ลำดับตอนที่ #21
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : ตอนที่ 21
กลับมาที่ลานประลอง
ปู่รุ่นที่3 : “อย่างที่บอกไปการต่อสู้ในรอบชิงของพวกเธอจะเป็นการต่อสู้ต่อหน้าเหล่าไดเมียวจำนวนมากขอให้พวกเธอแสดงศักยภาพกำลังรบของแต่ละแคว้นออกมาให้เราได้ชมกันและในรอบชิงนั้นจะเริ่มในอีกหนึ่งเดือนต่อจากนี้”
!!!
นารูโตะ : “อ้าว ! ไม่ได้เริ่มกันตอนนี้เลยเหรอ”
เนจิ : “หมายความว่ายังไงกัน ?”
ปู่รุ่นที่ 3 : “ก็เพราะว่าทางเราต้องใช้เวลาเตรียมพร้อมเพื่อที่จะแจ้งให้ไดเมียวและเหล่าหัวหน้านินจาว่าการสอบรอบคัดเลือกนั้นได้จบลงแล้วจะได้เชิญพวกเขามาชมในรอบจริงนอกจากนี้จะให้พวกเธอที่เป็นผู้เข้าสอบได้เตรียมตัวกันได้ด้วย ตอนนี้พวกเธอคงจะรู้ฝีมือของกันและกันพอสมควรแล้วในระหว่างหนึ่งเดือนนี้ก่อนที่จะถึงวันประลองพวกเธอจะได้หาทางรับมือกับคู่ต่อสู้ของตัวเองยังไงละ”
ทุกคนที่ได้ฟังก็พยักหน้าเข้าใจ
ปู่รุ่นที่ 3 : “และเพื่อความยุติธรรมของทุกคนในเวลาหนึ่งเดือนนี้ก็อยากให้พวกเธอฝึกฝนตัวเองเพื่อให้พร้อมเต็มที่ ก็อย่างที่พูดไปแต่ก่อนที่จะแยกย้ายกันฉันอยากให้พวกเธอจับฉลากเพื่อเป็นการกำหนดคู่ต่อสู้ของพวกเธอเพราะว่าการประลองอีกหนึ่งเดือนนับจากนี้จะเป็นแบบทัวร์นาเมนต์น่ะนะและก็จะมีคนหนึ่งที่โชคดีได้ผ่านไปรอบก่อนรองชนะเลิศได้เลยเพราะจำนวนมันดันเกินมาคนหนึ่ง”
อังโกะได้เริ่มเดินหยิบกล่องฉลากและเดินไปให้เหล่าผู้เข้าสอบจับฉลากทีละคนโดนเริ่มจากโดซึก่อนและไล่มาทีละคน
จนถึงตาของเรนยะที่ต้องจับฉลาก
เรนยะ : “เห้ ! แกน่ะได้หมายเลขอะไร”
เรนยะได้หันไปทางชินเรนและถามหมายเลขของเขา
ชินเรน : “เหอะ ! หมายเลข10ถ้าแกอยากจะดวงซวยมาเจอกับฉันก็ต้องจับให้ได้หมายเลข9ละนะ”
เรนยะที่รู้หมายเลขของอีกฝ่ายแล้วนั้นจึงได้บอกให้แขนต้องสาปเอาหัวมุดเข้าไปในกล่องจับฉลากในสภาพวิญญาณเพื่อแอบดูว่าฉลากอันไหนคือหมายเลข9ในขณะที่เขาหยิบใบฉลากในกล่อง
เรนยะ : (รู้สึกเราจะชอบสั่งให้แขนต้องสาปโกงการสอบบ่อยจังแหะ)
อังโกะที่เห็นเรนยะล้วงอยู่นานก็เริ่มจะรำคาญเลยพูดเร่งให้เรนยะรีบหยิบๆฉลากไปได้แล้ว
อังโกะ : “นี่ ! จะล้วงถึงพรุ่งนี้เลยไหมยะ !!!”
เรนยะ : “แป๊บเดียวมันเป็นเคล็ดน่ะครับเลยต้องล้วงนานหน่อย” (ใช้อันนี้ไหมแขนต้องสาป)
เรนยะได้ไล่คลี่ใบฉลากให้แขนต้องสาปที่เอาหัวมุดทะลุกล่องดูทีละใบแล้วคอยบอกกับเขาผ่านตราเรย์จู
แขนต้องสาป : . . . . . . “อันนี้แหละครับ Master !!!”
เรนยะที่เห็นว่าแขนต้องสาปได้ยืนยันว่าใบที่เขาหยิบคือหมายเลข9เขาก็ได้หยิบมันออกมาโชว์ให้ชินเรนดูและยิ้มเยาะใส่
เรนยะ : “โทษทีว่ะพวกแต่คนที่ดวงซวยคือแกมากกว่าระหว่างหนึ่งเดือนนี้มีอะไรอยากจะทำเป็นครั้งสุดท้ายก็รีบไปทำซะละ”
ชินเรน : “เหอะ ! พอถึงวันประลองฉันจะทำให้แกพิการเหมือนกับยัยผู้หญิงนั่น”
ปู่รุ่น 3 : “ฮะแฮ่ม ! นี่อิบิกิเอากระดานจับคู่ให้พวกเขาดู”
อิบิกิพยักหน้าและเปิดรายชื่อที่จับคู่เสร็จแล้วให้พวกเรนยะดู
คู่ที่1
นารูโตะ หมายเลข 1
เนจิ หมายเลข 2
คู่ที่2
กาอาระ หมายเลข 3
ซาซึเกะ หมายเลข 4
คู่ที่3
คันคุโร่ หมายเลข 5
ชิโนะ หมายเลข 6
คู่ที่4
เทมาริ หมายเลข 7
ชิกามารุ หมายเลข 8
คู่ที่5
เรนยะ หมายเลข 9
ชินเรน หมายเลข 10
โดซึ หมายเลข 11 สู้กับผู้ชนะคู่ที่ 5
โดซึ : “เชอะ ! ไม่สบอารมณ์เลยแหะฉันอยากจะสู้มากกว่าที่จะโชคดีผ่านเข้ารอบไปเฉยๆแท้ๆ”
เมื่อทุกอย่าเรียบร้อยแล้วนั้นทุกคนก็ได้แยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง
โดยเรนยะได้ตัดสินใจกลับบ้านไปพักผ่อนก่อนเพราะว่าคืนนี้เขายังมีเรื่องที่ต้องไปทำ
ในยามคำ่คืนเรนยะที่พักผ่อนจนหายเหนื่อยแล้วนั้นได้เจรจากับท่านแม่ไรโคว่าวันตนจำเป็นต้องนอนดึกเพราะมีธุระสำคัญที่ต้องไปทำจริงๆ
สุดท้ายไรโคก็ยอมให้เรนยะออกมาในยามวิกาลได้เรนยะได้รีบเคลื่อนไหวผ่านทางตึกรามบ้านช่องจนไปลงจอดที่ตึกแห่งหนึ่งเพราะจากตึกนี้เรนยะสามารถมองเห็นกาอาระด้วยเนตรพันลี้และตาเหยี่ยวได้จากตึกที่ไม่ไกลมาก
กาอาระที่นั่งกินลมเพราะนอนไม่หลับจู่ๆเจ้าโดซึที่คันไม้คันมืออยากจะสู้กับซาซึเกะเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเขายังมีคุณค่ากับโอโรจิมารุอยู่และเพื่อการนั้นโดซึจึงจะจัดการกำจัดกาอาระที่เป็นคู่แข่งของซาซึเกะทิ้งไปซะ
แต่สุดท้ายเพราะเจ้าโดซึมันห้าวผิดคนก็เลยโดนกาอาระที่คลั่งเปลี่ยนเป็นร่างสัตว์หางเชือดทิ้งซะอย่างนั้น
เรนยะที่เห็นเจ้าโดซึเสร็จไปแล้วก็ได้ใช้เนตรพันลี้กับตาเหยี่ยวมองหาคาบูโตะและก็ได้เจอคาบูโตะกำลังยืนคุยกับบากิที่เป็นอาจารย์ของพวกกาอาระโดยมีเก็กโค ฮายาเตะกำลังแอบฟังอยู่
เรนยะที่เห็นแบบนั้นก็ได้ใช้คาถาเงาแยกร่างออกมาหนึ่งร่างและสั่งให้ร่างแยกแปลงร่างเป็น เก็กโค ฮายาเตะเพื่อรอจังหวะ
เก็กโคที่ถูกจับได้ว่าแอบฟังพวกคาบูโตะก็ได้รีบหนีออกมาแต่ก็ถูกบากิไล่ตามจนทันทำให้เก็กโคจำต้องสู้กับบากิ
เก็กโคได้ใช้ วิชากระบวนดาบของโคโนฮะระบำจันทราสามทิวาโดยเก็กโคได้แยกร่างออกเป็นสามร่างร่างซ้ายและขวาใช้หลอกส่วนตัวจริงทำการกระโดดขึ้นฟ้าเพื่อโจมตีจากด้านบนซึ่งถือว่าเป็นวิชากระบวนดาบชั้นสูงเลยทีเดียว
ในจังหวะเดียวกันเรนยะก็ได้ใช้คาถาลมของเขาสร้างลมแรงแบบไม่ผิดธรรมชาติพัดฝุ่นไปเข้าตาบากิจนเสียสมาธิไปและในชั่วพริบตาที่บากิเสียสมาธิเรนยะก็ได้ลงมือใช้วิชาสลับร่างนำตัวของเก็กโคมาสลับกับร่างแยกเงาของเขาที่แปลงร่างเป็นเก็กโคเตรียมเอาไว้แล้วในตอนที่เก็กโคกระโดดขึ้นฟ้าเพื่อโจมตีบากิ
บากิที่เห็นว่าเก็กโคจะกระโดดลงมาฟันตนจึงได้เตรียมตัวรอเอาไว้แล้วเพราะเขาใส่เกราะที่ค่อยข้างจะหนาทำให้ดาบไม่อาจสร้างบาดแผลร้ายแรงให้ได้ในจังหวะที่ดาบติดกับชุดเกราะของเขาบากิก็ได้ลงมือใช้คาถาลมฉีกร่างของเก็กโคตัวปลอมจนกระเด็นเป็นชิ้นๆ
บากิที่คิดว่าจัดการคนที่แอบฟังเขาได้แล้วก็รีบจากไปทันทีโดยไม่ได้ตรวจสอบอะไรเพราะถ้าตนอยู่นานอาจจะถูกสงสัยเอาได้
ในมุมตึกไม่ไกลจากที่เกิดเหตุเก็กโคกำลังถูกเรนยะจับปิดปากเอาไว้เพราะอีตานี่มันชอบไอแค่กๆเป็นระยะอยู่แล้วเดี๋ยวความจะแตกเอา
หลังจากที่เรนยะเห็นว่าบากิไปแล้วนั้นเขาก็ได้ปล่อยเก็กโคให้เป็นอิสระ
เก็กโค : “แค่ก แค่ก เป็นเธอเองเหรอ อาคุสะ เรนยะ”
เรนยะ : “สวัสดีครับคุณเก็กโค เกือบไปแล้วนะครับ”
เก็กโค : “อา ขอบใจเธอมากนะ แค่ก แค่ก แต่ตอนนี้ฉันมีเรื่องสำคัญที่จะต้องไปรายงานท่านโฮคาเงะ”
