คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #69 : Top 10 Best Written Anime (สุดยอด 10 อมิเนชั่นที่ดีที่สุด)
สวัสดีครับ ผมกลับจากเชียงใหม่แล้วครับ ถามว่าผมได้อะไรจากเชียงใหม่ไหม คำตอบก็ไปซื้อการ์ตูน 2000 บาท(จบ) แต่ที่น่าสนใจคือผมไปคอมพิวเตอร์พลาซ่าหวังว่าจะซื้อ H ครูพละหื่นกามสักหน่อย(ในเน็ตโหลดไม่ได้) ปรากฏว่าเขาไม่ขายซีดีการ์ตูน(ไม่มีลิขสิทธิ์)แล้วอ่ะ
เซ็งเลย กลับมาแบบอารมณ์เซ็งๆ วันนี้เลยขอลงตอนไปก่อนน่ะครับ พรุ่งนี้จะมาร่ายยาว
การ์ตูนอมิเนชั่นญี่ปุ่นถือเป็นอุตสาหกรรมที่บูมมากในโลกตะวันตก ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีการ์ตูนที่ไปสร้างชื่อในโลกตะวันตกหลายเรื่อง เช่นเรื่อง Akira ในปลายศตวรรษที่ 870 ที่สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก ถึงขั้นเก็บซื้อไปบูชาจุดธูป 3 ดอก(ว่าไปนั้น) จากนั้นเป็นต้นมาอมิเนชั่นการ์ตูนญี่ปุ่นต่างหลั่งไหลไปโลกตะวันตกอย่างไม่ขาดสาย หลายเรื่องตอบรับเป็นอย่างดี และในขณะบางเรื่องก็ดับ หรือโดนแบน
สาเหตุสำคัญอุปสรรค์ที่ทำให้อมิเนชั่นการ์ตูนญี่ปุ่นที่จะไปเผยแพร่ไปยังโลกตะวันตกก็คือ โลกตะวันตกไม่เข้าใจเนื้อหาของการ์ตูนญี่ปุ่นที่แตกต่างจากการ์ตูนของพวกเขาอย่างชัดเจน การ์การ์ตูนตะวันตกส่วนใหญ่สร้างขึ้นสำหรับเด็ก ขณะที่การ์ตูนญี่ปุ่น มีกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่(ไซเนน, โชโจ) ทำให้บางประเทศเข้าใจผิดว่าการ์ตูนญี่ปุ่นคือสื่อที่ไม่ดี บางประเทศจึงมีการเซ็นเซอร์ เนื้อหาภาพยนตร์การ์ตูนญี่ปุ่น ที่นำเข้าไปฉายในประเทศของตน โดยใช้มาตรฐานเดียวกับภาพยนตร์สำหรับเด็ก ซึ่งนับเป็นความเข้าใจผิด เช่นในประเทศฝรั่งเศสเคยมีการเซ็นเซอร์ฉากผู้ใหญ่เมาเหล้า ในการ์ตูนเรื่อง Maison IkkokuZ(บ้านพักอลเวล) ซึ่งจริง ๆ แล้วการ์ตูนเรื่องนี้ผลิตขึ้นสำหรับกลุ่มวัยรุ่นอายุ 15 ถึง 25 ปี แต่ทางฝรั่งเศสนำมาฉายในช่วงรายการสำหรับเด็ก โดยเปลี่ยนให้ตัวการ์ตูนดื่มน้ำมะนาวแทนดื่มเหล้า ซึ่งทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า คนญี่ปุ่นเมาน้ำมะนาว!!
เอาเถอะๆ ถึงแม้จะผจญกับความมาตรการเข้มข้นของโลกตะวันตก แต่กระนั้นก็มีการ์ตูนอมิเนชั่นหลุดรอดจากตาเหยี่ยวจอมเซ็นเซอร์และไปโด่งดังบนโลกตะวันตกจนกลายเป็นการ์ตูนอมิเนชั่นที่ดีที่สุดตลอดกาล และนี้คือ 10 อันดับ อมิเนชั่นการ์ตูนญี่ปุ่นที่ดีและโด่งดังที่สุดในโลกตะวันตก ที่ดูแล้วเยี่ยม!! เพราะเต็มไปด้วยจินตนาการและความแปลกใหม่
ก่อนอื่นผมจะขอบอกอะไรก่อน 10 การ์ตูนที่ผมมาเล่าต่อไปนี้ ผมก็ไม่เคยดูสักเรื่อง(ฮ้าว) แต่เท่าที่เห็นรายชื่อก็ถือว่าการ์ตูนแต่ละเรื่องค่อนข้างโด่งดังพอสมควร และโด่งดังสุดๆ ในโลกตะวันตก บางเรื่องผมก็อยากจะดู(จนใจจะขาด) ในขณะที่บางเรื่องผมไม่อยากจะดูเสียเลย(พระเอกไม่น่ารัก) หลายคนคงสงสัยว่าทำไม่มีนารูโตะ โดเรมอน ดราก้อนบอล โอ...พี่ครับ นี้คือการจัดอันดับของโลกตะวันตกนะครับ ไม่ใช้ของเอเชีย
ส่วนสาเหตุที่การ์ตูนเหล่านี้ที่ไม่ดังในโลกตะวันตกก็เพราะว่า รสนิยมของคนดูในโลกตะวันตก ที่ฝรั่งเขาชอบพระเอกที่เข้มแข็ง ไม่อ่อนแอ และกล้ามเป็นมัดๆ พึ่งพาตัวเอง และเป็นผู้นำของประเทศทางแถบเอเชียไม่เหมือนตัวละครบุคลิกเหมือนโนบิตะในเรื่องโดเรมอนที่ไม่ยอมพัฒนาตัวเองเสียทีเป็นคนไม่เอาไหนอยู่วันค่ำ(แล้วทำไมดราก้อนไม่ติดว่ะ) นอกจากนั้นยังมีภูมิหลังต่างๆ มาประกอบการดูอีก เช่นภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมไม่เหมือนกัน
อันดับ 10 Azumanga Daioh การ์ตูนเรื่องนี้ผมกำลังหาดูหาอ่านอยู่ในชื่อไทย “โรงเรียนป่วนนักเรียนเป๋อ เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นมุกตลกจบใน 4 ช่อง ที่ในประเทศญี่ปุ่นได้ตีพิมพ์ในหนังสือการ์ตูนรายสัปดาห์ เด็งเงคิไดโอ โดยบริษัท Media Works ตีพิมพ์เมื่อ เดือนกุมภาพันธ์ 1999 ถึงเดือน พฤษภาคม 2002 ซึ่งยังมีการตีพิมพ์ฉบับรวมเล่ม รวมทั้งหมด 4 เล่ม และถูกนำไปทำอมิเนชั่นออกอากาศทางช่อง ทีวีโตเกียว ตั้งแต่ เดือนเมษายน ถึงเดือนกันยายน 2002 จนความนิยมทั้งญี่ปุ่น และไปโด่งดังในอเมริกา และด้วยความดังปัจจุบันผู้วาด ได้ปรับปรุงภาพในการ์ตูนอีกครั้ง โดยมีการเพิ่มหน้าพิเศษ และเปลี่ยนภาพประกอบใหม่กว่า 60% ของฉบับดั้งเดิม
Azumanga Daioh เป็นผลงานของ Kiyohiko Azuma เรื่องราวของเด็กสาวมัธยมปลายญี่ปุ่นที่ใช้ชีวิตแบบสังคมแบบกลุ่ม ที่แสนจะธรรมดา....ซะเมื่อไหร่ล่ะ.....เพราะแต่ละคนมีเอกลักษณ์ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น จิโยะจัง เป็นเด็กอายุสิบขวบที่มีความฉลาด, โอซาก้า นักเรียนหญิงที่เชื่องช้าและมักเหม่อลอยอยู่เสมอๆ , โทโมะ เป็นคนที่โผงผาง โหวกเหวกอยู่ตลอดเวลา, โยมิ สาวแว่น, ซากากิ สาวเงียบขรึมที่ซ่อนความน่ารักภายใน และตัวละครอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นนักเรียนหรืออาจารย์ ฯลฯ
