ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Black N Blue (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #44 : Black N Blue❖The destroyer 'six warlords' 7

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 796
      118
      9 ก.พ. 63


    คำเตือน :: บางช่วงบางตอนมีความรุนแรง เนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักของตัวเกมแต่อย่างใด ฉากที่มีเนื้อหาเรท R จะไม่อัพลงเด็กดี โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


    Song :: Rihanna - Skin


    EPISODE07

    Alternative Universe 04The destroyer 'six warlords'


    บรรยากาศแห่งความไม่เข้าใจลอยอยู่ในอากาศ

    "ทำไมมันทำตัวแบบนั้น" หญิงสาวผมแดงที่นั่งอยู่เคียงข้างท่านเซฟีร่าขมวดคิ้วเล็กน้อย

    นางน่าจะเป็นท่านเวเรส ส่วนท่านที่ดูเย็นชาตรงนั้นคงเป็นท่านลินดิส

    "ไหวไหม" ท่านมีน่าวางมือลงบนไหล่ไอริเพื่อช่วยพยุง เธอพยักหน้าเมื่อโดนพาไปนั่งที่โซฟา เป็นตัวเดียวกับที่นายหญิงนั่งเมื่อสักครู่นี่เอง

    หัวใจของเธอสับสนเมื่อนางไร้เยื่อใย ท่าทางเย็นชาแบบนั้นเพิ่งเคยได้รับเป็นครั้งแรก

    "ทำไมเจ้าหักหลังมัน" ท่านเวเรสหันมาจ้องเขม็งที่เธอ ใบหน้าของนางไม่เป็นมิตร นัยน์ตาร้ายกาจสีดำสนิทมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ประกายเส้นผมสีแดงราวกับเพลิงที่กำลังลุกโชนด้วยความโกรธ "ถ้าเจ้ารักมันอยู่บ้าง เจ้าเลือกจะไม่หักหลังมันก็ได้ไม่ใช่หรือ"

    "เวเรส" ท่านเซฟีร่าส่งเสียงปราม "ไอริไม่ได้อยากทำแบบนั้นหรอก"

    "เช่นนั้นเรามาฟังสิ่งที่นางจะพูดกัน"

    ท่านเวเรสมีนัยน์ตาแห่งความพิโรธอยู่กับตัวหรืออย่างไรกัน เพียงแค่มองไอริกลับรู้สึกเหมือนโดนเหล็กร้อนเสียบทะลุทั่วร่างกายภายในครั้งเดียว

    "มันซับซ้อนเพคะ" เธอก้มหน้าลงมองพื้น ทั้งไม่มั่นใจ เศร้า และประหม่าในเวลาเดียวกัน "พวกเราตระกูลมังกรสาบานจะรับใช้ราชวงศ์แห่งแพนเธียด้วยชีวิตและทุกสิ่งทุกอย่างที่มี การที่ข้าจะทรยศแอสทริด...มันทำให้ข้ารู้สึกว่าตัวเองทำผิด"

    "แสดงว่าการที่ทรยศบัตเตอร์ฟลาย เจ้าไม่ได้รู้สึกผิดเลย?" ท่านเวเรสไล่ต้อน

    "..." ไอริเงียบเพราะไม่อยากเถียงกับนาง

    "เวเรส ข้าคุยเอง" ท่านลินดิสกล่าว นัยน์ตาที่ดูเชื่อมขึ้นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์มองมาทางนี้ "เจ้าตอบมา ว่าเจ้ารู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นและอยากคืนดีกับบัตเตอร์ฟลายหรือไม่"

    "..."

    "ถ้าเจ้าตอบไม่ มีน่ากับลิเลียน่าจะนำเจ้าไปส่งที่เดิม แต่ถ้าตอบใช่...เจ้าต้องอยู่ที่นี่ ใช้ชีวิตที่นี่ เป็นคนของพวกเราและสาบานจะไม่ทรยศ เมื่อนั้นข้าจะช่วยให้เจ้าคืนดีกับนายหญิงของเจ้า"

    "...ค่ะ" เธอตอบรับอย่างไม่เสียเวลาคิด

    "ทำไม มันง่ายเช่นนั้นเลยหรือหลังเลือกข้างไปแล้วหนึ่งครั้ง" ท่านลิเลียน่านั่งลงข้างท่านลินดิสแล้วยกมือขึ้นกอดอก

    "เพคะ เพราะเลือกไปแล้วหนึ่งครั้ง...เลยไม่มีสิ่งใดติดค้างอีกต่อไป"

    ไอริทำภารกิจสำเร็จแล้ว เธอสามารถทำให้นายหญิงกลายเป็นนักโทษได้ แต่คงไม่มีผู้ใดทราบว่ามันจะทำให้หกขุนพลเคลื่อนไหวและมาพาตัวนายหญิงกลับ มันไม่ใช่ความผิดของเธอเลย

    แอสทริดห้ามไม่ให้เธอเจอนายหญิงเพราะนางคิดว่าเธอน่าสงสัยและอาจกลายเป็นแบบท่านเซฟีร่าที่หลงรักท่านเวเรส