เก็กโคที่กำลังจะไปรายงานปู่รุ่นที่3ก็พบว่าเรนยะได้รั้งตัวของเขาเอาไว้
เรนยะ : “คุณเก็กโคผมรู้ว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่แต่ถ้าคุณจะไปแจ้งปู่รุ่นที่3ในตอนนี้ปู่รุ่นที่3จะต้องเรียกประชุมพวกนินจาในตอนดึกทันทีแน่และมันจะทำให้พวกหมู่บ้านซึนะและโอโตะสงสัยเอาได้และเราก็ยังไม่รู้ว่ายังมีสปายแอบแฝงตัวอยู่เหมือนกับคาบูโตะอีกไหม”
เก็กโค : แค่ก เข้าใจแล้วงั้นฉันจะไปรายงานท่านโฮคาเงะในวันพรุ่งนี้จะได้ไม่เป็นที่ผิดสังเกต อีกอย่างเรื่องนี้เธอห้ามเอาไปพูดให้ใครฟังซะละเรื่องใหญ่แบบนี้ยิ่งคนรู้น้อยยิ่งดี
เรนยะพยักหน้าและบอกลากับเก็กโคเพื่อกลับบ้านไปนอนเพราะพรุ่งนี้ตนยังมีเรื่องที่จะต้องทำอยู่อีก
----------- -------------
เช้าวันต่อมาเรนยะก็ตื่นขึ้นมาโดยสิ่งแรกที่เห็นก็คือนมสดยามเช้าของไรโคเช่นเคยแต่คราวนี้เรนยะไม่ยอมถูกเช็ดหน้าเช็ดตาเหมือนเด็กน้อยแน่
เรนยะได้รีบตื่นลุกออกจากเตียงมาล้างหน้าแปรงฟันด้วยความรวดเร็วเพราะกลัวไรโคจะมาจับเขาอาบนำ้ให้
หลังทานข้าวเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้วเรนยะก็ได้ไปหาอาจารย์เอรินะที่บ้านเพราะต้องการให้เธอช่วยฝึกให้กับเขาเพราะว่าเขาอยากจะฝึกคาถาโจมตีเพื่อเอาไว้ใช้รับมือกับชินเรนเพราะในตอนนี้เขายังไม่มีข้อมูลและวิธีที่จะรับมือกับชินเรนได้และเขาก็ไม่อยากที่จะเสี่ยงดวงกับการสุ่มของระบบเสียด้วยเพราะค่าโชคของเขาก็แค่ดวงดีกว่าคนปกติแค่นิดเดียวเท่านั้น
หลังจากที่เอรินะเห็นว่าเรนยะมาหาตนก็พอจะเดาออกว่าเจ้าลูกศิษย์ตัวดีของเธอต้องการอะไรก็เลยบอกให้เรนยะไปฝึกกันที่สนามฝึกภายในป่า
เมื่อถึงที่หมายแล้วเอรินะก็ได้ถามว่าเรนยะต้องการจะฝึกอะไร
เอรินะ : “เอาละทีนี้ก็ลองบอกฉันมาซิว่าอยากจะฝึกอะไร ?”
เรนยะ : “การแปลงคุณสมบัติธาตุ”
เอรินะ : “แน่นอน ทีนี้ก็เอานี่ไปสิเธอคงจะรู้วิธีใช้อยู่แล้วใช่ไหมละ”
เอรินะได้ยื่นแผ่นกระดาษตรวจสอบคุณสมบัติธาตุให้แก่เรนยะซึ่งวิธีใช้มันเรนยะได้รู้อยู่แล้วว่าการตรวจสอบธาตุนั้นต้องใช้กระดาษแบบพิเศษเป็นตัววัดเท่านั้นโดยวิธีการตรวจสอบคือ ให้ผู้ทดสอบส่งจักระเข้าไปในกระดาษแผ่นนั้น และจะมีผลออกมาดังนี้
ธาตุไฟ : กระดาษจะถูกเผา
ธาตุลม : กระดาษจะถูกตัดออกเป็น 2 ส่วน
ธาตุสายฟ้า : กระดาษจะมีรอยยับ
ธาตุดิน : กระดาษจะกลายเป็นดินและสลายไป
ธาตุน้ำ : กระดาษจะเปียก
และสองธาตุที่นับเป็นคาถาพื้นฐานของนินจาทุกคนอย่าง
ธาตุหยินจะเป็นธาตุที่ใช้จักระแสดงผลออกมาด้วยวิชาแพทย์หรือพวกคาถาลวงตาวิชาเนตรก็ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้นด้วย
ธาตุหยางจะเป็นพวกวิชาผนึกและคาถาตรวจจับศัตรูรวมถึงการใช้จักระเปลี่ยนเป็นรูปร่างต่างๆ
ตามที่เจ้าชินเรนได้บอกเอาไว้ว่ามันมี คุณสมบัติจักระในตัวมากถึงสามธาตุคือ ดิน ไฟ และ หยาง ธาตุดินทำให้ตัวของชินเรนมีความทนทานส่วนธาตุไฟเอาไว้ใช้โจมตีและหยางทำให้เปลี่ยนจักระเป็นม่านเกราะที่แข็งแกร่งครอบคุมทั่วทั้งตัวรวมไปถึงใช้หยางในการควบคุมจักระไฟเข้าแทรกซึมเข้าไปในเส้นจักระของคู่ต่อสู้ได้เพื่อทำลายจากภายในได้คล้ายกับมวยอ่อนของตระกูลฮิวงะแต่ของชินเรนจะเป็นการทำลายเส้นจักระด้วยการแผดเผาถ้าให้มันเข้าถึงตัวได้เรนยะก็คงมีจุดจบไม่ต่างจากอินามิ
แถมเรนยะยังเห็นว่าเจ้าชินเรนยังไม่ทันได้ใช้วิชาคาถานินจาที่ผสานจักระจากทั้งสามธาตุเลยด้วยซ้ำแถมอาวุธที่เป็นสมบัติวีรชนหรือโฮกุระดับDยังไม่ระคายผิวของมันเลยพูดได้เลยว่าตอนนี้เขาเสียเปรียบเต็มประตู
เรนยะที่ได้รับกระดาษตรวจสอบมาแล้วก็ไม่รีรอได้ใส่จักระเข้าไปทันทีแต่ปฏิกิริยาที่เกิดกับกระดาษมันทำให้เอรินะรวมถึงตัวของเขานั้นต้องตะลึงจนอ้าปากค้าง
กระดาษได้เริ่มถูกเผาและโดนตัดเป็นสองส่วนแถมกระดาษที่ถูกตัดตกที่พื้นได้เปื่อยยุ่ยและสลายหายไปส่วนกระดาษบนมือของเรนยะที่กำลังถูกเผาก็มีการร่องรอยการเปียกนำ้
แสดงให้เห็นว่าเรนยะมีคุณสมบัติจักระถึง4คุณสมบัติซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของนินจาเพราะมากสุดก็คือสายเลือดคัดสรรที่รวมคุณสมบัติจักระสามคุณสมบัติสร้างเป็นคาถาพิเศษเฉพาะตัว
ซึ่งนินจาโดยทั่วไปจะมีคุณสมบัติเดียวถึงแม้นินจาระดับสูงอย่างพวกโจนินจะสามารถฝึกใช้คาถาที่มีคุณสมบัติต่างจากที่ตนเองมีได้ก็ตามแต่คาถาจากขีดจำกัดสายเลือดไม่อาจที่จะฝึกได้ถ้าไม่มีคุณสมบัติจักระตรงกัน
เอรินะ : “น . . น . . นี่เธอ”
เรนยะ : (ไหงเรามีคุณสมบัติธาตุถึง4แบบได้กันละนี่มันไม่ใช่ธาตุที่ตัวเรามีแต่เดิมแน่ๆ . . . หรือว่าเพราะโฮกุที่เราใช้ !!!)
โฮกุที่สามารถเปลี่ยนทุกอย่างที่ตนคิดว่าเป็นอาวุธรวมทั้งคาถานินจาเป็นของตนได้เนื่องจากการต่อสู้ที่ผ่านมาทำให้เรนยะเปลี่ยนคาถาที่ศัตรูโจมตีใส่ตัวเองเป็นของตนด้วยโฮกุ
Knight of Owner ทำให้ร่างกายเรนยะได้ซึมซับคุณสมบัติจักระของศัตรูเป็นของตนอย่างไม่รู้ตัว
เรนยะ : (อีแบบนี้เราก็ได้การแปลงธาตุหยางมาด้วยสินะแถมคาถาแยกเงาของเราก็เป็นธาตุหยินแบบนี้เราก็ขาดแค่คุณสมบัติสายฟ้าเราก็จะมีครบทุกธาตุแล้วแหะเดี๋ยวค่อยไปหาเพิ่มทีหลังละกัน)
เอรินะ : “เห้อ ~ เธอนี่ทำให้ฉันตกใจไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแล้วนะเรนยะเอาละในเมื่อรู้ธาตุแล้วก็มาเริ่มฝึกการแปลงคุณสมบัติธาตุกันเลย”
การฝึกจักระคุณสมบัติธาตุคือการนำธาตุแต่ละธาตุมารวมกันเพื่อสร้างเป็นขีดจำกัดสายเลือดโดยเรนยะได้ลองรวมคุณสมบัตินำ้กับลมอันเป็นคาถาน้ำแข็งของตระกูลยูกิซึ่งเรนยะคิดว่ามันง่ายที่สุดแล้วเพราะเขาเคยเห็นมันผ่านจอทีวีในโลกเก่าของเขา
เรนยะได้ใช้มือซ้ายสร้างคุณสมบัติธาตุนำ้ขึ้นและส่วนมือขวาก็สร้างคุณสมบัติลมที่เขาถนัดขึ้นมาเรนยะได้ค่อยๆนำคุณสมบัติทั้งสองในมือมาค่อยๆหลอมรวมกัน
เรนยะได้ฝึกตั้งแต่ตอนเช้าถึงเย็นล้มเหลวไปก็หลายครั้งจนสุดท้ายในมือของเรนยะก็ได้มีก้อนนำ้แข็งลอยอยู่ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเรนยะสามารถสร้างขีดจำกัดสายเลือดขึ้นมาได้แล้วนั่นเอง
เอรินะ : “ดีมากทีนี้เธอก็สามารถใช้คาถานินจาน้ำแข็งที่เป็นขีดจำกัดสายเลือดได้แล้วละยินดีด้วยนะ”
แต่เรนยะคิดว่าคาถานำ้แข็งของตนคงจะทำอะไรเจ้าชินเรนไม่ได้แน่จึงได้ลองเพิ่มธาตุดินเข้าไปเพิ่ม
เอรินะที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกตกใจและได้พูดห้ามเรนยะ
เอรินะ : “เธอจะบ้าหรือไงทำแบบนั้นน่ะ !!!”
