ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #70 : Saya no Uta ความรักในโลกที่บิดเบี้ยว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 39.01K
      27
      21 ก.พ. 60


    Saya no Uta เป็นเรื่องของโศกนาฏกรรม ความรัก หายนะ ที่บทสรุปของมันช่างเลวร้ายเหลือเกิน

    ผมรู้จัก เรื่องนี้จากใครบางคนที่เม้นในบทความนี้ว่าเออจำไม่ได้แล้วล่ะเม้นเยอะเกินไป อีกทั้งนานมาแล้ว เขามาแบบมาบ่นๆ ไม่ได้ขอให้ผมเขียนถึงแต่อย่างไร แต่มันกลายเป็นว่ามันทำให้ผมสนใจที่จะหามันมาดู เสมือนสุมาเต็กโซแนะนำขงเบ้งให้เล่าปี่อะไรแบบนั้น(แบบแนะนำแบบไม่จริงจังแต่ทำให้ผู้ฟังเกิดความน่าสนใจ) จนกระทั้งเห็นภาพเด็กสาวคนหนึ่งที่โครตน่ารักโดยมีฉากหลังเป็นโลกที่ดูแล้วน่าขยะแขยงมืดมนอย่างน่าสยดสยอง จนทำให้ผมรู้สึกสนใจที่จะเข้าไปดูและพบเว็บหนึ่งที่เขียนถึงการ์ตูนเรื่องนี้อย่างละเอียดละเออแปลชนิดฉากต่อฉากดังนั้นผมจึงไม่จำเป็นต้องเขียนถึงเลยเพราะมีคนเขียนถึงแล้ว(ผมไม่ค่อยเขียนตามคนขอเท่าไหร่นัก)

                    ต่อมาก็มีคนมาขอให้ผมเขียนถึงการ์ตูนเรื่อง Saya no Uta นี้อีกครั้ง ผมก็ไม่สนใจ จนกระทั้งเห็นเม้นหนึ่ง 2179 เขียนไว้ว่า “แต่เรารู้แล้วอย่างหนึ่งก็คือ จขกท อ่านโดจินโป๊ด้วยอ่ะ ก็เข้าใจว่ามันเป็นธรรมดาของผู้ชาย แต่ผู้หญิงอย่างเรารับไม่ได้อ่ะ”

    ผมแทบอารมณ์ขึ้น(โกรธ โมโหเลยแหละ) ถึงผมชอบอ่านโดจินโป๊แต่ผมไม่เคยเผยแพร่หรือแนะนำให้คนอื่นแต่อย่างใด ผมไม่ได้อ่านเพราะเป็นผู้ชาย แต่ผมศึกษาลายเส้น เพราะเขาวาดสวยน่ารักจริง เราสามารถศึกษาลายเส้นจากการ์ตูนเหล่านี้ได้ว่าวาดอย่างไรให้โมโอะ

    การว่า H ก็เหมือนกับการดูถูกการ์ตูนญี่ปุ่นด้วยนะครับเชื่อไหม เพราะนักเขียนชื่อดังหลายคนเคยวาด H มาก่อน เดี๋ยวนี้การที่จะไต่เต้าเป็นนักเขียนการ์ตูนเขาต้องเริ่มงานโดจินทั้งนั้นแหละครับ หากดูถูก H ก็เหมือนดูถูกอดีตของตัวตนของนักเขียนญี่ปุ่นด้วย และการ์ตูนญี่ปุ่นหลายเรื่องก็ดัดแปลงจาก H gs,nvodyo

    ผมไม่เห็นด้วยว่าผู้หญิงจะรับหรือไม่รับกับการ์ตูน H เพราะว่าเดี๋ยวนี้การ์ตูนหลายเรื่องก็มีฉากอย่างว่าค่อนข้างเยอะ การ์ตูน Y นิยาย NC ในเว็บเด็กดีก็มีเยอะแต่ไม่เห็นมีใครต่อต้าน เพราะเขาทำให้เรื่องอย่างว่าให้ถูกกฎหมาย แต่ความเห็นแล้วจะหญิงหรือชายเราสามารถศึกษา H ได้ เพราะว่าจะเป็นคนเก่งจริงต้องศึกษาทั้งด้านมืดกับสว่าง และผมขอบอกว่า พล็อตการ์ตูน H นั้นบางเรื่องดีกว่านิยาย NC ในเว็บเด็กดีอีก   อย่างคนแนะนำ Saya no Uta  เป็นผู้หญิงซะด้วยสิ

    Saya no Uta  เป็นอีกหนึ่งในเกมส์ H นะครับ...........

    และนี้แหละทำให้ผมต้องเขียนถึงเรื่องนี้ จะได้รู้ว่าบางครั้ง H น่ะมีเนื้อหาสุดยอดขนาดไหน มันไม่ใช่เรื่องโป๊ธรรมดานะจะบอกให้

     

     

    Saya no Uta

    หรือบทเพลงของซายะ( Saya's Song)

    เกมส์นิยายภาพ, ดราม่า, สยองขวัญ, NC+18

    อ่านรายละเอียดที่ http://bekung.exteen.com/saya-no-uta

    ดูคลิป  ซายะกินแมวตอนที่ 1

    เกมส์ลงฟรี(มั้ง)ได้ที่ http://forum.siam2fun.com/viewthread.php?tid=879346

    เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ http://www.nitroplus.co.jp/pc/lineup/into_06/index.html

     

                    เป็นเกมส์นิยายภาพและเกมส์ เพราะผมไม่ได้โหลดเกมส์นี้มาเล่น จึงได้ดูแต่คลิปเท่านั้น(โดนตัดฉากโป๊) จัดจำหน่ายโดย Nitrophis ขายเมื่อ 26 ธันวาคม 2003 ถือว่านานพอสมควร โดยผลงานของค่ายนี้ค่อนข่างจะเป็นแนวมืดมน ดราม่า ที่โด่งดัง ก็เช่น Phantom of Inferno, Gekko no Carnevale, Gekko no Carnevale, Jingai Makyo  และหลายเรื่องถูกนำไปสร้างเป็นอมิเนชั่นมังงะมากมาย

    เกมส์นิยายภาพ(Visual Novel) เป็นเกมแบบนิยายโต้ตอบที่ลักษณะเด่นตรงที่นำเสนอกราฟฟิกที่ประกอบไปด้วยฉากหลัง(โดยมากจะเป็นสถานที่ใดที่หนึ่งในเกม)และภาพตัวละครที่แยกออกมาจากฉากหลังต่างหาก และมีบทสนทนาเป็นกรอบสี่เหลี่ยมด้านล่างใต้ภาพ โดยนำเสนอเป็นมุมมองแบบบุคคลที่ 1 โดยที่ตัวเอกนั้นอยู่ในสถานะที่ไม่แสดงให้เห็นบนจอ  ภาพนิ่งเสียเป็นส่วนใหญ่และโดยส่วนมากจะมีสไตล์ออกไปทางการ์ตูนอนิเมชั่น โดยผู้เล่นแทบไม่ต้องทำอะไร เพียงแค่คลิก เลือกประโยคบทสนทนาเพื่อให้ภาพ, ตัวอักษร และเสียงมีการเคลื่อนไหวหรือ (อาจมีกดข้าม กดเร่ง) โดยเกมหนึ่งนั้นจะมีเนื้อเรื่องหลายทาง และตอนจบหลายแบบ ซึ่งทั้งหมดนั้นจะดำเนินผ่านทางการตัดสินใจเลือก ตัวเลือกซึ่งกระทำโดยผู้เล่นขณะเล่น เพื่อกำหนดทิศทางที่จะเกิดขึ้นต่อไป ทำให้จุดเด่นของเกมประเภทนี้จะถูกผูกติดอยู่กับ เนื้อเรื่องเป็นสำคัญ


             Visual Novel ส่วนมากจะเป็นเกมส์จีบสาว และลงเครื่อง PC ส่วนบุคคลเป็นหลัก ซึ่งส่วนมากจะเป็นแนวเกมส์โป๊ แต่กระนั้นก็มีส่วนผสมของ วิทยาศาสตร์, แฟนตาซี หรือสยองขวัญ ลงไป และบางเรื่องก็มีภาพเคลื่อนไหวแทนที่จะเป็นภาพนิ่งด้วย เช่น School day เป็นต้น แต่กระนั้นปัจจุบันก็มีหลายเกมส์ที่มีเนื้อหาหมาะสมทุกเพศทุกวัยออกมาวางแผงด้วย )
    ปกติเกมส์ Hนั้นจะไม่ค่อยได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษมากนัก สาเหตุเพราะไม่เหมาะแก่เยาวชน และเป็นเกมส์เฉพาะกลุ่ม แต่เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นเกมส์ที่ได้รับแปลเป็นภาษาอังกฤษ ในปี 2009 ทำให้แฟนๆ ในต่างประเทศที่ไม่เข้าใจในภาษาญี่ปุ่นได้เพลิดเพลินกับเรื่องราวในเรื่องเป็นอย่างดี(การแปลนี้มาจากกลุ่มนักเล่นเกมส์ในต่างประเทศ)

    ปัจจุบันเรื่องได้ถูกดัดแปลงเป็นการ์ตูนอเมริกัน(น่าจะใช่) ในชื่อ Called Song of Saya ผลิตโดย IDW Publishing ในเดือนกุมภาพันธ์ 2010 (เห็นปกการ์ตูนแล้วคุณจะสยอง ในหลายๆ ความหมาย โครตโมเอะจิ๊บเป๋ง ไม่เชื่อดูกูเกิ้ลได้เลย....อเมริกาบ้าไม่รู้จักโมเอะ

     

    Saya no Uta เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อฟุมิโนริ หนุ่มนักศึกษาแพทย์ผู้โชคร้ายที่ต้องสูญเสียครอบครัวทั้งหมดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ แต่ความโชคร้ายนี้ถือว่ายังน้อย เมื่อนรกทั้งเป็นยังรอเขาอยู่ เมื่อเขาลืมตาดื่มขึ้นเขาพบว่าประสาทการรับรู้ของเขาเริ่มผิดเพี้ยนชนิดที่การแพทย์ปัจจุบันไม่สามารถรักษาได้ ซึ่งมีผลกระทบคือโลกที่เขาเห็นนั้นเปรียบเสมือนภาพนรกไม่ปาน มันเป็นโลกบิดเบี้ยวที่น่าขยะแขยง เต็มไปด้วยก้อนเนื้อและเลือด อวัยวะชวนแหวะ ผู้คนและเพื่อนสนิทที่เขาพบเห็นกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวที่พูดภาษาไม่ใช่มนุษย์

    อาการของเขาไม่มีใครรับรู้ ฟุมิโนริไม่สามารถหาใครมาปรึกษาได้เลย เพราะคนอื่นไม่เข้าใจในตัวเขา เพราะคนอื่นเห็นฟุมิโนรินอนบนเตียงที่สะอาดในโลกที่แสนจะธรรมดา แต่สำหรับสายตาของเขาแล้วมันเหมือนนรกไม่ปาน แม้จะรู้ว่าสัตว์ประหลาดที่จะพยายามจะพูดคุยกับเขานั้นจะเป็นเพื่อนรัก เพื่อนตาย เพื่อนสนิท แฟน แต่เขาก็ทำใจรับไม่ได้อยู่ดี ทำให้นับวันสภาพจิตของเขาเริ่มแย่ลง กลายเป็นคนเก็บตัว ไม่พูดไม่จา จนถึงขั้นคิดจะฆ่าตัวตายจากโลกนี้ไปเลยทีเดียว

    จนกระทั้งวันหนึ่ง ตอนกลางคืน เขาได้ยินเสียงของคน ลอยดังนอกห้อง เขาเดินหาที่มาของเสียง จนกระทั้งพบสาวน้อยคนหนึ่งชื่อซายะ ซึ่งเขารู้สึกแปลกใจว่าทำไมเธอถึงคงสภาพมนุษย์อยู่ได้ทั้งๆ ที่อยู่โลกขยะแขยงและนรกแห่งนี้

    ซายะแสดงท่าทางเป็นเด็กผู้หญิงน่ารัก พูดคุยกับฟุมิโนริอย่างเป็นกันเอง และฟุมิโนริเองก็พอใจกับซายะที่พูดคุยกับเขา หลังจากนั้นอาการของเขาก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นตามลำดับ พร้อมกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับซายะเริ่มก่อตัวยิ่งกว่าเพื่อนกลายเป็นคนรักหวานหยดไม่ปาน

    จนกระทั้งถึงเวลา ฟุมิโนริต้องออกจากโรงพยาบาล ความจริงฟุมิโมริไม่ได้หายขาดแต่เขาแสลงทำเท่านั้น สำหรับเขาแล้วขอให้มีซายะคนเดียวในโลกของเขาเท่านั้น อย่างอื่นเขาไม่สน

    โดยหารู้ไหมนี้เป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมในเวลาต่อมา.....

    โศกนาฏกรรมที่ว่าเป็นอย่างไร? ซายะเป็นใครกันแน่? ทำไมถึงโลลิ? ฉากแหวะที่ว่าเป็นอย่างไร? ทำไมซายะกินแมว? กินหมูไม่ได้เหรอ? ก็ติดตามได้ใน Saya no Uta(เอาเอง)

     

    ฟุมิโนริ (Fuminori Sakisaka) ชายหนุ่มผู้ที่เห็นรูปลักษณ์ภายนอกดีกว่าภายใน เป็นพระเอก และนักศึกษาแพทย์ที่ได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์จนพรากพ่อแม่ของเขา อีกทั้งยังเปลี่ยนชีวิตเขาโดยสิ้นเชิง เมื่อเขาพบว่าประสาทการมองเห็นของเขาเปลี่ยนไป เขาพบว่าโลกที่ตนเองรู้จักได้หายไปจนหมดสิ้น โลกที่เขาเห็นกลับกลายเป็นโลกที่ขยะแขยงมืดมน มีแต่ก้อนเนื้อและเลือดสีแดงสดและสีสันแปลกๆ ไปทั่ว แม้แต่คนที่เขารู้จักก็กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าเกลียดน่ากลัว อีกทั้งยังพูดภาษาอัปลักษณ์จนเรียกว่าไม่ใช่ภาษาของมนุษย์ ท่ามกลางโลกที่บิดเบี้ยวเขาได้พบคนรักสิ่งเดียวที่เขามองเห็นเธอเป็นคนปกติ หญิงสาวน่ารักลึกลับชื่อซายะ(ฉัน) และเมื่อเวลาผ่านไปจิตใจของเริ่มทรุดโทรมและพร้อมที่จะฆ่าคนอื่นเพียงเพื่อซายะเท่านั้น

     

    ซายะ(Saya) เจ้าของฉายาซายะกินแมว(เนื่องจากทรงผมเหมือนหูแมวและเธอก็กินแมวเป็นอาหาร??) หญิงสาวลึกลับที่ฟุมิโนริมองเห็นเพียงคนเดียวที่ยังคงรูปร่างมนุษย์ในโลกขยะแขยง(เสียงเธอน่ารักจริงๆ)  ปรากฏตัวครั้งแรกในโรงพยาบาลเพื่อตามหาพ่อ และพูดคุยกับเขาในขณะที่เขากำลังสิ้นหวังและกำลังจะจบชีวิตลงในโลกแห่งนี้ ต่อมาเธอกลายได้เป็นที่พักทางใจของฟุมิโนริ และเป็นกำลังใจให้ฟุมิโนริให้ปรับตัวในโลกใหม่ที่น่าขยะแขยงนี้ จนกระทั้งอาการของเขาดีขึ้นจนสามารถออกจากโรงพยาบาลและใช้ชีวิตโลกภายนอกได้ ภายนอกที่ฟุมิโนริเป็นเด็กหญิงน่ารักและเสียงเหมือนคนปกติธรรมดา แต่ตัวจริงของเธอนั้นเป็น.......

