คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #78 : ตอนที่ 78 ระดับที่ต่างกันสุดกู่.
การ ที่เทพระดับตำนานจะมาสู้กับผู้เล่นที่เป็นเผ่าธรรมดาอย่างมนุษย์นั้น ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย ที่ทวีปตะวันออก ซึ่งมีสวรรค์โอลิมปัสเป็นสวรรค์
แต่ วันนี้ วันที่เมืองดารามีกิจกรรมของแจกฟรี เทพระดับตำนานที่เคยคิดว่าไม่น่าจะลงมา ณ เมืองแห่งนี้ กลับลงมา แถมยังสู้กับผู้เล่นเผ่ามนุษย์ได้หน้าตาเฉยโดยไม่อายใครเสียด้วย
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าบอกแล้ว อาวุธของแกมันก็แค่ของปาหี่เท่านั้น”เทพหนุ่มผมทองที่มีขวานขนาดยักษ์อยู่ในมือคำรามลั่น ขณะรุกไล่ชายหนุ่มในชุดคลุมเก่าๆ
“เหม็นปากจัง”แต่ชายหนุ่มผู้นี้กลับย้อนคำนิ่มๆ แถมใบหน้ายังเฉยๆ ไม่หวาดกลัวแม้ตนจะตกเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด
เทพหนุ่มนามแอรีสคำถามลั่นพร้อมกับฟาดขวานเข้าใส่เต็มกำลัง เฟตที่อยู่ในท่าหลบไม่ได้ยกปืนขึ้นมากัน
เปรี้ยง!!! อาวุธเทพระดับสูงฟาดเข้า ใส่อาวุธระดับสูงไม่แพ้กัน แต่ด้วยกำลังที่แตกต่างกัน ผู้ที่ตั้งรับจึงกระเด็นไปอัดเข้ากับกำแพงโคลอสเซียมจนทะลุหายไปทั้งแทบ นี่ล่ะนะความต่างของเทพสงคราม กับมนุษย์บ้าสงคราม
ฟี๊ด เปรี้ยง!!! เสียงวัตถุแหวกอากาศ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงดังปานฟ้าผ่า แอรีสที่ระวังตัวอยู่แล้วหลบสิ่งที่พุ่งเข้ามาหาตนอย่างรวดเร็ว
“หึ หมดมุขจะเล่นแล้วซินะ”เทพหนุ่มยิ้มเยาะกล่าวในลำคอ ขณะมองดูชายหนุ่มในชุดที่ขาดรุ่งริ่งเดินเข้ามาด้วยสภาพสุดโทรม
“เออ ประมาณนั้นล่ะ”เฟตตอบนิ่มๆ ใบหน้าไม่เปลี่ยนไปเลย ทั้งๆที่ร่างกายปวดร้าวไปหมด แม้เกราะของเขาจะป้องกันการฟาดระดับมหาบ้าพลังได้ แต่ร่างกายของผู้อยู่ภายใต้ ไม่ใช่เหล็ก แรงอัดกระแทกเมื่อสักครู่ รู้สึกเหมือนกับถูกสิบล้อบรรทุกระเบิดเต็มคันพุ่งเข้าชนเลย
“หึ ในฐานะที่แกเคยล้มข้าได้ตั้งครั้งหนึ่ง ข้าจะบอกอะไรให้เอาบุญนะ ว่าตอนนั้นข้าไม่สามารถใช้พลังที่แท้จริงได้ อันเป็นข้อกำหนดที่ถูกร่างกฎไว้ แต่ตอนนี้ จงสุขใจเถอะ ที่ข้าเอาจริงๆได้เสียที”แอรีสเยาะเย้ยเต็มที่
เฟต เงียบไม่รับคำ เพราะมันเป็นจริงดั่งว่า เทพบ้ากล้ามไร้สมองผู้นี้มีความเร็วที่เหนือกว่าเขามากจริงๆ อาวุธที่เคยล้มหมอนี่ได้แล้วครั้งหนึ่งไม่สามารถนำมาใช้ได้อีก เนื่องจากมันหลบได้เร็วเหมือนกับแสง
แต่ เขาเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าจะกับอะไรก็ตาม ตนจึงเปลี่ยนลูกซองที่ตนใช้แบบออโตเมติกให้มาเป็นปืนกลมือที่น่าจะไวในการ โต้ตอบระยะประชิด เทพตนนี้เริ่มจับทางได้ แล้วไม่ยอมออกห่างเขาอีกต่อไปแล้ว ดังนั้น อาวุธที่โจมตีช้าและมีขนาดที่เทอะทะจึงไม่เหมาะในสงครามนี้
“ข้าบอกแล้วไง ว่าแกไม่มีทางชนะหรอก”แอรีสคำรามลั่นพร้อมกับร่างของมันที่ทอประกายแสงเจิดจ้า เฟตรู้ตัวอีกทีมันก็มาหยุดที่ข้างหน้าตนพร้อมกับฟาดขวานเข้าใส่แล้ว ยังดีที่เขาเองก็ผ่านการต่อสู้ระดับสูงมามาก พริบตาที่ร่างกายเทพบ้ากล้ามทอแสงเป็นหิ่งห้อย ตนก็ก้าวเท้าพร้อมหลบแล้ว
ตูม!!! “ชิ”แอรีสสบถเมื่อเฟตกระโจนหลบได้พร้อมกับตอนที่เขาเข้าโจม ตี แต่เรื่องนั้นไว้ว่ากันทีหลัง วันนี้ได้เวลาล้างอายแล้ว ตนจึงพุ่งเข้าโรมรันไม่ยอมหยุด กะให้มนุษย์ผู้นี้สยบอยู่แทบเท้าให้จงได้
“หึ”อยู่ๆ เฟตที่ตกเป็นรองกลับหัวเราะที่ลำคอ สายตานั้นเย็นชาเช่นเดิมไม่มีความหวาดกลัวอยู่เลย แอรีสที่พึ่งเตะเข้าใส่คำรามด้วยความโมโห คนแบบนี้ช่างเป็นคนที่ชวนหงุดหงิดจริงๆ
เปรี้ยง!!! เสียงนี้เกิดขึ้นจากตอนที่เฟตดีดนิ้วมาทางเทพหนุ่ม เอรีสที่มีพลังเต็มร่างเคลื่อนที่หลบได้ทัน และจ้องมองสิ่งที่พึ่งพุ่งผ่านตนไปอย่างแปลกใจ
“อ้อ ไอ้นี่เองซินะ ที่แกเอามายิงข้า”เทพหนุ่มปรายตามามองที่นิ้วก้อยของเฟตซึ่งกำลูกกระสุนไว้
“เหอะ หลบเร็วยังกับแสง”ชายหนุ่มกลับพึมพำไปคนละเรื่อง เทพตนนี้มีความเร็วเพิ่มขึ้นมากจริงๆ ขนาดยิงใส่ด้วยเรลกันระยะประชิดมันยังหลบได้ ต่างกับพวกคนดูที่ขวางทางกระสุน ซึ่งตายกันโดยไม่รู้ตัวว่า ตนเป็นอะไรตาย เนื่องจากกระสุนเรลกันนั้นเร็วมาก เร็วยิ่งกว่าเสียงหลายเท่านัก แต่สำหรับเทพระดับตำนาน ของแค่นี้ก็เป็นได้แค่อาวุธแปลก ที่มีความเร็วพอๆกับฟ้าผ่าเท่านั้นแหละ
ฟุบ!!! ร่างของแอรีสหายไปอีก ครั้ง เฟตที่รู้สึกถึงอันตรายจึงก้มหัวหลบอย่างรวดเร็ว และเขาก็พบว่ามันเป็นขวานที่พุ่งมาจากด้านหลัง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้กลับตัว ที่ด้านหน้าก็มีเท้าข้างหนึ่งเตะเสยปัดจากพื้นดินขึ้นบน เป็นผลให้เฟตต้องยกด้ามปืนขึ้นมากัน แต่แรงเต็มกำลังของเทพระดับตำนาน มีหรือผู้เล่นเลเวลแค่ 138 (ได้จากการฆ่าเอลฟ์ในดินแดน) อย่างเฟตจะสู้ได้ พริบตาเดียวที่เกิดการปะทะ ร่างของชายหนุ่มถึงกับกระเด็นจากสนามฝั่งหนึ่งไปฝังที่กำแพงอีกฝั่งหนึ่งเลยทีเดียว
“อ๊อก!!!”เฟตก ระอักเลือดออกมาเป็นลิ่มๆ ขณะเงยหน้ามองดูเทพมรณะตัวนั้นที่กำลังก้าวเท้ามาช้าๆ แต่ทุกย่างก้าวกลับย่นระยะมาทีละสิบกว่าเมตร เพียงแค่ 7 ก้าว มันก็มาถึงที่พื้นดินด้านหน้าแล้ว
“หึ นี่ล่ะคือความต่างของเทพระดับสูง จงรู้ไว้ซะ เทพระดับข้า ไม่ใช่กระจอกพอที่แกจะเอาชนะได้เป็นครั้งที่ 2”แอรีสกล่าวจบก็ยกมือขึ้น ส่งผลให้ร่างของเฟตที่ปักติดกำแพงหลุดพร้อยลง แล้วมาถูกมือของแอรีสยึดไว้พอดี
“ข้าคือ เทพสงครามแอรีส ย้ากกก”เทพบ้ากล้ามคำรามลั่นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะจับเฟตทุบเข้ากับพื้น จนผืนดินของสนามประลองแตกแยกเป็นทางยาวทั้งสนาม
ร่าง ของเฟตจมดินหายไปตามแรงที่เทพสงครามอันเด่นด้านกำลังกระทำ เขาจมดินหายไปจนไม่มีใครมองเห็นว่าสภาพที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร แต่ผู้เล่นหลายๆคนที่เห็นเลือดกระเซ็นขึ้นมาตอนที่แอรีสจับทุ่ม ต่างคิดไปในทางเดียวกันว่า เละแน่ มนุษย์คนนั้นคงเละแน่ๆ
ตูม!!! แต่ก่อนที่แอรีสจะได้ กู่ร้องประกาศชัย แผ่นดินที่ยืนอยู่ก็เกิดการระเบิด ส่งผลให้เทพหนุ่มต้องตีรังกากลับหลังมายืนดูด้วยสายตาโกรธเคือง ไอ้มนุษย์คนนี้ ไม่คิดจะตายเลยซินะ
