คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #64 : Fusako Sano เมื่อคดีดังญี่ปุ่นถูกนำมาเป็นมุกในการ์ตูน
ที่จริงตอนนี้คือ Baka to test แต่เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด ห้องสมุดปิด ผมเลยไม่สามารถไปหาข้อมูลได้(เกี่ยวกับโรงเรียนญี่ปุ่นแหละครับ) ดังนั้นขอดองยาวเลย(หรือไม่คิดจะเขียน)สาเหตุเพราะตอนจบไม่ค่อยโดนใจผมเท่าไหร่เพราะว่ามันไม่ฮ่าอ่ะ(เหตุผลดับเบิ้ลควาย) ดังนั้นช่วงนี้ขอลงการ์ตูนที่เกี่ยวกับฆาตกรครับย้ำเน้นเกี่ยวกับฆาตกรหรือคดีอาชญากรรม เช่น คินดะอิจิ, นิวโร, QED (ลางสังหารและโคนันไม่มีเน้อ) และก็มีการ์ตูนที่เอาเรื่องจริงมาผสมลงไปด้วย อย่างการ์ตูนประวัติชีวิตฆาตกรในโลกแห่งความจริงทั้งหลาย
ต่อไปนี้ เชิญพบกับโลกแห่งอาชญากรรมในโลกแห่งการ์ตูนได้เลยครับ
......................................................................
บางครั้งการ์ตูนอาจมีการสอดแทรกข้อมูลที่เป็นเรื่องจริงลงไปบ้าง เพื่อให้การ์ตูนดูสมจริงและน่าติดตามขึ้น เช่น วิทยาศาสตร์, ประวัติศาสตร์, บุคคลสำคัญ, ภูตผีปีศาจ ฯลฯ
คดีอาชญากรรมก็เช่นกัน เราคงได้เห็นเรื่องของอาชญากรรมที่ถูกนำมาดัดแปลงเป็นการ์ตูนมาแล้ว โดยเฉพาะอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น สังหารหมู่เมืองสึยามะ(Tsuyama massacre)คดีสังหารจุนโกะ ฟูรุตะ(junko furuta), การลักพาตัวเนกุมิ(Megumi) มาแล้วใช้เปล่าครับ บางเรื่องถูกนำไปตั้งเป็นเนื้อหาเต็มๆ แต่บางเรื่องก็เป็นมุก,พล็อตประกอบในการ์ตูนเท่านั้น
มีอีกคดีหนึ่งที่เป็นเรื่องจริงที่มักนำไปใส่ไว้ในการ์ตูน คดีที่ว่านี้เกี่ยวกับการลักพาตัวเด็ก(Abduct children) การลักพาตัวเด็กนั้นมีหลายความหมาย หลายวัตถุประสงค์ เช่น นำไปขายในตลาดอวัยวะ, นำไปเรียกค่าไถ่, นำไปข่มขื่น ซึ่งวัตถุประสงค์เหล่านี้ส่วนใหญ่เด็กมักเสียชีวิตทันทีที่ลักพาตัวมา และครอบครัวของเด็กมักจะสิ้นหวังเมื่อลูกหายไป
แต่กระนั้นก็มีจุดประสงค์หนึ่งที่คนร้ายลักพาตัวเด็กไป บางครั้งคนร้ายก็ไม่ต้องการทรัพย์สินเงินทอง หรือหวังผลประโยชน์จากครอบครัวของเด็ก หากแต่คนร้ายต้องการตัวเด็กเพราะเห็นว่าน่ารักอยากไปเลี้ยงดูทั้งๆเด็กนั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับสายเลือดคนร้ายสักนิด(ภาษาชาวบ้านคือ เลี้ยงต๋อย) หรือต้องการผลประโยชน์บางอย่างในตัวเด็ก(เช่น กรณีของเมกุมิ, หรือทำเป็นเมีย)
