ตอนที่ 42 : Error : 0x00000038 อิสรภาพ
ERROR Online : Overkill
มืด...
ความทรงจำล่าสุดที่เขาจำได้คือเผชิญหน้ากับกลุ่มคนในชุดสูทสีดำจำนวนมากก่อนจะหมดสติไป
แกร๊ง…แกร๊ง
เสียงโลหะกระทบกันและความรู้สึกหนักบริเวณข้อมือทั้งสองข้างพอจะบอกได้มันถูกอะไรบางอย่างพันธนาการอยู่ เป็นไปได้ว่าจะเป็นกุญแจมือหรือสิ่งของประเภทใกล้เคียง นาคาพยายามไล่สายตามองสำรวจภายในห้อง แต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากเก้าอี้หนังที่เขานั่งอยู่และโต๊ะเหล็กที่กำลังแขนวางพาดแค่นั้น
“ตื่นแล้วสินะ ไอ้หนูหน้ากากยิ้ม”
พรึ่บ!
ดูเหมือนเสียงสั่นกุญเแจมือของนาคาจะทำให้ใครก็ตามที่อยู่ในห้องนี้รู้ว่าเขาได้สติ แสงไฟที่จู่ๆ ก็ถูกฉายเข้ามาเต็มที่ทำเอาเขาต้องหรี่ตาของตัวเองลงเพื่อปรับสภาพ ก่อนจะค่อยๆ เบิกตากว้างขึ้นจนตัวเองเริ่มจะมองเห็นเค้าหน้าของบุคคลเบื้องหน้าลางๆ
เจ้าของเสียงพูดมีรูปร่างเป็นชายร่างสูงในชุดสูทสีดำทรงผมเรียบแปล้ ใบหน้าปรากฏรอยแผลเป็นขนาดใหญ่บากกลางหน้าเป็นทางยาว ชายคนดังกล่าวกำลังยกขาทั้งสองข้างวางพาดกับโต๊ะมองดูเขาในขณะที่มือของชายคนนั้นกำลังควงอาวุธบางอย่างอยู่ด้วยท่าทางสบายๆ
มาเฟีย?
นาคาไม่ได้พูดอะไร หลังจากการตื่นมาพบกับตัวเองที่อยู่ในสถานการณ์อันไม่น่าพิสมัย การเอ่ยอะไรพล่อยๆ กับคนไม่รู้จักเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากจะทำสักเท่าไหร่ แถมเมื่อมองชัดแล้วๆ เขาก็พบว่าไอ้ของที่มาเฟียหน้าบากนี่กำลังควงหมุนๆ อยู่นั่นน่ะ
มันก็คือปืน...
เห็นเขาไม่มีทีท่าจะตอบกลับ มาเฟียคนนั้นจึงเอ่ยพูดต่อมาว่า
“ยังมึนอยู่หรือไง งั้นแนะนำตัวก่อนก็ได้ ฉันชื่อเฟยหลง รองหัวหน้าแห่งกิลด์ไทคูน [Tycoon] ยินดีที่ได้รู้จัก”
มาเฟียจีนซะด้วย
นาคาคิดพลางเหลือบตาไปยังอาวุธกระบอกสีเงินในมือของชายตรงหน้า ปืนที่มีเพียงสิบสามกระบอกภายในเซิร์ฟเวอร์เอเชีย อาวุธประเภทเดียวกับที่นาคากำลังครอบครองอยู่
รูปร่างแบบนั้นมัน...
