ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Assasino Café : Assasin คาเฟ่ฆาตกร

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 7 มิ.ย. 64


    บทนำ

     

     

     

              ในฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสี หรือที่เราเรียกว่าสารทฤดู ณ ตรอกเล็กๆบนถนนย่านการค้าของเมืองหลวง

     

              ภายใต้ท้องฟ้าสีส้มยามเย็น นกพิราบขาวโบยบินท่ามกลางเวหา ย่างใกล้เปลี่ยนฤดูเข้าสู่ฤดูหนาวที่อากาศค่อยๆเย็นขึ้นตามธรรมชาติ บรรยากาศสบายๆยามนี้ดึงดูดให้ผู้คนออกมาพักผ่อน ทานอาหาร หรือกลับบ้านกันตามความสะดวก  แต่แล้วก็มีร้านนึงที่แม้จะเย็นใกล้มืดแล้วร้านก็ยังคงเปิดอยู่ แสงไฟอันอบอุ่นจากในร้านล่อลวงให้เหล่าผู้คนที่เดินผ่านได้แวะเวียนเข้าไปชม ถูกดึงดูดด้วยความลึกลับของร้านที่ตกแต่งด้วยสีดำสนิท ประตูเป็นประตูทรงสูงเหมือนที่เคยเห็นในยุโรป หน้าร้านถูกประดับด้วยดอกคาเนชั่นสีขาวบริสุทธิ์งดงาม มีแสงไฟส้มนวลรอดผ่านกระจกหน้าต่างร้านออกมา พร้อมเสียงบรรเลงเพลงของเปียโนที่ดังขึ้นเบาๆจากภายในร้าน

     

              แกร๊ก

     

              “ยินดีต้อนรับกลับครับนายท่าน”ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็พบกับชายร่างสูงใหญ่ยืนต้อนรับอยู่ เขามีผมสีดำหยักศกยาวลงมาจนถึงสะโพก ดวงตาสีทองประกายแพรวพราวน่าค้นหา รูปคางมีเคราจางๆให้เห็น พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แต่มีเสน่ห์ประดับใบหน้าที่ออกไปทางอิตาลี ใส่ชุดยูนิฟอร์มร้านสีขาวตัดกับสีของประตูร้านสีดำ แต่กลับปลดกระดุมที่หน้าอกออกสามเม็ดอย่างดูไม่เรียบร้อยนัก สวมใส่กางเกงแสล็คขายาวพร้อมกับรองเท้าหนังเนื้อดีไม่มีที่ติ



              “ไม่ต้องตกใจไป ผมชื่อ อลัน เป็นเจ้าของร้านนี้” เขาเอามือทาบอก พร้อมค้อมศีรษะให้น้อยๆ ก่อนที่ท่าทีสุภาพจะเปลี่ยนเป็นท่าทีสบายๆอย่างไม่ทันตั้งตัว เขายืนเต็มความสูง 197 เซนติเมตร หลบไปด้านข้างและผายมือเชิญเข้าไปในร้าน

     

              “ขอต้อนรับสู่ Assasino Café”

     

     

               ภายในร้านถูกออกแบบเป็นไสตล์ยุโรปกลาง ทั้งที่เป็นคาเฟ่ แต่ให้บรรยากาศเหมือนกับห้องรับแขกเสียซะมากกว่า ผนังร้านทำจากอิฐแดงที่หาได้ยากในปัจจุบันผสมกับปูนเพื่อความทนทาน มีที่นั่งทั้งแบบโซฟาสีดำให้นั่งจิบกาแฟ และโต๊ะไม้แกะสลักวิจิตรบรรจงสวยงามตามมุมต่างๆ มีเตาผิงที่จุดไฟทิ้งไว้ด้านในของร้าน ประตูทรงโค้งสีทึบที่ดูน่าจะเป็นห้องครัวหรือห้องสำหรับพนักงานดูคลาสสิค ตู้หนังสือขนาดใหญ่ที่หาได้ตามห้องสมุดเก่าๆ ทั้งไฟประดับและรูปภาพตกแต่งผนังแต่ละชิ้นล้วนดูมีราคา ราวกับฉากในหนังที่เคยพบเห็นในทีวี ลูกค้ามากหน้าหลายตาภายในร้านดูมีความสุข รื่นเริงไปกับบรรยากาศอันน่าดูชม

     



              เสียงเปียโนเล่นเพลงมาจากบริเวณเตาผิง ตรงนั้นมีชายรูปร่างผอมสูงคนนึงกำลังบรรเลงเพลงด้วยความชำนาญและนุ่มนวล สีผมของเขาเป็นสีเทา ดวงตาสีเขียว มีรูปใบหน้าสวยจนผู้หญิงยังรู้สึกอายแต่ก็ยังพอมองออกว่าเป็นผู้ชายจากชุดยูนิฟอร์มร้านที่เขาใส่อยู่ เขาคือผู้ขุดหลุมฝังศพ ชื่อว่า ราล์ฟ ...คุณฟังไม่ผิดหรอก เขาคือผู้ขุดหลุมฝังศพแต่นั่นไม่ใช่ตัวตนจริงของเขาหรอกมันเป็นเพียงบทบาทที่เขาได้รับในร้าน Assasino แห่งนี้ พนักงานร้านทุกคนได้รับบทบาทเป็นฆาตกรตามคาแรคเตอร์ของตัวเอง และบริการลูกค้าในลักษณะนั้นตามรสนิยมความชอบของแต่ละคนบุคลิกของเขาคือชายมืดมนนิ่งเงียบ น่าขนลุก มีใต้ตาคล้ำดำและพูดน้อย หน้าที่ของเขาคือบริกรหรือพนักงานเสิร์ฟ ควบกับตำแหน่งนักเล่นเปียโนประจำร้าน