     

    โคจิ(Koji Tonoo) เพื่อนของฟุมิโนริ หลังจากเกิดอุบัติเหตุของฟุมิโนริให้ เขาพยายามช่วยฟุมิโนริให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เห็นหน้าตาเหมือนจิ๊กโก๋แบบนี้ความจริงเป็นคนอ่อนโยนและสุภาพมากๆ ต่อมาเขาเกือบจะโดนฆ่าโดยฟุมิโมริ และได้รู้ถึงตัวตนจินตนาการที่ฟุมิโมริเห็น

     

    โอมิ(omi Takahata) สาวมั่น ท่าทางจริงจัง  แฟนของโคจิและเพื่อนที่ดีของฟุมิโนริ หลังจากเหตุการณ์อุบัติเหตุฟุมิโนริ เธอเริ่มกังวลเรื่องจิตใจของโยเนื่องจากฟุมิโนริปฏิเสธรัก เธอจึงไปบ้านของฟุจิโนริเพื่อต่อว่า และเธอก็โดนบางสิ่งบางอย่างที่บ้านของฟุจิโนริฆ่า

     

    โย(Yo Tsukuba) เพื่อนของฟุมิโนริ และแอบหลงรักเขา ตั้งแต่อุบัติเหตุเธอมักมีอาการกังวลและเสียใจกลับการเปลี่ยนแปลงฉับพลันของฟุมิโนริที่มีทัศนคติต่อโลก เมื่อเขาหนีเธอเหมือนหวาดกลัวอะไรบางอย่าง และเธอจะมีบทบาทที่น่าสงสารมากๆ ในช่วงหลัง

     

    เรียวโกะ(Ryoko Tanbo) แพทย์สาวที่รับผิดชอบดูแลรักษาอาการป่วยของฟุมิโนริ เธอสงสัยว่าฟุมิโนริได้ซ่อนอะไรไว้ในอาการป่วยทางจิตหลังจากเกิดเหตุการณ์อุบัติเหตุ ดูเหมือนเธอจะรู้เรื่องของซายะ และเป็นผู้กำความลับสำคัญบางอย่างเอาไว้

                   Saya no Uta ได้รับแรงบันดาลใจบรรยากาศโลกมาจากนิยายเรื่องตำนานคธูลู (Cthulhu Mythos) ซึ่งเป็นงานประพันธ์ซึ่งริเริ่มโดยเอช. พี. เลิฟคราฟท์ เป็นนักเขียนนิยายชาวอเมริกัน โดยโลกของตำนานคธูลูลักษณะผสมกันระหว่างนิยายสยองขวัญ นิยายวิทยาศาสตร์และแฟนตาซี

                    จากประวัติของเอช. พี. เลิฟคราฟท์พบว่า เมื่อเลิฟคราฟท์อายุได้สามปีนั้น บิดาของเลิฟคราฟท์ได้ป่วยทางจิตขั้นรุนแรงและต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลบัทเลอร์จนกระทั่งเสียชีวิตในปี 1989 ทำให้แม่ ป้าสองคน และตา ต้องเลี้ยงดูเขาแทน โดยตาของเลิฟคราฟท์ได้สรรหาวรรณกรรมต่างๆให้เลิฟคราฟท์อ่านในวัยเด็กและยังเล่าเรื่องสยองขวัญที่ตนแต่งเองให้เลิฟคราฟท์ฟังด้วย

                    เลิฟคราฟท์ในตอนเด็กนั้นค่อนข้างเป็นเด็กขี้โรค ยิ่งในช่วงตาของเขาตายในปี 1904 ครอบครัวของเขาประสบปัญหาด้านการเงินอย่างหนัก จนทำให้เขามีสุขภาพจิตแย่ขึ้นไปอีก เขามักอ้างอยู่บ่อยๆ ว่าเขามีปัญหาด้านโรคประสาท

    ต่อมาเขาก็เริ่มมีงานเขียน แต่เขาก็ยังประสบปัญหาชีวิตมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการตายของแม่ การหย่ากับภรรยา ตกงาน แม้เขาจะสร้างสรรค์งานเขียนที่มีชื่อเสียงในเวลาต่อมามากมาย แต่กระนั้นสถานะทางการเงินของเลิฟคราฟท์ก็ยังแย่ลงเรื่อย จนในที่สุดเขาก็เป็นมะเร็งลำไส้เล็กและเสียชีวิตในวันที่ 15 มีนาคม 1937


             ดังนั้นนิยายของคธูลูจึงเปรียบเสมือนชีวิตของเลิฟคราฟท์ เนื้อหาสำคัญของตำนานคธูลูก็คือ “ความด้อยค่า ไร้ความหมาย และอ่อนแอของมนุษย์เมื่อเทียบกับจักรวาล” เมื่อโลกมนุษย์เป็นเพียงสิ่งที่เปราะบาง มนุษย์ใช้ชีวิตอยู่โดยไม่เคยรู้สึกถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ในโลกและจักรวาล โดยสิ่งทรงอำนาจจากต่างดาวมายังโลก  โดยเทพที่ปรากฏจะมีรูปลักษณ์ที่น่าขยะแขยง น่ากลัว แต่มีพลังอำนาจมาก ซึ่งมีทั้งดีและชั่ว

    ต่อมาคำว่า คธูลู จึงกลายเป็นคำเรียก งานประพันธ์ทุกรูปแบบที่ใช้รูปแบบ ตัวละคร ฉาก และ เนื้อหาซึ่งมีรูปแบบเดียวกัน เรียกได้อีกอย่างว่าเรื่องสยองขวัญแนวเลิฟคราฟท์ (Lovecraftian horror) ชื่อของคธูลูมักใช้เปรียบเทียบในความหมายของสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว โดยนิยายนี้จะต้องประกอบด้วย ความเปราะบางของมนุษย์, เมือก, กระดูกหรือศพ, บุคคลที่แปลกแยก, ไร้อำนาจสิ้นหวัง, ตัวละครในเรื่องจะเกิดอาการบ้า ฯลฯ

    ดังนั้นชีวิตของฟุมิโนริจึงเปรียบของเลิฟคราฟท์ ที่ชีวิตมีแต่เรื่องร้ายๆ การสูญเสียครอบครัว อาการโรคประสาท ส่วนซายะก็เปรียบเสมือนคธูลู ตัวละครที่ปรากฏอยู่ใน "เสียงเรียกของคธูลู" (The Call of Cthulhu) ที่รูปร่างเหมือนคราเคนการผสมกันของปลาหมึกยักษ์ มังกรและมนุษย์ มีพลังจิตทำให้มนุษย์เสียสติ ไร้ซึ่งความรู้สึกผิดชอบชั่วดี

     

    เนื้อหาการดำเนินเรื่อง Saya no Uta  เอามาจากการ์ตูนเรื่อง Phoenix - Resurrection หรือฮิโนโทริ วิหคเพลิง ตอน Robita  ซึ่ง เท็ตซึกะ โอซามุเขียนเอาไว้  เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นที่มีเรื่องเกี่ยวกับการเวียนว่ายตายเกิด โดยเกี่ยวพันกับ ฟีนิกซ์ นกไฟ หรือ โฮโอ ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะ นอกจากนั้นยังสอดแทรกปรัชญาที่หลากหลาย และเป็นแนวคิดที่สื่อออกมาให้เห็นภาพของสังคมมนุษย์ ได้เป็นอย่างดี

    โรบิต้า(Robita) เป็นตัวละครสมมุติที่มีรูปร่างเป็นหุ่นยนต์กระบอกหัวสีเทา เหมือนหุ่นยนต์รุ่นเก่า เป็นผู้ช่วยนักวิทยาศาสตร์บ้าคนหนึ่งในการศึกษาชีวิตอมตะ โดยอดีตของโรบิต้านั้นเขาเคยเป็นชายธรรมดาคนหนึ่งชื่อลีออน ซึ่งเขาต้องตายในอุบัติเหตุรถยนต์ แต่ด้วยวิทยาการแพทย์ที่ก้าวหน้าเขาสามารถคืนชีพได้ด้วยการผ่าตัดโดยใช้สมองเทียม แต่ผลข้างเคียงของอวัยวะใหม่เขาได้เห็นและได้ยินโลกปกติของเขากลายเป็นโลกที่น่าเกลียด คนและสิ่งมีชีวิตกลายเป็นขยะหรือหินอะไรบางอย่างที่น่าเกลียดน่ากลัว กลับกันหากเขาไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลพิษเขาจะเห็นเป็นโลกที่สวยงามปานสวรรค์ไม่ปาน ส่วนหุ่นยนต์เขากลับเห็นเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับเขา จากนั้นเขาก็ได้พบชิฮิโรหุ่นยนต์โรงงานที่รูปร่างเหมือนแมลงและรูปร่างเชยๆ แต่เขากลับเห็นหุ่นยนต์ตัวนั้นเป็นสาวสวยมีหนวดแทน เขาตกหลุมรัก และพยายามที่จะได้เธอมาครอบครองแต่ก็โดนบริษัทที่เป็นเจ้าของหุ่นยนต์นี้กีดกัน

    ต่อมาลีออน ก็รู้ว่าการตายเพราะอุบัติเหตุของเขานั้นเกิดจากญาติของเขาเพราะเขากำลังตามล่าวิหคเพลงที่มีพลังเป็นอมตะ เขาได้จัดการฆ่านักฆ่าที่มาฆ่าเขา จากนั้นก็พา ชิฮิโร หนีออกมา แต่เกิดอุบัติเหตุ จนต้องเขาไปอยู่ในการควบคุมของบริษัทนักลักลอบค้าอวัยวะ ผู้นำซึ่งเป็นผู้หญิงเกิดตกหลุมรักลีออนตั้งแต่แรกเห็น แต่ลีออนปฏิเสธ ทำให้เธอมีความคิดใส่จิตใจของเธอมาร่างของเขา ส่วนจิตใจของเขามาใส่ในตัวหุ่นชิฮิโรแทน ดูเหมือนจะเป็นโศกนาฏกรรม แต่สำหรับลีออนถือว่าเป็นจุดจบที่ดีสำหรับเขา เพราะจิตวิญญาณของเขาได้หลอมรวมกับหุ่นยนต์จนเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งถือว่าเขาสมหวังในรักแล้ว

    เรื่องราวของโรบิต้ายังมีอีก หากแต่เนื้อหาต่อมาก็ไม่เกี่ยวกับซายะแล้ว ผมจึงไม่ขอกล่าวถึงอีก แต่เราจะเห็นได้ว่าทั้งเรื่องซายะ, ประวัติชีวิตเอช. พี. เลิฟคราฟท์ และเรื่องโรบิต้าล้วนแต่มีโศกนาฏกรรมที่จบไม่ดีเท่าใดนัก ความรักที่แต่ละคนไขว่คว้า คนรักที่หลายคนหมายปอง อยากครอบครอง ควบคุม กลับกลายเป็นยิ่งมืดมน ยิ่งไขว้คว้ายิ่งสูญเสีย ทั้งหน้าที่การงาน, ชีวิตส่วนตัว, ญาติมิตรเพื่อนฝูง ต่างหายไปโดยไม่สามารถนำกลับมาคืนได้ หรือนี้จะสามารถพูดเต็มปากเต็มคำได้ไหมว่า “ความรักทำให้ตาบอด ความรักทำให้บังตา”

    พูดตามตรงน่ะครับ ในขณะที่ผมเขียนถึงบรรทัดนี้ผมไม่เคยเล่นหรือเคยดูการ์ตูนเรื่องนี้มาก่อนเลย (สนใจแต่ซายะอย่างเดียว) สาเหตุคือผมลงเกมส์ไม่ได้(ลงไม่เป็นนั้นแหละ) ส่วนเว็บที่เขาเคยบทสรุปทั้งหมดผมก็ไม่ได้อ่านเลยสักนิด(อ่านแล้วไม่เห็นภาพ)  ดังนั้นสิ่งที่ผมทำได้ในตอนนี้คือดูคลิป ตอนนี้ผมดูแค่ 3 คลิปอยู่(แน่นอนผมอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก ได้แต่ดูภาพ) ทำให้บทความนี้ผมอาจพิมพ์พิมพ์โดยไม่มีอารมณ์ร่วมกับมันนัก ซึ่งหวังว่าหากผมดูเรื่องนี้จนจบคลิป(มีทั้งหมด 38 คลิป!!) ผมคงจะมีอารมณ์ร่วมกับมัน สามารถบรรยายได้ว่าความรู้สึกของมันเป็นอย่างไร…….

    ดังนั้นบทสรุปต่อไปนี้ผมเขียนแบบดูคลิปแล้วถึงจะเขียน ส่วนเนื้อหาเอามาจากการแปลภาษาอังกฤษ บทความที่เขาสรุปเรื่อง และดูคลิป พูดง่ายๆ ผมดูทั้งสามอย่างรวมกัน เพื่อที่จะเข้าใจเรื่อง และสามารถเขียนบรรยายให้คนอื่นเข้าใจได้

    ในเว็บบทสรุปต่างประเทศเขียนไว้แบบนี้

     “นี้.....ไม่ต้องสงสัยอะไรเลยว่าเป็นเกมส์ที่น่ากลัวที่สุดที่ฉันเคยเล่น ยิ่งเล่นลึกเท่าไหร่ จิตใจฉันยิ่งมืดมนเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นภาพนามธรรมที่เต็มไปด้วย ความรุนแรง ความน่าขยะแขยง การกินคน การมีเพศสัมพันธ์กับมอนสเตอร์”

     

    (บทสรุปต่อไปนี้เกิดจากการแปลแบบงูๆ ปลาๆ เหมือนเคยตั้งแต่ต้นถึงฉากจบทั้ง 3  แต่ไม่ดำน้ำเท่าเรื่อง Hohzuki Island เพราะมีบทความเขียนมาแล้วจึงไม่ยากอะไร ผิดพลาดตรงไหนขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยนะครับ)

     

    เมื่อเราเริ่มต้นเกมส์ เราอาจสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อภาพเปิดฉากออกมาเป็นภาพก้อนเนื้อและสัตว์ประหลาดที่พูดภาษาอะไรบางอย่างที่ฟังแล้วสุดแสนจะปวดโสตประสาทมากๆ ก่อนที่จะมารู้อีกครั้งว่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นคือมนุษย์ที่พยายามพูดคุยกับฟุมิโนริพระเอกของเรื่องนี้นั้นเอง

     

    นี้คือโลกที่ฟุมิโนริมองเห็น มันเริ่มเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์รถประสบอุบัติเหตุที่ฆ่าพ่อแม่ของเขา แต่เขารอดมาได้โดยการผ่าตัดสมอง แต่กระนั้นผลกระทบที่ได้จากการผ่าตัดนั้นก็คือเขาสูญเสียสัมผัสทั้งผ้าไปโดยชิ้นเชิง แรกเริ่มลืมตาเขาพบว่าทุกสิ่งรอบตัวของเขาเต็มไปด้วยก้อนเนื้อกระจัดกระจายและเลือดสีแดงข้น อย่างน่าสะอิดสะเอียน ก้อนเนื้อที่ติดบนผนังและพื้น  และมีก้อนเนื้อหนึ่งมาพูดกลับเขาซึ่งเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่มันพูดเลย ทั้งๆ ที่จริงๆ สิ่งที่ฟุมิโนริเห็นก็เป็นแค่โลกที่แสนจะธรรมดา โรงพยาบาลที่สะอาดสะอาน ผู้คนที่เป็นมิตร แต่หากตอนนี้ฟุมิโนริกลับเห็นโลกเหล่านี้เป็นนรกก้อนเนื้อ

    ไม่เพียงแต่สายตา เขาพบว่าประสาทลิ้มรสและสัมผัสต่างๆ ต่างสูญเสียไปหมด ฟุมิโนริตกใจและแทบเป็นลม เพราะว่าเขาเป็นนักเรียนโรงเรียนแพทย์เขารู้ดีว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้เขาไม่สามารถกลับมาเป็นปกติอีกแล้ว เขาจึงกลายเป็นคนเงียบไม่พูดไม่จา เก็บกด และเก็บตัว จนมีความคิดพยายามที่จะฆ่าตัวตายเพื่อหนีโลกเน่าๆ แห่งนี้หลายครั้ง หากแต่ไม่สำเร็จสักที