เรนยะ : “ห๊ะ ?!!”
แต่ดูเหมือนว่าคำเตือนของเธอจะช้าเกินไปคุณสมบัติธาตุที่อยู่ในมือของเรนยะพอได้รับธาตุดินไปเพิ่มก็เริ่มจะไม่เสถียรและเกิดระเบิดขึ้น
ตู้ม !!!
เรนยะโดนแรงระเบิดจากการประสานคุณสมบัติธาตุประเด็นไปไกลพอสมควรส่วนเอรินะนั้นไม่ต้องพูดถึงด้วยความเป็นห่วงลูกศิษย์ของเธอทำให้เธอหาที่กำบังก่อนเป็นอันดับแรก
หลังจากเหตุการณ์สงบลงแล้วเอรินะเธอก็ได้รีบเข้าไปดูอาการของเจ้าตัวแสบทันทีก็พบว่าเรนยะได้โดนแรงระเบิดจนตามตัวมีแต่แผลถลอกและรอยไหม้นิดๆหน่อยๆทำให้เธอเขกกบาลสั่งสอนเรนยะไปหนึ่งที
โป๊ก !!!
เรนยะ : “โอ๊ย ! เจ็บ !”
เอรินะ : “ใครสั่งใครสอนให้ผสานสามธาตุในทันทีเลยกันยะถ้าจะผสานสามคุณสมบัติจะต้องควบคุมจักระให้พอดีห้ามพลาดแม้แต่นิดเดียวไม่งั้นมันก็จะระเบิดแบบนี้แหละและอีกอย่างนะยะถ้าผสานธาตุมันง่ายนักป่านนี้คนเขาคงมีขีดจำกัดสายเลือดกันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้วละย่ะเจ้าซื่อบื้อ ดูสิถ้าฉันหลบไม่ทันหน้าของฉันคงหมดสวยพอดี”
เรนยะ : “ก็ผมไม่รู้นี่นา ซี้ด ! แสบแผลชะมัด”
เอรินะ : “เห้อ ~ นี่ก็เย็นมากแล้วฝึกกันเท่านี้ละกันมาสิเดี๋ยวฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาลโคโนฮะจะได้ไปเยี่ยมอินามิกับมากิด้วยทีเดียวเลย”
เอรินะได้ช่วยพยุงตัวเรนยะขึ้นมาเพื่อไปโรงพยาบาล
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลท้องฟ้าก็เริ่มจะมืดแล้ว
เอรินะได้พยุงเรนยะมาจนถึงหน้าตึกของโรงพยาบาลแต่จู่ๆเธอก็พบว่ามีบางอย่างตกลงมาจากฟ้า
ตู้ม !!!
เสียงที่ดังสนั่นทำให้เหล่าผู้ป่วยรวมถึงเหล่าหมอและพยาบาลทุกคนต้องมองดูจากหน้าต่าง
เมื่อฝุ่นได้หายไปแล้วทุกคนก็พบว่าเป็นกบยักษ์ตัวหนึ่งยืนอยู่ในจุดนั้น
!!!
เรนยะไม่คิดว่าตนจะมาในจังหวะที่กามะบุนตะนำเจ้านารูโตะมาส่งที่โรงพยาบาลโคโนฮะพอดีแบบนี้แต่จู่ๆเรนยะก็เหมือนจะนึกอะไรได้จึงได้มองไปยังคนที่กำลังพยุงตัวเขาอยู่ก็พบว่าอาจารย์ของตนนั้นได้แข็งค้างเป็นที่เรียบร้อย
เมื่อเจอสิ่งที่เธอกลัวเอรินะเธอถึงกับหน้าถอดสีจนไร้สีเลือดแถมเรนยะยังได้ยินเธอบ่นพึมพำอย่างกับคนเสียสติ
เอรินะ : “ก . . ก . . กบ คร่อก !”
จากคนพยุงคนเจ็บกลับเปลี่ยนเป็นคนเจ็บพยุงแทนในบันดล
หลังจากกามะบุนตะได้นำนารูโตะวางเอาไว้ที่หน้าตึกโรงพยาบาลแล้วนั้นก็ได้กลับไปภูเขาเมียวโบคุตามเดิม
บรรยากาศรอบโรงพยาบาลเงียบสนิทท่ามกลางสายตาของทุกคนในโรงพยาบาลจู่ๆก็มีเสียงพูดขึ้นว่า
เหล่าพยาบาลได้รีบเดินมาดูอาการของพวกเขาจนเรนยะได้เจอกับคนคุ้นหน้าอย่างมากิกับคาริน
คาริน : “เรนยะคุงเธอบาดเจ็บนี่ !!!”
มากิ : “แล้วอาจารย์เอรินะเธอเป็นอะไรเรนยะคุง !!!”
เรนยะ : “เอ๋ ! คารินเธอทำงานในโรงพยาบาลงั้นหรอ ?”
คาริน : “ใช่จ้ะท่านปู่โฮคาเงะให้ฉันมาเรียนรู้วิชาแพทย์ที่โรงพยาบาลโคโนฮะน่ะจ้ะ”
เรนยะ : “แล้วเธอ . . .”
มากิ : ไม่ต้องห่วงหรอกนะเรนยะคุงคารินได้เริ่มเรียนวิชานินจาแพทย์แล้วเธอไม่ได้ใช้วิธีรักษาแบบแบ่งจักระแบบนั้นอีกแล้วละ
เรนยะ : “อ้อ ยินดีด้วยนะคาริน”
คาริน : “อืม ~ ทั้งหมดเพราะเรนยะคุงช่วยฉันเอาไว้นั่นแหละจ้ะ”
เรนยะ : “นี่มากิแล้ว . . อินามิละ”
มากิ : “เธอยังไม่ได้สติเลยจ้ะและอาการบาดเจ็บแบบนั้นเธอคงไม่สามารถใช้จักระได้อีกแล้วละ . . “
เรนยะ : “งั้นเหรอ . . .”
หลังจากถามสารทุกข์สุขดิบกันเรียบร้อยแล้วนั้นมากิก็ได้เริ่มดูอาการของเพื่อนชายกับอาจารย์ของเธอทันที
มากิ : “อืม ~ เอาละเรนยะคุงมีแผลถลอกกับแผลไฟไหม้นิดหน่อยทำแผลไม่นานก็วิ่งป๋อแล้วละจ้ะ ส่วนอีกคน”
มากิได้หันไปดูอาการของเอรินะต่อแล้วก็หันหน้ามาถามสาเหตุกับเรนยะเพราะอาจารย์เอรินะไม่มีสติที่จะบอกอาการของตัวเองได้
มากิ : “สรุปอาจารย์เธอเป็นอะไรเหรอจ้ะเรนยะคุง”
เรนยะ : “โดนผีกามะบุนตะหลอกเอาจนสลบน่ะ”
มากิ / คาริน : “ห๊ะ ?!!”
และแล้ววันแห่งการฝึกฝนก็ได้จบลงไปอีกหนึ่งวัน
เหลืออีก 28 วันก่อนถึงวันแข่ง
----------- -------------
เช้าวันต่อมาเรนยะได้ตัดสินใจที่จะหาข้อมูลของชินเรนเพิ่มเขาได้ใช้ลบตัวตนแอบออกไปจากหมู่บ้านโคโนฮะและมุ่งหน้าไปยังเมืองซากะทันทีซึ่งเรนยะก็ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงเมืองซากะเพราะไม่ได้อู้พักแช่นำ้ร้อนเหมือนตอนที่ทำภารกิจ
เมื่อมาถึงเรนยะก็ไม่รอช้าเขาได้เข้าไปหาริวที่แก๊งใต้ดินในทันที
เรนยะได้เดินไปเคาะห้องของริวและริวก็ได้บอกให้เข้ามาเพราะนึกว่าลูกน้องของเขามีธุระกับตัวเอง
ริว : “อ้าว ! เป็นเธอเองเหรอโอคามิลมอะไรหอบเธอมาละนี่หรืออยากจะลงประลองอีกละหือ ?”
เรนยะ : “ป่าวหรอกครับคุณริวที่ผมมาเจอคุณเพราะผมมีเรื่องให้คุณช่วยหาข้อมูลของคนๆหนึ่ง”
ริว : “ถ้ามันเป็นธุรกิจละก็ได้แน่นอน แล้วอยากจะรู้ข้อมูลของใครกันละ”
เรนยะ : “หมู่บ้านทากิ ยาโตะ ชินเรน”
ริว : “มีแน่นอนแต่ราคาค่อนข้างแรงเอาเรื่องเลยนะเพราะตระกูลยาโตะแห่งหมู่บ้านทากิค่อนข้างที่จะลึกลับ”
เรนยะ : “แพงขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย”
ริว : “เรื่องราคาเธอไม่ต้องเป็นห่วงเพราะในตอนนี้ฉันก็กำลังเดือดร้อนอยู่พอดีเลยอยากจะให้เธอช่วยงานเป็นการแลกเปลี่ยนกับข้อมูลแทนน่ะ ตกลงไหม”
เรนยะ : “ก็ . . ต้องขอดูก่อนว่างานที่ว่านั่นมันคืองานอะไร”
ริว : “ช่วงนี้มันมีคนมาป่วนที่สนามประลองของฉันเข้าน่ะสิ”
เรนยะ : “หมายความว่ายังไง”
ริว : “มีเศรษฐีคนหนึ่งเอานินจาของคุโมะ(เมฆ)มาลงประลองที่นี่แถมยังฝีมือร้ายกาจมากด้วยเรียกได้ว่าทำให้พวกแขกคนอื่นๆหมดสนุกกันไปเลยละเพราะเจ้าหมอนี่มันสู้ชนะมาเกิน20รอบแล้วทำให้พวกฉันสูญเงินไปเยอะมากจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครเอาชนะเจ้านั่นได้เลยและจะไม่ให้มันลงประลองก็ไม่ได้เพราะเดี๋ยวมันจะทำให้พวกแขกคนอื่นๆเสียความเชื่อใจในตัวเรา”
เรนยะ : “แล้ว ?”
