ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ:KIHAE] :: Just You พรหมลิขิตหัวใจบอกฉันให้รักเธอ

    ลำดับตอนที่ #10 : Through An Uneasy Circumstance

    • อัปเดตล่าสุด 20 พ.ค. 51


    "สรุปคุณเคยเจอทั้งสองคนมาก่อนรึเปล่าครับฮยอกแจ"

    ชายหนุ่มสายเลือดจีนเอ่ยถามพลางเอนตัวยืนพิงกำแพงด้วยท่าทางแสนสบายที่ช่างดูเข้ากับรอยยิ้มบางๆบนเรียวปากของเขาเสียเหลือเกิน ฮยอกแจงับประตูสีขาวปิดตามหลังมาเบาๆก่อนจะหันมาทำหน้าบึ้งใส่คนถาม

     

    "อยากรู้ไปทำไม"

     

    "ก็แค่อยากรู้เฉยๆไม่ได้รึไงครับ"

     

    "ก็...แค่บังเอิญเจอกัน"

    เสียงที่กร้าวแข็งในตอนแรกอ่อนลงจนเหลือเพียงเสียงอ้อมแอ้มในลำคอพร้อมกับสายตาที่เบนหนี มันำให้คนเฝ้ามองคลี่ยิ้มออกมามากขึ้น แต่ก็ไม่ได้คิดจะซักถามอะไรอีก เพราะถ้าไม่อยากบอกเสียอย่าง...ฮยอกแจคงไม่หลุดปากเล่าออกมาง่ายๆเป็นแน่ๆ

     

    ฮันคยองยกมือขึ้นกอดอกพลางเฝ้ามองเจ้าไก่ตัวเล็กของเขาทำท่าทางอ้ำๆอึ้งๆ...ขยับปากอ้าๆหุบๆคล้ายอยากจะเอ่ยถามบางอย่างด้วยสายตาขบขัน

     

    "มีอะไรจะถามผมรึเปล่าครับฮยอกแจ"

    ในที่สุด เขาก็ยอมเป็นฝ่ายเอ่ยถามออกมาก่อน ฮยอกแจทำหน้ามุ่ยเหมือนไม่ชอบใจที่โดนรู้ทัน แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเถียงกลับ

     

    "คุณทงเฮ...กับคุณคิบอม เค้า...เอ่อ..."

    อ้า...เรื่องนี้นี่เอง

     

    "ฮยอกแจคิดว่าทั้งคู่เป็นอะไรกันล่ะครับ"

     

    "แฟน...เอ่อ...ละมั้ง" ฮยอกแจพึมพำตอบออกมาทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ใช่ บรรยากาศในห้องนั้นไม่ใช่บรรยากาศของคู่รักที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ร่วมกันเขารู้สึกได้...เป็นอะไรที่เศร้ากว่านั้น

     

    ฮันคยองคลี่ยิ้มเศร้าๆพลางขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้ยืนได้สบายมากขึ้น

     

    "เรียกว่าคล้ายๆก็คงจะดีกว่า ถ้าผมบอกว่าคุณทงเฮเป็นตุ๊กตาที่มีชีวิตฮยอกแจคงเข้าใจใช่มั้ยครับ"

     

    "อืม...แต่ว่านะ!..." ใบหน้าที่ดูเซื่องๆเมื่อครู่เปลี่ยนมาเป็นไม่ชอบใจขึ้นมาทันทีเหมือนคนพูดเพิ่งจะนึกอะไรได้

     

    "ทำแบบนี้ไม่ดีเลย!...คนอื่นเค้าจะคิดยังไงอ่ะ"

     