    จนกระทั้งคืนหนึ่งเขาได้พบหญิงสาวคนหนึ่งที่สุดแสนจะน่ารัก ชื่อซายะ ฟุมิโนริรู้สึกแปลกใจว่าทำไมเธอยังคงสภาพมนุษย์ในโลกนรกก้อนเนื้อแห่งนี้ได้ ซายะพูดกับฟุมิโมริว่าเขากำลังตามหาพ่อที่โรงพยาบาลแห่งนี้และเธอต้องการอยู่กับฟุมิโมริเพื่อให้เขาช่วยตามหาพ่อ ฟุมิโมริรับปากที่จะช่วยเหลือซายะ สำหรับเขาแล้วซายะคือที่พักใจที่ช่วยเยียวยาในโลกเน่าแห่งนี้ หลังจากนั้นเป็นต้นมา เขาก็พูดคุยกับซายะอย่างคนปกติทุกคืน อาการของฟุมิโมริก็ดีขึ้นตามลำดับ จนทางโรงพยาบาลเห็นว่าเขาอาการปกติสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ ความจริงฟุมิโมริแกล้งทำเป็นหายขาด ทั้งๆ ที่โลกก้อนเนื้อเน่าๆ ยังคงอยู่เขาเพียงแต่ปรับตัวเพื่อเข้ากับมันเท่านั้น สำหรับเขาขอให้มีซายะอยู่เคียงข้างเขาก็พอใจแล้ว และคืนสุดท้ายที่เขาอยู่โรงพยาบาลเขาได้พูดกับซายะว่าอยากให้เธออยู่เคียงข้างเขาตลอดไป แต่ปฏิกริยาของซายะเงียบไปพักใหญ่ เธอไม่ได้ให้คำตอบกับฟุมิโมริ เธอแค่เดินจากไปแล้วหายลับในความมืด

    ในวันที่ฟุมิโมริออกจากโรงพยาบาลเขาพบเพื่อนๆ ที่ประกอบไปโดยโคจิ,โอมิ และโย มาแสดงความดีใจที่เขาออกจากโรงพยาบาลและพาเขากลับบ้าน(ในสายตาของฟุมิโมริ เขาเห็นพวกเพื่อนๆ เป็นเพียงก้อนเนื้อที่ส่งกลิ่นแปลกๆ)

     

    ฟุมิโมริเดินทางกลับบ้านเขาพบว่าโลกภายนอกไม่แตกต่างจากโรงพยาบาลมากนัก โลกสีแดงเต็มไปด้วยก้อนเนื้อขยะแขยงกระจัดกระจายอยู่ทั่ว แม้แต่ที่บ้านก็ไม่เว้น สภาพย่ำแย่แหวะพอๆ กับโลกภายนอกเช่นกัน

    ฟุมิโมริกลับมาบ้านเขาก็พบว่าซายะมาอยู่ที่บ้านของเขาก่อนหน้านี้แล้ว

    ซายะถามฟุมิโมริ “ได้.......ฉันสามารถอาศัยอยู่ที่นี้ได้เหรอ?

    ฟุมิโมริยินดีให้ซายะอยู่ที่บ้านของเขา ทั้งสองได้เริ่มต้นใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้ง ทั้งคู่ได้ตกแต่งบ้านใหม่สำหรับเรือนรักของเราสองคน ให้ดูสะอาด และซายะได้ปรุงอาหารที่เธอเรียนรู้จากทีวีให้ฟุมิโมริทาน แต่ดูเหมือนสัมผัสการรับรู้รสของฟุมิโมริจะสูญเสียไปด้วย ทำให้เขาไม่สามารถกลืนหรือกินอาหารที่ซายะทำได้เลย

    ซายะกังวลเพราะฟุมิโมริไม่กินอาหารเลย เขาจำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่จำเป็นในการดำรงชีวิตอยู่ ซายะได้ปลอบฟุมิโมริว่า “ไม่มีปัญหา ฉันจะพยายามหาอาหารให้ฟุมิโมริคุงกินให้ได้เลย ต้องมีสักอย่างสิที่ฟุมิโมริคุงกินได้”

    ฟุมิโมริพูดกับซายะว่าไม่ต้องกังวล ขอให้ซายะอยู่เขาก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว

                    และแล้วค่ำคืน H ก็มาอีกครั้ง ดังนั้นเราขอข้างฉากดีกว่า.........................

                   

    วันต่อมาโยผู้อ่อนโยนที่มีความรู้สึกเป็นห่วงฟุมิโมริจนสุดหัวใจ ได้รวบรวมความกล้าเพื่อพูดคุยกับฟุมิโมริอีกครั้ง เธอสารภาพรักกับเขา แต่กลายเป็นเขากลับรู้สึกอึดอัด ในสายตาของเขา เขาเห็นโยเป็นสัตว์ประหลาดก้อนเนื้อที่พูดเสียงแสบแก้วหูโสตประสาทที่น่ารังเกียจ เขาด่าเธอแบบเสียๆ หายๆ และทำท่าดูถูกเขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “ฉันเกลียดเธอ ฉันไม่อยากเห็นหน้าของเธอ ต่อไปนี้เธอไม่ต้องมายุ่งกับฉัน” ก่อนที่ฟุมิโมริจะเดินกลับบ้านคนเดียว ทิ้งเหล่าเพื่อนๆ ที่ตะลึงอ้าปากค้างกับการเปลี่ยนแปลงฟุมิโนริไว้ด้านหลัง

    โยเกิดอาการช็อกและร้องไห้เพราะคาดไม่ถึงว่าฟุมิโนริจะกลายเป็นแบบนี้ ก่อนหน้านั้นเขายังเป็นคนสุภาพอ่อนโยนอยู่เลย เกิดอะไรขึ้นอะไรที่ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงได้ถึงเพียงนี้? ทางด้านโอมิและโคจิที่เห็นเหตุการณ์จึงต้องเข้ามาปลอบโย โอมิรู้สึกโกรธฟุมิโนริ เธอสั่งให้โคจิดูแลโย ส่วนตนเองได้ไปบ้านฟุมิโมริเพื่อพูดกับเขาให้รู้เรื่อง(ฟุมิโมริไม่ได้บอกอาการป่วยของตนเองให้คนอื่นรู้)

                   

    สาวมั่นโอมิได้มาบ้านของฟุมิโมริ แต่เธอตกใจเมื่อพบว่าสภาพบ้านของฟุมิโมริ ไม่ต่างอะไรกับบ้านร้างขยะ ที่สวนเต็มไปด้วยต้นไม้ที่ขึ้นรกอย่างรุงรัง กลิ่นเหม็นของซากสัตว์และขยะโชยไปทั่วบริเวณทั้งในและนอกบ้าน โอมิยืนอยู่หน้าบ้านเธอพบว่าประตูไม่ได้ล็อค เธอจึงเปิดประตูเข้ามาในตัวบ้าน แล้วก็พบว่าในบ้านแย่กว่าภายนอกเสียอีก  หน้าต่างถูกปิดทำให้ภายในบ้านมืดและเสื่อมโทรมอย่างเห็นได้ชัด กลิ่นเหม็นภายในสุดจะทนยิ่งกว่านอกบ้าน ดูเหมือนฟุมิโมริจะไม่อยู่บ้าน ในขณะที่โอมิทำการสำรวจบ้านอยู่นั้น.....ณ มุมหนึ่งของบ้าน ได้มีดวงตาของสิ่งหนึ่งที่จ้องมองเธอ....อย่างหิวกระหาย

    “มีใคร.......? มีใครอยู่ไหม” โอมิร้องเสียงดังถาม เนื่องจากเธอได้ยินเสียงประหลาดดังที่ห้องครัว มันไม่ใช่เสียงของคนหรือสัตว์ โอมิเริ่มรู้ว่าบ้านหลังนี้ยังมีสิ่งหนึ่งที่ไม่ใช้มนุษย์อาศัยอยู่ เธอได้ตามหาที่มาของเสียงนั้น

    โอมิเข้าไปในตัวบ้านมาที่ห้องครัว แต่เสียงประหลาดนั้นก็ดังที่ห้องรับแขก เธอเลยเดินมาที่ห้องรับแขก และแล้วเธอก็ตระหนักว่าเจ้าของบ้านบ้านหลังเป็นคนวิกลจริต เนื่องจากสภาพภายในห้องรับแขก ผนัง พื้นห้องและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ถูกละเลงสีต่างๆ อย่างบ้าคลั่ง จากนั้นโอมิก็เริ่มรู้สึกว่ามีสิ่งหนึ่งจ้องมองเธออย่างหิวกระหาย โอมิถอยฉากออกจากมาอย่างช้าๆ แต่สิ่งนั้นกลับพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว โอมิเริ่มรู้สึกถึงท้องของเธอฉีดขาดแหวกออกมาและเลือดเธอสาดกระจายเต็มหน้า ดวงตาเธอเปิดโพลงออกอย่างน่าสยดสยอง มือถือของโอมิได้ตกลงมาที่พื้น มันจะมีบทบาทภายหลัง ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดลง...........

     

    ในเวลาต่อมา ฟุมิโนริกลับมาบ้าน เขาร้องเรียกทักทายซายะเหมือนคู่ใหม่ปลามัน จากนั้นเขาได้กลิ่นหอมอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นอาหารอร่อยบางอย่าง ลอยมาบริเวณห้องรับแขก ฟุมิโมริได้ตามกลิ่นที่มา จนเขาได้พบซายะกำลังกินอะไรบางอย่างคล้ายเยลลี่สีเหลื่องอยู่(ในเว็บต่างประเทศเขียนว่าซายะกิน Jello = Jell-o เป็นชื่อแบรด์เยลลี่เจลาตินชื่อดังของอเมริกาที่โด่งดังส่งขายไปทั่วโลก บ้านเราก็มีขาย)

    “ซายะสิ่งที่เธอกิน?” ฟุมิโมริอุทาน ซายะตกใจและเหลือบมองฟุมิโมริเหมือนว่าตนเองทำอะไรผิด ฟุมิโมริหยิบชิ้นเยลลี่เพื่อมาดม และพบว่ามันมีกลิ่นหอมและเป็นกลิ่นเดียวกับที่เขาได้กลิ่นตอนอยู่หน้าบ้าน เขาลองกินและตกใจเพราะมันมีรสอร่อยมากจนเหลือเชื่อ

    “อร่อยจังซายะ เธอทำของแบบนี้ได้ยังไงเหรอ”ฟุมิโมริถามซายะ

     “เธอแค่ย่อยมันนิดหน่อยก่อนจะกินเท่านั้นเอง  ฟุมิโมริคุง คุณโอเคกับอาหารนี้เหรอ ที่...?

    “แน่นอนไม่มีปัญหา ว่าแต่มันคืออะไรเหรอ?”ฟุมิโมริถามซายะอีกครั้ง

    “อืมม.......... ปกติมันเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆ น่ะ ฉันเจอในสวน แต่ครั้งนี้ครั้งแรกฉันได้ขนาดใหญ่มาเลยย่อยมันจนมีขนาดเล็กน่ะ”ซายะพูดกำกวน เลี่ยงคำตอบอะไรบางอย่างเพื่อไม่ให้ฟุมิโมริรู้

    “นี้ถือว่าเป็นโอกาสดีแล้วล่ะที่เราทั้งสองไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารแล้วน่ะซายะ” ฟุมิโมริพูดกับซายะ ที่จริงเขาสังเกตตลอดเวลาว่า ในตอนที่เขากินอาหาร(ที่ไม่ถูกปาก)ซายะจะไม่กินอาหารร่วมกับเขาด้วย ทำให้เขากังวลตลอดว่าซายะกินอาหารอะไรกันแน่ มาคราวนี้เขาก็ได้รู้ว่าซายะกินอาหารที่เหมือนเยลลีและเขาก็ชอบอาหารที่เธอทานเหมือนกัน ทั้งคู่ร่วมรับประทานและพูดคุยเล็กน้อยเพิ่มเติมเกี่ยวกับเยลลี่ ก่อนที่ที่จะเก็บเยลลีที่กินไม่หมดในตู้เย็น…………….

     

    ฟุมิโมรินึกจะช่วยซายะตามหาพ่อ เขานึกได้ว่าเรียวโกะหมอประจำตัวที่รักษาฟุโนริน่าจะรู้เรื่องพ่อของซายะ ดูเหมือนเธอมีความลับสำคัญเก็บเอาไว้ ฟุมิโมริพยายามสืบเรื่องนี้ โดยหารู้ไม่ว่าเรียวโกะกำลังจับตาดูเขาและซายะอยู่

    จากนั้นฉากของเกมส์ก็ตัดฉาก เกี่ยวกับเรื่องเล่าสยองขวัญในโรงพยาบาลที่ฟุมิโนริรักษาตัวอยู่ เรื่องเล่าบอกว่าทุกยามค่ำคืนมีพยานหลายคนได้เห็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่รูปร่างไม่ใช้มนุษย์หรือสัตว์ใดๆ ในโลกที่รูปร่างคล้ายก้อนเนื้อน่าตาน่ากลัว มันชอบคืบคลานตามทางเดิน และมักทิ้งคราบเมือกๆ ปรากฏตามพื้น มันมักปรากฏบนเตียงคนไข้ หลายคนที่เห็นแทบเสียสติหรือกลายเป็นบ้ากับความสยดสยองของมัน มีข่าวลื่อเกี่ยวกับมันหลายอย่าง เช่น มันชอบกินแมวเป็นอาหาร ส่งผลให้พวกแมวจรจัดรอบๆ บริเวณโรงพยาบาลน้อยลง นอกจากนั้นมันยังเป็นต้นเหตุทำให้เด็กจากแผนกสูตินารีเวชหายไป นอกจากนั้นอวัยวะสำรองที่ใช้ปลูกถ่ายคนป่วยก็หายไปด้วย จนทางโรงพยาบาลประสบปัญหา แต่จู่ๆ เรื่องราวเหล่านี้กลับหยุดลงอย่างเด็ดขาดตอนปลายฤดูร้อน ไม่มีข่าวลื่อการพบตัวของสัตว์ประหลาดหรือการหายตัวไปของเด็กทารกหรือแมวอีกเลย....

    ทางด้านโคจิและโยนึกสงสัยว่าหลายวันมานี้ โอมิหายไปไหน พวกเขาติดต่อเธอไม่ได้เลย โคจิรู้ดีในวันที่โอมิยังมีชีวิตเธออาสาจะไปบ้านของฟุมิโมริ จากนั้นก็หายสาปสูญไปเลย โคจิพยายามสืบเรื่องการหายตัวไปของโอมิที่น่าจะสาเหตุมาจากฟุมิโนริ ที่หลังๆ แม้เขาจะเข้าห้องเรียนแต่กระนั้นเขาก็ไม่ค่อยพูดคุยกับคนอื่น เสมือนฟุมิโนริมองพวกเขาเหมือนคนละโลกอย่างไรอย่างนั้น โคจิรอเวลาที่ฟุมิโนริไม่อยู่บ้าน เพื่อที่เขาจะได้แอบเข้าไปสืบข่าว เมื่อโคจิไปถึงก็พบบ้านของฟุมิโมริอยู่สภาพบ้านขยะเหมือนกับโอมิมาครั้งแรก(แต่โทรมกว่าเดิม) เขาพบว่าประตูไม่ได้ล็อกแล้วเขาทำการสำรวจบ้าน เขาก็แปลกใจอีกครั้งนอกจากกินเหม็นสุดจะทนในบ้านเขายังพบเมือกประหลาดที่เต็มบนพื้นและบริเวณบ้าน ห้องน้ำเต็มไปด้วยซากกระดูกขนาดเล็กที่น่าจะเป็นของสัตว์ โคจิกำลังเข้าห้องครัว แต่พอดีฟุมิโมริมาพบเห็นก่อน เขาเห็นโคจิบุกรุกบ้าน เขาเลยจัดการไล่โคจิออกจากบ้าน แล้วบอกโคจิว่าอย่าเข้ามาในบ้านของเขาอีก

     

    วันหนึ่งซายะคิดอะไรสนุกขึ้นมาได้ เธอได้ขโมยข้อมูลประวัติคนป่วยที่ฟุมิโมริออกจากโรงพยาบาล .....เช้าวันต่อมา เธอได้วางแผนในการทดสอบการทดลองของเธอโดยแก้ไขอะไรบางอย่างกับสมองของลุงข้างบ้านของฟุมิโมริ........

    ค่ำคืนวันนั้นระหว่างที่ฟุมิโมรินอนกับซายะด้วยกันสองคนบนเตียง(ทั้งคู่เปลือย อิจฉาเว้ย) ซายะบอกฟุมิโมริว่า เธอสามารถแก้ไขอาการป่วยของฟุมิโมริได้ แต่ขอเวลาสักหน่อย เธอต้องการทดลองอะไรบางอย่าง........