ริว : “ช่วยล้มมันให้ฉันทีสิคุณปีศาจกระหายเลือดไม่งั้นธุรกิจของฉันคงจะพังหมดแน่ นะ นะ นะ”
เรนยะ : “เข้าใจแล้วๆ อย่าเอาหน้าเข้ามาใกล้นักสิคุณริวและอีกอย่างผมขอพวกม้วนคาถานินจาระดับตำ่ทุกธาตุอย่างละหนึ่งม้วนเป็นของแถมด้วยได้ไหม”
ริว : “หือ ? ก็ได้อยู่หรอกแต่คาถาพวกนั้นไม่ค่อยจะมีประโยชน์อะไรเท่าไหร่นะเอาเป็นคาถาระดับBไหมละฉันจะแถมให้2เล่มเลย”
เรนยะ : “เอาตามที่ผมพูดไปก่อนหน้าแหละครับเอาทุกธาตุนะครับรวมทั้งธาตุหยินและหยางด้วย”
ริว : “ก็ได้เข้าใจแล้ว”
เรนยะ : “แล้วการประลองจะเริ่มตอนไหนกันครับ”
ริวได้มองเรนยะด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะบอกเขาไป
ริว : “ตอนนี้แหละ”
----------- -------------
ที่สนามประลองใต้ดินได้มีชายผิวออกแดงๆกำลังยืนมองดูคู่ต่อสู้ของตนที่ไหม้ดำจนกลายเป็นตอตะโกด้วยใบหน้าหยิ่งผยองโดยมีพิธีกรเจ้าเก่าเจ้าเดิมกำลังทำหน้าที่ของตน
พิธีกร : “เอาละครับท่านผู้ชมในตอนนี้ผู้เข้าแข่งขันคนที่23ก็ยังไม่อาจล้มแชมป์คนใหม่ของพวกเราได้เลยนะครับจะมีใครสามารถล้มบาบะสายฟ้าทมิฬคนนี้ได้อีกไหมครับเนี่ย !!!”
บาบะ : “เลิกส่งพวกสวะมาได้แล้วได้ยินไหมเอาคนที่เก่งที่สุดออกมาซะ !!!”
บาบะได้กระชากคอเสื้อของพิธีกรด้วยความโมโหที่ไม่เจอคู่ต่อสู้ที่คู่ควรกับเขาโดยมีเศรษฐีอ้วนฉุคนหนึ่งในห้องVIPกำลังหัวเราะชอบใจที่ตนชนะพนันได้
ริว : “คุณยังจะเล่นต่อไหมครับคุณอิบาชิ ?”
อิบาชิ : “ฮ่า ฮ่า แหงอยู่แล้วรอบต่อไปฉันก็ยังคงชนะอยู่ดีนั้นละนะคุณริวเพราะงั้นฉันขอเทหมดหน้าตักไปเลย !!!”
!!!
ริวถึงกับเหงื่อตกเพราะถ้าเกิดโอคามิเกิดแพ้ขึ้นมาตนคงจะหมดตัวและขาดเงินในการหมุนธุรกิจใต้ดินของตนแน่ๆแต่ตัวเขาตอนนี้นั้นไม่มีทางเลือกทำได้แค่เชื่อใจโอคามิเท่านั้น
ริวได้หันไปพยักหน้าส่งสัญญาณให้กับพิธีกรซึ่งพิธีกรก็พยักหน้าตอบรับเจ้านายของเขาก่อนจะดิ้นหลุดออกมาและได้ชูไมค์พูดขึ้น
พิธีกร : “เอาละครับคู่ต่อสู้คนต่อไปจะต้องทำให้ทุกคนพึงพอใจได้แน่ๆครับเพราะเขาคือขวัญใจของพวกเราทุกคนเขาคนนี้ได้สร้างตำนานล้มนินจาทั้ง10คนได้ในเวลาเดียวกันขอเชิญพบกับปีศาจกระหายเลือดครับ !!!”
เฮ !!!
บาบะที่เห็นผู้ชมร้องเฮเพราะได้ยินชื่อปีศาจกระหายเลือดก็เริ่มคาดหวัง
เรนยะที่สวมหน้ากากกะโหลกของฮัซซันได้เดินออกมาจากมุมของเขาและเมื่อผู้ชมทุกคนได้เห็นตัวของเขานั้นก็ได้ส่งเสียงเชียร์อย่างดังกึกก้อง
บาบะ : “เหอะอะไรกันเด็กหรอกเรอะ !!!”
เรนยะ : “ก็อย่าเสียท่าเด็กคนนี้ละกันนะลุง ~”
บาบะ : “ฉันไม่ใช่ลุงเว้ย !!! กวนประสาทนักนะแกดี! ฉันจะค่อยๆฆ่าแกอย่างช้าๆ”
เรนยะ : “งั้นผมจะรีบจบละกันพอดียังมีธุระสำคัญที่ต้องไปทำคงมาตายตรงนี้ไม่ได้หรอก”
ริวที่เห็นว่าทั้งสองฝ่ายพร้อมแล้วนั้นก็ได้ส่งสัญญาณให้พิธีกรเริ่มได้เลย
พิธีกร : “เอาละครับศึก ปีศาจกระหายเลือด vs สายฟ้าทมิฬ เริ่มได้ !!!”
เมื่อได้สัญญาณแล้ว บาบะก็ได้เริ่มผสานอินด้วยความรวดเร็วใช้คาถาสายฟ้าเสือดำทมิฬเข้าใส่ตัวเรนยะ
เรนยะที่เห็นเสือสายฟ้าสีดำกำลังจะพุ่งเข้าโจมตีก็ได้ใช้มือเปล่าๆของตนรับการโจมตีนี้โดยมีสายตาดูถูกของบาบะมองอยู่
บาบะ : “เหอะแกบ้ารึเปล่าไอ้เด็กโง่แกคิดจะรับสายฟ้าของฉันเรอะ”
แต่ภาพต่อมากลับทำให้บาบะอ้าปากค้างด้วยความไม่เชื่อ
เสือสายฟ้าได้ถูกเด็กตรงหน้าทำให้เชื่องทั้งที่เสือทมิฬนั่นเป็นสิ่งที่สร้างจากจักระของเขาเองแท้ๆ
!!!
เรนยะได้ลูบหัวเสือดำสายฟ้าที่สร้างจากจักระของบาบะท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน
ด้วยโฮกุที่เรนยะมีทำให้เขาสามารถควบคุมคาถานินจาของศัตรูได้เรนยะรู้สึกว่าตัวเขาได้คุณสมบัติสายฟ้ามามาครอบครองเป็นที่เรียบร้อย
เรนยะได้หยิบมีดคุไนออกมาใช้แก้ขัดเพราะมีดของเขาได้พังและขายคืนให้กับระบบไปแล้วเมื่อเรนยะถือคุไนโฮกุของเขาก็ได้ทำงานเปลี่ยนคุไนเป็นโฮกุระดับD
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วเรนยะก็ได้ควบคุมคาถาเสือสายฟ้าของบาบะให้เข้าโจมตีตัวบาบะเสียเอง
บาบะที่เห็นคาถาของตัวเองกลับมาเล่นงานตัวเขาก็ได้รีบกระโดดหลบออกมาเพราะเขารู้ดีถึงความร้ายกาจของคาถานี้ดี
ตู้ม !!!
บาบะที่หลบออกมาได้ก็ได้รีบหยิบคุไนออกมาตั้งรับเพราะเรนยะได้พุ่งเข้ามาหาตัวเขาแล้ว
ชิ้ง !!! เคร้ง !!!
เรนยะที่ใช้มีดคุไนที่เปลี่ยนเป็นโฮกุระดับDเข้าปะทะกับคุไนของบาบะก็รู้สึกแปลกใจเพราะปกติเขาควรจะสามารถสะบั้นคุไนของอีกฝ่ายได้แต่พอเรนยะได้มองดีๆแล้วก็พบว่าบาบะได้ใช้จักระธาตุสายฟ้าเคลือบใบมีดทำให้มันเหมือนกับมีดจักระ
ซึ่งบาบะก็ตกใจไม่แพ้กันเพราะมีดคุไนของเขาที่มีจักระธาตุสายฟ้าที่ถือว่าเป็นธาตุที่เด่นในเรื่องการตัดและทะลุทะลวงกลับถูกกันเอาไว้ได้
การต่อสู้ดำเนินต่อไปท่ามกลางเสียงเชียร์ของเหล่าผู้ชมซึ่งบาบะกำลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด
เรนยะที่มองเห็นอนาคตล่วงหน้าได้ด้วยสกิลเนตรพันลี้ทำให้สามารถไล่ต้อนอีกฝ่ายจนบาบะไม่มีเวลาในการผสานอินเพื่อใช้คาถาได้
บาบะที่เห็นท่าไม่ดีจึงได้ปาคุไนเข้าใส่เรนยะเพื่อเปิดช่องว่างให้ตนใช้คาถาแต่เขานั้นได้คิดตื้นเกินไป
มีดคุไนที่เคลือบจักระธาตุสายฟ้าที่กำลังพุ่งมาของบาบะถูกเรนยะจับเอาไว้กลางอากาศและได้เปลี่ยนมันให้เป็นโฮกุของเขาและพุ่งเข้าใส่บาบะตรงๆและไขว้มีดกระโดดตวัดมีดเป็นรูปกากบาทเข้าใส่บาบะทันที
!!!
บาบะทึ่งมากที่เด็กตรงหน้าสามารถรับคุไนที่เขาปาใส่ด้วยความเร็วเทียบเท่ากับสายฟ้าได้บาบะที่กำลังผสานอินก็ชะงักเพราะเสียสมาธิจนหลบการโจมตีของเด็กตรงหน้าไม่พ้น
ชิ้ง !!! ฉูด !!!
ร่างของบาบะร่วงไปกับพื้นและไร้ซึ่งสัญญาณชีวิต
เฮ !!!
อิบาชิ : “เงินของฉัน !!! เห้ย !!! บาบะ ! บาบะ !!! แกรีบลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะฉันจ้างแกมาตั้งแพง !!!”
ริว : “ท่าทางรอบนี้ผมจะเป็นฝ่ายชนะพนันนะครับคุณอิบาชิ”
อิบาชิถึงกับสะอึกเพราะตนได้พูดเอาไว้เองว่าในรอบนี้เทหมดหน้าตักถ้าไม่จ่ายก็เสียชื่อเพราะตนผิดคำพูดทำให้เขาจำต้องจ่ายตามที่พูดเอาไว้ก่อนการประลอง
ริว : “ในเมื่อนักสู้ของคุณพ่ายแพ้ไปแล้วตอนนี้ผมคงจะต้องขอตัวก่อนเพราะยังมีธุระแต่ถ้าคุณสนใจที่จะเล่นต่อผมก็ไม่ขัดข้องหรอกนะครับคุณอิบาชิ”
อิบาชิ : “ฮึ !!! พวกเรากลับ !!!”
แต่ก่อนที่จะจากไปอิบาชิได้มองเด็กผมทองสวมหน้ากากกะโหลกด้วยความแค้นที่ทำให้ตนเสียเงินไปจำนวนมากก่อนจะแอบกระซิบอะไรบางอย่างกับนินจาที่คอยอารักขาตนอีก6คนซึ่งนินจาทั้ง6คนหลังจากได้รับคำสั่งแล้วก็ได้หายไปในทันที
ปู่รุ่นที่3 : “อย่างที่บอกไปการต่อสู้ในรอบชิงของพวกเธอจะเป็นการต่อสู้ต่อหน้าเหล่าไดเมียวจำนวนมากขอให้พวกเธอแสดงศักยภาพกำลังรบของแต่ละแคว้นออกมาให้เราได้ชมกันและในรอบชิงนั้นจะเริ่มในอีกหนึ่งเดือนต่อจากนี้”
!!!