ส่วนการ์ตูนเรื่องนี้ในสายตาโลกตะวันตก.....ก็อ่ะน่ะที่จริงมันก็เป็นสายตาของผมเนี้ยแหละ ตะวันตกที่ไหน ตรูมันคนไทย(อาจมีเชื้อลาวผสมหน่อย)นี้หว่าจะไปรู้จิตใจของคนตะวันตกได้อย่างไร แถมไม่มีเพื่อนเป็นคนตะวันตกอีก ก็เอาเถอะผมจะลองมาสมมุติละกันว่า หากการ์ตูนเรื่องนี้ไปให้คนตะวันตกดูเขาจะคิดอย่างไร และทำไมการ์ตูนเรื่องนี้ถึงได้ติดอันดับ
Azumanga Daioh ในโลกตะวันตกนั้นได้ยอมรับว่าเป็นการ์ตูน Schoolgirls ที่ดีที่สุด ความจริงคนตะวันตกค่อนข้างไม่สนใจเรื่องการใช้ชีวิตในโรงเรียนของคนญี่ปุ่นมากนัก เนื่องจากการเรียนของคนตะวันตกกับญี่ปุ่นนั้นแตกต่างกัน เท่าที่ผมสังเกตคนตะวันตกมักมองโรงเรียนญี่ปุ่นว่าค่อนข้างระเบียบน่ากลัวอึดอัด การเรียนคือทุกสิ่งทุกอย่างของวันข้างหน้า ทำให้นักเรียนญี่ปุ่นกลายเป็นคนซื่อตรงสุดโด่ง เคร่งเครียดอยู่กับเรื่องการเรียน และมีชีวิตอยู่ในกฎและข้อบังคับต่างๆ นาๆ ในขณะที่นักเรียนตะวันตกกลับตรงข้ามกับนักเรียนญี่ปุ่นโดยสิ้นเชิง แต่กระนั้นช่วงหลังๆ คนในโลกตะวันตกก็เริ่มอยากรู้เรื่องการเรียนของคนญี่ปุ่นสนใจมากขึ้น สาเหตุเนื่องมาจากการพัฒนาแบบก้าวกระโดดของญี่ปุ่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
การ์ตูนจึงเป็นสื่ออย่างดีที่ทำให้คนโลกตะวันตกได้รู้ว่าชีวิตเด็กนักเรียนญี่ปุ่นนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งการ์ตูนเรื่อง Azumanga Daioh ถือได้ว่าสามารถตอบโจทย์ชีวิตในรั้วโรงเรียนคนญี่ปุ่นที่คนตะวันตกอยากรู้หลายข้อ และอาจเปลี่ยนทัศนคติหลายข้อด้วยว่า ท่ามกลางความเคร่งครัดกฎระเบียบของโรงเรียนญี่ปุ่นนั้น บางครั้งก็ไม่เคร่งไปเสียทีเดียว เพราะภาพที่สื่อในการ์ตูนเรื่องนี้นั้น เต็มไปด้วยมิตรภาพ การพัฒนาด้านจิตใจและการใช้ชีวิตประจำวันของตัวละครในเรื่อง โดยใช้เหตุการณ์ที่อิงกับเวลาและกิจกรรมของโรงเรียน มาใช้ในการดำเนินเนื้อเรื่อง ช่วงกำลังเรียน ช่วงพัก ช่วงเลิกเรียน ช่วงปิดเทอม ไปจนถึง วันปีใหม่ เทศกาล'งานประเพณี ปิดเทอมฤดูร้อน ทะเล ทัศนศึกษา หน้าฝน กีฬาสี ฯลฯ ไล่ไปจนสิ้นปีการศึกษา ความสัมพันธ์ของนักเรียนและคุณครู ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขันที่ไม่สาระเสมอไป เพราะมุกส่วนใหญ่มาจากชีวิตประจำวันที่เห็นได้ทั่วไป และการนำมาใช้ที่เหมาะแก่สถานการณ์ จนทำให้หลายคนอ่านแล้วสามารถคิดใหม่ว่า ท่ามกลางความเคร่งเครียดในการศึกษาเล่าเรียนนั้นบางครั้งก็มีเรื่องชวนหัวเหมือนกัน พูดง่ายๆ การดำเนินเรื่องการ์ตูนแนวนี้ค่อนข้างพบเห็นทั่วไปในการ์ตูนญี่ปุ่น และด้วยความเรียบง่าย แฝงไปด้วยความอบอุ่น และชวนหัว บวกกับไม่มีฉากล่อแหลมทำให้ถูกคอคนอ่านชาวตะวันตกในที่สุด
ส่วนความคิดส่วนตัว Azumanga Daioh เป็นการ์ตูนอีกเรื่องที่ผมตามหาหนังสือการ์ตูนฉบับแปลไทย(แต่ไม่เจอ) ก็เลยหาดูในเน็ตเอา เพราะทุนเดิมก่อนดูการ์ตูนเรื่องนี้ผมชอบโยชิบะ(Yotsubato!) เด็กน้อยที่ร่าเริงสดใสอย่างมาก แต่น่าเสียดายมันเป็นของเนชั่นจอมดอง จนบัดนี้เล่มใหม่ก็ไม่มาสักที(ไม่รู้สำนักพิมพ์เจรจาภาษาอะไรของมันเนี้ย)
อันดับ 9 Fruits Basket เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นแนวรักใสๆ ซึ้งๆ ของที่แต่งโดย นาสึกิ ทากายะ(Natsuki Takaya.) ลงในนิตยสาร Hana to Yume, เผยแพร่โดย Hakusensha นอกจากนั้นยังถูกแปลในชื่อไทยว่า เสน่ห์สาวข้าวปั้น เป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์ คอมมิกส์ นอกจากนี้ยังถูกนำไปสร้างเป็นอมิเนชั่น 26 ตอนจบ ฉาย 1999-2006 และถูกแปลเป็นไทยโดยอามีโก้ และเคยฉายทางสถานีไอทีวี ในช่วงปี 2004-2005แต่ฉายไม่จบ
การ์ตูนเรื่องนี้โด่งดังในญี่ปุ่นมากครับ โดยเฉพาะตัวเอกฮอนดะ โทรุ เคยติดตัวละครหญิงยอมนิยมอันดับ 1 ประจำปีมาแล้ว ส่วนในไทยเรื่องนี้ก็ดังแบบเงียบๆ ส่วนชื่อเรื่องนั้น Fruits Basket มาจากคำว่า Furutubasuketto ซึ่งหมายถึงเกมส์ของเด็กที่นิยมเล่นเป็นกลุ่ม โดยผู้เล่นจะแบ่งออกเป็นกลุ่มเท่ากันและแต่ละคนจะมีชื่อผลไม้เรียกแต่ละกลุ่ม