     

    ในเวลาต่อมา เมื่อลุงข้างบ้านที่ตกเป็นเหยื่อทดลองของซายะได้ลืมตาตื่นขึ้นมา เขาได้พบว่าเขาอยู่ในโลกหนึ่งที่เต็มไปด้วยก้อนเนื้อขยะแขยง เหมือนฟุมิโมริ ลุงข้างบ้านตกใจและหวาดกลัวจนเสียสติ จากนั้นเขาก็ได้เห็นสัตว์ประหลาดก้อนเนื้อขนาดเท่าตัวคนปรากฏตัวที่หน้าห้อง มันถามทำนองว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายตรงไหน ชายคนนั้นตกใจเลยคว้าอาวุธที่อยู่ใกล้ตัว จ้วงแทงสัตว์ประหลาดก้อนเนื้ออย่างบ้าคลั่ง สัตว์ประหลาดกรีดร้องด้วยเสียงทำลายโสตประสาท

    “มันตัวอะไรว่ะ.....ทำไมมันอ่อนแอแบบนี้เนี้ย?”ลุงข้างบ้านแปลกใจเมื่อเขาฆ่าสัตว์ประหลาดก้อนเนื้อตายอย่างง่ายดาย

    ลุงข้างบ้านลงมาข้างล่าง เขาพบสัตว์ประหลาดก้อนเนื้ออีกตัว แต่ตัวเล็กกว่าด้านบนที่กำลังเข้ามาในบ้าน เขาตกใจอีกครั้งและก็จ้วงแทงฆ่าสัตว์ประหลาดตัวนี้อย่างบ้าคลั่งไม่แพ้ตัวแรก สัตว์ประหลาดก้อนเนื้อตัวเล็กดิ้นรนทุรนทุรายมันพยายามพูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “พ่อจ๋า.......”(เฉลยล่ะกัน ลุงข้างบ้านได้ฆ่าภรรยาและลูกสาวของเขา เพราะคิดว่าเป็นสัตว์ประหลาดก้อนเนื้อ)

    “ฮ่า....ฮ่าๆๆๆๆ”ลุงข้างบ้านหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เขาเสียสติไปแล้ว

    ทันใดนั้นซายะก็ปรากฏตัวใกล้ประตูเพื่อดูผลการทดลองของเธอ....

    “ฉันน่ารักไหม.....” ซายะถามลุงข้างบ้าน

    “น่ารัก...น่ารักสิ...เธอน่ารักมาก”ลุงข้างบ้านตอบด้วยน้ำเสียงหื่น

    “จริงเหรอ? งั้นผลการทดลองของฉันก็ประสบผลสำเร็จแล้วสิ ดีใจจัง”ซายะดีใจ แต่เธอไม่ได้สังเกตเห็นลุงข้างบ้านที่จ้องซายะด้วยท่าทางหื่นกระหาย ราวกับสิงโตกำลังตะครุบเหยื่อ

    “สาวน้อยน่ารัก ฉันต้องการเธอ เราจะอยู่ในโลกนี้ด้วยกันสองคน”(เรารู้ดีว่าพวกชอบโลลิคอนนั้นมีเยอะ)ลุงข้างบ้านกระโจมใส่ซายะหมายจะข่มขื่น

    “ทำไม ทำไมคุณไม่ดีต่อฉันล่ะ ไหนว่าคุณบอกว่าฉันน่ารักไง”ซายะตกใจกลัว และพยายามต่อสู้

    “ใช่เธอน่ารักมากๆ น่ารักจนอยากจะขยี้เธอเลยแหละ”ลุงข้างบ้านหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

    “อะไร, ไม่น้า ไม่ ช่วยด้วย ช่วยด้วยฟุมิโมริ!!”ลุงข้างบ้านฉีกเสื้อผ้าซายะจนขาดวิ่นด้วยไม่สนใจเขาขอร้องหรือเสียงกรีดร้องใดๆ

     

    ในเวลาเดียวนั้นเอง ฟุมิโมริกลับมาบ้านพอดี เขาได้ยินเสียงซายะร้องเรียกจากข้างบ้าน เขาบุกเข้าไป และเขาได้เห็นสัตว์ประหลาดก้อนเนื้อ(ลุงข้างบ้าน)กำลังทำร้ายซายะ เขาเลยรีบเข้าไปที่ห้องครัวและคว้ามีดทำครัว(ขนาดดาบ Evil+3) จากนั้นก็ทำการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดก้อนเนื้อ(ลุงข้างบ้าน)อย่างบ้าคลั่ง สัตว์ประหลาดก้อนเนื้อ(ลุงข้างบ้าน)ถูกมีดแทงไม่ยั้ง มันส่งเสียงร้องทำลายโสตประสาทด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะสิ้นลมแนบนิ่งไป ส่วนซายะที่ตัวเปลือยเปล่าก็เข้ามากอดฟุมิโนริและร้องไห้(ปล. คลิปโดนบัง ไม่ได้เห็นซายะเปลือยเต็มตัว)

    “ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ”ซายะร้องไห้

    “ไม่ต้องพูดอะไร นี่ไม่ใช้ความผิดของเธอ” ฟุมิโนริปลอบซายะ

    “ไม่ มันเป็นความผิดของฉันเอง ที่ทำให้เขากลายเป็นแบบนี้”

    “เธอกำลังพูดถึงอะไร?”ฟุมิโนริถามซายะ

    “ฉันทำการเปลี่ยนแปลงสมองของเขาให้เหมือนกับของคุณ ฉันคิดว่าถ้าคนอื่นเป็นแบบฟุมิโนริ พวกเขาจะดีต่อฉันเท่าเธอ แต่กลายเป็นว่าผลกลับตรงข้าม เขากับใช้กำลังกับฉัน......มันเป็นความผิดของฉัน...”ซายะร้องไห้

     ฟุมิโนริตอบซายะว่าที่เขาดีต่อเธอนั้นไม่ใช่เพราะความปกติทางสมอง เขารักเธอจากใจจริง ค่ำคืนที่สองเราอยู่ร่วมกันนั้นทำให้เราทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งสำหรับซายะแล้วเธอคือหนึ่งเดียวในใจของเขา

      "ซายะ.........ฉัน........" ก่อนที่ฟุมิโนริจะพูดอะไรมากกว่านี้ ซายะได้พูดตัดบท ก่อนที่เธอจะขอเป็นฝ่ายพูด

    “ฟุมิโนริอยากกลับเป็นปกติไหม”

    และแล้วเกมส์จะขึ้นตัวเลือกขึ้นมา “คุณต้องการกลับมาเป็นปกติ?” เลือกให้ดีๆ เพราะมันส่งผลฉากจบได้

     

    ทางเลือก

    1 Yes --- ฉากจบที่  1

    2 No --- ฉากจบที่ 2, ฉากจบที่ 3

     

    ฉากจบที่ 1 หากคุณตอบ Yes

     

    Yes” ฟุมิโนริตอบทันทีไม่มีลังเล โดยไม่ทันคิดว่าคำตอบนี้ทำให้ซายะเกิดอารมณ์เศร้าเล็กน้อย

    “นั้นสินะ มันต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว” ซายะพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ฟุมิโนริเกิดความรู้สึกไม่สบาย เขาพยายามพูดกับซายะหากแต่ซายะห้ามไว้ บอกว่าเธอไม่เป็นแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ซายะจูบฟุมิโนริเบาๆ ก่อนที่เขาจะเป็นลม สติกำลังเลือนหายไปช้าๆ......

    “ขอบคุณ ฟุมิโมริคุง.........”ซายะเดินจากลา

    “เดี๋ยวก่อน ซายะ รอก่อน.....มีอีกอย่างที่ฉันจะพูด..........”ฟุมิโนริร้องเรียกให้ซายะหยุดเพื่อฟังประโยคของเขา หากแต่ก็สายไปเสียแล้ว ซายะเริ่มหายไปจากเขาและสติเขาก็ลืมเลือนหายไป

    ฉากตัดมา เมื่อเวลาต่อมา ฟุมิโมริก็ลืมตาตื่นขึ้น เขาพบว่าตอนนี้ประสาทสัมผัสกลับมาเป็นปกติแล้ว โลกนรกก้อนเนื้อได้หายไป หากแต่เขาอยู่สถานที่แปลกไป มันเป็นห้องขาวโล่งๆ แคบๆ มีเตียงเดี่ยว

    ตอนนี้เขาอยู่ห้องขังโรงพยาบาลบ้า........

    หลังจากฟุมิโนริสลบไป มีคนได้มาพบศพของลุงข้างบ้าน(และศพในตู้เย็นที่บ้านฟุมิโนริด้วย) เขาถูกต้องข้อหาฆาตกรรมผู้อื่นโดยเจตนา หลักฐานมัดตัวหนาแน่น คำให้การของฟุมิโนริเรื่องผู้หญิงที่ชื่อ “ซายะ” นั้นไม่มีใครเชื่อถือ แถมจิตแพทย์หลังความเห็นว่า “เขาคือคนบ้า” ซายะมีจริงที่ไหน มันเป็นตัวตนจินตนาการของคนบ้าเท่านั้น เวลาคนทำผิดน่ะมักสร้างเรื่องราวให้ตนเองพ้นผิดทั้งนั้นแหละ

    ฟุมิโนริถูกนำตัวขังในห้องสีขาวโล่งๆ อย่างสิ้นหวัง แต่กระนั้นในใจลึกๆ เขาก็รอใครบางคน คนที่เขาตั้งใจจะพูดประโยคสำคัญก่อนที่เธอจะจากไป.....ซายะตอนนี้เธออยู่ไหนกันน่ะ?

    ฟุมิโนรินึกถึงอดีตที่ผ่านมา บางทีวันหนึ่งหากคำตอบ “No” เขาอาจจะอยู่กับซายะตลอดไปก็ได้ เขายอมจะอยู่โลกนรกแห่งก้อนเนื้อจะดีกว่าอยู่โลกแห่งความจริง โลกแห่งความจริงที่แสนจะโหดร้าย บางทีซายะอาจไม่มีตัวตนจริงๆ ก็ได้ ซายะเป็นเพียงจินตนาการของฉันแค่นั้นเอง

    ฟิมิโนริยังคงขังอยู่ในห้องสีขาว วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า แต่เขายังคงรอคอยบางคนอยู่เช่นเดิม

    กลางดึกคืนหนึ่ง ฟุมิโนริได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่นอกห้องขังนักโทษที่เคลือบคลานและเคลื่อนไหวไปมาอย่างน่าขยะแขยง แต่เขารู้สึกได้ว่ามันเป็นสิ่งที่เขารอมาแสนนาน

    “ซายะ.........นั่นซายะใช่เปล่า?”ฟุมิโนริร้องเรียก หากแต่อีกฝ่ายไม่โต้ตอบแต่อย่างใด

    “ทำไมซายะ ทำไมเธอถึงไม่พูดกับฉันล่ะซายะ”

    หลังจากเงียบไปพักใหญ่ ก็มีบางสิ่งบางอย่างส่งผ่านช่องว่างที่ประตู เป็นมือถือของโอมิที่ทำตกไว้หลังจากที่เธอถูกฆ่า บนหน้าเจอปรากฏข้อความที่ถูกพิมพ์ว่า “ตอนนี้ฉันพูดกับฟุมิโนริไม่ได้ เพราะเสียงของเธอไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว”

    ฟุมิโนริพูดว่าเขาไม่สนใจว่าตอนนี้เสียงของซายะเป็นอย่างไร ก่อนจะพูดอีกว่า “ซายะ ได้โปรด ฉันอยากเห็นหน้าของเธอ”

    จากนั้นฟุมิโนริส่งมือถือกลับไปที่ช่องว่างที่ประตู ก่อนที่มือถือจะถูกส่งกลับมาอีกครั้งมันเขียนไว้ว่า “ไม่!! ฉันไม่ต้องให้คุณเห็นร่างจริงของฉัน ฉันในตอนนี้....”

    ฟุมิโนริได้รับข้อความโทรศัพท์บนมือถือโอมิอีกครั้ง

    “ขอให้ฉันเป็นซายะคนเดิมในใจของฟุมิโนริคุงเถอะนะ”

    ฟุมิโนริรู้เลยว่าตอนนี้ซายะไม่ใช่ซายะที่เขาเคยเห็นอีกต่อไปแล้ว บางที่ตอนนี้รูปร่างของเธออาจเป็นสัตว์ประหลาดน่าเกลียดน่ากลัว การที่เขาเห็นเธอเป็นสาวน้อยน่ารักเป็นเพราะประสาททางสมองผิดปกติ และเมื่อตอนนี้สมองเขากลับมาเป็นปกติ ซายะเลยไม่อยากให้เขาเห็นร่างจริงของเธอ เธอเลยจำต้องทิ้งเขา เพื่อไม่ให้เขากลัวเธอ

    ซายะพิมพ์ข้อความส่งกลับอีกว่า ตอนนี้เธอวางแผนจะตามหาพ่อเพียงคนเดียว เพราะพ่อเป็นคนเดียวที่รู้วิธีส่งตัวเธอกลับไปยังโลกของเธอ

    ฟุมิโนริรู้เลยว่าตอนนี้ซายะที่อยู่ข้างนอกกำลังร้องไห้ บางทีนี้อาจเป็นเส้นทางเดินที่อาจเต็มด้วยขวากหนามที่เต็มไปด้วยอันตราย เขาก็อยากจะช่วยเธอตามหาพ่อ แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถช่วยซายะได้อีกต่อไปแล้ว  เขาเพียงกล่าวคำอวยพรและพยายามปลอบซายะเท่านั้น"ถ้าเธอเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ ก็มาหาฉันในห้องนี้ได้ทุกเมื่อนะซายะ"

    ข้อความสุดท้ายของโทรศัพท์มือถือของโอมิคือ “ขอบคุณ ลาก่อนฟุมิโนริ และฉันจะทำดีที่สุด”

    ฟุมิโนริรู้ดีว่าถึงเวลาที่ต้องลาจากแล้ว เขาพิมพ์ข้อความโทรศัพท์มือถือสุดท้ายว่า “ลาก่อน ซายะ”

    และจากนั้นเป็นต้นมา ฟุมิโนริก็ไม่ได้เห็นหรือได้ยินข่าวจากซายะอีกเลย คำพูดสุดท้ายที่เขาตั้งใจจะบอกซายะก็ทำไม่สำเร็จ บางทีนี้อาจเป็นความฝันเป็นจินตนาการของเขาเพียงผู้เดียว แต่กระนั้นเขาก็จะอยู่ในห้องสีขาวแห่งนี้เพื่อจะรอคอยเธอตลอดไป......... 