    "แต่อย่างน้อยคุณทงเฮก็ไม่ได้ไปขโมยใครเค้ามานะครับฮยอกแจ...เค้าทำอย่างหนึ่งเพื่อให้ได้มาซึ่งอีกอย่างนึง เป็นการแลกเปลี่ยนที่สุจริตนะครับ" ถ้อยคำที่มาพร้อมกับแววตาตำหนิทำให้ฮยอกแจตัวลีบลงมาทันที...คล้ายเด็กที่โดนผู้ใหญ่ดุกระนั้น หากแต่ท่าทางซึมๆแบบนั้นกลับทำให้คนดุต้องคลี่รอยยิ้มออกมาบางๆอย่างเอ็นดูก่อนจะเอื้อมมือไปดึงคนตัวเล็กให้มายืนข้างๆพลางวาดแขนยาวของตนโอบไหล่บางเอาไว้

     

    "ต่างคนต่างเหตุผล คุณน่าจะเข้าใจประโยคนี้มากกว่าใครนะครับฮยอกแจ คุณบอกผมเองนี่ว่าคนเราไม่ได้มีทางเลือกมากนัก คุณทงเฮเองก็คงไม่มีทางเลือกมากนักหรอกนะครับ...อีกอย่าง..."

     

    "..." ฮยอกแจเหลือบตาขึ้นมองร่างสูงที่จ้องตรงไปยังประตูสีขาวตรงหน้าราวกับกำลังมองทะลุเข้าไปด้านในเห็นคนที่ทั้งคู่กำลังพูดพาดพิงถึง

     

    "แววตาคู่นั้นยังเศร้าไม่พอที่จะบอกคุณหรอครับฮยอกแจ ว่าคุณทงเฮก็ไม่ได้อยากเป็นแบบนี้เหมือนกัน...ดวงตาของคุณทงเฮพูดได้นะครับ ลองมองดูดีๆสิ"

    ประตูที่ถูกผลักเปิดออกมาทำให้เสียงนุ่มทุ้มของฮันคยองเงียบลง คิบอมมองลูกน้องของตนที่ยืนกอดคอกันอยู่ด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะหมุนตัวเดินตรงไปยังลิฟต์โดยมีลูกน้องทั้งสองคนของเขาก้าวตามมาอย่างรวดเร็ว

     

    "เดี๋ยวฮันคยองพาฮยอกแจไปที่บ้าน ไปเอารถออกมาคันนึง" คิบอมเอ่ยสั่งขณะยืนรอคอยลิฟต์อย่างใจเย็น มือทั้งสองข้างไขว้อยู่ด้านหลัง...ไม่ยอมแม้แต่จะหันมามองคนที่ตนสั่ง...กลายเป็นคิมคิบอมที่เงียบขรึมเด็ดขาดอย่างที่ใครๆรู้จักตามเดิม และสำหรับฮันคยองผู้ที่ทำงานอยู่กับเขามานาน แค่ฟังจากน้ำเสียงก็รู้แล้วว่าเจ้านายของตนเป็นอะไร...คงต้องหงุดหงิดอะไรคุณทงเฮแน่ๆ

     

    "นายรับผิดชอบรถคันนั้นกับทงเฮ...เข้าใจมั้ยฮยอกแจ"

     

    "คะ...ครับ" ฮยอกแจรีบตอบรับพลางก้าวตามเข้าไปในลิฟต์ที่เปิดรอ...ใครเอาไอ้หนุ่มแก้มป่องขี้แกล้งเมื่อเช้าไปไหนแล้วนะ...กลายเป็นคนละคนไปเลย

     

    คิบอมกำลังหงุดหงิด...ใช่เลยล่ะ...เขากำลังหงุดหงิด พอผละออกมาจากทงเฮปุ๊บเขาก็หงุดหงิดปั๊บเอาเสียอย่างนั้น...ไม่ได้หงุดหงิดเทพธิดา หากแต่เป็นหงุดหงิดกับตัวเองมากกว่า...หงุดหงิดกับงานบ้าๆที่เขาต้องไปทำ...หงุดหงิดประชุมที่เขาจำเป็นต้องเข้าร่วมในอีกหนึ่งชั่วโมง...หงุดหงิดผู้บริหารบริษัทต่อรถยนต์ในเครือคิมกรุ๊ปจากอเมริกาที่นัดจะพบเขาวันนี้...ทุกอย่างช่างไม่ลงตัวเอาเสียเลย!

