ตอนที่ 18 : ล่ามรัก 3
“แผลเป็นไงบ้าง”
“ดีขึ้นแล้วค่ะคุณอา ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
มินตรายิ้มให้ผู้อุปการคุณ หรืออีกฐานะหนึ่งก็คือผู้บังคับบัญชาของหล่อนนั่นเอง เทวาเป็นอดีตนายตำรวจมือดีของกรมสืบสวน ที่ผันตัวเองมาควบคุมหน่วยราชการลับของปปส. และแน่นอนว่าเขาเลือกมินตราเข้าทีมด้วย เพราะเห็นว่าหล่อนฉลาดและฝีมือดี แถมมีจิตใจห้าวหาญมากกว่าชายชาตรีทั่วไป
“ก็ดี ไม่งั้นอาต้องรู้สึกผิดแน่ๆ ที่ทำให้มินต้องไปเสี่ยงตายแบบนั้น”
เทวา ชายวัยห้าสิบต้นๆ นั่งลงข้างหญิงสาวที่ตัวเองส่งเสียเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก เรียกได้ว่าเหมือนลูกสาวคนเดียวเลยก็ว่าได้ เพราะเทวาตัวคนเดียว ไม่มีภรรยาและครอบครัวที่ไหน
“คิดมากไปแล้วค่ะ มินเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว คุณอาไม่ต้องกังวลหรอก” หล่อนยิ้มให้ผู้มีพระคุณ เทวาเป็นทั้งพ่อทั้งผู้บังคับบัญชาที่ดี เป็นคนที่มินตรารักและเคารพมากที่สุด
มินตราไม่มีบ้าน ปกติหล่อนเร่ร่อนไปทั่วไม่มีหลักแหล่งที่แน่นอน เนื่องด้วยอาชีพที่หล่อนทำ จึงมักไม่ปักหลักที่ใดที่หนึ่งให้เป็นเป้าต่อฝั่งตรงข้าม หล่อนไม่สามารถเปิดเผยตัวว่าเป็นใครและมีอาชีพอะไรในสังคม เพราะมันจะส่งผลต่อความปลอดภัยในการใช้ชีวิตได้ ในสังคมทั่วไปหล่อนคือหลานสาวของเทวา เจ้าของบาร์แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ที่มีชื่อเสียงในวงสังคมไฮโซเพียงเท่านั้น
“ว่าแต่...ผู้ชายคนที่ช่วยมินนี่เป็นใครหรือ”
คำถามต่อมาของเทวาทำให้มินตราชะงักกึก ก่อนจะคิดทบทวนในใจว่าควรบอกเทวาดีหรือไม่ แต่โทนี่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกคนร้ายที่หล่อนกำลังตามตัวอยู่นี่นา หล่อนเองก็ไม่รู้ว่าเทวารู้เรื่องนี้มากน้อยแค่ไหนด้วย
“เอ่อ...เขาเป็นนักท่องเที่ยวน่ะค่ะ” มินตราตอบเลี่ยงๆ ไม่อยากเปิดเผยเรื่องราวของโทนี่มากนัก เพราะหล่อนเองก็ยังไม่รู้เรื่องของเขามากพอ
“เหรอ แต่สายรายงานข่าวของอาบอกว่าเขาคนนี้ไม่ธรรมดา รวมถึงนายตำรวจมือดีเพื่อนของเขาคนนั้นด้วย”
มินตราเลิกคิ้วมองผู้มีพระคุณด้วยความแปลกใจ เทวารู้เรื่องของโทนี่กับเพื่อนของเขาด้วยอย่างนั้นเหรอ ทั้งที่หล่อนเองก็ยังไม่ทันได้ปริปากบอกรายละเอียดอะไรเลยนี่นา
มินตราบอกเทวาว่าได้รับการช่วยเหลือจากชายผู้หนึ่งเท่านั้น และไม่ได้บอกว่าเป็นใครมาจากไหน เพราะกลัวเทวาจะไม่สบายใจ เนื่องจากโทนี่นั้นรู้ประวัติของหล่อนจนหมด ซึ่งมันมีผลกระทบต่อสายลับและองค์กรของหล่อนมากทีเดียว
“นี่คุณอา...รู้ว่าพวกเขาเป็นใครหรือคะ” มินตราหยั่งเชิง รู้สึกงงเล็กน้อยที่เทวาดูท่าจะรู้อะไรมากกว่าหล่อนด้วยซ้ำ