    สิ่งที่เธอได้รับจากการทำภารกิจสำเร็จคือความไม่ไว้ใจและโทษกักบริเวณ น่าขันจริงๆ

    เมื่อก่อนเพื่อนสมัยเด็กของเธอไม่ใช่คนแบบนี้ ทว่าเมื่อได้รับตำแหน่งราชินีมา นางโหดร้ายขึ้นตามวันเวลา

    "เจ้าเป็นคนแปลกดี" ท่านลิเลียน่าเผยยิ้มลุ่มลึกขึ้นมา นัยน์ตาสีทองหม่นแสงเมื่อนางหันไปหยิบแก้วไวน์ของท่านลินดิสขึ้นมาจรดริมฝีปาก "ข้าไม่ทราบว่าบัตเตอร์ฟลายเห็นอะไรในตัวเจ้า แต่ก็ไม่ได้แย่..."

    "แล้วเจ้ากลายร่างเป็นมังกรได้รึเปล่า" ท่านลินดิสเอ่ยถาม "ข้าได้ยินตำนานของตระกูลเจ้ามา บ้างก็ว่าทำได้ บ้างก็ว่าทำไม่ได้ ข้าอยากทราบความจริง"

    "เรื่องนั้น...ต้องผ่านบททดสอบของมังกรก่อนเพคะ ถึงจักทำได้" ไอริกล่าว ไม่คิดปิดบัง เธอเลือกข้างแล้ว คนพวกนี้ที่เคยเป็นศัตรูแปรเปลี่ยนมาเป็นพันธมิตร "ทุกๆ ปีจะมีวันหนึ่งถูกเรียกว่า 'วันบวงสรวงโชคชะตา' เพคะ วันนั้นจะเป็นวันที่เราเก็บตัวอยู่แต่ในอาณาเขตของตระกูล แล้วทำพิธี หากทำสำเร็จจะได้รับพลังที่ท่านเรียกว่ากลายร่างเป็นมังกร แต่หากไม่...ก็จะไม่ตลอดชีวิต"

    "แล้วเจ้าร่วมทำพิธีหรือยัง" ท่านลินดิสถามต่อ นัยน์ตาเปล่งประกายด้วยความสนใจ

    "ยังเพคะ อีกหลายเดือนเลยกว่าวันบวงสรวงจะมาถึง"

    "อืม" นางครางรับ

    "เอานี่" ท่านเวเรสที่เมื่อครู่ลุกไปทำอะไรสักอย่างเดินกลับมา นางส่งกล่องของขวัญที่คุ้นตามาให้เธอ "บัตเตอร์ฟลายขอให้ข้านำสิ่งนี้ไปทิ้ง แต่ข้าสังหรณ์ใจบางอย่างเลยเก็บไว้"

    "เซฟีร่า พานางไปเปลี่ยนชุด" ท่านลินดิสเอ่ยสั่ง

    ท่านเซฟีร่าวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะแล้วดึงมือไอริให้ลุกขึ้น นางนำเธอขึ้นไปยังชั้นสอง เธอเลยกระตุกมือบอกว่าห้องของเธออยู่ทางนี้ เมื่อเราเข้ามาในห้องด้วยกัน หญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าตาสวยสง่าจึงเปิดกล่องของขวัญแล้วคลี่ชุดที่อยู่ภายใน

    ท่านเซฟีร่าช่วยเธอแต่งตัว เธอรวบผมของตัวเองมาไว้ข้างหน้าเพื่อให้นางรูดซิปที่อยู่ด้านหลังของชุดขณะเอ่ยถามเบาๆ อย่างสงสัย

    "ท่านกับท่านเวเรสเป็นอย่างไรบ้างหรือ"

    ตั้งแต่ท่านออกมา...ผู้นำทั้งหลายก็ไม่ค่อยมาประชุมกันเลย

    ตั้งแต่ท่านออกมา...เหมือนมีหลุมขนาดใหญ่คั้นกลางความเป็นมิตรไว้

    แอสทริดเองก็เคยเป็นหนึ่งในคนรักของท่านเซฟีร่า

    "ข้ากับเวเรส เราสองคนเข้ากันได้ดี" ท่านเซฟีร่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวาน แม้ไม่หันไปมองก็รับรู้ได้เลยว่านางกำลังยิ้มอย่างมีความสุข "ความสัมพันธ์เราไม่เหมือนกับคนอื่น แต่เราคือคนที่วิเศษที่สุดในชีวิตของกันและกัน"

    "..." ท่านดูมีความสุขมาก น่าอิจฉาจริงๆ

    "ไอริ เวเรสไม่ชอบให้ข้ากล่าวเรื่องอดีตพันธมิตร แต่ว่าหากเจ้ายังลังเลที่จะมาเข้าร่วมกับพวกขุนพล ข้าอยากให้เจ้าคิดรอบคอบในทุกเรื่อง" ท่านเซฟีร่าชี้แนะ นางเอื้อมมือมาสางผมของเธอแล้วเตรียมถักทอมันให้กลายเป็นเปีย "ข้าคงพูดได้ไม่เต็มปากว่าข้าไม่สนับสนุนฝั่งใดเป็นพิเศษ คนรักของข้า นางอยู่ในหกขุนพลและมีตำแหน่งสูงมากในดินแดนปีศาจ ข้าย่อมเข้าข้างนางเป็นธรรมดา"

    "..."