     

    บัลเลเลเล...บัลเลเลเล

     

    "ว่าไงซองมิน"

    เสียงอันแข็งกระด้างเมื่อครู่นุ่มนวลลงยามกรอกเสียงลงไปเอ่ยรับเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏเป็นสายเรียกเข้า ร่างสูงก้าวออกมาจากตัวลิฟต์ เดินตรงไปยังรถของตนที่จอดอยู่ไม่ไกล

     

    "คือ...ผมจะออกไปข้างนอก...ได้มั้ย"

     

    "ไม่สบายหายแล้วรึไง"

     

    "สบายดีแล้ว"

     

    "จะออกไปกับใคร...คยูฮยอนคงไม่ได้มาชวนใช่มั้ย"

    ให้ตายสิ!...ทำไมจู่ๆเขาก็นึกระแวงไอ้คนกลางวันทำงานกลางคืนเมาหัวราน้ำอย่างไอ้คยูฮยอนขึ้นมานะ ทั้งๆที่ร้อยวันพันปีเขาไม่ได้คิดจะสนใจมันด้วยซ้ำ

     

    "เปล่าซักหน่อย ทำไมเพื่อนพี่ต้องมาชวนผมด้วยล่ะ"

    เสียงที่ตวัดตอบกลับมาเหมือนจะงอนทำให้คิบอมคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย...ถ้าทงเฮแสนงอนแบบนี้ก็คงจะดี...คงจะน่ารักกว่านี้แน่ๆ ร่างสูงส่ายหน้าไล่ภาพคนที่ตัวเองกำลังคิดถึงนั่งทำแก้มป่องงอนเขาให้ออกไปจากหัวเพื่อสนใจบทสนทนาทางโทรศัพท์มากขึ้น...อ่า...เมื่อกี้เขาถามอะไรซองมินไปรึเปล่านะ

     

    "เออๆ....ตามใจนายเถอะ ใส่เสื้อหนาๆหน่อยก็แล้วกัน วันนี้อากาศเย็น เดี๋ยวจะไม่สบายไปอีก"

     

    "ครับ...ขยันทำงานนะครับ" ซองมินบอกลาแล้วสายจึงถูกตัดทิ้งไป คิบอมถอนหายใจก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งในรถที่มีฮยอกแจเปิดประตูคอยไว้ให้

     

    ........................................................

     

    "อ่ะ...เออ..."

    ฮยอกแจไม่เคยรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองแบบนี้มาก่อนในชีวิต แม้แต่ตอนที่ไปออดิชั่นซึ่งมีผู้สมัครกว่าร้อยคนก็ไม่เคย!...ทงเฮช่างนิ่งเฉย ร่างบางนั่งนิ่งอยู่ที่โซฟาโดยที่แทบจะไม่ขยับไปไหน...เหมือนรูปสลักที่มีลมหายใจไม่มีผิด!...มีบ้างที่ผล่อยหลับไป แต่ก็จะสะดุ้งตื่นขึ้นมาภายในเวลาไม่กี่นาทีต่อมา ส่วนคนที่นั่งเฝ้าน่ะหรอ...นั่งสัปหงกอยู่ที่เก้าอี้ในห้องครัวไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแล้ว

     

    ฮยอกแจสะบัดศีรษะไล่ความง่วงงุนให้หายไปก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปหาคนที่นั่งนิ่งอยู่ที่โซฟา โดยไม่ลืมที่จะหันมาค้อนคนตัวสูงที่นั่งอยู่ใกล้ๆอย่างโกรธๆ...ไม่ช่วยอะไรแล้วยังอาสาตามมาช่วยอีก...เกะกะลูกตาจริง!

     

    "คุณทงเฮครับ..."