    (เพลงฉากจบ 1 มีชื่อเพลงว่า ~Glass Shoes~ http://www.youtube.com/watch?v=TzVofvWWOqM)
              
              ความคิดเห็นส่วนตัวกับฉากจบ 1
     เป็นฉากจบที่ไม่สนปริศนาทั้งหมดในเรื่อง ไม่ว่าพ่อซายะเป็นใครกันแน่? ความลับของเรียวโกะคืออะไร? ซายะตัวจริงรูปร่างเป็นแบบไหน? โอมิและโคจิจะมีบทบาทยังไงต่อ? พูดง่ายฉากจบนี้ถือว่าเป็นการตัดจบเลยก็ว่าได้ ภาษาเกมส์เมอร์นิยามว่าจบแบบดาร์ก หรือปาหมอน(มันก็เลวร้ายทุกตอนจบแหละ) เป็นฉากจบแบบขาดเกินๆ แต่กระนั้นสำหรับผมแล้วถือว่าเป็นฉากจบที่ดีที่สุดของเรื่องก็ว่าได้

    เนื้อหาหลักๆ ของตอนจบนี้คือ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเห็น เป็นเพียงแค่ความฝัน ซายะไม่มีตัวตนอยู่จริง เสียง ภาพ หรือสัมผัสต่างๆ เป็นเพียงจินตนาการของคนบ้าเท่านั้น จุดจบของเรื่องนี้คือต้องจับคนบ้าคนนั้นมาขังห้องขังแคบๆ ตลอดกาล บางทีนี้อาจเป็นทางออกของบทสรุปที่ดีที่สุด เพราะในเมื่อนายเป็นคนบ้า อยู่โลกภายนอกก็มีแต่ความทุกข์ จิตใจยิ่งเสื่อมโทรมลง คนรอบข้างและสังคมมีแต่จะเดือดร้อน สู้อยู่คนเดียวในห้องขังแห่งนี้จะดีกว่า สบายกว่ากันเยอะ

    คิดๆ แล้วสงสารฟุมิโนริ เขาไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้หนอถึงได้กลายเป็นแบบนี้ พ่อแม่ตายเพราะอุบัติเหตุ สมองก็มีปัญหา หมดอนาคตการเป็นหมอ สุดท้ายก็จบไม่สวยอีก บางทีสิ่งที่ฉากจบของเกมส์นี้ที่ต้องการจะสื่อก็คือชีวิตนี้ไม่เหมือนละคร ความรักไม่สวยหรู ไม่ใช่ว่าแค่รักทุกอย่างจะง่าย เราจะต้องให้ความสำคัญกับคนรอบข้าง ชีวิตส่วนตัว และการงาน พร้อมๆ กับความรัก อย่าหมกมุ่นกับเรื่องอย่างว่าเพียงอย่างเดียว ไม่งั้นตัวเราอีกนั้นแหละที่จะทำลายตัวเองในที่สุด

    มาคิดๆ ดู ซายะมีนิสัยจะเหมือนเด็กที่ไม่รู้จักโลกภายนอก  ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร ฟุมิโนริน่าจะเตือนซายะสอนซายะเกี่ยวกับโลกของเขา หากแต่เขาก็ไม่สอน กลับให้ดีเห็นงาม ไม่ดุด่า แค่ปลอบว่าเธอไม่มีความผิด ผลสุดท้ายมันก็กลายเป็นหายนะดังกล่าว

    นี้คือบทเรียนของความรักที่ดีอีกเรื่องหนึ่ง

     

    ทางเลือกที่สอง หากคุณ No --- ฉากจบที่ 2, ฉากจบที่ 3

     

    เรื่องราวต่อไปนี้ชักจะเริ่มบ้าคลั่ง..........

    ฟุมิโนริปฏิเสธซายะเขาไม่อยากกลับเป็นปกติ เพราะเขารู้ดีว่าหากเป็นเช่นนั้นซายะจะหายไปจากเขา โดยเขาหารู้ไม่ว่าการปฏิเสธในครั้งนี้นำมาซึ่งหายนะที่น่าสยดสยองในอนาคตข้างหน้า

    “ทำไมล่ะ? มันเป็นสิ่งที่ฟุมิโนริต้องการไม่ใช่เหรอ?” ซายะถามอีกครั้ง

    “ไม่ มันไม่จำเป็นอีกแล้ว ซายะ!! ฉันไม่อยากเสียเธอไป”ฟุมิโนริตอบอย่างมั่นใจ

    “ฉันไม่ต้องการให้ฟุมิโนริคุงนึกเสียใจทีหลัง ดังนั้นฉันจึงได้ถามเธอ แต่เธอ..... ”ซายะร้องไห้

    “ตอนเด็กๆ ฉันเคยอ่านการ์ตูนเรื่องหนึ่งนะ”ฟุมิโนริย้อนอดีตให้ซายะฟัง

    ก่อนที่จะพูดอะไรต่อ ฟุมิโนริถามซายะว่าสัตว์ประหลาดที่เห็นเป็นใครเหรอ ซายะตอบว่าลุงข้างบ้านพร้อมกับเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ฟุมิโนริไม่สนใจนักแม้ลุงข้างบ้านจะเป็นคนใจดีมักห่วงเขาอยู่บ่อยๆ แต่มันดันทำไม่ดีไม่ร้ายกับซายะมันก็สมควรตาย จากนั้นเขาก็เอาร่างสัตว์ประหลาดพ่อ แม่ ลูกทั้งสามไปทำอาหารที่ห้องครัว........ระหว่างทำอาหารนั้นฟุมิโนริก็เล่าการ์ตูนเรื่องนั้นไปด้วย

    “การ์ตูนเรื่องนั้นเป็นเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ประสบอุบัติเหตุ ทำให้มนุษย์ทุกคนในสายตาของเขากลายเป็นหุ่นยนต์ และหุ่นยนต์จะเหมือนผู้หญิงสวย มันอาจจะไม่คล้ายสถานการณ์ฉันก็จริง แล้วเขาก็ตกหลุมรักหุ่นยนต์ตัวนั้น ซายะคิดยังไงบ้างล่ะ?” (ประโยคนี่เขียนอังกฤษว่า "The story goes, A man, because of an accident, every human in his eye looks like a robot, and every robot looks like a beautiful woman, isn't that similar to my situation, and then he fell in love with a robot...Saya, who's this?” แน่นอนครับสิ่งที่ฟุมิโนริเล่ามาจากการ์ตูนอมตะเรื่องวิหกเพลิงของโอซามุนั้นเอง)

    “แหม...”ซายะตั้งใจเรื่องโรแมนติกฟังฟุมิโนริเล่า อย่างจดใจจดจ่อ

    ฟุมิโนริลดมีดลงในขณะที่เขากำลังชำแหละเยลลี่สัตว์ประหลาดที่ส่งกลิ่นหอมหวน ก่อนที่จะพูดว่า “ฉันคิดว่า.....”

    “ฟุมิโนริ.......”

    “ในที่สุดชายคนนั้นก็ได้เป็นหุ่นยนต์และอยู่อย่างมีความสุขตลอดกาล ซายะฉันรักเธอ”(ประโยคนี้แปลมาจาก "In the end, the main character became a robot, and lived happily ever after, I love you Saya" จะเห็นได้ว่าเรื่องที่ฟุมิโนริเล่าค่อนข้างผิดเพี้ยนพอสมควร ฉากจบการ์ตูนที่ว่ายังมีต่ออีกยาวและไม่ได้แอปปี้เหมือนฟุมิโนริเล่ามา เขาตีความการ์ตูนตอนนี้ไม่กระจ่าง....)

    ฟุมิโนริรู้ดีว่าซายะไม่ใช่มนุษย์ เขาจึงตัดสินใจที่จะทิ้งชีวิตคนปกติ ในขณะเดียวกันเขาไม่อยากฆ่าหรือกินมนุษย์ แม้ภายนอกเขาจะเห็นเป็นสัตว์ประหลาดก้อนเนื้อก็ตาม(แต่เนื้อเยลลีนี้อร่อยเป็นบ้าเลย) โชคดีที่เนื้อของลุงข้างบ้าน, ภรรยาและลูกนั้นมีมีเยอะ จนสามารถเก็บเต็มตู้เย็น หมายความว่าพวกเขาไม่ต้องกังวลในการหาอาหารไปพักใหญ่เลยทีเดียว

     ค่ำคืนวันนั้นระหว่างที่ฟุมิโนริอยู่กับซายะที่ห้องนอน ฟุมิโนริได้บอกเรื่องพ่อของซายะที่เขาไปสืบให้ซายะฟัง ความจริงแล้วพ่อของซายะไม่ใช่พ่อแท้ๆ เป็นพ่อบุญธรรมที่เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่มีอาชีพเป็นศาสตราจารย์ที่สอนซายะในเรื่องต่างๆ ฟุมิโนริได้ไปสืบที่บ้านของเขา เขาก็ได้พบภาพถ่ายสถานที่แห่งหนึ่ง ที่คาดว่าพ่อของซายะอาจจะอยู่ที่นั่น

    ฟุมิโนริบอกซายะว่าพรุ่งนี้เขาจะไปตรวจสอบสถานที่แห่งนี้ แต่ซายะบอกไม่จำเป็น เพราะตอนนี้เธอมีฟุมิโนริอยู่แล้ว แต่ฟุมิโนริบอกว่าถึงอย่างไรก็ต้องไป เพราะเขาคิดว่าสถานที่แห่งนี้เหมาะจะเป็นรังรักของพวกเรา นอกจากนี้เขายังคิดแผนอะไรบางอย่างที่อยู่ในใจของเขามาตั้งนานแล้ว

    จากนั้นซายะถามฟุมิโนริว่าเขาอยากได้เพื่อนและครอบครัวไหม ฟุมิโนริแปลกใจกับคำถามของซายะแต่เขาก็ตอบว่าอยากสิ เพราะคนยิ่งเยอะก็ยิ่งสนุก แต่ถึงยังไงซายะก็ยังเป็นคนพิเศษสำหรับเขาอยู่ดี

    เมื่อซายะได้ยิน ซายะก็หัวเราะ ตอนนี้เธอได้คิดแผนอะไรบางอย่างอยู่ในใจ ที่เธอจะจัดการวันพรุ่งนี้............

     

    วันต่อมา ณ ที่มหาลัยแพทย์ โยกำลังนั่งอยู่คนเดียวที่โรงอาหาร ระหว่างที่เธอกำลังนึกถึงวันเก่าๆ ที่แสนสุขและการหายตัวไปของโอมิอยู่นั้นเธอก็ได้รับข้อความที่โทรศัพท์มือ มันถูกส่งจากโทรศัพท์ของโอมิ แต่เธอแน่ใจว่าคนส่งไม่ใช่โอมิแน่ๆ

    “ถ้าอยากรู้เรื่องของฟุมิโนริ จงมาที่บ้านเขาคนเดียว อย่าบอกใครเด็ดขาด”

    โยรู้ดีคนส่งไม่ใช้โอมิ แต่กระนั้นเธอก็แกล้งทำเป็นเชื่อ เธอพยายามพิมพ์ข้อความถามเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามบอกอะไรมากกว่านี้ หากแต่ก็ไร้ผลเพราะปลายสายไม่ให้ข้อมูลอะไรทั้งสิ้น ทำให้โยต้องจำเป็นต้องไปบ้านของฟุมิโนริ

    บ่ายวันนั้นโยมาถึงบ้านฟุมิโนริ โยตกใจเล็กน้อยที่บ้านของฟุมิโนริกลายเป็นบ้านของขยะ ในระหว่างที่เธอยังไม่ทันหายตกใจ ข้อความโทรศัพท์จากโทรศัพท์ของโอมิก็ถูกส่งตรงมา มันเขียนทำนองให้โยทำตามคำสั่งให้เข้าบ้าน โยเข้าบ้านแบบกล้าๆ กลัวๆ น้ำตาเกือบจะไหล ข้างในบ้านของฟุมิโนริมืดอย่างน่ากลัว กลิ่นเหม็นโชยอย่างน่าสะอิดสะเอียน โยขึ้นไปชั้นสองเนื่องจากได้ยินเสียงโทรศัพท์ของโอมิดังขึ้น โยพยายามคิดว่าโอมิยังไม่ตาย บางที่นี้อาจเป็นการแกล้งของโอมิก็ได้ โอมิกำลังอยู่ข้างบน

    โยเข้าไปในห้องของโยเธอช็อกกับภาพที่อยู่เบื้องหน้า สภาพห้องนอนถูกละเลงสีสันหลากหลายราวกับศิลปะของคนบ้า โยพยายามจะถอยฉากหนีจากสถานที่แห่งนี้ หากแต่ทันใดนั้นมีสิ่งที่โยไม่เคยเห็นพุ่งเข้ามาจู่โจมเธอ โยกรีดร้องพยายามต่อสู้ แต่หนวด(หรือระยางค์)ของมันรัดเธอจนแน่น เมือกเหนียวเต็มตัวเธอ  พลังของมันนั้นมหาศาลเพราะมันสามารถฉีกเสื้อผ้าของโยอย่างง่ายดาย มันรัดโยแน่นจนโยเริ่มหมดแรงและก่อนที่โยจะหมดสติลง ข้อความมือถือก็ปรากฏข้อความขึ้น มันเป็นข้อความเหมือนเด็กสาวคนหนึ่งที่พิมพ์ข้อความด้วยความริษยาหึ่งหวงเต็มประดา

     “ฉันรู้นะว่าคุณพยายามยั่วยวนฟุมิโนริคุง คุณพยายามขโมยเขาจากฉัน นังแมวขโมย แต่ไม่ต้องห่วงฉันไม่ฆ่าคุณหรอก”

    สติของโยเริ่มดับวูบลง ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดลง..................

     

    ย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่โยอยู่โรงอาหาร ณ มหาลัยแพทย์อีกมุมหนึ่ง โคจิกำลังเดินทางไปหาโยที่โรงอาหาร จู่ๆ เขาก็ได้รับโทรศัพท์จาก "ฟุมิโนริ" ซึ่งตอนนี้เขากลัวอดีตเพื่อนรักคนนี้อย่างจับใจ

    โคจิรับโทรศัพท์ ปลายสายเป็นเสียงของฟุมิโนริ เขาบอกมีเรื่องจะคุยด้วย ขอให้เขามาที่ลานจอดรถข้างล่าง

    โคจิลงมาที่ลานจอดรถตามที่ฟุมิโนริบอก เขาเห็นฟุมิโนริด้วยสีหน้าเหมือนมีอะไรแอบแฝงอยู่ บรรยากาศรอบตัวของเขาม่น่าไว้วางใจเสียเลย เขาได้ขอร้องให้โคจิช่วยขับรถพาเขาไปส่งสถานที่แห่งหนึ่ง ฟุมิโนริยื่นรูปใบหนึ่งให้โคจิดูมันเป็นรูปบ้านพักตากอากาศที่อยู่ไกลจากโตเกียวอย่างมาก ขนาดเดินทางด้วยรถยนต์ต้องใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมง

    แต่กระนั้นโคจิก็รับปากเพราะเป็นโอกาสดีที่จะไขปริศนาของฟุมิโนริได้ โคจิให้ฟุมิโนริขึ้นรถส่วนตัวของเขา ระหว่างที่ขับรถโคจิพยายามพูดคุยกับฟุมิโนริต่างๆ นาๆ แต่ฟุมิโนริไม่เล่นเดียว สำหรับตอนนี้ฟุมิโนริไม่ใช้คนเดียวกับเขารู้จักอีกแล้ว เหมือนพวกอยู่คนละโลกมากกว่า

    โคจิขับรถยนต์ไปตามทางถนน เส้นทางนี้ได้นำพาพวกเขาไปยังสถานที่ห่างไกลทุกคนไปทุกที จนกระทั้งมาหยุดลงที่บ้านพักตากอากาศบนภูเขาแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยป่าเขา และดูเหมือนที่บ้านจะร้างไม่มีคนอาศัยอยู่

    ฟุมิโนริเชิญชวนให้โคจิไปสำรวจตัวบ้านด้วยกัน แต่ก็อย่างภายในบ้านก็อย่างที่คาดไว้เหมือนกับภายนอก ไม่มีร่องรอยของผู้อยู่อาศัย ฝุ่นเกาะและหยากไย่ปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณบ้าน

    ทั้งสองสำรวจทั่วบริเวณก็ไม่พบสิ่งที่น่าสนใจสักอย่าง จนกระทั้งทั้งสองแยกกันค้นหา โคจิค้นหาหลังบ้านเขาดูห้องใต้ดินก็ไม่ได้เจออะไรจากนั้นเขาก็สำรวจไปเรื่อยๆ จนมาหยุดที่บ่อน้ำเก่าๆ บริเวณสวนด้านหลังบ้าน ในระหว่างนั้นโคจิลองโทรศัพท์ไปหาโย เมื่อปลายสายรับโทรศัพท์ โคจิก็รู้สึกแปลกใจเมื่อคนรับโทรศัพท์นั้นคือโย แต่น้ำเสียงของเธอค่อนข้างจะแปลกๆ มันไม่ปะติดประต่อ ขาดช่วง ถามอะไรก็ตะกุกตะกัก มีขอความช่วยเหลือกับเสียงสะอื้นเหมือนกำลังร้องไห้เป็นระยะ สลับกับเสียงที่กำลังเจ็บปวดทนทุกข์ทรมานสุดแสนสาหัสอย่างน่าสยดสยอง

    “หู........มันกำลังกัดกินหูของฉัน...นิ้วนี้.....ไม่นิ้วของฉัน....นิ้วของฉัน....ไม่”

    โคจิกำลังช็อกกับสิ่งได้ยิน ตอนนี้โยกำลังอยู่สภาพสิ่งใดกันแน่ โยกำลังถูกสิ่งใดกัดกินตัวเธออยู่เหรอ?