Fruits Basket เป็นเรื่องราวของ เด็กสาวคนหนึ่งชื่อ ฮอนดะ โทรุ ที่กำพร้าเพราะสูญเสียแม่ผู้เป็นที่รักไปด้วยอุบัติเหตุทางรถ ทำให้เธอต้องมาอาศัยอยู่กับคุณปู่ที่เลี้ยงชีพด้วยเงินบำนาญ โทรุได้สัญญากับตัวเองว่าจะไม่เป็นภาระให้กับคุณปู่และจะหาเงินเรียนเอง คุณปู่คิดต่อเติมบ้านโดยช่วงเวลาที่ซ่อมนั้นได้ขอให้โทรุไปอยู่กับเพื่อนสักพัก แต่โทรุไม่อยากรบกวนใครจึงได้ไปตั้งเต็นท์ในป่าซึ่งเป็นพื้นที่ของตระกูลโซมะ โทรุได้เจอยูกิ และชิงูเระ แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้โทรุต้องมาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ และเคียวก็โผล่ออกมา แล้วความลับในตระกูลโซมะก็ถูกเปิดเผยด้วยอุบัติเหตุ เพราะสมาชิกทุกคนต้องคำสาป เมื่อถูกเพศตรงข้ามกอดจะกลายร่างเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งใน 12 นักษัตรจีน
โลกตะวันตกไม่สนเรื่องลายเส้น โมเอะ ตัวละครตาโตเท่าไข่ห่านหรอกนะครับ เขาดูที่พล็อต ดูการดำเนินเนื้อเรื่อง แน่นอนการ์ตูนเรื่องนี้ชุดเด่นคือตัวนางเอกโทรุ สุดยอดนางเอกน้ำใจงาม ที่เป็นห่วงมากกว่าตนเอง อีกทั้งยังสู้ชีวิตอย่างงดงาม ทั้งๆ ที่ประวัติชีวิตยิ่งกว่าโอชิน พ่อของโทรุเสียชีวิตเนื่องจากไม่สบายตั้งแต่โทรุยังเด็ก ส่วนแม่ของโทรุเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุตอนสมัยเธออยู่ ม.ต้น แต่กระนั้นโทรุก็ไม่โทษซะตา เธอยังคงเป็นคนใจดี ขยันขันแข็ง สู้ชีวิต อดทนเสมอ ด้วยความที่เธอเอาใจคนอื่นมาใส่ใจตนและพูดให้กำลังใจคนอื่นเก่ง เธอได้ช่วยเหลือคนในครอบครัวโซมะหลายคนให้พ้นจากความทุกข์ใจ และกลับมามีความมั่นใจในตัวเองอีกครั้งนี้แหละครับนางเอกที่โลกตะวันตกอยากจะเห็น กุลสตรีญี่ปุ่นที่แท้จริง
เรื่องนี้โด่งดังในโลกตะวันตกมากครับ ฉายในสเปน, ฝรั่งเศส แถมยอดขายชุดเช็ตการ์ตูนเรื่องนี้บวกกับสินค้าต่างๆ ก็สร้างเงินเป็นกอบเป็นกำอีกหนังสือขายได้ 18 ล้านเล่มในอเมริกา จนได้รับรางวัลหลายรางวัล มังงะยอดเยี่ยม และ อมิเนชั่นยอดเยี่ยม
เป็นการ์ตูนที่ผมติดตามระยะหนึ่ง แต่เสียดายตอนจบที่นางเอกเลือกเคียว(กริ๊ดๆๆ ไม่ยอม ทำไมเอายูกิอ่ะ) ส่งผลให้เสียงบ่นระงมนิดๆ ครับ(ไอ้นิดๆนี้คือผมเองแหละ) แบบว่าผมไม่อยากให้นางเอกแต่งงานมีลูกมีสามีง่ะ อยากให้คงเป็นบริสุทธิ์ผุดผ่อง เอาเถอะโดยรวมก็ชอบอยู่ดี
อันดับ 8 Samurai Champloo ซามูไรแซมพู ไม่รู้ทำไมถึงตั้งชื่อแบบนี้ บางทีอาจเป็นเพราะตัวละครในเรื่องบางตัวที่ปล่อยผมยาวใครเห็นแล้วอยากจะสระผมให้ไอ้หมอนี้เหลือเกิน....ล้อเล่นน่ะ ความจริงคำว่า Champloo เป็นภาษาญี่ปุ่นของคนท้องถิ่นโอกินาว่า แปลว่า การรวม,การผสม ต่างหาก
อมิเนชั่นกำกับโดยชินอิจิโร่ วาตานาเบ้ ที่เป็นผู้กำกับ Cowboy Bebop มี 26 ตอนจบ 2004-2005 นอกจากนี้ยังมีมังงะ Shinichiro Watanabe (เรื่อง) และ Masaru Gotsubo (ภาพ) มี 2 เล่มจบ
เนื้อหาของเรื่องกล่าวถึงตัวละครเอกแค่สามตัว คนแรกคือมุเก็น(Mugen) ซามูไรพเนจรที่แหวกประเพณีซามูไรทั้งปวงทั้งเถื่อนทั้งหยาบคาย เขาสะพานดาบญี่ปุ่นอยู่บนหลัง(ความจริงรัฐบาลสมัยนั้นเขาสั่งห้ามไม่ให้ทำแบบนั้น) แต่โครตเก่งด้วยลีลาการต่อสู้เหมือนการเต้นฮิปฮอป และคนที่สองคือจิน(Jin)ซามูไรพเนจรแต่ยังคงลักษณะอัตภาพอย่างซามูไร คือสุภาพ เงียบขรึม พูดน้อย(แต่หลังๆ หลุดฮ่าก็เป็นเหมือนกัน)เขาสวนแว่นตา(ถือว่าเป็นของหายากในยุคเอโดะเพราะว่าแว่นตานั้นเป็นสินค้าของชาวดัตซ์) แต่ฝีมือดาบเก่งกาจไม่เป็นรองมุเก็นเลย ที่ทั้งสองต้องจำใจเดินทางกับคนที่สามคือฟู(Fuu)สาวน้อยอายุประมาณ 15 ปี ผู้น่ารักร่าเริงที่มักส่งเสียงฟูๆ เสมอเวลาไม่พอใจอะไร จุดประสงค์การเดินเพื่อตามหาซามูไรที่มีกลิ่นดอกทานตะวัน และแล้วการเดินทางที่แสนไกลของตัวละครสามตัวที่ไม่รู้จักกันมากก่อนในยุคสมัยซามูไรครองเมืองจึงเริ่มต้นขึ้น และด้วยเนื้อหาสนุกสนาน ปนดราม่า ส่งผลให้เรื่องนี้ติดอันดับต้นๆ อมิเนชั่นที่ดีที่สุดในโลกตะวันตกโดยไม่ยากแม้การ์ตูนเรื่องนี้จะมีเนื้อหาจะรุนแรง (ในอเมริกาได้เรท MA ) แต่สำหรับโลกตะวันตกแล้วการ์ตูนเรื่องนี้ถือว่าเป็นของดีที่มีความเป็นสากลเลยทีเดียว ฉายในอเมริกาในปี 2005 แต่กระนั้นก็มีการแก้ไขภาพและตัดเสียงเอฟเฟ็คอื่นๆ ออก เช่นฉากเลือด ฉากเปลือย แต่กระนั้นก็ยังโด่งดังข้ามไปแคนาดาในปี 2006, อังกฤษ, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, โปแลนด์, เม็กซิโก โปรตุเกส, สเปน, เยอรมัน เรียกได้ว่าเป็นอมิเนชั่นที่โด่งดังจริงๆ
สาเหตุอย่างหนึ่งที่โลกตะวันตกชอบการ์ตูนเรื่องนี้มากๆ เพราะว่าพวกเขาชอบลัทธิบูชิโดครับ
ชาวโลกนี้รู้ซึ้งดีถึงหลักบูชิโดจากเหตุสงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่างพวกพันธมิตรรบกับญี่ปุ่นแล้วพบว่าทหารญี่ปุ่นนั้นไม่กลัวตายเสียเลย แม้พวกเขาจะมีกำลังทรัพย์และอาวุธด้อยกว่า แต่พวกเขาก็สู้จนหยดสุดท้าย หรือจะเป็นเหตุการณ์มวยสากลที่ต่อยชิงแชมป์กับนักมวยญี่ปุ่นทั้งๆ ที่ฝีมือเป็นลวงพวกเขาก็ไม่ยอมแพ้กัดฟันสู้จนจบยกแม้จะรู้ว่าตนเองจะเป็นฝ่ายแพ้ก็ตาม นี้แหละคือบูชิโด
