ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ระบบวีรชนข้ามโลกนินจา

    ลำดับตอนที่ #41 : ตอนที่ 41

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 11.55K
      946
      5 ก.ย. 62

    ณ ตอนนี้ ในที่สุดเรือของลุงแกก็ได้มาถึงแคว้นมิซึโนะคุนิ(แคว้นน้ำ)เสียทีซึ่งประเทศแห่งน้ำนี้มีหมอกลงหนามากแถมบรรยากาศยังชื้นอีกด้วย

    โดยลุงแกได้ขับเรืออ้อมเกาะไปจอดที่ถ้ำโขดหินแห่งหนึ่งเพื่อหลบสายตาของแคว้นแห่งนี้เพราะว่าประเทศแห่งน้ำตอนนี้มีคำสั่งห้ามเดินเรือเข้าหรือออก

    ลุง : “เอาละที่นี่เป็นที่จอดเรือลับรับรองว่าไม่มีใครรู้แน่”

    ลุงแกพูดขณะที่ทิ้งก้อนหินเพื่อถ่วงน้ำหนักไม่ให้เรือลอยออกจากฝั่ง

    เรนยะได้ลงมาจากเรือก่อนที่เขาจะบิดยืดกล้ามเนื้อคลายความตึงจากการที่เขานั่งเรือมานาน

    เรนยะ “ขอบคุณมากครับลุง นี่ครับเงินที่เราตกลงกันเอาไว้”

    เรนยะได้พูดขอบคุณและมอบถุงเงินค่าจ้างเดินเรือให้กับลุงแกไป

    ลุงรับถุงเงินมานับอย่างยิ้มๆก่อนที่เขาจะพูดว่า

    ลุง : “งั้นทำอะไรก็ระวังตัวด้วยละและก็อย่าไปบอกใครว่าฉันเป็นคนพาพวกเธอมาเด็ดขาดเลย เข้าใจตรงกันนะ !”



    พอลุงแกพูดเสร็จเขาก็ได้ยกหินถ่วงน้ำหนักขึ้นมาก่อนจะออกเรือจากไปโดยลูกน้องของเขาได้ทักท้วงกับเรนยะว่า

    ทาดาระ : “หัวหน้า จะปล่อยเจ้าแก่นั้นไปจริงๆหรือครับ”

    ซึกาสะ : “พวกมันสองคนลุงหลานมันรู้เรื่องของเราแล้วควรจะฆ่าปิดปา-“

    เรนยะ : “ไม่ต้อง ไม่จำเป็นต้องฆ่าพวกเขาเราแค่มาสืบข่าวเท่านั้นอีกอย่างอย่าลืมไปสิว่าที่ท่าเรือที่พวกเราจากมาน่ะจะมีการลงบันทึกเอาไว้เสมอว่ามีลูกค้ากี่คนและสถานที่ที่เรือไปส่งถ้าเกิดลุงแกไม่กลับไปละก็ที่ท่าเรือแห่งนั้นก็จะแจ้งมาที่แคว้นมิซึโนะคุนิเพื่อตามเรือที่หายไปแน่ มันเสี่ยงที่พวกเราจะถูกจับได้”

    ลูกหน่วยของเขาสองคนช่างสมกับเป็นคนของดันโซจริงๆแค่คนเดินเรือยังจะต้องฆ่าปิดปากอีกแต่สุดท้ายก็ถูกเรนยะใช้เหตุผลห้ามเอาไว้

    ซึ่งทั้งสองคนก็ยอมฟังคำสั่งแต่โดยดีแต่เมื่อเรนยะลองสำรวจรอบๆดูแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเพราะว่าสกิลเนตรพันลี้กับตาเหยี่ยวของเขาไม่อาจมองทะลุหมอกสีขาวที่อยู่รอบแคว้นนี้ได้เลย

    เรนยะ : (งั้นมาลองใช้ตาแห่งดวงจิตเสริมเข้าไปด้วยดูดีกว่า)

    เมื่อคิดได้ดังนั้นเรนยะจึงได้ทำการใช้ตาจิตของเขาเข้าไปเสริมเข้ากับการมองสำรวจของเขาด้วย