    ระหว่างที่โคจิเดือดร้อนใจอยู่นั้น จู่ๆ เขาก็ถูกจู่โจมโนฟุมิโนริอย่างรวดเร็ว ฟุมิโนริทำร้ายเขาจนเขาตกลงในบ่อน้ำเก่า ตัวของโคจิกระแทกที่ก้นบ่อ เขาได้รับบาดเจ็บแต่ไม่ถึงตาย แต่เขาตกใจและงงกับการทรยศโดยเพื่อนที่ดีที่สุดของเขาเสียมากกว่าอาการบาดเจ็บเสียอีก

    โคจิถามฟุมิโนริถึงเหตุผลว่าทำไมถึงทำแบบนี้ ฟุมิโนริหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เขาตอบว่ามันไม่มีเหตุผล แค่กำจัดตัวอันตรายสำหรับเขาและซายะในวันข้างหน้าแค่นี่เอง ฟุมิโนริพูดคุยกับโคจิเล็กน้อย ก่อนที่จะทิ้งโคจิที่ตกบ่อน้ำไว้ตามลำพัง จากนั้นก็ขับรถจากไป....

     

    ฟุมิโนริกลับมาถึงบ้านของเขาในตอนเช้า ซายะที่กำลังรอฟุมิโนริอยู่แสดงอาการเหมือนเด็กๆ (มีฉากฟุมิโนริอาบน้ำกับซายะด้วยล่ะ โครตอิจฉาเลย) ฟุมิโนริขอโทษซายะว่าเขาตามหาพ่อของเธอไม่สำเร็จ พ่อของเธอไม่ได้อยู่ที่นั่น ซายะบอกว่าไม่เป็นไร อีกทั้งเธอยังเตรียมของขวัญพิเศษจะให้เขา ซายะพาฟุมิโนริไปดูของขวัญที่เตรียมไว้ในมุมห้องหนึ่ง ณ ที่นั้นเขาก็พบกับโย

    โยที่ฟุมิโนริเห็นอยู่ในสภาพของมนุษย์ที่ร่างกายเปลือยเปล่า มีเพียงปลอกคอเท่านั้นที่สวนใส่อยู่ เธออยู่ในสภาพเหมือนคนเสียสตินอนขดตัวแน่นด้วยความหวาดกลัว ฟุมิโนริคิดได้เลยว่าตอนนี้ร่างแท้จริงของโยในโลกแห่งความจริงถูกซายะดัดแปลง จนเธอกลายเป็นสัตว์ประหลาดน่าเกลียดไปเรียบร้อย

    ซายะบอกฟุมิโนริว่านี้คือสัตว์เลี้ยงใหม่ของพวกเรา

    “ถึงแม้จะดัดแปลงทดลองจนสำเร็จ แต่ดูเหมือนจะใช้เวลากลายสภาพนานเกินไป ทำให้จิตใจของเธอบกพร่องอ่ะนะ” ซายะก็อธิบายการทดลองของเธอเสมือนกับว่าเธอมีความรู้เกี่ยวกับการแพทย์พอสมควร จากนั้นซายะยิ้มอย่างภาคภูมิใจเสมือนกับเด็กที่ทำทดลองในชั่วโมงวิทยาศาสตร์สำเร็จ

     

    ทางด้านโคจิหลังจากอยู่บ่อน้ำพักใหญ่ๆ เขาก็ถูกช่วยเหลือโดยเรียวโกะที่ตามเบาะแสจนมาถึงที่นี้ โคจิได้ตามเรียวโกะไปที่ทางลับอุโมงค์ที่มืดมิดที่ซ่อนในบ่อน้ำร้างของบ้านพักตากอากาศ ระหว่างนั้นเรียวโกะก็พูดถึงเรื่องเก่าๆ เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่ไม่มีอยู่บนโลกที่ทำให้ชีวิตคนที่เธอรู้จักเปลี่ยนไป เธอน่าจะจัดการตั้งแต่วันนั้น ไม่น่าจะปล่อยให้มันหลุดรอดจนถึงบัดนี้เลย ทำให้คนอื่นๆ ต้องมารับเคราะห์เพิ่มไปอีก

    โคจิตามเรียวโกะจนมาถึงห้องหนึ่งเหมือนเป็นห้องวิจัยอะไรบางอย่าง มีโต๊ะผ่าตัดอยู่กลางห้อง ชั้นวางหนังสือเก่าๆ  ตู้ยาเต็มไปด้วยขวดยาและสารเคมี บ่บอกถึงสถานที่แห่งนี้วิจัยอะไรบางอย่างที่เป็นความลับบอกคนภายนอกรู้ไม่ได้

     

    และแล้วโคจิก็รู้ความลับของเรียวโกะเข้า เมื่อเรียวโกะชี้ไปที่มุมห้องหนึ่ง ณ มุมห้องนั้นมีศพที่แห้งกรังของชายคนหนึ่งที่มีปืนกระบอกสั้นในมือที่เขาใช้ฆ่าตัวตาย.........

    ศพคนนี้คือเจ้าของบ้านพักตากอากาศแห่งนี้,คนรู้จักของเรียวโกะ และพ่อของซายะนั่นเอง.....

                   

    โคจิตื่นมาอีกครั้ง หลังจากที่เขาสลบจากการตกใจเมื่อเห็นศพ เขาพบว่าตนเองอยู่บ้านพักตากอากาศชั้นบน โดยมีเรียวโกะกำลังนั่งตรวจสอบเอกสารบางอย่างอยู่

    เรียวโกะบอกว่าโคจิว่าศาสตราจารย์หรือเจ้าของบ้านพักแห่งนี้กำลังเดินการวิจัยสิ่งมีชีวิตอะไรบางอย่างอยู่ มันเป็นผลงานลับสุดยอดที่โลกไม่ควรจะรู้ ซึ่งเขายอมจบชีวิตตนเองลงเพื่อรักษาความลับนี้เอาไว้ แต่กระนั้นดูเหมือนว่าสิ่งมีชีวิตวิจัยตัวนั้นเกิดหลุดออกไป และหนีหายไปไหนสักแห่ง ซึ่งตอนนี้เธอกำลังตามหามันอยู่

    โคจิบอกกับเรียวโกะว่า บางทีอาจเกี่ยวข้องกับฟุมิโนริเพราะเขาพยายามสืบหาเรื่องนี้เหมือนกัน

    จากนั้นโคจิเสนอว่าให้แจ้งตำรวจ แต่เรียวโกะคัดค้าน เนื่องจากมันไม่มีประโยชน์ โคจิเลยตัดสินใจจะไปช่วยโยและยุติปัญญากับฟุมิโนริตามลำพัง เรียวโกะสั่งห้าม แต่โคจิยังดื้อดึง จนเรียวโกะใจอ่อน เธอเลยให้ปืนสั้นโคจิใช้เพื่อป้องกันตัว โคจิยินดีรับก่อนที่จะขับรถจากไป

    ระหว่างที่โคจิขับรถเพื่อกลับโตเกียว เขาได้โทรศัพท์ไปหาฟุมิโนริเพื่อทำสงครามจิตวิทยา

    ปลายสายที่รับโคจิรู้ทันทีว่าเป็นเสียงฟุมิโนรริ น้ำเสียงของเขาแสดงอาการตกใจ หวาดกลัว และเคียดแค้นสุดขีด

    “โย! นายคงไม่คิดว่าจะได้รับสายจากคนที่ตายไปแล้วน่ะ” โคจิเริ่มพูด

    “.....แกรอดมาได้ไง”

    โคจิเริ่มพูดเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการที่เขาเจอทางลับในบ่อน้ำที่เชื่อมไปยังห้องวิจัยใต้ดิน รวมทั้งได้เจอเจ้าของบ้านพักคนที่ฟุมิโนริต้องการหา ก่อนที่เขาจะพูดประโยคโยนหินถามทางว่า

    “ฉันรู้เรื่องทั้งหมด ทุกสิ่งทุกอย่างรวมถึงเรื่องซายะด้วย นายเสร็จแน่ฟุมิโนริ......”

    “แก....ไอ้เลว” น้ำเสียงของฟุมิโนริที่โคจิได้ยิน รู้เลยว่าตอนนี้กำลังโมโหจัด จากนั้นฟุมิโนริก็หลุดปากว่าโยยังมีชีวิตอยู่ ฟุมิโนริจึงสั่งฟุมิโนริให้ปล่อยตัวโย แล้วเขาจะไม่ทำอันตรายฟุมิโนริกับซายะ เขาให้เวลาฟุมิโนริตัดสินใจ ก่อนที่เขาจะวางโทรศัพท์ไป

    หลังจากโคจิวางสาย เขาเอาหน้าซบกับพวงมาลัยและร้องไห้ โดยไม่สนใจทางข้างหน้า เขาไม่คิดเลยว่าซะตากรรมของเขาจะเป็นเช่นนี้

            

    ทางด้านเรียวโกะยังอยู่ที่บ้านพัก เธอได้เกาะรหัสลับในเอกสารของเจ้าของบ้านพักจนได้ความว่า เขาได้พบสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่ไม่สามารถระบุที่มาของมันได้ เขาตั้งชื่อมันว่า “ซายะ” สิ่งมีชีวิตนี้มีสติปัญญาเกินกว่ามนุษย์และกระหายที่จะเรียนรู้ จนสามารถพัฒนาความคิดอย่างรวดเร็ว เช่นการสื่อสารที่มันเรียนรู้ภาษาของมนุษย์ การแตกฉานเรื่องการคำนวณยิ่งกว่าซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ทั้งโลกมารวมกัน นอกจากนั้นยังพัฒนาอารมณ์เหมือนมนุษย์แต่การพัฒนานั้นค่อนข้างมากจนน่ากลัว นอกจากนี้สิ่งที่ซายะสนใจที่สุดคือการสืบพันธุ์และการขยายพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต การเรียนรู้นี้ทำให้ซายะสามารถดัดแปลงสิ่งมีชีวิตทั้งหลายให้กลายเป็นอะไรก็ได้ตามใจเธอต้องการ

                   

    กลับมาที่โคจิเขาได้สูญเสียความเชื่อและความหวังให้เพื่อนรักของเขากับมาเช่นเดิม เขายืนอยู่หน้าบ้านขยะของฟุมินิโนริ แต่เขาไม่คิดจะกดกลิ่นหน้าบ้าน แต่แอบเขาเข้าไปในบ้านและเริ่มต้นสำรวจอย่างระมัดระวัง ก่อนที่จะหยุดที่ห้องครัวที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรงและรอยเลือดแห้งที่เต็มพื้นและผนังของห้อง จากนั้นเขาก็เดินไปที่ตู้เย็นที่สังหรณ์ว่ามันมีอะไรบางอย่างที่สำคัญอยู่ในนั้น ในนั้นเขาได้พบ ชิ้นส่วนของมนุษย์ที่แล่ออก ซากศพถูกเก็บอัดแน่นไว้กล่องพลาสติกใสสีขาว เขาไม่แน่ใจว่าซากศพนั้นเป็นของคนรู้จักและคนรักหรือเปล่า หากแต่มือเรียวยาวนี้เขาช่างคุ้นเคยเสียจริง ที่เมื่อก่อนเขาเคยจับและจูบหลายครั้ง มาบัดนี้กลายเป็นมือซีดขาวและสยดสยอง สุดท้ายฟุมิโนริตัดสินใจครั้งสุดท้ายหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อโทรไปหาใครบางคน

    และแล้วเกมส์จะขึ้นตัวเลือกขึ้นมา คนที่โคจิโทรไปหา?” เลือกให้ดีๆ เพราะมันส่งผลต่อฉากจบได้

     

    ทางเลือก

    1.  ฟุมิโนริ – Ending 2

    2.   เรียวโกะ– Ending 3

     

    ฉากจบที่ 2 หากคุณตอบ “ฟุมิโนริ”

            

    โคจิทำการสำรวจบ้านก็พบฟุมิโนริไม่อยู่บ้าน เขาเลยโทรไปหาฟุมิโนริ

    ฟุมิโนริรับสาย โคจิพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่าตอนนี้เขาอยู่ไหน พร้อมกับพูดให้อีกฝ่ายคืนตัวโยเพื่อแรกเอกสารวิจัยของซายะ

    ฟุมิโนริตอบตกลง พร้อมกับนัดให้โคขิไปรอที่บ้านของพ่อของซายะ ตอนทุ่มตรง จากนั้นฟุมิโนริวางสายทันทีที่พูดจบ

    ทางด้านฟุมิโนริกับซายะและโย ได้หนีออกมายังข้างนอก เพื่อไปซ่อนตัวที่โรงพยาบาลร้างหลังหนึ่งบนภูเขาตามคำแนะนำของซายะ สภาพบ้านหลังใหม่นี้เละกว่าบ้านของฟุโนริเสียอีก หากแต่ตอนนี้ที่นี้คือสถานที่เหมาะสมสำหรับเขาและซายะ

    ฟุมิโนริเริ่มใช้ชีวิตในชั้นใต้ดินกับซายะและโย เขาซื้อของใช้ที่จำเป็นมาได้พอสมควร นอกจากนี้เขายังซื้ออาวุธใหม่เป็นขวาน ระหว่างนั้นเขาและซายะก็เริ่มวางแผนการเพื่อรับมือกับโคจิ

    ระหว่างนี้มีบทสนทนาระหว่างฟุมิโนริกับซายะที่ดูเหมือนน่ารักสดใส แต่หากตีความหมายมันแหวะๆ ไงชอบกล ฟุมิโนริเริ่มพูดกับซายะถึงอนาคตของพวกเรา ซายะกล่าวทำนองว่าอีกไม่นานเธอจะมีพลังอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงโลก แต่เธอไม่รู้ว่าพลังความสามารถที่ว่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่

    “ฟุมิโนริคุณรู้เรื่องดอกแดนดิไลอ้อนไหม ดอกดิไลอ้อนมันจะปล่อยลูกหลานมากมายของมันปลิวไหวไปในกระแสอากาศ อีกไม่นานโลกนี้จะกลายเป็นสวนของดอกดิไลอัน และเมื่อนั้นฟุมิโนริคุงจะพบคนที่รักในสวนแห่งนั้น” (ดอกไม้ชนิดหนึ่งที่มีภาษาดอกไม้แล้วแต่สี  หากแต่ความหมายโดยทั่วไปหมายถึงความรักที่พระเจ้าบันดาลให้)

     

    โคจิเดินทางไปสถานที่นัดหมายตามที่ฟุมิโนริบอก หากแต่เมื่อถึงสถานที่นัดหมายไว้ กลับโดนฟุมิโนริเปลี่ยนใจเปลี่ยนสถานที่ถึงสามครั้ง จนกระทั้งมาหยุดในสถานที่แห่งหนึ่งที่ไร้แสงไฟและลับตาคนบนยอดเขา

    โคจิลงจากรถ(ส่วนเรียวโกะซ่อนตัวที่ท้ายรถ)เขาได้รับโทรศัพท์มือถือจากฟุมิโนริอีกครั้ง บอกให้เขาเข้าไปข้างใน โคจิเตรียมปืนและไฟฉายและเข้าไปข้างในอย่างระมัดระวัง

    โคจิเดินเข้าไปทางเดินอย่างเงียบๆ สักพักเขาก็ได้พบกับสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดรูปร่างก้อนเนื้อที่เป็นเมือกเหนียวๆ มีกลิ่นเหม็นเคลื่อนที่ไปมาพร้อมส่งเสียงประหลาดเหมือนเสียงสะอื้น และสิ่งนั้นกำลังตรงเข้ามายังที่เขาอยู่

    “โคจิคุง.....” สัตว์ประหลาดก้อนเนื้อส่งเสียง แม้จะเป็นเสียงที่ไม่ชัดเจน แต่โคจิรู้ว่าเสียงนั้นคือโยเพื่อนสาวของเขา

    โยในรูปร่างสัตว์ประหลาดส่งเสียงขอร้องให้โคจิฆ่าเธอ โคจิตกใจก่อนที่จะยิงปืนไปที่สิ่งนั้นอย่างรวดเร็ว

    “มันเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บมันเจ็บเจ็บเจ็บ” โยในร่างสัตว์ประหลาดก้อนเนื้อร้องอย่างเจ็บปวดอย่างน่าสยดสยอง โยเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไปที่โคจิ

    “อ๊ากกกก” โคจิตกใจสุดขีดเขายิงปืนไปที่สัตว์ประหลาดก้อนเนื้อตัวนั้นจนหมดแม็ก หากแต่สัตว์ประหลาดก้อนเนื้อยังไม่ตายและเริ่มเข้ามาใกล้เขาที่เท้า โคจิตกใจจนกลายเป็นบ้า เขาใช้ท่อนเหล็กใกล้มือฟาดสัตว์ประหลาดก้อนเนื้อเข้าไปไม่ยั้ง สัตว์ประหลาดก้อนเนื้อเริ่มเละเทะ จนกระทั้งเงียบเสียงลง มันตายแล้ว.......

