คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #45 : Black N Blue❖The destroyer 'six warlords' 8
คำเตือน :: บางช่วงบางตอนมีความรุนแรง เนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักของตัวเกมแต่อย่างใด ฉากที่มีเนื้อหาเรท R จะไม่อัพลงเด็กดี โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน |
EPISODE08
Alternative Universe 04❖The destroyer 'six warlords'
"ทาร่า เจ้าไปเดินสำรวจดูแถวนี้หน่อย ช่วยจัดการทหารพวกมนุษย์ที่มาขวางทางเราด้วย" ประโยคนี้ดังมาจากที่ที่ไกลแสนไกล ทาร่าปรือตาที่แสนหนักอึ้งแล้วพยักหน้าลวกๆ ให้กับลินดิส เธอมองแล้วตัดสินใจเดินไปอีกทางหนึ่งแทน
พวกมนุษย์เยอะมาก เธอคิดขณะกระชากแขนขารวมไปถึงศีรษะพวกเขาออกจากกัน ทะลวงฝ่ามือผ่านชุดเกราะแสนนุ่มนิ่มพลางปิดปากหาวไปด้วย ก่อนตวัดมือหนึ่งครั้งผ่าหัวใจออกเป็นสองส่วน สมองของเธอค่อนข้างเบลอและคิดอะไรนอกเหนือจากการนอนไม่ออก เลยไม่สามารถสู้ได้อย่างมีสมาธิ
ทาร่าเดินอย่างไร้จุดหมายจนมาถึงโถงทางเดินแห่งหนึ่งที่มีแต่กลิ่นหอมอบอวล เธอสูดกลิ่นของมันเข้าไปในปอดก่อนเบนสายตาที่เลือนลางไปยังประตูบานใหญ่ ไม่ว่าสาเหตุของกลิ่นหอมจะเป็นสิ่งใด แต่มันอยู่ในนั้น
ราวกับถูกสะกดจิตให้เดินเข้าไป เธอเห็นเตียง เห็นข้าวของเครื่องใช้ที่สมควรอยู่ในห้องห้องหนึ่งที่ถูกเรียกว่าห้องนอน
ที่นี่คือห้องนอน เป็นห้องนอนที่หอมมาก
ทาร่าพร้อมจะนอนอีกรอบแล้ว เธออยากฝันต่อจากฝันเดิมที่เคยฝันมาตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา
ตุบ!
แต่ความนุ่มนวลของเตียงกลับมีเสียงตุบดังขึ้น เธอที่ปิดตาอยู่อดขมวดคิ้วไม่ได้แล้วใช้มือคลำไปตามเตียงเพื่อหาสาเหตุ และพบว่าตัวเองกำบางสิ่งบางอย่างที่นุ่มมากไว้
เธอบีบหนึ่งครั้ง มันเป็นอะไรสักอย่างที่ดูจะตึงๆ ในมือเธอหน่อย
พอดีมือมาก...
"กรี๊ดดดดดดดดดด"
แต่เธอกลับสะดุ้งจนปล่อยมือเมื่อได้ยินเสียงร้องของผู้หญิงดังขึ้น มันราวกับดังมาจากใกล้ตัว เธอยังไม่ทันขยับหนีตอนที่มีมือคู่หนึ่งขยุ้มคอเสื้อของเธอไว้ ความรู้สึกชาวาบเกิดขึ้นบนแก้มซ้ายตอนที่โดนหมัดของใครบางคนเหวี่ยงเข้าเต็มๆ หนึ่งครั้ง
ผลัก!
ทาร่าหงายหลังตกจากเตียง เธอเจ็บศีรษะมากเพราะรู้สึกว่ามันกระแทกกับอะไรบางอย่าง ผู้หญิงคนนั้นตามมาคร่อมทับด้านบนตัวเธอ และเธอก็โดนต่อยครั้งที่สอง สาม สี่ ตามลำดับ ชาวาบทั้งใบหน้าไปแล้ว
"เจ้า!!" นี่เป็นเสียงคำรามของผู้หญิงคนนั้น
เพียะ!
จากการต่อยกลายเป็นการตบ
ทาร่ารู้สึกถึงเลือดที่กลั้วอย่างเข้มข้นในปากของเธอ เธอปรือตาขึ้นเพื่อมองว่านางคิดจะทำสิ่งใดต่อ แต่แสงเงินวาบวับของอะไรบางอย่างกลับแทรกเข้ามาในสายตา
เธอไม่ได้หลบตอนที่มีดเล่มนั้นแทงเข้ามาในเนื้อมือจนทะลุ ราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นอย่างรุนแรงภายในร่างกาย ทาร่าลืมตาขึ้นอย่างเต็มตาด้วยนัยน์เนตรสีแดงโลหิตที่เจือจางด้วยความโมโห
เจ็บมาก ไม่ได้เจ็บมากขนาดนี้มานานแล้ว
ตุบ!
