ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Proxy War Online (สงครามแห่งอำนาจ)

    ลำดับตอนที่ #79 : ตอนที่ 79 พาชมโรงเรียน และกลับมาหาข้อมูล

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.77K
      31
      16 ก.ย. 56

     

    เฟตที่ออฟไลน์จากเกมออก มาแล้ว ตอนนี้เขาได้แต่กระพริบตาปริบๆ มองดูสภาพรอบตัวอย่างมึนงง เมื่อเห็นว่าหนูน้อยผมดำมานอนอยู่บนตักของเขา โดยเอาขาพาดไปทางคอนโซลเกียร์

    พี่ชายออฟไลน์แล้วเหรอเธอเงยหน้าขึ้นมาถาม ในขณะที่ผู้ถูกถามกำลังมองไปรอบๆตัว ว่ามีใครเห็นฉากชวนคุกนี้บ้าง

    ฮะฮะ ยังล่ะมั้งครับชายหนุ่มตอบเหมือนประชด แต่จริงๆแล้วเขาไม่รู้ว่าจะตอบยังไงต่างหาก

    เด็กสาวส่ายหัวเล็กน้อย แล้วขยับไปนั่งประจำที่ของตัวเอง ซึ่งเฟตก็ใช้เวลาว่างที่เครื่องบินยังไม่เทียบท่า ลงไปคุยกับพวกนักบินถึงเวลาลงรันเว

    หลังจากรู้ว่าภายในครึ่ง ชั่วโมง เครื่องบินจะเข้าเขตท่าอากาศยานกองทัพ ชายหนุ่มเลยกลับมานั่งที่รถเหมือนเดิม แล้วใช้เวลาว่างที่เหลือมองดูเพดานเครื่องบินเหมือนเดิม

    ครึ่งชั่วโมงที่รอ บรรยากาศในรถช่างเงียบเอามากๆ เนื่องจากเฟตไม่ใช่ประเภทคุยกับใครก่อน หรือต่อให้คุยก็พูดน้อย เพราะเป็นคนไม่มีสาระ ส่วนเด็กหญิงผมดำเอง ก็ไม่ใช่คนคุยเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่เรื่องน่าสนใจจริงๆ อย่าหวังว่าจะพูด ฉะนั้น เป้าหมายในการเปิดเรื่องทั้งหมดจึงตกไปอยู่ที่ไนท์ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ยอมตื่น ไม่รู้ว่านอนหลับไป หรือเล่นเกมยังไม่เลิกกันแน่

    ได้เวลาแล้วครับ จับกันหน่อยนะเฟตบ อกผู้โดยสารของตัวเอง เป็นการป้องกันการกัดลิ้นหากมีการกระแทก หลังจากบอกเสร็จ ชายหนุ่มก็ใส่เกียร์ถอยพารถคู่ใจถอยลงจากเครื่องบินขนส่งกองกำลังทหาร ซึ่งได้รับอภิสิทธิ์พิเศษในการจอดในท่าอากาศยานของทหารอากาศ

    เมื่อรถซีดานสีดำลงจอดในท่าขนส่งกองทัพ บรรดาทหารก็พากันจ้องมองอย่างแปลกใจ ว่ารถคันนี้เป็นของใครและมาได้ยังไง ใช่ของกรมสรรพกร (รถยึดภาษี) หรือเปล่า แต่พวกเขาก็ทำได้แค่สงสัย เนื่องจากทางผู้บัญชาการท่าได้สั่งมาแล้วว่า อนุญาตให้ทุกสิ่งที่มาจากเครื่องบินของกองทัพพันธมิตร มีอิสระไม่จำเป็นต้องตรวจค้นใดๆ

    เฟตเห็นว่าคนรอบข้างไม่ ใส่ใจมากแล้ว ตนก็พารถของตัวเองวิ่งออกจากท่าอากาศยาน ซึ่งก่อนออกต้องมีการผ่านด่านตรวจเล็กน้อย แต่เมื่อเขาได้สิทธิพิเศษแล้ว อะไรก็ไม่ต้องห่วง ทางฉลุยแน่นอน

    อ้าว ออกมาแล้วเหรอเนี่ยไนท์ถามด้วยอาการงัวเงียเหมือนพึ่งตื่น

    แล้วนายจะไปไหนก่อนดีเฟตกลับถามไปคนละเรื่อง เพราะเขาได้ยินเสียงลมหายใจที่ถี่ขึ้นตั้งแต่ถอยรถลงมาจากเครื่องบินแล้ว อีกอย่าง ทำไมถึงชอบมีคนถามคำถามแปลกๆ ทั้งๆ ที่ มองเห็นๆกันอยู่

    เค้าเหรอ คงจะไปกระทรวงกลาโหม กับสถานทูตหรือกงสุลล่ะมั้ง รายงานตัวให้ทางนี้เขาแจ้งไปทางนู้นก่อนว่าปลอดภัยแล้วไนท์อธิบายยาวเหยียด ในขณะที่เฟตก็ใส่เกียร์เพิ่มความเร็วรถให้พุ่งทะยานไปตามถนนหลวงใหญ่

    แหม ยังขับได้เร็วเหมือนเดิมเลยนะชายหนุ่มในรูปร่างหญิงสาวชมเชย เมื่อเห็นความเร็วรถเพิ่มมาถึง 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้ว โดยผ่านการใส่เกียร์แค่ 3 ชั้นเท่านั้น

    อืมเฟตตอบสั้นๆเหมือนเดิม แล้วคงความเร็วไว้แค่นี้ เนื่องจากเกินกว่านี้จะผิดกฎหมายของเส้นถนนหลวง

    จะว่าไป หนูน้อย จะไปไหนก่อนหรือเปล่าน่ะเฟตหันมาถามหนูน้อยที่นั่งมองบรรยากาศโดยรอบอย่างตื่นตาในสถานที่

    ไปค่ะ พี่ชายต้องพาหนูไปรับใบอนุญาตที่กรมการปกครองกับกรมกงสุลก่อน จากนั้นค่อยไปรายงานตัวที่โรงเรียนเด็กหญิงตอบเสร็จก็หันไปมองรอบๆตัวต่อ ส่งผลให้เฟตผู้ถามต้องถอนหายใจ แต่ละที่ ที่เขาจะต้องไปนี่ ไกลๆทั้งนั้นเลยนะเนี่ย

    ครับๆหลังจากถอนหายใจจนไม่รู้จะถอนยังไง เฟตก็ใส่เกียร์พร้อมกับเปิดสัญญาณขอทางที่ด้านหน้า

    ไฟสีขาวน้ำเงินกระพริบ สลับกันไปมา รถทั่วไปที่อยู่บนท้องถนนยอมหลบให้แต่โดยดี เพราะรู้กันว่ารถประเภทนี้ส่วนใหญ่เป็นรถของรัฐบาล ซึ่งได้รับอนุญาตการใช้ไฟฉุกเฉินแล้ว และเฟตก็เป็นคนผู้หนึ่ง ซึ่งได้รับอนุญาตแล้ว จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

    1 ชั่วโมงในการขับรถข้ามเขต เฟตก็พา 1 ผู้โดยสาร กับ 1 ผู้ที่เขาต้องดูแล มาถึงเขตราชการ ที่อัดแน่นไปด้วยสารพัดที่ทำงาน

    ไนท์กับหนูน้อย พากันเข้าไปก่อนนะครับ เดี๋ยวผมตามขึ้นไปสารถีรถกล่าวหลังจากจอดรถเทียบหน้าสำนักงานกรมการปกครอง

    อืมไนท์พยักหน้าให้ ขณะที่หนูน้อยมองเฉยๆ ก่อนจะพูดในสิ่งที่เฟตต้องสะอึก

    สูญเสียสิ่งที่รักไปเหรอพี่ชายเนื่องจากเธอสังเกตอยู่นานแล้ว จึงพอจะรู้ว่าชายคนนี้มีความคิดที่ขัดกับหน้าตาที่เหมือนคนตายยังไง

    ฮะฮะ รีบๆเข้าครับ เดี๋ยวต้องไปต่ออีกหลายที่เฟต บ่ายเบี่ยงไม่อยากบอก แต่ก็จริงอย่างที่เธอว่าไว้นั่นแหละ ตอนนี้จิตใจของเขากำลังบาดเจ็บ เนื่องจากพึ่งสูญเสียของสุดรักในเกมไป แม้มันจะเป็นแค่เกม แต่ก็ให้ความรู้สึกดีต่อเขาเป็นอย่างมาก บางที คำว่าโลกแห่งความจริงกับเกม สิ่งที่สำคัญมากกว่ากัน คือโลกไหนที่อยู่แล้วสบายใจมากกว่า เขาพอจะรู้ขึ้นมาแล้วว่า คนที่ตายแล้วเข้าไปในเกมรู้สึกยังไง

    ตายแล้วไปอยู่ในเกมงั้น เหรอ แล้วใครเป็นผู้ริเริ่มและคิดค้นกันล่ะ ในเมื่อสัญญาณสมองครั้งแรกๆ ไม่ได้อยู่ในขั้นตรวจสอบได้ง่ายๆแบบนี้ มันต้องผ่านการทดสอบ ทดลองมามากมายก่อนจะมาเป็นได้ถึงทุกวันนี้นี่นา อย่างเช่นการทดสอบยาปฏิชีวนะ ยังต้องใช้นักโทษประหารในการทดลองเลย หรือว่า เกมนี้จะมีอะไรที่เขายังไม่รู้อีก

    เฮ้อ สงสัยช้าไปแล้ว เสือเอ๋ยเฟต พึมพำใส่ตัวเอง แหงล่ะ มาถึงนี่แล้ว ทำไมพึ่งมาสงสัยกัน ในเมื่อไปถึงที่แล้ว ควรจะสอบถาม และสอบหาให้รู้ว่าเป็นยังไงมายังไง แต่น่าเสียดายจริงๆ ที่อารมณ์ของเขาในตอนนั้นยังไม่ปลอดโปล่งเท่าไหร่ ความคิดที่จะสนใจสิ่งรอบด้านจึงน้อยมากลงไปด้วย

    ชายหนุ่มยังคงงึมงำขณะเดินขึ้นสำนักงานราชการไป จนกระทั่ง เขาได้ยินเสียงเหมือนคนทะเลาะกัน จึงรีบเดินเข้าไปฟังใกล้ๆ

    เค้าเป็นผู้ชายจริงๆนะ ทำไมหาว่าเป็นผู้หญิงล่ะเนี่ยเสียง ของไนท์แน่นอน เฟตมั่นใจ เขาเลยเดินเข้าไปดู แล้วก็พบว่าเพื่อนของเขาทุบโต๊ะใส่หน้าพนักงานหนุ่มคนหนึ่ง ที่ส่ายหน้าไม่เชื่อในคำๆนั้น

    คุณอย่ามาล้อผมเล่นเลยครับ เดี๋ยวผมจะออกใบวีซาไม่ได้พนักงาน หนุ่มยังกล่าวเสียงนิ่มเหมือนเดิม ทำให้ไนท์ชายหนุ่มหน้าสวยกัดฟันกรอด แล้วได้แต่โทษตัวเองที่ลืมเอาบัตรราชการทหารมา ไม่งั้นล่ะก็ ได้ตะลึงแน่