“รีวอลเวอร์” คำตอบถูกเอ่ยมาจากปากของเฟยหลง “เห็นแกเอาแต่จ้องปืนรีวอลเวอร์ของฉันมานานแล้ว แกคงไม่เคยเห็นมันสินะไอ้หนู อาวุธประเภทนี้มันมีแค่สิบสามกระบอกในเอเชียเองนี่นา ถือว่าเป็นบุญตาแล้วที่ได้มาเห็นแถมยังเป็นปืนสั้นที่มีอานุภาพร้ายแรงที่สุดในเกมแบบ แกมบิท รีวอลเวอร์ [Gambit Revolver] แบบนี้ ไอ้หนูหน้ากากยิ้ม” พูดจบเฟยหลงก็หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่มาเฟียจีนจะเลื่อนดวงตามาสบกับเขาแล้วจึงพูดต่อไปว่า
“หรือจะฉันให้เรียกแกว่า นาคา ตามชื่อยูสเซอร์ดีละ”
คำพูดของอีกฝั่งทำเอานาคาถึงกับต้องชะงักตัวเล็กน้อย
“ตกใจหรือไง” เมื่อเห็นเขามีท่าทีเปลี่ยนไป เฟยหลงจึงยิ้มออกมา “แค่ดูใต้หน้ากากแกเทียบกับภาพในใบค่าหัวก็รู้แล้วว่าเป็นคนๆ เดียวกัน”
คำอธิบายนั่นสรุปทุกอย่างได้เป็นอย่างดี เขาถูกจับตัวมาตามเงื่อนไขของผู้ตั้งค่าหัวที่ให้ส่งตัวเขาโดยที่ยังมีชีวิตอยู่
แต่...บางอย่างกลับดูผิดปกติ ทำไมพวกกิลด์นี่ถึงมาดักรอเขาบริเวณชั้นสี่? แล้วยังพาพรรคพวกมาเยอะขนาดนั้น อย่างกับว่าพวกนี้รู้มาก่อนว่าเขาที่อยู่ในชุดกันหนาวสีขาวกับหน้ากากยิ้มแท้จริงแล้วคือคนเดียวกับเด็กผู้ชายเสื้อแจ็คเก็ตกับกรอบแว่นสีดำผู้มีค่าหัวถึงหนึ่งล้าน
ใครเป็นคนบอกข้อมูลพวกนี้กัน?
“รู้ไหมทำไมพวกเราถึงยังไม่ส่งตัวแก”
เสียงชวนคุยที่โพล่งขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดปลุกนาคาให้ตื่นขึ้นมาจากภวังค์ความคิด เขาเหลือบขึ้นมามองหน้าใต้แผลเป็นของเฟยหลงจากนั้นจึงส่ายหน้าตอบคำช้าๆ
“ค่าหัวแกสูงก็จริง ฉันยอมรับ” เฟยหลงพูด “แต่เป้าหมายหลักของพวกเราไม่ใช่แกหรอก ไอ้หนู แกน่ะก็แค่ตัวล่อ เพื่อที่จะให้เป้าหมายของจริงมาที่นี่ต่างหาก”
เจ้าของใบหน้าภายใต้หน้ากากยิ้มหรี่ตา
“โลงศพสีดำ [Black Mamba] ที่มีค่าหัวจากหลายๆ อาณาจักรรวมกันมากถึง 10,000,000 ซิลก็เดินทางมากับแกด้วยใช่ไหมละ” มาเฟียจีนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อีกคนก็คือยูสเซอร์เจ้าของฉายาเจ้าหญิงแห่งหนาม [Thorns Princess] ที่ถูกตั้งค่าหัวถาวรโดยกิลด์วันเดอร์แลนด์ [Wonderland] อยู่ที่ 2,000,000 ซิล รวมกับแกด้วย ค่าหัวที่พวกเราจะได้ก็อยู่ที่สิบสามล้านเหนาะๆ หาเงินได้เร็วขนาดนี้มีที่ไหน จริงไหมละ”
เรื่องคุณคุโระยังพอเข้าใจ รายนั้นอาจจะไปสร้างความแค้นกับใครที่ไหนไว้เยอะ แต่กิลด์วันเดอร์แลนด์ที่ตั้งค่าหัวอลิซไว้สูงถึงสองล้านซิลนั่นน่ะ หมายความว่าไง...