และนี้คือหนึ่งในคดีการลักพาตัวเด็กหญิงที่ถูกนำมาดัดแปลงใส่ลงในการ์ตูนญี่ปุ่นมากที่สุดอีกคดีหนึ่ง
ฟุซาโกะ เซโนะ(Fusako Sano) เป็นนามแฝงของ ซาจิโกะ ยามาดะ (Sachiko Yamada) ครับ เป็นเด็กผู้หญิงชาวญี่ปุ่น(ชื่อญี่ปุ่นก็ต้องญี่ปุ่นสิ จะให้ปากิวนิกีนีเรอะ!!) ที่ถูกลักพาตัวไปในขณะที่ตอนนั้นเธออายุเพียงเก้าขวบเท่านั้น โดยชายที่ชื่อ โนบูยูคิ เซโตะ (Nobuyuki Sato) เขาจับเธอขังในห้องถึงเก้าปีกับอีกสองเดือนจาก 13 พฤศจิกายน ถึง 28 มกราคม 2000 ที่นึงะตะ เหตุการณ์นี้โด่งดังมากที่ญี่ปุ่นจนถูกเรียกขานว่าการลักพาตัวผู้หญิงที่นึงะตะ(Niigata shojo kankin jiken)
คดีนี้เกิดขึ้นที่เมืองซันโจ จังหวัดนึงะตะ ประเทศญี่ปุ่นครับ โดยคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อฟุซาโกะ เซโนะ ซึ่งเป็นเด็กชั้นประถมสี่ที่หายตัวไปในวันที่ 13 พฤศจิกายน 1990 ในขณะที่อายุ 9 ปี หลังงานเบสบอลโรงเรียน เมื่อหลายฝ่ายรู้ว่าเด็กผู้หญิงหายไป ก็มีการระดมกำลังออกตามหา แต่สุดท้ายก็หาไม่เจอ ซึ่งตอนแรกตำรวจนั้นสันนิษฐานว่าเด็กหญิงคงถูกลักพาตัวไปเกาหลีเหนือ
ความจริงแล้วคดีนี้ เด็กผู้หญิงถูกลักพาตัวโดยชาวญี่ปุ่นแหละครับ คนที่ลักพาตัวเด็กหญิงคือโนบูยูคิ เซโตะ อายุ 28 ปี(เวลานั้น) เป็นคนตกงานและมีปัญหาทางจิต เขาได้เจอเด็กหญิงระหว่างทางและบังคับเธอให้ขึ้นรถและพาเธอไปชั้นบนของบ้าน(อพาร์ตเมนต์)ของเขา ที่คาชิวาซากิ จังหวัดนึงะตะ แถมบ้านหลังนั้นอยู่ไกลจากป้อมตำรวจแค่ 200 เมตร และ 55 กิโลเมตรจากตำแหน่งที่เธอลักพาตัวเท่านั้น
เก้าปีที่หายตัวไปของหญิงสาวไม่เหมือนในการ์ตูนหรอกนะครับ ที่ถูกเลี้ยงอย่างดีโดยคนร้าย เพราะเรื่องจริงหญิงสาวต้องผจญกับความโรคจิตของมนุษย์อย่างมาก ในขณะที่ฟุซาโกะ เซโนะเธอถูกคนร้ายผูกมัดอย่างแน่นหนานานหลายเดือน และใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าสำหรับลงโทษเธอหากเธอไม่ดูวีดีโอเทปแข่งม้าในทีวี เธอถูกข่มขู่ด้วยมีดและตี เด็กผู้หญิงต้องสวมใส่เสื้อผ้าร่วมกันคนร้ายและคนร้ายให้อาหารเธอสามครั้งต่อวันโดยเป็นอาหารสำเร็จรูปหรืออาหารสุกปรุงโดยแม่ของเขาที่อยู่ข้างล่าง