คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #52 : ตอนที่ 52 การเล่นพนัน ที่ให้ชีวิต(เฟต)เจอแต่เรื่องร้ายๆ
ในโลกที่เต็มไปด้วยความร้อนแรง และความรัก เฟตกำลังทำหน้ามึนงงสุดๆกับสิ่งที่เห็น เมื่อสักครู่เขากำลังมองเห็นอะไรรางๆ แต่เมื่อปากถูกสัมผัส เขาก็ถูกย้ายมาอยู่ที่นี่ซะแล้ว
“ขึ้นมาที่นี่สิ หนุ่มน้อย”เสียงหญิงสาวเชิญชวน พร้อมกับที่เตียงและเจ้าของเสียงปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าของเฟต
“คุณเป็นคนพาผมเข้ามาเหรอ”เฟตถามอย่างไม่ต้องคิดให้มากความ ตามหลักความแฟนตาซีของเกม คนที่จะพาเขามาที่นี่ได้ ก็มีแต่เจ้าของพลังเท่านั้นแหละ
“เปล่าซะหน่อย เจ้ามาที่นี่ด้วยตัวของเจ้าเองต่างหาก”หญิงสาวกล่าวจบ ชุดก็เปลี่ยนไปเป็นผ้าบางที่สามารถมองเห็นเนื้อหนังข้างในที่ชวนหื่นแบบสุดๆ หากเป็นผู้ชายทั่วไปคงหลงใหลและมีอารมณ์ไปกับสิ่งที่เห็น แต่เฟตที่อยู่ตรงหน้ากลับถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย ระหว่างผู้หญิงที่ใส่ชุดเซ็กซี่กับผู้หญิงที่แก้ผ้า เขามีอารมณ์กับแบบแรกมากกว่า ส่วนจะด้วยเหตุผลอะไรนั้น ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ล่ะมั้งเหล่าขาหื่น
“เชอะ ไม่ได้เรื่องจริงๆด้วย เจ้าไม่สนใจในเรื่องของ อิสตรีเพศเลย”หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงพ่นลมออกมาจากจมูก พร้อมกับดีดนิ้วเปลี่ยนให้ห้องที่โล่งกว้าง กลายเป็นห้องนอนขนาดเล็กที่ตกแต่งอย่างสวยงาม แต่เธอยังไม่ยอมใส่เพิ่มเหมือนเดิม คล้ายต้องการยั่วให้เฟตหื่นจนได้
“สวยมั้ยล่ะ ที่นี่คือที่ที่ข้าจัดไว้เผื่อเวลาเจอกับเจ้าเลยนะ”หญิงสาวที่มีความงามเลิศล้ำกล่าวด้วยรอยยิ้ม แม้เฟตจะทำหน้าตาเรียบเฉย แววตาว่างเปล่าเหมือนคนตายก็ตาม
“ต้องการอะไรก็ว่ามาเถอะ”เฟตถามหน้าตาย
“ข้าไม่ได้ต้องการ แต่ข้าแพ้พนันเฉยๆ”อโฟร์ไดร์ถอนหายใจตอบ ส่งผลให้ชายหนุ่มคู่สนทนาเอียงคอด้วยความสงสัย
“พนันของข้ากับอาธีน่าน่ะ นางมั่นใจว่า เจ้าจะไม่ตกอยู่ในภวังค์ของลูกผู้ชาย หรือสัญชาตญาณดิบของมนุษย์ทั่วๆไป”เทพสาวอธิบายเพิ่ม แม้เฟตจะมีแววตาที่ราบเรียบไม่สนโลก แต่ความสงสัยนั้นก็มองเห็นได้จากท่าทางที่แสดงออก
“แล้วเมื่อไหร่ผมจะได้ออกไปล่ะ”เฟตมีสิ่งที่รอเขาอยู่ ตนเลยไม่ได้อยากจะรู้ ว่าใครไปพนันใครว่ายังไง หรือใครถูกหวยกินไปเท่าไหร่
“ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าเจ้าได้อยู่กับข้าในตอนนี้ เวลาก็พึ่งผ่านไปเพียงต้นไม้งอกจากเมล็ดเท่านั้น ต่อให้เจ้าได้คุยกับข้านานกว่านี้ก็ไม่มีปัญหา”อโฟร์ไดร์กล่าวด้วยรอยยิ้มและท่าทางที่ยั่วยวน หากเฟตเผลอใจแป๊บเดียว มีเสร็จเธอแน่