ผมดูการ์ตูนเรื่องนี้สนุกมากๆ ขนาดเป็นหวัดแต่ก็ดูไป 10 กว่าตอน สมกับคำว่า Champloo จริงๆ เพราะมันผสมยำไปเกือบหมด อะไรที่มันมีก็นำมาใส่หมดให้สุดๆ เช่น ฉากต่อสู้มันแบบสุดๆ ฮ่าก็ฮ่าสุดๆ (โดยเฉพาะมุเก็นที่มักโดนผู้หญิงหลอกอยู่บ่อยๆ แถมมุกชาวบ้านเล่นแร็ฟโครตกวนจริงๆ) ดราม่าก็ดราม่าสุดๆ เถื่อนก็เถื่อนสุดๆ ย ภาพที่ทำออกมาก็สวยงาม มีศิลปะ เพลงประกอบใช้เพลงฮิปฮอป(นอกจากนี้ยังมีเพลงจำพวก break dancing, turntablism, slang,graffiti.) ทั้งหมดเพลงแห่งความอิสระและข้างถนนมาผสมกับยุคโบราณได้อย่างลงตัว
จุดเด่นของการ์ตูนเรื่องนี้คือการดำเนินเรื่องที่แยกกันสามทาง ตัวละครสามตัวแยกเล่นในแต่ละฉาก โดยสุดท้ายทางเดินของทั้งสามก็บังเอิญมาบรรจบกันเพื่อเป็นฉากจบตอนอันงดงาม
Samurai Champloo เป็นการ์ตูนที่ดีมากๆ เผยจิตใจดำมืดของมนุษย์ครบถ้วน ความหวาดกลัว ทรยศ หักหลัง หวาดระแวง ความรัก ทะเยอทะยาน โดยมีฉากหลังในยุคมืดสมัยโบราณของญี่ปุ่น สมัยโตกุกาว่า แสดงให้เห็นว่าไม่ว่ายุคสมัยจิตใจของมนุษย์ก็ไม่ดีขึ้นเลย ท่ามกลางยุคที่ไม่มีสงคราม กลับมีสิ่งที่ด้านลบซ่อนอยู่ในภายใน ไม่ว่าจะเป็น ยากูซ่าครองเมือง, โสเภณี, โจรสลัด, ฝิ่น, การใช้อำนาจบาตรใหญ่, อิทธิพลมืด ฯลฯ
สิ่งที่ผสมอีกอย่างคือการผสมเหตุการณ์ประวัติในสมัยเอโดะลงไปด้วย เช่น Shimabara Rebellion(กบฏคริสเตียน), Dutch exclusivity(พวกชาวดัสต์บังคับให้ญี่ปุ่นเปิดประเทศ) แถมบางตอนก็เอาบุคคลในประวัติศาสตร์มาเล่นด้วย เช่น มุซาชิ มิยาโมโตะ(Miyamoto Musashi)
ในความคิดเห็นของผม เราได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่าง มุเก็นกับจินที่ไม่ลงรอยกันอย่างรุนแรง ทั้งนี้เป็นเพราะมุเก็นที่เป็นตัวแทนของความอิสระไม่ยึดหลักประเพณีของบูชิโดมากจนเกินไป(มุเก็น มีความหมายว่า แท้จริง ไม่จำกัด) กับจินผู้ยึดหลักประเพณีบูชิโดครบถ้วน(คำว่าจินมีความหมายว่า พระคุณและเมตตา) ที่ตอนแรกทั้งสองจะฆ่าจะแกงด้วยซ้ำ หากแต่มีฟู(ตัวแทนของมิตรไมตรี การเจรจาโดยไม่ใช้กำลัง)ที่ต้องเป็นกาวใจให้ทั้งสองต้องติดตามเธอ
ความจริงทั้งมุเก็นกับจินไม่จำเป็นต้องทำตามฟูก็ได้ ใครจะบ้าที่จะช่วยผู้หญิงที่ไม่รู้จักกันเลยสักนิด ตามหาของที่ยากเหมือนงมเข็มมหาสมุทรที่เต็มไปด้วยปลาฉลามรอเขมือบล่ะ แถมไม่รู้ว่าตามหาไปเพื่ออะไรอีก แต่กระนั้นทั้งมุเก็นและจินจำเป็นต้องทำ เพราะสิ่งที่ทั้งสองเหมือนกันคือการยึดมั่นในหลักคุณธรรมในเรื่องการยึดมั่นสัญญา ในเมื่อสัญญาไปแล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุด
ที่สำคัญ ฟู น่ารักจริงๆ
อันดับ 7 Full Metal Alchemist แน่นอนในบรรดาการ์ตูนญี่ปุ่นที่ไปโด่งดังในโลกตะวันตกก็ต้องมีเรื่องนี้แน่นอน กับแขนกล คนแปรธาตุ(ภาค 1) เป็น การ์ตูนเขียนโดย ฮิโรมุ อาราคาวะ แปลและตีพิมพ์เป็นภาคภาษาไทยโดยสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมิกส์ ได้มีการทำเป็นแอนิเมชัน ฉายทางทีวี 51 ตอนจบ ลิขสิทธิ์ VCD และ DVD ภาคภาษาไทย โดยบริษัท TIGA
ส่วนเนื้อหาก็รู้ๆ กันอยู่ กล่าวถึงตัวเอกพี่น้องสองคนคือ เอ็ดเวิร์ด และอัลฟองเซ (อัลฟอนซ์) สองพี่น้องตระกูลเอลริค เป็นเด็กอัจฉริยะนักเล่นแปรธาตุที่ต้องสูญเสียแม่ที่รักไปอย่างกะทันหันด้วยโรคระบาด ทำให้ทั้งคู่หาวิธีชุปชีวิตแม่ โดยทั้งคู่ไปฝึกฝนวิชาต่างๆ เกี่ยวกับเล่นแร่แปรธาตุหลายแขนง จนกระทั้งพบวิชาต้องห้ามคือ “ชุบชีวิตมนุษย์” ที่ในหนังสือเตือนนักเตือนหนาว่าอย่าทำ มันผิดกฎธรรมชาติ แต่สองพี่น้องเอลริคไม่สนคำเตือนนั้น และผลจากการชุปชีวิตแม่นั้นปรากฏว่าล้มเหลว เอ็ดเสียขาซ้ายและแขนขวา(เอ็ดสละแขนขวา เพื่อแลกกับการผนึกวิญญาณของน้องชายไว้ในชุดเกราะ) อัลฟอนส์สูญเสียร่างกาย และสิ่งที่ได้จากการคืนชีพนั้น ไม่ใช่แม่ของเอ็ด แต่เป็นสิ่งมีชีวิตรูปร่างแปลกประหลาด
เมื่อการชุปชีวิตมนุษย์ล้มเหลว ทั้งคู่เลยมีเป้าหมายคือต้องการร่างกายเดิมของตนกลับคืนมา โดยการตามหาหินนักปราชญ์ของวิเศษในตำนาน เอ็ดเลยตัดสินใจสมัครเป็น นักเล่นแร่แปรธาตุแห่งราชอาณาจักร เพื่อจะสามารถหาข้อมูลวิจัยเกี่ยวกับ “ศิลานักปราชญ์”จากนั้นสองพี่น้องตระกูลเอลริค ก็ออกเดินทางไปยังเมืองต่างๆ
ในส่วนอมิเนชั่น แม้ฉากจบจะห่วยในสายตาผม แต่มันโด่งดังในโลกตะวันตกมากๆ โด่งดังในอเมริกา เนื่องจากพล็อตค่อนข้างแปลกใหม่ ผสมเรื่องความโหดร้ายของสงครามและการสังหารหมู่ การต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจ นอกจากนี้ยังผสมเรื่องเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ลงไปเล็กน้อย