ร่างของแอสทริดล้มคว่ำลงกับพื้นอย่างไม่เป็นท่าเมื่อคนร้ายที่บุกรุกมายังห้องนอนของเธอหายจากใต้อาณัติเธอภายในเสี้ยววินาทีเดียว มันคือสิ่งที่มนุษย์ทำไม่ได้แน่ และตอนที่เธอกำลังหันไปมองเพื่อหาว่ามันอยู่ตรงไหนของห้องแล้ว เส้นผมของเธอก็ถูกกระชากอย่างรุนแรงจากด้านหลัง
เธอกลั้นเสียงแห่งความเจ็บปวดไว้ เรี่ยวแรงขนาดนั้นเหมือนนางกะจะฆ่าเธอภายในครั้งเดียวด้วยซ้ำ
"เงยหน้าขึ้น" หญิงสาวคนนั้นเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร "เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร"
แอสทริดถูกบังคับให้ลุกขึ้นยืนแล้วหันไปเผชิญหน้า นางถอดหน้ากากออกแล้ว นัยน์ตาสีแดงโลหิตราวกับปีศาจร้ายจรดที่เธอไม่ไปไหน ใบหน้าของนางฉายชัดอยู่สองอย่างด้วยกัน ครึ่งหนึ่งคือความแข็งกระด้าง ส่วนอีกครึ่งคือความกระหายเลือด
"ไม่รู้ และไม่จำเป็นต้องรู้" เธอกล่าวเสียงแข็ง ต่อให้นางผู้นี้จะดูน่ากลัวเพียงใด การยอมสยบก็ถือเป็นการดูหมิ่นเกียรติยศของตัวเอง "ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร..."
"..." นางเอียงคอราวกับกำลังสงสัยว่าเธอจะพูดอะไรต่อ
"ไปตายซะ" เธอเหยียดยิ้มบางๆ
ตึง!
ร่างกายของแอสทริดรวดร้าวเมื่อถูกเหวี่ยงไปกระแทกอย่างแรงเข้ากับผนังด้านหลัง เธอยกมือขึ้นกำข้อมือของหญิงร้ายตรงหน้าเมื่อนางใช้มือบีบลำคอของเธอ แล้วยกร่างเธอให้ลอยขึ้นสูงจากพื้นมาก การหายใจของเธอเริ่มติดขัด แต่ว่าเธอไม่ยอมให้มันจบลงตรงนี้แน่
"ปากวอนตายดีนัก" นางกล่าวแล้วเพิ่มแรงบีบมากขึ้น
เธอทรมานมาก ใช้เล็บทั้งจิกและข่วนมือของนางเพื่อให้นางเจ็บจนถอยไป กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจากร่างกายคนตรงหน้าช่างน่ากลัวและน่าขนลุกมากนัก
"อึก..." แอสทริดส่งเสียงออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อปลายนิ้วของนางกดลงบนกล่องเสียงของเธอ
"ทรมานเข้าไปอีก จำความรู้สึกที่ใกล้จะขาดใจตายเอาไว้ซะ"
"...อือ!!"
ตุ้บ!
แอสทริดประเคนฝ่ามือใส่นาง ไม่แน่ใจว่าเธอเหวี่ยงมือที่กำแน่นของตัวเองไปโดนอะไรของนางบ้าง แต่เธอกลับรู้สึกอ่อนแรงลงเรื่อยๆ พร้อมกับอากาศหายใจที่ค่อยๆ หมดลง
ผู้หญิงตรงหน้ากวาดสายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า คล้ายกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง
"ข้าเองก็จะจำใบหน้าเจ้าไว้"
"...เฮือก!" เธอสูดลมหายใจอย่างรุนแรงเมื่อนางคลายฝ่ามือราวกับกำลังให้โอกาส
"เห็นที่ไหน นองเลือดที่นั่น"
ความหมายของประโยคนั้นคืออะไร?
"องค์ราชินีขอรับ!!!" เสียงของใครบางคนเรียกเธอจากหน้าประตู คิดว่าคงเป็นแม่ทัพคนไหนสักคน "ราชินีแอสทริด หกขุนพลมันมาบุกเมืองหลวงขอรับ ไม่ว่าตอนนี้ท่านทำอะไรอยู่ข้างใน ได้โปรดออกมาเพื่อออกคำสั่งด้วยและเตรียมรับมือสถานการณ์ด้วย!!"
หกขุนพลบุกเมืองหลวง?
แอสทริดตระหนักอะไรบางอย่างขึ้นในใจ เธอเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวคนนั้นที่ตอนนี้หายวับไปกับตา ในวินาทีเดียวกันก็มีเสียงกรีดร้องโหยหวนดังมาจากหน้าประตู พร้อมกับเสียงอะไรบางอย่างฉีกขาดอย่างรุนแรงในครั้งเดียว
"เจ้า...เจ้าเป็น..." ริมฝีปากของเธอสั่นเมื่อนางเดินกลับมาพร้อมกับเลียเลือดบนมือไปด้วย "เจ้าชื่อทา..."