    นัยน์ตาสีฟ้าเบือนมาหาคนเรียกอย่างเชื่องช้า...และมันก็ทำให้คนที่ถูกจ้องมองชะงักนิ่งและลืมหายใจไปเหมือนอย่างที่มันทำกับทุกคนที่จ้องมองนานพอ เรียวปากแดงสวยคลี่ยิ้มมาให้เขาเล็กน้อยอย่างสุภาพ

     

    "เรียกผมทงเฮเฉยๆดีกว่านะครับ"

     

    "ครับ...อ่ะ...เอ่อ...ทงเฮไม่เบื่อหรอครับ นั่งเฉยๆแบบนี้น่ะ อยากไปไหนมั้ยครับ เดี๋ยวผมพาไป"

    ความสุภาพของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้านายทำให้ฮยอกแจประหม่า ทงเฮขยับรอยยิ้มให้กว้างขึ้นพลางโคลงศีรษะเบาๆเป็นการปฏิเสธก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยเพื่อเปิดพื้นที่บนโซฟาให้กว้างขึ้น

     

    "ฮยอกแจมานั่งนี่ก็ได้ จะนั่งดูทีวีก็ได้ นั่งอยู่แบบนั้นคงเบื่อแย่...ต้องขอโทษที่ทำให้ลำบากนะครับ"

    ฮยอกแจแทบจะทำตาของตัวเองถลนหลุดออกมาจากเบ้าเพราะเบิกมันกว้างจนเกินไป...เขาไม่อยากจะเชื่อว่ามันยังมีคนที่สุภาพขนาดนี้เหลือรอดอยู่ในโลกที่โหดร้ายแบบนี้! ร่างที่ยืนนิ่งไปทำให้ทงเฮหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะตัดสินใจเอื้อมมือไปดึงข้อมือของชายหนุ่มผมสีแสบตาให้ล้มตัวลงมานั่งบนโซฟาได้เป็นสำเร็จ

     

    "เอ่อ...คุณทงเฮครับ..."

     

    "ไม่เป็นไรหรอก นั่งเป็นเพื่อนผมอยู่ตรงนี้ล่ะ..คุณ...เอ่อ...ฮันคยองก็มานั่งตรงนี้สิครับ อย่าไปนั่งอยู่ในครัวเลย"

    เสียงหวานที่เอ่ยเรียกทำให้ฮันคยองอดที่จะคลี่ยิ้มไม่ได้...ยอมรับว่ารู้สึกยินดีที่ในที่สุดคนที่นั่งเงียบมากว่าสองชั่วโมงก็หันมาพูดคุยกับคนอื่นเสียที ร่างสูงลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปหาคนตัวเล็กทั้งสองคนที่จับจองพื้นที่อยู่บนโซฟาตัวยาวหน้าโทรทัศน์จอแบนเครื่องใหญ่ ทงเฮผู้เปรียบเสมือนเจ้าของบ้านในตอนนี้เงยหน้าขึ้นมาคลี่ยิ้มให้เขาพลางเขยิบตัวเบียดที่วางแขนของโซฟาเข้าไปอีกเพื่อให้เขามีที่พอจะนั่ง โดยมีฮยอกแจที่นั่งตัวลีบขยับตัวตามไปเงียบๆ

     

    "นั่งเถอะครับ...นั่งอยู่ในครัวแบบนั้นคงไม่สบายเท่าไร"

    ฮันคยองแทรกตัวลงไปนั่งตามคำเชิญชวนโดยไม่ได้พูดอะไรและทันทีที่ตัวของเขาแนบสนิทกับโซฟา เจ้าไก่ตัวน้อยก็ขยับตัวมาชิดเขาทันทีราวกับกลัวเจ้าของบ้านที่นั่งขนาบอยู่อีกข้างจะหันมากัดเอา...มันทำให้เขาอดที่จะหัวเราะไม่ได้

     

    "ทำไมหรอครับฮยอกแจ...คุณทงเฮน่ากลัวรึไง" เขากระซิบถามเบาๆ

     

    "นี่เป็นเรื่องปกติรึเปล่า...ฉันหมายถึงคนก่อนๆน่ะ..." ฮยอกแจย้อนถามโดยที่ริมฝีปากแทบจะไม่ขยับด้วยซ้ำ คำถามทำให้ฮันคยองนิ่งไปพร้อมกับแอบเหลือบสายตาไปมองคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของคนถามเล็กน้อย...ผู้ซึ่งนั่งเหม่อออกไปนอกระเบียงอีกแล้ว