    "ที่นี่ไม่เหมือนที่อื่น เจ้าต้องยอมรับก่อนว่า...ชีวิตของเจ้าจะเปลี่ยนไปตลอดกาล"

    "..."

    "ที่นี่เจ้าเข้าร่วมได้ง่ายมาก หกขุนพลเองก็เชื่อใจเจ้าได้ง่ายดายมาก พวกนางรักพวกพ้องกันมากถึงแม้จะไม่ได้แสดงออกเช่นนั้น แต่หากเจ้าทรยศหรืออยากออกไป เจ้าออกไปได้แค่วิญญาณเท่านั้น"

    เข้าได้แบบมีชีวิต แต่ไม่สามารถออกไปได้แบบเดียวกันงั้นเหรอ

    "เสร็จแล้วล่ะ" ท่านเซฟีร่าพลิกร่างกายเธอให้หันไปเผชิญหน้า ก่อนหยิบหน้ากากสีดำมาใส่ให้เธอ "เจ้าสวยจริงๆ ยังไงบัตเตอร์ฟลายก็ต้องยกโทษให้เจ้าแน่"

    "ท่านเป็นคนที่มีความมั่นใจ" ไอริระบายรอยยิ้มแล้วแตะแขนของนาง "แตกต่างกับข้ามาก"

    เซฟีร่ามองหน้าเธออยู่ครู่หนึ่ง แล้วหลุดหัวเราะออกมา

    "เป็นคนลึกลับจริงๆ" นางพึมพำแล้วดึงให้เธอเดินลงไปข้างล่างด้วยกัน

    ขุนพลทั้งสี่หันมามองและมีการแสดงออกที่แตกต่างกัน ท่านเวเรสไม่มีความเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าใดๆ ท่านลินดิสเพียงแค่ยกยิ้มมุมปาก ท่านลิเลียน่าตะลึงค้าง นางเบิกตากว้าง ส่วนท่านมีน่ายิ้มกว้าง

    ไม่นานคนที่ตกตะลึงก็กระแอมเบาๆ แล้วเบือนใบหน้าหนีไป

    ไม่รู้ว่าขุนพลคนอื่นคิดจะทำอะไรต่อ เพราะท่านเวเรสยัดไวน์ที่เหลือครึ่งขวดมาให้ แถมบอกให้กินทั้งหมดนี่เลย

    เธอทำตาม โดยมีคนอื่นร่วมด้วย ไม่นานนักภาพรอบข้างก็เบลอ ยิ่งตั้งใจมองก็ยิ่งโคลงเคลง เผลอไปจับตัวใครเข้าไม่รู้ตอนที่โดนบังคับให้นอนลงกับโซฟา

    มันคือ 'อาการเมา' นั่นเองที่เกิดขึ้นตอนนี้


    ก๊อก!

    เสียงเคาะประตูอย่างแรงหนึ่งครั้งดังขึ้น บัตเตอร์ฟลายหันไปมองแล้วลุกขึ้นไปเปิด ในใจค่อนข้างหงุดหงิดที่คนหน้าห้องเคาะประตูแรงขนาดนี้

    ไม่เจ็บมือก็สงสารประตูเหอะ

    "หมอมาแล้ว ไปตรวจร่างกาย" เป็นเวเรสนี่เอง

    เพราะเห็นว่าเป็นเวเรส ท่าทางโมโหเลยคลายลงเกือบสองเท่า

    "วันหลังเบาๆ" แต่ยังต้องพึมพำบอกไปเพื่อลดความระคายใจอยู่ดี เราสองคนเดินไปข้างล่าง เห็นว่าคนอื่นเมาหลับกันเกือบหมด แถมขวดไวน์ก็เพิ่มจากสามเป็นหก

    เผาผลาญกันเก่งมาก ไวน์พวกนั้นเธอเสียเงินไปเกือบหมื่นเหรียญเพื่อให้ได้มันมา

    ฐานะของเธอเป็นรองแค่พวกราชวงศ์สกปรกเท่านั้น

    เธอขมวดคิ้วเมื่อหันไปเห็นไอริที่นอนหนุนตักลิเลียน่าอยู่ ในหัวเกิดเครื่องหมายคำถาม แต่เพราะความชิงชังเลยไม่สนใจ

    เวเรสเดินไปอุ้มเซฟีร่าที่นอนอยู่บนโซฟาแล้วเดินออกไป คิดว่าคงพาเมียมันกลับไปนอนที่คฤหาสน์ข้างๆ เธอเลยเดินไปนั่งแล้วมองหน้าแพทย์หลวงของราชวงศ์ปีศาจ