"อย่าได้ริอาจใช้ปากแสนสวะของเจ้าเอ่ยชื่อข้า" นางเดินมาหา
"ปล่อย!" แอสทริดหวีดร้องเมื่อฝ่ามือของตัวเองโดนกำเอาไว้แน่นจนเจ็บร้าวไปถึงกระดูก เธอมองทาร่าที่ลากเธอให้เดินออกไปนอกห้องแล้วตรงไปยังโถงกลางด้านหลัง ทุกคนที่มองมาที่เรายืนนิ่ง ดวงตานั้นเลื่อนลอยราวกับกำลังถูกสะกดจิต ทำให้เธอมองไปยังตัวขุนพลสารเลวที่ลากเธออยู่ตอนนี้
นัยน์ตาสีแดงโลหิตของนางเรืองรองอยู่ตลอดเวลา ทุกครั้งที่นางหันมองผู้ใด ผู้นั้นจะตกอยู่อาการถูกสะกดจิตอย่างแรงกล้า
แต่กลับแอสทริดไม่เป็น มีบ้างที่นางเหลือบมองเธอด้วยดวงตาคู่นั้น แต่เธอไม่เป็นอะไร
"นั่งลงซะ" ทาร่าดันให้เธอนั่งลงบนพื้นสกปรกราวกับเป็นสัตว์เลี้ยง ในขณะที่นางใช้เท้าเปล่าๆ เตะรูปปั้นแกะสลักของท่านพ่อเธอจนมันกระเด็นไปไกลหลายเมตรแล้วนั่งลงบนแท่นเปล่าอย่างเป็นกันเอง
"เจ้า! ปล่อยราชิ..." มีทหารนายหนึ่งพุ่งมาจากไหนก็ไม่ทราบ เขาโจมตีที่ทาร่า แต่ทว่าศีรษะเขากลับขาดออกจากลำตัวโดยที่ยังไม่ทันได้พูดจบประโยคด้วยซ้ำ
ดวงตาของนางชี้ชัดถึงอาการเบื่อหน่าย
"เจ้าไม่มีทางหนีจากเรื่องนี้ไปได้แน่" แอสทริดกัดฟันกรอดเมื่อทหารของเธอถูกฆ่าราวกับเป็นเศษฝุ่น "หากข้าหลุดไปได้ ข้าสาบานว่าจะตามล่าเจ้าทุกที่ที่เจ้าไป"
"ถ้าเจ้า 'หลุดไปได้' นะ สาวน้อย" ทาร่ายิ้มเย้ยหยัน นางใช้เท้าเหยียบลงบนแผ่นหลังเพื่อให้เธอก้มลงไปกับพื้นให้มากที่สุด "แต่ดูสิ...แค่อยู่ใต้ฝ่าเท้าข้าเฉยๆ เจ้ายังแทบขยับตัวไม่ได้เลย"
พวกอิลูเมียต้องมาแน่ แค่ต้องใช้เวลาอีกนิด เธอต้องถ่วงเวลาไม่ให้ทาร่าทำอะไรบ้าเลือดมากกว่านี้
ทาร่าทำข้อมือเธอหักตั้งแต่การจับครั้งแรก เพราะฉะนั้นตอนนี้แอสทริดใช้ข้อมือขวาไม่ได้แล้ว เธอจึงมองซ้ายขวาเพื่อหาทางหนีทีไล่ เธอทราบทุกเส้นทางหลักและลับของเมืองหลวง แต่มันจะเป็นไปได้ไหมที่จะหลบการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วดุจเสียงของทาร่าเช่นนั้น
แอสทริดได้ยินเสียงการเคลื่อนทัพขนาดใหญ่ เธอเงยหน้าขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อเห็นกองทัพทหารครึ่งหมื่นยืนอยู่ข้างหน้าทาร่า นัยน์ตาของคนเหล่านั้นฉายชัดถึงการถูกควบคุม
"ถวายความจงรักภักดีแก่ราชินีทาร่า" เสียงประสานของทั้งกองทัพดังขึ้น พวกเขาโค้งคำนับแน่นิ่ง
ราชินีทาร่า...อย่างนั้นเหรอ
แอสทริดมีข้อมูลของหกขุนพลน้อยมากถึงมากที่สุด เธอไม่รู้ว่านางเป็นตัวอะไรกันแน่
"มาดูอะไรสนุกๆ กันดีกว่าไหม สาวน้อย" นัยน์ตาของทาร่าเปล่งประกายอย่างตื่นเต้น นางชี้ไปยังทหารหนึ่งแถวที่มีราวๆ สามสิบนาย "เจ้าพวกโง่ตรงนั้น หยิบปืนมาแล้วยิงคอตัวเองทิ้งซะ"
"ไม่..." แอสทริดเบิกตากว้างเมื่อนายทหารแถวนั้นทำตามคำสั่งของทาร่า "ไม่นะ เจ้าอย่า...ไม่!!"
เสียงปืนราวห้าสิบนัดถูกยิงในเวลาใกล้เคียงกัน ร่างกายไร้วิญญาณร่วงลงบนพื้น ตรงส่วนที่ถูกยิงมีสภาพเหวอะหวะน่ากลัวและไม่น่าดูนัก แอสทริดกัดฟันแน่นที่ไม่สามารถช่วยประชาชนของตัวเองได้
"ข้าชอบเวลาที่เห็นเส้นเลือดใหญ่แตกกระจายจริงๆ เป็นน้ำพุเลือดที่มีสีสันแห่งความเร้าใจ เจ้าคิดเช่นข้าไหม" ทาร่าหันเสี้ยวหน้าที่ดุร้ายมาทางเธอ ริมฝีปากนางยิ้ม แต่นัยน์ตาของนางเย็นชา
นังสารเลว!
แอสทริดสะบัดตัวหลุดออกจากการกดของเท้าทาร่าแล้วเตรียมมุ่งหน้าไปอีกทาง
เธอต้องหนี
ต้องหนีเท่านั้นถึงจะกลับมาเอาคืนได้
แต่หูของเธอได้ยินเสียงนาง
"คิดดีๆ ก่อนจะวิ่งหนีจากข้า แอสทริด" น้ำเสียงนั้นราบเรียบ ไม่ขู่กรรโชก ไม่ใส่อารมณ์ แต่ทว่าน่ากลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ มันทำให้ร่างกายทุกส่วนของเธอถูกปักตรึงอยู่กับพื้นขณะค่อยๆ หันกลับไปมอง "หากเจ้าวิ่งหนีจากข้า ประชาชนของเจ้าทุกคนต้องตาย"
"..." ประชาชนของเธอ...