     

    ฮันคยองสามารถตอบคำถามนั่นได้อย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่า...ไม่ใช่...ไม่ได้เข้าใกล้ด้วยซ้ำ เท่าที่เขาได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ดูแลมา...ไม่มีใครเย็นชาได้ขนาดนี้ ลีทงเฮเป็นคนแรกที่ไม่ได้ลุกขึ้นชี้นิ้วสั่ง เป็นคนแรกที่ไม่ร้องเอาแต่ใจให้น่ารำคาญ...เป็นคนแรกที่ดูเศร้าขนาดนี้ จะว่าคุณคิบอมมันจะถูกใจพวกที่มีนิสัยสวย เริ่ด เชิด หยิ่งก็ไม่ผิดเท่าไรนัก...ก็คนก่อนๆเป็นแบบนี้หมดนี่!

     

    ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาพลางชะโงกหน้าไปยิ้มให้เจ้าบ้านเล็กน้อย

     

    "คุณทงเฮครับ...ถ้าผมจะขอ..." เขาพยักเพยิดไปยังโทรทัศน์คล้ายกับขออนุญาตที่จะเปิดมัน ทงเฮมองท่าทางนั้นด้วยสายตาไม่เข้าใจอยู่ครู่นึงก่อนจะยิ้มออกมาพร้อมกับเลื่อนรีโมตไปยังคนขออนุญาต

     

    "ตามสบายเลยครับ อย่ามานั่งเบื่อเพราะผมเลย" ร่างบางตอบกลับมายิ้มๆแล้วจึงเหม่อสายตากลับออกไปนอกระเบียงตามเดิม...ท่าทางที่ให้ฮันคยองต้องถอนหายใจออกมาเบาๆอีกครั้งพลางยกรีโมตขึ้นกดเพื่อเปิดโทรทัศน์ ฮยอกแจมองการกระทำของคนตัวใหญ่ข้างๆอย่างไม่เข้าใจ แต่เขาก็เลือกที่จะนั่งดูโทรทัศน์โดยไม่คิดจะเอ่ยถามอะไร

     

    "อย่าเงียบสิครับฮยอกแจ ชวนคุณทงเฮคุยหน่อยสิครับ"

     

    "คุยอะไรล่ะ...นายก็คุยเองสิ!" ร่างเล็กโต้กลับด้วยเสียงกระซิบที่แผ่วเบาไม่แพ้กัน ต่างกันแค่น้ำเสียงที่ใช้ก็เท่านั้นเอง ฮยอกแจขยับตัวขยุกขยิกอย่างอึดอัดเมื่อได้รับสายตากึ่งๆบังคับจากคนตาคม จนในที่สุดก็ยอมแพ้และหันไปคลี่ยิ้มอย่างเป็นมิตรให้คนที่นั่งนิ่งเงียบราวรูปสลักเพื่อเริ่มบทสนทนาที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้หัวข้อที่แน่ชัด

     

    "เอ่อ...คุณทงเฮ...อ่า...ชอบสีอะไรครับ"

    ทงเฮหันกลับมาพลางเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจที่จู่ๆก็ถูกถามด้วยคำถามแบบนี้ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ...และมันก็ทำให้คนที่แอบเฝ้ามองอย่างฮันคยองเลิกสงสัยในทันทีว่าทำไมเจ้านายถึงเลือกชายหนุ่มท่าทางเย็นชาคนนี้มาเป็นตุ๊กตา

     

    "สีฟ้าครับ...ผมบอกแล้วไงว่าเรียกผมว่าทงเฮเฉยๆก็พอ"

     

    "อ่ะ...เอ่อ...ครับ"

    ฮันคยองใช้ศอกกระทุ้งคนที่เริ่มนิ่งไปเบาๆราวกับจะกระตุ้นให้ทำหน้าที่ในการชวนคุยต่อ ซึ่งฮันคยองก็ได้หน้ายู่ๆกับค้อนวงใหญ่ๆกลับมาเป็นของขวัญ