“แฮก แฮก”เฟตที่พึ่งมุดดินออกมาด้วยกระสุนเรลกันหอบด้วยความเหนื่อย เกือบจะตายเพราะหมดอากาศหายใจตายแล้วไงล่ะ
เทพ แห่งสงครามเห็นเช่นนั้น ก็เดินเข้าไปหาช้าๆ พอเฟตยิงกระสุนเข้าใส่ เขาก็ก้าวหลบภายในพริบตา ทันทีที่เข้าถึงระยะประชิดตัว ก็ใช้มือบีบเข้าที่ลำคอ ส่งผลให้กระสุนเรลกันหยุดทำงานไปโดยปริยาย
“หึ ก็บอกแล้วไง ว่ามนุษย์น่ะ กระจอก”แอรีสกล่าวพร้อมกับกดเฟตทุบเข้ากับพื้นดิน แต่แค่ครั้งเดียวเขามั่นใจว่าไม่ยอมตายแน่ ตนจึงอัดใส่หลายครั้งจนพื้นดินเป็นหลุมลึกไปหลายเมตร
“หึหึ ฮ่าฮ่าฮ่า”รอบนี้แอรีสสามารถหัวเราะได้อย่างเต็มเสียงแล้ว เมื่อศัตรูมือวางอันดับหนึ่งที่เขาขึ้นแบล็คลิสกำลังหายใจรวยรินแบบคนใกล้ สิ้นใจ แม้ชายคนนี้จะมีเทคนิคและอาวุธการต่อสู้มากมาย แต่ความต่างของมนุษย์กับเทพยังไงก็ห่างกันมากอยู่ดี ยิ่งเป็นเทพระดับตำนานที่มีพลังครบทุกอย่างด้วยแล้ว อย่างเฟตก็เป็นได้แค่ลูกสุนัขตัวหนึ่งในสายตามนุษย์เท่านั้น
แต่ ทว่า ในสายตาของผู้เล่นที่ดูอยู่ตอนนี้ พวกเขากลับลอบสาปแช่งเทพสงครามแอรีส ภาพที่พวกเขาเห็นไม่สามารถเรียกได้ว่าการต่อสู้ น่าจะเรียกว่าเทพรังแกมนุษย์ต่างหาก เหล่าผู้เล่นพากันเสื่อมศรัทธา เป็นเหตุให้สถานที่ศักดิสิทธิ์ ไม่ใช่สถานที่อันสมควรอีกต่อไป พลังที่บริสุทธิ์จึงหายไปหลายขั้น พลังอำนาจที่เคยใช้ได้เต็มร้อย ตอนนี้ก็ลดลงมาเล็กน้อย
ถึง ระดับของแอรีสจะถูกหักลงมาเพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้เล่น แต่เฟตก็ไม่อาจฝืนธรรมชาติต่อไปได้ ร่างกายของเขาค่อยๆสลายเป็นแสงเป็นไอไป ส่งผลให้ผู้เล่นที่แอบอวยชายคนนี้ตั้งแต่การต่อสู้ชิงรางวัลโห่ร้องใส่เทพ ที่อยู่กลางสนามอย่างไม่พอใจสุดๆ
ซึ่ง เหตุการณ์นี้ส่งผลให้ทางโอลิมปัสเดือดร้อน หากมนุษย์เสื่อมศรัทธาในเทพ อำนาจที่ควรจะได้ อาจจะหายไป จึงเป็นเหตุให้ระบบแจ้งประจานว่าแอรีสทำการอุกอาจโดยไม่ปรึกษากันก่อน
แอ รีสที่ถูกลอยแพกลางโลกมนุษย์แสระยิ้มเหี้ยมให้กับผู้คนที่มองมา จากนั้นก็หันไปมองอโฟร์ไดร์ที่ยืนอยู่ตรงมุมเดิม เทพหนุ่มเดินเข้าไปช้าๆ เหมือนพระเอกเอ็มวี เมื่อมาอยู่ในระยะเอื้อมถึงก็แบมือพร้อมกับกล่าว
“กลับกันเถอะ ที่รักของข้า”
“ไม่เอา”เทพสาวปฏิเสธทันควัน ถ้าเธอไป มีหวังเสียหน้าด้วย ในข้อหาสมรู้ร่วมคิด
ดูเหมือนเทพหนุ่มจะรู้ความคิดนั้น ตนจึงส่งสายตาเหยียดหยามไปทางผู้เล่นและมนุษย์ทั้งหลายที่ชมอยู่
“ประตูแห่งเทพ”แอรีสกรอดฟันกล่าวเรียกประตูที่เชื่อมต่อทั้ง 2 โลกลงมา ในเมื่อไม่ยอมไปกับเขาด้วยอำนาจแห่งเทพ กลับด้วยรูปแบบนี้ก็ได้วะ อโฟร์ไดร์เห็นเช่นนั้นก็ 2 จิต 2 ใจ กลัวว่าจะเกิดปัญหา
แต่ก่อนที่แอรีสจะกลายเป็นหมาบ้า เท้าที่ยืนอยู่ก็สั่นคลอนเหมือนกับเกิดแผ่นดินไหว
‘นี่มันอะไรกัน’เทพหนุ่มขมวดคิ้วมองดูรอบๆตัว ต่างกับเทียร่าที่ตอนนี้ย้ายไปอยู่อีกฝั่งหนึ่งแล้ว
แล้ว เทพหนุ่มก็ได้รู้ว่า เกิดอะไรขึ้น เมื่อที่เบื้องหน้าของตนเองมีไอพลังวิญญาณกลับมารวมกัน พร้อมกับร่างของชายหนุ่มในชุดขาดวิ่นปรากฏหลังจากไอนั้นสลายไป
“เอาล่ะ มาต่อ ยก 2 กันดีกว่า”เฟตที่พึ่งกลับมาเกิดด้วยทักษะพิเศษกล่าวพร้อมกับบิดคอ ไปมา แหม ความตายนี่มันเจ็บน่าดูเลย แต่ก็เอาเถอะ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าตัวเองสู้กับไอ้หมอนี่ตรงๆไม่ได้ งั้นหลบไปไกลๆแล้วกัน
กริ๊ก!! ปีกดาบทั้งหมดรวมเข้ามา ห่อหุ้มตัวผู้เป็นนาย เมื่อเขาพร้อม ก็ใช้ทักษะเท้าที่เรียนรู้จากจาเนีย ส่งตัวเองขึ้นสู่ท้องฟ้า พริบตาที่เขาก้าวเท้าออกมา แอรีสเทพสงครามก็ตามมาถึงข้างบนซะแล้ว
“แกต้องตายคามือข้าอีกครั้ง”เทพหนุ่มคำรามพร้อมกับฟาดขวานเข้าใส่บนกลางอากาศ เฟตที่เริ่มตามความเร็วระดับ 150 ทัน ทำหน้าเฉยๆ แต่ปีกซ้ายกลับกดลงส่งผลให้ตัวของเขาหมุนเป็นวงหลบขวานได้ทันถ่วงที
เปรี้ยง!!! พริบตาที่หลบพ้น เฟตก็ยิงมินิเรลกันกลับหลัง ส่งผลให้เขาออกตัวไปพร้อมกับคลื่นลมที่ระเบิดเป็นแนวทางยาว ด้วยความเร็วที่เปลี่ยนไปชั่วพริบตา ส่งผลให้แอรีสถึงกับงงเต๊กที่เห็นมนุษย์บินได้ แถมยังไวกว่าประสาทเสียงที่เทพจะตามได้ทันอีก
“หึ หนีไปแล้วก็ช่างมันเถอะ พาเมียกลับบ้านดีกว่า”แอรีสที่ลอยอยู่บนฟ้า พึมพำขณะทิ้งตัวลง แต่ยังไม่ทันพ้นจากด้านบนของโคลอสเซียมดี ฝูงเหล็กเล็กๆ หลายพันลูกก็พุ่งมาหาเขาเป็นทางยาว เป็นเหตุให้เทพแห่งสงครามต้องควงขวานป้องกันเป็นการใหญ่ แต่ด้วยจำนวนที่มีมากมายมหาศาลไม่ต่างกับมด เทพหนุ่มจึงต้องพุ่งตัวหลบไปอีกด้าน
“นี่มัน”เทพแห่งสงครามพึมพำเมื่อเห็นซากของการปะทะตามร่างกาย นี่มันรอยกระสุนชัดๆเลย
ไม่ ต้องรอนาน แอรีสก็มองเห็นเจ้าของสิ่งที่ส่งกระสุนพวกนี้มาโจมตีเขา กำลังพุ่งตรงมาหาด้วยความเร็วสูง แต่ก่อนที่ตนจะได้เตรียมตัวต้อนรับขับสู้ให้สมกับเป็นเทพเจ้า เจ้าตัวประหลาดก็หมุนตัวรอบหนึ่ง ส่งอะไรบางอย่างพุ่งตรงเข้ามาหาเขาด้วยความเร็วที่มากกว่าตัวมันเสียอีก
“บอกแล้วไง ว่านี่มันของปาหี่”แอรีสคำถามใส่จรวดที่พุ่งตรงมา พร้อมกับกางโล่พลังป้องกันไว้ที่ด้านหน้าตัวเอง อาวุธในมือที่กุมอยู่พร้อมสวนทันทีเมื่อสิ้นการปะทะ (แอรีสคิดว่าเป็นกระสุน)
แต่ กลับกลายเป็นว่าสิ่งที่พุ่งเข้าหาตนดันเปลี่ยนทิศแบบฉับพลัน มันทิ้งตัวลงไปด้านล่าง เทพหนุ่มจึงละความสนใจจากของสิ่งนั้น แล้วหันไปมองเจ้ามนุษย์ประหลาดที่ยังควงสว่านอยู่หลายรอบ ส่งของประหลาดแบบเดิมออกมาอีกหลายสิบแท่ง หึหึ ... ถ้าปล่อยออกมาแล้วมันทิ้งตัวลงพื้นไปแบบนั้น จะยิงมาทำไม ไร้ประโยชน์สิ้นดี
ก่อนที่แอรีสจะได้หัวเราะให้กับตัวเอง จรวด AAM ที่ เฟตยิงเข้าใส่ก็ทำการสันดาปเชื้อเพลิงพลังงาน ถีบตัวจากข้างล่างขึ้นหาศัตรูที่อยู่ด้านบนเป็นแนวดิ่ง เทพหนุ่มที่เห็นแสงการสันดาปสบถพร้อมกับระเบิดพลังออกไป แต่ความร้อนที่ส่งออกมาคือตัวนำวิถีชั้นดีสำหรับจรวด Air to Air Missile (AAM) บรรดาจรวดที่มีเป้าหมายอยู่ที่แอรีสส่งตัวเข้าหาด้วยความเร็วกว่า 3 มัค
“ชิ”เทพแห่งสงครามสบถอีกครั้งเมื่อเห็นตนเองถูกไล่ตามจากของประหลาด
“หึหึ ถ้าคิดว่านี่คือทั้งหมดของฉันล่ะก็ แกคิดผิดแล้ว”เฟตที่พึ่งบินผ่านร่าง ของเทพหนุ่มไปด้วยความเร็วกว่า 2 มัค ยิ้มให้กับตัวเอง จากนี้ไปทุกความรู้ที่มีเกี่ยวกับสงคราม จะถูกนำมาใช้กับเทพแห่งสงคราม