นารูโตะ : “อ้าว ! ไม่ได้เริ่มกันตอนนี้เลยเหรอ”
เนจิ : “หมายความว่ายังไงกัน ?”
ปู่รุ่นที่ 3 : “ก็เพราะว่าทางเราต้องใช้เวลาเตรียมพร้อมเพื่อที่จะแจ้งให้ไดเมียวและเหล่าหัวหน้านินจาว่าการสอบรอบคัดเลือกนั้นได้จบลงแล้วจะได้เชิญพวกเขามาชมในรอบจริงนอกจากนี้จะให้พวกเธอที่เป็นผู้เข้าสอบได้เตรียมตัวกันได้ด้วย ตอนนี้พวกเธอคงจะรู้ฝีมือของกันและกันพอสมควรแล้วในระหว่างหนึ่งเดือนนี้ก่อนที่จะถึงวันประลองพวกเธอจะได้หาทางรับมือกับคู่ต่อสู้ของตัวเองยังไงละ”
ทุกคนที่ได้ฟังก็พยักหน้าเข้าใจ
ปู่รุ่นที่ 3 : “และเพื่อความยุติธรรมของทุกคนในเวลาหนึ่งเดือนนี้ก็อยากให้พวกเธอฝึกฝนตัวเองเพื่อให้พร้อมเต็มที่ ก็อย่างที่พูดไปแต่ก่อนที่จะแยกย้ายกันฉันอยากให้พวกเธอจับฉลากเพื่อเป็นการกำหนดคู่ต่อสู้ของพวกเธอเพราะว่าการประลองอีกหนึ่งเดือนนับจากนี้จะเป็นแบบทัวร์นาเมนต์น่ะนะและก็จะมีคนหนึ่งที่โชคดีได้ผ่านไปรอบก่อนรองชนะเลิศได้เลยเพราะจำนวนมันดันเกินมาคนหนึ่ง”
อังโกะได้เริ่มเดินหยิบกล่องฉลากและเดินไปให้เหล่าผู้เข้าสอบจับฉลากทีละคนโดนเริ่มจากโดซึก่อนและไล่มาทีละคน
จนถึงตาของเรนยะที่ต้องจับฉลาก
เรนยะ : “เห้ ! แกน่ะได้หมายเลขอะไร”
เรนยะได้หันไปทางชินเรนและถามหมายเลขของเขา
ชินเรน : “เหอะ ! หมายเลข10ถ้าแกอยากจะดวงซวยมาเจอกับฉันก็ต้องจับให้ได้หมายเลข9ละนะ”
เรนยะที่รู้หมายเลขของอีกฝ่ายแล้วนั้นจึงได้บอกให้แขนต้องสาปเอาหัวมุดเข้าไปในกล่องจับฉลากในสภาพวิญญาณเพื่อแอบดูว่าฉลากอันไหนคือหมายเลข9ในขณะที่เขาหยิบใบฉลากในกล่อง
เรนยะ : (รู้สึกเราจะชอบสั่งให้แขนต้องสาปโกงการสอบบ่อยจังแหะ)
อังโกะที่เห็นเรนยะล้วงอยู่นานก็เริ่มจะรำคาญเลยพูดเร่งให้เรนยะรีบหยิบๆฉลากไปได้แล้ว
อังโกะ : “นี่ ! จะล้วงถึงพรุ่งนี้เลยไหมยะ !!!”
เรนยะ : “แป๊บเดียวมันเป็นเคล็ดน่ะครับเลยต้องล้วงนานหน่อย” (ใช้อันนี้ไหมแขนต้องสาป)
เรนยะได้ไล่คลี่ใบฉลากให้แขนต้องสาปที่เอาหัวมุดทะลุกล่องดูทีละใบแล้วคอยบอกกับเขาผ่านตราเรย์จู
แขนต้องสาป : . . . . . . “อันนี้แหละครับ Master !!!”
เรนยะที่เห็นว่าแขนต้องสาปได้ยืนยันว่าใบที่เขาหยิบคือหมายเลข9เขาก็ได้หยิบมันออกมาโชว์ให้ชินเรนดูและยิ้มเยาะใส่
เรนยะ : “โทษทีว่ะพวกแต่คนที่ดวงซวยคือแกมากกว่าระหว่างหนึ่งเดือนนี้มีอะไรอยากจะทำเป็นครั้งสุดท้ายก็รีบไปทำซะละ”
ชินเรน : “เหอะ ! พอถึงวันประลองฉันจะทำให้แกพิการเหมือนกับยัยผู้หญิงนั่น”
ปู่รุ่น 3 : “ฮะแฮ่ม ! นี่อิบิกิเอากระดานจับคู่ให้พวกเขาดู”
อิบิกิพยักหน้าและเปิดรายชื่อที่จับคู่เสร็จแล้วให้พวกเรนยะดู
คู่ที่1
นารูโตะ หมายเลข 1
เนจิ หมายเลข 2
คู่ที่2
กาอาระ หมายเลข 3
ซาซึเกะ หมายเลข 4
คู่ที่3
คันคุโร่ หมายเลข 5
ชิโนะ หมายเลข 6
คู่ที่4
เทมาริ หมายเลข 7
ชิกามารุ หมายเลข 8
คู่ที่5
เรนยะ หมายเลข 9
ชินเรน หมายเลข 10
โดซึ หมายเลข 11 สู้กับผู้ชนะคู่ที่ 5
โดซึ : “เชอะ ! ไม่สบอารมณ์เลยแหะฉันอยากจะสู้มากกว่าที่จะโชคดีผ่านเข้ารอบไปเฉยๆแท้ๆ”
เมื่อทุกอย่าเรียบร้อยแล้วนั้นทุกคนก็ได้แยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง
โดยเรนยะได้ตัดสินใจกลับบ้านไปพักผ่อนก่อนเพราะว่าคืนนี้เขายังมีเรื่องที่ต้องไปทำ
ในยามคำ่คืนเรนยะที่พักผ่อนจนหายเหนื่อยแล้วนั้นได้เจรจากับท่านแม่ไรโคว่าวันตนจำเป็นต้องนอนดึกเพราะมีธุระสำคัญที่ต้องไปทำจริงๆ
สุดท้ายไรโคก็ยอมให้เรนยะออกมาในยามวิกาลได้เรนยะได้รีบเคลื่อนไหวผ่านทางตึกรามบ้านช่องจนไปลงจอดที่ตึกแห่งหนึ่งเพราะจากตึกนี้เรนยะสามารถมองเห็นกาอาระด้วยเนตรพันลี้และตาเหยี่ยวได้จากตึกที่ไม่ไกลมาก
กาอาระที่นั่งกินลมเพราะนอนไม่หลับจู่ๆเจ้าโดซึที่คันไม้คันมืออยากจะสู้กับซาซึเกะเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเขายังมีคุณค่ากับโอโรจิมารุอยู่และเพื่อการนั้นโดซึจึงจะจัดการกำจัดกาอาระที่เป็นคู่แข่งของซาซึเกะทิ้งไปซะ
แต่สุดท้ายเพราะเจ้าโดซึมันห้าวผิดคนก็เลยโดนกาอาระที่คลั่งเปลี่ยนเป็นร่างสัตว์หางเชือดทิ้งซะอย่างนั้น
เรนยะที่เห็นเจ้าโดซึเสร็จไปแล้วก็ได้ใช้เนตรพันลี้กับตาเหยี่ยวมองหาคาบูโตะและก็ได้เจอคาบูโตะกำลังยืนคุยกับบากิที่เป็นอาจารย์ของพวกกาอาระโดยมีเก็กโค ฮายาเตะกำลังแอบฟังอยู่
เรนยะที่เห็นแบบนั้นก็ได้ใช้คาถาเงาแยกร่างออกมาหนึ่งร่างและสั่งให้ร่างแยกแปลงร่างเป็น เก็กโค ฮายาเตะเพื่อรอจังหวะ
เก็กโคที่ถูกจับได้ว่าแอบฟังพวกคาบูโตะก็ได้รีบหนีออกมาแต่ก็ถูกบากิไล่ตามจนทันทำให้เก็กโคจำต้องสู้กับบากิ
เก็กโคได้ใช้ วิชากระบวนดาบของโคโนฮะระบำจันทราสามทิวาโดยเก็กโคได้แยกร่างออกเป็นสามร่างร่างซ้ายและขวาใช้หลอกส่วนตัวจริงทำการกระโดดขึ้นฟ้าเพื่อโจมตีจากด้านบนซึ่งถือว่าเป็นวิชากระบวนดาบชั้นสูงเลยทีเดียว
ในจังหวะเดียวกันเรนยะก็ได้ใช้คาถาลมของเขาสร้างลมแรงแบบไม่ผิดธรรมชาติพัดฝุ่นไปเข้าตาบากิจนเสียสมาธิไปและในชั่วพริบตาที่บากิเสียสมาธิเรนยะก็ได้ลงมือใช้วิชาสลับร่างนำตัวของเก็กโคมาสลับกับร่างแยกเงาของเขาที่แปลงร่างเป็นเก็กโคเตรียมเอาไว้แล้วในตอนที่เก็กโคกระโดดขึ้นฟ้าเพื่อโจมตีบากิ
บากิที่เห็นว่าเก็กโคจะกระโดดลงมาฟันตนจึงได้เตรียมตัวรอเอาไว้แล้วเพราะเขาใส่เกราะที่ค่อยข้างจะหนาทำให้ดาบไม่อาจสร้างบาดแผลร้ายแรงให้ได้ในจังหวะที่ดาบติดกับชุดเกราะของเขาบากิก็ได้ลงมือใช้คาถาลมฉีกร่างของเก็กโคตัวปลอมจนกระเด็นเป็นชิ้นๆ
บากิที่คิดว่าจัดการคนที่แอบฟังเขาได้แล้วก็รีบจากไปทันทีโดยไม่ได้ตรวจสอบอะไรเพราะถ้าตนอยู่นานอาจจะถูกสงสัยเอาได้
ในมุมตึกไม่ไกลจากที่เกิดเหตุเก็กโคกำลังถูกเรนยะจับปิดปากเอาไว้เพราะอีตานี่มันชอบไอแค่กๆเป็นระยะอยู่แล้วเดี๋ยวความจะแตกเอา
หลังจากที่เรนยะเห็นว่าบากิไปแล้วนั้นเขาก็ได้ปล่อยเก็กโคให้เป็นอิสระ
เก็กโค : “แค่ก แค่ก เป็นเธอเองเหรอ อาคุสะ เรนยะ”
เรนยะ : “สวัสดีครับคุณเก็กโค เกือบไปแล้วนะครับ”
เก็กโค : “อา ขอบใจเธอมากนะ แค่ก แค่ก แต่ตอนนี้ฉันมีเรื่องสำคัญที่จะต้องไปรายงานท่านโฮคาเงะ”
เก็กโคที่กำลังจะไปรายงานปู่รุ่นที่3ก็พบว่าเรนยะได้รั้งตัวของเขาเอาไว้