     

    "แล้ว...เอ่อ...ทงเฮมีพี่น้องมั้ยครับ"

    ทงเฮหันกลับมาสนใจคนข้างๆอีกครั้งด้วยสีหน้าแปลกใจคล้ายไม่อยากจะเชื่อว่าฮยอกแจยังสามารถหาคำถามมาถามเขาได้อีก แต่ชายหนุ่มก็คลี่ยิ้มมาให้บางๆอย่างไม่ได้โกรธเคืองอะไร

     

    "ผมมี...เอ่อ...พี่ชายหนึ่งคนครับ"

     

    "กรุ๊ปเลือดล่ะ...ทงเฮกรุ๊ปเลือดอะไรหรอครับ"

     

    "ฮะ?....อ่า...เอครับ"

     

     

    และบทสนทนาก็ดำเนินต่อไปในลักษณะแบบนี้ มีฮยอกแจเป็นฝ่ายถามและมีทงเฮเป็นฝ่ายตอบ...ถามคำตอบคำอยู่อย่างนั้นจนคนที่ตาจ้องทีวีแต่หูฟังบทสนทนาอดที่จะอมยิ้มไม่ได้....ถ้าคุณคิบอมให้เขาทำประวัติของชายหนุ่มที่ชื่อว่าลีทงเฮแล้วล่ะก็ ตอนนี้เขาคงทำได้เป็นหน้าๆแล้วล่ะ ก็เจ้าไก่ตัวน้อยน่ะสิ...ช่างสรรหาคำถามเสียเหลือเกิน เล่นถามจนแทบจะเป็นการซักประวัติเข้าทำงานอยู่รอมร่อ คนตอบก็เหลือเกิน....ตอบมันทุกคำถามโดยไม่มีบ่ายเบี่ยงเสียอย่างนั้น แต่ก็ดีแล้วล่ะ...ฮันคยองดีใจที่ใบหน้าสวยหวานนั่นมีรอยยิ้มประดับมากขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ และแววตาก็เริ่มมีประกายสดใสเข้ามาแต่งแต้มจนดูคล้ายท้องฟ้าในฤดูใบไม่ผลิเข้าไปทุกที...เป็นรูปสลักที่กลับกลายมาเป็นมนุษย์ที่มีชีวิตอีกครั้ง

     

    "นี่ฮันคยอง..."

     

    "ครับฮยอกแจ"

     

    "เบาเสียงทีวีหน่อยสิ"

    เสียงของฮยอกแจที่เป็นเพียงเสียงกระซิบต่ำๆทำให้ฮันคยองต้องชะโงกหน้าไปดูคนที่นั่งอยู่อีกด้านของโซฟา แล้วเขาก็ต้องคลี่ยิ้มออกมาและยอมเอื้อมมือไปหยิบรีโมตมาหรี่เสียงอย่างที่ถูกขอ

     

    "หลับไปนานแล้วหรอครับ"

     

    "ก็ซักพักนั่นล่ะ" ฮยอกแจพึมพำตอบกลับพลางขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้เจ้าของศีรษะที่เอบซบไหล่ของเขาอยู่ได้สบายมากขึ้น มือเล็กยกขึ้นเกลี่ยผมสีน้ำตาลเข้มให้ออกพ้นจากดวงหน้าหวานที่หลับพริ้ม...ดูบริสุทธิ์ราวกับเทพธิดายิ่งกว่าตอนตื่นเสียอีก

     

    "น่ารักมากๆเลยนายว่ามั้ยฮันคยอง...ทงเฮน่ะ"

     

    "ครับ...น่ารัก"