นอกจากนั้นคนร้ายยังเป็นคนตัดผมของเด็กหญิงเมื่อผมยาวด้วย แต่ปัญหาใหญ่สุดของฟุซาโกะ เซโนะก็คือห้องน้ำครับเนื่องจากไม่มีห้องน้ำชั้นบนที่บ้านของคนร้าย ดังนั้นเธอจึงสามารถอาบน้ำชั้นล่างนานๆ ครั้งเมื่อได้รับอนุญาตจากคนร้านเท้านั้น
ฟุซาโกะ เซโนะใช้เวลาส่วนใหญ่หลังโดนลักพาตัวไปกับการฟังวิทยุและโทรทัศน์โดยต้องได้รับอนุญาตจากคนร้าย ในขณะที่ประตูที่ขังเธอนั้นไม่เคยถูกล็อกแต่เธอไม่ได้ออกข้างนอกถึงเก้าปี ภายหลังเธอบอกตำรวจว่าเธอยอมแพ้และยอมรับซะตากรรมของเธอ “ฉันกลัวเกินไปที่จะหลบหนีนอกจากนั้นหากพลาดขึ้นมาเธอก็จะเสียโอกาสในการหนีไปด้วย”
ทางด้านแม่ของคนร้ายที่อยู่ข้างล่างนั้น ภายหลังเธอให้การว่าไม่รู้เห็นกับการลักพาตัวในครั้งนี้ของลูกชาย เพราะเธอไม่เคยพูดกับลูกชายเพราะเขาเป็นคนก้าวร้าวรุนแรงและเขาไม่ให้เธอขึ้นชั้นบน แต่ตำรวจเชื่อว่าแม่ของคนร้ายต้องรู้แน่นอนว่าลูกชายทำอะไรไว้ เนื่องจากมีหลักฐานว่าเธอเป็นของซื้อเครื่องสุขอนามัย(พวกกางเกงใน,ยกทรง,ผ้าอนามัย)ของผู้หญิงสำหรับเหยื่อด้วย
ในเดือนมกราคม ปี 1996 แม่ของเซโต้ปรึกษากับศูนย์บริการสาธารณสุขในเมืองว่าลูกชายเริ่มมีพฤติกรรมประหลาดและใช้ความรุนแรงกับเธอ ทำให้เจ้าหน้าที่เริ่มจับตาดูซาโต้นับจากวันนั้นเพราะเขาอาจมีพฤติกรรมทำให้เกิดอาชญากรรมตามมา จนกระทั้งวันศุกร์ที่ 28 มกราคม 2000 ซาโต้เกิดอาละวาดในบ้าน ทำให้ตำรวจเข้ามาระงับเหตุการณ์และในที่สุดพวกเขาก็เจอเด็กหญิง(ขณะนี้เธอมีอายุ 19 ปี) ที่หายตัวไปถึง 9 ปีกับสองเดือนที่บ้านของซาโต้นั้นเอง
ฟุซาโกะ เซโนะถูกช่วยเหลือ แม้ขณะที่พบนั้นเธอจะร่างกายแข็งแรง แต่ด้านกายภาพย่ำแย่ เธอไม่สามารถเดินได้เพราะว่าขาดการออกกำลัง ผิวเธอยังแห้งเพราะไม่ได้รับแสงแดดภายนอก นอกจากนี้เธอมีอาการทางด้านจิตอย่างหนัก แม้เธอจะอายุ 19 ปี แต่เธอทำตัวเหมือนเด็ก ที่ขี้หงุดหงิดและภายหลังเธอประสบปัญหาความเครียดหลังออกสู่โลกภายนอก
ในวีกีมีเดียไม่มีการเขียนว่า ฟุซาโกะ ซาโนะโดนโนบูยูคิ เซโตะ ข่มขืน จับทำเป็นเมียหรือไม่ หรือมีรายงานว่าคนร้ายเป็นโอตาคุแล้วจับเธอมาแต่งตัวเป็นตัวละครการ์ตูนหรือเปล่า อันนี้เนื้อหาไม่ระบุเอาไว้....