    ในสายตาของเรนยะตอนนี้เขาสามารถมองเห็นทุกสิ่งเป็นอณูแสงปกคลุมทั่วทั้งบริเวณจากที่ตอนแรกเขาเห็นแต่หมอกสีขาวเท่านั้นแถมเรนยะยังมองเห็นตัวคนเป็นเส้นแสงชีพจรจักระเหมือนกับเนตรสีขาวอีกด้วยจากการทดสอบมองลูกหน่วยทั้งสองของเขา

    และด้วยที่เกาะประเทศแห่งน้ำนี้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มานักทำให้เรนยะสามารถมองเห็นภูมิประเทศของเกาะทั้งเกาะได้เลยทีเดียว

    เรนยะ : (ว้าว พอใช้สามสกิลพร้อมกันแบบนี้เหมือนกับเราดูเรดาร์อยู่เลยแฮะ งั้นอันดับแรกเรามาหาเมืองหรือหมู่บ้านแถวๆนี้กันก่อนดีกว่าเกาะเล็กๆแบบนี้คงมีเมืองหรือหมู่บ้านไม่มากนักหรอก)

    เรนยะได้เริ่มออกเดินทางโดยมีลูกหน่วยอีกสองคนเดินตามหลังเขามาเงียบๆซึ่งเมื่อเดินไปได้ไม่นานนักในที่สุดเรนยะก็มองเห็นสถานที่ที่มีคนอยู่ด้านหน้าซึ่งเขาคาดว่าน่าจะเป็นหมู่บ้านหรือเมืองสักแห่งในแคว้นมิซึโนะคุนิแห่งนี้

    เรนยะ : “ข้างหน้าเริ่มมีคนแล้วระวังตัวกันด้วย”

    ลูกหน่วยทั้งสองคนของเรนยะได้พยักหน้ารับทราบก่อนที่จะทำการเดินทางกันต่อ

    โดยพวกเขาก็ได้มาถึงเมืองแห่งการค้าแห่งหนึ่งซึ่งรอบๆก็มีคนค้าขายตามปกติเรนยะที่เห็นว่าตอนนี้มันก็เริ่มจะมืดแล้วก็ได้สั่งให้ทุกคนแยกย้ายกันไปหาข่าวส่วนตัวเขาเองจะไปหาที่พักให้

    เรนยะได้เดินหาที่พักจนเขาได้ไปเจอโรงแรงแห่งหนึ่งที่ชื่อว่าโรงแรมโมงิเรนยะจึงได้เข้าไปเปิดห้องพักสามห้อง

    ซึ่งพอเถ้าแก่ที่ดูแลที่นี่เห็นว่ามีลูกค้าอย่างเรนยะมาเข้าพักใช้บริการก็ดูจะดีใจกระตือรือร้นสุดๆดูเหมือนว่าเศรษฐกิจที่นี่จะไม่ค่อยจะดีละนะ

    เรนยะได้ใช้สกิลดวงตาของเขามองหาลูกหน่วยของเขาจนพบพวกเขาทั้งสองกำลังนั่งสืบข่าวอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเรนยะที่เห็นแบบนั้นก็เดินเนียนไปนั่งที่โต๊ะด้วยอีกคน

    หลังจากที่สั่งอาหารเสร็จแล้วเรนยะก็ได้กระซิบเบาๆถามลูกหน่วยทั้งสองของเขาว่า

    เรนยะ : “ได้อะไรมาบ้าง ?”