"ถ้าราชินีของพวกเขาหนีจากข้าไปได้ เป็นหน้าที่ของประชาชนใช่หรือไม่ที่จะรับโทษแทนราชินี"
แอสทริดรู้สึกถึงความสิ้นหวังเป็นครั้งแรก เธอเดินกลับไปอย่างใจยอมแล้วทรุดเข่าลงตรงหน้าขุนพลผู้โหดร้ายซึ่งนั่งอยู่สูงกว่าเธอในตอนนี้
"ได้..." เธอลังเลในวินาทีแรกที่กำลังจะพูดคำคำนึงออกไป
"..." ทาร่าบิดยิ้ม
"ได้โปรด..." เธอกัดริมฝีปากแน่นจนเลือดไหลซึมเมื่อต้องขอร้องผู้หญิงคนนี้ "อย่าทำประชาชนของข้า เป็นข้าที่ทำให้เจ้าโกรธ มีสิ่งใดก็มาลงที่ข้า"
"กลับมาก็ดี" นี่คือสิ่งที่นางพูดกับเธอ ก่อนที่นางจะเงยหน้าขึ้นเพื่อพูดกับทหารด้านหลังเธอ "พวกเจ้าไปสังหารชาวเมืองให้หมดทุกคน ออกตามล่าให้ทั่ว หากมั่นใจว่าหมดทุกคนแล้วก็ฆ่าตัวตายซะ"
"เจ้า!!" แอสทริดตวาดลั่นเมื่อได้ยินคำสั่งของทาร่า นี่คำขอร้องของเธอสร้างความเห็นใจให้นางไม่ได้หรืออย่างไรกัน "เจ้าคนหลอกลวง!"
"อย่าลืมไปจัดการคนในวังด้วย" ทาร่าชี้นิ้วไปยังวัง พวกทหารแบ่งกันเป็นหลายกลุ่มกันเพื่อทำตามคำสั่งที่ไร้ความปราณี เมื่อไม่มีใครแล้วนางจึงหันมามองเธอ "แอสทริด"
"..." เธอไม่อยากโต้ตอบ น้ำตาของเธอไหลอาบใบหน้า
"ไม่มีใครสั่งสอนหรือว่าอย่าเชื่อคำพูดศัตรูของเจ้า"
"สารเลว" เธอสบถคำด่าใส่หน้าทาร่า "ฆ่าข้าด้วยเลยสิ ทาร่า!"
นัยน์ตาของนางเป็นประกายด้วยความเกลียดชังขึ้นมาครู่หนึ่งก่อนจางหายไป ทำให้แอสทริดนึกขึ้นได้ว่านางไม่ให้เธอเรียกชื่อของนาง แต่ตอนนี้เหมือนนางเลือกที่จะไม่ใส่ใจ
ตอนนี้เหมือนกับนางมีบางสิ่งน่าสนุกกว่านั้นให้ทำ
"ไม่ต้องห่วง เจ้าได้ตายตามประชาชนของเจ้าไปแน่" เสียงกรีดร้องนอกกำแพงและการปะทะดังเข้าโสตประสาทของแอสทริด "ข้ายังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องจัดการกับเจ้า เรื่องที่เจ้าปลุกข้าให้ตื่นจากการหลับใหล เรื่องที่เจ้าทำให้สหายของข้าตกอยู่ในสภาพปางตาย"
"..."
"เมื่อถึงเวลา ข้าจะจัดการเจ้าด้วยตัวของข้าเอง"
แอสทริดแค่นหัวเราะในลำคอ ทำไมเธอจะไม่ทราบว่านางคิดอะไรอยู่ในหัว นางคิดจะทรมานเธอให้ตกนรกทั้งเป็นทีละน้อยแล้วค่อยฆ่าทิ้งในภายหลัง
แต่ทุกสิ่งที่สูญเสียไป เธอเอาคืนเสมอ
"เอาสิ" เธอเงยหน้ามองทาร่า เส้นผมสีเขียวแก่ของนางปลิวไสวไปตามแรงลม "แต่เมื่อนั้นเจ้าเองก็ต้องตายลงกับข้า ข้าจะเป็นคนเดียวที่สามารถปลิดชีวิตเจ้าได้เช่นเดียวกัน"
เสียงการต่อสู้ที่ดังขึ้นทำให้ทาร่าไม่สนใจคำพูดของเธอแล้วเบนสายตามองไปยังนอกกำแพงวัง ริมฝีปากนางยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
นัยน์ตาที่เรืองรองยิ่งเจิดจ้าขึ้นไปอีกเมื่อเห็นอะไรบางอย่าง แอสทริดมองตามไป พบว่าเป็นลอเรียลที่มากับซีเนียล ทั้งคู่พุ่งตรงมาทางนี้
ทาร่าลงจากแท่นรูปปั้น นางหายตัวไปจากสายตาแอสทริดในทันที
แอสทริดเบิกตากว้างในขณะมองตรงไปยังลอเรียลกับซีเนียล คลื่นลมรุนแรงราวกับพายุขนาดย่อมเกิดขึ้นเมื่อทาร่าโจมตีด้วยมือเปล่า แล้วซีเนียลรับการโจมตีนั้นไว้ได้
