อจะไม่ทอดทิ้งใคร และเปิดโอกาสให้พ่อกับจงแดได้รักกัน”
น้ำตาของผมไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง ก่อนจะโผเข้ากอดพ่อของตัวเองด้วยความรักใคร่ รวมถึงพยักหน้าให้เขาเข้าใจว่าเขาได้โอกาสนั้นไปแล้ว พ่อจูบลงบนเรือนผมสีสวยของผมโอบกอดผมไว้แนบอกเช่นเดียวกับทุกครั้ง ผมได้ยินเขาพูดขอบคุณผมเบาๆ รู้เลยว่าเขารอเวลานี้มานานแค่ไหน ถ้าสมมติผมไม่อนุญาตให้เขาคบใคร ก็เท่ากับว่าผมได้ทำลายจิตใจเขาลงไปแล้ว
พ่อน่ะเปิดโอกาสให้ผมได้เจอคนมากมาย เวลาผมทำพลาดก็ไม่เคยดุด่าว่ากล่าว แค่ตักเตือนในแบบเขาผมถึงได้เติบโตมาเป็นแบบนี้ ซึ่งบอกเลยว่าผมดีใจที่มีพ่อดีๆอย่างเขา ดีใจที่ได้เกิดมาแล้วได้รับความรักมากมายจากผู้ชายคนนี้ เพราะงั้นผมก็ควรจะมอบความสุขคืนให้เขาบ้าง ผมไม่ใช่เด็กน้อยที่จะมาคอยกำกับชีวิตพ่อแม่ให้อยู่ด้วย
ผมอยากให้เรามีความสุขด้วยกัน ซึ่งนั่นไม่ได้แปลว่ามันจะเกิดจากแค่เราสองคน
มันต้องเกิดคนอื่นด้วยถึงจะถูก
“พรุ่งนี้พ่อจะพาเขามาเจอเรานะ แล้วเราจะได้คุยกัน”
“ครับ...”
“เราก็ชวนชานยอลมาด้วยสิ”
“อะ...”
“เขาคงดีใจที่เรายอมรับหลานเขาแล้ว”คำพูดของพ่อทำให้ผมเม้มปากแน่น ลึกๆในใจผมรู้ดีว่าชานยอลอยากให้ผมเปิดโอกาสให้หลานเขาแค่ไหน ผมเลยพยักหน้าตอบรับคำพูดนั้นไป เขาคงสบายใจขึ้นถ้าเกิดรู้เรื่องนี้ เราสองคนนั่งปลอบกันตรงนั้นอยู่พักใหญ่ก่อนที่ผมจะตัดสินใจขอตัวขึ้นห้องไป
ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงคิงส์ไซส์พลางคิดว่าชีวิตคนเรานี่มันมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย ทั้งที่อายุผมก็ยังไม่ย่างกายถึง 25 แต่ให้ความรู้สึกเหมือนเผชิญหน้ากับชีวิตมานานจนใกล้ตาย ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้มีแต่เรื่องที่ทำให้เสียใจ เช่นเรื่องของพ่อกับจงแดผมก็ไม่ได้เสียใจขนาดนั้น
ผมก็แค่...ไม่รู้สิ จะว่าดีใจมันก็ใช่ แต่จะว่ากังวลมันก็ถูก
มันเป็นความรู้สึกที่ผมไม่รู้ว่าควรจะอธิบายยังไง รู้แค่ว่าตอนนี้หันหลังกลับไม่ได้แล้ว
“จงแด...พ่อฉันเลือกนายแล้วนะ”
วันถัดมา
ชานยอลยังคงมารับผมไปเรียนเป็นปกติ ความใกล้ชิดของเราก็ไม่ได้ลดลงเมื่อมีเรื่องของจงแดเข้ามาเกี่ยวข้อง ผมรู้ว่าชานยอลมีเรื่องอยากถามผมมากมาย ติดตรงที่เขาคงกลัวว่าถ้าถามไปผมจะสบายใจ เลยปล่อยให้ผมเป็นคนพูดออกมาเองดีกว่า ในตอนแรกผมก็กะจะเงียบๆไป แต่พอนึกถึงเรื่องที่พ่อบอกให้ชวนเขามาทานมื้อค่ำวันนี้ ผมก็เลยยอมปริปากคุยกับเขา
แม้ว่าจะนั่งเงียบมาตลอดทางก็ตาม
“วันนี้ตอนเย็นว่างไหมครับ ?”
“อืม...ก็ว่างนะ มีอะไรเหรอ”
“ผมจะชวนไปทานมื้อค่ำที่บ้านน่ะ”
“อะ...”
“หลานชายคุณก็จะมานะ”ผมว่าพลางถอนหายใจเบาๆ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าพร้อมแล้วเหรอสำหรับการที่ใครอีกคนจะก้าวเข้ามาในชีวิต ซึ่งว่ากันตามจริง ผมไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเรื่องความรักของพ่อและจงแดเลยสักนิด มันเป็นเรื่องของเขาที่พวกเขาควรจะคุยกันแค่สองคน ผมก็แค่ปัจจัยที่มีผลว่าเขาจะสามารถรักกันต่อไปได้ไหม
เอาตรงๆนะ ถ้าเกิดผมไม่อนุญาต ผมว่าพ่อก็คงทำทุกวิถีทางให้ผมยอมรับได้นั้นแหละ เพราะงั้นผมเลยไม่คิดจะปฏิเสธยังไงล่ะ
ผมไม่อยากให้พ่อคิดมาก ชีวิตเขาควรมีความสุขกับคนที่เขารักตั้งนานแล้ว
“แล้วคุณ...”