    ขณะที่โคจิเผลอฟุมิโนริที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดที่กำลังดูและรอจังหวะพุ่งโจมตีด้วยขวานเล่มใหญ่ข้างหน้า การต่อสู้ครั้งสุดท้ายก็เริ่มต้นขึ้น หากแต่ตอนนี้โคจิที่กำลังเสียขวัญและท่อนเหล็กมีหรือจะสู้ขวานเล่มใหญ่ของฟุมิโนริได้ บวกกับกำลังเสริมซายะที่แอบซุ่มอยู่ในเงามือที่โคจิเผลอเธอก็เอาหนวดระยางค์พันร่างของเขา จนโคจิหยุดการเคลื่อนไหว หนวดรยางค์เริ่มรัดจนแน่น จนเขาเริ่มขาดอากาศหายใจ


              โคจิตาย ฟุมิโนริบาดเจ็บกระดูกหักเล็กน้อย ระหว่างที่ซายะกำลังฉลองชัยชนะด้วยการกินโคจิอยู่นั้น ร่างกายซายะก็ได้วิวัฒนาการไปถึงขั้นสุดท้ายและเป้าหมายสูงสุดของซายะคือ “การสืบพันธุ์”

    “ฉันไม่คิดว่า...มันจะมาในตอนนี้”

    “ซายะ ซายะ!!” ฟุมิโนริแผดร้องต่อความกลัวที่เขาจะสูญเสียซายะ

    ซายะยิ้มและพูดว่า “ฉันเลือกฟุมิโนริเพราะว่าเธอว่าฉันน่ารัก....สวยงาม....ดังนั้นฉันจึงทำให้เธอมีความสุขตลอดไป......แต่นี้เป็นเพียงแค่ความหวังเท่านั้น”

    ซายะกลายสภาพ มีกลีบดอกไม้สีขาวเรียวยาว แผ่ออกจากหลังของเธอราวกับปีกของผีเสื้อ  แสงเรืองรองจากแต่ละกลีบมาจากละอองเล็กๆนับไม่ถ้วนที่ปกคลุมอยู่เหมือนอนุภาคแสงสีขาว

    “นี้เป็นการลาจากใช่เปล่า.....”ฟุมิโนริเอ่ยถาม

    “เปล่า....มันเพิ่มเริ่มต้นต่างหาก”

     

    ซายะตายในขณะที่ปล่อยสเปอร์ สปอร์ได้เข้าในชั้นบรรยากาศทำให้ธรรมชาติเกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างจีโนมที่ได้จากการที่ฟุมิโนริมีเพศสัมพันธ์กับซายะ สปอร์ซายะได้กระจัดกระจายไปทั่วโลกได้เปลี่ยนประชากรมนุษย์ทั้งโลกกลายเป็นสิ่งมีชีวิตแบบเดียวกับซายะ อย่างไรก็ตามนี้เป็นโลกที่สวยงามที่สุดที่ฟุมิโนริเห็น โลกก้อนเนื้อกลายเป็นโลกที่สวยงาม(ในขณะที่โลกแห่งความจริงสภาพอย่างกับนรก) นี้คือของขวัญสุดท้ายของซายะที่มีต่อฟุมิโนริ....

    “ขอบคุณนะซายะสำหรับของขวัญสุดท้าย”


             ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ณ ที่แห่งหนึ่งที่ห่างไกลจากความเจริญ เรียวโกะกำลังศึกษาผลงานวิจัยของพ่อของซายะอย่างไม่สนใจโลกภายนอกหรือการงานใดๆ ทั้งสิ้น เพราะงานวิจัยนี้ช่างยิ่งใหญ่สุดลึกล้ำที่อ่านแล้วไม่เสียชาติเกิด

     และแล้วเธอก็ได้อ่านบันทึกล่าสุด พ่อของซายะบอกว่าซายะอาจถูกส่งมายังโลกเพื่อมาแทนที่มนุษย์โลกด้วยการผสมพันธุ์และสร้างสปอร์ แต่ตอนแรกเธอนั้นไม่มีความคิดนี้ ซายะไม่อยากมีความรัก ไม่สนใจการผสมพันธุ์  เพราะเธอไม่อยากหายไปจากขั้นตอนที่ว่า หากเธอจะหายเธอก็ต้องการคนที่มีความรักแท้ แต่หากมีคนเช่นนี้จริง ซายะก็จะรักเขา และมนุษยชาติจะพบจุดจบในที่สุด ซึ่งเขาเสียดายมากที่ไม่ได้เห็นวันนั้น เสียดายจริงๆ

    ฉากสุดท้ายร่างเรียวโกะรู้ว่าเธอเหลือไม่กี่คนบนโลกที่ยังไม่ได้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายซายะ เธอจึงเป็นมนุษย์ที่มีโอกาสจะได้เห็นจุดจบของมนุษยชาติ........

    ความคิดเห็นส่วนตัวกับฉากจบที่ เป็นฉากจบที่เวอร์ดีแท้ แสดงให้เห็นว่าความรักนอกจากทำให้คนรอบข้างเดือดร้อนแล้ว ยังทำให้สังคมเดือดร้อนตามไปด้วย

     

                    ฉากจบที่2 หากคุณตอบ เรียวโกะ

              

                    (เนื้อหาไม่แตกต่างจากฉากจบที่ 2 เท่าไหร่ แต่ช่วงท้ายสะใจมากๆ สำหรับผู้ที่ไม่ชอบนางมารน้อยซายะและพระเอกหน้ามืดตามัวอย่างฟุมิโนริ)

    โคจิทำการสำรวจบ้านก็พบว่าตอนนี้ฟุมิโนริไม่ได้อยู่บ้านนี้แล้ว โคจิเลยโทรศัพท์ไปหาเรียวโกะ โคจิบอกทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นไม่ว่าจะเป็นซากศพหรืออะไรก็ตาม เรียวโกะเตือนโคจิว่าอย่าวู่วาม ให้เขารอเธอไปสมทบก่อนแล้วค่อยปรึกษาวางแผนใหม่กัน

    โคจิตอบตกลง

    ทางด้านฟุมิโนริกับซายะและโย ได้หนีออกมายังข้างนอก เพื่อไปซ่อนตัวที่โรงพยาบาลร้างหลังหนึ่งบนภูเขาตามคำแนะนำของซายะ สภาพบ้านหลังใหม่นี้เละกว่าบ้านของฟุโนริเสียอีก หากแต่ตอนนี้ที่นี้คือสถานที่เหมาะสมสำหรับเขาและซายะ

    ฟุมิโนริเริ่มใช้ชีวิตในชั้นใต้ดินกับซายะและโย เขาซื้อของใช้ที่จำเป็นมาได้พอสมควร นอกจากนี้เขายังซื้ออาวุธใหม่เป็นขวาน ระหว่างนั้นเขาและซายะก็เริ่มวางแผนการเพื่อรับมือกับโคจิ

    ระหว่างนี้มีบทสนทนาระหว่างฟุมิโนริกับซายะที่ดูเหมือนน่ารักสดใส แต่หากตีความหมายมันแหวะๆ ไงชอบกล ฟุ

    ทางด้านโคจิเขาได้พบกับเรียวโกะอีกครั้ง เธอได้พูดเกี่ยวกับซายะอย่างหมดเปลือก แต่สำหรับโคจิตอนนี้เขาอยากจะฆ่าฟุมิโนริคนเดียวเท่านั้น เขาตกลงกับเรียวโกะว่าเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะจัดการกับฟุมิโนริส่วนซายะนั้นให้คุณจัดการ จากนั้นเขาก็โทรศัพท์ไปหาฟุมิโนริอีกครั้ง

    ฝ่ายตรงข้ามรับเร็วเกินคาด

    โคจิพูดให้อีกฝ่ายคืนตัวโอมิมาโดยแลกเอกสารการค้นคว้าของซายะ ฟุมิโนริทำตามข้อตกลงอย่างว่าง่ายและบอกสถานที่นัดหมายให้

    โคจิกับเรียวโกะเดินทางไปสถานที่นัดหมายตามที่ฟุมิโนริบอก หากแต่เมื่อถึงสถานที่นัดหมายไว้ กลับโดนฟุมิโนริเปลี่ยนใจเปลี่ยนสถานที่ถึงสามครั้ง จนกระทั้งมาหยุดในสถานที่แห่งหนึ่งที่ไร้แสงไฟและลับตาคนบนยอดเขา

    โคจิลงจากรถ(ส่วนเรียวโกะซ่อนตัวที่ท้ายรถ)เขาได้รับโทรศัพท์มือถือจากฟุมิโนริอีกครั้ง บอกให้เขาเข้าไปข้างใน โคจิเตรียมปืนและไฟฉายและเข้าไปข้างในอย่างระมัดระวัง


              โคจิเดินเข้าไปทางเดินอย่างเงียบๆ สักพักเขาก็ได้พบกับสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดรูปร่างก้อนเนื้อที่เป็นเมือกเหนียวๆ มีกลิ่นเหม็นเคลื่อนที่ไปมาพร้อมส่งเสียงประหลาดเหมือนเสียงสะอื้น และสิ่งนั้นกำลังตรงเข้ามายังที่เขาอยู่

    “โคจิคุง.....” สัตว์ประหลาดก้อนเนื้อส่งเสียง แม้จะเป็นเสียงที่ไม่ชัดเจน แต่โคจิรู้ว่าเสียงนั้นคือโยเพื่อนสาวของเขา

    โยในรูปร่างสัตว์ประหลาดส่งเสียงขอร้องให้โคจิฆ่าเธอ โคจิตกใจก่อนที่จะยิงปืนไปที่สิ่งนั้นอย่างรวดเร็ว

    “มันเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บมันเจ็บเจ็บเจ็บ” โยในร่างสัตว์ประหลาดก้อนเนื้อร้องอย่างเจ็บปวดอย่างน่าสยดสยอง โยเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไปที่โคจิ

    “อ๊ากกกก” โคจิตกใจสุดขีดเขายิงปืนไปที่สัตว์ประหลาดก้อนเนื้อตัวนั้นจนหมดแม็ก หากแต่สัตว์ประหลาดก้อนเนื้อยังไม่ตายและเริ่มเข้ามาใกล้เขาที่เท้า โคจิตกใจจนกลายเป็นบ้า เขาใช้ท่อนเหล็กใกล้มือฟาดสัตว์ประหลาดก้อนเนื้อเข้าไปไม่ยั้ง สัตว์ประหลาดก้อนเนื้อเริ่มเละเทะ จนกระทั้งเงียบเสียงลง มันตายแล้ว.......

    ขณะที่โคจิเผลอฟุมิโนริที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดที่กำลังดูและรอจังหวะก็พุ่งมาโจมตีด้วยขวานเล่มใหญ่ข้างหน้า การต่อสู้ครั้งสุดท้ายก็เริ่มต้นขึ้น หากแต่ตอนนี้โคจิที่กำลังเสียขวัญและท่อนเหล็กมีหรือจะสู้ขวานเล่มใหญ่ของฟุมิโนริได้ บวกกับกำลังเสริมซายะที่แอบซุ่มอยู่ในเงามือที่โคจิเผลอเธอก็เอาหนวดระยางค์พันร่างของเขา จนโคจิหยุดการเคลื่อนไหว หนวดรยางค์เริ่มรัดจนแน่น จนเขาเริ่มขาดอากาศหายใจ

     

    ระหว่างนั้นเองเรียวโกะที่เป็นกำลังเสริมก็มาช่วยเหลือ เธอยิงปืนลูกซองใส่ซายะ เรียวโกะโดยกระบอกไนโตรเจนเหลวให้โคจิ โคจิเปิดราดตัวใส่ซายะ

    ซายะส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดสุดแสนสาหัส และถูกแช่แข็งไปครึ่งตัว

    ฟุมิโนริโกรธจัดเมื่อเห็นเรียวโกะทำร้ายซายะ เขาเงื่อมขวานจามใส่ไหล่ของเรียวโกะจนเลือดสาดกระจาย เรียวโกะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และด้วยแรงเฮือกสุดท้ายเธอยกปืนขึ้นหันไปที่ซายะที่ถูกแช่แข็งไปทั้งตัวแล้วลั่นไก ร่างของซายะแตกกระจายฉีดขาดกองกับพื้นปานขยะไม่ปาน

    หลังซายะตาย ฟุมิโนริเกิดอาการช็อก เมื่อซายะตาย เขาก็ไม่เหลืออะไรอีกแล้วบนโลกใบนี้ เขาจึงตัดสินใจใช้ขวานปลิดชีพด้วยการจามที่หัวของตนเองเพื่อหวังให้เขาอยู่กับซายะในโลกหน้า

    แต่ปรากฏว่าซายะยังไม่ตาย เธอยังมีแรงเอือกสุดท้ายที่จะไปหาฟุมิโนริชายคนเดียวที่รักเธอบนโลกใบนี้ แต่โคจินึกว่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นจะเข้ามาทำร้ายเขา โคจิเลยกระหน่ำด้วยท่อเหล็กใส่สัตว์ประหลาดอย่างบ้าคลั่ง

    “อย่าแตะต้องเขา ไอ้สัตว์ประหลาด ตายซะ ตายซะ”

    สุดท้าย สัตว์ประหลาดซายะก็ตายในขณะที่ตัวเธอได้สัมผัสหน้าของฟุมิโนริ แม้เธอจะตายเธอก็ไม่ยอมแยกจากคนรัก

    โคจิพยายามดึงสิ่งที่เคยเป็นสัตว์ประหลาดที่ติดกับหน้าของเพื่อนออก แต่มันก็ไม่ออก

    นับแต่นั้นเป็นต้นมาโคจิก็ถูกฝันร้ายครอบเงา เขาอยู่บนโลกนี้ด้วยอาการหลอนประสาท ทุกวันเขาเห็นคนรักที่ตายไปแล้วกลับมาหาเขาอีกครั้งในร่างที่สยดสยอง จนกระทั้งวันหนึ่งเขาได้จำคำหนึ่งที่เรียวโกะพูดกับเขาว่า

    “ปืนไม่ใช้สิ่งที่ฆ่าสัตว์ได้อย่างเดียว มันยังสามารถทำให้เราหนีโลกแห่งนี้ได้เพียงแค่ใส่ปากและลั่นไก”

    โคจิหยิบปืนที่มีกระสุนนัดเดียว แล้วทำตามที่เรียวโกะสอนไว้ ก่อนที่จะตัดสินใจลั่นไกปืนเพื่อหนีออกจากโลกบ้าๆ แห่งนี้.........