หลังจากช่วยเหลือ ฟุซาโกะ เซโนะได้รับบำบัดทางกายภาพจนสามารถเดินได้ปกติ และเธอได้อาศัยอยู่กับครอบครัวชาวนาเพื่อเยียวยาจิตใจ ผลจากการขาดการติดต่อกับสังคมภายนอกทำให้เธอมีปัญหาการปรับตัวในการสื่อสาร เธอมีเพื่อนน้อยมาก และชอบที่จะเดินคนเดียว เธอสนุกอยู่กับการถ่ายภาพดิจิตอล โดยเฉพาะดอกไม้และได้ใบอนุญาตขับรถ เมื่อเรื่องร้ายๆ ในอดีตจะจบลงแล้ว แต่กระนั้นเหตุการณ์มรสุมชีวิตของเธอยังเกิดขึ้นอีกรอบ ในปี 2007 เมื่อเธอได้เห็นพ่อของเธอจมน้ำตายต่อหน้าต่อตาในขณะทำกิจกรรมครอบครัว
ทางด้านตัวคนร้ายโนบูยูคิ เซโตะอายุ 37 หลังการจับกุม เขาถูกส่งเข้าโรงพยาบาลโรคจิตทันที เขามีอาการคุ้มดีคุ้มร้าย และต่อมาก็ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยศาลพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความเสียหายต่อสุขภาพจิตของเหยื่อ ดังนั้นคดีส่วนใหญ่ของเซโตะจะเป็นพวกลักเล็กขโมยน้อย(เช่นการขโมยชุดชั้นในสตรีตามร้านสะดวกซื้อ) โดยมีวัตถุประสงค์คือต้องการให้ผู้ถูกกล่าวหาจำคุกให้นานที่สุด ส่งผลให้เซโตะถูกตัดสินติดคุกนานถึง 14 ปี และปัจจุบันเขายังมีชีวิตสุขสบายในคุกเรื่อยมา
ส่วนตำรวจที่รับผิดชอบคดีนี้ ภายหลังถูกวิจารณ์อย่างหนัก เพราะว่าชื่อของเซโตะนั้นมีอยู่ในบัญชีผู้ต้องสงสัยคดีลักพาตัวเด็กหญิงก่อนหน้าแล้ว แต่ชื่อของเขาถูกจัดไปจากบัญชีและไม่ได้ปัดฝุ่นเพื่อพิจารณาแต่อย่างใด ส่งผลให้มีตำรวจระดับสูงหลายนายต้องลาออกเพื่อรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
และแล้วคดีนี้จึงเป็นหนึ่งในคดีในหน้าประวัติศาสตร์อาชญากรรมของประเทศญี่ปุ่นในที่สุด
คราวนี้มาดูการ์ตูนบ้าง มีการ์ตูนหลายเรื่องที่เอาคดีนี้มาสอดใส่ลงไปเพื่อให้เรื่องสมจริงและน่าอ่านขึ้น อ่านไปอ่านมาก็ได้ข้อสังเกตว่า การ์ตูนที่เอาเรื่องนี้มาสอดใส่ก็มาการแอบมีข้อคิดเห็นว่าตอนนี้ญี่ปุ่นมองอย่างไรเกี่ยวกับคดีลักพาตัวเด็กอย่างไรบ้าง ซึ่งการ์ตูนแต่ละเรื่องนั้นก็มีข้อคิดเห็นแตกต่างกันออกไป......