สมกับเป็นพวกเทพเจ้า คนของวิหารแห่งแสงมองการเคลื่อนไหวของทาร่าได้
เธอพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืน ประคองข้อมือข้างที่หักของตัวเองไว้แล้วยืนดูการต่อสู้ เธอยังไม่กล้าหนีไปไหนเพราะตอนนี้ทหารทั่วทั้งเมืองล้วนถูกควบคุมโดยทาร่ากันทั้งนั้น เธอจำเป็นต้องทราบเสียก่อนว่าอิลูเมียนำทัพอยู่ส่วนไหนของเมือง
"ยินดีที่ได้พบ ทูตสวรรค์หกปีก" ทาร่าเอ่ยทักลอเรียล นางเตะซีเนียลออกไปให้พ้นทาง มันแรงมากจนเธอได้ยินเสียงกระดูกซี่โครงหัก ร่างกายสูงใหญ่ขององค์ผู้พิทักษ์ลอยไปกระแทกกับกำแพงวัง
แอสทริดแอบมีสีหน้าเหยเก เธอรีบวิ่งไปพยุงให้ซีเนียลลุกขึ้นจากซากปรักหักพัง โดยที่ดวงตายังจ้องมองทาร่ากับลอเรียลไปด้วย
"แค่ก..." ซีเนียลสำลักเลือดออกมา เขาใช้มือแตะซี่โครงซ้ายของตัวเอง
ลอเรียลมีสีหน้าหวาดกลัว นางมองเทพหนุ่มที่มาด้วยกันก่อนหันไปจรดสายตาที่ขุนพลอย่างทาร่า
"ยินดีที่ได้..." ลอเรียลกำลังกล่าวตอบอย่างใสซื่อ แอสทริดกระพริบตาเพียงครั้งเดียว เห็นทาร่าที่เคลื่อนตัวไปอยู่ด้านหลังของเด็กสาว เธอเผยอริมฝีปากเพื่อร้องเตือนแต่กลับต้องเงียบเสียงลง หลังเห็นว่าลอเรียลหันไปรับการโจมตีที่หนักหน่วงของศัตรูเอาไว้ได้ภายในพริบตาเดียวเช่นกัน
สีหน้าของลอเรียลเปลี่ยนไป มันดูจริงจังขึ้น
"ข้าสู้ท่านไม่ได้หรอก" เด็กสาวทูตสวรรค์กล่าว ขณะใช้เวทแห่งแสงอัดใส่หน้าท้องทาร่า แต่กลับไม่โดนเพราะขุนพลลำดับที่สองหลบได้อย่างง่ายดาย "แต่ข้าถ่วงเวลาท่านได้"
"เหรอ" ทาร่าครางรับ ดูไม่เชื่อคำพูดของลอเรียลนัก
เป็นเพราะทาร่ารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนท้าทายว่าคว่ำลอเรียลไม่ได้รึเปล่าก็ไม่ทราบ จู่ๆ อากาศรอบด้านก็เปลี่ยนไป แอสทริดรู้สึกปั่นป่วนและโหว่งอย่างรุนแรง เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ได้ยินเสียง 'ตึง!' ดังมากพร้อมกับร่างของลอเรียลที่ร่วงลงจากบนอากาศแล้วคุกเข่าลงกับพื้น เสียงเมื่อครู่เกิดจากเข่าที่กระแทกใส่พื้นปูนอย่างรุนแรงจนปูนแตก
ได้ยินลอเรียลร้องอย่างเจ็บปวด เด็กสาวทูตสวรรค์น้ำตาไหล สภาพเข่าของนางเป็นแผลใหญ่และมีเลือดออก
ทาร่าก้าวไปหยุดหน้าลอเรียล นัยน์ตาของนางเรืองแสงเป็นประกายขณะที่ก้มลงมองลอเรียลอย่างสมเพช
"ปล่อย ข้าต้องปกป้องลอเรียล" ซีเนียลพูด ร่างใหญ่โตลุกขึ้นยืนแล้วพุ่งไปยืนคั่นกลางระหว่างเด็กสาวกับศัตรูของเรา เขายกอาวุธของตัวเองขึ้นสูงเพื่อโจมตี
ทาร่าพุ่งไปข้างหน้าแล้วตวัดมือใส่แขนที่ถืออาวุธขององค์ผู้พิทักษ์ แขนข้างนั้นขาดและตกลงบนพื้น
"ท่านซีเนียล!" ลอเรียลที่ยังอยู่ในอำนาจแรงโน้มถ่วงของทาร่าทำไม่ได้แม้แต่จะลุกขึ้น นางหวีดเสียงแห่งความตกใจออกมาแล้วร้องไห้หนักขึ้นไปอีก
แอสทริดไม่เคยรู้สึกไร้ประโยชน์ขนาดนี้มาก่อน...