‘นั่นสิ กิลด์ไหนกันนะ ที่จะบ้าจนถึงขั้นตั้งค่าหัวยูสเซอร์แค่เพียงคนเดียวกันละ ว่าไหม เจ้าหญิง’
จู่ๆ คำพูดของคุโระที่แล่นเข้ามาสู่สมองก็ทำให้เขาเบิกตากว้างขึ้นช้าๆ อย่างตระหนักถึงความหมายที่แฝงอยู่ในข้อความ
คำพูด...ที่เข้ากันเป็นอย่างดีกับเรื่องราวทั้งหมด
นั่นคงเป็นสาเหตุที่คุณคุโระพูดแบบนั้น เพียงแต่บางอย่างยังคงติดอยู่ในใจของเขา คำถามที่เขายังคงหาคำตอบไม่ได้ว่า
อลิซ...เกี่ยวข้องอะไรกับกิลด์วันเดอร์แลนด์นั่นกันแน่?
“คิดอะไรอยู่ไอ้หนู” เฟยหลงเอ่ยถามเมื่อเห็นเขานั่งเหม่อลอยอยู่สักพัก
ปัญหาที่ว่าทำไมพวกนี้ถึงรู้เรื่องของเขาได้คงจะต้องเก็บไว้ก่อน สำหรับตอนนี้ก็คงต้องขอขอบคุณสมาชิกแก๊งมาเฟียคนด้านหน้าที่อุตส่าห์อธิบายสถานการณ์ทั้งหมดให้นาคาฟัง ทำให้เขารู้ได้ว่าควรจะทำอะไรเป็นอย่างแรกเพื่อหนีออกจากที่แห่งนี้ดี
“ถ้าอย่างนั้นก็...ลาก่อนครับ”
สิ้นคำพูด เด็กหนุ่มก็เงื้อศีรษะของตัวเองไปทางด้านหลังก่อนจะฟาดมันลงกับโต๊ะด้วยความรุนแรง
367!
ตัวเลขสีแดงพุ่งออกมาจากใบหน้าใต้หน้ากากยิ้มของนาคาพร้อมกับเลือดกำเดาที่เริ่มจะค่อยๆไหลจากจมูก จากเหตุการณ์ทุกอย่างเขาก็สรุปได้ว่าหากตนเองเสียชีวิตไปก่อน ก็ไม่มีทางที่มาเฟียพวกนี้จะได้รับเงินรางวัลจากเงื่อนไขที่ให้ส่งตัวเขาทั้งที่ยังมีชีวิต รวมไปถึงคุโระและอลิซที่สามารถเห็นจากหน้าต่างเพื่อนว่าตัวเขาได้เสียชีวิตไปแล้ว
พลังชีวิตของเขาอยู่ที่หกร้อยต้นๆ ดังนั้นแค่ทำแบบเดิมอีกหนึ่งทีก็น่าจะเพียงพอแล้ว
เพียงแต่ว่า...ก่อนนาคาจะง้างศีรษะฟาดลงกับโต๊ะอีกครั้ง เขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อนัยน์ตาทั้งคู่ของตนเหลือบมาชนเข้ากับภาพของคนบนโต๊ะเบื้องหน้า
มาเฟียหน้าบากที่ยังคงนั่งยิ้ม พร้อมกับควงปืนในมืออย่างสบายใจอยู่เช่นเดิม
“เอ้า จะรออะไรอยู่ละ ต่อเลยสิ ไอ้หนู” เฟยหลงพูดเมื่อเห็นหนุ่มน้อยตรงหน้าชะงัก
“ทำไม...ไม่ห้าม”
ท่าทางของฝั่งตรงข้ามไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดคะเนไว้เลยสักนิดเดียว ไม่ว่ายังไง นั่นมันก็ไม่มีทางใช่ท่าทางของคนที่เงินจำนวนสิบสามล้านกำลังหลุดลอยไปจากมือเลยแม้แต่น้อย
“แกตายไม่ได้ ไอ้หนู” เฟยหลงอธิบายพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ เขาควงปืนไปสักครู่หนึ่งก่อนจะหยุดมันโดยชี้มันมาที่ใบหน้าของนาคา “พูดให้ถูกก็คือภายในหกชั่วโมงข้างหน้า แกไม่มีทางตาย ต่อให้ฉันยิงปืนรีวอลเวอร์นี่ใส่แก หรือแม้แต่จะจับหัวแกทุบกับโต๊ะนี่รัวๆ แกก็จะไม่ตาย”
นาคาหรี่ตาลงช้าๆ