TANTEI GISHIKI การ์ตูนแนวสืบสวน, สยองขวัญ ลิขสิทธิ์ของเนชั่นที่ดองตั้งแต่เล่ม 3 (อีกเรื่องก็ โยทสึบะ #5 ที่ผมชอบเช่นกัน ทั้ง 2 เรื่องอยู่ในระหว่างเจรจาเรื่องสัญญาการจัดพิมพ์ทำให้ช้า...อยากรู้จังมันเจรจากันยังไง มันจบไปนานแล้วนะครับท่าน) เรื่องนี้ผมชอบนะ มี 6 เล่มจบ มันเหมือนเป็นการกัดพวกตัวละครนักสืบในนิยายทั้งหลายที่ชอบทำเป็นเก่ง ชอบมายุ่งกับตำรวจมากเกินไป และชอบเลือกงานเพราะเห็นว่าเป็นคดีธรรมดา(โดยหารู้ไม่ว่าคดีธรรมดาเหล่านั้นได้ซ่อนความซับซ้อนเอาไว้) การ์ตูนนี้เลยสร้างตัวเอก 3 คนขึ้นมาเพื่อแหกกฎการสืบสวนทั้งปวง โดยไม่ง้อพวกนักสืบที่เก่งกาจอวดเก่งทั้งหลาย เมื่อมีนักสืบสมัครเล่นปรากฏตัว 3 คน ที่มีแนวทางไขคดีฆาตกรรมที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน และทั้ง 3 คนไม่เลือกงาน จะคดีฆาตกรรมน้อยใหญ่ ธรรมดาขนาดไหน ทั้งสามต้องไปยุ่งหมด จนเกิดไปเข้ายุ่งคดีลึกลับที่น่าสยดสยองเข้า.....
ส่วนเรื่องลักพาตัว อยู่ในตอนที่ 2-3 เล่มแรกครับ เมื่อตำรวจพบศพของหญิงคนหนึ่ง ที่เหมือนถูกทรมานกรรมมานานมากพอสมควร และถูกจับอดอาหารจนร่างกายผอมโซจนขาดใจตายและถูกนำไปทิ้งข้างทาง ตอนแรกตำรวจก็คิดว่าเป็นคดีฆาตกรรม แต่นักสืบสมัครเล่นสามคนนั้นบอกว่าคดีนี้เชื่อมโยงกับคดีลักพาตัวผู้หญิงก่อนหน้าหลายคดี ซึ่งตำรวจก็ต้องแฟ้มบอกว่าพวกนักสืบที่สืบก่อนหน้านี้บอกว่าผู้หญิงพวกนี้ที่หายไปถูกลักพาตัวโดยประเทศหนึ่ง(เกาหลีเหนือ) แต่ปรากฏว่าความจริงผู้หญิงเหล่านั้นถูกคนร้ายชาวญี่ปุ่นลักพาไปกักขังในบ้านใกล้ป้อนตำรวจแถวๆ นี้แหละ (ดูบ้านคนร้ายในการ์ตูนสิครับเหมือนกับบ้านของคนร้ายในคดีลักพาตัวฟุซาโกะ เซโนะขนาดไหน) และเมื่อตำรวจไปบ้านของคนร้ายก็พบว่าแม่ของคนร้ายมีส่วนรู้เห็น รู้ด้วยว่าลูกชายของเธอเอาผู้หญิงไปกักขังในห้องส่วนตัว และเมื่อตำรวจเข้าไปในห้องของคนร้ายมีเหยื่อที่โดนลักพาตัวถึง 2 คนด้วยกัน(หรือ 3 หว่าจำไม่ค่อยได้)ในสภาพสวมปลอกคอสัตว์เลี้ยง ผอมโซ สีหน้าเหมือนไร้วิญญาณ
