คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : บทที่ 27 ตรรกะ
บทที่ 27 ตรรกะ
ชั้น 2
ห้องรับประทานอาหาร
"เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขากันเนี่ย..."
ขวัญข้าวเบิกตาโพลงด้วยสีหน้าที่รู้สึกตกใจ
เธอเหงื่อออกตามใบหน้าเล็กน้อยหลังจากบทสนทนานั่นจบลง
พูดจบพลันเธอก็หันหน้ามามองทางชายหนุ่มซึ่ง....เขาเองก็รู้สึกไม่ต่างจากเธอเลย
"..............."
ผมรู้ได้ทันทีว่าขวัญข้าวมองมาทางผมเพื่อต้องการคำตอบ แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น
หรือพวกเขาอาจจะเจอเข้ากับ.....
"ฆาตกรอีกคนหยั่งงั้นเหรอ..."
วัฒน์พูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
คำพูดของวัฒน์ทำให้พวกเราทุกคนในห้องรับประทานอาหารแห่งนี้ ทำท่าสะดุ้งอย่างเสียวสันหลังวาบทันที เมื่อเขากำลังพูดถึง.....สิ่งนั้น
ผมไม่อาจเรียกว่า 'เขา'
หรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะแทนในความหมายในการเรียกบุคคล
เพราะนั่นไม่ใช่คนมันไม่ใช่มนุษย์หรืออาจจะเคยเป็น แต่ตอนนี้มันกฌไม่ใช่แน่ๆ ผมจึงขอเรียกว่า 'สิ่งนั้น'
" งั้นป่านนี้พวกเขาคง....."
หวานหยี่ตาลงด้วยความเจ็บใจ
เมื่ออาจคิดว่าตอนนี้พวกเขาคงจะ....ตายกันไปหมดแล้ว
" อย่าเพิ่งตัดสินใจอย่างงั้นสิหวาน พวกเขามีลูกกรงนั่นกั้นอยู่ไม่ใช่เหรอ กรงที่ขังพวกเขาน่ะ ไม่แน่ว่าฆาตกรอาจจะทำลายกรงนั่นไม่ได้แล้วก็คิดว่าไม่มีประโยชน์ที่ทำอย่างงี้ต่อไปก็อาจจะเดินออกไปโดยไม่สนใจพวกเขาอีก"
ขานพยายามพูดให้คิดเป็นเชิงบวกถึงแม้ในใจเขาเองก็กลัวว่า....พวกเขานั้นอาจจะตายไปแล้วก็ได้
วัฒน์เมื่อเห็นขานพูดจนทำให้บรรยากาศในห้องหายตึงเครียดไปหน่อยนึง จึงฉวยโอกาสเข้ามาพูด
"ถูกอย่างที่ขานพูดตอนนี้เราอย่าเพิ่งคิดมากจนเกินไป
เพราะศัตรูของเราในตอนนี้เราไม่สามารถใช้ตรรกะคิดในแบบการกระทำของมนุษย์กับมันได้ หลังจากที่ฉัน เมฆ
และขวัญข้าวได้เจอมันจึงรู้ว่ามันก็เป็นเหมือนแค่สัตว์ร้ายตัวนึงเท่านั้น"
วัฒน์พยายามอธิบายอย่างมีเหตุผลและใจเย็น โดยใช้ประสบการณ์ที่มัน ผม และขวัญข้าวไปเจอมา
ผมฟังพวกเพื่อนๆที่แสนฉลาดของผมพูดคุยกันในเชิงใช้ความคิด ขณะที่ผมและขวัญข้าวได้แต่ยืนฟังพวกเขา
ผมตอนนี้กำลังคิดว่าไม่มีโอกาสหรือไม่มีสิทธิที่จะไปแทรกพวกเขาได้เลย
จะว่าไป....ผมยังไม่ได้บอกกับพวกเขาเลยว่า....กฤต....อาจจะตายไปแล้ว
แต่ก็คงไม่มีใครเชื่อผมหรอกถึงวัฒน์กับขวัญข้าวจะสงสัยในความสามารถของผมแล้ว
แต่การที่บอกไปตรงๆว่า
ฉันเห็นภาพกฤตตาย
แสดงว่าตอนนี้กฤตอาจจะกำลังจะตายหรืออาจจะตายไปแล้ว.....มันคงไม่มีใครเชื่อแบบ100เปอร์เซ็นหรอก ต่อให้วัฒน์กับขวัญข้าวจะบอกว่าเชื่อก็เถอะ
เดี๋ยวนะ....ภาพทุกครั้งที่เราเห็นว่าคนคนนั้นกำลังจะตายแต่ยังไม่ตายตอนนี้ ต้องเป็นภาพของคนที่ไม่เห็นใบหน้าทุกครั้ง
แต่ครั้งนี้กลับเห็นใบหน้าแล้วก็รู้เลยว่าเป็นกฤต นั่นคือจะบอกว่าหมอนั่นตายไปแล้วงั้นเหรอ
ไม่สิแล้วทีตอนนี้นตอนแรกสุดที่เราเห็นภาพ....ฟ้าใสผูกคอภาพแรกสุด
แต่ฟ้าใสก็ไม่ได้ตายแต่คนที่ตายรูปการแบบฟ้าใสนั้นกลับเป็น 'สายป่าน' ที่ผมคาดว่าตายคนแรกสุด.....