    แพทย์หลวงของพวกเราเป็นแวมไพร์ เป็นข้ารับใช้ของทาร่า

    ระหว่างตรวจร่างกาย ได้ยินแพทย์พูดมาเป็นระยะๆ

    "บาดแผลภายนอกเริ่มหายสนิทหมดแล้ว แต่บาดแผลภายในยังมีหลายส่วนที่บอบช้ำรุนแรงและยังคงต้องการการรักษาต่อเนื่อง หากท่านหกมีเวลาและสะดวกสามารถไปพบข้าได้ทุกวันที่ตำหนักแพทย์"

    "มีอะไรน่าห่วงเป็นพิเศษไหม" บัตเตอร์ฟลายถาม แต่สายตาเหลือบมองลิเลียน่า

    ปลายนิ้วของมันสัมผัสแก้มของไอริ

    อยากตายเหรอวะ?

    "มีขอรับ อย่าขยับร่างกายเยอะหากไม่จำเป็น ท่านทำได้ไหม" เมื่อได้รับคำถามก็พยักหน้าโดยไม่ทันคิดตอบไป "ดี เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน"

    "..."

    "ส่วนอันนี้เป็นพวกยา ทั้งทาและกิน กินยาหลังอาหารทุกครั้งให้ตรงเวลานะขอรับ"

    "..." บัตเตอร์ฟลายไมได้ตอบอะไร แค่ส่งสายตาไปให้แพทย์หลวงโดยมีใจความประมาณว่า เออ ไปไหนก็ไป

    เมื่ออยู่กันเป็นส่วนตัว และทั้งลินดิสและมีน่าก็หลับ เธอจ้องเขม็งไปยังลิเลียน่า

    "...อะไร" คนถูกจ้อง เมื่อรู้สึกตัวก็หันมาถามทันที

    ลิเลียน่าเป็นขุนพลที่อันตรายที่สุด ไม่ใช่ในแง่ของพลัง แต่เป็นในแง่ของการใช้ชีวิต มันเป็นคนที่เห็นโอกาสแล้วไม่เคยปล่อยไป ประจบประแจงเก่ง และวางตัวอยู่ในจุดที่ทำให้คนอื่นไม่อยากยุ่งด้วยได้

    อย่างแรก มันมักอยู่กับลินดิสเสมอ ว่ากันว่าลินดิสไว้ใจมันด้วยชีวิต

    อย่างสอง มันเป็นคนที่ทาร่าชอบใจมากที่สุดด้วยเหตุผลอะไรเธอก็ไม่ทราบได้

    อย่างสาม มันเคยนอนกับราชินีวีร่า เรื่องนี้ไม่มีใครพูดแต่ทุกคนรู้

    ขุนพลลำดับที่หนึ่งและสองเห็นใจมัน ส่วนราชินีวีร่าก็เอ็นดูมันมาก...

    "เปล่า" บัตเตอร์ฟลายตอบรับ ปรายตาไปมองลินดิสที่นั่งหลับอยู่ ถึงจะหลับแต่ลินดิสเป็นคนที่ตื่นตัวตลอดเวลา นางมักรู้เสมอหากมีอะไรเกิดขึ้น คงเป็นความสามารถพิเศษของเผ่าพันธุ์

    "เรื่องไอริเหรอ" ลิเลียน่าถาม ริมฝีปากเจือจางด้วยรอยยิ้ม

    "อืม" พอจะเข้าใจลางๆ แล้วว่าทำไมเวเรสถึงกันเธอออกจากเซฟีร่าขนาดนั้น เข้าใจได้อย่างลึกซึ้งเลย "ส่งตัวนางมา"

    "ไม่ใช่ว่าโกรธกันอยู่?"

    "..."

    "โกรธเกลียดกันไปแล้วก็ไม่ต้องมายุ่งสิ"

    ถูกของมัน...

    บัตเตอร์ฟลายถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืน เตรียมจะเดินขึ้นห้อง แต่เหมือนร่างกายหนักอึ้ง เธอหันไปมองลิเลียน่าแล้วเดินไปอุ้มไอริขึ้นจากโซฟา

    ได้ยินเสียงลิเลียน่าพูดอะไรบางอย่าง แต่เธอไม่สนใจ

    ไอริไม่ใช่ของเธอ แต่ก็ไม่ใช่ของลิเลียน่าเหมือนกัน


    ลับหลังบัตเตอร์ฟลาย ลิเลียน่าหลุดหัวเราะเมื่อแผนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เธอหันไปมองลินดิสที่แสร้งทำเป็นหลับแล้วพยักหน้าให้