ส่วนตัวสำหรับผมแล้วชอบภาค 1 (ยกเว้นตอนจบ)มากกว่าครับ แม้ว่า Full Metal Alchemist ภาค 2 จะทำมาใหม่ แต่เนื่องจากผมชอบราธ(อมิเนชั่น)คนเก่ามากกว่าเลยไม่ได้ดู
อันดับ 6 Akira อากิระ คนไม่ใช่คน ภาพยนตร์อมิเนชั่นที่ฉายในปี 1988 สร้างจากมังงะของคัตสึฮิโร โอโตโมะ ที่ตีพิมพ์ระหว่าง 1982-1990 โดยสำนักพิมพ์โคดันฉะ ส่วนหนังกำกับโดย Katsuhiro otomo เป็นการ์ตูนที่หลายฝ่ายยกย่องว่าเป็นอมิเนชั่นไซไฟที่ดีที่สุด ด้วยเนื้อหาที่แปลกใหม่และทันสมัย
โดยของการ์ตูนเรื่องนี้มีฉากหลังเป็นกรุงโตเกียวหลังสงครามโลกครั้งที่ 3 ถูกทำลายโดยระเบิดนิวเคลียร์ จนบ้านเมืองหลังทลาย สังคมบ้านเมืองไม่สงบสุข เพราะมีทั้งก่อการร้าย, แก๊ง, ความรุนแรง
จากนั้นเนื้อหาการ์ตูนก็จบมาอยู่ที่ ณ เกาะจำลองแห่งหนึ่ง ม กลุ่มเด็กวัยรุ่นที่ชอบซิ่งมอเตอร์ไซด์ป่วนเมืองกลุ่มหนึ่งที่นำโดย คาเนดะ และ เท็ตซึโอะ เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไปที่ชอบป่วนเมืองและต้องถูกจับแล้วปล่อยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจบ่อย ๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง เท็ตซึโอะ ถูกองค์กรลับแห่งหนึ่งจับตัวไป และเข้าสู่โครงการลึกลับที่ชื่อ 'อากิระ' ทางด้านคาเนดะก็เริ่มเป็นห่วงเพื่อน เขาจึงออกตามหาโดยร่วมกับกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล, นักการเมืองผู้โสมม, นักวิทยาศาสตร์ไร้จรรยา และผู้นำของฝ่ายกองทัพ จนกระทั้งเขาพบ เท็ตซึโอะ ที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะเขามีมีพลังเหนือมนุษย์และไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จนเกิดเหตุวิบัติไปทั้งเมือง และผู้ที่จะหยุดยั้งเท็ตซึโอะได้ก็คือ คาเนดะ นั่นเอง
อากิระ นับได้ว่าเป็นภาพยนตร์การ์ตูนระดับใหญ่เรื่องแรก ๆ ของญี่ปุ่น เมื่อออกฉายได้สร้างความฮือฮา ความนิยมและกระแสไปทั่วทั้งประเทศ และยังได้สร้างปรากฏการณ์เช่นนี้ในต่างประเทศที่เข้าฉายด้วยจนถึงปัจจุบัน จนกลายเป็นการ์ตูนคลาสสิกของวงการภาพยนตร์ญี่ปุ่น และเป็นแม่แบบของภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์ในโลกอนาคตอีกหลายเรื่อง เช่น Ghost in The Shell เป็นต้น
เรื่องนี้แหละครับผมกะว่าจะไปซื้อที่คอมพิวเตอร์พลาซ่าที่เชียงใหม่ ปรากฏว่ามันไม่มีขาย(แผงขายซีดีการ์ตูนก็อปหายไปไหนอ่ะ!) เลยมาดูในเน็ตครับ ตอนแรกเห็นหน้าตัวละครไม่น่ารักนี้มองแง่ลบทันทีเลยครับ สีก็เก่าจริงๆ ก็การ์ตูนยุค 19 นี้น่า แต่พอดูแล้ว โอ้ว้าว!! ปรากฏว่า โอ้โห!! สุดยอด ไม่เชื่อลยว่าเป้นอมิเนชั่นไซไฟสมัยเก่า ภาพสวยจริงๆ ครับ อารมณ์โลกหลังสงครามที่แสนจะเสื่อมโทรม สีหน้าตัวละครก็มีเอกลักษณ์ เนื้อหาเข้มข้น ไม่เชื่อเลยว่าเป็นการ์ตูนไซไฟเรื่องแรกเลย
อันดับ 5 Lupin III:The Castle of Cagliostro คุณเคยเห็นการ์ตูนเรื่องนี้ไหม? ถ้าไม่เคย แสดงว่าคุณไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้การ์ตูนญี่ปุ่นตัวจริง คุณเป็นเพียงคนรักการ์ตูนธรรมดาเท่านั้น(รวมทั้งผมด้วย) เพราะการ์ตูนเรื่องนี้เป็นอภิมหาอมตะที่ชาวญี่ปุ่นรู้จักกันดี และไม่เคยลืมเลือน ยิ่งกว่าอากิระเสียอีก
ลูแปงที่ 3 เป็นการ์ตูนที่โด่งดังในญี่ปุ่นดัดแปลงจากหนังสือการ์ตูนของ มังกี้พันช์ สร้างเป็นหนังทีวี 3 ชุด หนังโรง 5 เรื่อง สำหรับเรื่อง The Castle of Cagliostro หรือชื่อไทย จอมโจรลูแปงที่ 3 ตอนปราสาทของคาริออสโตร เป็นภาพยนตร์การ์ตูนในปี ค.ศ. 1979 ที่กำกับโดยเทพ ฮายาโอะ มิยาซากิ(Miyazaki Hayao )
เนื้อหาของการ์ตูนกล่าวถึง เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่กล่าวถึง "จอมโจรลูแปงเป็นเรื่องของ จอมโจรหนุ่มนาม ลูแปงที่ 3 ผู้ซึ่งเป็นหลานของอาร์แซน ลูแปง ซึ่งเขายึดอาชีพเป็นโจรเช่นเดียวกับปู่ พร้อมด้วยพองเพื่อนคือ มือปืนจิเก็น และ นักดาบโกเอมอน ที่ต้องร่วมมือกันตามหา(และขโมย)สมบัติทั่วโลก โดยมีสารวัตจอมป่วนไล่ล่า(แต่จับไม่ได้สักที)
Lupin III:The Castle of Cagliostro ซึ่งถูกยกย่องว่า เป็นการ์ตูนลูแปงที่ยอดเยี่ยมที่สุด ได้รับการโหวตให้ภาพยนต์การืตูนที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์โดยผู้อ่านนิตยสาร Animage (อยู่ในตำแหน่งนี้จนกระทั่ง Nausicaa ออกฉาย) ตัวละครหญิง"คลาริส"ก็ได้รับการโหวตเป็น"The favorite heroine"
ส่วนตัวผมแล้ว เรื่องนี้ผมไม่คิดจะดูนะ ไม่ใช่ว่าไม่ชอบอะไรหรอก มันหาดูไม่ได้เนี้ยสิ เลยไม่รู้จะวิจารณ์อะไรดี(ปล. ไปอ่านวีกีพีเดียอังกฤษมาแล้ว เห็นว่ามันยาว เกี่ยวอะไรกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย เลยขอบาย กลัวเขียนผิดเพราะยังไม่ได้ดูอ่ะนะ)