“เหรอ แล้วคุณทำอะไรกันไว้ล่ะ”แต่ผู้เบื่อหน่ายยังไงก็เบื่อตามเดิม เฟตเลยถามด้วยน้ำเสียงเหมือนคนใกล้ตาย แต่ท่าทางที่แสดงออก เหมือนกับคนที่อยากรู้จริงๆนะ
“นางบอกไว้ว่า ภายในวันนี้ เจ้าจะต้องทำทุกวิธีทางเพื่อจัดการม่านพลังที่ปกคลุมเมืองเธอเรียมอะไรนั่น และไม่แน่อาจจะขึ้นมาถึงวิหารนี่เลยก็ได้”
“อาธีน่าบอกไว้ งั้นก็แสดงว่า นางแจ้งมาก่อนที่ผมจะมางั้นซิ”
“หลังจากนางลอบช่วยเจ้า โดยการไปที่ป่าเหนือนั้น นางได้ถูกจองจำไว้ที่สภาเทพ คงเป็นเย็นวันพรุ่งนี้ล่ะมั้ง นางถึงจะถูกพิพากษาโทษที่ทำอะไรเกินอำนาจที่นางพึงมี”
“อำนาจที่นางพึงมี คือการหนีจากปราสาทเธอเรียมหรือเปล่า”เฟตถามด้วยน้ำเสียงที่ต่างออกไป หากเขาจำพวกสัญญาของเทพที่ลงมาในโลกไม่ผิด สิ่งที่เทพสาวทำคงจะเป็นความผิดล่ะนะ
“ถูกต้อง นางดันหนีออกนอกเขตพลังการอัญเชิญจนถือว่าผิดกฎการอัญเชิญและกฎการอยู่ในโลกมนุษย์เกิน 1 ชั่วโมง ผลก็เป็นแบบนี้ล่ะ นางถูกจองจำ”อโฟร์ไดร์แบมือออกประมาณว่า กฎมันมาแบบนี้ทำไงได้
“อ้อ แบบนี้นี่เอง เทพองอื่นๆคงได้ไปทำหน้าที่แทนเธอ แล้วมันไม่มีปัญหาเหรอ เมื่อถูกตัดสินว่าเป็นแบบนี้”เฟตที่เข้าโหมดเป็นการเป็นงานวิเคราะห์สถานการณ์ออกมาด้วยความคิดเห็นส่วนตัว
“พูดอะไรของเจ้าน่ะ ปกติเมืองๆ นั้นก็ใช้การสุ่มเลือกเทพปกป้องเมืองตามการอัญเชิญอยู่แล้ว มันเกี่ยวกันซะที่ไหน”อโฟร์ไดร์ทำหน้าประหลาดใจที่เฟตไม่รู้เรื่อง
“ทำไมล่ะ”
“เมืองทุกเมืองที่มีเทพประจำอยู่นั้น ใช้การเลือกเทพตามวิหารนั้นๆปกครอง แล้วเจ้าคิดว่า วิหารที่เจ้าเข้าไปสักการะเป็นวิหารของเทพอะไร”อโฟร์ไดร์ถามกลับแทนคำตอบ
“เทพผู้หญิง”เฟตตอบตามที่จำได้ เขาลืมชื่อเจ้าของวิหารนั่นไปแล้ว แต่นี่ก็น่าจะใช่อย่างที่คิดล่ะมั้ง
“ผิด!! วิหารที่เจ้าไปนั้น เป็นวิหารแห่งเทพพรหมจารี ซึ่งก็มี ท่านเฮสเทีย อาธีน่า และอาร์เทมีส ที่ถูกสุ่มเลือก เพราะพวกนางเป็นเทพที่ถือครองพรหมจารียังไงล่ะ”อโฟร์ไดร์อธิบายยาว เทพทั้งสามที่กล่าวมา คือเทพที่ถือครองพรหมจรรย์นั่นเอง
“งั้นหมายความว่าการที่เธอเรียมถูกตัดสินแบบนี้ เป็นไปได้ว่า นางถูกเทพกลั่นแกล้งอย่างนั้นเหรอ”เฟตได้ทีก็ถามใหญ่เลย เพราะเห็นว่าอโฟร์ไดร์คงช่วยเขาแน่ๆ
“ก็ไม่เชิง อาร์เทมีสเกลียดคนที่ทำให้ผู้หญิงต้องถูกย่ำยี และเธอเรียมอะไรนั่นก็บริหารงาน หละหลวมจนพวกดรายส์แอดถูกข่มขืนยังไงล่ะ ซึ่งนี่ถือว่าเป็นโทษที่อาร์เทมีสยอมไม่ได้ เลยตัดสินว่าต้องถูกประหารเลยนะ แต่ก็ยังดีแล้วที่นางให้ทางเลือก ฆ่าตัวตายได้ด้วย”อโฟร์ไดร์อธิบายพร้อมกับทำแก้มป่อง ทำไมเธอถึงต้องมาวุ่นวายในเหตุการณ์นี้ด้วยนะ ทั้งๆที่เธอไม่ได้เก็บซิงไว้ชิงโชคด้วยสักหน่อย