    เขาเป็นผู้ชายจริงๆ ผมรับรองเป็นเฟตที่รับรองพร้อม กับยกบัตรราชการให้ดู ส่งผลให้พนักงานหนุ่มกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะกลับมามองที่ไนท์ จากนั้นสายตาก็เศร้าลงก่อนที่เฟตจะลอบอ่านปากที่บอกว่า โคตรเสียดายความสวยเลย

    ขอบใจมากไนท์หันมาขอบคุณ ก่อนจะกระโดดเข้ามากอด ดีที่เฟตรู้นิสัยหมอนี่ดีอยู่แล้ว ตนเลยโยกหลบมือได้ทัน

    แล้วหนูน้อยคนนี้ล่ะครับหลังจากคีข้อมูลลงระบบไป แล้ว พนักงานหนุ่มก็หันมาถามเฟต เนื่องจากตั้งแต่เข้ามา เด็กคนนี้ไม่พูดอะไรเลยสักคำ เอาแต่นั่งอยู่บนเก้าอี้รับแขก

    เอ่อเอาล่ะซิ ตรูก็ไม่รู้เหมือนกัน เฟตคิดว่างั้น

    แต่ก่อนที่ปัญหาเล็กๆจะ กลายเป็นปัญหา โลกแตก โทรศัพท์บนโต๊ะของพนักงานหนุ่มก็ดังขึ้น เฟตที่ปรายตาไปเห็นชายร่างท้วมในห้องทำงานกระจกใสด้านหลังยกหูโทรศัพท์ขึ้น มาพร้อมกัน ก็เดาว่า คนข้างในคงได้รับข้อมูลจากไหนมาแล้วแน่ๆ

    และก็จริงดั่งคาด เมื่อพนักงานหนุ่มคีข้อมูลลงในคอมต่อ โดยไม่สนใจจะถามอะไรอีก หลังจากเซฟข้อมูลลงระบบกลางไปแล้ว เขาก็ยื่นบัตรประจำตัวโดยดึงข้อมูลลิงค์จากต่างประเทศมา โดยใช้ชื่อของกรมการปกครองเป็นผู้ออกบัตรให้

     

    แล้วจะไปโรงเรียนก่อนเลย ใช่มั้ยครับ หรือไนท์จะไปที่ทำการก่อนหลังจากเข้ามาในรถ เฟตก็ถามถึงเป้าหมายต่อไป ตอนนี้ 2 คนที่เขาพามาด้วยไม่ใช่คนเถื่อนอีกต่อไปแล้ว

    ส่งเค้าก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวจะได้คุยเรื่องอาวุธกับทางกระทรวงเลยไนท์ตอบก่อนจะรัดเข็มขัด ส่วนเด็กสาวก็รัดตาม เอาตามนั้นแหละ

    เมื่อได้ทราบเป้าหมาย เฟตก็พาผู้โดยสารทั้งหมดวิ่งตรงไปยังกระทรวงกลาโหมที่อยู่ใจกลางระหว่างกอง ทัพทหารหน่วยต่างๆ ซึ่งเมื่อมาถึง เขาก็จอดส่งไนท์ แล้วออกตัวหนีทันที ป้องกันการถูกเรียกตัวเข้าหน่วยงานไป

     

    พี่ชายในขณะที่เฟตกำลังขับรถอยู่ เด็กสาวก็เรียกเบาๆ ก่อนจะปีนมานั่งที่เบาะด้านหน้าคู่คนขับ

    ว่าไงครับชายหนุ่มหันมายิ้มถาม ขณะชะลอความเร็วรถ เนื่องจากอยู่ในเขตเมือง รถค่อนข้างเยอะ

    เราเจอเพื่อนด้วยล่ะ แต่เป็นในเกมเด็กสาวยังคงพูดต่อ แต่ด้วยท่าทางกระตือรือร้นของเธอ ส่งผลให้เฟตเอื้อมมือไปลูบหัวให้ด้วยความเอ็นดู

    ดีแล้วล่ะครับ แหมดีจัง พึ่งมาวันแรกก็ได้เพื่อนแล้ว

    อื้อ แถมเธอยังแปลกๆ ด้วยล่ะ

    ฮะฮะ แปลกๆเหรอเฟตหัวเราะเล็กน้อย ขณะมองดูแผนที่โรงเรียนซึ่งโหลดมาจากระบบดาวเทียมนำทาง

    โห เขตนอกด้วยแหะชายหนุ่มพึมพำ พร้อมกับกลับรถวิ่งไปอีกทาง หลังเห็นว่า ตนเองขับรถหลงทิศไปซะแล้ว

     

    2 ชั่วโมง กับการวิ่งหาโรงเรียนของเด็กหญิง ซึ่งเฟตถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก นึกว่าจะพากันหลงทางซะแล้ว

    อืม ที่นี่มันชายหนุ่มพึมพำขณะขับรถ คู่ใจวิ่งเข้าไปในรั้วโรงเรียน ไม่ซิ น่าจะเรียกว่าเขตมหาวิทยาลัยมากกว่า เนื่องจากอาณาเขตของโรงเรียนนี้โดยรอบ น่าจะใหญ่พอๆกับ บริษัทพร็อซซี่ยักษ์ใหญ่เลยทีเดียว

    พี่ชายไม่เคยมาเหรอเด็กสาวเอียงคอถาม เฟตดูจะตื่นตากับโรงเรียนนี้เป็นอย่างมาก

    ตอนเล็กๆ พี่ชายเรียนโรงเรียนบ้านนอกน่ะ ไม่เคยเข้ามาโรงเรียนในเมืองซะทีชายหนุ่มเกาหัวตอบ

    มิน่าล่ะเด็กสาวจุ๊ปากเล็กน้อย แล้วชี้นิ้วให้เฟตขับรถไปทางนั้น ดีที่วันนี้เป็นวันหยุดของโรงเรียน การจราจรภายในจึงโล่งโปร่งสะดวก แม้จะมีนักเรียนมาพักผ่อนเป็นจำนวนมากก็ตาม

     

    เฟตขับรถพาเด็กสาวเข้ามา ลึกภายในตัวโรงเรียนมากขึ้น แล้วเขาก็พบกับจำนวนเด็กที่มากขึ้นเรื่อยๆ แม้จะพูดว่าเด็ก แต่ก็มีช่วงอายุและวัยที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น เด็กหญิง เด็กสาว หรือแม้กระทั่งวัยรุ่นตอนปลาย ภายในโรงเรียนนี้ก็ยังมี จนชายหนุ่มเริ่มเอะใจแล้วว่า ที่นี่ต้องไม่ใช่โรงเรียนเด็กมัธยมหรือประธมอย่างเดียวแน่ และก็จริงดั่งคาด เมื่อลึกเข้ามาอีก เขาได้พบเห็นวัยรุ่นหลายช่วงวัยนั่งพักผ่อนอยู่ ตามจุดต่างๆ ที่โรงเรียนจัดเป็นโซนพักผ่อน

    ใช่ ค่ะ พี่ชาย ที่นี่เป็นโรงเรียนผสม เขตภายในคือมหาวิทยาลัย ส่วนเขตภายนอกเป็นระดับชั้นที่ลดลันลงมา ตั้งแต่ช่วงมัธยม ยันเด็กฝากเลยทีเดียวเด็กสาวเริ่มอธิบายให้ฟัง เมื่อเห็นเฟตเริ่มสงสัยว่าใช่ที่นี่จริงๆเหรอ

    อ้าว ทำไมถึงรู้ล่ะครับชายหนุ่มหันมาถาม ที่เขาไม่รู้เพราะไม่ได้เรียนในเขตเมืองหลวง ใหญ่ แถมพอจบมาก็ทำงานลูกเดียว จนไม่รู้ว่ามีโรงเรียนผสมแบบนี้อยู่ด้วย

    ศึกษามาก่อนแล้วน่ะค่ะ อ้อ จอดอาคารนั้นนะเด็กสาวตอบแล้วชี้นิ้วไปตรงลานจอดรถหน้าตึก ซึ่งมีการตกแต่งที่ดูหรูหราเอาการเลยทีเดียว

     

    เฟตจอดรถแล้วพาเด็กสาว ขึ้นตึกอำนวยการทันที ซึ่งก้าวแรกที่ขึ้นไปบนตึก เขาก็พบกับสายตาที่จับจ้องมารอบทิศทาง แต่เพียงพริบตาเดียว สายตาเหล่านั้นก็ละความสนใจ เหมือนกับเห็นเป็นเรื่องปกติ

    ชายหนุ่มกระพริบตาให้กับ บรรยากาศแปลกๆ เมื่อสักครู่ จากนั้นก็หันมามองเด็กสาวที่เปลี่ยนเป็นโหมดหนูน้อยเงียบสงบ ซึ่งเธอกำลังทบทวนความจำเรื่องทิศทางต่างๆ จากที่ได้ศึกษามา

    หลังจากจำได้แล้ว เด็กหญิงก็พาชายหนุ่มเดินตรงไปยังชั้นบน ดีที่โรงเรียนนี้มีลิฟต์ เขาจึงไม่ต้องเดินขึ้นไปถึงชั้น 7 ชั้น 8 ที่เด็กสาวชี้ให้ดูว่า ผู้อำนวยการอยู่บนนั้น

    เมื่อขึ้นมาถึงชั้นบน แล้ว พวกเฟตก็พบกับครูเวรที่กำลังรดน้ำต้นไม้ฆ่าเวลาอยู่ ซึ่งเขารับอาสาเป็นผู้นำทางให้ หลังจากติดต่อสอบถามกันแล้ว

    ก๊อกๆ!! ทันทีที่มาถึงหน้าห้องผู้อำนวยการ ครูเวรหนุ่มร่างกำยำก็เคาะประตูไม้สักอย่างดี หลายครั้ง

    แปลกแหะไหงผู้อำนวยการถึงมาอยู่ที่นี่ในวันหยุด แต่ช่างมันเถอะเฟตสงสัยแค่แป๊บเดียว เขาก็ละความสนใจ พร้อมกับประตูที่เปิดออก

    ชายหนุ่มถูกครูเวรพาตัว เข้าสู่ห้องสืบสวน ใช่แล้ว เหมือนห้องสืบสวนจริงๆ เมื่อเข้ามาถึงเขาก็พบกับห้องขนาดใหญ่ ที่ใจกลางมีโต๊ะประชุมยาวซึ่งเก้าอี้ทุกตัว มีบรรดาชายหญิง ทุกช่วงวัยนั่งอยู่ เหมือนรอคอยเวลามาเต็มที่

    อืม นึกว่าจะมาเย็นกว่านี้ซะอีกหญิง สูงวัยที่นั่งหัวโต๊ะพึมพำพร้อมกับยกใบกำหนดการอะไรบางอย่างขึ้นมาดู จากนั้นก็วางใบนั้นลงพร้อมกับจ้องมาทางเด็กหญิงที่เกาะติดเฟตไม่ห่าง