    ทาดาระ : “ครับดูเหมือนว่าไดเมียวแคว้นมิซึโนะคุนิจะประกาศกฎอัยการศึกปิดประเทศแถมยังมีคำสั่งห้ามผู้คนชุมนุมเกินห้าคนอีกด้วยครับ”

    ซึกาสะ : “เพราะที่หมู่บ้านนินจาคิริงาคุเระเกิดความขัดแย้งกันขึ้นระหว่างสองผู้อาวุโสที่มีความคิดเห็นต่างกันเรื่องมิซึคาเงะรุ่นที่5น่ะครับ”

    เรนยะ : “หืม ~”

    เรนยะที่ได้ฟังสองคนอธิบายก็เริ่มวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มากับเนื้อเรื่องเดิมเงียบๆ

    และจากการวิเคราะห์แล้วดูเหมือนว่าตั้งแต่มิซึคาเงะรุ่นที่4อย่าง คาราตาชิ ยางุระ ตายไปจะมีผู้อาวุโสที่มีความเห็นที่ไม่ตรงกันเรื่องที่ว่าจะให้ใครรับตำแหน่งมิซึคาเงะรุ่นที่5นั่นละนะ

    และถ้าให้เรนยะเดาละก็ฝ่ายหนึ่งที่ผู้อาวุโสสนับสนุนให้รับตำแหน่งมิซึคาเงะรุ่นที่5จะต้องเป็น เทรุมิ เมย์ ผู้ใช้ขีดจำกัดสายเลือดคาถาเดือดพล่าน(ไฟกับน้ำ)และคาคาหลอมละลาย(ไฟกับดิน)อย่างแน่นอน

    แต่อีกฝ่ายหนึ่งที่ผู้อาวุโสสนับสนุนนั้นเป็นหัวหน้าหน่วยลับของคิริคนปัจจุบันที่ชื่อว่ายาริสะแต่บอกตามตรงว่าเรนยะไม่ค่อยสนใจอีกฝ่ายหนึ่งเสียเท่าไหร่เพราะเดิมทีแล้ว เทรุมิ เมย์ จะได้นั่งตำแหน่งมิซึคาเงะอย่างแน่นอนแต่ติดที่ว่าอีกฝ่ายนั้นได้แอบตกลงอะไรบางอย่างกับดันโซเอาไว้ทำให้เรนยะต้องระวังตัวเอาไว้เสียหน่อย

    เรนยะ : (เฮ้อ ~ เจ้าแก่ดันโซนั่นมันก็เข้าใจสร้างสถานการณ์มอบภารกิจให้เราทำนะเนี่ยเท่าที่เราดูความคิดของเจ้าแก่นั่นมันตั้งใจที่จะขายเราให้กับฝ่ายของยาริสะสินะ)

    ด้วยตาแห่งดวงจิตที่พัฒนาขึ้นทำให้เรนยะสามารถมองความคิดอ่านของคนอื่นได้และเขาก็ได้ลองใช้มันอ่านความคิดของดันโซเพราะความสงสัยดูแล้วและเขาก็พบว่าดันโซได้แอบปล่อยข่าวเรื่องที่เรนยะได้ลอบเข้ามาในประเทศแห่งน้ำให้กับหัวหน้าหน่วยลับอย่างยางิสะเพื่อเป็นการให้ยางิสะสร้างผลงานในการรับตำแหน่งมิซึคาเงะพร้อมทั้งเป็นการกำจัดตัวเกะกะที่มีสิทธิ์ได้เป็นโฮคาเงะคนต่อไปอย่างเรนยะได้อีกด้วย

    ส่วนข้อตกลงของทั้งสองคนก็คือยาริสะจะได้เป็นมิซึคาเงะส่วนดันโซก็จะได้กำลังคนของนินจาหมู่บ้านคิริมาช่วยเขาลอบสังหารซึนาเดะโฮคาเงะรุ่นที่5ของหมู่บ้านโคโนฮะนั่นเอง

    เรนยะ : “เอาเป็นว่าวันนี้เราพอกันแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน นี่กุญแจห้องพักของพวกนายโรงแรมชื่อว่าโมงิอยู่ทางทิศใต้จากที่นี่พรุ่งนี้พวกเราจะออกเดินทางกันไปดูสถานการณ์ที่หมู่บ้านนินจาคิริงาคุเระกัน”

    เรนยะได้กระซิบบอกกำหนดการของวันพรุ่งนี้ให้กับทั้งสองฟังก่อนที่พวกเขาทั้งสามคนจะแยกย้ายกันกลับโรงแรมทีละคนเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต

