ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Black N Blue (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #46 : Black N Blue❖The destroyer 'six warlords' 9

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 804
      121
      7 ก.พ. 63


    คำเตือน :: บางช่วงบางตอนมีความรุนแรง เนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักของตัวเกมแต่อย่างใด ฉากที่มีเนื้อหาเรท R จะไม่อัพลงเด็กดี โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


    Song :: Thousand Foot Krutch - Phenomenon


    EPISODE09

    Alternative Universe 04The destroyer 'six warlords'


    คิดจริงๆ เหรอว่าการบีบให้แอสทริดไม่เหลือทางเลือกจะทำให้เธอเปลี่ยนใจได้ เธอเงยหน้าขึ้นมองทาร่าที่คิดว่าตัวเองอยู่เหนือกว่าหลายขุม จงใจเชิดหน้าให้สูงมาก จนสบเข้ากับดวงตาสีแดงวาววับราวเพชรน้ำงามสีเลือด

    ว่ากันตามตรงแล้ว มองด้วยตาเปล่าทาร่าไม่ใช่คนที่ดูแข็งแรงทางร่างกายอะไรมากนัก นางมีร่างที่ค่อนข้างเพรียวและบาง ทรวดทรงมีจริตของผู้หญิงอยู่เต็มไปหมด หน้าตาดูดิบเถื่อนก็จริงแต่ทว่าแฝงไปด้วยความงดงามในรูปแบบที่อยู่สูงเกินกว่าคนธรรมดาจะเอื้อมถึง

    "มองแบบนั้นแสดงว่าไม่?" นางยื่นมือมาแตะปลายคางเธอ บังคับให้เชิดขึ้นอย่างไม่ยินยอม แต่อย่างว่า...เธอไม่ยินยอมกับทุกสิ่งที่นางทำอยู่แล้ว

    นางจับเธอมาเพื่อทรมานตั้งแต่แรกอยู่แล้ว การยื่นความหวังดีที่เลวร้ายให้ไม่ใช่เรื่องจำเป็น เธอไม่มีทางทำให้ชีวิตตัวเองแย่ลงโดยการนอนกับนาง

    "ไม่" กลัวทาร่าจะไม่ทราบว่าเธอปฏิเสธอย่างชัดเจนไปแล้ว แอสทริดย้ำอีกครั้ง เธอเกร็งข้อมือที่ถูกยึดไว้โดยโซ่ตรวนแน่น "ข้าเกลียดเจ้า"

    เกลียดที่ถูกพูดออกมาจากใจจริง หากสมองนางเข้าใจง่ายก็ดี แต่ปฏิกิริยาตอบรับของนางกลับคือการขมวดคิ้วนิดหน่อยเท่านั้น ราวกับคำพูดของเธอจัดอยู่ในหมวดเรื่องไม่น่าสนใจสำหรับนาง

    "ก็เห็นเกลียดขุนพลทุกคนไม่ใช่หรือ เจ้าทรมานเพื่อนข้าจนเกือบตายเพราะขาดน้ำและอาหาร นี่ข้าใจดีมากแล้วที่ยื่นข้อเสนอแลกกับของพวกนั้นให้" ทาร่าเป็นพวกคิดอะไรฝังลึก นางเอ่ยถึงบัตเตอร์ฟลายที่เคยโดนเธอจับมาก่อนด้วยน้ำเสียงที่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่กลับคล้ายจะดุร้ายในคราวเดียวกัน "เจ้าจะไม่สนใจข้อเสนอมันเรื่องของเจ้า เจ้าจะเกลียดข้าก็เรื่องของเจ้าอีก ไม่เห็นมีอะไรที่ข้าต้องแคร์เลย"

    "ต้องแคร์สิ" แอสทริดลุกขึ้นยืน พบว่าโซ่ตรวนนี้ยาวพอตัว เธอหยุดยืนอยู่หน้าขุนพลลำดับที่สองแล้วก้มหน้าลงไปเพื่อกระซิบ ไม่ใกล้มากเพราะเธอรักษาระยะห่างดีพอ "หากข้าตาย...เจ้าจะแก้แค้นใคร"

    "..."

    "บัตเตอร์ฟลายเพื่อนเจ้าเกือบตายเป็นเพราะตัวนางเอง นางไม่สู้เลยทำให้บาดเจ็บหนัก เพราะนางมีความรักกับสปายของพวกเรา ช่างเป็นคนที่โง่เขลาเสียจริง" มีผู้กล่าวขานถึงราชินีคนล่าสุดแห่งแพนเธียว่าโหดร้ายและไร้หัวใจ คำพูดพวกนั้นช่างรับกับตัวเธอได้อย่างเหมาะสมจริงๆ

    "มีความรักถือเป็นเรื่องที่ผิด?" นางถาม เป็นคำถามเดียวที่แอสทริดไม่คิดว่ามันจะหลุดออกมาจากปากของนาง "ไอริเป็นคนที่ดี นางปรนนิบัติเพื่อนข้าดี ซื่อสัตย์มาก เจ้าต่างหากที่โง่เขลาเพราะไม่มีความรักให้คนดีๆ เช่นนั้น"

    "เจ้าอยู่ในจุดที่กล้าสั่งสอนเรื่องนี้กับข้าด้วยหรือ" แอสทริดเอ่ยอย่างดูแคลน "ถ้าความรักมันดีมากนัก ทำไมเจ้าไม่มี?"