มัน...ขัดจนสับสนไปหมดแล้วเนี่ย....แล้วตกลงฟ้าใสเกี่ยวอะไรด้วย
เธอไม่น่าจะเกี่ยวข้องด้วยนี่กับเรื่องนี้ เธอเองน่าจะอยู่บ้านปกติใช้ชีวิตแบบไม่รู้ว่าผมตอนนี้กำลังมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับผมอยู่
"เมฆเป็นอะไร"
"ห้ะ?"
ขวัญข้าวมาสะกิดผมเมื่อเห็นผมทำสีหน้าเคร่งเครียด จนเหงื่อเต็มใบหน้าผมเลยหลุดออกจากภวังค์ความคิดนานับประกา
แล้วเอามือปาดเหงื่อตัวเองจากนั้นจึงหันมาตอบเด็กสาว
"คิดอะไรนิดหน่อยน่ะ "
"เรื่องพวกวิยดาน่ะเหรอ กับ....เดียร์"
ขวัญข้าวพูดขึ้นก่อนจะลงท้ายชื่อเด็กสาวคนสุดท้ายอย่างช้าๆ
"อะ...ใช่"
ผมสงสัยเล็กน้อยเมื่อเห็นเธอทำหน้าแปลกๆเมื่อพูดชื่อเดียร์ออกมา
"ตกลงพวกนั้นคุยกันว่าไง"
ผมเลิกนึกสงสัยสิ่งที่เธอพูดแล้วหันไปมองพวกนั้น ที่ทำท่าจะเตรียมพร้อมจะไปไหนซักที่ โดยวัฒน์ถือสมุดบันทึกของ 'แมรี่'ไว้แน่น
จะว่าไปทำไมบันทึกที่เจอถึงเป็นของแมรี่ตลอด ทั้งรูปวาดนั่นแต่กลับไม่มีบันทึกของพ่อแม่เธอเลย
หรือว่าเรายังหาไม่เจอ.....
" เมฆยืนเอ๋ออะไร
ไปกันได้แล้ว"
"หา?"
ผมงงเล็กน้อย
แล้วก็เห็นขวัญข้าวเดินไปหาวัฒน์พลางกวักมือเรียกผม
"พวกเราจะไปตามหาพวกวิยดากับเดียร์กัน" วัฒน์พูดขึ้น
"เดี๋ยวๆพวกนายรู้แล้วเหรอว่าพวกวิยดาอยู่ที่ไหน ฟังจากเสียงวิทยุนั่นขนาดพวกเขายังไม่รู้เลยนะ!"
