ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ALIVE or DEAD

    ลำดับตอนที่ #27 : บทที่ 27 ตรรกะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 190
      1
      5 มิ.ย. 58

    บทที่ 27  ตรรกะ

    ชั้น 2

    ห้องรับประทานอาหาร

    "เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขากันเนี่ย..." 

    ขวัญข้าวเบิกตาโพลงด้วยสีหน้าที่รู้สึกตกใจ  เธอเหงื่อออกตามใบหน้าเล็กน้อยหลังจากบทสนทนานั่นจบลง    พูดจบพลันเธอก็หันหน้ามามองทางชายหนุ่มซึ่ง....เขาเองก็รู้สึกไม่ต่างจากเธอเลย

    "..............." 

    ผมรู้ได้ทันทีว่าขวัญข้าวมองมาทางผมเพื่อต้องการคำตอบ   แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น หรือพวกเขาอาจจะเจอเข้ากับ.....

    "ฆาตกรอีกคนหยั่งงั้นเหรอ..."  

    วัฒน์พูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด  คำพูดของวัฒน์ทำให้พวกเราทุกคนในห้องรับประทานอาหารแห่งนี้  ทำท่าสะดุ้งอย่างเสียวสันหลังวาบทันที  เมื่อเขากำลังพูดถึง.....สิ่งนั้น

    ผมไม่อาจเรียกว่า 'เขา' หรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะแทนในความหมายในการเรียกบุคคล   เพราะนั่นไม่ใช่คนมันไม่ใช่มนุษย์หรืออาจจะเคยเป็น  แต่ตอนนี้มันกฌไม่ใช่แน่ๆ  ผมจึงขอเรียกว่า  'สิ่งนั้น'

    " งั้นป่านนี้พวกเขาคง....."

      หวานหยี่ตาลงด้วยความเจ็บใจ  เมื่ออาจคิดว่าตอนนี้พวกเขาคงจะ....ตายกันไปหมดแล้ว

    " อย่าเพิ่งตัดสินใจอย่างงั้นสิหวาน  พวกเขามีลูกกรงนั่นกั้นอยู่ไม่ใช่เหรอ  กรงที่ขังพวกเขาน่ะ  ไม่แน่ว่าฆาตกรอาจจะทำลายกรงนั่นไม่ได้แล้วก็คิดว่าไม่มีประโยชน์ที่ทำอย่างงี้ต่อไปก็อาจจะเดินออกไปโดยไม่สนใจพวกเขาอีก"

      ขานพยายามพูดให้คิดเป็นเชิงบวกถึงแม้ในใจเขาเองก็กลัวว่า....พวกเขานั้นอาจจะตายไปแล้วก็ได้  

     

    วัฒน์เมื่อเห็นขานพูดจนทำให้บรรยากาศในห้องหายตึงเครียดไปหน่อยนึง  จึงฉวยโอกาสเข้ามาพูด

     

    "ถูกอย่างที่ขานพูดตอนนี้เราอย่าเพิ่งคิดมากจนเกินไป  เพราะศัตรูของเราในตอนนี้เราไม่สามารถใช้ตรรกะคิดในแบบการกระทำของมนุษย์กับมันได้   หลังจากที่ฉัน เมฆ และขวัญข้าวได้เจอมันจึงรู้ว่ามันก็เป็นเหมือนแค่สัตว์ร้ายตัวนึงเท่านั้น" 

    วัฒน์พยายามอธิบายอย่างมีเหตุผลและใจเย็น  โดยใช้ประสบการณ์ที่มัน ผม และขวัญข้าวไปเจอมา   ผมฟังพวกเพื่อนๆที่แสนฉลาดของผมพูดคุยกันในเชิงใช้ความคิด  ขณะที่ผมและขวัญข้าวได้แต่ยืนฟังพวกเขา  ผมตอนนี้กำลังคิดว่าไม่มีโอกาสหรือไม่มีสิทธิที่จะไปแทรกพวกเขาได้เลย

    จะว่าไป....ผมยังไม่ได้บอกกับพวกเขาเลยว่า....กฤต....อาจจะตายไปแล้ว   แต่ก็คงไม่มีใครเชื่อผมหรอกถึงวัฒน์กับขวัญข้าวจะสงสัยในความสามารถของผมแล้ว  