    เธอเคยเห็นชายากับสนมของทาร่าแล้วก็จริง แต่ทาร่าไม่ได้มีความรักให้พวกมัน

    ถามว่าทำไหมเธอถึงรู้? ต้องถามว่าเหตุใดถึงไม่รู้เสียมากกว่า ขุนพลลำดับที่สองค่อนข้างชัดเจนกับความต้องการของตนมาก นางไม่เคยพูดสิ่งใดแล้วไม่ทำ ดูจากการต่อสู้ที่แพนเธียก็ทราบได้แล้ว

    เพราะฉะนั้นคนที่พูดว่า 'จะฉีกเป็นชิ้นๆ แล้วจับโยนออกไปนอกห้อง' มันจะเป็นคำพูดของคนที่มีความรักได้ยังไง

    "คนที่ดีกับใจมันยังไม่เจอ" คำตอบหลังจากเงียบไปเกือบนาทีของทาร่าทำเธอชะงัก "คนดีในความหมายข้าไม่เหมือนใคร"

    "..." เหอะ คนดีมันจะมีกี่ความหมายกัน

    ทาร่ายกปลายนิ้วเรียวสวยขึ้นเพื่อลูบริมฝีปากของเธอ...

    "ถ้าเจ้ากัดข้า ข้าจะกัดคืน" คำพูดดักคอทำให้แอสทริดเม้มริมฝีปากจนปิดสนิทเพื่อแสดงอาการต่อต้านแทน การกัดของนางคงไม่พ้นการดื่มเลือด เธอไม่เปิดโอกาสให้หรอก

    แอสทริดเป็นคนหัวต่อต้านขั้นรุนแรง แต่เธอปกปิดมันเอาไว้อย่างเงียบเชียบด้วยท่าทางดูดีมีชาติตระกูลของตัวเอง เธอรอให้ตัวเองมีอำนาจมากพอจะจัดการทุกอย่างโดยไม่ต้องสนใคร เพราะแบบนั้นการขึ้นครองราชย์ในฐานะราชินีคนใหม่ทำให้เธอเหิมเกริมในตำแหน่งและอำนาจของตัวเอง

    เธอมักทำอะไรอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังเพราะคิดว่าตัวเธอไม่มีใครสามารถทำอะไรได้แล้ว อย่างเช่นการโจมตีทาร่าที่ห้องนอนอย่างรุนแรงจนมาลงเอยในสถานที่นี้

    ทาร่ากำลังสอนเธอ...ให้คิดดีๆ และรอบคอบกับทุกอย่างเมื่ออยู่กับนาง

    "แล้วจะลูบทำไม" เสียงเธอแข็งนะ แข็งและแสดงออกชัดเจนถึงอาการรังเกียจ แต่นางแค่เหลือบตาสีแดงขึ้นมามองหนึ่งครั้ง แล้วเลื่อนลงมองริมฝีปากเธอต่อ "มองเพื่อ!"

    เพียะ

    บอกแล้วว่าโซ่มันยาว...

    แอสทริดยกมันขึ้นตบมือของทาร่าออกไป ไม่แรงหรอก แค่ให้มันหลุดเท่านั้น

    วินาทีถัดมาทาร่าก็ยกมือของนางขึ้น ตั้งเป็นเป็นแนวนอนตรงแล้วพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วระดับที่เกิดลมหมุนเล็กๆ ขึ้น

    หัวใจของเธอหล่นวูบเมื่อนางหยุดฝ่ามือที่หน้าท้องของเธอ ห่างไปไม่กี่เซน

    นัยน์ตานางไม่ได้แสดงถึงอาการโมโหหรือบ้าคลั่ง มันไม่มีอะไรนอกจากแววตาสมเพชกลายๆ

    สมเพชคือสมเพชที่เธอสู้อะไรไม่ได้?

    ความรู้สึกบางอย่างปั่นป่วนอยู่ในท้อง เธอหันหลังกลับไปนั่งขดอยู่มุมเดิมที่นั่งมาทั้งวันโดยไม่สนใจจะคุยกับทาร่าอีก นางเองก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย

    เราสองคนนั่งเงียบๆ อยู่ในห้องที่มีแค่แสงไฟสีส้มจากเตาผิงสาดส่องมา ความมืดทำให้เธอนึกถึงความหลังที่ไม่อยากนึกถึง ตอนที่ยังเด็กมากแล้วเป็นเพื่อนเล่นใกล้ชิดกับไอริและมูราจ มันมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นลับหลังเธอตลอดเวลา

    นี่คือบทสนทนาของเธอกับไอริในวันที่เราอยู่กันสองคนหลังกลับจากโรงเรียน

    'ขนมนี่อะไรเหรอ ใครให้ไอริอ่า'

    'มูราจให้ข้ามา' แต่ข้าเอามาให้ท่านหญิง มูราจบอกว่าเขามีเงินไม่พอซื้อ ท่านหญิงรับไว้เถอะ ข้าอยากให้ท่านรับไว้จริงๆ'