“ก็รู้ตอนที่คนของเราเห็นเขากับเพื่อนช่วยมินขึ้นมาจากน้ำนั่นแหละ แต่เห็นว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร คนของเราก็เลยล่าถอยออกมาก่อน เพราะอย่างไรเสียมินก็ปลอดภัยแล้ว”
เทวาอธิบาย เพราะเมื่อเห็นว่ามินตราได้รับการช่วยเหลือจากคนพวกนั้นแล้ว จึงไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่ง กลัวว่าเรื่องมันจะบานปลายไปกันใหญ่ เพราะหนึ่งในนั้นมีสารวัตรเอกพล นายตำรวจเส้นใหญ่คอยบัญชาการอยู่ ต่อให้มีจุดประสงค์เดียวกัน แต่เทวาก็ไม่อยากก้าวก่ายสายงานที่อยู่กันคนละเส้นได้
“อาแค่งงนิดหน่อย ว่าทำไมอาถึงหาตัวมินหลังจากนั้นไม่เจอ พวกเราพยายามหาสัญญาณสุดท้ายของมิน แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า ซึ่งต่อให้มันหลุดหายไปในระหว่างที่มินตกน้ำอย่างที่มินบอกจริง อาก็ว่ามันน่าจะจับสัญญาณได้”
มินตราหลบสายตาผู้มีพระคุณ เมื่อเทวากล่าวถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีก หล่อนบอกไม่ได้ว่าเครื่องส่งสัญญาณนั้นหายไปได้อย่างไร เพราะแม้แต่หล่อนเองก็ไม่รู้ ว่าโทนี่จัดการกับมันแบบไหน มันถึงได้ไร้สมรรถภาพลงไปง่ายๆ ทั้งที่เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ของหน่วยงานพิเศษ มันทั้งทนทานและอยู่ในน้ำลึกได้โดยไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย หรือต่อให้ถูกทุบหรือทำลาย มันก็จะยังมีสัญญาณจากไมโครชิพที่มีขนาดเล็กมากซ่อนอยู่ให้ค้นหาเจอได้
“มินว่ามันน่าจะมีปัญหาอยู่แล้วน่ะค่ะ เลยติดตามหาสัญญาณไม่ได้ ว่าจะให้ทีมงานตรวจสอบอยู่เหมือนกัน แต่ก็ดันมาเกิดเรื่องเสียก่อน มินเองต้องขอโทษคุณอาด้วยนะคะ”
มินตราพยายามบ่ายเบี่ยง พร้อมกับยิ้มเก้อๆ แกล้งเปลี่ยนเรื่องขึ้นมาทันที เทวาไม่ใช่คนโง่มินตรารู้ดี แต่อย่างน้อยก็เบี่ยงเบนเขาให้ลืมเรื่องนี้ไปได้บ้าง
“ไม่เป็นไรหรอก แค่มินปลอดภัยกลับมา อาก็สบายใจแล้วล่ะ”
เทวายิ้มให้ พร้อมกับยกมือขึ้นลูบศีรษะของเด็กสาวที่เขาเห็นมาตั้งแต่เล็กจนโต หล่อนเป็นคนเดียวของครอบครัวที่เขามีอยู่ในตอนนี้ ซึ่งเทวาบอกได้เต็มปากเต็มคำ ว่าทั้งรักทั้งหวงหล่อนมาก
“มีอย่างหนึ่งที่อาต้องเตือนมิน” เทวาพูดขึ้นหลังจากนั้น
“คะ” มินตราเอียงคอถาม
“ผู้ชายคนนั้นอันตรายเกินกว่าที่มินจะข้องแวะด้วย อาไม่รู้ว่ามินกับเขาคนนั้นรู้จักกันได้อย่างไร แต่อาขอนะมิน ไม่จำเป็นก็อย่าไปยุ่งกับเขาอีก คนอย่างโทนี่ วิลล์ เป็นบุคคลที่คาดเดาได้ยากว่าเขาอยู่ฝ่ายไหน ถึงเขาจะเคยช่วยมินก็จริง แต่ก็การันตีไม่ได้ ว่าจริงๆ แล้วในใจเขาต้องการอะไร ความรัก...เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับสมาชิกในหน่วยของเรามานานแล้ว มินเองก็รู้เรื่องนี้ดี อาเองไม่อยากให้มีปัญหาภายหลัง จึงอยากจะเตือนมินตรงๆ”
“แต่มินกับเขาไม่ได้...”