    แต่การที่บอกไปตรงๆว่า  ฉันเห็นภาพกฤตตาย  แสดงว่าตอนนี้กฤตอาจจะกำลังจะตายหรืออาจจะตายไปแล้ว.....มันคงไม่มีใครเชื่อแบบ100เปอร์เซ็นหรอก  ต่อให้วัฒน์กับขวัญข้าวจะบอกว่าเชื่อก็เถอะ

     

    เดี๋ยวนะ....ภาพทุกครั้งที่เราเห็นว่าคนคนนั้นกำลังจะตายแต่ยังไม่ตายตอนนี้  ต้องเป็นภาพของคนที่ไม่เห็นใบหน้าทุกครั้ง  แต่ครั้งนี้กลับเห็นใบหน้าแล้วก็รู้เลยว่าเป็นกฤต   นั่นคือจะบอกว่าหมอนั่นตายไปแล้วงั้นเหรอ 

    ไม่สิแล้วทีตอนนี้นตอนแรกสุดที่เราเห็นภาพ....ฟ้าใสผูกคอภาพแรกสุด   แต่ฟ้าใสก็ไม่ได้ตายแต่คนที่ตายรูปการแบบฟ้าใสนั้นกลับเป็น 'สายป่าน'  ที่ผมคาดว่าตายคนแรกสุด.....

     

    มัน...ขัดจนสับสนไปหมดแล้วเนี่ย....แล้วตกลงฟ้าใสเกี่ยวอะไรด้วย   เธอไม่น่าจะเกี่ยวข้องด้วยนี่กับเรื่องนี้   เธอเองน่าจะอยู่บ้านปกติใช้ชีวิตแบบไม่รู้ว่าผมตอนนี้กำลังมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับผมอยู่

    "เมฆเป็นอะไร" 

    "ห้ะ?"

    ขวัญข้าวมาสะกิดผมเมื่อเห็นผมทำสีหน้าเคร่งเครียด   จนเหงื่อเต็มใบหน้าผมเลยหลุดออกจากภวังค์ความคิดนานับประกา   แล้วเอามือปาดเหงื่อตัวเองจากนั้นจึงหันมาตอบเด็กสาว

    "คิดอะไรนิดหน่อยน่ะ "

    "เรื่องพวกวิยดาน่ะเหรอ กับ....เดียร์"   ขวัญข้าวพูดขึ้นก่อนจะลงท้ายชื่อเด็กสาวคนสุดท้ายอย่างช้าๆ

    "อะ...ใช่"  

    ผมสงสัยเล็กน้อยเมื่อเห็นเธอทำหน้าแปลกๆเมื่อพูดชื่อเดียร์ออกมา

    "ตกลงพวกนั้นคุยกันว่าไง" 

     ผมเลิกนึกสงสัยสิ่งที่เธอพูดแล้วหันไปมองพวกนั้น   ที่ทำท่าจะเตรียมพร้อมจะไปไหนซักที่ โดยวัฒน์ถือสมุดบันทึกของ   'แมรี่'ไว้แน่น    จะว่าไปทำไมบันทึกที่เจอถึงเป็นของแมรี่ตลอด  ทั้งรูปวาดนั่นแต่กลับไม่มีบันทึกของพ่อแม่เธอเลย

    หรือว่าเรายังหาไม่เจอ.....

    " เมฆยืนเอ๋ออะไร  ไปกันได้แล้ว"

    "หา?

     ผมงงเล็กน้อย  แล้วก็เห็นขวัญข้าวเดินไปหาวัฒน์พลางกวักมือเรียกผม

    "พวกเราจะไปตามหาพวกวิยดากับเดียร์กัน"  วัฒน์พูดขึ้น

    "เดี๋ยวๆพวกนายรู้แล้วเหรอว่าพวกวิยดาอยู่ที่ไหน  ฟังจากเสียงวิทยุนั่นขนาดพวกเขายังไม่รู้เลยนะ!"   ผมถามพวกเขาอย่างสงสัยว่าคิดจะไปแบบไม่รู้จุดหมายเนี่ยนะ

    แถมดูจากการยืนของพวกเขา  คนที่จะไปคือวัฒน์ ขวัญข้าว ไทยและผมสินะ   กลุ่มที่อยู่เป็นขาน ริณ และหวาน

    "นายไม่ได้ฟังพวกเราคุยกันเลยสิท่า  ฉันคิดว่าพวกวิยดาน่าจะอยู่ชั้น 3  ชั้นที่พวกเราไม่เคยขึ้นไปซักที"  วัฒน์ตอบคำถามของผม

    "ทำไมถึงคิดงั้นละ??"   ผมถามวัฒน์   แล้วก็เห็นวัฒน์ทำท่าชี้ขึ้นไปข้างบน

    "เสียงของฝนไง"  

    "เสียงของฝน?"   ผมเอียงคออย่างสงสัย

    "ก็............!"