    'เช่นนั้นเราแบ่งครึ่งกันนะ'

    'ได้เพคะ ขอแค่ท่านมีความสุขก็พอ'

    เมื่อโตขึ้นมาหน่อย แอสทริดได้ทราบความจริงที่ว่ามูราจซึ่งเป็นถึงลูกขุนนางไม่มีทางไม่มีเงินหรอก เขาแอบชอบไอริต่างหากเลยพยายามหาซื้อขนมมาให้นางคนเดียว แอสทริดในตอนนั้นร้องไห้ทั้งคืนที่มูราจใช้ความรักมาทำให้ความเป็นเพื่อนมันเปลี่ยนไป และสิ่งที่รู้สึกในขณะนั้นคือ 'ความน้อยใจ'


    ค่ำคืนวันต่อมา

    "ลุก!!" มือหยาบกร้านกระชากแขนแอสทริดอย่างแรงจนเธอเซไปข้างหน้า

    หลังจากนั่งๆ นอนๆ มาทั้งวันโดยที่ยังไม่ได้กินอะไร เธอร่างกายอ่อนแอและหน้ามืดง่ายมากกว่าตอนปกติหลายเท่า แค่โดนกระทำแค่นี้ก็คล้ายจะเป็นลมเสียแล้ว

    แต่เพราะความเจ็บปวดจากการโดนกระชากให้เดินไปตามทางทำให้เธอเจ็บจนเป็นลมไม่ไหว

    เธอถูกพาตัวไปยังสถานที่แห่งหนึ่งที่เหมือนกับลานต่อสู้ขนาดใหญ่ มีที่นั่งชมยกสูงรายล้อมเต็มไปหมด ที่นี่มีหลายส่วนที่ก่อสร้างคล้ายสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่ของกรุงโรมมาก อัฒจรรย์ตรงส่วนที่ยื่นล้ำหน้าออกมามีทาร่ากับชายาของนางหลายคนนั่งปรนนิบัติกันอยู่ และมีหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่ถูกปรนนิบัติเช่นเดียวกันทาร่า แม้ไม่เท่าเทียมกัน แต่ก็ทราบได้เลยว่าสูงศักดิ์

    หญิงสาวที่เธอไม่เคยเห็นหน้า นางมีเส้นผมสีม่วงประกายแดงกับนัยน์ตาข้างหนึ่งสีแดง ส่วนอีกข้างสีทอง เป็นคนที่ดูเจ้าเล่ห์และเจ้าชู้มาก

    เพราะมัวแต่มองไปยังสองคนนั้น รู้ตัวอีกครั้งก็มายืนอยู่ตรงลานประลองแล้ว

    นี่มันคืออะไร?

    แอสทริดเงยหน้าขึ้นมองทาร่า แต่ตอนนี้เธอยืนอยู่ไกลมาก คนละฝั่งกับนางเลย ไม่ว่านางจะทำสีหน้าแววตาแบบไหนอยู่เธอก็คงไม่เห็น

    เธอพยายามยืนอย่างมั่นคงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ บนเก้าอี้ผู้ชมก็ใช่ว่าจะไม่มีคน...ต้องเรียกว่าผู้ชมเพียบเลยต่างหาก

    ทาร่าคิดว่าเธอเป็นอะไร สิ่งบันเทิงหรือนักรบที่สามารถต่อสู้ในลานประลองได้เหรอ

    ครืน!

    ในระหว่างที่กำลังคิดอย่างหงุดหงิด เสียงโห่ร้องก้องดังขึ้นพร้อมกับประตูกรงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเธอเลื่อนเปิดออก เธอกำลังคิดว่าเธอจะได้เจอกับแวมไพร์นักรบดุร้ายที่หิวกระหาย แล้วโดนฆ่าตายอย่างน่าเวทนา แต่สิ่งที่เห็นทำให้เธอชะงัก

    สัตว์ร้ายตรงหน้าคือเสือ และมันคงไม่ใช่เสือธรรมดาหรอก

    "เพิ่งเคยเห็นอสูรเทวะคู่กายราชินีทาร่าต่อสู้เป็นครั้งแรกเลย ข้าตื่นเต้นจัง" ประโยคนี้ดังมาจากผู้ชมที่นั่งอยู่ด้านหลังเธอ พวกนางพูดกันดังมาก

    "ข้าก็ตื่นเต้น" อีกเสียงตอบ

    แอสทริดละความสนใจจากผู้ชม

    ตกลงว่าเจ้าเสือตัวนั้นคืออสูรเทวะของทาร่า?