อ่านแล้วก็คิดได้สองอย่าง สื่อให้เห็นความล้มเหลวการสืบสวนของญี่ปุ่นเวลาที่ผู้หญิงสาวหายตัวที่ไรมักโทษเกาหลีเหนือโดยไม่ทำการสืบสวนละเอียดเชิงลึก โดยหารู้ไม่ว่าคดีนี้มันเส้นผมบังภูเขาแท้ๆ เรื่องที่สองคือการได้เห็นแม่ที่ให้ท้ายลูกอย่างมากเหลือเกิน ลูกทำผิดก็ช่วยส่งเสริมให้กระทำความผิดทั้งนั้น แสดงให้เห็นว่าเดี๋ยวนี้สภาพสังคมครอบครัวญี่ปุ่นเริ่มเปลี่ยนไป จากแต่ดั้งเดิมมาสมาชิกสนิทกันมาก แต่สมัยนี้ชีวิตเริ่มห่างเหิน เลี้ยงลูกด้วยเงินตรา ทำแต่ใจลูก จนลูกไม่เอาไหน ตกงาน หมกมุ่นกับเรื่องไร้สาระในห้องส่วนตัว(เกมส์ สื่อโป๊) เป็นปลิงเกาะพ่อแม่ สุดท้ายก็ก่ออาชญากรรมในที่สุด
พระเจ้าจอร์ดฯ(Katte ni Kaizo ) การ์ตูนล้อมุกทุกอย่างที่เกี่ยวกับญี่ปุ่น ไม่ต้องสารยายเรื่องนี้มาก มุกลักพาตัวเด็กอยู่ในเล่มที่ 24 ล่าสุด(ของไทย) ตอน “ขอสบายใจไว้ก่อนดีกว่า” หน้า 78 ที่พระเอกไคโซคุงที่กำลังดูวิวในเมืองอยู่ แต่แล้วเขาเหลือบไปเจอเกิดไปเจอชายคนหนึ่วที่มีพฤติกรรมประหลาดในบ้านหลังหนึ่งเข้า และใกล้ๆ คนๆ นั้นกำลังมีเด็กผู้หญิงกำลังโดนเชือกมัดและมีผ้าปิดตาอยู่ มองยังไงก็ชายคนนั้นก็เป็นคนร้ายลักพาตัวแน่ๆ แต่กระนั้น ไคโซก็พยายามคิดในแง่ดีว่า “เค้าก็เล่นกับเด็กประถมเท่านั้นเอง ที่ต้องปิดตาก็เพราะจะเล่นปิดตาตีแตงโมยังไงล่ะ!!”
มุกนี้โดนใจจริงๆ ครับ อย่างที่การ์ตูนนำเสนอไว้ เวลาที่เกิดเรื่องไม่ปกติขึ้นหรือเรื่องที่นอกลู่นอกทางจากเหตุการณ์ชีวิตประจำวัน มนุษย์เราจะสร้างความคิดในแง่ดีออกมาเพื่อเกิดความสบายใจ นอกจากนี้หากมองอีกมุมหนึ่งสังคมญี่ปุ่น(ในเมือง)ค่อนข้างจะเป็นสังคมที่แล้งน้ำใจโดยสิ้นเชิง ต่างคนต่างอยู่ บ้านติดกันก็ไม่ทักกัน ข้างบ้านเป็นอะไรตรูไม่สนใจ อย่างคดีของฟุซาโกะ เซโนะสังเกตไหมครับว่าบ้านของคนร้ายที่ลักพาตัว มีบ้านติดกันหลายหลังเลย ความจริงเด็กหญิงก็น่าจะร้องขอความช่วยเหลือ หรือไม่ก็เพื่อนบ้านน่าจะสงสัยว่าบ้านนี้มีพฤติกรรมแปลกๆ แล้วแจ้งตำรวจบ้าง แต่ปรากฏว่าไม่มีเลย เพื่อนบ้านไม่สังเกตเรื่องราวบ้านตรงข้ามเลย แม้กระทั้งเวลาผ่านไปกว่า 9 ปี คนร้ายก็ถูกจับเพื่อนบ้านถึงได้รู้ว่าคนข้างบ้านเป็นโจรลักพาเด็กไปเลี้ยงต๋อย