เธอมองเข้าไปในดวงตาของทาร่า
ทุกอย่างที่ทาร่าทำ หากไม่นับการโจมตีที่รุนแรงมากของนางโดยใช้มือกับเท้าเปล่า การสะกดจิตและการใช้แรงโน้มถ่วงแบบนั้นเกิดจากดวงตาคู่นั้นแน่ๆ
ปัญหาคือ มันยังมีอะไรแฝงเร้นไว้หรือไม่
"ทาร่า!" แอสทริดรอให้อิลูเมียมาถึงที่นี่ไม่ได้อีกต่อไป เธอต้องช่วยชีวิตซีเนียลและลอเรียลเอาไว้ก่อน "หากเจ้ายังอยากต่อสู้ต่อไปก็ตามใจ แต่ข้าจะฆ่าตัวตายตรงนี้ซะ"
เธอมีพลังเวทอยู่กับตัวนิดหน่อยเพราะอิลูเมียมอบให้ไว้ป้องกันตัว เลยแปรเปลี่ยนพลังนั้นให้กลายเป็นมีดสีขาวบริสุทธิ์แล้วจ่อมันตรงหน้าท้องของตัวเอง
เธอทราบดีว่าที่ไม่โดนพลังของทาร่าควบคุม เพราะนางละเว้นเธอไว้ ตอนนี้เธอเลยมั่นใจเหมือนกันว่าเธอจะไม่โดน
นางจะมาหยุดเธอด้วยตัวเองแน่
"คิดว่าขู่ได้ผล?" ทาร่ากระซิบถามข้างใบหูเมื่อเคลื่อนตัวมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ มือนางกำมือที่ถือมีดของเธอไว้ในขณะที่เธอหลับตาลงเพื่อยอมรับชะตากรรม "เช่นนั้นก็กลับไปรับโทษของเจ้ากัน"
เธอสังเวยลอเรียลกับซีเนียลก็ได้เพื่อให้ตัวเองรอด แต่หากเราเสียสมาชิกของวิหารแห่งแสงไป เราไม่มีวันชนะเหล่าขุนพลได้เลย
เธอสังเวยตัวเอง...เพื่อปกป้องโอกาสที่ดีกว่าในการโค่นล้มคนสารเลวพวกนั้น
แอสทริดเงยหน้าขึ้นสบตากับทาร่าที่ตัวสูงกว่าเธอ และเมื่อมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้น เธอพบว่าเธอหมดสติไปในทันที
กว่าจะฟื้น...เธอก็ไม่ทราบแล้วว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ข้อมือที่หักถูกด้ามและทำแผลแล้วเรียบร้อย รอบห้องประกอบด้วยเฟอร์นิเจอร์หลากหลายชนิด ผสมผสานยุคเก่าและใหม่ เตียงถูกใช้เป็นเตียงแบบมีม่านล้อมรอบ มีโต๊ะอ่านหนังสือเป็นไม้สลัก โคมไฟระย้า และเตาผิงที่ถูกออกแบบอย่างดี
ทั้งหมดเป็นอะไรที่ดูเข้ากันไม่ได้ แต่ก็มีมันอยู่ในห้องห้องเดียวกัน
แอสทริดก้มลงมองมือของตัวเองที่ถูกล่ามด้วยโซ่ติดกับผนัง
ไม่ว่าที่นี่คือที่ไหน แต่นี่คือสถานที่ของทาร่าไม่ผิดแน่
ระหว่างที่กำลังใช้สายตามองสำรวจ เธอได้ยินเสียงประตูถูกเปิดออกเลยหันไปมอง เห็นว่าเป็นทาร่าในชุดแหวกอกสีแดงสลักด้วยลวดลายสีทองสไตล์โรมัน เชือกที่พันอยู่ตรงสะโพกคอดใกล้จะหลุดอยู่รอมร่อ แต่เหมือนนางไม่ได้แคร์นักที่จะสวมสิ่งแนบเนื้อรัญจวญใจแบบนั้นเดินไปเดินมา
"นั่งหลับสบายนักหรือไง ทำไมหลับนานนัก" ทาร่าเอ่ยอย่างเหยียมหยาม นัยน์ตาสีแดงโลหิตมองหลุบต่ำอย่างหยิ่งยโส ช่างเป็นคนที่ไม่น่าเข้าหาจริงๆ
นางเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า แอสทริดที่ก้มหน้าอยู่เพราะไม่อยากมองหน้านางจำเป็นต้องมองลากผ่านขาเรียวยาวขึ้นไปเพื่อมองใบหน้านั้น
"ข้าหิว" นางกล่าว
"เจ้าหิวแล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้าเล่า" เธอถอนหายใจเพราะไม่นึกว่าตัวเองจะได้ยินอะไรแบบนั้นจากปากนาง หิว? แค่ไปหาอะไรกินก็ได้ไม่ใช่เหรอ
"เอียงคอหน่อย" นางย่อตัวนั่งในระดับเดียวกัน อย่างน้อยท่าที่นางนั่งก็สุภาพมาก ไม่เช่นนั้นเจ้าชุดวาบหวิวนี่ไม่น่าจะปิดอะไรได้
แอสทริดกำลังคิดอยู่ว่าควรทำตามคำสั่งแปลกๆ ของนางไหม จนสุดท้ายเธอก็เอียงคอไปด้านขวาเพราะคิดว่าหากขัดคำสั่ง จากเอียงคอจะกลายเป็นคอขาดซะเปล่าๆ
อะไรที่ทำแล้วไม่เสียหายอะไรมากก็ทำไปก่อน รอจนกว่าเธอจะคิดอะไรสักอย่างออกแล้วกัน
ทาร่าเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ นางเผยเขี้ยวของนางออกมาให้เธอเห็น ในวินาทีนั้นเธอตระหนักได้ว่านางเป็นตัวอะไรตอนที่มันสายเกินไป คมเขี้ยวของนางแทงลึกเข้ามาในลำคอเธอ ความรู้สึกเจ็บแทรกลึกกว่าครั้งไหนๆ เธอตัวแข็งทื่อ ดิ้นหนีก็ไม่ได้เพราะร่างกายถูกตรึงไว้อย่างแน่นหนาด้วยสองมือคู่นั้น เลือดในกายแล่นพล่านอย่างรุนแรง
เมื่อผ่านไปได้สักครู่ความปวดร้อนก็บรรเทาลง ความรู้สึกดีแทรกเข้ามาแทนที่ เป็นความรู้สึกแปลกประหลาดที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อน
แทบไม่รู้สึกตัวเลยว่าทาร่าพอใจเมื่อไหร่ นางผละออกจากร่างกายเธอ ใช้หลังมือเช็ดเลือดที่เปื้อนริมฝีปากแล้วลุกขึ้น
แอสทริดรู้สึกอ่อนแรงกับการเสียเลือด เธอเอนตัวพิงผนังด้านหลังแล้วผล็อยหลับลงตอนที่เห็นอย่างเลือนลางว่าทาร่าหันหลังเดินออกจากห้องไป
เธอหลับลืมวันลืมเวลาไปหมด ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะได้ยินเสียงแปลกๆ
เหมือนเสียงคราง...