    "หึ" แอสทริดแค่นเสียงออกมา เธอน่าจะทราบอยู่แล้วว่าทาร่าไม่มีทางปล่อยให้เธอนั่งๆ นอนๆ ในห้องของนางแล้วตายอย่างทรมานเพราะขาดน้ำและอาหารไปเองหรอก

    เธอกำหนดจิตเพื่อเรียกใช้พลังเวทของตัวเอง แปรเปลี่ยนพลังสีขาวให้กลายเป็นคันธนูและศรสีดอก

    คันธนูและลูกศรนี้...ถูกสร้างด้วยพลังเวททั้งหมดในตัวเธอ

    ทาร่ากล้าส่งสัตว์เลี้ยงของนางมาฆ่าเธอ เธอก็จะไม่เกรงใจในการฆ่ามันเหมือนกัน

    แอสทริดไม่ใช่นักรบ แต่มันไม่ได้หมายความว่าเธอสู้ไม่ได้

    เธอเชิดหน้าขึ้นสูงขณะรอคอยการโจมตีจากอสูรเทวะที่กำลังเลียอุ้งเท้าของตัวเองอย่างสบายใจ

    เวลาผ่านไป ทั้งเธอและอสูรเทวะต่างไม่ขยับกันทั้งคู่...

    แอสทริดหยิบลูกธนูออกมาหนึ่งดอกแล้วขึ้นคันศร เธอเล็งไปยังศีรษะของอสูรเทวะแล้วปล่อยให้การโจมตีแรกหลุดออกจากมือไป พลังแห่งแสงกับพลังด้านมืดไม่ถูกกันอย่างรุนแรง ต่อให้เวทของเธอไม่แรงมาก มันก็ยังสามารถสร้างผลกระทบที่ใหญ่หลวงแก่ร่างกายปีศาจได้

    "โฮกกกกกกกกก!"

    อสูรเทวะคำรามใส่การโจมตีของเธอ ลูกธนูดอกนั้นลอยค้างอยู่กลางอากาศ

    แอสทริดปล่อยให้คันธนูหลุดออกจากมือเมื่อพบว่าร่างกายที่โดนการคำรามไปของตัวเองก็ขยับไม่ได้เช่นกัน เจ้าสิ่งนี้มีความสามารถคล้ายกับทาร่า แต่มันไม่ได้ทรงอำนาจขนาดนั้น หลังสังเกตดูดีๆ เธอพบว่าตัวเองยังพอขยับนิ้วได้บ้าง

    เธอกัดฟันจนเริ่มมีเลือดออกตามไรฟันเมื่อต่อต้านอำนาจของอสูรเทวะ เธอขยับมือลงหยิบคันธนูที่ร่วงลงแทบเท้า แต่ราวกับมีพลังอำนาจมหาศาลที่ตอกตรึงร่างกายไว้กับที่

    ความรู้สึกที่ได้รับจากการต่อต้านคล้ายจะเป็นการหักกระดูกทุกท่อนของตัวเอง โดนบดขยี้ และแหลกละเอียด

    กล้ามเนื้อของเธอตึงและเหมือนจะฉีกขาดไปซะทุกส่วน

    แต่คนอย่างแอสทริด แพนเธียไม่มีทางยอมแพ้สัตว์อสูรหน้าโง่ตัวนึงแน่...

    อสูรเทวะขยับร่างกายของมันมาข้างหน้าอย่างเกียจคร้าน มันใช้นัยน์ตาสีแดงเลือดที่หยิ่งผยองไม่แพ้เจ้าของมองเธอแล้วเตรียมคำรามอีกครั้งเพื่อปิดฉาก

    อีก...นิด แอสทริดพยายามใช้มือที่สั่นเกร็งของตัวเองให้เอื้อมไปหยิบลูกศร เธอเริ่มหน้ามืดและหูอื้อจากการเสียเลือดแล้ว

    วินาทีเดียวกับที่เสือตัวนั้นคำราม มีเงาสีดำมาหยุดอยู่หน้าเธอเสียก่อน

    เป็นทาร่า...

    "โฮกกกกกกกกก!"

    ร่างกายผอมเพรียวของราชินีแวมไพร์ประเคนฝ่าเท้าใส่อสูรเทวะของตัวเองจนเสือตัวนั้นลอยไปกระแทกกับกำแพง

    ตึง!

    "เจ้าแมวโง่" นางพึมพำแล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอที่ทรุดกองอยู่บนพื้น

    การกระทำของนางทำให้แอสทริดอดไม่ได้ที่จะปากดี... "เจ้าโง่หน้าไหนบอกว่าไม่แคร์?"

    ก่อนจะสลบไปอย่างอ่อนแรง


    เจ้าโง่คนนั้นคงเป็นข้าเอง

    ทาร่าคิดในใจอย่างเรียบง่ายขณะเปรยสายตาไปยังสนมชายที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุด

    "พานางไปพักที่ห้องของชายาใหญ่"

    "ขอรับราชินี"

    เมื่อร่างของแอสทริดถูกพาไปแล้ว ทาร่าเลยเดินไปหาอสูรเทวะที่เธอเป็นคนเตะปลิวเองแล้วยื่นมือไปลูบหัวมันเบาๆ เจ้าเสือตัวนี้มีชื่อที่น่ารักว่าทินทิน ส่วนคนที่ตั้งชื่อให้มันตายไปแล้ว

    การต่อสู้ที่เกิดขึ้นเธอไม่ได้เป็นคนอยากดู แต่เป็น 'นาตาเลีย' น้องสาวของเธอที่อยากดู และทาร่าก็ไม่เคยขัดใจน้องสาว