อ่านตอนนี้ ก็นึกเลยว่าญี่ปุ่นนั้นคงมีคดีลักพาตัวเด็กไปกักขังในบ้านหลายคดี แม้ว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีสถิติคดีอาชญากรรมต่ำที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ก็น่าแปลกดีที่คดีทั่วๆ ไปจะไม่ค่อยเกิดในญี่ปุ่น แต่คดีอาชญากรรมแปลกๆ ที่ประเทศอื่นไม่ค่อยจะเกิดที่ประเทศนี้มากมาย(เช่น ขโมยกางเกงชั้นใน, โชว์ของลับ ฯลฯ) ซึ่งอาชญากรที่ก่อคดีเหล่านี้ส่วนมากเป็นคนเก็บกดทางสังคม ขาดเพื่อน โดดเดี่ยว ต้องการเป็นที่ยอมรับทางสังคม
ยมทูตสีขาว(Shinigami no Ballad) การ์ตูนที่ทำให้ผมเป็นโรคเบาหวาน(เพราะเนื้อหาหวานซึ้งจริงๆ) เป็นนิยายแนวไลท์โนเวลที่แต่งโดย ฮาเซงาวะ เคสุเกะ และวาดภาพประกอบโดย นานาคุสะ โด่งดังมาก จนทำเป็นหนังสือการ์ตูน อเมเนชั่น ละครโทรทัศน์(คนจริงแสดง) เป็นเรื่องราวของยมทูตในชุดสีขาว(และผมขาว)ที่ใบหน้าเรียบเฉยแต่ใจดีและอ่อนโยน นาม โมโมะ กับแดเนียล แมวดำผู้เป็นคู่หูที่ทำหน้าที่เก็บวิญญาณและคำขอร้องของวิญญาณให้เป็นจริง แต่ละตอนจะเป็นตอนสั้นๆ ตัวเองเปลี่ยนไปเรื่อยๆ(ตัวละครบางตอนก็มีการเชื่อมโยงกันเพื่อให้เนื้อเรื่องสนุกขึ้น) บางครั้งก็มีเนื้อหาแฟนตาซีผสมอยู่ด้วยเล็กน้อย
ยมทูตขาวผมมีแปลไทยทุกเล่มเลย แต่อ่านแต่เล่มหนึ่งเล่มเดียว(ฮ่าๆ) ผมมันชอบเรื่องฉิบหาย ตายโหง วายวอดนะครับ เห็นใครมีความสุขแม้ในการ์ตูนนี้ต้องตาไฟลุกทุกครั้งไป
ส่วนเนื้อหาเกี่ยวกับลักพาตัวเด็กผู้หญิงอยู่ในตอนเด็กผู้หญิงผู้มองท้องฟ้าในวันนั้น(Ballad for innocence/momo) ในนิยายเล่ม 1 ซึ่งตอนนี้พิเศษหน่อยตรงที่ตัวเอกตอนนี้เป็นมุมมองของโมโมะ(ปกติจะเป็นมุมมองของตัวเอกในตอนนั้นๆ) เมื่อโมโมะและคู่หูพลัดหลงเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งทั้งคู่พบเด็กผู้หญิงประหลาดคนหนึ่งชื่อโทววะ ซึ่งโมโมะต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่เคยออกจากห้องเลย.....