ผมถามพวกเขาอย่างสงสัยว่าคิดจะไปแบบไม่รู้จุดหมายเนี่ยนะ
แถมดูจากการยืนของพวกเขา
คนที่จะไปคือวัฒน์ ขวัญข้าว ไทยและผมสินะ
กลุ่มที่อยู่เป็นขาน ริณ และหวาน
"นายไม่ได้ฟังพวกเราคุยกันเลยสิท่า ฉันคิดว่าพวกวิยดาน่าจะอยู่ชั้น 3 ชั้นที่พวกเราไม่เคยขึ้นไปซักที" วัฒน์ตอบคำถามของผม
"ทำไมถึงคิดงั้นละ??" ผมถามวัฒน์ แล้วก็เห็นวัฒน์ทำท่าชี้ขึ้นไปข้างบน
"เสียงของฝนไง"
"เสียงของฝน?"
ผมเอียงคออย่างสงสัย
"ก็............!"
"นายนี่โง่จริง
ที่ตาสี่ตาจะบอกก็คือ เสียงของฝน....ที่กระทบกับหลังคายังไงละ"
ริณกอดอกพูดขึ้นมาอย่างเซงๆด้วยท่าทางราชินี โดยเอาเท้าไขว่ห้าง
"เสียงที่ได้ยินดังจากวิทยุ
มีเสียงที่ดังแทรกพอๆกับเสียงพวกนั้นคุยกันเลย
ที่เราคิดไปว่าคือเสียงแทรกของวิทยุแต่ที่จริงมันคือเสียงฝนที่กระทบกับหลังคาตังหาก
และที่มันดังได้ชัดเจนขนาดนั้นถ้าไม่ใช่ว่าพวกนั้นอยู่ในชั้นที่ติดๆกับหลังคาแล้วจะความหมายได้ว่าอะไรอีกละ
ชั้นสองนี่เองก็แทบไม่ได้ยินเสียงฝนกระทบนั่นเลย
เพราะความสูงของแต่ละชั้นทำให้พวกเราก็แทบไม่ได้ยินสิ่งที่เสียงกรีดร้องขอใครด้วยซ้ำ ที่ไม่ได้ยินก็เพราะแบบนี้ไง"
ริณพูดยาวจนวัฒน์ไม่มีสิทธิ์จะพูดต่อเลย...
"อย่างนี้นี่เอง"
"แล้วจะมัวรออะไรอีกละรีบไปหาพวกนั้นกันเถอะแล้วพามารวมกลุ่มที่นี่ ก่อนจะวางแผนออกจากคฤหาสถ์นี้กัน><"
ไทยที่เงียบมานานพูดขึ้นพลางหยิบหอกเหล็กของหุ่นอัศวินที่ขานใช้แทงฆาตกรถือขวานจนตายมาไว้ในมือ แต่ดูท่าจะหนักอยู่ เพราะไทยเดินถืออย่างเซๆ
"ไอ้ไทย เอ็งไม่ได้แข็งแรงเหมือนขานทิ้งไปซะแล้วหาอาวุธอื่น ส่วนเมฆนายเอานี่ไปละกัน" วัฒน์กำลังจะโยนอะไรบางอย่างมาให้ แต่พอเขานึกได้แล้วลูบหัวตัวเองแล้วก็เดินนำเอาสิ่งนั้นมาให้แทน
"ปาไปเดี๋ยวนายม่องเท่งพอดี เกือบไปแล้ว" วัฒน์เอาขวานที่ฆาตกรนั่นที่โดนขานฆ่าใช้เป็นอาวุธ ยื่นมาให้ผม
".........."
ผมจ้องดูมัน....นี่คือขวานที่ฆ่าเพื่อนเราไปหลายคนจนตอนนี้ก็ไม่ทราบจำนวนแน่ชัดว่า เพื่อนๆทุกคนที่รอดตอนนี้มีกี่คน
"รีบไปกันเถอะ
พวกเราไม่ได้มีเวลามากหรอกนะ"
วัฒน์กับไทยเดินเปิดประตูออกไป
และไม่พลาดที่จะมองซ้ายมองขวาอย่างระวัง
แล้วหันมาลากับพวกขาน
"พวกนายก็ระวังตัวกันด้วยละ"
"อ่าไว้ใจได้เลย
ฉันฆ่าฆาตกรคนแรกมาแล้ว จะสองสามฉันก็จะฆ่ามันได้อยู่ดีอย่าห่วง ฮะ
ฮะ" ขานพูดอย่างมั่นใจ ในขณะที่ริณมองขานอย่างไม่ชอบใจ เธอคงจะบอกว่าเป็นไปได้อย่าเจอดีกว่าย่ะ
ประมาณนี้ละมั้ง
" ไปเถอะเมฆ"
ขวัญข้าวเข้ามาจูงมือผมที่กำลังมองขวานเล่มนี้ ตามพวกวัฒน์ไป
ชั้น 3
ห้องโถงขนาดใหญ่ทางด้านนึง
ตูม! ตูม!