ผู้บ้าสงคราม กับเทพแห่งสงคราม ผลลัพธ์ที่ออกมา คงสนุกพิลึกเลยซินะ
ตูม!!!! เสียงระเบิดที่ดังเป็นทอดๆ บนท้องฟ้า ส่งผลให้เหล่าผู้ชมต้องมายืนชมอยู่ข้างนอกโคลอสเซียมแทน แม้แต่เทียร่าเอง
“หมอนั่น สู้กับเทพระดับตำนานได้สู้สีเลยเหรอเนี่ย”เทียร่าพึมพำเบาๆ หลังจากเปลี่ยนดวงตาของมนุษย์ให้กลายเป็นดวงตาของเทพ จนมองเห็นการต่อสู้ที่อยู่ห่างไปหลายกิโลจากพื้นดิน
“ทำไมเทพบ้าพลังนั่นถึงต้องสู้กับผู้เล่นอย่างเราๆด้วยวะ ถ้าแบบนี้หากทำอะไรไม่พอใจ มันไม่ตีหัวเราแตกตายคาที่หรือไง กำลังของเทพในเลเวลที่เท่ากันสูงกว่ามนุษย์ตั้งหลายเท่า”ผู้เล่นชายคนหนึ่งหันไปปรึกษากับเพื่อนด้วยกัน เป็นการดิสเครดิตพวกเทพซินะ
“พวกเทพไม่ได้นิสัยเสียแบบนี้ทุกคนหรอกนะ”เทพีอโฟร์ไดร์ในร่างมนุษย์ส่ายหัวค้าน
“โห เทพระดับตำนานทำนิสัยเหมือนกับที่ศึกษามาแบบนี้ คิดเหรอว่าเทพตนอื่นๆ จะต่างจากที่คิดอ่ะ ถ้าเทพบ้ากล้ามบ้ากำลังอย่างแอรีสเป็นถึงขนาดนี้ หญิงที่เป็นชู้ของมันคงเหมือนกับที่กล่าวไว้แน่ๆเลย”ผู้เล่นหนุ่มคนหนึ่งค้านกลับเช่นกัน ส่งผลให้เทพแห่งความงามสะอึกไม่สามารถพูดอะไรได้อีก
เทีย ร่าที่ได้ยินปรายตามองมาเล็กน้อย จากนั้นก็ละความสนใจจากเบื้องล่าง หันไปมองการต่อสู้ที่บนฟ้าแทน เมื่อเห็นว่าข้างบนนั้นกำลังสนุกได้ที่
ฟี๊ด!!! เสียงจรวดที่มีความเร็ว กว่า 4 มัควิ่งเลยผ่านตัวของแอรีสไป ส่งผลให้ผู้ส่งมันออกมาถอนหายใจ เมื่อเทพบ้ากล้ามนี้มีสมอง ดึงพลังเทพมาคลุมตัวจนความร้อนที่เคยเป็นตัวนำวิถีมิสไซล์หายไป จนพวกจรวดไม่เจอเป้าหมาย
หา เป้าหมายไม่เจอ ไม่ใช่ว่าโจมตีไม่ได้ เฟตยังคงไล่ยิงแอรีสด้วยปืนกลวันแคนจากระยะที่ห่างกันร้อยกว่าเมตรเหมือน เดิม แม้เทพตนนี้จะไล่ตามยังไง สุดท้ายก็ไล่ตามไม่ทันสักที เนื่องจากเฟตได้เปรียบเรื่องความเร็วและคล่องตัวในการบิน มากกว่าแอรีสที่พื้นที่ในการลอยตัวไม่เอื้ออำนวย
เมื่อรู้ว่ายังไงบนฟ้าตนเองก็สู้มนุษย์ประหลาดไม่ได้ เทพแห่งสงครามจึงทิ้งตัวดิ่ง มุ่งหน้าลงไปข้างหลังทันที
เฟต เห็นเป้าหมายไม่ยอมสู้บนอากาศ ฉีกยิ้มเล็กน้อย แล้วเปลี่ยนรูปแบบการรบจาก อากาศสู้อากาศ เป็นอากาศโจมตีลงภาคพื้นแทน ปืนกลแกตลิ่งขนาด 30 มม.ออกมาประจำการที่ด้านข้าง ปีกที่ประกอบกับเกราะอยู่ที่ด้านหลัง เปลี่ยนมาเป็นอยู่ด้านข้าง โดยใช้ระบบไอพ่นความร้อนสันดาปให้ผู้เป็นนายได้ลอยตัว
“แกคิดผิดแล้ว ที่หนีลงไปที่นั่น”ชายหนุ่มพึมพำขณะเล็งหาเป้าหมาย โดยใช้ออร่าของเทพในการตรวจจับ เมื่อหาเจอแล้ว ปืนกลขนาด 30 มิลลิเมตร ก็ส่งลูกกระสุนหัวระเบิดลงไปเป็นของฝาก ก่อนจะตามลงไปด้วยขีปนาวุธโจมตีรถถัง ที่พุ่งออกมาจากท่อกลมกลวงตรงปีกที่ยืดออกไปทางด้านข้าง
ตูม!!! เสียงระเบิดดังเป็นทอดๆ และจังหวะตามที่จรวดถูกส่งลงไปในช่องว่างตรงโคลอสเซียม ไม่ต้องสืบเลยว่า ตอนนี้เทพบ้ากล้ามกำลังทำหน้าแบบไหน
“อ้ากกกก ตรูหนีมันมาข้างล่างแล้ว ยังไม่ยอมลงมาสู้กะตรูอีก ส่งเชี่ยไรมาฝากก็ไม่รู้ ไอ้บ้าเอ๋ย!!!”เสียงโวยวายดังลั่นขึ้นมา ไม่ต้องสืบเลยว่าการโจมตีของเฟตสร้างความรำคาญใจได้มากแค่ไหน
ชาย หนุ่มผู้มีอาวุธสารพัดสงคราม ยังคงบินเป็นวงกลมพร้อมกับส่งจรวดแบบติดตามพลังเทพลงไปเรื่อยๆ เหมือนไม่มีวันหมด แหงล่ะ ถ้าเทียบกับเรือปราการคิรอฟแล้ว ขีปนาวุธทำลายรถถังพวกนี้พลังรวมยังน้อยกว่าแซมอยู่หลายชั้นเลยทีเดียว ทั้งจำนวนพลังในการส่งออก การติดตามเป้าหมาย พลังของ ATGM (Anti Tank Missile) จึงน้อยกว่า Sam อยู่หลายขั้น
ใน ขณะที่เฟตยังคงแจกจ่ายความสนุกให้กับศัตรูคู่ขวัญ เทพแห่งสงครามอันเป็นที่รักกลับหนีออกนอกโคลอสเซียม แล้วเนียนเข้ากับกลุ่มผู้เล่นทั่วไป เมื่อเห็นเช่นนั้นชายหนุ่มจึงหยุดโจมตี แล้วตระโกนลั่นให้ข้างล่างได้ยินแบบทั่วถึง
“แกเป็นเทพผู้กล้าหาญ เป็นถึงเทพแห่งสงคราม แต่กลับหนีซุกใต้กระโปรงผู้หญิง นี่หรือคือสิ่งที่เทพ ไม่ซิ ลูกผู้ชายทำ ถ้าแกทำแบบนี้ จงอย่าเรียกตัวเองว่าผู้ชายอีกเลย ไอ้เทพตุ๊ดเอ๋ย”คำกล่าวของเฟตกระแทกใจใครหลายๆ คน จนอึ้งไปตามๆกัน ไม่เว้นแต่แอรีสที่กำลังใช้มนุษย์เป็นโล่
“สงครามไม่หน่ายอุบายโว้ย”เสียงของเทพแห่งสงครามตอบกลับมา พร้อมกับเจ้าของเสียงที่โชว์ตัวพร้อมกับใครบางคน
“เทียร่า!!”เฟต อุทานลั่น เมื่อเห็นแอรีสจับเทียร่าแล้วยกโชว์ตัวให้ดู หญิงสาวที่อยู่ในกำมือของเทพสงครามดิ้นรนเหมือนไม่ยอม แต่ด้วยความต่างของระดับ เป็นผลให้เธอไม่อาจฝืนได้ ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นถึงกับตระโกนลั่นแบบฟิวส์ขาด
“แกต้องการอะไร ไอ้เทพสุนัข”
“อย่ามาตระคอกใส่ข้า ไอ้มนุษย์โกง”แอรีสสวนกลับแบบไม่ยอมแพ้ แต่ผู้เล่นที่อยู่รายล้อมต่างคิดเหมือนกับเฟต พวกเขาลอบกดไลท์ พร้อมกับเปิดทางให้เฟตมองเห็นเป้าหมายได้สะดวก
“.......”เฟต ไม่ตอบคำสวนของเทพสงคราม แต่ดวงตากลับแดงฉาน ซึ่งบ่งบอกได้เลยว่า ตอนนี้อารมณ์กำลังขุ่นมัว พลังที่เคยเก็บไว้อยู่ทะลักออกมาเหมือนเขื่อนแตก ผู้เล่นที่มีเลเวลต่ำกว่าร้อยพากันหนีห่างจากบริเวณนั้น จนเกิดพื้นที่ว่างหลายร้อยเมตร
“หึ เป็นแค่มนุษย์ แต่มีพลังถึงขนาดนี้ แกโกงเห็นๆ”แอรีสพยายามพูดให้ฝ่าย ตรงข้ามเผลอลงมาหา แต่กลับกลายเป็นว่าไอ้หมอนั่นยังคงลอยตัวอยู่ที่เดิมไม่ยอมลงมา ตนจึงต้องบีบด้วยการยกตัวเทียร่าให้สูงขึ้น พร้อมกับกดพลังใส่จนหญิงสาวหน้าซีด
“ต้อง - การ - อะ - ไร”เฟตถามเสียงเย็นชา แววตาไร้ซึ่งการปราณี ปกติด้านมืดของเขาคือการไม่ให้ความสนใจต่อสิ่งใดๆในโลก รวมไปถึงศัตรู แต่ครั้งนี้ ด้านมืดของเขาคือความแค้น แค้นที่จะสังหารเทพจัญไรนี่ให้ได้
“แกลงมาสู้ข้างล่างนี่ ให้สมกับเป็นตัวผู้หน่อย”สิ่งที่เทพแห่งสงครามขอ เฟตจัดให้ทันที
ฟุบ!!! แต่ยังไม่ทันที่เท้าจะ ได้แตะพื้นเลย แอรีสก็โผล่มาต้อนรับพร้อมกับขวานประจำตัว อาวุธชิ้นนี้สามารถส่งเฟตไปกระแทกใส่กำแพงจนหายไปได้เลยทีเดียว
“ฮ่าฮ่าฮ่า”เทพ แห่งสงครามกู่ร้องขณะย่างสามขุมเข้าหา เทียร่าที่ถูกปล่อยตัวจนกระแทกกับพื้น ไอลิ่มเลือดที่เกิดจากแรงกดดันออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนโดยมือนั้นถือดาบเรเปียร์ระดับเทพไว้ด้วย