    ฮันคยองคลี่ยิ้มพลางยกมือขึ้นขยี้ผมสีแสบตานั่นเบาๆก่อนจะเลื่อนตัวเอนพิงโซฟาด้วยท่าทางแสนสบาย แล้วจึงเอนศีรษะของตนพิงเข้ากับไหล่บางบ้าง เจ้าของไหล่ทำท่าจะโวยวาย ติดอยู่ก็แต่คนน่ารักที่กำลังหลับสนิทอยู่อีกข้าง ฮยอกแจจึงทำได้เพียงทำหน้ามุ่ยใส่คนที่กำลังหลับตาทั้งๆที่มีรอยยิ้มกว้างแต้มอยู่บนเรียวปาก แขนแข็งแรงรีบสอดเข้าคล้องกับแขนบอบบางของคนตัวเล็กทันทีเพื่อล๊อคมันไว้ไม่ให้ประทุษร้ายเขา

     

    "แต่สำหรับผมนะ....ฮยอกแจน่ารักกว่าเยอะเลยครับ"

     

    ...............................................................


    แฟนคลับป๋าฮันกรี๊ดดดดด~!!!!


    ได้กลิ่นอายอึนเฮหึ่งๆมั้ยพี่น้อง - -*...แต่ไม่ต้องห่วง ไรเตอร์ยืนยัน เรื่องนี้คิเฮแน่นอนรับประกัน!

    ตอนนี้ฮยอกดูเป๋อๆไงไม่รู้ ถ้าใครได้ดูhappy factory เมื่ออาทิตย์ก่อนก็คงจิ้นได้เนอะ(ฮยอกแจน่ารักโฮกมาก!)
    พูดถึงhappy factory ใครได้ดูเมื่อสองอาทิตย์ก่อนมั่ง(วีคแรกของฮยอกอ่า)...เหนคิเฮมั้ยพี่น้อง!....ตอนที่ฮยอกไปห้องซ้อมใช่ม่ะ เจ๊อะเข้ากับตาบอมก่อนเข้าห้อง พอเข้าห้องก็ไปเจ๊อะกับหนูหมวย....เค้ามาทำอะไรกันสองคนอ๊ะ!!!...คิเฮได้อีก!!



    คงเปิดเทอมกันแล้วเนอะส่วนใหญ่ แต่ไรเตอร์ยังค่ะ(ฮะๆๆๆๆ....มีฟามสุข!^^....เมื่อสองตอนก่อนเมิงยังเศร้าอยุ่เลยเน่ะ- -)



    คงได้ข่าวงานแถลงข่าวคอนเอสเจกันแล้วเนอะ อังคารที่ 27 พค บ่ายสองที่พารากอนที่เดิม....ไรเตอร์ก้ยังไม่เปิดเทอมอยู่อีกเหมือนเดิม! เพราะงั้นเราอาจจะไปก้อได้ แต่ก้ไม่แน่อยู่เหมือนกัน เพราะเราไม่ค่อยถุกกับคนเยอะๆเท่าไร(อนึ่งนั้นเนื่องมาจากไซส์ตัวที่เล็กกว่าขนาดมาตรฐานอยู่มากโขนั่นเอง-
    -*)


    ส่วนเรื่องคอนนี่ก็...อืม...ตอนแรกก็ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไปแน่ๆ แต่พอเห็นราคาบัตร6พันและสี่พันห้าปุ๊บ ความต้องการสะดุดปั๊บทันที....โอ้โฮ้!...กะให้เด็กขายตัวไปดูกันเลยรึไงฟะ!.....แม้ว่าเอสเจจะโหล่วกระชากตับไตไส้ม่ามของไรเตอร์ขนาดไหน แต่ถ้าทำให้ต้องไม่มีไรกินไปเป็นเดือนนี่ก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ- -*...แต่เค้าว่าผังที่นั่งเหมือนคอนดงบังเป๊ะ(เปนหลุมๆยังงั้นแหละ) ก็คงไม่เป็นไรล่ะมั้ง- -...ได้เห็นเหมือนกันทุกราคาอยู่แล้ว(เชื่อมั่นแบบนั้นไว้พี่น้อง)





    พล่ามเยอะ...ไปแระ ตั้งใจเรียนนะคะ^^



    ขอบคุณทุกคอมเม้นต์และคนอ่านทุกคนนะจ๊ะ..ไรเตอร์ปลื้มอีกแล้ววว!!!^^

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×