อันดับ 4 Neon Genesis Evangelion หรือชื่อไทยคืออีวานเกเลียน มหาสงครามวันพิพากษา เป็นการ์ตูนอมิเนชั่นที่ฉายทางสถานีโทรทัศน์ สร้างโดยสตูดิโอไกแน็กซ์ (Gainax) เขียนบทและกำกับโดย ฮิเดอากิ อันโน ( Anno Hideaki ) และร่วมผลิตโดยทีวีโตเกียว และ Nihon Ad Systems เริ่มฉายในเดือนตุลาคม 1995
Neon Genesis Evangelion เป็นการ์ตูนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ทั้งในด้านความนิยม ด้านการค้า นอกจากนี้ ยังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์และมีอิทธิพลอย่างมากต่อวงการอมิเนชั่น และสังคมญี่ปุ่นในสมัยนั้น นอกจากนั้นยังโด่งดังในโลกตะวันตก สินค้าและสื่อต่างๆ เกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องนี้ขายดีเป็นท่าน้ำเทท่า(ขนาดไทยเรายังมีนิตยสารการ์ตูนเรื่องนี้โดยเฉพาะเลยครับคิดดู) จึงไม่น่าแปลกอะไรที่การ์ตูนเรื่องนี้ได้รับรางวัลใหญ่หลายรางวัล จนได้รับการยอมรับในหลายๆ แห่งว่า เป็นหนึ่งในการ์ตูนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล (one of the greatest anime of all time) และถือได้ว่าเป็นเรื่องที่เยี่ยมยอดที่สุดและกลายเป็นบรรทัดฐานของการ์ตูนดราม่าหุ่นยนต์สมัยใหม่ ที่ยิ่งใหญ่เทียบเท่ากัมดั้มเลยทีเดียว
ส่วนเนื้อเรื่องการ์ตูนเรื่องนี้จบเอาโลกอนาคต(ที่ค่อนข้างเหมือนยุคปัจจุบันที่ตัวเอกชื่ออิคาริ ชินจิ เด็กธรรมดาที่ไม่มั่นใจในตนเองที่ถูกคัดเลือกพร้อมกับคนที่ถูกคัดเลือกคนอื่นไม่ว่าจะเป็นสาวเงียบอายานามิ เรย์(เงียบจนไม่มีบทเลยในช่วงหลังๆ), สาวแกร่งอาสึกะ เรย์,ให้ขับหุ่นอีวาต่อกรกับพวกสาวกที่ถูกส่งมาก่อกวนบนโลก
การ์ตูนเรื่องนี้โด่งดังในโลกตะวันตกอย่างมาก ด้วยเนื้อเรื่องที่ตีความได้หลายความหมาย ไม่ว่าจะเป็นการหยิบยกสัญลักษณ์ทางศาสนา หลักการต่างๆ ทั้งทางชีววิทยา การทหาร ศาสนา จิตวิทยา การ์ตูนดังในอดีต และเรื่องเล่า มาเป็นแนวทางการดำเนินเรื่อง ผสมกับจิตวิทยาจิตวิเคราะห์ของตัวละครในสมัยเด็ก (psychoanalysis) ว่าทำไมตัวละครหลักของเรื่องจึงมีนิสัยและการกระทำเช่นนั้น ซึ่งได้แสดงว่าตัวละครนั้นๆ มีปัญหาทางด้านอารมณ์มาแต่เด็ก จนเกิดอาการป่วยทางจิตของตัวละครแต่ละคนในที่สุด
อันดับ 3 Flcl หรือ Fooly Cooly เป็นการ์ตูนตลกไซไฟที่แปลกดีเพราะว่ามันไม่เข้าไทยหรือมีซับไทยเลย ทั้งๆ ที่เนื้อหาที่แปลกใหม่และความฮิตของมันนั้นยอดเยี่ยมมาก
Flcl เป็นภาพยนตร์การ์ตูน 6 ตอนจบกำกับโดย Kazuya Tsurumaki จากการ์ตูนของ Hajime Ueda มี2 เล่มจบ ถูกนำไปสร้างไลท์โนเวล 3 เล่มจบ
จุดเด่นการ์ตูนของ Yoji Enokido ค่อนข้างเป็นงานดิบๆ ลายเส้นวาดง่ายๆ ทำให้ภาพออกมาค่องข้างหม่องเมินมืดมนโล่งๆ จนดูยังไงก็ไม่น่าเชื่อว่าเป็นการ์ตูนตลก แต่ตัวละครออกมาน่ารักน่ายิก ตัวเอกมักมีนิสัยเหม่อลอยและเหมือนเป็นเด็กชายธรรมดามากกว่าจากเป็นฮีโร่กล้ามใหญ่ และไม่ค่อยแสดงสีหน้าเท่าใดนัก รอบๆ ตัวพระเอกมักมีสิ่งเหนือจิตนาการเกิดขึ้นเสมอ
ไหมคนวาดการ์ตูนเรื่องนี้มีส่วนรวมในการสร้างอมิเนชั่นน้องปู(Bakemonogatari (TV) )และเรื่อง Natsu no Arashi! Akinai-ch (TV) ด้วย
นอกเหนือจากภาพในมังงะจะเป็นภาพหยาบๆ แล้ว จุดเด่นของคนเขียนคนนี้ก็คือ เนื้อหาโครต งง มาก(ได้ไม่ งง เท่าเลน) เพราะว่าการ์ตูนของคนเขียนนี้ไม่มีอารัมบทหรือเล่าเรื่องราวและเหตุผลแต่อย่างใด ทำให้เราต้องเดาเนื้อหาเอาเองว่าเกี่ยวกับอะไร ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เช่นการ์ตูนเรื่อง Q-ko-chan (manga) ที่มีการแปลไทย คนเขียนไม่บอกเลยว่าโลกที่ตัวเอกอยู่เป็นโลกอะไรทำไมถึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ตัวละครต่างๆ มีหน้าที่บทบาทอะไร ทำให้เราต้องนั่งเดาเองเอง ว่าโลกของการ์ตูนเรื่องนี้เป็นโลกที่เสื่อมโทรม มีสงครามกลางเมือง และมีมนุษย์ต่างดาวและหุ่นยนต์ เป็นต้น
Flcl มีเนื้อหาเหมือน Q-ko-chan(แต่ Flcl เขียนก่อน) เป็นเรื่องราวในโลกแห่งหนึ่งที่ดูเหมือนอนาคตก็ไม่เชิงนัก พระเอกเป็นเด็กชายคนหนึ่งชื่อนาโอตะที่ดูเหมือนเก็บกดอะไรสักอย่างกำลังจูจี๋กับเด็กสาวคนหนึ่งที่ดูเหมือนอายุมากกว่าเขาชื่อมามิมิ จู่ๆ เขาก็โดนฮารุโกะเจ๊สาวลึกลับแต่งตัวเชยๆ ในยุค 90 ผมสีชมพู ตาเหลื่อง(เจ๊บอกว่าเป็นสาวต่างดาว) ขี่เวสป้าชนพระเอกจนสลบ จากนั้นก็จูบเขาให้ตื่น และก็เอากีตาร์เบสฟาดใส่หน้าผาก โดยไม่มีเหตุผล แล้วจู่ๆ หุ่นยนต์ที่มีหัวเหมือนจอทีวีสี 24 นิ้ว ออกมาจากหน้าผากของเขา แล้วหุ่นยนต์ก็ต่อสู้เหล่าหุ่นยนต์ตัวร้ายที่เข้ามาทำร้ายพระเอก และต่อมาทั้งเจ๊และหุ่นก็มาอาศัยในบ้านพระเอกซะเลย และเรื่องวุ่นวายก็ตามมาออกมากมาย..........