“ฉันผิดหวังจริงๆ ที่เข้าเผ่าเทพแล้วเจอเทพสันดารโจรแบบแก”เทียร่าคำรามพร้อมกับ เส้นผมที่ทอประกายเจิดจ้า แอรีสที่รู้อยู่ก่อนแล้วว่าหญิงสาวคนนี้เป็นเผ่าเทพหันไปแสระยิ้มเล็กน้อย พริบตาที่เธอหายไป มือของเขาก็ฟาดไปอีกด้านรอทันที
พลัก!!! เสียงกระทบของแขนกับหน้า อกดังขึ้น พร้อมกับที่เทียร่าปรากฏตัว ความเร็วของแอรีสเหนือกว่า และมีความชำนาญศึกที่มากกว่าจนได้ชื่อเทพแห่งสงคราม จึงไม่แปลกอะไรที่แอรีสจะจับทางและรอการสวนกลับก่อนจะถูกจู่โจม
“มนุษย์ที่เปลี่ยนเป็นเผ่าเทพแบบแก ยังไงก็สู้กับข้าไม่ได้หรอก”เทพแห่งสงครามกล่าวจบก็เตะเข้าที่ท้อง จนเทียร่ากระเด็นไปอัดติดกับร้านค้าแห่งหนึ่ง
เปรี้ยง!!! หูเทพที่ดีกว่าของมนุษย์ หลายเท่าของแอรีส จับเสียงการดีดของกระสุนได้ทัน พริบตาที่เห็นอะไรพุ่งมา เทพหนุ่มก็อยู่อีกด้านของกระสุนเสียแล้ว
“แก!!!”แอรีสคำรามเมื่อเห็นเฟตเดินออกมาด้วยใบหน้าเย็นชา แม้หัวจะแตกจนเห็นเลือดไหลเป็นทางแล้วก็เถอะ
“แกมันไอ้หน้าตัวเมีย”เฟตคำรามขณะสะบัดมือ เปลี่ยนให้ปีกกลายมาเป็นดาบ เมื่ออาวุธกลับมาประจับที่ ชายหนุ่มก็ยื่นมือไปหยิบอาวุธมา แล้วตั้งท่าในรูปแบบดาบ ในเมื่ออาวุธปืนทำอะไรมันไม่ได้ ก็ต้องใช้สิ่งที่มีล่ะนะ
แอ รีสเห็นเฟตเริ่มกลับมาสู้ในรูปแบบที่ตนได้เปรียบ ก็แสระยิ้มออกมา พร้อมกับดึงอาวุธประจำตัวออกมา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ลืมที่จะเก็บตัวประกันไว้ เทพสงครามจึงใช้พลังของตนเองกักขังให้เทียร่าติดอยู่กับกำแพงร้านเหมือนเดิม
“ไอ้เทพสุนัขเอ๋ย”เฟตคำรามแล้วพุ่งไปหาเทพแอรีสด้วยอาวุธทั้งหมดที่ตนมี ดาบกว่าหมื่นเล่มตรงเข้าหาศัตรูตามความต้องการของผู้เป็นนาย แต่เทพหนุ่มคือผู้ที่ได้ชื่อว่าเทพสงคราม ของแค่นี้จึงจิ๊บๆ มันเขวี่ยงขวานใส่พื้น หลังจากขวานจมหายไป ภายในพริบตาก็มีด้ามจับโชว์ตัวขึ้นมาจากดิน และมีจำนวนมากมายมหาศาลพอที่จะให้เรียกใช้ได้ตามใจชอบ
กลาง เมืองดาราที่เคยสวยงาม ในตอนนี้เต็มไปด้วยเศษซากที่เกิดจากการทำลายล้างและการต่อสู้ ถ้ามองผ่านๆ อาจเห็นว่าที่นี่พึ่งถูกปรมาณูนิวเคลียร์ลงก็เป็นได้
การ ต่อสู้ของผู้เล่นกับเทพระดับตำนานดำเนินต่อไปอีกเป็นชั่วโมง คนหนึ่งคือผู้ไม่ยอมแพ้ ต่อชะตากรรม หรือให้กับใคร ส่วนอีกหนึ่งเทพ คือผู้บ้าสงคราม และเห็นการต่อสู้เป็นที่หนึ่ง โดยไม่สนว่าตนจะใช้วิธีไหนเพื่อให้ชนะ
ทว่า ทุกอย่างย่อมมีขีดจำกัด และมนุษย์ที่มีข้อผูกมัดมากมายอย่างเฟต ก็ต้องมีอันพ่ายแพ้ไปโดยปริยาย เขาถูกอาวุธเทพนับสิบของแอรีสเสียบแทงไว้เต็มร่าง ส่งผลให้ตอนนี้ทำได้ดีที่สุด ก็แค่ใช้สายตาอันเหม่อลอยจ้องมองท้องฟ้าเท่านั้น
“สิ้นหวังขนาดนั้นเลยเหรอไง”แอรีสที่อยู่ในสภาพสะบัดสบอมยิ้มเยาะ ขณะเดินเข้ามาใกล้มนุษย์ที่นอนมองฟ้าอยู่
“….”เงียบ เฟตไม่เอ่ยอะไรออกมาเลย สายตาเขาเหม่อลอย มันเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง และความสิ้นหวังที่ว่านั่นก็ถูกนำมาวางไว้ที่ข้างตัวเสียแล้ว
เคร้ง!! เสียงของบรรดาดาบที่ ครั้งหนึ่งเคยเป็นของรักของเขา ถูกนำมากองรวมกันในสภาพแตกหัก จนจับสภาพไม่ได้ แอรีสที่โยนของพวกนี้มาแสระยิ้มอย่างชอบใจ จากนั้นก็หยิบอาวุธแต่ละอย่างมาเสียบแทงร่างของผู้ที่เคยเป็นเจ้านาย
“นี่ล่ะนะ ความต่างของระดับ อาวุธของข้าคืออาวุธเทพ ไม่เหมือนกับของแกที่เป็นอาวุธผ่านการเล่นแร่ของเผ่าเอลฟ์หรอก”คำกล่าวนี้ไม่ได้เข้าหูของเฟตเลย แม้ร่างกายจะถูกเสียบด้วยอาวุธมีคมมากมาย เฟตยังไม่สนใจร่างกายตัวเองเลยด้วยซ้ำ
“ในฐานะที่แกทำให้ข้าเอาอาวุธและพลังทั้งหมดออกมาสู้ได้ ข้ายอมรับในความบ้าบิ่นของแก แต่ว่า ช่วยดูหน่อยนะ ว่าคนอย่างข้า เทพแอรีสคือสุดยอดแห่งเทพ”แอรีสกล่าวจบก็ใช้ดาบของเฟตเสียบเข้าไปที่ท้องของเขา จนเกราะที่ใส่อยู่ยังแตกออกมา และนี่คือการปิดตำนานอาวุธไฮเทคของมนุษย์ผู้นี้
เทพหนุ่มเงยหน้าหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง การต่อสู้นี้ เขารู้สึกสนุกสุดๆ ไปเลย ลืมแม้กระทั่งว่าตนมาเพื่อลากอโฟร์ไดร์กลับ
“ลาก่อน แกคงไม่ได้เจอข้าอีกแล้วล่ะ”เทพหนุ่มกล่าวจบ ก็ง้างขาขึ้นฟ้า ส่งปลายส้นเท้ากระแทกเข้าเต็มหน้าของมนุษย์ที่ครั้งหนึ่งเคยล้มตนได้
โพละ!!! เสียงนี้ไม่ต้องสืบ ร่างของเฟตชักกระตุกเล็กน้อยตามแบบธรรมชาติของมนุษย์
“หึหึ”แอ รีสหัวเราะแบบสะใจสุดๆ ขณะมองดูร่างของเฟตที่กระตุกเบาๆ พร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาเป็นสายน้ำ ไม่มีอะไรดูน่ารื่นเริงเท่ากับเลือดที่ละเลงบนสงครามอีกแล้ว
‘โองการจากสวรรค์ เทพแห่งสงครามแอรีสถูกจับกุม พร้อมกับปลดระดับลงมาค่ะ’เสียงระบบนี้ดังมาเป็น ทอดๆ และประจานไปทั่วโลก สืบเนื่องมาจากผู้เล่นที่เห็นการต่อสู้นี้รับไม่ได้กับสิ่งที่เทพนี้เป็นคน ทำ ส่วนทางโอลิมปัสเองก็รับไม่ได้เช่นกัน ถ้าสู้แบบลูกผู้ชาย โทษอาจจะไม่ถึงขนาดนี้ อย่างมากก็แค่จับกุม แต่นี่อะไร จับเผ่าตัวเองเป็นตัวประกัน แถมยังนำไปต่อรองกับมนุษย์อีก ดีแค่ไหนแล้วที่ซูสไม่สั่งฟ้าผ่าฆ่ามันทิ้งกลางโลก ทว่า ทำแบบนั้นจะเป็นการเสียเกียรติของสวรรค์มากเกินไป ทางเบื้องบนเขาพัฒนาแล้ว เรื่องนี้จะถูกนำเข้าศาลเทพทั่วโลกแน่
สิ้น เสียงคำประกาศ เทพแอรีสถึงกับสบถออกมาคำใหญ่ การต่อสู้แค่นี้ไม่เห็นจะต้องมาทำกันถึงขนาดนี้เลย แต่ก่อนที่เทพหนุ่มจะได้หนีไป รอบๆตัวก็มีแสงที่เกิดจากการปรากฏตัวของเทพ ก่อนจะตามมาด้วยเทพในร่างของมนุษย์ที่สวมชุดเกราะระดับสูงสุดเอาไว้
“ท่านเทพบิดา”แอรีสรีบคุกเข่า เมื่อเห็นบรรดาพ่อ แม่ พี่น้อง พากันลงมาหมด โดยทุกคนใช้สายตาเหยียดหยามจ้องมาทางเขาอย่างเห็นได้ชัด
“แกทำอะไรลงไป บุตรแห่งข้า”เสียงของซูสเป็นเสียงที่เบา แต่ดังไปทั่วทวีป ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอารมณ์เสียสุดๆ
“เป็นเรื่องของลูกผู้ชายน่ะ ท่านพ่อ ข้าแค่ล้างอายของข้า”แอรีสก้มหน้าตอบ ไม่กล้าสบตาใครอีกเลย
“ลูกผู้ชายงั้นเรอะ ล้างอายงั้นเรอะ แกล้างอายของแกได้ แต่มันกลับทำให้สวรรค์ของข้าต้องแปดเปื้อน ไอ้เทพเฮงซวย”ซูสคำรามพร้อมกับใช้ไม้เท้าที่ตนเอามาด้วยฟาดใส่จนเทพหนุ่มกระเด็นไปหลายร้อยเมตร แต่สักพักก็กลับมาตามแรงการดึงด้วยพลังของมหาเทพ