เธอลืมตาขึ้นแล้วพบว่าทั้งห้องถูกปิดไฟ มีเพียงแสงไฟจากเตาผิงเท่านั้นที่ส่องสว่าง เมื่อมองไปยังเตียงนอนก็พบว่ามันถูกปิดม่าน แต่ผ้าม่านเป็นผ้าที่บาง ทำให้เธอสามารถเห็นร่างกายของคนสี่คนกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในนั้น
เป็นทาร่ากับหญิงสาวอีกสามคนที่เธอไม่รู้จัก
เมื่อมองไปข้างเตียงพบว่ามีชายหนุ่มสองคนกำลังยืนรออย่างสงบเหงี่ยม
เสียงครางกระเส่าดังขึ้นเรื่อยๆ เป็นระยะ แอสทริดเบนสายตาลงมองพื้นห้องเพราะไม่อยากมองไปที่เตียง เธอพยายามข่มตาหลับอีกรอบแต่ก็ทำไม่ได้เนื่องจากเสียงที่ได้ยิน
ครางอะไรกันขนาดนั้น มีความสุขมากนักหรือไง?
ร่างกายเธอร้อนวาบเมื่อประโยคคำถามนั้นวาบขึ้นในหัว
เธอเงยหน้ามองภาพตรงหน้าอีกครั้ง เป็นทาร่าที่นอนราบอยู่บนเตียงโดยมีหญิงสาวคนหนึ่งคร่อมทับอยู่ตรงหน้าท้อง อีกคนกำลังปรนเปรอสิ่งที่ซ่อนเร้นของขุนพลลำดับที่สอง ส่วนอีกคนคอยจูบและนัวเนียนางไม่ห่าง
"องค์ราชินี หากท่านประสงค์สิ่งใดขอให้เอ่ยได้เลย" นี่น่าจะเป็นเสียงของหญิงสาวผู้นั่งคร่อมอยู่บนตัวทาร่า เสียงของนางหวานแหบ ฟังดูเซ็กซี่มาก "นานๆ ครั้งท่านจะกลับมาเยี่ยมเยือนอาณาจักรของเรา ข้าดีใจที่ท่านกลับมา"
"อืม..." ทาร่าครางรับอย่างไม่ใส่ใจ
ทำไมแอสทริดต้องมานั่งฟังบทสนทนาและการพลอดรักของคนพวกนี้ด้วย?
"ทาร่า" เธอกัดฟันกรอดแล้วเรียกขุนพลลำดับที่สองด้วยเสียงที่ดังพอจะทำให้ทุกสายตาในห้องหันมามองที่เธอ และตัวคนที่โดนเรียกก็มีปฏิกิริยาตอบรับกับเสียงของเธอเป็นคนสุดท้าย
ทาร่าลุกขึ้นนั่ง ใบหน้าของนางหันมามองเธอ แต่เธอไม่เห็นดวงตาคู่นั้นเพราะมีม่านกั้นระหว่างเรา
"หากเจ้าอยากทำเรื่องบัดสีก็ไสหัวออกไปให้พ้นจากห้องนี้ซะ ข้าจะนอน" แอสทริดใช้ความกล้าไปเยอะมากเพื่อพูดประโยคนี้ เพราะเมื่อพูดออกไปดันมีคนที่โมโหแทนคนที่เธอไล่เสียอย่างนั้น
"นังผู้หญิงโสโครก" มีหญิงสาวคนหนึ่งลุกขึ้นแล้วแหวกม่านออกมา ร่างกายนางเปลือยเปล่า นางยกนิ้วชี้มาราวกับต้องการจะฆ่าเธอทิ้งที่พูดประโยคนั้นใส่ทาร่า "พูดจาโอหังเช่นนั้นใส่ราชินี เจ้าสมควรโดนทรมานในคุกจนแห้งตาย"
"ราชินีของพวกเจ้าก็เพิ่งชมข้ามาเหมือนกันว่าปากดี" แอสทริดต่อปากต่อคำอย่างไม่เกรงกลัว เธอมองตรงไปยังทาร่าเพียงคนเดียว "ลองถามนางดูสิว่านางพูดจริงไหม"
"เจียมเนื้อเจียมตัวเสียบ้างก่อนที่จะพูดสิ่งใดออกมา" ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้น เขามองเธอด้วยหางตาราวกับกำลังมองเศษขยะ
"พอได้แล้ว" ทาร่าถอนหายใจแล้วหันไปหยิบชุดขึ้นมาใส่ "พวกเจ้าทุกคนไสหัวออกไปได้แล้ว ข้าจะพักผ่อน"
"แต่ว่าราชินี..." หญิงสาวที่ลุกขึ้นมาด่าเธอคนแรกเอ่ยอย่างดื้อดึง
"ไสหัวออกไปก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจโยนซากพวกเจ้าออกไปจากห้องแทน" นัยน์ตาของทาร่าน่ากลัวมาก คำพูดของนางไม่มีอาการล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย
สุดท้ายพวกเขาก็ทยอยออกจากห้องกันหมด เหลือเพียงแค่ทาร่ากับเธอสองคนเท่านั้น
"พวกนั้นเป็นใคร" เธออดถามไม่ได้
"ผู้หญิงเป็นชายาของข้า ส่วนผู้ชายเป็นสนม" ทาร่าตอบขณะสาวเท้าเข้ามาใกล้ "ถามทำไม หรือว่ามองข้าแล้วมีอารมณ์?"