เรนยะ : “คุณเก็กโคผมรู้ว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่แต่ถ้าคุณจะไปแจ้งปู่รุ่นที่3ในตอนนี้ปู่รุ่นที่3จะต้องเรียกประชุมพวกนินจาในตอนดึกทันทีแน่และมันจะทำให้พวกหมู่บ้านซึนะและโอโตะสงสัยเอาได้และเราก็ยังไม่รู้ว่ายังมีสปายแอบแฝงตัวอยู่เหมือนกับคาบูโตะอีกไหม”
เก็กโค : แค่ก เข้าใจแล้วงั้นฉันจะไปรายงานท่านโฮคาเงะในวันพรุ่งนี้จะได้ไม่เป็นที่ผิดสังเกต อีกอย่างเรื่องนี้เธอห้ามเอาไปพูดให้ใครฟังซะละเรื่องใหญ่แบบนี้ยิ่งคนรู้น้อยยิ่งดี
เรนยะพยักหน้าและบอกลากับเก็กโคเพื่อกลับบ้านไปนอนเพราะพรุ่งนี้ตนยังมีเรื่องที่จะต้องทำอยู่อีก
----------- -------------
เช้าวันต่อมาเรนยะก็ตื่นขึ้นมาโดยสิ่งแรกที่เห็นก็คือนมสดยามเช้าของไรโคเช่นเคยแต่คราวนี้เรนยะไม่ยอมถูกเช็ดหน้าเช็ดตาเหมือนเด็กน้อยแน่
เรนยะได้รีบตื่นลุกออกจากเตียงมาล้างหน้าแปรงฟันด้วยความรวดเร็วเพราะกลัวไรโคจะมาจับเขาอาบนำ้ให้
หลังทานข้าวเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้วเรนยะก็ได้ไปหาอาจารย์เอรินะที่บ้านเพราะต้องการให้เธอช่วยฝึกให้กับเขาเพราะว่าเขาอยากจะฝึกคาถาโจมตีเพื่อเอาไว้ใช้รับมือกับชินเรนเพราะในตอนนี้เขายังไม่มีข้อมูลและวิธีที่จะรับมือกับชินเรนได้และเขาก็ไม่อยากที่จะเสี่ยงดวงกับการสุ่มของระบบเสียด้วยเพราะค่าโชคของเขาก็แค่ดวงดีกว่าคนปกติแค่นิดเดียวเท่านั้น
หลังจากที่เอรินะเห็นว่าเรนยะมาหาตนก็พอจะเดาออกว่าเจ้าลูกศิษย์ตัวดีของเธอต้องการอะไรก็เลยบอกให้เรนยะไปฝึกกันที่สนามฝึกภายในป่า
เมื่อถึงที่หมายแล้วเอรินะก็ได้ถามว่าเรนยะต้องการจะฝึกอะไร
เอรินะ : “เอาละทีนี้ก็ลองบอกฉันมาซิว่าอยากจะฝึกอะไร ?”
เรนยะ : “การแปลงคุณสมบัติธาตุ”
เอรินะ : “แน่นอน ทีนี้ก็เอานี่ไปสิเธอคงจะรู้วิธีใช้อยู่แล้วใช่ไหมละ”
เอรินะได้ยื่นแผ่นกระดาษตรวจสอบคุณสมบัติธาตุให้แก่เรนยะซึ่งวิธีใช้มันเรนยะได้รู้อยู่แล้วว่าการตรวจสอบธาตุนั้นต้องใช้กระดาษแบบพิเศษเป็นตัววัดเท่านั้นโดยวิธีการตรวจสอบคือ ให้ผู้ทดสอบส่งจักระเข้าไปในกระดาษแผ่นนั้น และจะมีผลออกมาดังนี้
ธาตุไฟ : กระดาษจะถูกเผา
ธาตุลม : กระดาษจะถูกตัดออกเป็น 2 ส่วน
ธาตุสายฟ้า : กระดาษจะมีรอยยับ
ธาตุดิน : กระดาษจะกลายเป็นดินและสลายไป
ธาตุน้ำ : กระดาษจะเปียก
และสองธาตุที่นับเป็นคาถาพื้นฐานของนินจาทุกคนอย่าง
ธาตุหยินจะเป็นธาตุที่ใช้จักระแสดงผลออกมาด้วยวิชาแพทย์หรือพวกคาถาลวงตาวิชาเนตรก็ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้นด้วย
ธาตุหยางจะเป็นพวกวิชาผนึกและคาถาตรวจจับศัตรูรวมถึงการใช้จักระเปลี่ยนเป็นรูปร่างต่างๆ
ตามที่เจ้าชินเรนได้บอกเอาไว้ว่ามันมี คุณสมบัติจักระในตัวมากถึงสามธาตุคือ ดิน ไฟ และ หยาง ธาตุดินทำให้ตัวของชินเรนมีความทนทานส่วนธาตุไฟเอาไว้ใช้โจมตีและหยางทำให้เปลี่ยนจักระเป็นม่านเกราะที่แข็งแกร่งครอบคุมทั่วทั้งตัวรวมไปถึงใช้หยางในการควบคุมจักระไฟเข้าแทรกซึมเข้าไปในเส้นจักระของคู่ต่อสู้ได้เพื่อทำลายจากภายในได้คล้ายกับมวยอ่อนของตระกูลฮิวงะแต่ของชินเรนจะเป็นการทำลายเส้นจักระด้วยการแผดเผาถ้าให้มันเข้าถึงตัวได้เรนยะก็คงมีจุดจบไม่ต่างจากอินามิ
แถมเรนยะยังเห็นว่าเจ้าชินเรนยังไม่ทันได้ใช้วิชาคาถานินจาที่ผสานจักระจากทั้งสามธาตุเลยด้วยซ้ำแถมอาวุธที่เป็นสมบัติวีรชนหรือโฮกุระดับDยังไม่ระคายผิวของมันเลยพูดได้เลยว่าตอนนี้เขาเสียเปรียบเต็มประตู
เรนยะที่ได้รับกระดาษตรวจสอบมาแล้วก็ไม่รีรอได้ใส่จักระเข้าไปทันทีแต่ปฏิกิริยาที่เกิดกับกระดาษมันทำให้เอรินะรวมถึงตัวของเขานั้นต้องตะลึงจนอ้าปากค้าง
กระดาษได้เริ่มถูกเผาและโดนตัดเป็นสองส่วนแถมกระดาษที่ถูกตัดตกที่พื้นได้เปื่อยยุ่ยและสลายหายไปส่วนกระดาษบนมือของเรนยะที่กำลังถูกเผาก็มีการร่องรอยการเปียกนำ้
แสดงให้เห็นว่าเรนยะมีคุณสมบัติจักระถึง4คุณสมบัติซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของนินจาเพราะมากสุดก็คือสายเลือดคัดสรรที่รวมคุณสมบัติจักระสามคุณสมบัติสร้างเป็นคาถาพิเศษเฉพาะตัว
ซึ่งนินจาโดยทั่วไปจะมีคุณสมบัติเดียวถึงแม้นินจาระดับสูงอย่างพวกโจนินจะสามารถฝึกใช้คาถาที่มีคุณสมบัติต่างจากที่ตนเองมีได้ก็ตามแต่คาถาจากขีดจำกัดสายเลือดไม่อาจที่จะฝึกได้ถ้าไม่มีคุณสมบัติจักระตรงกัน
เอรินะ : “น . . น . . นี่เธอ”
เรนยะ : (ไหงเรามีคุณสมบัติธาตุถึง4แบบได้กันละนี่มันไม่ใช่ธาตุที่ตัวเรามีแต่เดิมแน่ๆ . . . หรือว่าเพราะโฮกุที่เราใช้ !!!)
โฮกุที่สามารถเปลี่ยนทุกอย่างที่ตนคิดว่าเป็นอาวุธรวมทั้งคาถานินจาเป็นของตนได้เนื่องจากการต่อสู้ที่ผ่านมาทำให้เรนยะเปลี่ยนคาถาที่ศัตรูโจมตีใส่ตัวเองเป็นของตนด้วยโฮกุ
Knight of Owner ทำให้ร่างกายเรนยะได้ซึมซับคุณสมบัติจักระของศัตรูเป็นของตนอย่างไม่รู้ตัว
เรนยะ : (อีแบบนี้เราก็ได้การแปลงธาตุหยางมาด้วยสินะแถมคาถาแยกเงาของเราก็เป็นธาตุหยินแบบนี้เราก็ขาดแค่คุณสมบัติสายฟ้าเราก็จะมีครบทุกธาตุแล้วแหะเดี๋ยวค่อยไปหาเพิ่มทีหลังละกัน)
เอรินะ : “เห้อ ~ เธอนี่ทำให้ฉันตกใจไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแล้วนะเรนยะเอาละในเมื่อรู้ธาตุแล้วก็มาเริ่มฝึกการแปลงคุณสมบัติธาตุกันเลย”
การฝึกจักระคุณสมบัติธาตุคือการนำธาตุแต่ละธาตุมารวมกันเพื่อสร้างเป็นขีดจำกัดสายเลือดโดยเรนยะได้ลองรวมคุณสมบัตินำ้กับลมอันเป็นคาถาน้ำแข็งของตระกูลยูกิซึ่งเรนยะคิดว่ามันง่ายที่สุดแล้วเพราะเขาเคยเห็นมันผ่านจอทีวีในโลกเก่าของเขา
เรนยะได้ใช้มือซ้ายสร้างคุณสมบัติธาตุนำ้ขึ้นและส่วนมือขวาก็สร้างคุณสมบัติลมที่เขาถนัดขึ้นมาเรนยะได้ค่อยๆนำคุณสมบัติทั้งสองในมือมาค่อยๆหลอมรวมกัน
เรนยะได้ฝึกตั้งแต่ตอนเช้าถึงเย็นล้มเหลวไปก็หลายครั้งจนสุดท้ายในมือของเรนยะก็ได้มีก้อนนำ้แข็งลอยอยู่ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเรนยะสามารถสร้างขีดจำกัดสายเลือดขึ้นมาได้แล้วนั่นเอง
เอรินะ : “ดีมากทีนี้เธอก็สามารถใช้คาถานินจาน้ำแข็งที่เป็นขีดจำกัดสายเลือดได้แล้วละยินดีด้วยนะ”
แต่เรนยะคิดว่าคาถานำ้แข็งของตนคงจะทำอะไรเจ้าชินเรนไม่ได้แน่จึงได้ลองเพิ่มธาตุดินเข้าไปเพิ่ม
เอรินะที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกตกใจและได้พูดห้ามเรนยะ
เอรินะ : “เธอจะบ้าหรือไงทำแบบนั้นน่ะ !!!”