“เอาล่ะ พี่น้องแห่งข้า มีความเห็นเช่นใดกับโทษทัณฑ์ของมัน”ซูสหันไปถามเหล่าพี่น้อง ร่วมสภา ที่ตอนนี้จ้องมองแอรีสด้วยความแค้นไม่ต่างกัน แหงล่ะ เพราะเทพเพียงตัวเดียว ทำให้ชื่อเสียงของสภาเทพโอลิมปัสติดลบไปแล้ว
“จำคุกมันพันปี”โพไซดอนกล่าวนิ่มๆ ต่างกับเทพีเฮร่าที่มองดูเงียบๆ ไม่ออกความเห็นอะไร เธอแค่มาดูสถานการณ์ไม่ให้มันรุนแรงกว่านี้เฉยๆ
“ข้าว่า กลับไปคุยที่สภาเถอะ ท่านพ่อ”อาร์เทมีสออกความเห็น แม้ตนจะรู้สึกแค้นที่แอรีสทำให้สภาเสียหน้า แต่การมาด่ากันกลางโลกมนุษย์ เธอคิดว่ามันหน้าขายหน้ายิ่งกว่า
“ได้”ซูสที่พอระบายความโกรธแล้วเห็นด้วย จากนั้นก็เดินกลับไปล้อมวงแอรีสไว้เหมือนเดิม เตรียมจะลากตัวกลับไป แต่ทว่า
“ผมว่า มันยังไม่จบนะ”เสียงบุรุษดังขึ้นมาจากศพมนุษย์ที่นอนอยู่ สภาเทพทั้งหมดหันขวับไปมองด้วยความแปลกใจ ส่วนแอรีสถึงกับสะดุ้ง เมื่อคุ้นเสียงนี้
“นี่แก ไม่ตายอีกงั้นเหรอ”เทพแห่งสงครามคำราม เมื่อเห็นเฟตลุกขึ้นมายืนด้วยสภาพเลือดโซมกาย มันยังไม่ตายอีกเหรอเนี่ย ไม่ซิ เมื่อกี้มันตายแล้วจริงๆ แต่ตอนนี้ มันกลับมาแล้ว แถมยังเป็นการกลับมาด้วยพลังที่มากกว่าเดิมเสียด้วย
‘ทักษะกลับมาเกิดของเผ่ามารแสดงผลค่ะ ผู้เล่นเฟตกลับมาเกิดอีกครั้งในร่างอันเดธระดับกลาง ค่าพลังทั้งหมด x 2 และเลือดกำลังเพิ่มให้เป็นทวีคูณค่ะ’เสียงระบบนี้ดังก้องในหูของเฟต ที่กำลังบิดคอเป็นเชิงปรับความพร้อมของร่างกาย
ตาม ที่เขาได้อ่านมา ในร่างอันเดธนี้ จะแสดงผลก็ต่อเมื่อเขามีความคิดอยากสังหารเพื่อล้างแค้น และครั้งนี้คือความต้องการอันแรงกล้าของเขาโดยตรง ต่างกับที่ผ่านมาที่เขาแค่คิดเสมอว่า คนพวกนี้มีค่าเท่ากัน เขาตายก็ไม่เป็น แต่สำหรับแอรีส ไอ้หมอนี่คือบุคคลพิเศษ ที่เขาต้องเอาให้เดี้ยง
“ต่อยก 3 ได้แล้วซินะ”เฟตที่พึ่งบิดคอไปมาจนดูไม่เหมือนมนุษย์เอ่ยถามกลับกลุ่มเทพที่ด้านหน้าของตัวเอง
พวก ซูสเห็นมนุษย์คนนี้ไม่กลัว และต้องการจะจบการต่อสู้นี้จริงๆ พากันถอยหลังไปยืนห่างๆ แล้วใช้พลังของเทพปิดกั้นไม่ให้ผู้เล่นคนใดได้เข้ามาจุ้น นี่เป็นการต่อสู้ชั้นไคลแมคต์แล้ว
“ทำไมแกถึงไม่ยอมตายๆ ไปซะที”แอรีสคำรามขณะสะบัดมือเรียกขวานของตนที่ปลิวไปให้กลับมา
เฟตในร่างคนตายขยับคอไป มาไม่ตอบคำถาม ไม่ใช่ว่าเขาจะกวนหรอก แต่ประสาทการรับรู้ของเขาตายไปพร้อมกับการตายครั้งล่าสุดต่างหาก เมื่อกี้ตอนบอกว่ายังไม่จบ ตัวเองยังไม่ได้ยินเลย
เทพแห่งสงครามเห็นว่าเป้าหมายไม่ยอมโต้ตอบ ตนก็พุ่งเข้าหาด้วยทักษะระดับเทพ เพียงเสี่ยววิเดียว ก็มาถึงเป้าหมาย
ตูม!!! กลับเป็นแอรีสที่ถูกเฟตใช้มือดันหน้าจนลอยไปกระแทกเข้ากับกำแพง
“กะ แก”เทพแห่งสงครามคำรามลอดไร ฟันออกมา จากจุดเมื่อกี้มาจนถึงจุดนี้ ระยะทางห่างกันไม่มากก็จริง แต่เขาทำไมถึงช้ากว่า และทำไมไอ้หมอนี่ถึงได้เร็วขึ้นกันล่ะ
“หืม ทำไมไม่ได้ยินเสียงเลยล่ะ”เฟต พึมพำขณะยกกุมหน้าแอรีสออกมาด้วยมือเดียว เมื่อเห็นศัตรูยกมือเตรียมจะต่อยมา เขาก็รีบทุบหัวเทพที่มีลักษณะทางกายภาพเหมือนมนุษย์เข้ากระแทกกับกำแพงร้าน ค้าอีกครั้ง แต่ดูเหมือนครั้งนี้จะแรงมากไปหน่อย เมื่อหัวของแอรีสหลุดจากการจับกุม กระเด็นหายไปไหนแล้วไม่รู้
เฟตมองดูมือตัวเองด้วย ความแปลกใจ ทำไมเขาถึงเร็วขึ้นได้ถึงเพียงนี้ แถมกำลังก็ยังมหาศาลเรียกได้ว่าเกินคนไปไกลแล้ว ด้วยความสงสัยจึงหันไปมองรอบตัว หวังจะหาที่ทดสอบ แต่แล้วความสัมผัสแบบแปลกๆ ที่รู้สึกได้ กลับสั่งให้เขากระโดดถอยให้ห่างๆ ซึ่งก็ทำตามอย่างว่าง่าย
ตูม!!! พื้นที่ เขาเคยยืนอยู่ถล่มลงไปใต้พื้น มันแหวกเป็นทางยาวเกือบร้อยเมตร เฟตจึงลองมองดูที่ปลายทาง แล้วก็ได้พบกับแอรีสในสภาพโชคเลือดจริงๆ
“ย้ากกกก”เทพแห่งสงครามที่เสียท่าให้กับมนุษย์คำรามลั่น พร้อมกับใช้ทักษะชั้นสูง เปลี่ยนขนาดตัวให้ใหญ่ขึ้น มีความสูงหลายร้อยเมตร
“โห ยักษ์งั้นเหรอ”เฟตที่มองเห็นพึมพำขณะยก มือเรียกอาวุธประจำตัวออกมา แต่แล้ว เขาก็พบว่าพวกมันพังไปหมดแล้วจากตอนสู้กับแอรีสครั้งล่าสุด แถมเกราะที่ครั้งหนึ่งเคยช่วยเขามานักต่อนัก ยังพักอีกด้วย ความรู้สึกสูญเสียนี้ เข้าไปเสริมอารมณ์ที่เยือกเย็นให้ร้อนขึ้น
ใบหน้าของเฟตตึงขึ้นภาย ในพริบตา กล้ามเนื้อที่แขนเกร็งตึงแบบโกรธจัด การสูญเสียอาวุธที่เขารักไป ทำให้อารมณ์ของเขาอยู่ในขั้น บ้าคลั่ง
เปรี้ย!!! พื้นที่อยู่รอบๆ ตัวของเฟตร้าวเป็นทางยาว ภายในพริบตาที่โกรธจนถึงขีดสุด พื้นเมืองที่เป็นคอลกรีตก็ยุบตัวลงพร้อมกับระเบิดออก
กลุ่มเทพที่มาจากโอลิ มปัสมองดูการต่อสู้ระหว่างเทพแห่งสงครามกับมนุษย์บ้าสงครามอย่างใจเย็น ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าใครตกเป็นรอง ใครเป็นต่อ
แอรีสแม้จะได้พลังเต็มๆ ในตอนนี้ไป ก็ไม่อาจจะเอาชนะมนุษย์ที่ฟื้นคืนชีพมาเป็นครั้งที่ 2 ได้แน่ๆ เนื่องจากสภาพพลังที่เห็น เฟตมีกำลังมากกว่าเดิม 2 เท่า หรืออยู่ในขั้นสูงระดับเดียวกับซูสและโพไซดอนแล้วนั่นเอง
และก็จริงดั่งคาด เมื่อเฟตหายไปจากจุดที่ยืนอยู่ ไปโผล่อีกทีก็กดหัวขนาดใหญ่โตเท่าขุนเขาของแอรีสลงไว้กับพื้นเสียแล้ว แต่แค่นั้นยังไม่หนำใจมนุษย์ที่มีความแค้นเต็มอก เขายังกระทืบใส่ไม่ยั้งเหมือนคนบ้า ร่างกายที่ชักกระตุกของแอรีสได้บอกถึงชัยชนะอันงดงามเกินตัวแล้ว
ตูม!!!!! เสียง หมัดสุดท้ายที่เฟตต่อยเข้าใส่กลางหัวยักษ์ของแอรีส กระทบเข้ากับพื้น เนื่องจากร่างกายของเทพแห่งสงครามสลายกลับไปร่างขนาดเท่ามนุษย์เสียก่อน หลังจากหมดสติไปแล้วหลังจากถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงเข้าจุดตายหลายรอบ
เฟตบิดคอคลายความตึงของกล้ามเนื้อ แล้วเดินเข้าไปหาเทพแห่งสงครามอย่างเป็นจังหวะ
“ไอ้เทพอย่างแกน่ะ ไม่สมควรมีชีวิตอยู่หรอก”เฟตก ล่าวแบบเย็นชา ขณะแบมือขอทักษะไฟทมิฬของเอรีสออกมา ทักษะนี้จะทำลายจนกว่ามันผู้นั้นจะตาย และตอนนี้ ไอ้เทพตัวนี้ก็เป็นเหยื่อของมันแล้ว
แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้ ส่งไฟทมิฬเข้าทะลวงไส้ รอบกายของเขาก็มีการปรากฏตัวของเหล่าชายหญิงในชุดเกราะเทพเรืองแสง เขาไม่ต้องถามก็รู้ว่า เป็นเทพของโอลิมปัส
“เจ้าชนะแล้วไม่ใช่เหรอ”อพอลโลรีบถามอย่างเคร่งเครียด