การ์ตูนเรื่องนี้ค่อนข้างตีความยากมากครับ(แต่ไม่ยากเท่า เลน) เนื้อหาออกจะแปลกๆ หน่อย สำหรับใครที่จุดประสงค์ดูเพื่อเอาสนุกเอามันก็ทำใจนิด(แต่เนื้อหาตลกครับไม่เครียด) ผมไปดูมาแล้ว(ดันพากษ์อังกฤษซับอังกฤษต้องเดาเนื้อหาเอาเอง) พูดง่ายๆ คือการ์ตูนปรัชญาเลยแหละ ตีความได้ว่าพระเอกที่เป็นเด็กชายนั้นเปรียบเสมือนคนญี่ปุ่นที่มีสภาวะเก็บกดที่เหมือนคนเบื่อโลก แต่ในจิตใจลึกๆ เขาก็เพียงเป็นเด็กธรรมดาที่อยากรู้อยากเห็น อยากเป็นผู้ใหญ่ มีฮีโร่อยู่ในจินตนาการของเขา และเมื่อเขาเจอเจ๊สาวจากดาวดวงไหนก็ไม่รู้ฟาดกบาลเปรี้ยงจิตนาการก็ออกมาโลดแล่นเสมือนแรงขับดันอารมณ์ทางเพศของเด็กชาย(เจ๊สาวก็เปรียบเหมือนความอิสระไม่ยึดติดกับกฎระเบียบ) ส่วนการต่อสู้กับหุ่นยนต์ก็เปรียบเสมือนการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ของเด็กชายนั้นเอง
ส่วนหุ่นยนต์หรือฮีโร่ของนาโอตะนั้นเปรียบเสมือนพี่ชายของนาโอตะ(ที่ทั้งเรื่องไม่ปรากฏให้เห็นพี่ชายของนาโอตะเลย)นั ซึ่งนาโอตะค่อนข้างจะมีปมด้อยที่เขาเห็นพี่ชายของเขาเก่งกว่าตนเสมอ อีกทั้งมามิมิที่หลงรักเขาความจริงแล้วไม่ได้หลงรักเขาแบบบริสุทธิ์ใจ หากแต่เธอเปรียบเขาเป็นตัวแทนของพี่ชายที่เธอชื่นชอบมากกว่า
Flcl เป็นการ์ตูนที่ติดตามติดใจผมจริงๆ ครับ ผมชอบฉาก(มังงะ)ฮารุโกะขี่เว็บป้าเอากีตาร์ฟาดกบาลพระเอกจังเป็นภาพติดตาติดใจผมสมัยอยู่ประถมมาก ส่วนอมิเนชั่นก็นำเสนอแปลกจริงๆ เพราะว่ามีฉากที่เป็นภาพมังงะแทรกด้วย(แต่คนเขียนคนละคนกับมังงะต้นฉบับนะครับ)ดำเนินเรื่องก็ก็สนุกมากๆ(แต่ผมอ่านไม่ออกเลยดูแค่หนึ่งตอน) และค่อนข้างแตกต่างจากมังงะพอสมควรร เพราะอมิเนชั่นจะฮ่าสดใสคลายเครียดกว่า ส่วนมังงะค่อนข้างมืดมน ที่อเมริกาการ์ตูนเรื่องนี้ถูกฉายไปหลายครั้ง โดยปรับปรุงบทสนทนาให้เข้าใจง่ายขึ้น
อันดับ 2 Porco Rosso หรือชื่อไทย พอร์โค รอสโซ สลัดอากาศ ครั้งแรก เป็นมังงะ ก่อนที่จะถุกสร้างเป็นภาพยนตร์การ์ตูนญี่ปุ่นของสตูดิโอจิบลิ เขียนบทและกำกับโดยเทพฮายาโอะ มิยาซากิ ออกฉายเมื่อปี ค.ศ. 1992 ในบรรดาภาพยนตร์แอนิเมชันของ มิยาซากิ ฮายาโอะ ทั้งหมด ผลงานเรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่เป็น "ส่วนตัว" ที่สุดที่รวบรวมสิ่งที่ชอบของผู้กำกับมาไว้ในเรื่องเดียวกันคือ หมู, เครื่องบิน และผู้หญิง มานำเสนอเป็นการ์ตูนในบรรยากาศของหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยมีแนวคิดคือการมองโลกในแง่ร้าย
เนื้อหาของเรื่อง Porco Rosso จะแตกต่างจากมังงะเล็กน้อย กล่าวถึงโลกคู่ขนานโลกหนึ่งที่อยู่ในยุคสิ้นสุดหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ตัวเอกชาวอิตาลีชื่อ มาร์โค พาก็อต นักบินที่เคยมีประวัติเป็นวีรบุรุษในสงคราม0ที่สาปตัวเองให้มีหน้าตาเป็นหมูอันเนื่องมาจากการสูญเสียศรัทธาในความเป็นมนุษย์ไป หลังสงครามมาร์โคผันตนเองเป็นนักล่าเงินรางวัลที่ขี่เครื่องบิน Savoia S.21 สีแดงซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม พอร์โค รอสโซ หรือ "ไอ้หมูสีแดง" คอยฟังความช่วยเหลือจากเรือผู้โดยสารที่ถูกก่อกวนด้วยโจรสลัด ที่เขามักต่อรองเงินรางวัลก่อนออกไปช่วยเหลือ มาร์โค พาก็อต ค่อนข้างเป็นคนที่จริงจังกับชีวิตและเงียบขรึมมองโลกแง่ร้ายตลอดเวลาจนกระทั้งเขารู้จักเด็กสาวคนหนึ่งที่มีอายุต่างวัย ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มก่อตัวขึ้นจนเขาเริ่มศรัทธาการเป็นมนุษย์ท่ามกลางระบบฟาสซิสต์และสงครามครั้งใหม่กำลังคืบคลานใกล้เข้ามา.....
ในตอนแรกๆ การ์ตูนเรื่องนี้ไม่ค่อยดีในเรื่องกระแสตอบรับและรายได้มากนัก นักวิจารณ์บอกว่าอันเนื่องจากผู้กำกับฮายาโอะใส่ความเป็นส่วนตัวของเขาลงมากเกินไปจนคนชมที่เป็นเด็กไม่ค่อยชอบ แต่กระนั้นในเวลาต่อมาหลายคนเริ่มเห็นความสำคัญในการ์ตูนเรื่องนี้เนื่องด้วยมีเนื้อหาการค้นหาตัวเอง การต่อต้านสงคราม และระบบลัทธิฟาสซิสต์ที่รุ่งเรื่องในอิตาลี ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้ไปโด่งดังในต่างประเทศแทน โดยฉายใน อิตาลี, เกาหลี, อังกฤษ, สเปน, จีน, อาหรับ, รัสเซีย, ฝรั่งเศส และเยอรมัน
อันดับ 1 Cowboy Bebop ผมชื่อว่าหลายคนไม่รู้จักเรื่องนี้ เพราะเป็นการ์ตูนที่ฉายมานานแล้ว ตั้งแต่ปี 1998 ของค่าย Sunrise มี 26 ตอนจบ ได้งานภาพนั้นการันตีความสวยงามของฉากที่อลังการไม่แพ้การ์ตูนสมัยนี้เลย และความตื่นเต้นนั้นสุดยอดจนฝรั่งยกย่องการ์ตูนเรื่องนี้ว่า western-style anime ที่ดีที่สุดไม่ว่าจะเป็นจอแก้วหรือจอเงิน
Cowboy Bebop เป็นการ์ตูนที่ฉากหลังเป็นยุคอนาคต ที่มนุษย์ไม่จำเป็นต้องอยู่บนโลกเสมอไป เพราะการเดินทางไปอวกาศนั้นสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยยานขับเคลื่อนความเร็วสูง ที่หาได้ง่ายเหมือนรถยนต์ทั่วไป อีกทั้งหลายคนต้องการค้นหาดินแดนแห่งใหม่ที่ดีกว่าโลกของตัวเอง เช่นดาวอังคาร, ดวงจันทร์ ดาวเคราะห์น้อยต่างๆ โดยเฉพาะดาวอังคารกลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของอารยธรรมมนุษย์ แต่ที่นั้นกลายเป็นแหล่งเพาะของอาชญากรมากมายจนมีอิทธิพลมากกว่ารัฐบาล ส่งผลให้รัฐบาลมีการตั้งค่าหัวอาชาญกรเพื่อมีกลุ่มนักล่ารางวัลเกิดขึ้น