"ข้าจะตาต่ำไปมองเจ้าแล้วมีอารมณ์ทำไม" เธอถลึงตาใส่นาง
"ตกลงว่าที่เรียกข้า เจ้าต้องการอะไร" นางถามขณะลากเก้าอี้มานั่งไขว่ห้างตรงหน้าเธอ "เจ้าเพิ่งตื่นเมื่อครู่ คงไม่ได้อยากให้ข้าไล่พวกนั้นออกไปเพราะจะนอนต่อหรอก จริงไหม?"
แอสทริดชะงัก เธอไม่ได้นึกอะไรไปมากกว่าการรังเกียจที่จะต้องทนดูการกระทำเหล่านั้น แต่หากเธอตอบแบบนั้นทาร่าจะคิดว่าเธอมีอารมณ์อ่อนไหวให้กับนาง
"ข้าปวดข้อมือ" เธอเอ่ยแล้วเม้มริมฝีปากเพื่อหลบซ่อนพิรุธ
"นักโทษคนอื่นอยู่แบบนั้นในคุกแล้วถูกล่ามได้เป็นเดือน นี่เจ้าสบายมากแล้วที่ได้อยู่ในห้องของข้า แค่นี้เจ้าทนไม่ได้?" นางกล่าว
สบายกับนรกสิ
"ข้าเป็นราชินี" แอสทริดตอบ
"เจ้าไม่ใช่ราชินีที่นี่"
"ยังไงข้าก็หนีไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว แค่หาห้องดีๆ ให้ข้าอยู่ไม่ได้หรือ" แอสทริดพยายามต่อรอง เธออยู่อย่างสุขสบายมาตลอดชีวิต ไม่ชินจริงๆ ที่ต้องมาอาศัยอยู่แบบนี้
ทาร่ามีสีหน้าที่แสดงออกชัดเจนว่ากำลังใช้ความคิด ในที่สุดนางก็เอ่ย
"เจ้าบังคับให้ข้าไล่ชายาข้าออกจากห้อง เจ้ามาทำหน้าที่แทนพวกนางแลกกับการได้นอนเตียงแล้วก็อาหารมื้อเช้า ดีไหม"
แอสทริดตกตะลึงกับข้อเสนอของนางมาก เธอไม่ได้บังคับให้นางไล่คนพวกนั้นออกไปเสียหน่อย
"หนึ่งครั้งแลกมื้อเช้า" นางกล่าวต่อ ใบหน้านิ่งสนิทมาก "อีกหนึ่งครั้งแลกเวลานอนสามชั่วโมง อันนี้ข้าไม่บังคับ เจ้าอยากนอนกี่ชั่วโมงก็คิดมาให้ดี"
"นี่เจ้ามักมากขนาดนั้นเลยหรือไง" แอสทริดเริ่มทำตัวไม่ถูก แต่ที่แน่ๆ คือเธอจะไม่ยอมลดศักดิ์ศรีของตัวเองลงไปเกลือกกลั้วกับทาร่าเด็ดขาด
"ไม่ได้มักมาก แต่เจ้าเป็นคนปลุกให้ข้าตื่น เมื่อข้าตื่นแล้วมักจะนอนไม่หลับอีก และการทำเรื่องเช่นนั้นเป็นแค่การฆ่าเวลาแก้เบื่อ"
"แล้วที่เจ้ากินเลือดข้าเล่า มันไม่นับเป็นอะไรเลยหรือ" เธอกัดฟันกรอด อย่างน้อยหากให้แลกเลือดกับที่นอนมันก็พอได้อยู่หรอก แต่เรื่องมั่วกามานี่ทำไม่ลงจริงๆ
"ไม่นับ" นางกล่าวแค่นั้นแล้วยกมือขึ้นกอดอก "ส่วนเรื่องอาหารกับที่นอนข้าไม่ได้บังคับ แค่ยื่นข้อเสนอ เจ้าตัดสินใจเอาเอง"
นังหน้าด้าน การบีบให้ไม่เหลือทางเลือกนี่มันไม่ใช่บังคับตรงไหนกัน...
ความคิดเห็น