    "ข้าแสดงละครเก่ง เจ้าว่าไหม" เธอพูดกับเพื่อนสนิทของตัวเอง

    "เก่งมาก" ลินดิสชม

    นอกจากราชินีวีร่า มีเพียงลินดิสที่สั่งให้ลิเลียน่าทำเรื่องต่างๆ ได้

    "หมดหน้าที่พวกเราแล้ว กลับวังกันเถอะ แล้วไปดูกันว่าจะเอายังไงกับแผนถัดไป" ลินดิสมีแผนบางอย่างที่ขุนพลคนอื่นไม่รู้ และลิเลียน่าก็ชอบความลึกลับของมันจริงๆ ถึงยอมเล่นตามแผนขนาดนี้

    แต่ใครจะรู้...ว่าจะมี 'บางอย่าง' ที่นอกเหนือแผนการเกิดขึ้นอย่างแก้ไขไม่ได้


    บัตเตอร์ฟลายอุ้มไอริมานอนในห้องของเธอเอง ถึงจะอยู่ด้วยกันมาสักพักใหญ่ แต่ห้องของเธอเป็นสถานที่ที่นางไม่เคยเข้ามา

    เธอยืนมองนางที่หลับสนิทแล้วเดินไปนั่งที่หน้าต่างเพราะไม่อยากกวน

    และเพราะยังโกรธอยู่

    ถึงนางจะใส่ชุดเธอสั่งตัดให้อยู่ก็เถอะ

    เธอขอให้เวเรสนำมันไปทิ้งแล้ว แต่คิดว่าเป็นฝีมือเวเรสที่ยังเก็บกล่องของขวัญไว้ ซึ่งเพราะมันเป็นฝีมือเวเรส เธอเลยปล่อยการกระทำนี้ไปอย่างง่ายดาย

    ไม่อยากยอมรับ แต่ใจเธอไว้วางใจเวเรสเยอะขึ้นมาก

    คนที่เธอไว้ใจมักได้รับอะไรดีๆ เสมอ

    บัตเตอร์ฟลายมองไอริอยู่หลายชั่วโมงจนกระทั่งเริ่มฟ้าสว่าง เธอไม่ได้ปิดม่านแสงเลยส่องไปถึงร่างกายบาง ทว่าไม่ถึงใบหน้าเพราะเธอวางเตียงไว้ในมุมที่เหมาะสมพอดี

    เธอชอบนอนเปิดม่าน เลยตัดปัญหาการโดนพระอาทิตย์ส่องในตอนเช้าไปแล้ว

    ไอริขยับตัวหนีแดด แต่ระหว่างขยับตัว...สายของชุดที่เป็นเพียงแค่สายเดี่ยวมันดันเลื่อนลง

    ร่างกายของบัตเตอร์ฟลายร้อนรุ่มขณะลุกขึ้นยืน

    "นอนให้มันดีๆ" เธอพูดอย่างฉุนเฉียวแล้วดึงสายเดี่ยวให้กลับไปอยู่บนไหล่ แต่มันกลับเลื่อนลงมาอีกเรื่อยๆ จนต้องยอมแพ้

    หมอไม่ให้ใช้ร่างกายหนัก หมอไม่ให้ใช้ร่างกายหนัก...

    เธอเตือนตัวเอง

    หมอไม่ให้...

    ช่างแม่ง


    "นายหญิง อยู่นิ่งๆ ได้ไหม" ไอริถอนหายใจขณะพยายามป้อนข้าวต้มร้อนให้กับขุนพลลำดับที่หก ซึ่งนางไม่ให้ความร่วมมือเลย "ถือว่าข้าอ้อนวอนท่านอยู่ก็ได้เพคะ"

    "..." นัยน์ตาคมเหลือบมามองหนึ่งครั้ง ก่อนหันมองไปนอกหน้าต่าง

    ท่านช่างดื้อรั้นจริงๆ เลย

    ไอรินึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า เธอตื่นเพราะโดนนัวเนียเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง เราทำเรื่องแบบนั้นกันไปหนึ่งรอบโดยไม่พูดจาใดๆ ต่อกันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง และเรื่องจริงเรื่องสุดท้ายคือนายหญิงเส้นเอ็นที่กระดูกไหปลาร้าขาดตอนพยายามทำรอบที่สองกับเธอ

    เธอตกใจมากเลยตอนนั้น ต้องแบกร่างกายที่ไม่เรียบร้อยนักของตัวเองไปเคาะประตูคฤหาสน์ของท่านเวเรส แล้วขอให้นางเรียกหมอมาดูนายหญิงหน่อย

    ใช่ หลังจากหมอหลวงของที่นี่มานายหญิงก็โดนร่ายยาวใส่ในทันที ท่านเวเรสก็ตามมาดูด้วย นางกลับไปเมื่อครู่เพราะมีธุระ

    "ทานข้าวก่อนแล้วค่อยทานยานะคะ" เธอทั้งอ้อนวอน ขอร้อง อีกนิดก็จวนเจียนจะต้องคุกเข่าขอ

    "อืม" นายหญิงครางรับ ท่าทางยังดูขุ่นเคืองอยู่หลายส่วน

    ไอริมองกระดูกไหปลาร้ากับแขนขวาของนางที่ถูกดามอยู่ด้วยกัน กลายเป็นว่าตอนนี้นางขยับแขนไม่ได้ไปสักพักเลย