    ----------- -------------

    วันต่อมาเรนยะได้ออกมาจากเมืองตอนเช้าตรู่โดยมีลูกหน่วยทั้งสองเดินตามหลังมาด้วยเงียบๆ

    จนเมื่อทั้งสามคนเดินออกห่างจากเมืองมาได้พักหนึ่งจู่ๆเรนยะก็พูดขึ้นมาว่า

    เรนยะ : “เอาละก่อนที่จะเริ่ม . . มีอะไรจะสั่งเสียไหมครับ”

    สองคนด้านหลังเรนยะไม่ตอบอะไรแต่มือของพวกเขาได้เอื้อมไปหยิบดาบทันโตะเตรียมพร้อมกันแล้ว

    เรนยะ : “งี่เง่าซะจริง . . .”

    สิ้นคำพูดของเรนยะ ทาดาระกับซึกาสะก็เริ่มลงมือพวกเขาทั้งสองกระโดดขึ้นฟ้าและพุ่งลงมาพร้อมกับปลายดาบทันโตะซึ่งเป้าหมายของปลายดาบแหลมคมนั้นก็คือเรนยะนั่นเอง

    ชิ้ง !!! ฉูด !!!

    แต่ในขณะที่ทั้งสองกำลังตกลงมาตามแรงโน้มถ่วงนั้นจู่ๆหัวของพวกเขาก็กระเด็นออกจากคอโดยมีเอมิยะกับหนูเงียบโผล่ออกมายืนอยู่ข้างๆตัวของเรนยะซึ่งในมือของServant ทั้งสองนั้นมีอาวุธที่เปื้อนเลือดอยู่ด้วย

    เอมิยะกับหนูเงียบที่จัดการตัดคอของลูกน้องดันโซแล้วพวกเขาก็ได้ทำการสะบัดเลือดออกจากอาวุธของพวกเขา

    ติ้ง !!!

    เสียงของระบบที่แสนคุ้นเคยได้ดังขึ้นเรนยะได้เรียกระบบขึ้นมาดูเรนยะก็พบว่าเขาได้ตั๋วจากลูกน้องดันโซมาถึง4ใบเลยละ

    เรนยะได้ขอบคุณ Servant ทั้งสองก่อนที่เขาจะเดินไปยังร่างที่ไร้หัวของลูกน้องดันโซและใช้นิ้วจิ้มเลือดจากตัวศพมาวาดอักษรรูนบนตัวของศพทั้งสอง

    หนูเงียบที่เห็นเรนยะทำแบบนั้นก็เกิดความสงสัยเธอก็เลยเอ่ยถาม Master ของเธอไป

    หนูเงียบ : “Master ท่านจะทำอะไรคะ ?”

    เรนยะที่เห็นหนูเงียบชะเง้อมองถามถึงสิ่งที่เขากำลังทำอยู่อย่างน่ารักเขาก็เลยยิ้มตอบเธอไปว่า

    เรนยะ : “ใช้เวทมนต์อักษรรูนแก้ไขคาถาผนึกบนตัวของพวกเขาเพื่อหลอกเจ้าดันโซว่าสองคนนี้ยังไม่ตายยังไงละ”

    เพราะพวกนินจาหน่วยรากทุกคนจะถูกดันโซลงคาถาผนึกเอาไว้กับตัวทุกคนเหตุมาจากที่ในอดีตดันโซถูกคาคาชินำเรื่องที่เขาจะทำการลอบสังหารโฮคาเงะรุ่นที่3ไปบอกกับปู่รุ่นที่3ทำให้การลอบสังหารล้มเหลวทำให้นับแต่นั้นเป็นต้นมาดันโซจะทำการลงคาถาผนึกเอาไว้กับลูกน้องของเขาทุกคนเพื่อป้องกันไม่ให้ความลับของเขารั่วไหลออกไปอีก