    "นายนี่โง่จริง   ที่ตาสี่ตาจะบอกก็คือ เสียงของฝน....ที่กระทบกับหลังคายังไงละ"  ริณกอดอกพูดขึ้นมาอย่างเซงๆด้วยท่าทางราชินี  โดยเอาเท้าไขว่ห้าง

    "เสียงที่ได้ยินดังจากวิทยุ  มีเสียงที่ดังแทรกพอๆกับเสียงพวกนั้นคุยกันเลย  ที่เราคิดไปว่าคือเสียงแทรกของวิทยุแต่ที่จริงมันคือเสียงฝนที่กระทบกับหลังคาตังหาก   และที่มันดังได้ชัดเจนขนาดนั้นถ้าไม่ใช่ว่าพวกนั้นอยู่ในชั้นที่ติดๆกับหลังคาแล้วจะความหมายได้ว่าอะไรอีกละ  ชั้นสองนี่เองก็แทบไม่ได้ยินเสียงฝนกระทบนั่นเลย  เพราะความสูงของแต่ละชั้นทำให้พวกเราก็แทบไม่ได้ยินสิ่งที่เสียงกรีดร้องขอใครด้วยซ้ำ  ที่ไม่ได้ยินก็เพราะแบบนี้ไง"  

    ริณพูดยาวจนวัฒน์ไม่มีสิทธิ์จะพูดต่อเลย...

    "อย่างนี้นี่เอง"

    "แล้วจะมัวรออะไรอีกละรีบไปหาพวกนั้นกันเถอะแล้วพามารวมกลุ่มที่นี่  ก่อนจะวางแผนออกจากคฤหาสถ์นี้กัน><"

       ไทยที่เงียบมานานพูดขึ้นพลางหยิบหอกเหล็กของหุ่นอัศวินที่ขานใช้แทงฆาตกรถือขวานจนตายมาไว้ในมือ    แต่ดูท่าจะหนักอยู่ เพราะไทยเดินถืออย่างเซๆ 

    "ไอ้ไทย เอ็งไม่ได้แข็งแรงเหมือนขานทิ้งไปซะแล้วหาอาวุธอื่น   ส่วนเมฆนายเอานี่ไปละกัน"   วัฒน์กำลังจะโยนอะไรบางอย่างมาให้  แต่พอเขานึกได้แล้วลูบหัวตัวเองแล้วก็เดินนำเอาสิ่งนั้นมาให้แทน

    "ปาไปเดี๋ยวนายม่องเท่งพอดี เกือบไปแล้ว"   วัฒน์เอาขวานที่ฆาตกรนั่นที่โดนขานฆ่าใช้เป็นอาวุธ  ยื่นมาให้ผม

    ".........." 

     ผมจ้องดูมัน....นี่คือขวานที่ฆ่าเพื่อนเราไปหลายคนจนตอนนี้ก็ไม่ทราบจำนวนแน่ชัดว่า  เพื่อนๆทุกคนที่รอดตอนนี้มีกี่คน

    "รีบไปกันเถอะ  พวกเราไม่ได้มีเวลามากหรอกนะ"  วัฒน์กับไทยเดินเปิดประตูออกไป  และไม่พลาดที่จะมองซ้ายมองขวาอย่างระวัง  แล้วหันมาลากับพวกขาน

    "พวกนายก็ระวังตัวกันด้วยละ"

    "อ่าไว้ใจได้เลย  ฉันฆ่าฆาตกรคนแรกมาแล้ว จะสองสามฉันก็จะฆ่ามันได้อยู่ดีอย่าห่วง ฮะ ฮะ"   ขานพูดอย่างมั่นใจ  ในขณะที่ริณมองขานอย่างไม่ชอบใจ  เธอคงจะบอกว่าเป็นไปได้อย่าเจอดีกว่าย่ะ ประมาณนี้ละมั้ง

    " ไปเถอะเมฆ"  

    ขวัญข้าวเข้ามาจูงมือผมที่กำลังมองขวานเล่มนี้  ตามพวกวัฒน์ไป

    ชั้น 3 

    ห้องโถงขนาดใหญ่ทางด้านนึง

    ตูม! ตูม!