    "นางช่างหน้าเหมือนกับชายาใหญ่จริงๆ" คนที่เธอเพิ่งพูดถึงตายยาก น้องสาวของเธอมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ แล้วโน้มตัวลงลูบหัวทินทิน ขณะเดียวกันนัยน์ตาสองสีก็เงยมองเธออย่างซุกซน "ท่านยังไว้ชีวิตนางเพราะเห็นแก่ใบหน้าของนาง ข้าเข้าใจถูกหรือไม่ ทาร่า"

    นาตาเลียไม่เคยเรียกเธอว่าพี่เลยสักครั้ง

    ผมสีม่วงประกายแดงสว่างไสวภายใต้ดวงจันทร์

    "ถูก" แต่แค่ครึ่งเดียว

    เหตุผลที่ทาร่ายังไม่ฆ่าแอสทริดเพราะยังไม่เห็นความจำเป็น เลยเก็บไว้

    ส่วนชายาใหญ่ที่ว่า นางเป็นคนเดียวกับคนที่เธอยอมให้ตั้งชื่อแก่ทินทิน นางเป็นสตรีที่สวย มีกิริยามารยาทที่ดี แต่ก็มีบางอย่างคล้ายแอสทริดอยู่บ้าง ความกล้าหาญเป็นหนึ่งในสิ่งที่เหมือน

    นางเป็นคนแรกและคนเดียวที่เธอรัก

    หลังจากนางตายเพราะโดนฆ่า เธอก็เริ่มเสเพล

    เธอตามฆ่าทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการตายของนางแล้วใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย เริ่มหนีไปใช้ชีวิตที่ฝั่งดินแดนปีศาจเพราะไม่อยากอยู่ในอาณาจักรแวมไพร์ สะกดตัวเองที่โมโหร้ายมากให้อยู่ในสภาวะกึ่งหลับใหล

    เธอปล่อยอาณาจักรให้นาตาเลียจัดการอยู่นานจนน้องสาวมีลักษณะเหิมเกริมขึ้น แต่เธอรักน้องแม้น้องจะไม่รักเธอมากขนาดนั้นก็ตาม

    ทาร่าเหลือครอบครัวอยู่ไม่กี่คน เธอไม่อยากให้เราแตกคอกัน

    ส่วนน้องสาวคนเล็กของครอบครัวชื่อ 'มาร์จา'

    มาร์จาเป็นคนเก็บตัว สองสามเดือนถึงจะออกจากห้องสักครั้ง

    "ยังใช้เวลาด้วยกันได้ไม่เท่าไหร่เลย จะเดินหนีแล้ว" แขนของเธอถูกนาตาเลียคว้าจับไว้ "ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ทำไมไม่ไปหาอะไรสนุกๆ ทำกันหน่อย"

    "อยากทำอะไร" เธอถาม หากเป็นคนอื่นคงสะบัดแขนออกไปแล้ว

    "เหล้า ผู้หญิง เลือด อะไรก็ได้" รอยยิ้มเข้าใจยากปรากฏบนริมฝีปากของนาตาเลีย คำว่าสนุกของนางมีไม่กี่อย่างหรอก ทาร่าที่เริ่มหิวพยักหน้าเบาๆ หาเลือดดื่มหน่อยก็ไม่ใช่ความคิดที่เลวร้ายนัก

    ส่วนแอสทริดไว้เสร็จกิจเมื่อไหร่ค่อยไปดูไม่สาย


    กลิ่นของอาหารอันหอมน่ากินปลุกให้แอสทริดตื่นจากความฝัน

    เธอส่งเสียง "โอ๊ย..." ออกมาเมื่อพบว่ากล้ามเนื้อปวดไปหมด

    แต่เพราะได้ยินเสียงฝีเท้าทำให้เธอผละสายตาจากร่างกายตัวเองขึ้นมาแล้วเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า เป็นชายหนุ่มร่างบาง หน้าตาอ่อนโยนของเขาทำให้เธอรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก

    "ตื่นแล้วหรือ ทานอาหารเถอะขอรับ" ชายหนุ่มยื่นถาดอาหารให้ บนนั้นมีซุปเนื้อกับข้าวสวยร้อนๆ ขนมปังกรอบ นม และน้ำเปล่า ไม่ใช่อาหารที่หรูที่สุดเท่าที่เธอเคยกิน แต่ว่าเป็นมื้ออาหารมื้อแรกในรอบเกือบสองวัน "แต่ว่าค่อยๆ ทาน ไม่เช่นนั้นกระเพาะของท่านอาจปรับตัวไม่ทัน"

    แอสทริดไม่ได้ตอบอะไรเขา แค่รับประทานอาหารช้าๆ ตามที่เขาบอกเท่านั้น

    ชายหนุ่มเดินไปลากเก้าอี้มานั่งเฝ้าเธอ

    ประหม่าไม่ใช่เล่นๆ เลย

    แต่เธอหิวเกินกว่าจะสนใจว่าเขามองอยู่หรือไม่

    หลังอิ่มแล้วเริ่มมีแรง เธอกัดฟันกรอดขณะเงยหน้าไปเห็นรูปภาพขนาดใหญ่ของผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าเหมือนเธอราวกับเป็นคนคนเดียวกัน จากตอนแรกที่คิดแค้นทาร่าอยู่ที่มันบังอาจพาเธอไปสู้กับสัตว์อสูร ความสนใจก็เบี่ยงเบนไปหาสิ่งใหม่ทันที