    และแน่นอนว่าเมื่อหน่วยรากฝ่าฝืนบอกความลับของดันโซละก็ผนึกบนตัวก็จะทำงานทำให้คนๆนั้นตัวชาจนไม่อาจพูดหรือขยับตัวได้แถมยังแจ้งเตือนดันโซด้วยว่าใครเป็นคนทรยศและผนึกนี้ยังสามารถบอกกับดันโซได้อีกด้วยว่าหน่วยรากคนไหนตายไปแล้วบ้างหากตัวผนึกไม่ได้รับสัญญาณชีพของหน่วยรากคนนั้นๆในช่วงระยะเวลาหนึ่ง

    โดยเรนยะได้ฉวยโอกาสใช้ช่วงระยะเวลาที่ว่านั้นทำการวาดอักษรรูนแก้ไขคาถาผนึกบนตัวศพทั้งสองเพื่อทำการหลอกดันโซว่าทั้งสองคนนี้ยังคงมีชีวิตอยู่นั่นเอง

    เรนยะ : “เอาละทีนี้ถ้าดันโซมันไม่มาดูด้วยตาตัวเองละก็มันก็ไม่มีทางรู้ได้แน่ว่าลูกน้องสองคนของมันหัวขาดไปเรียบร้อยแล้ว หึ หึ”

    เอมิยะ : “แล้วจะเอายังไงกันต่อละ Master”

    เอมิยะได้เอ่ยถามความเห็นกับ Master อย่างเรนยะซึ่งเรนยะก็ได้ตอบกลับเอมิยะไปว่า

    เรนยะ : “เมื่อวานเจ้าสองคนนี้แอบไปส่งข่าวเรื่องของผมกับนินจาคิริที่ดันโซมันตกลงกันเอาไว้ผมคิดว่าเราควรจะหลบกันก่อนดีกว่าครับเพราะอีกเดี๋ยวเจ้าพวกนินจาคิริก็คงจะมาล้อมผมแล้วละนะ”

    เมื่อเรนยะพูดเสร็จเอมิยะกับหนูเงียบก็ได้กลายเป็นร่างวิญญาณหายไปส่วนเรนยะก็ได้ทำการเก็บศพของลูกน้องดันโซทั้งสองคนลงในคำภีร์เก็บของก่อนที่จะใช้ลบตัวตนตัวหายไป

    หลังจากที่เรนยะจากไปได้ไม่นานก็มีนินจาหน่วยลับของคิริจำนวนมากปรากฎตัวออกมาโดยมีคนที่น่าจะเป็นหัวหน้าได้สั่งการพวกนินจาคิริที่เหลือให้หาร่องรอยแถวๆนี้

    นินจาคิริที่เหลือก็ตอบรับคำสั่งก่อนที่จะกระจายกำลังค้นหสก่อนที่จะมีหน่วยลับคนหนึ่งมารายงานกับคนที่น่าจะเป็นหัวหน้าว่า

    นินจาหน่วยลับคิริ : “ท่านยาริสะ ที่พื้นมีรอยเลือดอยู่นิดหน่อยครับแถมเลือดยังอุ่นๆอยู่ด้วยดูแล้วอีกฝ่ายคงจะยังไปได้ไม่ไกลมากนัก”

    คนที่นำหน่วยลับนินจาคิริมาที่นี่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากยาริสะที่แอบทำข้อตกลงกับดันโซโดยเขาได้รับข่าวจากลูกน้องดันโซมาเมื่อวานว่านินจาสายเลือดคัดสรรที่โด่งดังอย่างเรนยะได้มาถึงที่นี่แล้วและทันทีที่ยาริสะทราบข่าวเขาก็รีบรวบรวมกำลังคนมาที่เมืองนี้เพื่อทำการล้อมจับ อาคุสะ เรนยะ เพื่อสร้างผลงานทันที

    ยาริสะ : “ดี ! หามันให้เจอจับตัว อาคุสะ เรนยะ ให้ได้ !”

    หน่วยลับคิริ : “ครับ !!!”

    หน่วยลับคิริทั้งหมดได้เริ่มออกค้นหาตัวของเรนยะตามคำสั่งของยาริสะทันที

    ----------- -------------

    ตัดมาทางด้านของเรนยะ

    เรนยะที่ใช้สกิลดวงตามองดูพวกยาริสะพอเห็นว่าพวกหน่วยลับคิริเริ่มกระจายกำลังกันค้นหาตัวเขาก็ทำให้เรนยะยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน

    เรนยะ : (เฮอะ ! คิดจะจับพ่อคนนี้มันยังเร็วไป100ปีเฟ้ย !!!)