เฟตที่ไม่ได้ยินไม่สนใจ เขายังคงยกมือเตรียมส่งหมัดเข้าสังหารศัตรูที่ทำลายของรักของเขา แต่ทว่า อยู่ๆ มือก็ถูกหยุดไว้ พอมองตามทิศที่พลังส่งมาก็พบว่าเป็นของเฮร่า
“เจ้ามนุษย์ หยุดใช้กำลังและได้เวลาเจรจาแล้ว”สิ่ง ที่มารดาแห่งเทพบอกเป็นผลให้เทพตนอื่นๆ พยักหน้าให้ แต่เฟตไม่ได้สนใจ เขาแค่กระชากนิดเดียว ทักษะการจับกุมของมารดาแห่งเทพที่อยู่ในขั้นสูงสุดถึงกับแตกสลายไปทันที
“อย่า - มา – ขวาง”เฟตกล่าวใส่ช้าๆ แล้วหันมาเตรียมจะสังหารแอรีสให้ได้ แต่คราวนี้ร่างกายของเขากลับถูกพลังบางอย่างซัดจนกระเด็นมาไกลสุดๆ พอมองดูตรงจุดเดิมก็พบว่าชายร่างใหญ่หนวดเคราสีดำเป็นคนส่งเขาออกมา
“โพไซดอนซินะ ดีแล้ว หึหึ”ชายหนุ่มหัวเราะที่มุมปาก ขณะยกมือไปทางเทพที่ถีบเขาออกมา
ฟี๊ด!!! เสียง การจุดฉนวนดังขึ้นที่ด้านหลังของชายหนุ่ม จากนั้นสารพัดอาวุธที่มีรูปธรรมโปร่งใสอันเกิดจากพลังล้วนๆ ก็โผล่ออกมา เฟตคว้าอาวุธยิงเข้าใส่ทันที
แต่เทพยังไงก็คือเทพ แล้วยิ่งโพไซดอนอยู่ในระดับเดียวกับซูส การโจมตีทั้งหมดของชายหนุ่มจึงไม่อาจเข้ามาในโล่ที่ถูกกางไว้ป้องกันได้
เฟตเอียงคอมองเล็กน้อย แล้วยกมือขึ้นฟ้า ส่งพลังขึ้นไปบนฟ้าเป็นสายๆ แล้วปรากฏเป็นร่างของอะไรบางอย่างที่ใหญ่โตพอๆกับเครื่องบินขับไล่
ของสิ่งนั้นบินวนอยู่บนฟ้า ถ้าดูจากทิศที่วนแล้ว จะเห็นว่าเป็นรอบโล่พลังที่พวกเทพอยู่นั่นเอง
“ยิง”เฟตกระตุกยิ้มเหี้ยมที่มุมปาก ส่งผลให้เครื่องบินที่ถูกสร้างจากพลังล้วนๆ โจมตีลงมาตามแบบที่เขาเคยทำ
กริ๊ก!!! เสียง ลั่นมาจากเครื่องบินที่อยู่สูงไปหลายร้อยเมตร จากนั้นก็ตามมาด้วยห่ากระสุนและปืนใหญ่ขนาด 40 มม. ที่พุ่งตรงเข้าหาเป้าหมายที่อยู่ใจกลางเมือง
ตูม!!! เสียง ระเบิดที่เกิดจากลูกปืนใหญ่ขนาด 120 มม. เข้าปะทะกับโล่พลังนั้น แต่ไม่ว่าจะการโจมตีแบบไหนก็ไม่อาจเจาะทะลวงเข้าไปได้เลย กลับกัน มันทำได้แค่เพิ่มฝุ่นควันให้หนาแน่นจนมองไม่เห็นเท่านั้นเอง
พวกเทพที่อยู่ในวงล้อม ห่ากระสุนนับพันเริ่มหันมาปรึกษากันกับสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งอยากให้พาแอรีสออกไปเลย แต่อีกส่วนกลับค้าน เพราะนี่จะเหมือนกับการแทรกแซงการต่อสู้ระหว่างผู้ชาย 2 คน ทว่า การจะปล่อยให้เทพมาแพ้ต่อหน้ามนุษย์มากมายก็ใช่จะเป็นผลดีเท่าไหร่ ตอนนี้การประชุมลับในที่โล่งแจ้งจึงยังดำเนินต่อไป
“ว่าแต่ ไอนั่นเมื่อไหร่จะเลิกโจมตีเข้ามาซะที”โพไซดอนชี้ไปที่เครื่องบิน AC-130 ของเฟต ที่ยังยิงเข้ามาไม่เลิก ขนาดเห็นว่าติดม่านพลังแล้ว ยังโจมตีเข้ามาอีกด้วยแฮะ
“จนกว่าจะฆ่าไอ้บ้ากล้ามนี่ได้ล่ะมั้ง”เฮร่ากล่าวแบบไม่สนใจ แต่พริบตาเดียว เทพทั้งหมดก็รู้สึกถึงอันตราย จึงเคลื่อนที่ไปอีกจุดหนึ่ง โดยหิ้วแอรีสไปด้วย
ตูม!!! เสียง ระเบิดขึ้นจากจุดที่เคยยืนอยู่ ก่อนจะตามมาด้วยพลังงานความร้อนที่สูงปรี๊ด เพียงพริบตาเดียว ทุกสิ่งก็ถูกพลังการระเบิดกวาดหายไปหมด ดีที่พวกเขากางพลังไว้อยู่ จึงป้องกันการทำลายล้างแบบยกเมืองนี้ได้
เปรี้ยง!!! เสียงระเบิดรอบนี้ ดังมาพร้อมกับพื้นที่แหวกเป็นทางยาว ถ้าเทพไม่มีระดับความเร็วที่สูงกว่า คงจะถูกโจมตีจนเละไปก่อนที่จะรู้ตัวแล้ว
ตูม!!! เกิด การระเบิดขึ้นที่เดิมจากจุดที่เขาเคยยืนอยู่ เฟตยิงพวกเขาด้วยแคนนอนเรลกัน โดยใช้หัวกระสุนนิวเคลียร์ขนาดมินิ แต่ถึงจะขนาดมินิ รัศมีก็ยังกว้างหลายร้อยเมตรอยู่ดี ใจกลางเมืองดาราหายไปเป็นวงกว้าง ถ้ามองจากมุมสูงจะเห็นว่ากลางเมืองไม่มีสิ่งมีชีวิตใดหลงเหลืออีกเลย
เปรี้ยง!!! เสียงฟ้าผ่ายังดังเป็นระยะๆ ไม่มีเว้นว่าง ผู้เล่นหลายแสนจึงพากันหนีตายออกนอกเมือง ไปกันหมด เพราะเห็นกันแล้วว่าการต่อสู้ที่อยู่ภายในรุนแรงแค่ไหน
เหล่าเทพโอลิมปัส ตอนนี้พวกเขาเปลี่ยนหัวข้อการปรึกษาหารือ จากที่คิดจะพาแอรีสกลับไป ขอเปลี่ยนเป็นเฟตแทนได้มั้ย เนื่องจากหมอนี่มีความสามารถในการทำสงครามที่สูง พวกเขามั่นใจว่า หากได้ชายคนนี้มา สวรรค์แห่งทวีปตะวันออก ต้องได้รับชัยชนะเหนือใดแน่ๆ
ชายคนนี้ไม่ได้เก่งถึง ขั้นล้มเทพแบบ 1 – 1 แต่เขาเป็นบุรุษที่สามารถถล่มเมืองได้ทั้งเมือง และมีความคิดในด้านสงครามที่สุดยอด ดูในตอนนี้ซิ ชายคนนี้ยังยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับไปไหน แต่อาวุธที่สร้างจากพลังกลับโจมตีใส่พวกเขาไม่หยุด จนไม่น่าเชื่อว่านี่จะเป็นมนุษย์
อำนาจแฝงของระดับ จักรพรรดิ นั่นก็คือการควบคุมอาวุธโดยแค่คิดถึงอาวุธของตัวเอง ซึ่งเฟตก็คือบุคคลที่ก้าวผ่านระดับมาด้วยความตายครั้งที่ 2 เขาสามารถควบคุมอาวุธได้แค่คิด และความคิดของเขาก็ช่างไฮเทคทันสมัยสุดๆ
สั่งการแท่นยิงแคนนอนเรล กันจำนวน 4 แท่นพร้อมกัน เครื่องบินสนับสนุน เครื่องบินขับไล่ ของทุกอย่างนี้ เฟตควบคุมคนเดียว และภายในทีเดียว
“แต่ท่านพ่อ ข้าว่า สังหารมันทิ้งเถิด”อพอลโลค้านไม่เห็นด้วยกับความคิดของซูส ที่อยากได้เฟตกลับไปเป็นพวก
“เจ้าก็เห็นแล้วนี่”มหาเทพยักไหล่ เขาอยากได้ชายคนนี้มาเป็นทหารประจำโอลิมปัสจริงๆ
“แต่เจ้าก็รู้นี่น้องข้า ว่าเจ้าหมอนี่ไม่ชอบสวรรค์”เป็น โพไซดอนที่เข้าข้างอพอลโล เขารู้สึกได้เลยว่า ไอ้หมอนี่เกลียดเขาและอยากฆ่าเขาสุดๆ เนื่องจากเห็นมันมีเป้าหมายมาที่เขากับแอรีส แค่ 2 คน ไม่เห็นจะเล็งเป้าไปทางคนอื่นเลย
“แค่ก แค่ก แค่ก”เสียงไอเลือดออกมา พร้อมกับเทพแห่งสงครามที่พึ่งฟื้น พอเขาตื่นขึ้นมาก็เห็นเหล่าพี่น้องพ้องเทพยืนอยู่ในม่านพลังป้องกัน ซึ่งข้างนอกนั้นไม่รู้ว่าอะไรต่อมิอะไรกำลังถล่มใส่เข้ามา
“ท่านพ่อ”แอรีสเรียกซูสที่อยู่ หน้าสุด จากนั้นก็มองตามสายตาของเหล่าพี่น้องไป แล้วเขาก็ได้พบกับคนที่ล้มเขา ซึ่งตอนนี้ยืนฉีกยิ้มแบบแปลกๆ โดยมีป้อมปราการอะไรบางอย่าง 4 ป้อมคุมอยู่ทั้ง 4ทิศ
“หลบเอาเอง”มหาเทพกล่าวจบ พวกเขาก็หายไปจากเบื้องหน้าของแอรีส ดีที่เทพหนุ่มพอจะตั้งตัวได้แล้ว จึงใช้ทักษะของเทพเคลื่อนร่างตามเทพบิดาไป
ตูม!! เสียงระเบิดที่แว่วมา แอรีสรีบหันไปมอง จึงได้รู้ว่าพวกบิดาหนีกันมาทำไม ตรงจุดนั้นเกิดการระเบิดขนาดใหญ่นั่นเอง
“นั่นมัน”เทพแห่งสงครามชี้นิ้วไป ยังป้อมปืนที่อยู่รอบตัวของเฟต ซึ่งตอนนี้หมุนปากกระบอกปากแบนมาทางพวกเขา หลังจากสะสมพลังสักพัก มันก็ปล่อยกระสุนความเร็วสูง ที่มีความเร็วจล พอๆกับอาวุธเทพสายฟ้าของซูส