    หนูน้อย พูดภาษาของที่นี่ได้มั้ยคุณ ป้าคนเดิมถามพร้อมกับผายมือเชิญให้มาข้างๆ แต่เด็กสาวกลับเงียบไม่ตอบคำ แถมไม่ยอมขยับ จนบรรดาครูอาจารย์ต้องหันมามองเฟต ซึ่งพวกเขาคิดว่า เป็นล่าม

    เธอเป็นคนไม่ค่อยพูดครับ แต่รู้ภาษาของประเทศเราแน่นอนชายหนุ่มพยักหน้าตอบแทนหนูน้อยที่ไม่ยอมพูดกับคนที่ไม่สนิท

    งั้นเหรอคะ งั้นเอาเป็นว่า หนูน้อยจะพร้อมเข้าเรียนวันไหน เพราะเท่าที่คุยกับรุ่นพี่มา เขาไม่ได้บอกเอาไว้เลยอ้าว เป็นเพื่อนกับพอซ หรือด็อกเตอร์ซีเหรอเนี่ย มิน่าล่ะ ทำไมถึงรอแบบนี้และรู้ว่าจะมาภายในวันนี้

    เฟตหันมามองเด็กสาวเล็กน้อย ซึ่งเธอก็มองโต้ตอบกลับมา ชายหนุ่มยังไม่ทันถามซ้ำ เธอก็ขยับปากบอกแล้ว

    เอาเป็นวันเปิดเรียนเลย แล้วกันนะครับเฟตก ล่าวตามที่เธอบอกมา ซึ่งทางครูอาจารย์ต่างหันไปมองหน้ากัน เพราะแปลกมาก ที่เด็กซึ่งมาจากต่างประเทศเพียงวันแรก อยากจะมาเรียนเลย ทั้งๆที่ควรจะปรับตัวให้ได้มากกว่านี้อีกหน่อย

    แน่ใจนะผู้อำนวยการถามซ้ำอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เด็กสาวพยักหน้าให้เอง เป็นเชิงว่าเมื่อกี้เฟตบอกตามที่เธอบอก

    งั้นก็ได้ค่ะ ทางเราจะแจ้งไปทางกระทรวงศึกษาก่อน แล้วถ้ายังไง วันเข้าเรียนวันแรก ขอให้มาเร็วๆหน่อยนะคะ ทางเราจะได้เตรียมการได้ทันหญิงสูงวัยกล่าวจบก็ยื่นใบบางอย่างให้คนข้างๆ จากนั้นก็เวียนมาจนถึงมือของเฟต

    ชายหนุ่มอ่านกระดาษที่ เวียนมาถึงอย่างสนใจ แล้วเมื่อเห็นว่าวันมาเรียนควรจะมาอะไรยังไงวันไหน ก็พยักหน้าพร้อมกับยื่นให้เด็กสาวได้อ่าน

    งั้นผม ขอตัวก่อนเลยนะครับเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว เฟตก็พาเด็กสาวออกจากห้องผู้อำนวยการที่กลายเป็นห้องประชุมออกไปทันที

     

    คล้อยหลังประตูปิดไปแล้ว เหล่าครูอาจารย์ทั้งหลายก็พากันมองไปยังผู้อำนวยการของตัวเอง ซึ่งกำลังอ่านข้อมูลที่ทางประเทศฟรานซ์ส่งมาให้ หนูผมดำคนนั้นไม่ได้เรียนที่โรงเรียนไหนมาก่อน แถมยังมีนิสัยเงียบๆ และแปลกประหลาดมาก แล้วตามที่ได้เห็นมา ดูเหมือนจะจริงเสียด้วย

    แต่น่าแปลกจริงๆ ไม่ได้เรียน ทำไมถึงรู้ภาษาของบ้านเราผู้ อำนวยการพึมพำขณะวางเอกสารที่ทางการทูตส่งมาให้ เด็กสาวคนนี้ถูกรับรองจากประเทศฟรานซ์เป็นอย่างดี แถมทางประเทศนี้ ก็ยังยอมให้ทุกอย่าง โดยไม่สืบความอะไรเลย น่าจะเป็นเพราะการสนับสนุนเงิน และงบประมาณภายในล่ะนะ

     

    หลังจากออกมาจากตึกอำนวยการ เฟตก็พาเด็กสาวเดินชมรอบๆ ตึกเล็กน้อย เพื่อเปิดหูเปิดตา และจะได้คุ้นเคย

    โรงเรียนนี้มีการตกแต่ง ที่ดีมากๆ ทุกสถานที่อันเป็นพื้นที่ว่าง จะเต็มไปด้วยสวนหย่อมหรือสถานที่พักผ่อน เพราะสำหรับแอบมาอู้เป็นอย่างมาก

    ถ้าถามว่าโรงเรียนไหนตอบ โจทย์ปัญหาความต้องการของเด็กได้ดี เฟตคงจะบอกว่าโรงเรียนนี้แน่นอน เพราะเท่าที่เขาลองสังเกตดูแล้ว ในโรงเรียนแห่งนี้มีสถานที่อำนวยความสะดวก และเป็นสถานที่ฝึกยอดนักกีฬาให้ชาติมากมาย อาทิเช่น สนามบอล ซึ่งมีเด็กหลายสิบคนวิ่งไล่กระทืบบอลอยู่ สนามมวยที่มีชายหนุ่ม 2 คน กำลังปล้ำกันจนติดเชือก ถ้าเฟตตาไม่ฟาดไป เขาเห็นแม้กระทั่งจับหลังเพื่อนมาทุบเข้ากับเข่า ช่างเป็นสนามมวยที่ต่อยกันได้น่ารักดีจริงๆ

    น่าจะพอรู้จักแล้วใช่มั้ยครับ กลับกันเลยดีมั้ยเฟตหันมาถามเด็กสาวที่ยังเงียบเหมือนเดิม ตามนิสัยของเธอ

    อื้อเด็กสาวพยักหน้าให้เบาๆ พร้อมกับจับมือของเฟต ถ้ามองจากมุมนอกอาจจะเห็นเป็นพี่น้องที่รักกันดี แต่ถ้ามองจากมุมของชายหนุ่ม เขาจะเห็นว่าขาตัวเองเฉียดคุกขึ้นทุกที

    แต่ก่อนที่เงาหัวจะหายเข้าตารางไป เสียงตระโกนโหวกเหวกก็ดั่งแว่วเข้ามา พร้อมกับมีลูกอะไรบางอย่างกลมๆ พุ่งลงมาจากฟากฟ้า

    นั่นมัน เบสบอลเหรอเฟตพึมพำเมื่อเห็นลูกบอลนั้นได้เต็มๆตา แต่กว่าจะมีคนตอบ ลูกบอลนั้นก็พุ่งเข้าหาเด็กสาวข้างตัวเสียแล้ว

    ด้วยปฏิกิริยาที่เหนือ มนุษย์ทั่วไป ชายหนุ่มพุ่งตัวเข้าไปขวางทันทีแบบไม่คิดมาก เพราะการกระชากเธอเข้าไปหา กับเอาตัวเข้าไปบัง อย่างหลังรู้สึกจะปลอดภัยมากกว่า

    ปึก!!! เสียงลูกบอลที่กระแทกเข้ากับเสื้อสูท ส่งผลให้ชายหนุ่มสะอึกออกมาเล็กน้อย ในขณะที่เด็กสาวได้แต่จ้องมองตาค้าง

    เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ดูอายุน่าจะต่ำกว่าเฟตไม่มากวิ่งเข้ามาหาด้วยใบหน้าซูบเซียวหลังเห็นเพื่อนตัวเองบ้าพลังฟาดบอลมาซะไกลลิบ

    เอ่อ พี่ชาย ขอโทษนะ ว่าแต่ ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย

    อืมเฟตยันตัวลุกขึ้นมาตอบ ส่วนสายตาก็กวาดมองไปทั่ว เมื่อเห็นเด็กนักเรียนที่มาใช้สถานที่พากันมองมาทางเขา

    ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ขอตัวนะครับชายหนุ่มกล่าวกับเด็กที่ยืนหน้าเครียดอยู่

    เอ่อ แต่พี่ชาย พี่ไม่.....เด็ก หนุ่มกำลังจะถามว่าไม่บาดเจ็บจริงๆน่ะเหรอ ก็ถูกสายตาของเด็กสาวในชุดเดรสยาวสีดำจ้องอยู่ แววตานี้ดูแล้วช่างชวนขนลุกจนต้องหลบตาเลยทีเดียว

     

     หลังจากเฟตมาถึงรถแล้ว เขาก็ถอดเสื้อสูทออกมา ก่อนจะพลิกดูซ้ายดูขวา

    ดีนะ ที่เป็นเสื้อเกราะ ถ้าไม่ใช่ คงจะกระอักเลือดแน่ๆชาย หนุ่มหัวเราะในจมูกให้กับตัวเอง แต่ด้วยความรู้สึกที่เหมือนถูกใครจ้องอยู่ จึงมองกระจกหลัง แล้วก็พบกับเด็กสาวที่ทำหน้าเรียบเฉยตามสไตล์ แต่บนคิ้วประดับไปด้วยความไม่พอใจ

    เป็นอะไรเหรอครับ โดนอะไรหรือเปล่าเฟตหันขวับมาถามทันที

    ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แต่พี่ชายทำแบบนี้บ่อยมั้ยคะเด็กสาวย้อนถามกลับ ขณะปีนมานั่งที่ด้านหน้า

    บ่อยมั้ยเหรอ ก็ไม่บ่อยนี่ถ้าหมายถึงเหตุการณ์ปกป้องใครล่ะก็ ไม่บ่อยหรอก เพราะส่วนใหญ่จะเป็นปืน กว่าเขาจะรู้ตัว เพื่อนก็ตายแล้ว จะไปปกป้องใครทันล่ะ

    อย่าทำแบบนี้เพื่อปกป้องเราอีกนะอยู่ๆเด็กสาวก็เข้าโหมด สาวงอนซะงั้น เฟตเลยกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะก้มลงต่ำเพื่อมองหน้าเธอชัดๆ น้ำตาก็ไม่ไหลนี่หว่า จะมีก็แต่สายตาที่ดูสับสนเหมือนกับยอมรับความจริงไม่ได้

    เพราะอะไรถึงไม่ยอมให้พี่ปกป้องล่ะครับเด็กหนุ่มถามก่อนจะลูบหัวเธอเบาๆ ซึ่งเด็กสาวก็เงยหน้ามามองเขา ก่อนจะตอบในสิ่งที่เขาต้องแปลกใจ

    เพราะคนที่ปกป้องเราทุกคน ไม่มีใครอยู่กับเราได้จนวันตายเลยน่ะซิ

    ฮะฮะพอฟังถึงเรื่องแบบนี้ที ไร เฟตกลับรู้สึกแปลกๆ ทุกที เขาไม่ตอบรับคำจึงหัวเราะกลบเกลื่อนก่อนจะพารถซีดานคันงามวิ่งออกจาก โรงเรียนสุดใหญ่ ตลอดระยะทางที่ชายหนุ่มขับกลับบ้าน เด็กสาวไม่พูดอะไรเลย นอกจากก้มหน้ามองมือของตัวเองที่กุมผ้าตรงหัวเข่าอยู่