     

     


              “กาแฟดำที่นายท่านสั่งไว้มาเสิร์ฟแล้วค่ะ” เสียงหวานดังขึ้น พร้อมกับชุดเมดที่มีความผสมโกธิคตัดเข้ากับร้านได้อย่างพอดิบพอดี เธอผูกผมทวินเทลสีดำหยักโศกจนเกือบเป็นลอนยาว ดวงตาสีแดงก่ำหยาดเยิ้ม ตัวสูงรูปร่างดีพอจะเติบโตเป็นนางแบบได้เป็นอย่างดี เธอ มีชื่อว่า อลิเซีย แม้เธอจะดูสวยสง่าราวกับดอกอเนโมเน่สีแดงเพียงไหน แต่บทบาทของเธอในร้านนี้ คือสาวคลั่งโลหิต เธอเป็นสาวมากเสน่ห์ที่มักจะทำอะไรหุนหันพันแล่น ชอบความตื่นเต้นเป็นที่สุดและสามารถพูดเรื่องน่าขนลุกได้ออกมาทั้งรอยยิ้ม

     


              ในขณะที่เจ้าของร้านผู้ตัวสูงเด่นกว่าใครนั้นก็ได้รับตำแหน่งเป็น โจรลักพาตัว เป็นบทบาทของตัวเอง เขาจึงเป็นชายที่มีบุคลิกมากด้วยเล่ห์ เก่งวาทะศิลป์ ดูเจ้าชู้ ถนัดด้านการล่อลวงคนเป็นที่สุด และเป็นหนึ่งในคนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอันดับ 2 ของร้าน

     

     

              จังหวะนั้นเองที่ประตูทรงโค้งที่ปิดสนิทอยู่ได้เปิดออก พร้อมกับร่างของคนสองคนที่ก้าวออกมาจากประตู ด้านขวาคือชายร่างสูงบึกบึนสมชาย นามว่า คาเรส เขาเป็นชายผมสีแดงธรรมชาติที่หาได้ยาก ดวงตาสีม่วงเข้มตัดกับแว่นทรงเหลี่ยมสีทอง ชายคนนี้คือหัวหน้าเชฟประจำร้าน ได้รับบทบาทเป็นนักชำแหละ มีความเคร่งขรึมแต่ก็มีความโผงผาง เป็นคนใจร้อนและมีใบหน้าเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลา แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นหนุ่มหล่อที่หน้าตาดีทีเดียว



              ตัดมาที่คนสุดท้าย คือผู้หญิงตัวเล็กคนนึง เธอมีผมสีขาวปรอทและผิวขาวซีดจนน่ากลัว ดวงตาสีฟ้าสวย เข้ากับร่างกายที่ดูบอบบางน่าทะนุถนอม แม้เธอจะสวมเสื้อสูทแต่ก็ดูออกทันทีว่าเธอเป็นผู้หญิง เส้นผมตัดสั้นราวบุรุษ ใบหน้าสวยหวานอ่อนเยาว์ กล่าวได้เลยว่าเธอเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดในพนักงานทั้งหมด ชื่อของเธอคือ เรเวน เธอเป็นผู้ช่วยพ่อครัวประจำร้านเช่นกัน


              ทั้งสองคนสาวเท้าออกมาจากห้องอย่างเงียบเชียบ ทันใดนั้นร้านทั้งร้านก็เงียบสงบลง ทั้งคู่แยกกันไปเสิร์ฟอาหารตามโต๊ะของตัวเอง ในขณะนั้นเองที่เรเวนกำลังเสิร์ฟอาหารลงบนโต๊ะก็ได้สบตากับลูกค้าสาวเข้า เธอมีใบหน้าแดงเรื่ออย่างเห็นได้ชัด

     

              “นายท่าน...” เสียงใสของคนผมขาวทำให้ทุกสายตาจับจ้องไปที่เขา มือเรียวเชยคางลูกค้าหญิงเบาๆก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล“ขอให้ผมได้เห็นกระดูกของคุณจะได้ไหมครับ

     

              ทุกสิ่งพลันเงียบสงัด เมื่อการแสดงของร้านได้เริ่มต้นขึ้น

     

              “ผมจะผ่าร่างกายของคุณอย่างเบามือ และเลาะกระดูกออกมาอย่างปราณีตที่สุด ผมสัญญาว่าจะดูแลกระดูกของคุณเป็นอย่างดี” เขาละมือออกมาจากเธอช้าๆ ก่อนที่จะยื่นใบหน้าเย็นชาเข้าหา สบตาเธอลึกเข้าไปยังนัยน์ตาของอีกฝ่าย“บอกผมสิ ว่าอยากให้ผมฆ่าคุณ”

     

              เรเวน คือผู้ที่ได้รับบทเป็น นักสะสมกระดูก เขาเป็นแรร์คาแรคเตอร์ของร้านที่จะออกมาให้เห็นน้อยครั้ง และยังครองตำแหน่งอันดับหนึ่งของคนที่ได้รับความนิยมสูงสุดของร้าน เด็กสาวที่เรียกตัวเองว่า‘ ผม‘

    ในช่วงฤดูการที่กึ่งอบอุ่นกึ่งหนาวเย็นนี้ผมได้พบกับเธอ

     

     

    ขอต้อนรับสู่ AssasinoCafé อีกครั้ง




    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×