    "ใครเหรอ" เธอไม่เก็บงำความสงสัยไว้

    "อ้อ คนคนนั้นคือองค์ชายาใหญ่ของราชินีทาร่า แต่ท่านเสียชีวิตไปเกือบสองร้อยปีแล้วขอรับ" ไม่น่าเชื่อว่าคนแบบทาร่าจะมีคนรักจริงจังด้วย

    แถมดันมาหน้าเหมือนเธออีก หากไม่นับสีตากับสีผม เห็นหน้าแล้วคิดภาพนางอยู่กับทาร่าแล้วรู้สึกกวนใจพิลึก

    "นี่เวลากี่โมงแล้ว" เธอถามเพื่อคำนวนวันเวลา

    "ตีสามขอรับ" เขาตอบ

    แอสทริดปล่อยให้เขานำถาดอาหารไปเก็บ เธอจะไม่ถามหรอกว่าเขามาทำดีกับเธอเพราะคำสั่งหรืออะไรยังไง เธอไม่ได้สนใจ ไม่ว่าคนที่นี่จะทำดีๆ ให้เธออีกสักกี่อย่าง เธอไม่นับมันเป็นบุญคุณ

    กลับกันแล้วหากเธอโดนอะไรร้ายๆ ใส่ เธอจะรอเอาคืนเป็นสองเท่า

    นอกจากคิดอะไรหลายอย่างในใจ เธอก็ไม่พูดอะไรเพราะรู้สึกเจ็บไรฟันมาก พอดีว่าตอนนั้นเลือดออกเยอะ อย่าให้เธอเจอกับอสูรเทวะตัวนั้นอีกนะ จะล่อให้จริงๆ

    แต่ต้องคิดก่อนว่าจะเอาปัญญาที่ไหนไปสู้ พลังเวทหมดแล้วด้วย คันธนูกับลูกธนูก็ไม่รู้ว่าถูกเอาไปเก็บไว้ที่ไหน

    แอสทริดเลยไล่สายตามองไปรอบห้องแทน มันเหมือนห้องของเชื้อพระวงศ์ธรรมดา ประกอบด้วยสีขาว สีทอง และสีฟ้า เฟอร์นิเจอร์หลายอย่างก็คล้ายกับของที่เธอใช้ในห้องนอนตัวเองมาก

    แอด

    เสียงประตูห้องถูกเปิดออก คนที่เข้ามาเป็นผู้หญิงคนนั้น...คนที่มีใบหน้าเจ้าเล่ห์กับดวงตาสองสี

    "ออกไปก่อน" นางหันไปไล่ชายหนุ่มที่กำลังเฝ้าดูอาการเธอ

    "ขอรับ"

    ทั้งห้องเหลืออยู่แค่เราสองคนในที่สุด แอสทริดขมวดคิ้วเพราะไม่ทราบว่านางจะมาไม้ไหน

    "เจ้าเป็นใคร" เพราะนางเข้ามาด้วยท่าทางที่แสดงออกชัดเจนว่าต้องการคุกคาม เธอเลยไม่จำเป็นต้องมีมารยาทด้วย

    "ปากกล้าไม่เบา" นางกล่าวทั้งรอยยิ้ม "ข้าชื่อนาตาเลีย เป็นน้องของทาร่า"

    เป็นพี่น้องกันความเลวก็คงไม่ไกลจากนี้หรอก

    เธอคงต้องระวังตัวไว้

    "แล้วเจ้ามีธุระอะไรกับข้าเล่า" แอสทริดกลบเกลื่อนความกังวลลึกๆ ของตัวเองด้วยรอยยิ้ม ทาร่านั้นเป็นคนที่นิ่งกว่านาตาเลียเยอะ แม้จะโมโหร้ายบ่อย แต่เข้าใจไหมว่าทุกครั้งที่บังเอิญมองเข้าไปในนัยน์ตาของนาตาเลีย สิ่งที่สะท้อนกลับมาเป็นความไม่ประสงค์ดี

    "เจ้าทราบหรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนในรูป" นางผายมือไปยังรูปภาพใหญ่โตบนผนัง "นางคือคนที่พี่สาวข้ารัก และข้าไม่เคยปล่อยใครที่มันรักเอาไว้"

    แอสทริดขมวดคิ้ว ผู้หญิงคนนี้กำลังเล่าเรื่องอะไร?