“มหัศจรรย์ใช่ไหม แต่ต้นทุนของยา [Eternal Elixir] ที่ทำให้ผู้เล่นกลายเป็นแบบนั้นหลอดนึงก็ 100,000 ซิลละนะ แน่นอนว่าปกติพวกเราไม่ลงทุนถึงขนาดนี้หรอก แต่ยังไงไอ้หนู แกก็เป็นแขกวีไอพี แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้เป็นอะไรอยู่แล้วใช่ไหมละ”
นาคาไม่ได้ตอบอะไร เขาใช้แขนเสื้อกันหนาวตัวเองดันหน้ากากขึ้นพลางปาดเลือดกำเดาเบาๆ
“ต้องการแบบไหนก็ได้เลยไอ้หนู ยังไงพวกเราสองคนก็ต้องอยู่กันที่นี่ไปอีกนานเลยละ...”
‘King Cobra’
ผู้เล่นที่เป็นคนก่อตั้งกิลด์นักฆ่าอันดับหนึ่ง อสรพิษ...แน่นอนว่าเธอก็เคยได้ยินข่าวคราวมาบ้าง เพียงแต่มันเป็นเรื่องเก่าสมัยที่เธอเพิ่งเล่นเกมนี้ได้ไม่นานเท่าไหร่นัก อลิซจึงไม่ค่อยรู้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวตนของบุคคลดังกล่าวสักเท่าไหร่นัก
นักฆ่าอันดับหนึ่งผู้เชี่ยวชาญศาสตร์แห่งการลอบฆ่า บุคคลที่เก่งกาจในการต่อสู้ตัวต่อตัวจนเรียกได้ว่าสามารถเทียบเคียงกับบรรดาแรงค์กิ้งยูสเซอร์อันดับต้นๆ ในสมัยก่อนได้อย่างเท่าเทียมกัน
ผู้เล่นในตำนานคนนั้น...เป็นคนเดียวกับพนักงานบริษัทหน้าตาเบื่อโลกที่กำลังเดินตามพวกเธอไปดื่มชามะนาวไปคนนี้หรือไง?
“งานนี่ แลนซ์สั่งมาหรือไง คุโระ” เฮย์กะเอ่ยถาม
“ไม่ใช่ ถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่มาหาพี่เฮย์หรอก ฉันรู้น่าว่าพี่กับไม่ถูกกับแลนซ์” คุโระปฏิเสธ
ตอนนี้พวกเธอกำลังมุ่งหน้าผ่านบริเวณสระว่ายน้ำภายในตัวคาสิโนเพื่อตรงไปสู่สถานที่นัดพบ จากข้อความในไอเท็มกระดาษที่ทั้งคุโระและอลิซได้รับโดยมาสเตอร์สตาร์คพนักงานของคาสิโนที่เขียนบอกพวกเขาว่า
‘1,000,000 ซิลอยู่กับเรา อยากได้คืนให้มาที่โรงภาพยนตร์โรงที่ 8 ในคาสิโน’
แน่นอนว่าทั้งเธอและคุโระตัดสินใจที่จะไปตามสถานที่นั้นทันที เพราะถึงอย่างไรมันก็เป็นเบาะแสที่ใกล้เคียงที่สุดที่ทั้งสองมีในการหาตัวนาคา และสำหรับเฮย์กะที่ร่วมทางมาด้วยนั้น ก็เป็นผลมาจากการที่คุโระใช้วิธีการเอาเงินฟาดหัวโดยบอกว่าหลังจบจะซื้อชิพให้หนึ่งแสน ผีพนันตนนี้ถึงได้ยอมตามมาช่วยอีกแรง
“แล้วอดีตหัวหน้ากิลด์คนเก่าของนายนั่นน่ะ” ด้วยความสงสัย ระหว่างเดินเธอจึงหันไปสะกิดถามคุโระ พลางชี้นิ้วไปยังเฮย์กะที่กำลังเดินทอดน่องไปดื่มชามะนาวไปอยู่ข้างหลัง “เขาใช้อาวุธประเภทไหนล่ะ”
“สนใจหรือไง องค์หญิง”
“นิดหน่อย พอดีว่าเคยได้ยินกิตติศัพท์มาพอสมควรน่ะนะ” อลิซพูด ก่อนจะทิ้งทายด้วยการแซวว่า “คงไม่ใช่เอากระเป๋าทำงานไปไล่ฟาดคนอื่นหรอกนะ”
คุโระหัวเราะ “พี่เฮย์เขาไม่ใช้อาวุธน่ะ”
“ไม่ใช้งั้นเหรอ...”