    เรนยะได้ทำการเดินทางด้วยการกระโดดขึ้นต้นไม้โดยเขาได้ทำการใช้สกิลดวงตามองสำรวจรอบๆจนเรนยะได้พบถ้ำแห่งหนึ่งโดยบังเอิญ

    ซึ่งเรนยะก็ได้ทำการเข้าไปในถ้ำเพื่อตั้งหลักวางแผนใหม่เพราะว่านี่ถือว่าเป็นภารกิจระดับAที่เป็นการสืบข่าวระหว่างหมู่บ้านนินจาและแคว้นเขาจึงไม่อาจให้พวกนินจาคิริพบเห็นตัวเขาเพราะเดี๋ยวมันจะเป็นชนวนสงครามระหว่างหมู่บ้านนินจาเอาได้

    เรนยะ : “ความเงียบ แขนต้องสาป งานนี้ผมคงต้องรบกวนทั้งสองคนแล้วละนะ”

    หนูเงียบ : “ค่ะ Master”

    แขนต้องสาป : “ขอเพียงนายท่านสั่งไม่ว่าอะไรข้าก็จะทำให้สำเร็จ”

    เรนยะได้หัวเราะออกมาอย่างมีเลศนัยก่อนที่เขาจะบอกแผนการกับฮัซซันทั้งสองต่อว่า

    เรนยะ : “ไม่มีอะไรมากหรอกผมแค่อยากให้ทั้งสองไปติดต่อใครบางคนก็เท่านั้นเองละครับ หึ หึ”

    ----------- -------------

    ณ หมู่บ้านคิริงาคุเระ

    ที่ห้องใต้ดินแห่งหนึ่งได้มีคนสองคนกำลังทำการพูดคุยอะไรบางอย่างกันโดยคนแรกเป็นชายแก่ในชุดกิโมโนสีดำส่วนอีกคนหนึ่งก็คือหญิงสาวที่จะได้เป็นมิซึคาเงะรุ่นที่5ในอนาคตซึ่งเธอคนนี้ก็คือ เทรุมิ เมย์ นั่นเอง


    (เทรุมิ เมย์)

    เทรุมิ : “ที่ท่านปู่เทชิเรียกฉันมามีเรื่องอะไรหรือค่ะ ?”

    เทชิ : “เมื่อเช้าข้าได้ข่าวมาว่าเจ้ายาริสะมันนำหน่วยลับจำนวนมากออกจากหมู่บ้านไปเพื่อทำอะไรบางอย่างข้าก็เลยอยากที่จะปรึกษาเรื่องนี้กับเจ้าหน่อยน่ะ เทรุมิ”

    ชายแก่คนนี้ก็คือปู่แท้ๆของเทรุมิ เมย์ นั่นเองแถมเขายังเป็นผู้อาวุโสที่สนับสนุนเทรุมิ หลานสาวแท้ๆของเขาให้ขึ้นนั่งตำแหน่งมิซึคาเงะรุ่นที่5อีกด้วย

    เทรุมิ : “เรื่องนั้นฉันไม่สนใจหรอกนะคะท่านปู่เทชิเจ้ายาริสะมันจะไปทำอะไรที่ไหนก็ช่างมันเถอะค่ะ”

    เทชิ : “เฮ้อ ~ ไอ้นิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจแบบนี้ของเจ้าละนะที่ทำให้พวกผู้อาวุโสคนอื่นๆไม่ชอบใจและไปสนับสนุนเจ้ายาริสะมันแทนน่ะทั้งที่เรื่องความสามารถเจ้าไม่เป็นสองรองใครแท้ๆ”