    ตอนแรกหมอหลวงก็จะรักษาให้อยู่หรอก แต่เขาบอกว่านายหญิงขัดคำสั่งของเขาที่ให้ไว้ เขาเลยจะปล่อยให้นายหญิงอยู่สภาพแบบนี้ไปก่อนสองถึงสามวัน

    ช่วงเวลาแห่งการป้อนข้าวต้มผ่านไปอย่างง่ายดายเมื่อมีความร่วมมือ หลังกินยานายหญิงเอนตัวพิงหัวเตียงโดยไม่หลับ ใบหน้านั้นอ่านยากว่าคิดอะไรอยู่

    "นายหญิง" เพราะไม่ทราบว่านางคิดอะไรจึงตัดสินใจยื่นมือออกไปหา "ท่านโกรธข้ามากใช่ไหม"

    "..." การปรายตามองหนึ่งครั้งคือคำตอบ

    "แล้ว...ท่านเกลียดข้ารึยัง" ไอริบีบมือนางเบาๆ "แต่ข้าไม่ไปไหน ต่อให้ท่านเกลียด ข้าก็อยากจะอยู่เคียงข้างท่าน"

    ยากมากที่เธอจะรักใคร ยากมากกับการไว้ใจคนอื่น แต่หากมันบังเอิญเกิดขึ้น...เธอก็จะไม่ไปไหน ต่อให้ต้องตายก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหันหลังหนี

    ส่วนในกรณีแอสทริด เธอโกรธมากที่นางทำร้ายนายหญิง นางเกลียดนายหญิงมาก แต่การปฏิบัติต่อนักโทษของนางเกินเยียวยา เธอไม่แน่ใจว่าเธอจะอยู่เคียงข้างเพื่อนสนิทตัวเองต่อได้ยังไง

    "โกรธอยู่ อันนั้นเรื่องจริง" นายหญิงปริปากพูด ไรผมสีบลอนด์เป็นประกายเมื่อกระทบแสง "แต่ถ้าเป็นเกลียด ข้าคิดว่าอันนั้นเจ้าคงเข้าใจผิดไป"

    "ท่านขอคบข้า ข้าจำได้" เธอจำได้อย่างดี แต่มันเป็นประโยคที่เธอไม่กล้าตอบรับ แม้แต่ตอนนี้ก็ตาม

    "ข้าก็จำได้" นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาลง "แต่มันเป็นอดีต"

    ปลายนิ้วของไอริชะงัก เธอก้มหน้าลงเพื่อรับฟังสิ่งที่นางพูด

    ทำร้ายไปขนาดนั้น ไม่มีโอกาสก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ?

    "ตอนนี้ปัจจุบัน" นายหญิงเชยปลายคางเธอให้สบตากับนาง อะไรในดวงตาคู่นั้นดูล้ำลึกเกินกว่าจะสัมผัส "เจ้าอยู่ที่นี่ได้ อยู่เคียงข้างข้าได้ เราสามารถทำอะไรที่เคยทำด้วยกันเหมือนเดิม แต่อิสระภาพคือสิ่งที่เจ้าจะไม่ได้รับอีกต่อไป"

    "...ข้าเข้าใจ" เธอเอ่ยเสียงแผ่ว

    "เข้าใจก็ดีแล้ว" นางยกมือขึ้นแล้ววางลงบนศีรษะเธออย่างนุ่มนวล "...ริ"

    ตึกตัก ตึกตัก

    นี่คือเสียงหัวใจเธอยามที่นายหญิงเรียกชื่อสั้นๆ ของเธอ

    "ไม่ถือสาใช่ไหมที่ข้าทำตัวแบบเมื่อเช้า" นางคงหมายถึงส่วนที่นางทำเธอตื่นเพราะเรื่องนั้น แต่เธอไม่ได้ถือสาอะไรมันมากเป็นพิเศษหรอก "เจ้าอาจไม่ชอบที่ข้าทำตัวเช่นนั้น"

    "..." ไอริอยากจะพูด แต่จงใจเงียบไว้เพื่อฟังนางก่อน

    "เราเปลี่ยนได้ ข้าเปลี่ยนได้ แค่เจ้าเอ่ย"

    เธอยิ้มอย่างจริงใจแล้วคงมันไว้บนริมฝีปากตอนที่แตะมือลงบนแก้มนายหญิง

    "ท่านไม่ต้องเปลี่ยนอะไร"

    "..."