“พวกข้าต้องกลับก่อนล่ะ”เมื่อแอรีสฟื้นแล้ว พวกซูสก็เลยขอตัวกลับกันเลย เท่าที่สังเกตดู เหตุการณ์ในตอนนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“แต่ท่านพ่อ ทำไมไม่ฆ่ามันล่ะ ในเมื่อมันทำลายเมืองแบบนี้”สิ่ง ที่แอรีสค้าน ส่งผลให้บรรดาเทพสะอึก พวกเขาลืมนึกไปเลย ว่าตอนนี้อยู่ที่โลกมนุษย์ และมนุษย์คนนั้นกำลังทำลายเมืองของมนุษย์เสียด้วย
หลังจากนิ่งคิดสักพัก โพไซดอนก็ใช้เล่ห์กลของกฎแห่งเทพที่ต้องปกป้องมนุษย์มาอ้าง ให้เหล่าเทพช่วยเหลือมนุษย์ส่วนมาก แล้วฆ่ามนุษย์คนนี้ทิ้งซะ
“แต่ .....”ซูสเงียบทันที เมื่อถูกพี่ชายเล่นแสบเอาแผนการนี้มาอ้าง ตามกฎแล้ว มนุษย์หรืออะไรก็ตามที่ทำลายเมืองอันเป็นดินแดนของเทพ พวกเขาจะต้องส่งเทพมาจัดการ และวันนี้ สภาเทพแห่งโอลิมปัสก็อยู่กันครบ หากไม่จัดการอาจจะถูกข้อครหาได้
“ได้ สังหารเขาซะ”มหาเทพที่ถูกพี่น้องเป่าหูสั่งสังหารเฟตทันที นี่ถ้าอาธีน่าอยู่ เหตุการณ์คงไม่แปลกไปถึงเพียงนี้หรอก
แต่ก่อนที่อพอลโลจะออกตัวเข้าโจมตี ร่างกายของพวกเขาหนักอึ้ง แล้วตามมาด้วยไอพลังแห่งความตายที่ยิ่งใหญ่
‘ฮ่าฮ่าฮ่า ข้ารอเวลานี้มานานแล้ว และพวกแกก็โง่ คิดไม่เป็น’คำกล่าวนี้ดังลั่นในหัวของเหล่าเทพ พร้อมกับบัลลังก์หัวกะโหลกโผล่มาใจกลางเมืองที่ตอนนี้กลายเป็นพื้นที่แห่ง ความตาย อาวุธของเฟตหยุดทำงานไปโดยปริยาย เมื่อเจอเจ้าของพลังที่แท้จริง
“ฮาเดส”ซูสพึมพำ เมื่อเห็นชายหนุ่มผมขาวโผล่มานั่งอยู่บนบัลลังก์นั้น แถมแต่งตัวแต่งหน้ามาอย่างดีซะด้วย
“เพราะนรกของข้า ไม่มีกฎบื้อๆ บ้าๆ แบบพวกแกไงล่ะ ถึงอยู่สบายกว่าเยอะ เฮ้อ ช่างน่าเสียดายจริงๆ”ฮาเดสกล่าว แล้วหันไปมองเฟตซึ่งตอนนี้กลับมาบังคับอาวุธได้แล้ว ไม่ใช่ว่าฮาเดสปล่อยพลังให้หรอก แต่เป็นเพราะพลังพวกนั้นเป็นของเขาเอง จึงกลับมาควบคุมได้เหมือนเดิม
“น่าเสียดายอะไร ท่านพี่ข้า”ซูส ถามอย่างแปลกใจ แต่สักพักก็เข้าใจความหมาย หากต้องการตัวเฟต กฎทุกอย่างต้องออกไปจากสมอง แต่ถ้าอยากเป็นศัตรู ก็ลองหันอาวุธเข้าหาซิ รับรองได้เป็นศัตรูกันจนวันตายสมใจอยากแน่
“ฮ่าฮ่าฮ่า คิดได้แล้วนี่ น้องข้า แต่คิดได้เมื่อสายจริงๆ”ฮา เดสส่ายหัวแล้วพยักเพยิบไปทางเฟต ซึ่งตอนนี้กู่ร้องด้วยความโมโห หลังถูกหยุดหลายต่อหลายครั้ง จะสังหารเทพเกรียนทั้งที ไหงมีแต่คนขัดขวาง
หลังจากปล่อยความเครียดออกมาทางปากหมดแล้ว เฟตก็หันมามองพวกซูสด้วยสายตาที่สุดแสนจะเย็นชา เพราะคนพวกนี้คือผู้ที่ขัดขวางอารมณ์ของเขา
แต่ดูเหมือน จะไม่ได้มีแค่พวกซูสกลุ่มเดียวที่ถูกเฟตหมายหัว เมื่อชายคนนี้หันเป้าหมายมายิงใส่ฮาเดสจนหลบแทบไม่ทัน ในข้อหาหมันไส้ นั่งเท่ขวางตาเกิน
“เฮ้ย ข้าแค่มาคุมเกมเฉยๆ นะเฟ้ย”เทพ แห่งความตายโว้ยวายใส่ แต่ดูเหมือนเฟตจะไม่สนใจ ในเมื่อนี่เป็นเวลาแห่งการแก้แค้น เขาควรจะทำให้เต็มที่ ฉะนั้น ใครขวางอยู่ ต้องตายให้หมด
ในขณะที่ฮาเดสกำลังเต้น แรพกระโดดหลบกระสุนเรลกันที่ตรงเข้าหาเขาคนเดียว ม่านพลังแห่งเทพที่ปกคลุมเมือง อยู่ๆก็แตกสลายไป พร้อมกับการปรากฏตัวของมนุษย์คนหนึ่งที่เดินเข้ามากลางสนามรบแบบนิ่มๆ
“เครโทส”แอรีสพึมพำ เมื่อเห็นมนุษย์ระดับตำนานอีกคน
“และข้าก็ได้พบไอ้เทพหมาบ้าซะที”ชายร่างใหญ่ที่พึ่งมาถึง คำรามลั่นในลำคอ เป็นผลให้พวกเทพทำหน้างง เพราะนี่มันอะไรกัน ทำไมเครโทสผู้ที่รังเกียจเทพถึงมาที่นี่ได้ แล้วทำไมถึงมาได้ไว ในเมื่อพวกเขาลงมาในโลกมนุษย์ไม่ถึงสองชั่วโมงเลย
แล้วคำตอบก็ถูกส่งมาจาก ฟากฟ้า เมื่อมองเห็นอสูรบินได้หนึ่งตัวที่มีผู้เล่นบังคับกำลังบินเข้ามาหา ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าชายบนหลังม้าบินได้คนนั้น เป็นผู้พามา และคาดว่า น่าจะเป็นผู้ที่ทำภารกิจร่วมกับเครโทสเสียด้วย
ฟี๊ส!!! ตูม!!!!! แต่แล้ว กลับมีจรวดลูกหนึ่งพุ่งเข้าใส่ม้าเพกาซัสนั้น พร้อมกับระเบิดอย่างรุนแรง จนเห็นแต่ซากที่กระเด็นตกลงมาเบื้องล่าง
‘….’กลุ่ม เทพและผู้มาล้างแค้นเทพหันไปมองผู้เล่นหนึ่งเดียว ที่เดินเข้าหาพวกเขา โดยไม่ต้องบอกก็รู้ว่า พวกตนเป็นเป้าหมายที่ชายผู้นี้ต้องการจะฆ่า
“จะมีใครมาอีกมั้ย”เฟตถามเสียงเย็นชา ใบหน้าตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด แหงล่ะ ถูกขัดขวางครั้งแล้วครั้งเล่า ใครจะไม่โกรธบ้าง
“มี”เครโทสพยักหน้าให้ พร้อมกับโยนเหรียญอะไรบางอย่างบนพื้น พริบตาที่เหรียญกระทบเข้ากับพื้น มันก็จมหายไปเลย
“…..”เฟต สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเดินไปนั่งที่บัลลังก์ของฮาเดสแทน และดูเหมือนบัลลังก์นี้จะวิเศษมากเสียด้วย เมื่อมันช่วยฟื้นฟูพลัง ภายในพริบตาเดียว ร่างกายของเขาก็กลับมาเป็นปกติ แต่เสื้อผ้ายังขาดวิ่นเหมือนเดิม
“…..”กลุ่ม เทพมารหันไปมองหน้ากัน แล้วหันมาจ้องเฟตกับเครโทสสลับกัน สองคนนี้ ตอนนี้มีเป้าหมายเดียวกันแล้วซินะ เครโทสมาเพื่อล่าแอรีส ที่เป็นคนสาปให้เขาสังหารเมีย ส่วนเฟต ต้องการจะฆ่าแอรีส เพราะมันทำลายอาวุธ แต่สงสัยตอนนี้เป้าหมายจะเปลี่ยนเป็น ทำลายทุกคนที่ขวางหน้าแทนซะแล้วล่ะ
“ชักสงสัยแล้วว่า ใครเป็นเทพ ใครเป็นมนุษย์”เคร โทสที่มองสลับระหว่างพวกเทพกับเฟตพึมพำ เพราะมนุษย์คนนั้นนั่งท้าวคางจ้องมองไปยังกลุ่มของซูสด้วยหางตา แถมยังรวมตัวเขาเข้าไปด้วยแล้ว
เฟตนั่งมองกลุ่มเทพกับ ผู้มาใหม่ทั้งหลายอย่างใจเย็น เขาไม่สนหรอกว่าใครจะทำไม และอะไรยังไง เป้าหมายของเขาง่ายๆ แค่กำจัดแอรีสกับโพไซดอนให้ได้เป็นพอ แต่ถ้าใครมาขัดขวาง มันผู้นั้นต้องตาย
เขายังคงนั่งรอผู้ที่จะ มาใหม่อย่างใจเย็น ในเมื่อมนุษย์ร่างใหญ่นั่นทำเอฟเฟคต์โยนเหรียญหายลงไปในดินแล้ว แสดงว่าจะต้องมีใครโผล่ขึ้นมาแน่ๆ
แล้วดูเหมือนจะจริงอย่างที่คิด เมื่อแผ่นดินสั่นสะเทือน พร้อมกับมีประตูขนาดมหึมาโผล่พ้นจากพื้นขึ้นมา
‘จ้าวแห่งไททัน โครนัส’เสียงระบบร้องเตือน พร้อมกับมือใหญ่ยักษ์จับบานประตูแยกออก เหล่าทวยเทพต่างหน้าซีดเป็นแถวๆ เพราะโครนัสคืออดีตเทพแห่งไททัน หรือมหาเทพในอดีตนั่นเอง
“ทำไมถึงมาที่นี่ได้”ซูสพึมพำเสียงเครียด โครนัสคือบิดาของตน ที่ครั้งหนึ่งได้ปราชัยให้เขาไปแล้ว แต่วันนี้ทำไมถึงกลับมาได้ หรือว่า.....