“อ้อ ที่คุณบอกว่าอาธีน่าบอกไว้ว่าผมจะมาที่นี่ งั้นก็หมายความว่า เมื่อเช้าเธอจะรู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรจะเกิดขึ้นน่ะสิ”
“อืม นางคำนวณแล้วว่าอาร์เทมีสคงเอาจริงแน่ถ้าเกิดนายกลับมาแล้วมีการตั้งการไต่สวนโดยสภามนุษย์ที่มีเทพเป็นผู้นำสูงสุดล่ะก็นะ นางเลยบอกให้ข้ามาเข้าฝั่งอพอลโลเป็นการชั่วคราว เพราะอีกไม่นานจะมีการก่อจลาจลแน่ เพราะพวกผู้บริหารกองทัพผู้เล่นนั่นคงไม่ยอมให้เพื่อนรักของตนต้องตาย”อโฟร์ไดร์เล่ามาถึงตอนนี้ก็รู้สึกทึ่งกับสติปัญญาของอาธีน่าจริงๆ ที่สามารถมองอนาคตได้เหมือนกับตาเห็น ต่างกับอพอลโลที่ใช้การเสี่ยงทาย และผลก็ออกมาเหมือนๆกัน แต่ของอาธีน่าตรงกว่า ตรงที่เฟตจะขึ้นมาด้วยตัวของเขาเอง
เฟตได้ยินดังนั้นก็กอดอกใช้มือลูบคางใช้ความคิด คนฉลาดๆแบบนี้ มักจะเป็นคนสำคัญของที่นั้นๆ เสมอ แต่สิ่งที่เขาได้ยินต่อมานั้น กลับทำให้เขาอ้าปากค้างออกมาแทน
“แล้วก็นะ ดูเหมือนว่า นางจะยอมออกจากสภาเทพทั้ง 12 เพื่อจะไปติดตามเจ้าด้วย พวกอาร์เทมีสเลยโมโหแบบนี้ไง”
“เอาล่ะ เมื่อข้าแพ้พนัน ข้าก็ต้องช่วยเจ้าตามที่ตกลงกับอาธีน่าไว้ ซึ่งนั่นก็คือ สอนให้เจ้าใช้อำนาจและเก็บเกี่ยวทุกสิ่งที่อย่างในพื้นที่ให้กำเนิดพลังให้ได้มากที่สุด ฉะนั้น เตรียมตัวให้ดีๆล่ะ”อโฟร์ไดร์ว่าอีกครั้ง พร้อมกับรุกเฟตอย่างรวดเร็ว
“จะจูบกันอีกนานมั้ยเนี่ย”อพอลโลถามขึ้นหลังจากเทพแห่งความงามยังประกบปากมนุษย์ที่บุกรุกวังนานหลายวิแล้ว ปกติมนุษย์ที่ถูกการโจมตีจากอโฟร์ไดร์ตรงๆ แค่วิเดียวก็หลงแบบหัวปักหัวปำแล้ว
“อยากได้มั่งหรือยังไงล่ะ”หญิงสาวอีกคนปรากฏร่างพร้อมกับออร่าสีเงินยวง ทำให้อพอลโลต้องหันไปมองด้วยหางตา
“ข้าไม่ได้ติดอยู่กับสิ่งที่ธรรมชาติสร้างมาขนาดนั้น นานๆครั้งข้าก็โออยู่ ว่าแต่ว่า ทหารเทพของฝั่งเจ้าเป็นเช่นใดบ้าง”อพอลโลพึมพำแล้วถามกลับ อาร์เทมีสจึงส่ายหน้าเล็กน้อย
“นางยังทำหน้าที่ได้ไม่ดีพอ ภารกิจที่ข้าให้ไปทำก็ทำไม่สำเร็จ จนเหตุการณ์ในเมืองนั้นเริ่มรวนแล้ว”เทพแห่งดวงจันทร์กล่าวจบ อโฟร์ไดร์ก็ถอนปากออกจากผู้บุกรุกพอดี ซึ่งนั่นทำให้ 2 เทพแห่งสุริยันจันทราจ้องมองด้วยความสนใจ
“มันตกอยู่ใต้อำนาจเจ้าแล้วเหรอ”อพอลโลถามแบบสงสัย เมื่อเห็นอโฟร์ไดร์จ้องมองเฟตด้วยสายตาเคลิบเคลิ้มแทนมนุษย์ที่หลับตาอยู่
“ไม่”เสียงของเฟตดังลอดออกมาทำให้พวกอพอลโลสะดุ้งที่เห็นว่าอโฟร์ไดร์ถูกอำนาจของตนตีกลับ จนเธอหลงใหลในตัวผู้ถูกตีแทน นี่ล่ะข้อเสียของเทพีแห่งความรักน่ะ