Bebop เป็นชื่อของยานอวกาศลำหนึ่งที่เป็นที่อยู่ของพระเอกชื่อ สไปค์ สปิเกลที่เป็นคนหนุ่มอายุ 27 ไม่หล่อไม่เท่เสียเลย ผมเฝ้ารุกรุงรัง ตัวสูงโย่ง เฉื่อยชา แถมชอบสูบบุหรี่อีก แต่เขานั้นมีฝีมือเก่งกาจ ศิลปะป้องกันตัวสุดยอด ยิงก็ปืนแม่น อดีตเขาเป็นถึงสมาชิกแกนหลักของมาเฟียสุดยิ่งใหญ่หากแต่เจขาทิ้งอดีตนี้มาทำอาชีพนักล่าเงินรางวัล ทำงานอิสระ ทำงานตามใบสั่ง ตามหาข่าวสาร ค่าหัวอาชญากร ตามภาษาหนังคาวบอยที่พบเห็นได้ตามหนังภาพยนต์ต่างๆ
แน่นอนในเมื่อชื่อ Cowboy Bebop ดังนั้นการ์ตูนเรื่องนี้จึงมีอารมณ์ของอเมริกา ครั้งยุคคาวบอย ยุคที่หลายคนต้องการแสวงหาชีวิตที่สุขสบาย ขุดทอง ในบ้านป่าเมืองเถื่อน อาชญาการเต็มบ้านเต็มเมือง เจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่กล้าต่อกร จึงมีการออกไปประกาศจับ เพื่อหาคนคนมาช่วยปราบ ฉากที่พระเอกเข้ามาในบาร์เพื่อหาข่าวสารท่ามกลางลูกค้าที่หน้าตาเถื่อนๆ ที่ต่างมองดูพระเอกสายตาเดียว ผสมกับเพลงประกอบดนตรีอเมริกันและแจ๊ส บรรยากาศ 1940-60 นี้แหละคือบรรยากาศหนังคาวบอย
แน่นอนสไปค์ สปิเกลทำงานคนเดียวไม่ได้แน่ๆ ในยุคที่เทคโนโลยีล้ำยุคแบบนี้ เขาจำเป็นต้องมีคู่หูและเพื่อนร่วมงาน โดยกลุ่มของเขาประกอบด้วย เจ็ท แบล็ค คุณลุงแขนกลที่น่าตาน่ากลัว,เฟย์ วาเลนไทน์ สาวมั่นสุดสวย, เอ็ด สาวน้อยก๋ากั๋นนักแฮกเกอร์ และ ไอน์สุนัขอัจฉริยะ ที่ทั้งหมดต้องร่วมมือกันทำงานเพื่อตามล่าอาชญากรเหล่านั้น
การ์ตูนเรื่องดำเนินเรื่องรวดเร็วฉับไว และสมจริง จนพูดได้เต็มปากว่าดีกว่าหนังแอ็คชั่นบางเรื่องเสียอีก มีทุกอารมณ์ไม่ว่าจะเศร้า ตลก บู๊เลือดสาด จุดเด่นคือชีวิตตัวละครแ9jละตัวที่เหมือนกับชีวิตคนหลังที่มันไม่แฮปปี้แอนดิ้งเสมอไป มีขึ้นก็มีลง ขึ้นอยู่กับเราจะจัดการชีวิตอย่างไร ด้วยเนื้อหาที่สากลและทันสมัยเหล่านี้จึงทำให้การ์ตูนประสบผลสำเร็จทางการค้าต่างประเทศในแถบตะวันตกอย่างงดงาม ไม่ว่าจะเป็นอเมริกาที่ฉายในปี 2001 ที่ออกฉายอากาศซ้ำไปซ้ำมาถึง 4 ปี และฉายเป็นหนังโรงได้ผลตอบรับอย่างล้นหลาม, ในอังกฤษฉายในปี 20025 ในเครือข่ายการ์ตูนผู้ใหญ่, ในออสเตรเลีย, ฝรั่งเศส, เยอรมัน,โปรแลนด์,อิสราเอล(ในช่วงดึก), สเปน(ในช่วงดึก, แคนาดาฅ อิตาลี, โปรตุเกส, เนเธอร์แลนด์, ละตินอเมริกา นอกจากนั้นยังโด่งดังไปยังเอเชียหลายประเทศไม่ว่าอินเดีย, ฟิลิปปินส์ จึงไม่น่าแปลกอะไรที่ผลสำเร็จนิตยสาร Nawtype USA ได้รับการโหวตว่าเป็นการ์ตูนสุดยอดอันดับสองใน Top 25 anime Titles of all Time (อันดับหนัง Neon Genesis Evangelion) ซึ่งในรายการนั้นรวมไปถึงกัมดั้ม ด้วยคำวิจารณ์ว่าเป็นการ์ตูนที่มีเนื้อหาซับซ้อนและละเอียดอ่อนจนฮอลลีวู๊ดต้องอับอาย ส่วนของญี่ปุ่นได้รับเลือกเป็น Favorite Anime ปี 2006 และกลายเป็นการ์ตูนที่เปิดประตูให้อมิเนชั่นการ์ตูนญี่ปุ่นโด่งดังไปทั่วโลกในที่สุด
น่าแปลกที่การ์ตูนเรื่องนี้ไม่โด่งดังในประเทศไทยเสียเลย สาเหตุหลักๆ คือตัวละครไม่โมเอะ(......) ไม่ตลกเท่ารีบอร์น ดังนั้นจึงไม่มีซับไทยแปล 26 เลย ยกเว้นภาคหนังโรงที่มีซับไทยที่ว่ากันว่าเป็นภาพยนต์การ์ตูนแนวแอ็คชั่นไซไฟที่ผสม "นามธรรม" และ "สัญลักษณ์ทางจิตใจ" ที่ดีที่สุด
ก่อนจบ การจัดอันดับนี้ผมไม่ได้จัดอันดับตามความชอบ แต่จัดอันดับจากเว็บ
http://listverse.com/2008/05/23/top-10-best-written-anime/
จะเห็นได้ว่าการ์ตูนที่นำเสนอนั้นหลายคนแทบไม่เคยอ่านไม่เคยดูเลย ส่วนตัวผม ในตอนแรกผมแทบไม่เคยดูสักเรื่องในแต่ละอันดับในตอนนี้เลย(ยกเว้น แขนกลฯ) หากแต่เมื่อเขียนดูแล้ว ผมก็มีโอกาสแว่บไปดูบ้าง เช่นการ์ตูนเรื่อง Samurai Champloo ซึ่งขอบอกว่าสุดยอด สุโค่ยจริงๆ เพราะว่ามันช่างผสมได้อย่างสนุกสนานเสียจริง แถมได้รู้ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นบางเรื่องด้วย
คนเรานั้นมักมองข้ามสิ่งดีๆ ไปหลายอย่าง สิ่งใกล้ตัวที่สุดเรามักมองว่าไม่สำคัญ ไม่เคยเห็นค่าของมัน เช่นการ์ตูนบางเรื่อง เราเห็นแค่ภาพเห็นได้ยินแค่เสียง ดูแค่ตอนเดียวเราก็มองติดลบว่าเรื่องนี้ไม่สนุก บายว่ะ โดยไม่ดูตอนต่อๆมาเลย สิ่งเหล่านี้มันไม่ถูก บางครั้งความสุดยอดของการ์ตูนคือการนำหลายๆ ตอน หลายๆ ฉากมาประกอบกันเพื่อสร้างเป็นเรื่องราวให้น่าสนใจ และน่าติดตาม การทำการ์ตูนนั้นยากมาก เพราะต้องใช้บุคคลการหลายคน หลายฝ่าย หมดเป็นล้าน แต่เพราะนักวิจารณ์บอกว่าไม่ชอบ การ์ตูนเหล่านี้ก็ไร้ค่าทันที ดังนั้นเราควรจะดูการ์ตูนอย่างท่องแท้ หลายๆ ตอน ก่อนตัดสินว่าเป็นการ์ตูนที่ดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง
จะเห็นได้ว่าการ์ตูนญี่ปุ่นที่จะไปฉายต่างประเทศค่อนข้างยากมากอันเนื่องจากวัฒนธรรม ประเพณีของแต่ละประเทศนั้นแตกต่างกัน ญี่ปุ่นต้องศึกษาในหลายๆ เรื่องเพื่อจะสามารถส่งไปขายต่างประเทศได้ ที่นี้กลับมามองที่บ้านเราผมเห็นหลายๆ ฝ่ายต่างส่งเสริมเหลือเกินที่จะเอาอมิเนชั่นไปฉายต่างประเทศ อย่างเรื่อง ก้านกล้วย, หรือพระอภัยมณีซาก้าฯ ส่วนตัวผมไม่เห็นด้วย เพราะตัวละครก้านกล้วยบางตัวนั้นเหมือนจะก็อปจากหนังบ้านเขา หากไปฉายจริงผมว่าจะอายมากกว่าภูมิใจเสียมากกว่า เพราะต่างชาติจะมองประเทศเราอย่างไร ว่าประเทศเราช่างก็อปเหรอ??
การ์ตูนไทยยังต้องเรียนรู้อีกมากครับก่อนจะถึงวันนั้น.......
+ +
ความคิดเห็น