    "ทาร่าคิดอะไรกับเจ้าอยู่กันแน่ เจ้าเป็นมนุษย์ไม่ใช่หรือ" วูบหนึ่งที่สายตาคมปราดมองลำคอของเธอราวกับกำลังพิจารณาเส้นเลือดที่เต้นอย่างร้อนระอุอยู่ภายใน "เจ้าหน้าเหมือนชายาใหญ่ก็จริง แต่ว่าเจ้าไม่ใช่นาง เจ้าไม่มีวันเป็น ผู้หญิงคนนั้นตายไปนานแล้ว"

    คนคนนี้คือน้องสาวที่ฆ่าคนรักของพี่สาว

    เลือดในกายแอสทริดเดือดพล่านอย่างประสาทจะเสีย เรื่องพวกนี้มันเกี่ยวอะไรกับตัวเธอ ตอนแรกเธอก็แค่เป็นศัตรูที่ทาร่าจับตัวมาเพราะอยากทรมาน มาตอนนี้...นาตาเลียมายุ่งกับเธอเพราะคิดว่าทาร่าชอบเธอ?

    ผู้มาคุกคามขยับกายอย่างน่าหวั่นเกรงเข้ามาใกล้ เธอตัวเกร็งเมื่อนัยน์ตาใต้ขนตายาวงอนหลุบลงมามองราวกับกำลังชี้เป็นชี้ตายของเธอ

    "บอกมาสิ...เจ้าเป็นใคร แล้วทาร่ามองเจ้าเป็นอะไร" ริมฝีปากนางขยับอย่างไร้อารมณ์

    "อยากรู้เหรอ มานี่สิ" เธอเรียกอย่างเริ่มเดือด สมองตัดสินได้ไปแล้วว่าคนคนนี้เลวกว่าทาร่าหลายขุม เมื่อนาตาเลียขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ก็กระชากคอเสื้อเข้ามาจูบ ความรุนแรงของมันมากพอจะเรียกเลือด แต่เธอกัดปลายลิ้นของนางจนสัมผัสได้ถึงความขมฝาด

    เธอพ่นเลือดที่ไหลเข้ามาในริมฝีปากใส่ใบหน้าใสของนางอย่างรังเกียจ

    "บอกมาก่อนสิว่าทำไมถึงเกลียดทาร่า นางเป็นพี่ของเจ้าใช่ไม่ใช่?"

    ถ้าต้องให้อยู่ในสงครามครอบครัวแล้วเลือกฝ่าย แอสทริดก็ต้องเลือกคนที่แข็งแกร่งกว่าอยู่แล้ว

    เธอไม่ทราบว่านาตาเลียมีความสามารถอะไร แต่ความสามารถของทาร่าเป็นอะไรที่ล้มยากมากอยู่แล้ว ไม่มีทางหรอกที่คนคนนี้จะสู้ทาร่าได้

    หากนางกล้าเผชิญหน้ากับทาร่าตั้งแต่แต่แรก...

    ผู้หญิงในรูปคงไม่ตายจากการโดนลอบกัด

    "ข้าอยากได้บัลลังก์" นางยิ้มด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย เช็ดเลือดบนใบหน้าของตัวเองด้วยหลังมือ "เพราะอยากได้...ถึงต้องกำจัดตัวขวางทางทิ้งซะ"

    "แต่นางเป็นพี่ของเจ้า" แอสทริดกำผ้าห่มแน่นเพราะลดอาการประหม่า

    "สายเลือดไม่ได้บ่งบอกถึงการเป็นครอบครัว" นางยิ้ม...

    "ออกไปซะ" เธอเอ่ยปากไล่เพราะไม่มีอะไรต้องคุยกับนาตาเลียอีก เธอรู้มามากพอแล้วกับเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ส่วนเรื่องนี้หากเจอหน้าทาร่าอีกครั้งจะเล่าให้ฟังไหมก็คงต้องไตร่ตรองให้ดี

    นี่มันชีวิตเชลย จะเอาอะไรมาก เธอก็ไม่ใช่คนประจบประแจงด้วย

    นาตาเลียกำลังพูดอะไรสักอย่าง ส่วนเธอก็เงยหน้าขึ้นมองในเวลาเดียวกัน แต่เสียงเปิดประตูทำให้เราทั้งคู่ชะงัก

    เป็นทาร่าที่เดินเข้ามาในห้อง ใบหน้าสวยดิบเถื่อนของนางเย็นชาอย่างลุ่มลึก ส่วนข้างหลังของนางเป็นผู้ชายที่ช่วยดูแลเธอเมื่อครู่

    นางดูอารมณ์ไม่ดี ภายนอกดูมีแต่ความปั่นป่วน แถมเสื้อผ้าก็เปียกน้ำไปเกือบครึ่ง

    ไปตกน้ำที่ไหนมารึไง?

    "ไหนบอกจะไปหาอะไรกินกัน ที่ไหนได้แอบมาหาผู้หญิงคนนี้" ทาร่าพูดกับนาตาเลียโดยที่จงใจมองเธอไปด้วย

    เธอขมวดคิ้วให้กับการมองสองแง่สองง่ามของนาง แบบหนึ่งดูเหมือนไม่พอใจ อีกแบบหนึ่งเหมือนจะมีหมอกแห่งความไม่ชัดเจนปกคลุมไว้ มันคืออะไรวะ?