“ใช่แล้ว ข้าควานหาจนเจอ ในเมื่อเขาคือศัตรูต่อปวงเทพเช่นข้า ข้าก็ย่อมเห็นเขาเป็นมิตร”เครโทสกล่าวพร้อมกับดึงดาบและโล่อันเป็นสัญลักษณ์นักรบออกมา
เฟตนั่งมองสิ่งที่กำลัง จะเกิดขึ้นอย่างใจเย็น ใครคือโครนัสเหรอ แล้วมีความสามารถยังไง ถึงทำให้พวกซูสหน้าซีดได้ แต่เมื่อไม่รู้จัก เขาก็คิดว่ามันเป็นศัตรูต่อเขาไปแล้ว ทว่า ก่อนจะสั่งเรลกันหัวรบนิวเคลียร์ยิงเข้าใส่ เสียงระบบก็แจ้งเตือนว่าครบเวลาที่เขาได้ตั้งไว้แล้ว ตนจึงถอนหายใจพร้อมกับลุกขึ้นยืนจากบัลลังก์
เมื่อเขาเห็นว่าพวกเทพ มองข้ามเขาไปโดยปริยาย ก็ชิงเคลื่อนไหวด้วยทักษะเท้า ไปอยู่ด้านหลังของกลุ่ม จากนั้นตนก็รวมพลังใส่แท่นปืนเรลกันทั้ง 4 จนแสงสว่างไล่จากปากลำกล้องฐานไปยังหัวกระสุนด้านใน
เปรี้ยง!!!! พวกเทพที่ยืนเครียดกับการปรากฏตัวของโครนัสอยู่ กว่าจะรู้ตัวว่าถูกลอบแมง ก็เมื่อเกิดเสียงการขับกระสุนแล้ว
“อ้ากกกกก”แอรีสโดนหัวกระสุน 2 นัดลากไปเต็มๆ กระสุนนัดนั้นพาตัวเทพหนุ่มลอยไปไกลหลายร้อยกิโลเมตร เมื่อถึงจุดอิ่มตัวของพลัง ก็เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง พื้นแผ่นดินสั่นสะเทือนมาจนถึงใจกลางเมืองดาราที่เละเป็นซาก
การทำงานของแรงอัด ส่งผลให้ตัวเทพแห่งสงครามเละเป็นจุนภายในพริบตา ต่อมาคือการทำงานของความร้อนที่จะช่วยในการฌาปนกิจซากไปในตัว
ได้ 1 แต่อีก 1 พลาด เมื่อโพไซดอนตื่นตัวรอการต่อสู้ตลอดเวลา จนสมกับเป็นเทพชั้นสูง เทพแห่งท้องทะเลแทงตรีศูลสวนภายในพริบตาที่กระสุนของเฟตพุ่งผ่านไป แต่ชายหนุ่มที่ลอบโจมตีกลับหายตัวไปภายในพริบตาเช่นกัน แค่ฆ่าแอรีสให้ได้ เขาก็พอใจแล้ว ส่วนจะฆ่าโพไซดอนมั้ย อันนั้นคงต้องรอเวลาหลังล่ะนะ
“อ้าว แล้วเรา จะออฟไลน์ยังไงล่ะเนี่ย”เฟตที่ออกห่างจากจุดเกิดเหตุมาหลายกิโลพึมพำ เมื่อมองไปทางไหนก็เห็นแต่ซาก ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนต่อดี
‘ผู้เล่นได้รับข้อความเสียงจากผู้เล่นเทียร่าค่ะ’เสียงระบบร้องบอกทันทีหลังจากเฟตอยู่ห่างจากการต่อสู้ ระบบไม่อยากรบกวนจึงแจ้งให้ทราบภายหลัง
‘นี่ฉันเองนะ พอดีว่าตอนบ่ายมีสอบขอตัวออฟไลน์ก่อน ......... อีกอย่าง ขอโทษด้วยนะ ที่ทำให้นายตาย’เสียงของหญิงสาวฟังดูเศร้าในช่วงหลัง ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ เฟตคงเอาชนะแอรีสได้แน่
“ฮะฮะฮะ คิดซะว่า ผมชดใช้ชีวิตให้คืนก็แล้วกันนะ”ชาย หนุ่มหัวเราะแล้วตอบกลับไปทางข้อความ เป็นการฝากไว้ให้เธอได้เปิดดูในครั้งที่เข้าออนไลน์ครั้งหลัง แหม ทำเอาอารมณ์ดีขึ้นมาทันตาเลย เมื่อหญิงสาวที่เคยกล้าหาญพูดเสียงเขินอายแบบนี้
เฟตยังคงอมยิ้มที่มุมปากกับสิ่งที่ตนได้เจอ แต่เมื่อเหตุการณ์ตรงหน้ายังไม่เข้าที่ เขาก็เริ่มเครียดขึ้นมา
“แล้วอาคารออฟไลน์อยู่ไหนฟ๊า!!!”แหงล่ะ ในรัศมีกว่า 2 กิโลเมตรนี้มีแต่ซาก แล้วเขาจะเจอตึกออฟไลน์ได้ยังไงกัน
แต่ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามย่อมอยู่ที่นั่น เฟตใช้การก้าวเท้าระดับสูงสุดโผล่มาจนออกนอกเขตเมือง แล้วเขาก็ได้พบกับกองทัพผู้เล่นนับแสน ที่จ้องมองมาด้วยสายตาตึงเครียด
“หยุด แกเป็นใคร”เอ้า มาถามกันแบบนี้จะให้ตอบยังไงล่ะเนี่ย
“ผมเป็นมนุษย์น่ะ”เฟตตอบนิ่มๆ ขณะเดินต่อเรื่อยๆ โดยไม่สนใจกองทัพผู้เล่นที่ยังระแวงอยู่
“แกไม่ใช่ไบรอันใช่มั้ย”เสียงแว่วๆที่ตะโกนเข้า มาเป็นเหตุให้เฟตต้องนิ่งทบทวนแล้วไตร่ตรอง นั่นซินะ ตั้งแต่เล่นเกมมา วันแรกเขาก็ซวยได้ภารกิจสุดหินมหาโหดเลย นี่ยังไม่นับว่าไปเมืองไหน เมืองนั้นถล่มราบเป็นหน้ากองนะ หรือนี่เขา ไม่เหมาะกับเมืองจริงๆ
“ไม่ใช่หรอกครับ”หลังจากตัดปัญหาความซวย โดยเอาสาวๆเข้ามาแทนที่แล้ว ชายหนุ่มก็ตอบแบบมั่นใจ ความซวยของเขามาพร้อมนารีอุปถัมภ์นะเฟ้ย โชคดีในโชคร้าย นี่มันโชคดีเห็นๆ
หลังจากเห็นความมั่นใจใน ตัวเองแบบสุดกู่ เหล่าผู้เล่นต่างยอมแหวกทางให้ แต่สายตายังจับจ้องไปในทิศทางเดียวกัน นั่นก็คือตัวของอสูรโครนัสที่มีความใหญ่โต ถึงขนาดที่ห่างมาหลายกิโลแล้วยังมองเห็น
เฟตปรายตามองสักพัก เมื่อยังได้ยินเสียงระเบิดที่บ่งบอกว่าเกิดสงครามอยู่ ตนก็แสระยิ้มที่มุมปาก จากนั้นก็เดินหาเต็นท์ออฟไลน์ ที่ทางเจ้าหน้าที่ของเกมแบกกันออกมา
หลังจากจากจ่ายค่าที่พักออฟไลน์แบบฉุกเฉินแล้ว เฟตก็เข้ามานอนในเต็นท์สุดเล็ก ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็เล็กเสียจริงๆ
“ว่าเคยนอนโรงแรมจิ้งหรีดแล้ว นี่มันเต็นท์จิ้งเหรนชัดๆเลยนี่หว่า”ถึงจะบ่นแบบนั้น แต่เขาก็ยังใช้ออฟไลน์อยู่ดี เนื่องจากเวลาเหลือน้อยเต็มทีแล้ว
‘ทักษะอันเดธถูกปรับ.....’เสียงระบบดังแว่วๆเข้ามา แต่เฟตไม่สนใจอยู่แล้ว หลังจากชายหนุ่มตัดออฟไลน์ออกไป ระบบของร่างกายก็ถูกปรับให้กลับมาเป็นปกติ ยังดีที่ทักษะลับสายมารยังช่วยไว้ ไม่งั้นเขาต้องตายตามกฎที่กำหนดแน่นอน
หลังจากมนุษย์ที่สามารถต่อกรกับเทพได้สูสีหายไปจากสาระบบของโลก (เกม) บรรดาเทพก็หันกลับมามองที่มือยักษ์ ซึ่งตอนนี้กำลังแหวกประตูจนเกือบจะเห็นตัวอยู่แล้ว
“เอายังไงดีล่ะ แอรีสมันเดี้ยงกลับบ้านเก่าไปแบบนั้นแล้วน่ะ”อพอลโลหันมาถามน้องสาวที่เป็นเทพีดวงจันทร์
“ต้องถามท่านมหาเทพ”อาร์เทมีสหันไปโยนให้ซูสตรงๆ เพราะการสู้กับโครนัสไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่เทพรุ่นใหม่อย่างพวกตนจะเอาไหว
ซูส โพไซดอนกับฮาเดส ออกมายืนเรียงหน้า พร้อมกับดึงอาวุธประจำตัวออกมา ในเมื่อมากันพร้อมหน้าแล้ว การจะเอาชนะโครนัสคงไม่ยากเท่าไหร่แล้วล่ะนะ แม้จะเป็นศัตรูกัน แต่เรื่องนั้นค่อยว่ากันทีหลัง
“เหอะ ไม่คิดเลยต้องมาสู้ร่วมกับพวกแก ข้าแค่ขึ้นมาช่วยไอ้บ้านั่นเฉยๆ”ฮา เดสพึมพำส่ายหัว แล้วดึงอาวุธประจำตัวที่เป็นเคียวออกมา แหม สายยมทูตทำไมต้องใช้เคียวด้วยฟะ ว่างๆต้องหาสร้างโซ่กระชากวิญญาณให้ดูเท่ๆหน่อยแล้ว
“บ่นมากน่า นานๆทีสู้ด้วยกัน สนุกดีออก”ซูสหันมาบ่นใส่บ้าง จากนั้นก็รวมพลังใส่ร่างจนท้องฟ้ามืดครึ้ม ก่อนจะตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องอันเป็นเอกลักษณ์แห่งอาวุธ
“เหอะ ถ้าไม่ติดช่วยพวกเจ้านะ ข้าสังหารไอ้มนุษย์โอหังนั่นไปแล้ว”บุรุษร่างใหญ่ผมดำคำราม ในลำคอ ทำให้ พี่น้องอีก 2 คนปรายตามามอง แค่นี้ยังอายไม่พอที่เทพระดับตำนานมาแพ้ให้กับมนุษย์เหรอ นี่ยังไม่รวมการออกหน้าถึงเพียงนี้นะเนี่ย
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ตอนนี้มาจัดการไล่ท่านบิดากลับไปให้ได้ก่อนดีกว่า”ซูสคำรามพร้อมกับสายฟ้าที่ผ่าลงมาไม่ขาดสาย ถ้าดูจากข้างนอก จะเห็นสายฟ้าที่แล่นเปรี้ยงป้างไม่ยอมหยุด ถ้าเป้าหมายไม่ใช่อสูรร่างยักษ์ล่ะก็ คงจะคิดว่านี่เป็นการโจมตีที่โกงเกินไปแล้วแน่ๆ
สงครามไม่ได้มีแค่เทพมาร หรือแค่ 3 ทวีปอย่างที่เคยคิดเอาไว้ จริงๆแล้วมันมีมากกว่าที่เห็น ไม่ว่าจะเผ่าพันธุ์อสูรต่างๆ หรือแม้กระทั่ง อดีตเทพที่หายไป แต่ทว่า ในตอนนี้ เผ่าเทพแห่งทวีปตะวันออก คงได้ตระหนักแล้วว่า พวกเขามีศัตรูที่เคี้ยวยากอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นไทฟอน มังกรฟ้าคู่ปรับแห่งซูส โครนัสอดีตมหาเทพแห่งไททัน ที่กลับมาพร้อมกับอำนาจใหม่ หรือแม้กระทั่ง มนุษย์หนึ่งเดียวในโลก ที่กล้าสู้กับสภาเทพแห่งโอลิมปัส จากนี้ไป เทพดินแดนแห่งนี้จะล้มจมก่อนจะผ่านสงครามกลางหรือไม่ คงต้องจับตาดูการก้าวเดินของผู้เล่น ซึ่งเป็นผู้กำหนดชะตากรรมแห่งสงครามแล้วล่ะนะ
ความคิดเห็น