“เรื่องนั้นอาไม่สนใจ แค่มินรู้ว่าตัวเองอยู่ในสถานะไหน และทำอะไรอยู่ก็พอ เอาล่ะ อาไม่กวนมินแล้ว อาขอตัวไปคุยเรื่องงานกับวาทินก่อนดีกว่า มินรักษาตัวให้ดีๆ หายแล้วจะได้ออกไปท่องเที่ยวอย่างที่มินต้องการไงล่ะ”
“แต่ว่านายมังกร...” มินตรายังไม่วางใจ เพราะตอนนี้นายมังกรหนีออกไปได้ แปลว่าภารกิจของหล่อนยังไม่สำเร็จ เพราะฉะนั้นหล่อนจะพักร้อนแล้วออกท่องเที่ยวอย่างที่เทวาบอกได้อย่างไร
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอากับทีมงานเถอะ มินไม่ต้องยุ่งเรื่องนี้แล้ว แค่มินรักษาตัวให้หายก็พอ อาขอแค่นี้” เทวากำชับด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะเดินออกจากห้องของมินตราไปอย่างรวดเร็ว เพราะไม่ต้องการรับฟังอะไรจากหล่อนอีก
มินตราถอนหายใจ ก่อนจะนั่งเงียบๆ บนเตียงด้วยความคิดที่ล่องลอยไปไกลแสนไกล สุดท้ายก็ยกข้อมือที่มีนาฬิกาสีเงินของโทนี่ขึ้นมาแตะเบาๆ ท่ามกลางความรู้สึกที่สับสนวุ่นวาย
เขารู้ว่าหล่อนอยู่ที่นี่ใช่ไหม...
มินตราได้แต่ถามตัวเองอยู่ในใจ โทนี่จะเฝ้ามองหล่อนจากตรงนี้และทุกๆ ที่ที่หล่อนไปใช่หรือเปล่า หรือว่าจริงๆ แล้วเขาแค่โกหกและพูดไปอย่างนั้นเอง เพื่อให้หล่อนตายใจและยอมไว้ใจเขา
แต่เขาจะทำแบบนั้นเพื่ออะไรกันล่ะ หรือจริงๆ แล้วโทนี่ต้องการประโยชน์อันใดถึงพยายามเข้าหาหล่อนแบบนี้ เขาอยู่ฝ่ายไหนกัน ความถูกต้องหรือเงินตรามากมายเหมือนพวกค้ายาพวกนั้นอย่างที่เทวาระแวง
หญิงสาวล้มตัวนอนแผ่หลาบนเตียง ความคิดตีกันจนวุ่นวายปวดหัวไปหมด หล่อนไม่ได้บอกเทวาเรื่องนาฬิกาสีเงินบนข้อมือนี้ เพราะลึกๆ ในใจส่วนหนึ่ง หล่อนยังเชื่อความรู้สึกของตัวเอง โทนี่ไม่ใช่คนร้าย ต่อให้เขามีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวมากเพียงใด แต่มินตราก็รู้สึกได้ ว่าโทนี่ก็คือผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่มองหล่อนด้วยสายตาที่ผู้ชายคนหนึ่งมองผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น เท่านั้นจริงๆ
“เรื่องนายอานัสเป็นไงบ้าง”
เสียงคนคุยกันที่ดังเล็ดลอดออกมาจากห้องทำงานของเทวา ทำให้มินตราที่กำลังเดินผ่านไปถึงกับชะงักกึก ก่อนจะตัดสินใจแอบฟังอย่างเสียมารยาทไม่ได้
“ยังปกติครับท่าน ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ” เสียงวาทิน หนึ่งในมือขวาของเทวารายงาน
“จับตาดูให้ดี หากมันเคลื่อนไหวอะไร ให้รีบมารายงานฉันด่วน” เสียงทรงอำนาจของเทวาดังขึ้น ซึ่งเป็นปกติเวลาที่เขาคุยเรื่องงานสำคัญกับลูกน้อง
“แต่เราจับตาดูเขามานานหลายปีแล้วนะครับท่าน ผมก็ไม่เห็นว่านายอานัสคนนี้จะมีความผิดปกติอะไร หากเป็นหัวเรือใหญ่ในการค้ายาจริงๆ ผมว่าน่าจะเคลื่อนไหวมากกว่านี้”
อานัส...
ทำไมมินตราไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน หญิงสาวขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ เป็นไปได้อย่างไร ที่หน่วยงานของหล่อนติดตามชายผู้นี้มาแล้วหลายปี โดยที่มินตราไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย นายอานัสคนนี้เป็นใครกัน เป็นหนึ่งในผู้ต้องหาคนสำคัญของหน่วยงานหล่อนอย่างนั้นเหรอ
“แกไม่รู้อะไรก็อย่าพูดเลยวาทิน ทำตามที่ฉันสั่งก็พอ อ้อ...แล้วก็อย่าให้ยายมินรู้เรื่องนี้เด็ดขาดเข้าใจไหม”
“ทำไมล่ะครับท่าน” วาทินสงสัย
นั่นสิ! มินตราเองก็สงสัย ว่าทำไมหล่อนจะรู้เรื่องนี้ไม่ได้
“ยายมินกำลังจะไปพักผ่อน ฉันไม่อยากให้ยายมินห่วงงาน” เทวาให้เหตุผล
“อ๋อ ผมเข้าใจแล้วครับ”
มินตราขมวดคิ้ว ก่อนจะรีบเลี่ยงเดินออกไปหลังจากนั้นทันที หล่อนต้องการหาอะไรอุ่นๆ ดื่มแก้อาการปวดหัวเพียงเท่านั้น จึงได้ออกจากห้องนอนเพื่อลงไปยังห้องครัว แต่ก็ไม่คิดหรอกว่าจะได้ยินได้ฟังเรื่องราวของคนที่ชื่ออานัสที่ทุกคนพยายามปิดหล่อนมาหลายปี
มินตราชงโกโก้ร้อนๆ ให้ตัวเองหนึ่งแก้ว ก่อนจะเดินกลับห้องนอนของตัวเองอีกครั้งหลังจากเห็นว่ารถของวาทินขับออกไปแล้ว ตอนนี้หล่อนไม่อยากสงสัยหรือรับรู้เรื่องใดๆ หล่อนอยากพักสมองให้ปลอดโปร่ง จะได้ไม่ต้องเครียดจนปวดหัวแบบนี้อีก
แสงไฟในห้องมืดสนิท ทั้งที่ก่อนออกไปมินตราก็ไม่ได้ปิดไฟแต่อย่างใด หญิงสาวปิดประตูล็อกกลอน ก่อนจะวางแก้วโกโก้ลงบนโต๊ะแล้วมองไปรอบๆ ห้องที่มีเพียงแสงไฟจากด้านนอกสาดส่องให้พอมองเห็นลางๆ
มีบางอย่างผิดปกติไป มินตรารู้สึกได้โดยสัญชาตญาณ แต่จะเป็นใครกัน ที่กล้าหาญเข้ามาในถ้าเสือแบบนี้ได้ มองจากภายนอกแล้วบ้านของเทวาคือบ้านหลังใหญ่ธรรมดาๆ เหมือนคนทั่วไป ทว่าภายในกลับมีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด แถมก่อนจะเข้ามาในบ้านได้ จะต้องมีรหัสผ่านและการแสกนใบหน้าบริเวณหน้าประตูเข้าบ้าน
“อุ๊บ! อื้อ”
มินตราอึกอักในลำคอ เมื่อจู่ๆ ร่างในเงามืดก็เข้าประชิดตัวหล่อนจากด้านหลัง ในขณะที่ฝ่ามือใหญ่ถูกยกขึ้นมาปิดปากหล่อนเอาไว้แน่นเลยทีเดียว
มินตราดิ้นสุดกำลัง ก่อนจะเอี้ยวตัวกลับมาคว้าหมับที่ร่างสูงใหญ่ในเงามืด แล้วหลังจากนั้นก็ทุ่มร่างปริศนาของผู้บุกรุกลงไปยังพื้นห้องทันที
“โอย...”
เสียงครางของผู้บุกรุกทำให้มินตรารู้ว่ามันเป็นผู้ชาย หญิงสาวอาศัยช่วงจังหวะนั้นกระโดดเข้าไปถีบโครมที่แผ่นอกของมัน ในขณะที่ร่างใหญ่นั้นกระเด็นออกไปชนกับขอบโต๊ะจนแก้วโกโก้ร่วงลงสู่พื้นแตกกระจาย
“แกเป็นใคร” มินตราคว้าปืนในลิ้นชักโต๊ะออกมาชี้ไปที่มัน รู้สึกคุ้นๆ กับลักษณะท่าทางของคนในเงามืดอย่างไรชอบกล
“ผมเอง นี่ใจคอจะฆ่าผัวจริงๆ เลยใช่ไหม”
คุณพระช่วย!
มินตราตาเบิกโพลง เมื่อน้ำเสียงคุ้นเคยของคนตรงหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าเขาเป็นใคร ในขณะที่ประตูห้องของหล่อนถูกเคาะเบาๆ สามครั้ง พร้อมกับเสียงตะโกนเอ่ยถามเข้ามาด้วยความสงสัยปนห่วงใย
“ยายมิน เป็นอะไรหรือเปล่า อาได้ยินเสียงโครมคราม”
เสียงเทวาดังเข้ามา ทำให้มินตราจำต้องหันไปมองหน้าประตูด้วยสีหน้าตื่นตกใจเป็นอย่างมาก
เทวาจะทำอย่างไร หากรู้ว่าใครบางคนที่เขาต้องการให้มินตราอยู่ห่างมากที่สุด กำลังอยู่กับหล่อนในห้อง ณ ตอนนี้
“บอกอาคุณไปสิ ว่าผัวมาหา”
***มั่นหน้าเหลือเกินนะป๋า หมั่นไส้ ***
***ฝากโหวต ฝากเมนต์ด้วยจะค้า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คำก็ผัว สองคำก็ผัว ถามจริ๊งๆๆๆเป็นผัวเค้าตอนไหนคะ
จะตอบว่าอะไรน๊าาาาาาาา