เสียงเหมือนอะไรขนาดใหญ่กำลังทุบกระแทกอย่างแรงกับกำแพงอย่างแรง จนมันร้าวเลยทีเดียว
"..........."
คนที่เป็นคนสร้างเสียงอันดังนั้น
ทำท่าเหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่างอยู่ เขากำลังมองหาบางสิ่ง....ที่กำลังซ่อนอยู่เพื่อหลบจาก.....ตัวเขา
"แฮ่ก....แฮ่ก"
เสียงหายใจที่อยู่ไม่ห่างจากเสียงที่กระแทกนั้นดังขึ้นอย่างเบาๆแต่ถี่มาก หญิงสาวคนนึงกำลังหลบนั่งพิงกับหลังเก้าอี้โซฟาขนาดใหญ่ในห้องห้องนึง เธอหันเช็คว่าเสียงที่ดังนั่นอยู่ห่างจากเธอมากแค่ไหน และเธอเองก็หวังว่ามันคงจะ....ห่างจากเธอไปมากกว่านี้นะ
" เราต้องหาทางทำให้มันเลิกวนเวียนอยู่แถวๆพวกวิยดาให้ได้ ไม่งั้นมันต้องทำลายกรงนั่นและเข้าไปฆ่าพวกวิยดาแน่เลย
เราต้องหาทางทำอะไรซักอย่างก่อนที่เราจะ....." หญิงสาวเงียบไปเมื่อนึกถึงเรื่องบางเรื่อง
เอ้ะ!
อุ้บ!
หญิงสาวตกใจสะดุ้งอย่างไม่ทันตั้งตัว
เมื่อจู่ๆก็มีมือๆหนึ่งมาครอบปากเธอไว้
"อย่าส่งเสียงสิ...เดียร์เดี๋ยวมันก็ได้ยินหรอก" ชายหนุ่มที่ปิดปากเธอไว้พูดกับเธอ ก่อนที่จะคลายมือออกแล้วหันมาพูดกับชายหนุ่ม
"ทะ...ธันทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่" เดียร์ทำท่าตกใจปนกลัวๆเล็กน้อยเมื่อเห็นชายหนุ่มคนนี้
"เธออย่าคิดว่าจะหนีฉันซะให้ยาก
เธอคงคิดจะหนีไปหาไอ้เมฆอีกสินะ"
ธันยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
แต่ก็แฝงความรู้สึกที่ไม่ชอบใจเล็กน้อยในรอยยิ้มนั้น
"ฉะ...ฉัน...!"
เธอทำท่าอ้ำๆอึ้งๆก่อนที่จะหันไปเห็นคนที่ทำเสียงกระแทกนั่น ว่าตอนนี้อยู่ห่างจากพวกเธอไม่มากนัก ฆาตกรถือค้อนขนาดใหญ่นั่น..... เดียร์พอเห็นมันก็นึกอะไรได้ขึ้นมาทันทีแต่ก่อนที่เธอจะทำสิ่งนั้น
เธอก็คิดเรื่องที่ชายหนุ่มคนที่อยู่ตรงหน้านี้ว่า เขาได้ทำอะไรไปบ้าง
การกระทำของเขานั้นล้วนยากเกินอภัย
เขาเป็นคนที่ทำให้ชั้นหนังสือขนาดใหญ่ในตอนนั้นล้มทับเมฆ และขวัญข้าว
และเขาเป็นคนขังพวกวิยดา......เพื่อให้พวกเขาถูกฆาตกรนั่นฆ่าฉันไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำแบบนี้เพื่ออะไร
และที่แย่ที่สุด.....หลังจากที่เมฆกับขวัญข้าวตกลงไปชั้นล่างจากการถูกชั้นหนังสือนั่น
ฉันในตอนนั้นที่คิดจะไปช่วยเมฆกับขวัญข้าวนั้น จู่ๆก็โดนธันกระชากเข้ามาและเขาก็...