     

    ภายในบ้านธำรงพักตร์ รถซีดานสีดำคันโปรดของเฟตวิ่งเข้าเทียบท่าอยู่ตรงทางเข้าบ้าน สิริภพวิภา และชิออนพากันมายืนรอกันอย่างใจจดใจจ่อ ส่วนหนูน้อยนามนาตาชาก็มารอด้วย แม้จะหลบอยู่หลังประตู แต่ก็นับว่ารอล่ะนะ

    อ้าว มารอกันขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย เขินนะครับชาย หนุ่มชุดสูทสีดำหัวเราะกล่าว หลังจากลงมาจากรถแล้ว ในตอนแรกพวกสิริภพกำลังจะยิ้มให้อยู่หรอก แต่เมื่อเห็นเฟตพาใครมาด้วย ก็ต่างหันไปมองหน้ากัน ก่อนจะโฟกัสกลับไปหาเด็กสาวผมดำในชุดเดรสโกธิกยาวสีดำ

    เอ่อ พี่ ผมว่าพี่เฉียดคุกเข้าทุกทีๆ แล้วนะครับเป็นคำทักทายของชิออน ที่ได้แต่ทำหน้าไม่เชื่อ ว่าพี่ชายตนเองจะชอบกินเด็ก

    ฮะฮะฮะ งานครับงาน อย่าคิดแบบนั้นซิเฟตหัวเราะแห้งๆให้ ใครมันอยากจะเข้าคุกกัน พรากผู้เยาว์นี่มัน 3 ปี เลยนะเฟ้ย

    อืม พ่อทราบจากทางกองทัพแล้วล่ะ ทางนั้นเขายินดีอย่างมากด้วย ที่ลูกได้งานนี้ จนสามารถมาพัฒนาอาวุธที่มีอยู่ได้ แต่ว่า ........ ลูกไม่ได้ชอบเด็กจริงๆใช่มั้ยคำสุดท้ายสิริภพกระซิบถาม

    ฮะฮะ ถ้าพูดกันตามจริง ใจผมไม่เคยคิดอกุศลอะไรกับพวกเธอเลย กลับกันผมแค่อยากเลี้ยงดูให้พวกเขาเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในวันหน้าครับเฟตตอบด้วยใบหน้าจริงจัง ความคิดของเขาเป็นแบบนี้จริงๆ ถ้าเด็กได้รับการแนะนำและเลี้ยงดูที่ดีจริง วันหน้าในอนาคตพวกเขาจะต้องเป็นกำลังที่เข้มแข็งของประเทศแน่ๆ แต่ช่างน่าเสียดายจริงๆ ที่อนาคตของชาติต้องมาหมดทางเดิน เพราะคำว่าเพื่อน หรือพ่อแม่ที่เลวทราม

    ดีแล้วจ๊ะลูก ว่าแต่ น้องหนูคนนี้ชื่ออะไรน่ะวิภาเห็นด้วยความคิดนี้

    เอ่อ นั่นดิ ชื่ออะไรหว่าเฟตหัวเราะแห้งๆ แล้วหันมามองหนูน้อยข้างตัว ตอนนี้ยังรอคอยคำสัญญาของเขาอย่างใจจดใจจ่อ

    อ่ะแต่เมื่อสายตาของเธอกวาดมองเลยผ่านพวกสิริภพจนไปเห็นสาวน้อยผมขาว ก็อุทานออกมา เช่นกันกับนาช่า ที่พยักหน้าให้เหมือนกับจำได้แล้ว

    เอ๋เฟตมึนงงเมื่อเห็นนาตา ช่ากับน้องหนูคนนี้ทำหน้าเหมือนรู้จักกัน งั้นรู้จักกันก็ดี ชายหนุ่มเลยเรียกให้นาช่าลงมาใกล้ๆ ก่อนจะทักทายเธอด้วยการลูบหัวเล็กน้อย

    นาตาช่ากับน้องหนูผมดำ ยืนมองหน้ากันสักพัก ก็สลับระหว่างคนตรงหน้ากับผู้ชายในชุดสูทข้างตัว จากนั้นก็หันกลับมามองหน้ากันก่อนจะพยักหน้าให้

    เอ่อ มีพลังจิตสัมผัสถึงกันด้วยเหรอเฟตที่พอจะเข้าใจว่าเด็กสาว 2 คนนี้เจอกันในเกมแล้ว เลยถามออกมา

    2 หนูน้อยหันไปมองหน้าชายหนุ่มอีกครั้ง จากนั้นก็ละความสนใจ เดินมายืนคู่กันเฉยเลย ทิ้งให้เฟตได้แต่ทำหน้ามึนงง นี่พวกเธอไม่ขยับปากก็ยังรู้เรื่องกันขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

    ตกลงไม่รู้ชื่อซินะ งั้นไม่เป็นไร กินข้าวกันมาหรือยังล่ะ ไปกินข้าวกันก่อนไป๊วิภาไล่พร้อมกับเข้าไปจูงมือ 2 เด็กสาวเข้าไปในบ้าน

    ต้องเข้าใจ ว่าแม่แกอยากได้ลูกสาว ใหม่ๆก็งี้ง่ะ เห่อสิริภพตอบแล้วเดินเข้ามากอดคอเฟตเข้าไปในบ้าน

    เมื่อสมาชิกในครอบครัว อยู่ครบ อาหารเย็นภายในบ้านธำรงพักตร์วันนี้  บรรยากาศการกินข้าวเย็นดูจะคึกคักและอบอุ่นแบบแปลกๆ อาจจะเป็นเพราะห่างกันมานานก็เป็นได้

     

    ว่าแต่ วันนี้จะให้ 2 หนูน้อยนอนที่ไหนล่ะวิภาถามหลังจากแยกย้ายออกมาจากห้องอาหาร

    เอ่อ ปกติให้นอนที่ไหนเหรอครับ หนูนาช่าน่ะเฟตย้อนถามกลับ

    นอนห้องลูกนั่นแหละ ว่าแต่หนูน้อยอีกคนล่ะ

    เอ่อ ให้นอนห้องผมก็ได้ครับ ดูพวกเธอจะสนิทกันดี เดี๋ยวผมจะไปนอนกับน้องชายก็ได้

    งั้นแม่ไปนอนห้องลูกนะวิภากล่าวอย่างกระตือรือร้น

    ได้ซิครับเฟตยิ้มตอบอย่างอ่อนโยน เป็นเรื่องยากมากเลย ที่จะเห็นแม่บุญธรรมกระตือรือร้นขนาดนี้

     

    พี่ชิออนเรียกพี่ชายตนเอง ที่กำลังหิ้วเสื้อสูทเข้ามาในห้องของเขา ตามที่ได้คุยกับแม่ไว้

    ครับไม่ว่ายังไง เฟตก็ยังเป็นคนสุภาพกับคนทุกเพศทุกวัย ทุกสถานะอยู่ดี

    พี่ไม่ได้คิดอะไรแปลกๆ กับเด็กหรอกนะน้องชายจอมแสบถาม ในขณะที่เฟตกำลังเก็บเสื้อสูทที่เต็มไปด้วยปืนสั้นใส่ตู้ไป

    ฮะฮะ คิดน่ะคิด แค่คิดเป็นน้องสาวนะครับ ผมไม่คิดรักฉันหนุ่มสาวหรอก

    แล้วพวกเทียร่าล่ะชิออนถามขณะกลิ้งตัวเล่นอยู่บนเตียงนอนที่กว้างใหญ่ของตัวเอง

    ชอบครับ แต่ไม่รู้ว่าใช่คนรักมั้ย ผมรู้แต่ว่า ไม่อยากให้พวกเธอต้องเสียใจหรือร้องไห้น่ะ

    แล้วเจ๊เยียนล่ะน้องชายจอมแสบยังคงถามต่อ นี่เป็นโอกาสดีที่จะถามความรู้สึกของพี่ชายตัวเอง

    ผมต้องดูแลเธอ ตามที่ได้สัญญากันไว้ครับเฟตยังตอบได้ฉะฉานรวดเร็วเหมือนเดิม อันไหนที่เขาคิดแบบนั้นจริงๆ จะตอบได้เร็วมากๆ

    แล้วพวกจาเนียล่ะคำถามสุดท้าย สงผลให้เฟตที่กำลังถอดกระสุนจากแม็กกาซีนเก็บหยุดมือโดยฉับพลัน

    ผม ...... อาจจะฟังดูแปลกๆนะ แต่ผมรู้สึกเป็นห่วงพวกเธอ รักพวกเธอเหมือนคนทั่วไปน่ะสิ่งที่เขาตอบ ชายหนุ่มรู้ตัวดีว่าสำหรับคนอื่นมันคงเป็นคำเพ้อฝันของคนบ้า เพราะใครที่ไหนจะไปรักกับเอไอของเกมกันล่ะ

    ก็ว่าแล้วแต่ชิออนไม่แปลกใจ พวกอนาตาเซียสามารถตอบโจทย์ความต้องการของเฟตได้ จึงเป็นเรื่องปกติที่หัวใจของพี่ชายจะตกเป็นของพวกเธอ แต่จะว่าไปก็แปลกนะ ที่มนุษย์ธรรมดา ไม่อาจชนะใจพี่ชายเขาได้

    แล้วจะเล่นเกมมั้ยพี่ วันนี้อ่ะชิออนถามขณะดีดตัวขึ้นมานั่ง

    อาจจะ มั้งครับ ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน

    งั้นเหรอครับ ฮะฮะ ว่าจะโชว์สกิลใหม่ๆซะหน่อยจาก นั้นน้องชายตัวแสบก็เข้าโหมดส่วนตัวเรื่องเกมไป ทุกสิ่งในเกมที่เขามี และทำได้หลั่งไหลเข้าหูของเฟตจนหมด แต่ชายหนุ่มที่ไม่ชอบฟังอะไรยาวๆ หันหน้าเข้าหาโน้ตบุ๊กแล้วคีรหัสเข้าระบบของที่ทำงานไป

     

    23.30 น. ชิออนหลับคาเตียงไปโดยที่มุมปากยังคงขมุบขมิบ ส่วนเฟตที่มาอาศัยห้องนอนยังคงนั่งทำงานอยู่ที่โซฟาตัวเดิม แต่ข้อมูลที่ตนกำลังใช้งานอยู่ ไม่เกี่ยวกับหน่วยงานอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่เขาค้นหาคือ ข้อมูลของเกม เทพ อสูร หรือจอมมาร ทุกอย่างเขาค้นหาจนหมด จนพอจะล่วงรู้ว่า แต่ละคนที่เขาได้เจอนั้น เป็นอสูรระดับสูงขนาดไหน

    หึ รอบนี้ได้สนุกกันแน่ โพไซดอน แอรีสชาย หนุ่มพึมพำแล้วแสระยิ้ม รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง และตอนนี้ เขาก็ได้รู้แล้วว่า ควรจะโจมตีที่ไหนยังไง เทพมหาปะลัยทั้ง 2 ตัวนี้ ถึงจะวิ่งพล่าน