    ด้วยนิสัยเอาแต่ใจของเทรุมิทำให้ผู้อาวุโสคนอื่นๆเลือกที่จะไปสนับสนุนยาริสะหัวหน้าหน่วยลับคนปัจจุบันแทนแต่ติดที่ว่าเทชินั้นดันเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสของหมู่บ้านแถมเขายังเป็นตระกูลที่มีขีดจำกัดสายเลือดที่นับว่าเป็นกำลังรบสำคัญของหมู่บ้านอีกด้วยทำให้ผู้อาวุโสคนอื่นๆอีก 8 คนเกิดความลังเลในเรื่องการแต่งตั้งมิซึคาเงะรุ่นที่5นั่นเอง

    โดยในสมัยก่อนหมู่บ้านคิริงาคุเระแห่งนี้เคยถูกเรียกว่าหมู่บ้านหมอกโลหิตเพราะบททดสอบสุดโหดในการเป็นนินจาของหมู่บ้านนี้ในสมัยก่อนก็คือการฆ่าเพื่อนร่วมทีมเกะนินของตัวเองนั่นเองฆ่าเพื่อนที่กินข้าวหม้อเดียวกันมาฆ่าเพื่อนที่เคยบอกเล่าความฝันให้ฟังนับว่าเป็นวิธีฝึกนินจาที่โหดร้ายราวกับต้องการเปลี่ยนคนๆหนึ่งให้เป็นแค่เครื่องจักรสังหารซึ่งนี่ก็เป็นการฝึกที่ดันโซนำมาใช้ฝึกหน่วยรากของเขาด้วยนั่นเอง

    ซึ่งตัวของยาริสะนั้นต้องการนำชื่อของหมู่บ้านหมอกโลหิตกลับมาอีกครั้งและแน่นอนว่าพวกผู้อาวุโสซึ่งแตกต่างจากเทรุมิที่เธอมองว่าวิธีการฝึกแบบนั้นมันโหดร้ายเกินไปและเธอก็คิดว่าถึงเวลาที่จะทำการเปลี่ยนแปลงมันได้แล้ว

    และนั่นก็เป็นเหตุผลอีกหนึ่งข้อที่เหล่าผู้อาวุโสหันไปเลือกยาริสะแทนเพราะพวกเขาเห็นว่าแนวทางดั้งเดิมของยาริสะนั้นจะทำให้ชื่อเสียงของหมู่บ้านหมอกโลหิตกลับมาโด่งดังอีกครั้งในโลกนินจาพูดง่ายๆก็เรื่องเงินๆทองๆนั่นแหละถ้าหมู่บ้านไหนมีชื่อเสียงก็จะมีงานเข้ามาเยอะเงินก็เยอะขึ้นพวกแก่ๆพวกนี้ก็มีเงินใช้สบายๆกันไปปล่อยให้คนรุ่นใหม่ต้องมาลำบากกันแทน

    เทรุมิ : “เจ้าพวกนั้นน่ะเห็นแก่ประโยชน์ของตัวเองเท่านั้นละท่านปู่เทชิถึงยังไงฉันก็ขอยืนยันคำเดิมหมู่บ้านแห่งนี้มันถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแปลงได้แล้วการทดสอบให้ฆ่ากันเองแบบนั้นมัน . . .”

    แขนต้องสาป : “เรื่องนั้นข้าสามารถช่วยเจ้าได้”

    !!!

    เทรุมิเธอยังไม่ทันพูดจบประโยคก็ต้องตกใจที่จู่ๆก็มีเสียงปริศนาน่าขนลุกดังขึ้นมาเธอได้หันไปมองทั่วห้องใต้ดินแห่งนี้แต่เธอก็ไม่เจอใครนอกจากเทชิปู่ของเธอ

    เทรุมิ : “แกเป็นใคร !!! โผล่หัวออกมาซะไม่งั้น . . .”