    เสียงเหมือนอะไรขนาดใหญ่กำลังทุบกระแทกอย่างแรงกับกำแพงอย่างแรง   จนมันร้าวเลยทีเดียว   

    "..........."

    คนที่เป็นคนสร้างเสียงอันดังนั้น  ทำท่าเหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่างอยู่   เขากำลังมองหาบางสิ่ง....ที่กำลังซ่อนอยู่เพื่อหลบจาก.....ตัวเขา

    "แฮ่ก....แฮ่ก"    

     เสียงหายใจที่อยู่ไม่ห่างจากเสียงที่กระแทกนั้นดังขึ้นอย่างเบาๆแต่ถี่มาก    หญิงสาวคนนึงกำลังหลบนั่งพิงกับหลังเก้าอี้โซฟาขนาดใหญ่ในห้องห้องนึง   เธอหันเช็คว่าเสียงที่ดังนั่นอยู่ห่างจากเธอมากแค่ไหน  และเธอเองก็หวังว่ามันคงจะ....ห่างจากเธอไปมากกว่านี้นะ

    " เราต้องหาทางทำให้มันเลิกวนเวียนอยู่แถวๆพวกวิยดาให้ได้  ไม่งั้นมันต้องทำลายกรงนั่นและเข้าไปฆ่าพวกวิยดาแน่เลย   เราต้องหาทางทำอะไรซักอย่างก่อนที่เราจะ....."   หญิงสาวเงียบไปเมื่อนึกถึงเรื่องบางเรื่อง

    เอ้ะ!

    อุ้บ!

    หญิงสาวตกใจสะดุ้งอย่างไม่ทันตั้งตัว  เมื่อจู่ๆก็มีมือๆหนึ่งมาครอบปากเธอไว้  

    "อย่าส่งเสียงสิ...เดียร์เดี๋ยวมันก็ได้ยินหรอก"  ชายหนุ่มที่ปิดปากเธอไว้พูดกับเธอ  ก่อนที่จะคลายมือออกแล้วหันมาพูดกับชายหนุ่ม

    "ทะ...ธันทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่"   เดียร์ทำท่าตกใจปนกลัวๆเล็กน้อยเมื่อเห็นชายหนุ่มคนนี้

    "เธออย่าคิดว่าจะหนีฉันซะให้ยาก  เธอคงคิดจะหนีไปหาไอ้เมฆอีกสินะ"   ธันยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์  แต่ก็แฝงความรู้สึกที่ไม่ชอบใจเล็กน้อยในรอยยิ้มนั้น

    "ฉะ...ฉัน...!"

      เธอทำท่าอ้ำๆอึ้งๆก่อนที่จะหันไปเห็นคนที่ทำเสียงกระแทกนั่น  ว่าตอนนี้อยู่ห่างจากพวกเธอไม่มากนัก   ฆาตกรถือค้อนขนาดใหญ่นั่น..... เดียร์พอเห็นมันก็นึกอะไรได้ขึ้นมาทันทีแต่ก่อนที่เธอจะทำสิ่งนั้น

    เธอก็คิดเรื่องที่ชายหนุ่มคนที่อยู่ตรงหน้านี้ว่า  เขาได้ทำอะไรไปบ้าง การกระทำของเขานั้นล้วนยากเกินอภัย   เขาเป็นคนที่ทำให้ชั้นหนังสือขนาดใหญ่ในตอนนั้นล้มทับเมฆ และขวัญข้าว

     

      และเขาเป็นคนขังพวกวิยดา......เพื่อให้พวกเขาถูกฆาตกรนั่นฆ่าฉันไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำแบบนี้เพื่ออะไร 

     และที่แย่ที่สุด.....หลังจากที่เมฆกับขวัญข้าวตกลงไปชั้นล่างจากการถูกชั้นหนังสือนั่น   ฉันในตอนนั้นที่คิดจะไปช่วยเมฆกับขวัญข้าวนั้น  จู่ๆก็โดนธันกระชากเข้ามาและเขาก็...