    หลังจากเฟตออกตรวจสอบรอบ บ้านแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติ เขาก็กลับเข้ามาในห้องนอนของชิออน พร้อมกับเครื่องเกมแบบฉุกเฉินที่หนูน้อยให้เขาเอาไว้

    ออนไลน์เฟตคิดพร้อมกับล้มตัวลงนอน จากนี้ไป การเล่นเกมของเขา คงจะทำให้ใครหลายๆคนรังเกียจล่ะนะ

     

     

     

    การออนไลน์ เข้ามาในครั้งนี้ เฟตคิดไว้ว่าตนเองน่าจะโผล่มาที่เต็นท์รักสุดเล็ก ที่ตนเคยใช้เมื่อตอนครั้งล่าสุด แต่ทว่า พอลืมตาขึ้นมาหลังจากระบบลิงค์เชื่อมต่อเสร็จแล้ว กลับพบว่าตัวเองเข้ามาอยู่ในห้องนอนที่กว้างขวาง จนไม่น่าเชื่อว่าเป็นที่เดียวกัน ด้วยความสงสัยจัด ชายหนุ่มจึงเปิดระบบแผนที่ดู ถ้าอยู่ในเมืองอื่น ระบบแผนที่จะต้องเปิดที่เมืองนั้นเป็นสถานที่แรกๆ แน่เลย

    ก็เมืองเดิมนี่นา แล้วไหงถึงมาอยู่ที่......เฟต พึมพำได้เพียงแค่นั้น เมื่อเปิดหน้าต่างห้องดูแล้วพบว่า ตนมาอาศัยอยู่ในตึกอะไรบางอย่าง ซึ่งถ้าให้เดาก็น่าจะเป็นอาคารออฟไลน์แบบทั่วไปล่ะนะ แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องเงียบไป นั่นก็คือเมืองดาราที่เคยเป็นซาก ตอนนี้ได้กลับเป็นปกติแล้ว เหมือนกับเหตุการณ์ตอนที่เขาถูกแอรีสฆ่าตาย 2 ครั้งซ้อน ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

    ชาย หนุ่มเก็บข้อสงสัยไว้ในในเสื้อ เขาเดินออกจากตึกออฟไลน์ที่กว้างใหญ่ด้วยความมึนงง ทันทีที่ก้าวแรกพ้นธรณีตึกมา ความสงสัยก็ปลิวไปกับแรงลม เพราะขี้เกียจจะสงสัยแล้ว ในเมื่อเกมออนไลน์ เป็นสถานที่รวบรวมคนจากทุกมุมของทวีป และมีประสิทธิภาพในการทำงานกับการฟื้นฟูที่สูง การที่เขาหายไปครึ่งวัน น่าจะเพียงพอในการบูรณะเมืองแล้ว

    ว่าแต่ เขาโอลิมปัส ไปทางไหนฟะแต่ เรื่องอื่นไว้ที่หลัง การแก้แค้นต้องมาก่อน เฟตจึงบ่นพึมพำขณะลองเซิสหาแผนที่เขาโอลิมปัสมาดู แต่การค้นหาต้องจบลง เมื่อระบบแจ้งมาว่า อยู่ในพื้นที่พิเศษ ซึ่งชายหนุ่มคาดว่าน่าจะเหมือนกับดินแดนเอลฟ์ล่ะมั้ง

    ในขณะที่เฟตกำลังคิดไปต่างๆนาๆ เขาก็รู้สึกว่าถูกสายตาทิ่มแทงเข้ามา ตนจึงละความคิดจากตัวเอง แล้วหันไปมองดูรอบกาย

    แล้ว ชายหนุ่มก็ได้รู้ว่า ตอนนี้เขาถูกจับตามองจากผู้เล่นแทบจะทุกคน ไม่มีใครคนไหนเลยไม่มองมาทางเขา ซึ่งส่วนใหญ่พอมองแล้วจะเลยผ่านไป แต่ก็ยังมีอีกมาก ที่จ้องแบบไม่เกรงกลัวสายตา

    ด้วย ความไม่ชอบอะไรที่รกหูรกตา เฟตเลยละความสนใจ ทำเป็นมองไม่เห็นสายตาเหล่านั้น เขายังคงเดินทอดน่องต่อไป โดยมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่อาคารสายอาชีพ หรือบริการข้อมูลด้านเทคนิคเกม

     

    ชาย หนุ่มเข้าอาคารทำการอย่างไม่รีรอหลังจากมาถึง ซึ้งข้อมูลที่เขาถามซื้อจากอาคารข้อมูลเทคนิคนี้ ก็คือวิธีการไปยังสวรรค์ หรือทำยังไงให้เรียกเทพออกมากระตืบถึงที่ได้ แต่เมื่อเฟตได้รู้ข้อมูลทั้งหมด ก็ต้องลอบถอนหายใจ เมื่อรู้ว่าถ้าเป็นผู้เล่นเผ่ามนุษย์ธรรมดาๆ ไม่มีอะไรเลยแบบเขา จะเป็นเรื่องยากมาก ที่จะขึ้นไปสวรรค์แบบนั้น อย่างดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ ก็ต้องมีเพื่อนเผ่านั้นๆ อยู่ ไม่เช่นนั้น อาจจะต้องผ่านการทอสอบสุดหินก็เป็นได้

    หลัง จากคว้าน้ำลายออกมาเต็มผ้าคลุม เฟตก็เดินออกมาจ้องท้องฟ้ายามเย็นด้วยท่าทางเหม่อลอย นี่มัน เอาเปรียบกันเห็นๆ เทพจะมาถล่มเมืองมนุษย์เมื่อไหร่ก็ได้อย่างงั้นเหรอ มนุษย์อย่างเขาจะไปเตะตูดเทพมั่ง ไม่ได้เลยเหรอ ทำไมข้อจำกัดมันถึงเยอะแบบนี้ล่ะเนี่ย

    แต่ เรื่องคิดมากค่อยว่ากันทีหลังละกัน เมื่อเฟตพึ่งนึกได้ว่าตนเองไร้อาวุธ ที่จะพาตัวเองบินไปด้วยได้แล้ว หลังรู้ความจริงตอนนี้แล้ว ชายหนุ่มก็มองฟ้าเขม็ง อารมณ์ขุ่นมัวจนคนรอบข้างยังต้องหลีก เมื่อไอพลังไหลทะลักออกมา จนบรรยากาศรอบๆ ตัว เหมือนกับกำลังอยู่ต่อหน้าจอมมาร หรือบอสระดับสูงสุดของดันเจี้ยน

    อารมณ์เสียไม่ดีนะครับอยู่ๆ กลับมีเสียงมาทักทายด้านหลังแทนซะงั้น พอเฟตปรายตาไปมองก็พบว่าเป็นชายหนุ่มรูปงาม ผมสีทองเป็นประกาย มั่นใจได้เลยว่า ถ้าอยู่ในห้องปิดแล้วเปิดไฟ หัวไอ้หมอนี่จะทำหน้าที่สะท้อนไฟเธคได้ดีเลยทีเดียว

    ก็ไม่ได้เสียอะไรนี่ครับ กลับยินดีด้วยซ้ำ ที่ได้พบคุณเฟต หันหน้ามาเผชิญกับชายผู้นี้ พร้อมกับวาดมือเรียกอาวุธดาบมาจากอากาศ อาวุธของเขาเป็นสิ่งที่ออกมาจากพลัง ความคงทนคงเทียบกับของจริงที่มีรูปธรรมไม่ได้

    แหมๆ อย่าใจร้อนแบบนี้ซิครับ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ระวังจะล้างแค้นยากนะครับชาย หนุ่มผมทองกล่าวพร้อมกับผายมือเชิญ เพื่อให้เดินไปพร้อมกัน ซึ่งแน่นอน เฟตไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว เขาจึงเดินเคียงคู่กันไปตามท้องถนนที่เต็มไปด้วยผู้คน

    ไม่ถามเหรอครับ ว่าผมมาทำไมชาย หนุ่มข้างๆ เปิดประเด็น หลังเฟตไม่ยอมพูดอะไรสักคำ มัวแต่ทำหน้าเย็นชาไม่สนใจโลก จนผู้คนที่เดินสวนต้องแหวกเป็นทางเหมือนฉลามหลงเข้าไปในฝูงปลาอย่างงั้นแหละ

    อยากจะถามอยู่หรอก แต่ขี้เกียจฟะ บรรยากาศมันดีกว่าเยอะคน ไม่ซีเรียสเรื่องทางโลก ทำยังไงก็ไม่สนใจ ต่อให้โกรธแค้นมากแค่ไหน พักเดียวก็หายไปเหมือนเดิม ซึ่งเฟตคือหนึ่งในคนเหล่านี้ แม้พริบตาแรกที่เจอหมอนี่อารมณ์จะขึ้นสูงปี๊ดจนน่าตกใจ แต่พอเอาความจริงเข้าว่า ไม่เห็นจะต้องเครียดเลย ในเมื่อหมอนี่ก็คือเทพ 1 ในคณะ ที่เขาคิดว่าน่าจะเคยเจออยู่ครั้งหนึ่ง ตอนก่อนจะเข้าเมืองจันทรามา แต่ตอนนี้ลืมชื่อไปแล้ว งั้นก็ช่างมันเถอะ

    เทพ หนุ่มถูกว่าเช่นนั้นก็ขยั้นขยอให้เฟตสงสัย และถามในการมาของเขา แต่ชายหนุ่มกลับเมินเฉย ไม่สนใจ ปล่อยให้เสียงเหล่านั้นวิ่งเข้าถึงหูซ้าย แต่โดนบลาเรียถีบออกไปแบบนั้นต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งทั้งคู่มาหยุดที่ประตูเมืองทางออก เทพหนุ่มจึงกลั้นใจเริ่มเรื่องซะที เพราะเริ่มมั่นใจแล้วว่า หมอนี่กำลังจะพาเดินไปยังทวีปกลางแน่นอน

    อ้อ ฮีเฟสตัส อยากจะพบตัวเหรอ แล้วยังไงล่ะและ เฟตก็เป็นเฟตคนเดิม ในเมื่อเรื่องไม่น่าสนใจ เขาไม่สนหรอก แต่เดี๋ยวนะ ฮีเฟสตัสเหรอ ชื่อนี้คุ้นๆชอบกล เหมือนกับเคยได้ยินจากอาธีน่า พอพูดถึงเทพีแห่งปัญญาแล้ว เขาก็ค้นพบถึงอดีตต่างๆที่หลั่งไหล่เข้ามา

    เอ่อ นึกอะไรออกเหรอนั่นเทพที่อยู่ข้างๆ ถามพร้อมกับเหงื่อที่ไหลย้อย หลังเห็นมนุษย์ผู้นี้กระตุกยิ้มที่มุมปาก มันช่างดูแปลกตาที่เห็นคนหน้าตายทำหน้าแบบนี้

    ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่หมอนั่นอยากจะพบอะไรกับผมล่ะฮี เฟสตัสคือเทพที่คิดจะลวนลามอาธีน่าแต่เก่าก่อน งั้นไปเคลียร์ปัญหาให้จบกันดีกว่า เนื่องจากตอนนี้อาธีน่าเป็นของเขาแล้วนะ ดูเหมือนเฟตจะพึ่งรู้ความคิดหึงหวงของตัวเอง จึงเดินเข้าไปตรงเสาประตู ก่อนจะเอาหัวโขกไป 1 ที เป็นการดับอารมณ์ความรักความแค้น