    "เพราะท่านเป็นแบบนี้ ท่านเลยชนะใจข้า อย่าตัดพ้อว่าตัวท่านไม่ดีพอเลยบัตเตอร์ฟลาย หากท่านต้องการ...ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านอยากได้สามารถเป็นของท่าน" เธอกล่าว มองเห็นถึงความสามารถซ่อนเร้นของนายหญิงที่ถูกเก็บเอาไว้

    นางไม่ได้ตอบอะไร แค่ดึงตัวเธอไปกอดไว้ ส่วนเธอซุกใบหน้าเข้ากับไออุ่นที่โหยหาแล้วหลับตาลง ไม่ได้คิดว่าจะเอายังไงต่อกับการอยู่ที่นี่ ยังไงซะเธอก็มีท่านเซฟีร่าคอยช่วยเหลือ

    แต่ไม่ถึงชั่วโมงต่อมา ท่านเวเรสที่ไปธุระก็กลับมาพร้อมกับขุนพลทั้งหมด พวกนางยืนรวมกันอยู่ในห้องของนายหญิง คนละมุมกัน และใช่...พวกนางมาพร้อมกับข่าวที่ทำให้เธอประหลาดใจที่สุด


    "เมืองหลวงแพนเธียถูกยึดแล้ว" ลินดิสเอ่ย นางยืนกอดอกอยู่ใกล้ริมหน้าต่างกับลิเลียน่า มีน่านั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดียวภายในห้องตรงโต๊ะน้ำชา ส่วนเวเรสยืนพิงประตูอยู่กับเซฟีร่า

    บัตเตอร์ฟลายคิดตามคำพูดนั้นแล้วกล่าวถาม

    "ฝีมือทาร่า?"

    "ใช่ เป็นนาง" ลิเลียน่าเป็นคนตอบรับ "ไม่มีข้อมูลว่าเหตุใดนางถึงตื่น แต่ตอนนี้นางกำลังทำลายเมืองหลวงแห่งนั้นทีละนิดจากภายใน พวกสภาเวทมนตร์และวิหารแห่งแสงขนกองทัพไปกันหมด พวกเมืองลูกหลวง เมืองเล็กๆ ต่างเข้าร่วมสงครามตรงนั้นเพื่อหยุดการก่อจราจลและเข่นฆ่ากันที่เมืองหลวง"

    "ทำให้ตื่นไม่ยากหรอก แต่แสดงว่าคนที่ทำต้องไม่ระวังเอามากๆ หรือไม่มันก็ไม่ทราบว่ามันทำอะไรลงไป" เวเรสกล่าว ไม่ได้เคร่งเครียดอะไร ออกจะดูไม่แยแสด้วยซ้ำ

    การที่พวกมนุษย์ล้มสลายในที่แห่งนั้น ใครสน?

    การที่พวกมนุษย์สู้กันเอง ใครแคร์?

    ที่แห่งนี้ไม่มีใครเห็นใจสิ่งมีชีวิตอ่อนปวกเปียกพวกนั้นหรอก แต่ว่าสิ่งที่พวกเราเครียดคือการหาวิธีหยุดขุนพลที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่เรามากกว่า

    "ข้าได้ยินมาว่าแอสทริดเป็นคนปลุกนาง" มีน่ากล่าวพร้อมรอยยิ้ม

    แอสทริด แพนเธีย ราชินีสารเลวคนนั้นน่ะเหรอ?

    ก็สมควรโดนแล้ว ปล่อยให้ทาร่าฆ่านางไปเลยได้ซะก็ดี

    บัตเตอร์ฟลายไม่เคยเล่าภูมิหลังของตัวเองกับใคร แต่ว่าพ่อแม่ของเธอถูกพ่อของแอสทริดสั่งฆ่า เป็นการลอบสังหารในวันที่ฝนตกพร่ำ ตอนนั้นเธออายุประมาณเจ็ดขวบ เป็นมนุษย์ธรรมดาที่สามารถหลบหนีการลอบสังหารไปได้ด้วยตัวคนเดียว ใช้ชีวิตหลบๆ ซ่อนๆ ด้วยเงินที่แอบเอาติดตัวมานิดหน่อย เรียกได้ว่าใช้ชีวิตกินนอนข้างถนนอย่างเต็มรูปแบบ

    จากลูกขุนนางที่เคยร่ำรวยมหาศาลกลายเป็นเด็กไร้บ้านภายในชั่วข้ามคืน

    จนกระทั่งราชินีวีร่ามาเจอเธอเข้า...

    ใช่ ตอนนั้นเธออายุสิบเอ็ดปี ตัดสินใจละทิ้งชีวิตหาที่ซุกหัวนอนไปวันๆ ด้วยการตกลงจะโตขึ้นอย่างเก่งกาจหาใครเทียมและเป็นขุนพลของผู้หญิงคนนี้

    ในสิบปีให้หลัง เธอกลับมายังแพนเธียและลอบสังหารกษัตริย์บ้าเลือดที่ฆ่าพ่อแม่ของเธอ ยึดทรัพย์สมบัติทุกชิ้นคืนจากมัน

    หลังจากนั้นเธอพบว่าความแค้นของเธอยังไม่ถูกสะสาง

    เธออยากขุดรากถอนโคนราชวงศ์ของพวกมันทิ้งซะ

    แต่ด้วยความฉลาดทำให้เธอฉุกคิดและรอคอย ปล่อยให้ท่านวีร่าจัดการเรื่องต่างๆ จนสุดท้ายมันก็กลายเป็นสงครามระหว่างพวกเราเหล่าขุนพลกับพวกมนุษย์สกปรก