เรนยะ : “ห๊ะ ?!!”
แต่ดูเหมือนว่าคำเตือนของเธอจะช้าเกินไปคุณสมบัติธาตุที่อยู่ในมือของเรนยะพอได้รับธาตุดินไปเพิ่มก็เริ่มจะไม่เสถียรและเกิดระเบิดขึ้น
ตู้ม !!!
เรนยะโดนแรงระเบิดจากการประสานคุณสมบัติธาตุประเด็นไปไกลพอสมควรส่วนเอรินะนั้นไม่ต้องพูดถึงด้วยความเป็นห่วงลูกศิษย์ของเธอทำให้เธอหาที่กำบังก่อนเป็นอันดับแรก
หลังจากเหตุการณ์สงบลงแล้วเอรินะเธอก็ได้รีบเข้าไปดูอาการของเจ้าตัวแสบทันทีก็พบว่าเรนยะได้โดนแรงระเบิดจนตามตัวมีแต่แผลถลอกและรอยไหม้นิดๆหน่อยๆทำให้เธอเขกกบาลสั่งสอนเรนยะไปหนึ่งที
โป๊ก !!!
เรนยะ : “โอ๊ย ! เจ็บ !”
เอรินะ : “ใครสั่งใครสอนให้ผสานสามธาตุในทันทีเลยกันยะถ้าจะผสานสามคุณสมบัติจะต้องควบคุมจักระให้พอดีห้ามพลาดแม้แต่นิดเดียวไม่งั้นมันก็จะระเบิดแบบนี้แหละและอีกอย่างนะยะถ้าผสานธาตุมันง่ายนักป่านนี้คนเขาคงมีขีดจำกัดสายเลือดกันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้วละย่ะเจ้าซื่อบื้อ ดูสิถ้าฉันหลบไม่ทันหน้าของฉันคงหมดสวยพอดี”
เรนยะ : “ก็ผมไม่รู้นี่นา ซี้ด ! แสบแผลชะมัด”
เอรินะ : “เห้อ ~ นี่ก็เย็นมากแล้วฝึกกันเท่านี้ละกันมาสิเดี๋ยวฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาลโคโนฮะจะได้ไปเยี่ยมอินามิกับมากิด้วยทีเดียวเลย”
เอรินะได้ช่วยพยุงตัวเรนยะขึ้นมาเพื่อไปโรงพยาบาล
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลท้องฟ้าก็เริ่มจะมืดแล้ว
เอรินะได้พยุงเรนยะมาจนถึงหน้าตึกของโรงพยาบาลแต่จู่ๆเธอก็พบว่ามีบางอย่างตกลงมาจากฟ้า
ตู้ม !!!
เสียงที่ดังสนั่นทำให้เหล่าผู้ป่วยรวมถึงเหล่าหมอและพยาบาลทุกคนต้องมองดูจากหน้าต่าง
เมื่อฝุ่นได้หายไปแล้วทุกคนก็พบว่าเป็นกบยักษ์ตัวหนึ่งยืนอยู่ในจุดนั้น
!!!
เรนยะไม่คิดว่าตนจะมาในจังหวะที่กามะบุนตะนำเจ้านารูโตะมาส่งที่โรงพยาบาลโคโนฮะพอดีแบบนี้แต่จู่ๆเรนยะก็เหมือนจะนึกอะไรได้จึงได้มองไปยังคนที่กำลังพยุงตัวเขาอยู่ก็พบว่าอาจารย์ของตนนั้นได้แข็งค้างเป็นที่เรียบร้อย
เมื่อเจอสิ่งที่เธอกลัวเอรินะเธอถึงกับหน้าถอดสีจนไร้สีเลือดแถมเรนยะยังได้ยินเธอบ่นพึมพำอย่างกับคนเสียสติ
เอรินะ : “ก . . ก . . กบ คร่อก !”
จากคนพยุงคนเจ็บกลับเปลี่ยนเป็นคนเจ็บพยุงแทนในบันดล
หลังจากกามะบุนตะได้นำนารูโตะวางเอาไว้ที่หน้าตึกโรงพยาบาลแล้วนั้นก็ได้กลับไปภูเขาเมียวโบคุตามเดิม
บรรยากาศรอบโรงพยาบาลเงียบสนิทท่ามกลางสายตาของทุกคนในโรงพยาบาลจู่ๆก็มีเสียงพูดขึ้นว่า
เหล่าพยาบาลได้รีบเดินมาดูอาการของพวกเขาจนเรนยะได้เจอกับคนคุ้นหน้าอย่างมากิกับคาริน
คาริน : “เรนยะคุงเธอบาดเจ็บนี่ !!!”
มากิ : “แล้วอาจารย์เอรินะเธอเป็นอะไรเรนยะคุง !!!”
เรนยะ : “เอ๋ ! คารินเธอทำงานในโรงพยาบาลงั้นหรอ ?”
คาริน : “ใช่จ้ะท่านปู่โฮคาเงะให้ฉันมาเรียนรู้วิชาแพทย์ที่โรงพยาบาลโคโนฮะน่ะจ้ะ”
เรนยะ : “แล้วเธอ . . .”
มากิ : ไม่ต้องห่วงหรอกนะเรนยะคุงคารินได้เริ่มเรียนวิชานินจาแพทย์แล้วเธอไม่ได้ใช้วิธีรักษาแบบแบ่งจักระแบบนั้นอีกแล้วละ
เรนยะ : “อ้อ ยินดีด้วยนะคาริน”
คาริน : “อืม ~ ทั้งหมดเพราะเรนยะคุงช่วยฉันเอาไว้นั่นแหละจ้ะ”
เรนยะ : “นี่มากิแล้ว . . อินามิละ”
มากิ : “เธอยังไม่ได้สติเลยจ้ะและอาการบาดเจ็บแบบนั้นเธอคงไม่สามารถใช้จักระได้อีกแล้วละ . . “
เรนยะ : “งั้นเหรอ . . .”
หลังจากถามสารทุกข์สุขดิบกันเรียบร้อยแล้วนั้นมากิก็ได้เริ่มดูอาการของเพื่อนชายกับอาจารย์ของเธอทันที
มากิ : “อืม ~ เอาละเรนยะคุงมีแผลถลอกกับแผลไฟไหม้นิดหน่อยทำแผลไม่นานก็วิ่งป๋อแล้วละจ้ะ ส่วนอีกคน”
มากิได้หันไปดูอาการของเอรินะต่อแล้วก็หันหน้ามาถามสาเหตุกับเรนยะเพราะอาจารย์เอรินะไม่มีสติที่จะบอกอาการของตัวเองได้
มากิ : “สรุปอาจารย์เธอเป็นอะไรเหรอจ้ะเรนยะคุง”
เรนยะ : “โดนผีกามะบุนตะหลอกเอาจนสลบน่ะ”
มากิ / คาริน : “ห๊ะ ?!!”
และแล้ววันแห่งการฝึกฝนก็ได้จบลงไปอีกหนึ่งวัน
เหลืออีก 28 วันก่อนถึงวันแข่ง
----------- -------------
เช้าวันต่อมาเรนยะได้ตัดสินใจที่จะหาข้อมูลของชินเรนเพิ่มเขาได้ใช้ลบตัวตนแอบออกไปจากหมู่บ้านโคโนฮะและมุ่งหน้าไปยังเมืองซากะทันทีซึ่งเรนยะก็ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงเมืองซากะเพราะไม่ได้อู้พักแช่นำ้ร้อนเหมือนตอนที่ทำภารกิจ
เมื่อมาถึงเรนยะก็ไม่รอช้าเขาได้เข้าไปหาริวที่แก๊งใต้ดินในทันที
เรนยะได้เดินไปเคาะห้องของริวและริวก็ได้บอกให้เข้ามาเพราะนึกว่าลูกน้องของเขามีธุระกับตัวเอง
ริว : “อ้าว ! เป็นเธอเองเหรอโอคามิลมอะไรหอบเธอมาละนี่หรืออยากจะลงประลองอีกละหือ ?”
เรนยะ : “ป่าวหรอกครับคุณริวที่ผมมาเจอคุณเพราะผมมีเรื่องให้คุณช่วยหาข้อมูลของคนๆหนึ่ง”
ริว : “ถ้ามันเป็นธุรกิจละก็ได้แน่นอน แล้วอยากจะรู้ข้อมูลของใครกันละ”
เรนยะ : “หมู่บ้านทากิ ยาโตะ ชินเรน”
ริว : “มีแน่นอนแต่ราคาค่อนข้างแรงเอาเรื่องเลยนะเพราะตระกูลยาโตะแห่งหมู่บ้านทากิค่อนข้างที่จะลึกลับ”
เรนยะ : “แพงขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย”
ริว : “เรื่องราคาเธอไม่ต้องเป็นห่วงเพราะในตอนนี้ฉันก็กำลังเดือดร้อนอยู่พอดีเลยอยากจะให้เธอช่วยงานเป็นการแลกเปลี่ยนกับข้อมูลแทนน่ะ ตกลงไหม”
เรนยะ : “ก็ . . ต้องขอดูก่อนว่างานที่ว่านั่นมันคืองานอะไร”
ริว : “ช่วงนี้มันมีคนมาป่วนที่สนามประลองของฉันเข้าน่ะสิ”
เรนยะ : “หมายความว่ายังไง”
ริว : “มีเศรษฐีคนหนึ่งเอานินจาของคุโมะ(เมฆ)มาลงประลองที่นี่แถมยังฝีมือร้ายกาจมากด้วยเรียกได้ว่าทำให้พวกแขกคนอื่นๆหมดสนุกกันไปเลยละเพราะเจ้าหมอนี่มันสู้ชนะมาเกิน20รอบแล้วทำให้พวกฉันสูญเงินไปเยอะมากจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครเอาชนะเจ้านั่นได้เลยและจะไม่ให้มันลงประลองก็ไม่ได้เพราะเดี๋ยวมันจะทำให้พวกแขกคนอื่นๆเสียความเชื่อใจในตัวเรา”
เรนยะ : “แล้ว ?”