    เอ่อ เป็นอะไรมั้ยเทพหนุ่มรีบถาม เมื่อเห็นเสาประตูกำลังสั่นเหมือนจะถล่ม

    เฟต หันมามองด้วยใบหน้าเย็นชาเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือเลือดที่ติดตรงหน้าผาก อันนี้ซิ ที่ไม่ธรรมดา คนบ้าอะไรเอาหัวไปฟาดกับเสาหินแบบนั้น

    เข้าเรื่องได้เลยครับกลับเป็นเฟตที่ผายมือเป็นเชิงให้เปิดเรื่องหลักได้เลย จนเป็นเหตุให้เทพหนุ่มต้องจำใจตอบ

    นี่คือบัตรเชิญสู่เกาะเทพผู้สร้าง เขาให้ข้ามามอบให้เจ้าเป็นการขอบคุณ และอยากเชิญให้ไปพูดคุยด้วยน่ะเทพหนุ่มกล่าวพร้อมกับยืดบัตรเท่ากับการ์ดวีซาสีทองเป็นประกายมาให้

    ใช้ยังไงเฟตถามก่อนเลย ไปใช้รูดกับเสาอะไรเพื่อให้มีประตูมิติเปิด หรือเขาต้องไปเต้นรูดเสาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

    แค่ไปถึงสถานที่ให้ได้ ก็พอแล้วค่ะกลับ เป็นเสียงที่ตอบจากกลุ่มหญิงสาวซึ่งอยู่ข้างนอกเมืองแทน พอเฟตมองตามเสียงที่คุ้นหูไป ก็ได้พบกับกลุ่มอสูรของตนเอง ที่เดินเท้ากันเข้ามา นี่ถ้าเขามองไม่เห็นเรือบินที่จอดอยู่ลิบๆตรงทุ่งนั่น คงคิดว่าพวกเธอหายตัวกันมาได้แน่ๆ

    เป็นไงครับ ว้าว ไม่เจอกันนาน สวยขึ้นนี่นาเฟตกล่าวพร้อมกับพุ่งตัวเป็นแหลนตรงเข้าหาอสูรของตนเอง 2 แขนของเขาโอบกอดเข้าหากลุ่มอสูรอย่างไม่อายใคร

    เดี๋ยวนะ นี่มันเลือดอะไรเนี่ยอนา ตาเซียที่ได้กลิ่นเลือดผลักตัวของชายหนุ่มออก แล้วเธอก็พบเลือดจำนวนมากที่ไหลออกมาจากศีรษะ สงสัยนี่จะเกิดขึ้นตอนที่เขาเอาหัวกระแทกเสาเมืองล่ะมั้ง

    นี่นาย ทำอะไรกับเขาไรน่า จิ้งจอกสาวในร่างมนุษย์หันขวับไปมองเทพหนุ่มอันมีนามว่าเฮอร์เมส หรือเทพส่งสารแห่งสายลมนั่นเอง

    เอ่อ เปล่านะ คือแบบว่า เขาเทพหนุ่มกำลังจะอธิบาย แต่เมื่อสายตากวาดไปเห็นรอยยิ้มบางๆของอาธีน่าตอนมองเฟต ก็เลยเงียบก่อนจะหันกลับมามองที่มนุษย์คนนี้อีกครั้ง

    หมอนี่มีอะไรดี ในเมื่อสมองก็งั้นๆ สติปัญญาความคิดก็แปลกๆ ไม่สนใจโลกอีกต่างหากเทพ หนุ่มคิดไปต่างๆนาๆ พร้อมกับมองเฟตที่ได้รับการปฐมพยาบาลอย่างดีจากอสูรของตัวเอง นั่นก็คือ ถูกแย่งกันดูดเลือดจนตอนนี้หน้าของชายหนุ่มเกือบจะเต็มไปด้วยน้ำลายแล้ว

    แหม เลือดผมนี่ ยังมีเสน่ห์ขนาดนี้เลยเหรอแต่ เฟตผู้ยอมให้กับอสูรตนเองกลับไม่คิดมาก เขายอมสละเลือดและเนื้อให้พวกเธอได้ หากช่วยให้พวกเธอได้มีความสุข ซึ่งการกล่าวของชายหนุ่ม เป็นผลให้อสูรทั้งหลายที่กำลังรุมดูดเลือด (?) อยู่ผงะตัวด้วยความตกใจ นี่พวกเธอลืมตัวไปได้ยังไงละเนี่ย หรือติดนิสัยไม่สนโลกจากเฟตมาเสียแล้ว

    ก็มัน ห่างมานานนี่ลีเวียธานตอบกรำกรวมแล้วหันมองไปทางอื่น แต่เธอกลับพบกับสายตาของผู้เล่นที่จ้องมาแทน จึงก้มหน้าไม่มองอะไร

    เลือดของนายอร่อยดีไงอนาตาเซียพยักหน้าตอบแบบไม่อาย แต่เฟตกลับเห็นว่าใบหน้าเธอกำลังเขิน

    ไม่มีอาหารอะไร อร่อยเท่านี้แล้วล่ะค่ะ หอมมากด้วยนะไรน่ายิ้มเอียงคอกล่าว

    ชายหนุ่มหัวเราะให้กับ 3 อสูรสาว ก่อนจะหันไปมองหน้าอาธีน่ากับจาเนีย ที่ยืนห่างออกไปไม่มาก

    มาซิครับเฟต ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ก่อนที่ 2 สาวจะค่อยๆเดินเข้ามาหา ซึ่งชายหนุ่มไม่รอช้า รีบสาวเท้าเข้าไปกอดพวกเธออย่างรวดเร็ว เสียอาวุธไปเสียได้ แต่เสียพวกเธอไป เขาคงสิ้นชีพแน่เลย

    ว่าแต่ อีก 2 คนล่ะคนในฮาเร็ม เฟตไม่มีทางลืม เขาจำได้ดีว่ายังมีอีก 2 สาว ที่พึ่งมาใหม่ แล้วเขายังไม่ได้ต้อนรับอะไรมากเลยด้วย

    อยู่ที่เรือค่ะจา เนียตอบเบาๆ ขณะกอดแขนของชายหนุ่มหลวมๆ ความคิดถึงที่มีต่อชายคนนี้ ช่างมากจนเวลาทั้งชีวิตไม่อาจอธิบายได้หมดจริงๆ แต่ความรู้สึกนั้นไม่ได้มีแค่เธอคนเดียว อสูรตนอื่นๆ ก็คิดและรู้ในสิ่งที่พวกเธอคิด แต่ไม่ได้พูดออกมาเท่านั้นเอง

    งั้น ไปกันเถอะครับ เราได้บัตรเชิญแล้วนี่ชาย หนุ่มยิ้มร่า แล้ววิ่งนำสาวๆไปที่เรือซึ่งห่างไปไม่กี่ร้อยเมตร แต่เมื่อเห็นพวกสาวๆยังทำหน้างงว่าอะไร เขาก็เลยปล่อยพลังออกมา พร้อมกับข้างหลังที่มีปีกเรืองแสงขนาดมหึมากางออกมาคลอบอยู่ หลังจากมันปกคลุมไปทั่ว ชายหนุ่มก็จุดพลังด้านหลัง ถีบตัวส่งให้เครื่องบินขนส่งล่องหนตรงไปยังเรือเหาะของคนแคระที่จอดเทียบท่า อยู่ ทิ้งให้เทพหนุ่มทำหน้าเอ๋อ ตอนแรกเขามีหน้าที่มาพาชายคนนี้ไป แต่เมื่ออาธีน่าอาสาเองแบบนั้น คงไม่ต้องแล้วล่ะนะ คิดได้เช่นนั้น ตนก็หันหลังก่อนจะหายไปพร้อมกับสายลมที่พัดมาปะทะกาย

    เจ้ามีใบหน้าที่มีความสุขขึ้นมาก อาธีน่า ข้าอิจฉาจริงๆนั่นคือข้อความทิ้งท้าย ที่เทพสาวทำได้แค่หันมายิ้ม แต่ไม่ได้ตอบคำหรือประโยคอะไรอีก เพราะเป็นจริงเช่นที่กล่าวมา

     

    แล้วเป็นยังไง มายังไงถึงรู้ว่าผมอยู่ที่นี่ได้ล่ะครับเฟตเริ่มต้นตอบคำถาม หลังจากเรือเหาะของคนแคระเริ่มออกตัวบิน

    ได้ข่าวว่ามีนิวเคลียร์ เลยสนใจมาดูหน่อยน่ะลี เวียธานเป็นผู้ตอบ ก่อนจะมองเจ้านายตัวแสบที่กำลังลากโต๊ะลากเก้าอี้หลายชุดไปจัดไว้ที่หัวเรือ จากนั้นก็ควานหาผ้ามาขึงเป็นที่บังแดด

    มานั่งกันครับ ถ้าผมเดาไม่ผิด สถานที่ต้องไป น่าจะนานเฟตยิ้มแล้วกล่าวเชิญให้อสูรของตนเองทุกตน กับคนแคระเดินเรือทุกท่าน ได้มาประชุมสัมมนาแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็น

    การพูดคุยดำเนินไปหลายชั่วโมงแล้ว ฟตจึงได้รู้ว่าอสูรของตนเองกลับไปที่เมืองเริ่มต้นทำไม

    ฟังดูดีนะครับ ทุบบ้านทิ้งชาย หนุ่มหัวเราะแห้งๆ แล้วหันไปมองหน้าจาเนียที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เช่นกัน เนื่องจากพวกเขามีความผูกพันกับมันมาตั้งแต่เริ่มเลย มีอะไรก็เข้าไปหา เข้าไปใช้ จนคิดว่าเป็นบ้านสุดรักจริงๆไปแล้วด้วยซ้ำ

    แต่ ข่าวดีที่ได้รับกลับมา นั่นก็คือตัวภายในของบ้านถูกย้ายมาไว้ที่เรือประจำการแล้ว แต่พอถามว่าเรือประจำการอยู่ไหน ทางคนแคระกลับตอบว่ายังไม่ได้สร้าง เพราะได้แค่วางแปลน แต่ยังไม่เริ่มสร้างเลย แล้วมันจะบอกทำไมฟะ

    หลัง จากรู้ว่าอสูรต้องการให้เขาได้พักผ่อนในสถานที่สุดรักได้ทุกที่ทุกเวลา ชายหนุ่มก็กระโจนเข้าไปเล่นกับอสูรสาวท่ามกลางความอิจฉาของเหล่าคนแคระ ที่เริ่มคิดถึงลูกคิดถึงเมียกันบ้างแล้ว

    เอ๋ อาวุธถูกแอรีสทำลายอาธีน่าอุทานหลังเฟตหลุดปากเรื่องตัวเองถูกกระทืบซะเละเป็นโจ๊ก