    เธอรอคอยสงคราม เพื่อจะฆ่าแอสทริด นั่นคือสิ่งที่เธอต้องการ

    "งั้นผู้หญิงคนนั้นก็สิ้นหวังแล้ว" ลินดิสแค่นหัวเราะในลำคอ นัยน์ตาสีขาวมองมาทางเธออย่างว่างเปล่า "ทาร่าไม่เคยปล่อยให้ใครรอดเงื้อมมือนางไปได้"

    เรื่องภูมิหลังของทาร่า...มันไม่มีอะไรมากหรอก

    ทาร่าเป็นราชินีพันปีของพวกแวมไพร์ นางมักสะกดตัวเองให้อยู่ในสภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่นตลอดเวลาเพราะหากมีสติเต็มร้อย นางอันตรายสำหรับทุกคน

    ไม่มีใครเอ่ยปากปลุกทาร่าแม้ในยามที่นางหลับในการประชุม

    ไม่มีใครพูดอะไรไม่ว่าทาร่าจะหลับไปตรงไหน ทุกคนยอมได้เพราะไม่มีใครอยากเอาตัวเองไปเสี่ยงกับสถานการณ์ที่ตัวเองจัดการไม่ได้

    หากทาร่าตื่น ราชินีวีร่าก็ยังไม่รับประกันเลยว่านางสามารถหยุดทาร่าได้

    ในกำมือของขุนพลลำดับที่สอง ชีวิตก็เป็นแค่ฝุ่นผงที่บีบแล้วปล่อยก็สามารถสลายได้อย่างง่ายดายเท่านั้น

    "ปล่อยนางไปเถอะ" บัตเตอร์ฟลายกระชับไอริไว้ในอ้อมกอด รำคาญแขนข้างที่ใช้การไม่ได้ของตัวเองมาก "หากพวกเจ้าเสนอว่าให้หาวิธีหยุดทาร่า ข้าไม่เอาด้วยแล้วหนึ่งคน"

    "..." ภายในห้องเงียบมากหลังเธอพูดประโยคนั้นจบ

    เมื่อขุนพลคนหนึ่งถอนตัว การตัดสินใจของคนอื่นก็เริ่มสั่นคลอน และในที่สุดการตัดสินใจที่เป็นเอกฉันท์ก็ออกมาจากปากลินดิส

    "ไม่ต้องไปยุ่งสักระยะ รอดูสถานการณ์ก่อนแล้วกัน"

    ขุนพลลำดับที่หนึ่งดูไม่พอใจกับอะไรสักอย่าง สุดท้ายนางก็หันแล้วเดินออกไปพร้อมกับขุนพลลำดับที่ห้า

    บัตเตอร์ฟลายฝังปลายจมูกลงบนเส้นผมที่อ่อนนุ่มและหอมกลิ่นดอกไม้ของคนที่เธอรัก

    ตอนนี้เธอมีไอริ...เธอจะไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายที่ไหนสักระยะ


    ตึง!!

    ทำขนาดนี้แล้วยังไม่ขอความเมตตาอีก?

    ทาร่ามองใบหน้าแอสทริด รอบตัวเราสองคนมืดสลัวและไม่มีแสงไฟ มีเพียงร่างกายของเราเท่านั้นที่แตะกันแค่บางส่วน และบางส่วนนั้นคือมือของเธอที่กำรอบลำคอนางเอาไว้

    "ปากวอนตายดีนัก" ยิ่งเธอพูด เธอก็ยิ่งเพิ่มแรงบีบที่ลำคอ

    "อึก..." นางใช้เล็บจิกและข่วนมือเธอ

    ทาร่าเอียงคออย่างไม่ใส่ใจ เธอกระซิบต่อเพื่อบอกให้นางรับรู้ไว้...

    "ทรมานเข้าไปอีก จำความรู้สึกที่ใกล้จะขาดใจตายเอาไว้ซะ"

    "...อือ!!"

    ตุ้บ!

    นางเริ่มทุบฝ่ามือเธอ เมื่อเธอไม่ปล่อยก็เริ่มทุบมาที่ส่วนอื่น ใบหน้า ลำตัว

    แต่ทาร่าไม่ปล่อย

    เธอไล่สายตามองแอสทริดทุกสัดส่วน จดจำและเก็บรายละเอียดเอาไว้ทั้งหมด คนคนนี้...ต่อให้เธอใช้ชีวิตไปอีกพันปีข้างหน้าเธอก็ไม่มีวันลืม

    "ข้าเองก็จะจำใบหน้าเจ้าไว้"

    "...เฮือก!"

    "เห็นที่ไหน นองเลือดที่นั่น"





    - Butterfly -
    6th Warlord
    Cast By -


    - Airi -
    Leader of Dragon clan
    Cast By -


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×