    เทชิ : “ใจเย็นๆก่อนเทรุมิ . . . ข้าอยากจะฟังข้อเสนอของมัน”

    ผู้อาวุโสเทชิยังคงสีหน้าเยือกเย็นไม่แตกตื่นอะไรแถมยังพูดให้เทรุมิหลานสาวของเขาใจเย็นลงอีกด้วย

    เทรุมิ : “แต่ว่า . . . ก็ได้ค่ะ”

    ถึงเทรุมิเธออยากที่จะโต้แย้งแต่พอเธอเห็นแววตาจริงจังของปู่เธอทำให้เทรุมิเธอยอมนั่งลงเหมือนเดิม

    เทชิ : “งั้นก็อย่างแรกเลย . . . เจ้าเป็นใครกันละ หืม ?”

    แขนต้องสาป : “นามเรียกของข้านั้นไม่มีแต่เราคือกลุ่มฮัซซันเป็นผู้มอบความตายก็เท่านั้น”

    เทชิกับเทรุมิที่ได้ฟังแบบนั้นเขาก็ขมวดคิ้วอย่างสงสัยเพราะว่าเขาไม่เคยได้ยินชื่อของกลุ่มฮัซซันเลยแม้แต่น้อย

    เทชิ : “แล้วที่ว่าเจ้าช่วยพวกเราได้นี่มันหมายถึงอะไรกันละ”

    ในระหว่างคุยกันนั้นทั้งเทชิและก็เทรุมิทั้งสองได้พยายามมองหาตัวอีกฝ่ายแต่พวกเขาก็ไม่พบร่องรอยอะไรเลยแม้แต่น้อย

    แขนต้องสาป : “ถ้ายาริสะตายไปปัญหาของพวกเจ้าทั้งสองก็จะได้รับการแก้ไขไม่ใช่หรือ”

    เทชิ : “ฮ่า ฮ่า ฮ่า !!!”

    ทันทีที่แขนต้องสาปพูดจบเทชิเขาก็ได้หัวเราะออกมาอย่างดังสนั่นก่อนที่จะพูดตอบกลับไปว่า

    เทชิ : “หึ หึ แล้วสิ่งที่ข้าต้องจ่ายละ”

    เทรุมิ : “ท่านปู่เทชิ ! ท่านไว้ใจเจ้านี่จริงๆหรือคะ !”

    เทรุมิเธอได้พูดเตือนปู่ของเธอด้วยความกังวลใจเพราะอีกฝ่ายเป็นใครนั้นเธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำ

    เทชิ : “แน่นอนว่าข้านั้นไม่ไว้ใจแต่ฝีมือการลบสัมผัสที่ร้ายกาจแบบนี้ตั้งแต่เกิดมาข้าก็พึ่งเคยเห็นถ้ามันจะลอบสังหารพวกเราทั้งสองคนจริงๆละก็พวกเราคงไม่ได้พูดคุยกันอยู่แบบนี้หรอกนะเทรุมิ”

    เทรุมิที่ได้ฟังปู่ของเธอพูดแบบนั้นก็ถึงกับเหงื่อตกถ้าเป็นอย่างที่ปู่เธอพูดจริงๆละก็แปลว่าถ้าอีกฝ่ายต้องการที่จะฆ่าพวกเธอจริงๆละก็โอกาสรอดของพวกเธอปู่หลานก็คงจะต่ำมากๆเพราะการลอบสังหารนั้นไม่เกี่ยวกับเรื่องฝีมือต่อให้คนๆนั้นแข็งแกร่งระดับคาเงะก็ตามที

    แขนต้องสาป : “1 ล้านเรียวรวม Vat กับ Service Charge แล้วราคานี้เจ้าว่ายังไงละ ?”

    เทชิ : “ข้าตกลง !”

    แขนตัองสาป : “ของคุณที่ใช้บริการเสร็จงานแล้วข้าจะกลับมารับเงินตามที่ตกลงไว้รอฟังข่าวคืนนี้ได้เลย”

    เมื่อพูดเสร็จแขนต้องสาปก็ได้ออกไปเตรียมตัวสำหรับคืนนี้ทันทีทิ้งให้สองปู่หลานหวาดระแวงตัวเองอยู่แบบนั้น

    ----------- -------------


    (ได้เวลาทำงานแล้วแขนต้องสาป)

    True Wallet 0830743639
    ค่าน้ำชา ขอบคุณผู้ติดตามด้วยครับ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×