    "เจ้ากลับมาไวกว่าที่ข้าคิดไว้" นาตาเลียไม่สะทกสะท้านกับสายตาพี่สาวนาง

    "เวทมนตร์ของเจ้าไม่เคยตบตาข้าได้นานนักหรอก" สายตาที่ใช้มองนาตาเลียแตกต่างกันออกไป มันแสดงถึงความอ่อนโยน ส่วนประโยคที่พูดต่อมาก็ใช้น้ำเสียงที่นุ่มขึ้นหลายระดับ "ออกไปจากห้องก่อน นาตาเลีย"

    นาตาเลียยอมออกไปแต่โดยดี แต่ยังทิ้งสายตาซ่อนเร้นความร้ายกาจไว้บนร่างกายเธอ

    ตุบ

    จู่ๆ ร่างกายเธอก็ถูกคร่อมไว้อย่างรวดเร็ว ลมหายใจที่รุ่มร้อนด้วยโทสะรินรดอยู่บนใบหน้า เธอกำมือแน่นเมื่อข้อมือโดนยึดไว้เหนือหัวทั้งสองข้าง

    "เฮือก...ทา..."

    ลมหายใจเหมือนขาดสะบั้นลงตอนที่ความแหลมคมของเขี้ยวกดลงบนลำคอ มือเผลอคว้าหมับเข้าที่ท้ายทอยแข็งตึงโดยอัตโนมัติ ร่างกายเธอร้อนและอ่อนแรงลงเรื่อยๆ

    แอสทริดมือสั่น สติแทบหลุด ร่างกายที่เปียกชื้นของทาร่าเบียดเสียดเข้ามา แถมปลายนิ้วเรียวที่แข็งแกร่งยังลูบไล้หลังมือเธอไม่หยุด

    เกินไปแล้วนะ เยอะไปแล้ว...

    ความกดดันกับเจตนาที่หิวโหยกลับทำให้น้ำตาไหล

    "ร้องไห้เป็นด้วย?" ดู ดูมันถาม!

    "กลัวเป็น...นะ ฮึก" พูดไปด้วยสะอื้นไปด้วย แต่ก็พยายามเกร็งสายตาจ้องทาร่าอย่างโกรธเคืองไปด้วย พอเธอสู้ไม่ได้ชักเอาใหญ่ เป็นคนที่ชั่วร้ายมาก

    "ไม่บอกไม่รู้" ว่าจบเจ้าตัวที่เหมือนจะอิ่มแล้วก็นอนลงบนเตียงเดียวกัน ใบหน้านั้นซุกอยู่ที่อกเธอ

    อยากจะทุบจริงๆ อยากตีให้ตายมากๆ

    แต่จะทำก็กลัวตายไง...

    นางไม่ได้พูดอะไรกับเธอที่ร้องไห้ไม่หยุด ทุกอย่างมันสงบมากๆ จนเธอเริ่มหยุดร้องไห้เองเพราะเริ่มอายขึ้นมา แต่ยังมีอาการโมโหอยู่หลายส่วน

    "โมโหอะไร" เธอเริ่มหัดที่จะทำตัวใจเย็นกว่าทาร่าได้แล้ว เพราะมีลางสังหรณ์ว่าจะได้เห็นหน้านางไปอีกนานเลยเกิดการปรับตัวขึ้น "อะไรทำให้เป็นบ้าจนหิวกระหายเหมือนหมาแบบนั้น หืม?"

    เธอใจเย็นนะ แต่ใช่ว่าเธอจะหลอกด่าไม่ได้

    ทาร่าเองก็ไม่ได้สนใจจะเอาความอย่างที่คาดไว้ ทำให้เธอเงยหน้ามองรูปวาดของชายาใหญ่ทาร่าอีกหนึ่งครั้ง

    "ได้ยินเรื่องที่นาตาเลียเล่า" ประโยคนี้นางพูดอย่างใกล้ชิด ทำให้ได้กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ

    "แล้วไม่โกรธ?" ถามพอเป็นพิธี คนอย่างทาร่าเนี่ยนะจะไม่โกรธ

    "ไม่ได้โกรธขนาดนั้น" นางตอบ พึมพำกับอกเธอ ความร้อนของลมหายใจทำให้เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกๆ กับมัน "แค่คิดอยู่ว่าจะล่อแม่งยังไงดี"

    "เหรอ..." เธอเดาผิดซะที่ไหนล่ะ

    "อืม" เมื่อหัวข้อมันมาอยู่ที่เรื่องละเอียดอ่อน เสียงนางก็ดูคล้ายจะเศร้าลงเป็นครั้งแรก

    รักจริงๆ สินะ...

    ใจเธอโหว่งอย่างไร้สาเหตุ

    "ให้ช่วยคิดแผนล่อมันไหม" เธอตอบพลางยกมือขึ้นลูบหัวทาร่า

    เธอไม่ใช่คนประจบ เรื่องเข้าข้างศัตรูยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย แต่คนเราต้องรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบาเป็นธรรมดา

    เธอแค่นยิ้มให้ตัวเองในมุมมืด

    เพราะไม่รู้ทำไม...ถึงรู้สึกว่าตัวเองกำลังหาข้ออ้างที่จะใจอ่อนให้คนเลวๆ คนนี้




    - Taara -
    2nd Warlord
    Cast By Yulia Rose


    - Astrid -
    Queen's Panthea Kingdom
    Cast By Theanastasiah


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×