“อื้อ หรืออาจจะใช้ก็ได้นะ แต่ไม่มีใครเห็นน่ะ ฉันก็ไม่ค่อยรู้เหมือนกัน”
“แปลว่าแข็งแกร่งจนน่ากลัวสินะ” สาวน้อยพยักหน้าก่อนจะถามต่อว่า “แล้วนายสู้เขาได้ไหม คุโร ฮิทสึกิ”
“ฮะๆ ฉันน่ะเทียบพี่เค้าไม่ได้หรอก”
“หืม...เก่งกว่านายอีกหรือไง”
คุโระพยักหน้าช้าๆ แทนคำตอบ ก่อนที่นักฆ่าชุดดำจะทำท่าเหมือนึกอะไรออกหลังจากที่เดินต่อไปได้สองสามก้าว หันมากระซิบบอกกับเธอว่า
“แต่...คงจะต้องยกเว้นหัวหน้ากิลด์คนปัจจุบันของกิลด์ฉันน่ะนะ” คุโระพูดเสียงค่อย “ถ้ามีใครที่เคยเห็นพี่เฮย์กะ ใช้อาวุธ ก็น่าจะเป็นหมอนั่นน่ะแหละ”
“หัวหน้ากิลด์คนปัจจุบันของนาย...” เธอทวนคำพร้อมกับหรี่ตาลงช้าๆ
น่าแปลกที่เธอไม่เคยได้ยินข่าวคราวอะไรเกี่วกับหัวหน้ากิลด์อสรพิษ [The Serpent] คนปัจจุบันเลยแม้แต่น้อย แถมแหล่งข้อมูลบางแหล่งก็ลงความเห็นว่ากิลด์ล่มสลายไปแล้วด้วยซ้ำ แม้แต่เธอเองก็พึ่งจะรู้ว่ากิลด์อสรพิษนี่ยังมีอยู่ตอนที่ได้พบกับคุโระนั่นแหละ
“หมอนั่นชื่อว่าแลนซ์ ที่ได้ตำแหน่งหัวหน้าก็เพราะเอาชนะหัวหน้ากิลด์คนเก่าแบบพี่เฮย์กะได้ละนะ”
เธอไม่ได้ตอบอะไรนอกจากพยักหน้ารับคำเบาๆ
หัวหน้ากิลด์นักฆ่าคนปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความลับ สิ่งที่เธอรู้เพียงอย่างเดียวคือเขาได้เอาชนะอดีตหัวหน้าคนเก่า
“ขอบคุณสำหรับข้อมูล”
“ยินดีอยู่แล้ว องค์หญิง”
ภายในห้องทึบ แสงไฟสป็อตไลท์จำนวนมากถูกส่องมายังร่างของเขาที่กำลังเลื่อนแขนเสื้อเช็ดกับเลือดของตัวเองที่ติดกับจมูก ในขณะที่ชายหน้าบากผู้นั่งฝั่งตรงข้ามเองก็กำลังฮัมเพลงพลางควงปืนรีวอลเวอร์อย่างสบายอารมณ์
“ไม่เบื่อหรือไงครับ เอาแต่ควงปืนแบบนั้นน่ะ”
“ฉันก็มีความสุขดี ไม่เห็นรอยยิ้มฉันหรือไง ไอ้หนู” เฟยหลงพูด ก่อนจะคลี่ยิ้มโชว์ฟันขาวให้กับเขา
“เห แค่ควงปืนก็มีความสุขแล้วหรือไงครับ คุณนี่ช่างเป็นมนุษย์ที่จิ๊บจ๊อยกระจ่อยร่อยเสียจริง ถ้าส่งภาพคุณไปยูเนสโก บางทีเขาอาจจะประกาศเป็นสัตว์สงวนที่ทั่วโลกควรจะอนุรักษ์ไว้ก็ได้นะครับ”