    ความคิดเห็นส่วนตัวกับฉากจบที่ 3  พูดง่ายๆ ตายซะให้หมดเลย สิ้นเรื่องสิ้นราว


                    หลังจากที่ดูจบ(ฟุมิโนริ) ผมคิดอยู่นามว่าจะเขียนถึงเกม H นี้อย่างไรหลังจากที่ได้อ่านฉากจบทั้ง 3 จนหมดแล้ว ถามว่าผมรู้สึกอย่างไรหลังจากที่ดูจบ ความรู้สึกของผมตอนแรกนั้นขอบอกว่าเป็นเกมส์การ์ตูนที่ผมเดาเนื้อหาจบไม่ได้เลยว่าบทสรุปจะออกมารูปแบบใด

                    ผมไม่สามารถบอกได้ว่า Saya no uta จะเป็นเกมส์ที่มีเนื้อหาดีสำหรับหลายคนหรือไม่ แต่สิ่งที่ผมคิดคือ ผู้ผลิต Nitro นี้ได้ทำเปลี่ยนความคิดเกมส์ H ที่หลายคนดูถูกว่าไม่เหมาะต่อเยาวชน เป็นพิษภัยต่อสังคม มาเป็นเกมส์ที่เต็มไปด้วยปรัชญาและเรื่องเล่าขนานที่ไม่รู้จบในสายตาหลายๆ คนของคนทั้งโลกเป็นที่เรียบร้อย เนื้อหาของมันดียิ่งกว่าภาพยนตร์สยองขวัญพันล้านหลายเรื่องรวมกันเสียอีก จึงไม่น่าแปลกแต่อย่างใดที่ต่างประเทศพยายามแปลเกมส์ H นี้ให้เป็นภาษาของพวกเขา(ภาษาไทยสนใจไหมครับ?)

                    เกมส์ Saya no uta เป็นเกมส์ที่มีการนำเสนอในลักษณะแปลกๆ ที่จัดฉากระหว่างความสดใสภายใต้ภาพ เสียง ความรุนแรงและขยะแขยง ส่วนใหญ่เรามีความคิดที่ว่าความขยะแขยงจิตใจก็ต้องขยะแขยงไปด้วย หากแต่เกมส์นี้กลายเป็นการนำเสนอสิ่งที่ดีสดใสแต่จิตใจภายในไม่ต่างอะไรกับขยะ

                    คนที่เข้าใจภาษาอังกฤษเมื่อได้เล่นเกมส์นี้ได้อ่านเนื้อเรื่องอย่างแตกฉาน ผมเชื่อเลยว่าน่าจะเกิดอารมณ์ความรู้สึกไม่มากก็ไม่น้อย ในฉากแรกของเกมส์ที่เราตกใจเพราะคิดว่าเป็นบักต์ของเกมส์(ฉากสัตว์ประหลาดที่จ้องมาหาเราแล้วพูดภาษาต่างดาว)กลับเป็นการสอนให้เราถึงความอดทนและอย่ามองแค่ผิวเผิน

    หลายคนที่อ่านเนื้อหาบอกว่าเกมส์ไม่น่ากลัว  นิยายความน่ากลัวนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล บางทีคุณอาจผ่านประสบการณ์ภาพยนตร์สยองขวัญมากมายจนเกิดความชาชินเมื่อคุณอ่านเนื้อหาของเกมส์นี้ทั้งหมด แต่กระนั้นอย่างน้อยคนน่าจะความรู้สึกหดหู่, รบกวน, จิตใจ, ความถูกต้องไม่ถูกต้องบ้างไม่มากก็ไม่น้อย

    นิยาม “ความน่ากลัว สยองขวัญ” นั้นมีความหมายว่าอย่างไร? หลายคนมักเข้าใจว่าความสยองขวัญคือความโหดเลือดสาด ชนิดหัวหลุด ร่างกายหั่นเป็นท่อนๆ หากแต่นี้ไม่ใช้ความหมายที่แท้จริง ความสยองขวัญคือการเล่นกับจิตใจของคนดู ความไม่รู้ในสิ่งที่เราเห็นต่างหาก

    ที่จริงเวลาเราเล่นเกมส์เรามักจะคิดว่าพระเอกคือฮีโร่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่พระเอกทำนั้นถูกต้องหมด  ในตอนแรกฟุมิโนริปรากฏตัวเป็นเหยื่อโศกนาฏกรรมที่น่ากลัว เราก็อยากเอาใจช่วยเขา แต่กลายเป็นว่ายิ่งติดตามเนื้อเรื่องมากเท่าไหร่ความคลุมเครือของฟุมิโนริยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น จนหลายคนตั้งคำถามว่าฟุมิโนริคือพระเอกหรือผู้ร้ายกันแน่?

                    ตอนแรกผมรู้สึกถึงความน่ารักของซายะ และรู้สึกสงสารพระเอกฟุมิโนริในฉากจบที่ 1 หากแต่หลายคนอยากจะเห็นเนื้อเรื่องจากนี้ต่อ จึงได้กดตัวเลือก “ไม่” เพื่อดูตอนต่อๆ ไป แทนที่นึกว่าจะจบแบบแฮปปี้กลับกลายเป็นแบบดาร์กยิ่งกว่า ตัวเกมส์ได้นำทั้งสองไปสู่จิตใจด้านมืดจนถึงแก่นจนสีดำสนิท ซายะกลายเป็นนางมารน้อยที่ไม่รู้จักด้านดีด้านชั่วชนิดหลายคนเกลียด ส่วนฟุมิโนริยอมทรยศเพื่อนเพียงเพื่อความรักและให้ท้ายซายะอย่างหน้าตาเฉย เห็นผิดเป็นถูก เห็นถูกเป็นผิด

                    โลกนรกก้อนเนื้อของฟุมิโนริเห็นเปรียบเสมือนโลกที่ไร้ข้อมูลไร้การสื่อสารเหมือนการ์ตูนเรื่อง “11 ตา” ที่ผมเคยเขียนไว้ในตอนก่อนๆ สังคมสีแดงเปรียบเสมือนสังคมมืดในซอกหลืบของสังคมปกติ มหานครยิ่งใหญ่ย่อมมีมืดมุมหนึ่งที่มืดมิด ที่นั้นมีแต่ความรุนแรง ขยะแขยง ยาเสพย์ติด โสเภณี ไม่เห็นแสงสว่างจากโลกภายนอก ฟุมิโนริพยายามหลีกหนีโลกนรกก้อนเนื้อนี้มากกว่าที่จะเผชิญหน้ากับมันตรงๆ

    ตอนแรกฟุมิโนริเป็นเด็กที่ใสซื่อ บริสุทธิ์ เปรียบเสมือนผ้าสีขาว หากแต่เพราะเหตุการณ์สูญเสียครอบครัว ฟุมิโนริไร้ที่พึ่ง โลกนรกก้อนเนื้อเข้ามาหาเขา เสมือนกับสังคมที่โหดร้ายที่เขารับไม่ไหว การมาของซายะไม่ใช่แสงสว่างที่ฟุมิโนริต้องการ แต่มันคือกำแพงขวางกั้นที่ปิดตัวเขาออกจากสังคมมากเท่านั้น แสงสว่างที่อาจฉุดเขาให้พ้นจากนรกก้อนเนื้อนั้นฟุมิโนริได้ปฏิเสธมันไปอย่างไม่น่าให้อภัย และแสงสว่างนั้นพยายามจะส่องสว่างหาเขา แต่กลายเป็นว่าเขากลับทำลายแสงสว่างนั้น และแสงสว่างนั้นคือเพื่อนของฟุมิโนรินั้นเอง

    ฟุมิโนริพลาดตั้งแต่การที่เขาพยายามหนีสังคมที่โหดร้าย การปฏิเสธในแสงสว่าง ดังนั้นทางเลือกของฟุมิโนริกับซายะนั้นล้วนจบด้วยความเลวร้าย ทั้งสองไม่มีวันมีความสุขเฉดเช่นนิยายรักโรแมนติกเด็ดขาด ซายะเปรียบเสมือนปีศาจ หรืองูในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลที่หลอกลวงมนุษย์ให้เห็นดีเห็นงาม ฟุมิโนริไม่สามารถปฏิเสธปีศาจซายะได้ เพราะปีศาจตัวนี้หยอดแต่คำหวานๆ ส่งเสียงเสียงน่ารัก รูปร่างน่าหลงไหล ทำท่าออดอ้อน ส่งผลให้ฟุมิโนริห่างจากความเป็นมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อกระทั้งเขาค้นพบว่าเขากำลังกินเนื้อเพื่อนก็ไม่ทำให้เขาหวาดกลัวหรือละอายต่อบาปไม่ แม้แต่ตอนจบก็ไม่รู้สึกสำนึกไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น ฟุมิโนริยังคงเห็นผิดเป็นถูกจนวาระสุดท้ายของชีวิต และตัวเขายิ่งจมสู่ด้านมืด ลึกขึ้น ลึกขึ้น

                    ผิดจากดาร์ทเวเดอร์ในเรื่องสตาร์วอร์  ที่เขามืดบอดในความรักเหมือนกับฟุมิโนริ หากแต่ตอนท้ายก่อนที่เขาจะตายนั้นเขาก็ได้รู้ว่าสิ่งไหนผิดสิ่งไหนถูก เขาได้พยายามดีครั้งสุดท้ายก่อนที่จะตายอย่างยิ่งใหญ่ประทับใจใครหลายๆ คน

                    มีความคิดเห็นจากกลุ่มเกลียดซานะเกี่ยวกับฟุมิโนริว่า เขาบ้าเพราะเขามีเหตุผลที่จะบ้า บางที่ความบ้านั้นอาจเกิดเพราะตัวการนางมารน้อยซายะก็ได้

            

    หลังจากที่ดูจบ(ซายะ) เราได้เห็นความสนใจองนางมารน้อยซายะตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นบทสนทนาของเธอ และฉาก H เรื่องของซายะยังคงลึกลับตั้งแต่ต้นจนจบว่าเธอมายังโลกมนุษย์เพื่ออะไรกัน ความรักของเธอกับฟุมิโนรินั้นเป็นความรักที่แท้จริงหรือเป็นการเล่นสนุกสำหรับเธอใช่หรือไม่ การปรากกฏตัวครั้งแรกของซายะต่อหน้าฟุมิริในโรงพยาบาลตอนกลางคืนเสมือนหนึ่งกับว่าเธอรู้จักเขามาก่อนหน้าและรู้ด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา อุบัติเหตุครอบครัวโลกนรกก้อนเนื้อของฟุมิโนรินั้นเป็นฝีมือของซายะใช่หรือเปล่า สุดท้ายเธอต้องการคือการขยายพันธุ์มากกว่าความรักใช่หรือไม่?

    ซายะอาจเปรียบเสมือนคนจากต่างดาว สัตว์ประหลาด ปีศาจ หรือสิ่งที่เหมาะสมกับจินตนาการของคนดู  ที่หลุดออกจากนิยายวิทยาศาสตร์ที่มันกลายร่างเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์หลอกลวงผู้คน สุดท้ายมันก็วิวิฒนการจนมีพลังอำนาจในการทำลายล้างมนุษย์และขโมยทรัพยากรของโลกเพื่อนำไปให้ดาวเคราะห์บ้านเกิดของตน

    แต่เมื่อเธอเจอฟุมิโนริเกมส์บอกว่าเธอใกล้จะมีจิตใจที่เหมือนมนุษย์ ส่วนฟุมิโนริมนุษย์เริ่มเสื่อมทรามลง แต่ความจริงกลับตรงกันข้าม ซายะก็คือซายะที่จิตใจไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย เราได้เห็นซายะเลี้ยงดูฟุมิโนริมากกว่าฟุมิโนริจะเลี้ยงดูเธอ มันเปรียบเมาคลีกับลูกหมาป่า(คนปละ)ที่ถูกหมาป่าเลี้ยงดูตั้งแต่เล็กจนเด็กลืมสัญชาติการเป็นมนุษย์และมีพฤติกรรมเหมือนสัตว์ป่า ฟุมิโนริถูกซายะล้างสมองที่เล็กทีละน้อยเอาเซ็กต์เข้าล่อจนฟุมิโนริลืมสัญชาติของความเป็นมนุษย์ เป็นเสมือนสัตว์ที่ต้องการแค่สามปัจจัย คือ กิน นอน และสืบพันธุ์ หากมีสัตว์บุกรุกถิ่นมันก็ฆ่าเท่านั้น

    เหล่าคนที่ชอบซายะก็บอกว่าซานะอาจเป็นเพียงเด็กน้อยที่ไม่รู้จักโลกอย่างแท้จริง ซายะยังเป็นเด็ก ที่ต้องการเรียนรู้ เธอได้รับหน้าที่อันยิ่งใหญ่ในการสืบสายพันธุ์ของเผ่าพันธุ์ตน เธอไม่รู้ว่าอะไรคือความสุข ธรรมชาติจิตใจของมนุษย์คืออะไร คนที่ชอบซายะต่างบอกเสียงเดียวว่าซายะนั้นทำชั่วผิดที่ผิดทาง ซึมซับความเกลียดความโลกของฟุมิโนริเอาไว้ ทำให้การพัฒนาของซายะมองโลกในมุมมองของฟุมิโนริด้วย จนเธอไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ของเธออย่างลุล่วง และคิดว่าต้องใช้กำลังเท่านั้นในการจะได้มาสิ่งที่ต้องการ

    เพราะความรักเพียงคำเดียวแท้ๆ

    ซายะไม่สามารถหนีคำว่า “ความรัก” ได้ เพราะสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เธอต้องการสำหรับโลกที่มีโดดเดี่ยวแห่งนี้ แต่ความรักของซายะกลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้สังคมต้องเดือดร้อน ความรักของเธอไม่ได้ทำให้เธอมีความสุข แต่แล้วทำไมเธอถึงจึงเลือกฟุมิโนริเพื่อเป็นคนรักของตน บางทีเธออาจเป็นตัวต้นเหตุทำให้เขาเห็นโลกก้อนเนื้อด้วยซ้ำ เพราะซายะเห็นฟุมิโนริมีความสุขเหรอ? มีเพื่อน มีครอบครัว หน้าที่การงาน ทำให้เธออิจฉา อยากแย่งทุกสิ่งทุกอย่างมา ทำให้เขาเกิดความโดดเดี่ยว แล้วเธอก็เข้าไปในจิตใจของเขา ควบคุมความรู้สึกความคิด ให้อยู่ในโลกมืดด้วยกัน จนตกเป็นทาสของเธอใช่เหรอเปล่า?

    สุดท้ายในฉากจบทั้งสามที่ซายะสาวน้อยผู้ไม่รู้จักโลกอย่างท่องแท้กับฟุมิโนริชายที่มืดบอดในความรักพยายามสร้างโลกที่สมบูรณ์แบบขึ้น อันไหนคือยูโทเปียสังคมอุดมคติที่แท้จริงกันแน่ คำตอบคือไม่มีสักฉากจบที่เป็นยูโทเปีย เพราะฉากจบเหล่านั้นแฝงไปด้วยความเกลียดชังและความกลัว สุดท้ายก็เป็นความว่างเปล่าชั่วนิรันดร์..........

    บทเรียนเกมส์นิยายการ์ตูนนี้ก็สรุปง่ายๆ คือ ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพลง เช่นเดียวกับซายะนั้นเอง

                    เรื่องราวของซายะถูกดัดแปลงเป็นมุกการ์ตูนอื่นๆ มากมายหลายเรื่อง บางคนก็นำไปเขียนล้อ เช่นในเรื่องลักกี้สตาร์มาใส่ฉากซายะบ้างล่ะ หรือจะเป็นเรื่อง ในตอนที่ 8 ที่ฟรานผ่าตัดตาของศิลปินที่เริ่มหมดอนาคตจนมองเห็นสัตว์ประหลาดในร่างของสาวน้อยที่งดงาม ซึ่งฟรานได้ให้ความคิดเห็นว่า “เขามีความสุขในโลกสมบูรณ์แบบของเขาเอง” นอกจากนี้ยังมีเกมแนวไฟติ้งที่ซายะปรากฏตัวออกมาในชื่อ Nitro Royale เกมของค่าย Nitro+  ที่รวมตัวละครในค่ายมาปะทะยำกัน ซึ่งแต่ละท่าของซายะนั้นเรียกความโหดความอ้วกเลยก็ว่าได้ โดยท่าไม้ตายสุดยอดคือผีโคจิบ่อน้ำกับฟุมิโนริไอ้โม่งขวาน?? และท่าดอกไม้เหินเวหา??

                    ดาวน์โหลดเกมนี้ได้ที่ http://www.hongfire.com/forum/showthread.php?t=72502&pagenumber=

    ส่งท้ายก็จบสักทีกับอภิมหาเนื้อหายาวที่สุดเท่าที่จะเขียนมาขอบคุณเจ้าของบล็อก http://bekung.exteen.com/saya-no-uta มากครับที่ทำให้ผมสามารถดำน้ำจนจบได้ กว่าจะเสร็จ ขอบคุณที่อ่านครับ

    + +
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×