ขอสปอยละกัน เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นเด็กที่ถูกลักพาตัวมาโดยคนร้ายที่เธอคิดว่าเป็น “คุณพ่อใจดี” ที่พ่อหรือคนร้ายลักพาตัวนั้นเคยเป็นโจรงัดแงะบ้านมาก่อน วันหนึ่งโจรคนนั้นเกิดไปขโมยของที่บ้านหลังหนึ่งแล้วเกิดไปฆ่าสามีภรรยาเข้า และโจรก็เห็นเด็กทารกเลยลักพาตัวมาเลี้ยงดูเป็นอย่างดี พร้อมกับตั้งชื่อเธอว่า “โทวกะ” พร้อมกับแสร้งตัวเป็นพนักงานบริษัทปิดบังตัวตนแท้จริงไว้ พร้อมกับให้ข้อมูลผิดๆ กับเด็กที่นับวันโตขึ้นโตขึ้นเป็นสาวน้อยน่ารักว่า จงระวังชายชุดดำ(ตำรวจ)เขาจะมาทำร้ายหนูและตัวพ่อ จนกระทั้งฉากสุดท้ายเมื่อพ่อผู้แสนดี(โจร)ถูกชายชุดดำ(ตำรวจ)ฆ่า เด็กสาวน้อยก็ถูกช่วยเหลือแต่แทนที่จะดีใจเธอกลับกลายเป็นคนเสียสติเมื่อเธอเห็นพวกตำรวจกลายเป็นคนเลวในสายตาของเด็ก ดูเหมือนความเชื่อผิดๆ ของคุณพ่อใจดี(โจร)ที่เบาหูเด็กนั้นได้ล้างสมองเด็กน้อยนี้เป็นที่เรียบร้อยเสียแล้ว
สิ่งที่เพิ่มในการอ่านนิยายไลท์โนเวลนี้คือชีวิตของเด็กหญิงที่ถูกลักพาตัวครับ การจับตัวเด็กมาขังในห้องแคบๆ โดยไม่ให้เห็นโลกภายนอกนั้นมันไม่เป็นผลดีสำหรับเด็ก ยิ่งเวลาผ่านไปนานวันนานวัน อีคิวหรือความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กยิ่งตกต่ำลง เพราะไม่รู้ว่าโลกภายนอกนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เด็กขาดการเรียนรู้ ขาดการพัฒนาด้านจิตใจ ยิ่งโดนข้อมูลเท็จเขาไป ยิ่งฝังใจเชื่อในสิ่งที่ผิดๆ เรื่องจริงคือเรื่องลวง เรื่องลวงคือเรื่องจริง ทำให้เด็กที่ถูกลักพาตัวประสบปัญหาความเครียดหลังออกสู่โลกภายนอกเป็นอย่างมาก ดังนั้นเราสามารถพูดได้เต็มปากว่าคนร้ายในคดีลักพานั้นถือว่าเป็นคนเลวอย่างมาก แม้ว่าพวกเขาจะเลี้ยงดูเด็กที่ถูกลักพาตัวอย่างดี แต่พวกเขาได้ทำให้เด็กนั้นกลายเป็นคนที่ทำอะไรไม่เป็น ไม่สั่งสอนเรียนรู้การดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง เท่ากับว่าคนร้ายลักพาได้ฆ่าเด็กตายทั้งเป็น ทำลายชีวิตเด็กทั้งชีวิต ดังนั้นความผิดของคนร้ายในคดีลักพาตัวเด็กนั้นไม่สมควรจะให้อภัยเป็นอย่างยิ่ง
คินดะอิจิกับคดีฆาตกรรมปริศนา (Kindaichi Shonen no Jikenbo)เป็นการ์ตูนที่ผมโตพร้อมกับมันเลยก็ว่าได้ และเป็นการ์ตูนที่ทำให้ผมชอบเรื่องนักสืบ คดีฆาตกรรม เรื่องราวคินดะอิจิ ฮาจิเมะ พระเอกหลักของเรื่อง ซึ่งเป็นเป็นหลานชายของคินดะอิจิ โคสุเกะที่ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในคดีฆาตกรรมพิศวงทั้งหลาย(ซึ่งผมจะเขียนเรื่องนี้ไว้ที่หลัง)
ส่วนเนื้อหาเกี่ยวกับลักพาตัวอยู่ในตอนคดีฆาตกรรมบ้านพักไพ่ทาโรต์(คดีที่ 11 Playing the pool) เกี่ยวกับประวัติชีวิตเรกะ (Reika Hayami) เพื่อนของคินดะอิจิ(และกิ๊ก) ที่เป็นถึงดารานักร้องยอมนิยม โดยอดีตของเรกะคือเด็กที่ถูกโจร(ซึ่งเป็นคนที่เธอคิดว่าเป็นพ่อ)ลักพาตัวเธอพร้อมกับฆ่าพ่อของเธอตาย และนำไปเลี้ยงดูเสมือนหนึ่งเป็นลูกแท้ๆ และจะฆ่าทุกคนที่คิดร้ายกับลูกสาวของตน
+ +
ความคิดเห็น