“หึ ไอ้หนู จะยั่วโมโหฉันไปก็ไมได้ผลหรอก” เฟยหลงยังคงควงปืนในมือต่อไป “แกนั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายลำบาก อย่าลืมสิว่าฉันจะทรมานแกยังไงก็ได้ เพราะแกไม่มีวันตายน่ะนะ”
“รู้หรือเปล่าครับว่าทั่วโลกประณามคนที่ใช้ความรุนแรงน่ะ แถมเรื่องทรมานนักโทษนี่ยิ่งแล้วใหญ่ ขนาดประธานาธิบดีในอดีตของอเมริกายังโดนนานาประเทศรุมประณามเลยนะครับ”
“ฉันไม่รู้หรอก แต่ที่ฉันรู้อย่างเดียวก็คือถ้าแกไม่หยุดพูด ปืนในมือของฉันอาจจะเกิดอาการขัดข้อง กระสุนลั่นใส่หัวของแกก็เป็นได้ ไอ้หนู แน่นอนว่าพวกเราสองคนคงไม่ต้องการให้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดคิดแบบนั้นอยู่แล้วใช่ไหมละ...” พูดจบเฟยหลงก็ขยับรอยยิ้มที่ดูเหี้ยมอำมหิตกว่าเดิมให้เขา
นาคาไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเพียงแค่ใช้สมาธิหาทางคิดแก้สถานการณ์ปัจจุบัน ฝั่งตรงข้ามคือรองหัวหน้ากิลด์ การเจรจาธรรมดาน่าจะไม่ได้ผลแถมตัวเขาถูกพันธนาการด้วยกุญแจมือ ในขณะที่มาเฟียหน้าบากคนนี้ก็ดูแข็งแกร่งกว่าเขาชัดเจน
“...”
ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ไอเดียบางอย่างจะเข้ามาสู่ความคิดของนาคา
ความคิดที่เขารีบทำให้มันเป็นรูปเป็นร่างอย่างไม่เสียเวลาเปล่าทันที โดยการพูดออกมาว่า
“อย่าพึ่งยิงผมนะครับ คุณเฟยหลง”
เสียงของเขาที่เอ่ยขึ้นมาหลังจากที่นิ่งเงียบไปสักพักเรียกความสนใจจากเฟยหลงให้หันมาสบตากับเขา ก่อนที่ดวงตาของมาเฟียจีนจะเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นสิ่งของที่เขาเรียกออกมาจากหน้าต่างไอเท็มก่อนที่จะวางอาวุธสีเงินลวดลายอินทรีลงบนโต๊ะ
“พวกเรามาพนันกันเถอะครับ”
อาวุธ...ที่ถูกเขียนชื่อไว้เด่นหราว่า ‘Desperado Eagles’
“ระหว่างอิสรภาพของผม...กับอาวุธที่มีเพียงแค่สิบสามกระบอกในเซิร์ฟเวอร์เอเชียน่ะ”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เกมนี้ยึดของต่อหน้ายังไม่ได้ครับ
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 12 มิถุนายน 2557 / 21:19