    ก็ ประมาณนั้นล่ะครับชาย หนุ่มกล่าวเสียงเบาหวิว ขณะนำด้ามอาวุธที่เหลือแต่ด้ามกับเกราะที่เหลือแต่ซากออกมาให้ดู เขาเก็บไว้เป็นที่ระทึก เลยเหลือหลักฐานให้กลุ่มตัวเองได้ดู

    อสูร ทั้งหมดของเฟตจ้องมองซากอาวุธเสร็จก็หันไปมองหน้ากัน ขนาดเหล็กระดับสูงของวิทยาการมนุษย์ยังพัง แล้วนับประสาอะไรกับเจ้านายพวกเธอ ที่เป็นแค่มนุษย์กันล่ะ

    แค่ตาย แป๊บเดียวก็หายเจ็บแล้วครับ ไม่ต้องห่วงหรอก ตอนนั้นไม่ได้เจ็บอะไรเลยชาย หนุ่มรีบออกตัว เมื่อเห็นอสูรมองเลยจากซากเกราะกับอาวุธมาทางเขา ถึงแม้เหตุการณ์จริงจะเจ็บแบบสุดๆ จนถึงพริกถึงขิง แต่ถ้าพูดโดยรวมแล้ว เขาไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บเลยสักนิด

    แต่ว่าจาเนียค้านเบาๆ แต่เมื่อเจ้านายยืนกรานว่าผ่านมาแล้ว พวกเธอก็เลยทำได้แค่มองเศษซากที่เหลือจากการต่อสู้ในครั้งนั้น

    นายท่านมีแผนยังไงกับการไปเกาะเทพผู้สร้างเหรอคะอาธีน่าถามถึงประเด็นสำคัญในการเดินทางครั้งนี้ ส่วนพวกคนแคระก็ได้แต่หันมามองหน้ากัน ไหงพวกตนถึงถูกเมินล่ะเนี่ย

    ไปเยี่ยมบ้านเทพเล่นๆมั้งครับเฟตตอบแบบไม่มีสาระ แต่จริงๆ ก็ไม่มีสาระในการไปเท่าไหร่หรอก เมื่อมีคนอยากคุย เขาก็จะคุย ปัญหาเก่าที่ค้างคาใจจะได้เคลียร์ด้วย

    อาธีน่านิ่งเงียบไปสักพัก จากนั้นก็ตัดสินใจเล่าความจริงที่เกี่ยวกับเทพตนนี้ให้ฟัง

    ฮี เฟสตัสเป็น 1 ใน 12 แห่งสภาเทพโอลิมปัส มีตำแหน่งเป็นเทพผู้สร้าง ผลิตอาวุธและเกราะต่างๆให้กับเหล่าทวยเทพทั้งหลาย โดยก่อนหน้านี้ เทพตนนี้ได้อาศัยอยู่ในสวรรค์ แต่ด้วยความที่ตนเคยไปห้ามเทพพิดากับเทพมารดาทะเลาะกัน จึงถูกเขวี้ยงจากเขาโอลิมปัสมายังพื้นโลกเบื้องล่าง โดยใช้เวลา 7 วัน 7 คืน กว่าจะถึง ซึ่งเป็นที่มาของอาการพิการของเขา

    แต่ นั่นยังไม่ใช่ประเด็นหลักเท่าไหร่ เอาตามจริงก็คือ เทพผู้สร้างนี้ เป็นสามีของอโฟร์ไดร์ เทพีแห่งความงาม แต่ด้วยความอัปลักษณ์บวกกับคลุกอยู่แต่โรงผลิตอาวุธ จึงเป็นเหตุให้ภรรยาสวมเขา คบชู้สู่ชายไม่เลือกหน้า และหนึ่งในชู้นั่นก็คือ เทพแห่งสงครามแอรีส

    โห้ ......เฟต อุทานหลังจากได้ยินชื่อแอรีส มิน่าล่ะ ทำไมถึงชอบหาเรื่องเขานัก ตั้งแต่ที่เจอกับเทพีแห่งความงาม ไอ้หมอนี่ต้องลอบเกลียดเขาอยู่ก่อนแล้วแน่ๆ เลย ถึงจะยังไม่ได้นับตอนที่ชนะมันในครั้งแรกก็เหอะ

    และนี่คือเหตุที่ทำให้เขาหนีออกจากสวรรค์ มาอาศัยอยู่บนโลกมนุษย์ โดยนานทีปีครั้งจะกลับไปประชุมร่วมกับสภาสักทีอา ธีน่าอธิบายจบก็หันมามองหน้าเจ้านายตัวเอง ที่ตอนนี้หันกลับไปเล่นกับหางของไรน่าแทน .... ก็นะ การฟังประวัติคนอื่นยาวๆ มันน่าเบื่อนี่นา

    เขาเกี่ยวข้องยังไงกับคุณล่ะครับแต่ เฟตไม่ได้ลืมหลักสำคัญ ตนจึงหันมาถามโดยมือนั้นยังคงลูบหางของจิ้งจอกสาวอย่างชอบใจ ไม่รู้ที่เธอไม่ยอมกลับร่างเก่าจะเป็นเพราะติดใจร่างมนุษย์หรือเปล่านะ

    ถ้าตามหลัก เรามีเทพบิดาองค์เดียวกันค่ะ แต่เหตุการณ์ตอนนั้น เป็นช่วงก่อนที่จะได้อโฟร์ไดร์มาเทพสาวกล่าว เอาเข้าจริงๆ เธอรู้สึกเฉยๆนะ กับสิ่งที่เคยเกิดขึ้น ในเมื่อ แค่’ เกือบเสียไป แต่ยังไม่ได้เสียจริงๆซะหน่อย

    อืม สายเลือดเดียวกัน ผูกโยงกันเองเนี่ยนะเฟต พึมพำไปคนละเรื่อง เขาสนใจเรื่องที่พี่น้องมามีลูกด้วยกันมาก นี่ถ้าเขาจำไม่ผิด เมื่อก่อนหน้านี้อาธีน่าเล่าให้ฟังว่า เทพมารดาของสวรรค์ก็คือเฮร่า ตามหลักฐานะก็คือพี่สาวของซูสนั่นแหละ แหม ผูกโยงเลือดกันแบบนี้เลยเหรอเนี่ย

    เป็นเรื่องปกติของวงวานเทพในยุคสมัยนั้นค่ะ แต่ถ้ามาในยุคนี้ ก็คงเป็นเรื่องแปลกแล้วจริงๆเทพ สาวเอียงคอกล่าว ซึ่งชายหนุ่มไม่ได้เถียงอะไร เพราะมันจริง ในโลกของเขายังมีเลย แถมปัจจุบันนี้ยังพอมีให้เห็นอยู่ด้วย เรื่องที่พี่น้องมีอะไรด้วยกันเอง ไม่รู้ได้ลัทธินี้มาจากไหนกัน

    การ เดินทางตรงสู่เกาะเทพผู้สร้าง ใช้เวลานานอย่างที่เฟตคิดไว้จริงๆด้วย เที่ยงคืนแล้วยังไม่ถึงที่หมายเลย แล้วตามที่ได้คุยกับผู้นำทาง เห็นบอกไว้ว่าน่าจะถึงก่อนเที่ยงวัน เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฟตก็พาเหล่าอสูรหาที่พักเข้านอน โดยตัวเองนั้นนั่งมองห่างๆ แล้วคิดเรื่องต่างๆ ไปมา

    นอนไม่หลับเหรอหัวหน้ากลุ่มคนแคระร้องทักเมื่อเห็นเฟตเดินออกมาจากที่พักคนเดียว

    นิดหน่อยครับ ว่าแต่ ออกมาทีไร ก็พบแต่พวกคุณกำลังทำงาน ไม่พักกันบ้างเหรอชาย หนุ่มย้อนถามกลับ คนแคระสูงวัยแต่ตัวเตี้ยจึงหัวเราะหึๆ แล้วเดินนำ เพื่อให้เฟตได้เช็คว่า สิ่งที่เขาได้สร้างมันตรงแบบแล้วใช้งานได้จริงไหม

    พวกเราน่ะ ชอบเวลากลางคืนมากกว่ากลางวัน แล้วนั่นคือมาของการที่เราเป็นศัตรูกับเผ่าเอลฟ์อยู่ๆ คนแคระชราก็กล่าวออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เฟตที่ได้ฟังจึงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นตำนานของคนแคระกับเผ่าแห่งแสงสว่างก็เริ่มขึ้น ที่มาเป็นยังไงไม่รู้ เพราะชายหนุ่มไม่ได้ฟัง แต่ที่แน่ๆ คงจะเกี่ยวกับความอิจฉา ที่คนแคระอยู่ใต้ดิน กับเอลฟ์อยู่บนดินล่ะนะ

    ผมขอไปดูระบบการบินหน่อยได้มั้ยครับเฟตหาเรื่องไปทำฆ่าเวลา ดีกว่าการมารับฟังปัญหาของคนอื่น การรู้อดีตคนอื่นไม่ได้ทำคนปัจจุบันมีความสุขหรอกนะ

    หึ ยังชอบวิทยาการสมัยใหม่อยู่เหมือนเดิมซินะชาย ชราร่างเล็กหัวเราะ แล้วเดินนำชายหนุ่มไปยังห้องทำการ แล้วเฟตก็ได้พบกับห้องควบคุมระบบการบินขนาดใหญ่ ที่มีการวางแปลนไม่ต่างอะไรกับเครื่องยนต์เรือ แต่ต่างกันที่ระบบนี้เป็นแบบที่เขาไม่เคยเห็น

    นี่คืออะไรเหรอครับเฟตชี้นิ้วไปที่หินขนาด 1 เมตร ที่ตั้งอยู่บนแท่นอะไรบางอย่าง ซึ่งมีสายระโยงรยางค์เสียบอยู่เต็มไปหมด

    พลังงานกลางของเรือน่ะ หินนี้สามารถหาได้ทั่วไปในดินแดนของเราคนแคระชราตอบแล้วพาเฟตเดินชมชี้ระบบต่างๆ บอกถึงวิธีการทำงานต่างๆ จนกว่าจะบินได้

    อืม เปลี่ยนพลังที่ได้ มาเป็นตัวขับ โดยไม่อิงกับไอความร้อนเหรอ แฟนตาซีดีแหะเฟตพึมพำ นี่ถ้าเป็นโลกจริงๆ ไอ้วิทยาการแบบนี้คงไม่มี แต่เอาเถอะ นี่คือเกม อะไรก็เกิดขึ้นได้

    ไม่สนใจให้ข้าสร้างอาวุธให้ใหม่เหรอคนแคระถามมนุษย์ที่กำลังพิจารณาเครื่องสูบฉีดพลังงานหินอยู่

    หึหึ สนครับ แต่ยังไม่เอาดีกว่า ตอนนี้อยากจะเคลียร์ปัญหาให้จบก่อนทำไมเฟตจะไม่รู้ว่าเผ่าคนแคระคือเผ่าผู้สร้าง ซึ่งมีดีไม่ต่างกับฮีเฟสตัสล่ะ

    เหอะๆๆๆ เป็นมนุษย์ที่แปลกจริงๆคนแคระชรากล่าวเหมือนกับที่อสูรตนอื่นๆกล่าว ชายคนนี้มีความนึกคิดที่ผิดแปลกจากคนทั่วไป