...ลวนลามฉันและคิดจะข่มขืนฉัน
ยังดีที่ฉันผลักเขาออกจนล้มไปได้ทัน
และหนีออกประตูห้องสมุดทางที่พวกริณออกไปและก็ล๊อคเพื่อไม่ให้เขาตามมาได้ ฉันที่จะตามริณไปแต่ก็ไม่พบเธอ เลยพยายามที่จะลงไปชั้นล่างแทนเพื่อหาเมฆ กับขวัญข้าว
ฉันรู้ว่าพวกเขาต้องไม่ตายแน่ๆแต่อาจจะบาดเจ็บสาหัส
แต่จู่ๆ....ก็....
เดียร์หยุดคิดเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในอดีต
และหันกลับมายังปัจจุบันว่าสิ่งที่เธอจะต้องทำตอนนี้คือ....อะไร
" ฉันอยู่ทางนี้ แน่จริงก็มาสิ!!"
เดียร์ตะโกนลั่นไปทางฆาตกรที่ถือค้อนนั่น จนมันที่ได้ยินเสียงก็หันมา
ธันที่เห็นดังนั้นก็สะดุ้งขึ้นเมื่อเห็นการกระทำของเธอ
"เธอทำบ้าอะไรเนี่ย!เสียสติไปแล้วเหรอ!"
ธันตะโกนพลางกระชากคอเสื้อเธอ
อย่างไม่เกรงใจเลยว่าเธอเป็นผู้หญิง
" ฉันสติดีพอว่าอะไรเป็นอะไร....ฉันจะล่อให้มันไล่ตามฉันมา เพื่อมันจะได้ออกห่างจากพวกวิยดาและฉันอาจจะทำให้มันฆ่าคนแบบเธอได้ด้วย.....!"
บึ้ก!
"อึ้ก!...ทะ..."
ธันที่โกรธจนเส้นเลือดปูดโปนที่ขมับ
ต่อยท้องของเดียร์เข้าอย่างแรงจนเธอสลบไป
ตึง!ตึง!
"อื้ออออ!!!!"
"บัดซบเอ๊ย..."
ฆาตกรวิ่งไล่มาทางนี้อย่างรวดเร็ว
ธันเห็นหยั่งงั้นจึงนำร่างของหญิงสาวแบกขึ้นมาทีไหล่ของเขา แล้วเขาก็วิ่งตรงออกไปอย่างรวดเร็ว
.......................................
"!"
"มีอะไรเหรอเมฆ?"
ขวัญข้าวถามขึ้นขณะที่พวกเรากำลังเดินผ่านทางเดินยาวที่ชั้น
2 เพื่อหาบันไดขึ้ไปยังชั้นบน ที่น่าจะอยู่แถวๆห้องสมุดใจกลางคฤหาสถ์
"ไม่มีอะไรหรอก....ฉันคงคิดไปเองน่ะ" มะกี้เหมือนได้ยินเสียงของ....ช่างเถอะเราคงคิดไปเองมั้ง
ทางด้านนึง..
ติ๊ด ติ๊ด!
ผู้ทดลองหมายเลข 002 : จิรายุ สัตยานุวัฒน์
(เมฆ)
ระบบประสาท : 35%>>45%
สิ่งที่ได้เรียนรู้ : ระบบประสาทการได้ยินเพิ่มขึ้น 50%
"โห เพิ่มขึ้นแล้วแฮะ..."
ชายปริศนาคนนึงพูดขึ้น
"อืม....แต่ผมว่าก็ยังยากอยู่นะที่จะสู้กับ001
ถ้าลองมาเทียบกันแบบนี้"
ชายอีกคนแทรกขึ้น พลางมองจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่อีกด้านที่มีเนื้อหาที่ยังไม่มีรายละเอียดอะไรเพิ่มขึ้น
ผู้ทดลองหมายเลข 001 : ??? ???? (????)
ระบบประสาท : 90%
สิ่งที่ได้เรียนรู้
: ????????
ความคิดเห็น