    ...ลวนลามฉันและคิดจะข่มขืนฉัน

    ยังดีที่ฉันผลักเขาออกจนล้มไปได้ทัน   และหนีออกประตูห้องสมุดทางที่พวกริณออกไปและก็ล๊อคเพื่อไม่ให้เขาตามมาได้    ฉันที่จะตามริณไปแต่ก็ไม่พบเธอ  เลยพยายามที่จะลงไปชั้นล่างแทนเพื่อหาเมฆ  กับขวัญข้าว   ฉันรู้ว่าพวกเขาต้องไม่ตายแน่ๆแต่อาจจะบาดเจ็บสาหัส

    แต่จู่ๆ....ก็....

    เดียร์หยุดคิดเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในอดีต  และหันกลับมายังปัจจุบันว่าสิ่งที่เธอจะต้องทำตอนนี้คือ....อะไร

    " ฉันอยู่ทางนี้ แน่จริงก็มาสิ!!"

      เดียร์ตะโกนลั่นไปทางฆาตกรที่ถือค้อนนั่น  จนมันที่ได้ยินเสียงก็หันมา   ธันที่เห็นดังนั้นก็สะดุ้งขึ้นเมื่อเห็นการกระทำของเธอ

    "เธอทำบ้าอะไรเนี่ย!เสียสติไปแล้วเหรอ!"   ธันตะโกนพลางกระชากคอเสื้อเธอ  อย่างไม่เกรงใจเลยว่าเธอเป็นผู้หญิง

    " ฉันสติดีพอว่าอะไรเป็นอะไร....ฉันจะล่อให้มันไล่ตามฉันมา  เพื่อมันจะได้ออกห่างจากพวกวิยดาและฉันอาจจะทำให้มันฆ่าคนแบบเธอได้ด้วย.....!"

    บึ้ก!

    "อึ้ก!...ทะ..."   ธันที่โกรธจนเส้นเลือดปูดโปนที่ขมับ  ต่อยท้องของเดียร์เข้าอย่างแรงจนเธอสลบไป

    ตึง!ตึง!

    "อื้ออออ!!!!"

    "บัดซบเอ๊ย..."

      ฆาตกรวิ่งไล่มาทางนี้อย่างรวดเร็ว   ธันเห็นหยั่งงั้นจึงนำร่างของหญิงสาวแบกขึ้นมาทีไหล่ของเขา   แล้วเขาก็วิ่งตรงออกไปอย่างรวดเร็ว

    .......................................

    "!"

    "มีอะไรเหรอเมฆ?

     ขวัญข้าวถามขึ้นขณะที่พวกเรากำลังเดินผ่านทางเดินยาวที่ชั้น 2  เพื่อหาบันไดขึ้ไปยังชั้นบน  ที่น่าจะอยู่แถวๆห้องสมุดใจกลางคฤหาสถ์

    "ไม่มีอะไรหรอก....ฉันคงคิดไปเองน่ะ"   มะกี้เหมือนได้ยินเสียงของ....ช่างเถอะเราคงคิดไปเองมั้ง

    ทางด้านนึง..

    ติ๊ด ติ๊ด!

    ผู้ทดลองหมายเลข 002 : จิรายุ  สัตยานุวัฒน์  (เมฆ)

                ระบบประสาท : 35%>>45%  

                 สิ่งที่ได้เรียนรู้ :  ระบบประสาทการได้ยินเพิ่มขึ้น 50%

    "โห เพิ่มขึ้นแล้วแฮะ..."   ชายปริศนาคนนึงพูดขึ้น

    "อืม....แต่ผมว่าก็ยังยากอยู่นะที่จะสู้กับ001 ถ้าลองมาเทียบกันแบบนี้"  ชายอีกคนแทรกขึ้น  พลางมองจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่อีกด้านที่มีเนื้อหาที่ยังไม่มีรายละเอียดอะไรเพิ่มขึ้น

    ผู้ทดลองหมายเลข 001 : ??? ????  (????)

                ระบบประสาท : 90%

                สิ่งที่ได้เรียนรู้  : ????????

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×