    ผม ไม่ได้แปลกหรอก เพียงแต่ พวกคุณยังไม่ค่อยพบคนแบบผมเท่านั้นเอง คนแบบผมมีอยู่ทั่วไปบนโลก เพียงแต่ ใครหลายๆคนอาจไม่ได้สนใจเข้ามาอยู่ในโลกจำลองความจริงแห่งนี้ก็เท่านั้นเฟตอ ธิบายนิ่มๆ ขณะปล่อยพลังออกมารอบตัว แล้วแปรเปลี่ยนนามธรรมให้กลายเป็นอาวุธรูปธรรม แม้จะไร้อาวุธแตะต้องอันมีนาม แต่ไม่ได้ไร้วิธีสู้ เขายังสู้ได้อยู่ เพียงแต่ขาดสิ่งของคู่ใจเท่านั้นเอง

    นั่นซินะ งั้นท่านก็เป็นมนุษย์ที่แปลก ที่หลงมาในโลกแห่งนี้ซินะคนแคระชราหัวเราะในลำคอ แล้วพากันเดินออกมาข้างนอก แต่เฟตที่ร่วมสนทนาอยู่ไม่ตอบโต้อะไร เพราะตอนนี้กำลังใช้ความคิดอยู่

    ถ้าอัดอากาศเข้าไปแบบเทอร์โบอินล่ะ ความเร็วจะเพิ่มหรือเปล่า แล้วถ้าลดเหลี่ยมความต้านของลมล่ะ ความเร็วจะเพิ่มขนาดไหนเฟตเริ่มเข้าสู่โลกส่วนตัว ก่อนจะนั่งบนโต๊ะสั่งการของกลุ่มคนแคระ จากนั้นมือกับดินสอแบบพิเศษก็เริ่มวางแปลนรูปแบบต่างๆ ลงไปในกระดาษ

     

    เที่ยงวันในโลกมนุษย์

    ดู เหมือนจะจริงดั่งที่อาธีน่าคาดการไว้ กว่าจะมาถึงเกาะเทพผู้สร้างที่อยู่นอกเขตทวีปใดๆ ใช้เวลาเกือบวันเลยทีเดียว ซึ่งตอนนี้ เรือเหาะกำลังลดระดับลง จนมาจอดทอดสมออยู่บนทะเลริมชายฝั่งของเกาะ

    ว่าแต่ เจ้านายไปไหนล่ะเนี่ยลีเวียธานบ่นอุบ หลังจากตัวแสบหายไปทั้งคืน ตอนเช้าก็ไม่โผล่ออกมาให้เห็นหน้า ข้าวเช้าที่ทำให้ก็ไม่ยอมออกมากิน

    ดีแล้วล่ะ ที่ไม่ออกมาน่ะเม ดูซ่าที่นั่งเกาะอยู่กับโซฟาร่วมกับอสูรตนอื่นๆ บ่นกลับบ้าง เวรทำอาหารไม่น่าตกให้กับยัยมังกรแห่งท้องทะเลตนนี้เลย สงสัยครั้งหน้าจะต้องโหวตออกแล้วล่ะมั้ง

    อะไรนะลี เวียธานหันขวับมาถาม ซึ่งกลุ่มอสูรทั้ง 6 ไม่ได้โต้ตอบอะไร เพราะตอนนี้ไม่มีแรงลุกเลย วัตถุดิบอาหารที่นำมาเก็บก็ชั้นดีทั้งนั้น แต่พอให้ลีเวียธานเข้าครัวทำ ไหงออกมาเป็นชั้นยาพิษไปซะได้ ก่อนที่สถานการณ์จะเกินเลย ตัวปัญหาที่หายไปก็เปิดประตูห้องรับรองเข้ามา

    อ้าว เป็นอะไรกันไปล่ะครับ หน้าตาซีดเซียวเชียวเฟตถามด้วยความแปลกใจ หลังเห็นสภาพสิ้นแรงของอสูรตนเอง

    อาหาร มีพิษคาเรนชี้นิ้วไปที่อาหารบนโต๊ะ ซึ่งผ่านฝีมือการผลิตจากมังกรแห่งท้องทะเลลีเวียธาน

    อ้าว มีพิษแล้วกินกันทำไมล่ะเฟตกระพริบตาถามงงๆ ขณะเดินเข้าไปลองเอานิ้วแตะมาชิมดู ซึ่งเขาก็พบว่า ส่วนใหญ่ไม่สุก และมีส่วนประกอบที่ค่อนข้างผิดแปลกไปกว่าปกติ

    หืม ก็ไม่เห็นจะแปลกอะไรเลยนี่ชาย หนุ่มหันมายิ้มให้กับผู้ทำ ซึ่งเธอก็ยิ้มแย้มอย่างยินดี ที่มีคนชม แต่เฟตไม่ใช่คนปากหวานไปทั่ว เขานั่งกินอาหารที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหน้าตาเฉย เมื่อคืนเขาอดหลับอดนอนมาทั้งคืน พอเช้ามาอาการหิวมันเริ่มกำเริบ จนเกือบจะกินเรือได้ทั้งลำอยู่

    อ้าว นายกินหมดแล้วฉันจะกินอะไรล่ะลีเวียธานร้องถาม หลังชายหนุ่มฟาดอาหารที่เธอทำซะเกลี้ยงเลย

    อ้าว ผมนึกว่ากินแล้วซะอีก

    นายต้องรับผิดชอบด้วยหญิงสาวร้องแบบงอนๆ

    เอ๋ แล้วจะให้รับผิดชอบยังไงล่ะครับเฟตโอดครวญ โห แค่ทำอาหารให้กินยังมีการมาให้รับผิดชอบอีกเหรอเนี่ย

    นายต้องทำคืนให้ฉันกินลีเวียธานยิ้มแบบมีเลศนัย

    จริงเหรอครับเฟตถามด้วยใบหน้าจริงจัง

    จริงหญิงสาวตอบด้วยใบหน้าจริงจังไม่ต่างกัน เป็นเหตุให้ชายหนุ่มต้องพยักหน้าจำยอม ก่อนจะถามหาครัวแล้วเข้าไปสังหารโหดสำเร็จโทษอาหาร

    เอ่อ เสียงฟังดูน่ากลัวกว่าที่คิดนะจาเนียกับอาธีน่าที่นอนอยู่ด้วยกันหันมาถามกันเบาๆ หลังได้ยินเสียงโหวกเหวกในครัว ถ้าบอกว่านั่นคืองานประหารคงน่าเชื่อมากกว่าเสียอีก

    กรรมตามสนองซินะเมดูซ่ากับคาเรนหันมากระซิบกัน หลังไปเห็นหน้าที่ซีดลงของลีเวียธาน

    ไม่แน่นะคะ ชายคนนี้มีอะไรที่คาดไม่ถึงอยู่เยอะแยะเลยไรน่ากล่าวออกมาค้านคำพูดของทุกคน ซึ่งอนาตาเซียพยักหน้าเห็นด้วย ชายคนนี้ มีอะไรที่คาดไม่ถึงจริงๆ

    เรียบร้อยแล้วครับเฟต เดินออกมาพร้อมกับจานอาหาร ที่ข้างบนนั้นมีการตกแต่งที่สวยงามจนน่าทาน ชายหนุ่มวางจานอาหารที่ตนทำไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเชื้อเชิญให้ลีเวียธานมาชวนชิม

    แต่ก่อนที่หญิงสาวจะได้นำอาหารเข้าปาก แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้น ส่งผลให้พวกเขาที่คิดจะหาแรงเพิ่มต้องพัก แล้วรีบออกจากเรือมาทันที

    เมื่อ พวกเฟตออกมาแล้ว เขาก็ได้พบกับยักษ์ ที่มีความสูงกว่าสิบเมตร โดยสิ่งที่ทำให้เฟตสะดุดใจที่สุด ก็คงจะเป็นลูกตาดวงเดียวที่อยู่บนใบหน้าล่ะนะ

    ยักษ์ตาเดียวไซครอป เฝ้าเกาะ เลเวล 150ค่ะเสียงเตือนจากระบบดังขึ้น เมื่อทางผู้เฝ้ามีท่าทีคุกคามต่อเรือที่มาจอดเทียบท่า

    หื้อ ไซครอปงั้นเหรอ หึหึ ลองดูซิ ว่าระหว่างยักษ์กับนิวเคลียร์ ใครจะเจ๋งกว่ากันเฟตยิ้มกล่าวขณะแบมือออกรอบตัว เรียกให้พลังเปลี่ยนสภาพให้กลายเป็นลำกล้องปืนขนาดใหญ่

    ฟี๊ด!!! เสียง ดูดอากาศพร้อมกับลำกล้องปืนที่เริ่มทำงาน ชายหนุ่มที่เตรียมสั่งถล่มเกาะแสระยิ้มอีกครั้ง แต่ก่อนที่จะได้ปล่อยกระสุนมนฤตยูออกไป อาธีน่าก็ออกหน้ามาพร้อมกับบอกให้เฟตนำการ์ดเชิญออกมา

    มีการ์ดงั้นเหรอ แถมยังเป็นวีซาพิเศษอีก เข้าไปได้ยักษ์ตาเดียวกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มกังวาน ไม่รู้ว่าใครจะถล่มใครกันแน่

    อ้าว .......เฟตอุทานก่อนจะสลายปืนเข้าร่างไป แหม ไม่นึกว่าจะคุยง่ายแบบนี้เลยนะเนี่ย

    กลุ่ม ของชายหนุ่มออกจากเรือ แล้วเดินตามทางที่ไซครอปเดินหายไป แต่ยังไม่ทันพ้นเรือดี เสียงระบบที่ดังขึ้น ก็ทำให้อสูรทั้งเจ็ดหันมามองผู้เป็นนาย

    ผู้เล่นเฟตได้รับทักษะจากอาชีพนักฆ่า คือทักษะยาพิษระดับสูงค่ะเสียง ระบบดังพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนของคนแคระที่อยู่บนเรือ สงสัยพวกเขาจะหิวแบบที่เฟตหิวล่ะมั้ง เลยซัดเรียบแบบไม่สนหน้าอินหน้าพรหมซะขนาดนั้น

    ชายหนุ่มหันมายิ้มแห้งๆให้ ก่อนจะอธิบายแบบจริงจัง

    ฮะฮะ คนเราก็ต้องมีพลาดกันบ้างฟังดูดี แต่ความจริงที่เขาได้ทักษะยาพิษมาแล้วนี่มัน น่าจะเรียกว่าประสบความสำเร็จมากกว่าล่ะมั้งเนี่ย

    ลี เวียธานที่ยืนมองอยู่ลอบเหงื่อตก พวกเธอที่เป็นอสูรสามารถรับรู้ได้ในสิ่งที่เจ้านายได้ยิน แน่นอน การเฉียดตายของเธอ คือประสบการณ์ครั้งสำคัญของชีวิต ที่ต้องจำไปจนวันตายว่า เฟตผู้นี้ คือผู้ที่ปรุงอาหารได้ดั่งนักฆ่ามืออาชีพ หากอยากตายสบาย ลองชิมดูซิ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×