ริว : “ช่วยล้มมันให้ฉันทีสิคุณปีศาจกระหายเลือดไม่งั้นธุรกิจของฉันคงจะพังหมดแน่ นะ นะ นะ”
เรนยะ : “เข้าใจแล้วๆ อย่าเอาหน้าเข้ามาใกล้นักสิคุณริวและอีกอย่างผมขอพวกม้วนคาถานินจาระดับตำ่ทุกธาตุอย่างละหนึ่งม้วนเป็นของแถมด้วยได้ไหม”
ริว : “หือ ? ก็ได้อยู่หรอกแต่คาถาพวกนั้นไม่ค่อยจะมีประโยชน์อะไรเท่าไหร่นะเอาเป็นคาถาระดับBไหมละฉันจะแถมให้2เล่มเลย”
เรนยะ : “เอาตามที่ผมพูดไปก่อนหน้าแหละครับเอาทุกธาตุนะครับรวมทั้งธาตุหยินและหยางด้วย”
ริว : “ก็ได้เข้าใจแล้ว”
เรนยะ : “แล้วการประลองจะเริ่มตอนไหนกันครับ”
ริวได้มองเรนยะด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะบอกเขาไป
ริว : “ตอนนี้แหละ”
----------- -------------
ที่สนามประลองใต้ดินได้มีชายผิวออกแดงๆกำลังยืนมองดูคู่ต่อสู้ของตนที่ไหม้ดำจนกลายเป็นตอตะโกด้วยใบหน้าหยิ่งผยองโดยมีพิธีกรเจ้าเก่าเจ้าเดิมกำลังทำหน้าที่ของตน
พิธีกร : “เอาละครับท่านผู้ชมในตอนนี้ผู้เข้าแข่งขันคนที่23ก็ยังไม่อาจล้มแชมป์คนใหม่ของพวกเราได้เลยนะครับจะมีใครสามารถล้มบาบะสายฟ้าทมิฬคนนี้ได้อีกไหมครับเนี่ย !!!”
บาบะ : “เลิกส่งพวกสวะมาได้แล้วได้ยินไหมเอาคนที่เก่งที่สุดออกมาซะ !!!”
บาบะได้กระชากคอเสื้อของพิธีกรด้วยความโมโหที่ไม่เจอคู่ต่อสู้ที่คู่ควรกับเขาโดยมีเศรษฐีอ้วนฉุคนหนึ่งในห้องVIPกำลังหัวเราะชอบใจที่ตนชนะพนันได้
ริว : “คุณยังจะเล่นต่อไหมครับคุณอิบาชิ ?”
อิบาชิ : “ฮ่า ฮ่า แหงอยู่แล้วรอบต่อไปฉันก็ยังคงชนะอยู่ดีนั้นละนะคุณริวเพราะงั้นฉันขอเทหมดหน้าตักไปเลย !!!”
!!!
ริวถึงกับเหงื่อตกเพราะถ้าเกิดโอคามิเกิดแพ้ขึ้นมาตนคงจะหมดตัวและขาดเงินในการหมุนธุรกิจใต้ดินของตนแน่ๆแต่ตัวเขาตอนนี้นั้นไม่มีทางเลือกทำได้แค่เชื่อใจโอคามิเท่านั้น
ริวได้หันไปพยักหน้าส่งสัญญาณให้กับพิธีกรซึ่งพิธีกรก็พยักหน้าตอบรับเจ้านายของเขาก่อนจะดิ้นหลุดออกมาและได้ชูไมค์พูดขึ้น
พิธีกร : “เอาละครับคู่ต่อสู้คนต่อไปจะต้องทำให้ทุกคนพึงพอใจได้แน่ๆครับเพราะเขาคือขวัญใจของพวกเราทุกคนเขาคนนี้ได้สร้างตำนานล้มนินจาทั้ง10คนได้ในเวลาเดียวกันขอเชิญพบกับปีศาจกระหายเลือดครับ !!!”
เฮ !!!
บาบะที่เห็นผู้ชมร้องเฮเพราะได้ยินชื่อปีศาจกระหายเลือดก็เริ่มคาดหวัง
เรนยะที่สวมหน้ากากกะโหลกของฮัซซันได้เดินออกมาจากมุมของเขาและเมื่อผู้ชมทุกคนได้เห็นตัวของเขานั้นก็ได้ส่งเสียงเชียร์อย่างดังกึกก้อง
บาบะ : “เหอะอะไรกันเด็กหรอกเรอะ !!!”
เรนยะ : “ก็อย่าเสียท่าเด็กคนนี้ละกันนะลุง ~”
บาบะ : “ฉันไม่ใช่ลุงเว้ย !!! กวนประสาทนักนะแกดี! ฉันจะค่อยๆฆ่าแกอย่างช้าๆ”
เรนยะ : “งั้นผมจะรีบจบละกันพอดียังมีธุระสำคัญที่ต้องไปทำคงมาตายตรงนี้ไม่ได้หรอก”
ริวที่เห็นว่าทั้งสองฝ่ายพร้อมแล้วนั้นก็ได้ส่งสัญญาณให้พิธีกรเริ่มได้เลย
พิธีกร : “เอาละครับศึก ปีศาจกระหายเลือด vs สายฟ้าทมิฬ เริ่มได้ !!!”
เมื่อได้สัญญาณแล้ว บาบะก็ได้เริ่มผสานอินด้วยความรวดเร็วใช้คาถาสายฟ้าเสือดำทมิฬเข้าใส่ตัวเรนยะ
เรนยะที่เห็นเสือสายฟ้าสีดำกำลังจะพุ่งเข้าโจมตีก็ได้ใช้มือเปล่าๆของตนรับการโจมตีนี้โดยมีสายตาดูถูกของบาบะมองอยู่
บาบะ : “เหอะแกบ้ารึเปล่าไอ้เด็กโง่แกคิดจะรับสายฟ้าของฉันเรอะ”
แต่ภาพต่อมากลับทำให้บาบะอ้าปากค้างด้วยความไม่เชื่อ
เสือสายฟ้าได้ถูกเด็กตรงหน้าทำให้เชื่องทั้งที่เสือทมิฬนั่นเป็นสิ่งที่สร้างจากจักระของเขาเองแท้ๆ
!!!
เรนยะได้ลูบหัวเสือดำสายฟ้าที่สร้างจากจักระของบาบะท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน
ด้วยโฮกุที่เรนยะมีทำให้เขาสามารถควบคุมคาถานินจาของศัตรูได้เรนยะรู้สึกว่าตัวเขาได้คุณสมบัติสายฟ้ามามาครอบครองเป็นที่เรียบร้อย
เรนยะได้หยิบมีดคุไนออกมาใช้แก้ขัดเพราะมีดของเขาได้พังและขายคืนให้กับระบบไปแล้วเมื่อเรนยะถือคุไนโฮกุของเขาก็ได้ทำงานเปลี่ยนคุไนเป็นโฮกุระดับD
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วเรนยะก็ได้ควบคุมคาถาเสือสายฟ้าของบาบะให้เข้าโจมตีตัวบาบะเสียเอง
บาบะที่เห็นคาถาของตัวเองกลับมาเล่นงานตัวเขาก็ได้รีบกระโดดหลบออกมาเพราะเขารู้ดีถึงความร้ายกาจของคาถานี้ดี
ตู้ม !!!
บาบะที่หลบออกมาได้ก็ได้รีบหยิบคุไนออกมาตั้งรับเพราะเรนยะได้พุ่งเข้ามาหาตัวเขาแล้ว
ชิ้ง !!! เคร้ง !!!
เรนยะที่ใช้มีดคุไนที่เปลี่ยนเป็นโฮกุระดับDเข้าปะทะกับคุไนของบาบะก็รู้สึกแปลกใจเพราะปกติเขาควรจะสามารถสะบั้นคุไนของอีกฝ่ายได้แต่พอเรนยะได้มองดีๆแล้วก็พบว่าบาบะได้ใช้จักระธาตุสายฟ้าเคลือบใบมีดทำให้มันเหมือนกับมีดจักระ
ซึ่งบาบะก็ตกใจไม่แพ้กันเพราะมีดคุไนของเขาที่มีจักระธาตุสายฟ้าที่ถือว่าเป็นธาตุที่เด่นในเรื่องการตัดและทะลุทะลวงกลับถูกกันเอาไว้ได้
การต่อสู้ดำเนินต่อไปท่ามกลางเสียงเชียร์ของเหล่าผู้ชมซึ่งบาบะกำลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด
เรนยะที่มองเห็นอนาคตล่วงหน้าได้ด้วยสกิลเนตรพันลี้ทำให้สามารถไล่ต้อนอีกฝ่ายจนบาบะไม่มีเวลาในการผสานอินเพื่อใช้คาถาได้
บาบะที่เห็นท่าไม่ดีจึงได้ปาคุไนเข้าใส่เรนยะเพื่อเปิดช่องว่างให้ตนใช้คาถาแต่เขานั้นได้คิดตื้นเกินไป
มีดคุไนที่เคลือบจักระธาตุสายฟ้าที่กำลังพุ่งมาของบาบะถูกเรนยะจับเอาไว้กลางอากาศและได้เปลี่ยนมันให้เป็นโฮกุของเขาและพุ่งเข้าใส่บาบะตรงๆและไขว้มีดกระโดดตวัดมีดเป็นรูปกากบาทเข้าใส่บาบะทันที
!!!
บาบะทึ่งมากที่เด็กตรงหน้าสามารถรับคุไนที่เขาปาใส่ด้วยความเร็วเทียบเท่ากับสายฟ้าได้บาบะที่กำลังผสานอินก็ชะงักเพราะเสียสมาธิจนหลบการโจมตีของเด็กตรงหน้าไม่พ้น
ชิ้ง !!! ฉูด !!!
ร่างของบาบะร่วงไปกับพื้นและไร้ซึ่งสัญญาณชีวิต
เฮ !!!
อิบาชิ : “เงินของฉัน !!! เห้ย !!! บาบะ ! บาบะ !!! แกรีบลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะฉันจ้างแกมาตั้งแพง !!!”
ริว : “ท่าทางรอบนี้ผมจะเป็นฝ่ายชนะพนันนะครับคุณอิบาชิ”
อิบาชิถึงกับสะอึกเพราะตนได้พูดเอาไว้เองว่าในรอบนี้เทหมดหน้าตักถ้าไม่จ่ายก็เสียชื่อเพราะตนผิดคำพูดทำให้เขาจำต้องจ่ายตามที่พูดเอาไว้ก่อนการประลอง
ริว : “ในเมื่อนักสู้ของคุณพ่ายแพ้ไปแล้วตอนนี้ผมคงจะต้องขอตัวก่อนเพราะยังมีธุระแต่ถ้าคุณสนใจที่จะเล่นต่อผมก็ไม่ขัดข้องหรอกนะครับคุณอิบาชิ”
อิบาชิ : “ฮึ !!! พวกเรากลับ !!!”
แต่ก่อนที่จะจากไปอิบาชิได้มองเด็กผมทองสวมหน้ากากกะโหลกด้วยความแค้นที่ทำให้ตนเสียเงินไปจำนวนมากก่อนจะแอบกระซิบอะไรบางอย่างกับนินจาที่คอยอารักขาตนอีก6คนซึ่งนินจาทั้ง6คนหลังจากได้รับคำสั่งแล้วก็ได้หายไปในทันที
True Wallet 0830743639
ค่าน้ำอัดลม ขอบคุณผู้ติดตามด้วครับ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น