“ผมอนุญาตให้พวกเขาคบกันไปแล้วล่ะ”
“…”
“เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นแววตาอ่อนโยนเวลาพูดถึงใครสักคนของพ่อ เขาไม่เคยแสดงแววตาแบบนั้นเวลาพูดถึงใคร จงแดเป็นคนแรกเลยที่ทำให้พ่อเป็นแบบนั้น”ผมทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ตอนนี้รถของเราติดไฟแดงอยู่เลยมีเวลามากพอที่จะคุยกัน “ผมอยากให้พ่อมีความสุข แต่ผมก็กลัว...กลัวว่าถ้ามีใครอีกคนเข้ามา ครอบครัวของผมจะเปลี่ยนไป”
“…”
“ขอโทษที่พูดเหมือนว่าหลานชายคุณจะมาทำลายครอบครัวผมนะ ผมแค่...ไม่รู้สิ มันอธิบายไม่ถูก”เสียงของผมสั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่ชานยอลดึงมือผมไปจับเอาไว้ เขาบีบเบาๆเป็นการให้กำลังใจทำเอาน้ำตาของผมเหมือนจะไหลออกมา “ผมกลัว กลัวว่าถ้าพ่อรักจงแดแล้วเขาจะลืมลูกอย่างผม ถึงอย่างนั้น...ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่อยากให้พ่อต้องมาทนมองผมมีความสุขเพียงลำพัง”
“แบคฮยอน”
“ผมขอโทษที่เป็นแบบนี้นะ ขอโทษนะชานยอล”
“ชู่ว ไม่เป็นไร”
“ฮึก”
“อย่าคิดมากเกินไปสิ มันจะไม่แย่อย่างที่คุณคิดหรอกเชื่อผมได้”ชานยอลว่าพลางดึงผมไปกอดเอาไว้ เขาเลือกที่จะจอดรถเทียบฟุตบาทเพื่อให้เราคุยกันให้เสร็จก่อน มันจะได้ไม่ติดค้างไปถึงตอนที่เราจากกันหน้ามหา’ลัย “ถ้าพ่อคุณเลือกแล้วก็เท่ากับคนคนนั้นมีสมบัติพอที่จะเป็นครอบครัวคุณไม่ใช่เหรอ ไม่สิ คุณยังไม่ต้องคิดถึงเรื่องนั้นตอนนี้ก็ได้ แค่คิดว่าพ่อคุณเลือกคนที่ดีไปแล้วก็พอ”
“ชานยอล เกลียดผมไหมที่คิดแบบนี้”
“ไม่เลยเด็กดี ผมไม่เคยเกลียดคุณ”
“ฮึก”
“ผมรักคุณไม่ว่าคุณจะมองโลกแง่ร้ายแค่ไหน”
“…”
“และผมดีใจที่คุณเลือกผม”น้ำตาของผมไหลอาบแก้มทั้งสองข้างอีกครั้งเมื่อเขาพูดคำนั้นออกมา หัวใจของผมแลดูจะอบอุ่นขึ้นเยอะเมื่อชานยอลอยู่ตรงนี้ ร่างสูงจูบลงมาที่ริมฝีปากของผมเบาๆลูบหัวผมคล้ายกับปลอบประโลมให้น้ำตาหยุดไหล “เชื่อผมนะว่ามันจะไม่เป็นไร จงแดจะไม่ทำให้คุณรู้สึกขาดหายไปแน่นอน”
“ผมก็หวังแบบนั้น”
“ถ้าเขาทำไม่ดีต่อพ่อคุณ ผมจะตีเขาด้วยมือของผมเอง”
“คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นนะชานยอล เขาไม่ใช่ลูกของคุณ”
“แต่เขาเป็นหลานของผม ผมเลี้ยงเขามา”
“…”
“แต่ถ้าคุณขอ ผมก็จะไม่ทำ ผมจะเก็บแรงไว้ตีคุณคนเดียว ดีไหม”ร่างสูงยกยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผมก่อนจะยื่นมือมาบีบจมูกโด่งรั้นอย่างมันเขี้ยว ผมเลยยู่ปากใส่ที่จู่ๆเขาก็มาทำให้ผมเปลี่ยนอารมณ์ง่ายๆแบบนี้ “เอาล่ะเราเลิกคิดเรื่องคนอื่นไว้แค่นี้ แล้วโฟกัสที่เรื่องของเราดีกว่า”
“ให้โฟกัสอะไรอีกล่ะ ?”
“โฟกัสว่าผมจะไปขอคุณกับพ่อตาเมื่อไหร่ดี”
“อะ...”
“ตอนนี้เราคบกันแล้วนิ ผมคิดไว้สักพักแล้วล่ะว่าจะขอคุณหมั้นไว้ก่อนน่ะ”
LOADING 100 PER
เจิมรอจบปัญหา งานนี้ถึงเวลาทำใจให้ยอมรับกัน !
รอเยอะอัพไวนาจา ใครอยากอ่านรีบเจิมไวๆ ไม่นานเกินรอ !
ฝากติดตามด้วยน้า อย่าลืมเม้นน้า
1 เม้น 1 กำลังใจให้กำลังใจแบคฮยอน
เมื่อพูดถึงค่ำคืนของพวกเขา อย่าลืมติดแท็กในทวิต !
#ฟิคคืนของชานแบค
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ได้ทีแล้วเอาใหญ่เลยนะชานยอล
ความรักที่สวยงามเราก็อยากเก็บไว้ในใจ และยากที่จะมีอะไรมาแทน
ขอบคุณน้า