เมื่อเฟตลืมตาขึ้นมา สายตาของเขาก็มองเห็นออร่าสีส้มที่อยู่กระจัดกระจายเต็มวิหาร ถ้าสิ่งที่อโฟร์ไดร์สอนมา มันไม่ผิดล่ะก็ พลังพวกนี้เขาสามารถนำมาใช้ได้เรื่อยๆแน่
ฝั่งอพอลโลเมื่อเห็นดวงตาของเฟตก็ลอบมองหน้ากันอย่างมึนงง เพราะดวงตาสีส้มทองนั้น จะมีแต่ของอพอลโลที่เป็นเทพสุริยันเท่านั้นที่มี
“เอาล่ะ ผมถามครั้งสุดท้าย จะปลดอำนาจที่ปกครองเมืองหรือไม่”ชายหนุ่มอ้าปากถามอีกครั้ง น้ำเสียงของเขายังเย็นยะเยือกเหมือนเดิม แม้ข้างหน้าตนจะมีเทพในตำนานถึง 2 ตนแล้วก็ตาม
“ข้าไม่ทำให้เจ้าหรอก”อพอลโลตวาดกล่าวพร้อมกับดวงตาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีทองมีลวดลายแสงสีส้มเป็นรูปพระอาทิตย์เล็กๆที่นัยน์ตา
พออพอลโลดึงดวงตาของตนเองออกมา เขาก็รวมแสงแห่งดวงอาทิตย์ที่เต็มไปด้วยความร้อนให้มาอยู่ที่ด้านหน้าตน จนมันร้อนขึ้นเรื่อยๆและส่งไปที่เฟตเพื่อจะทำลายวิญญาณให้มอดไหม้ รอการเกิดใหม่
‘ข้าอาจจะอธิบายไม่เก่งเท่ายัยนั่นนะ แต่ขอบอกแบบง่ายๆเลยละกันว่า ดวงตาของอพอลโลมีความสามารถในการควบคุมความร้อนที่เกิดจากดวงอาทิตย์ ฉะนั้นในวิหารแห่งสุริยัน เจ้าจะใช้ดวงตานี้ทำอะไรก็ได้ที่เจ้าอยากจะทำ’เสียงของอโฟร์ไดร์ที่เคยอธิบายให้ฟังดังขึ้น เฟตที่มองดวงไฟสีส้มซึ่งกำลังพุ่งตรงเข้ามาหาตนพยักหน้าอย่างพึงพอใจกับสิ่งที่แว่วเข้าหูมา
“ลองดูไม่เสียหายมั้ง”เฟตพึมพำพร้อมกับสั่งการด้วยจิต ให้พลังสีส้มนั้นสลายไป แต่เมื่อลองดูแล้วเขากลับพบว่าออร่าสีส้มที่กระจายอยู่นั้นเข้าไปทำการในลูกบอลไฟไม่ได้ ชายหนุ่มเลยเปลี่ยนความคิดควบคุมจิตให้พลังนั้นเบี่ยงออกไป ซึ่งพลังสีส้มก็พากันเข้าไปเบี่ยงจนสามารถพ้นทางได้จริงๆ
ทั้งอพอลโลและอาร์เทมีสต่างจ้องมองผู้รุกรานด้วยสายตาที่ตะลึง หลังพบว่าผู้เล่นที่ตายแล้ว สามารถใช้ความสามารถของดวงตาแห่งเทพสายสุริยันได้ นั่นแสดงให้เห็นว่า นี่คือพลังของชายคนนี้จริงๆแล้ว
‘ข้ารู้คร่าวๆจากอาธีน่าว่า เจ้ามีความสามารถพิเศษในการเรียนรู้ที่สูงแบบสุดๆ (มหาเทพ) และกลืนกินพลังของเทพองอื่นๆ (จอมมาร) ได้ แต่ข้าคงบอกไม่ถูกว่ามันใช้ยังไงและต้องทำยังไง ฉะนั้นเจ้า ต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมมันเอง แล้วก็ไม่ต้องห่วงนะ ในสภาพไร้ร่างกายหยาบของมนุษย์ เจ้าจะสามารถเรียนรู้ได้เรื่อยๆ จนกว่าวิญญาณเจ้าจะไม่ไหวซะเอง’เสียงของอโฟร์ไดร์ที่เคยอธิบายดังขึ้นมาอีกครั้ง เฟตเลยกระตุกยิ้มวูบที่มุมปากอย่างชอบใจ หลังเห็นว่าสถานการณ์ในตอนนี้ตรงอย่างที่บอกไว้จริงๆ
อพอลโลเห็นผู้รุกรานเริ่มเหิมเกริม ตนก็ใช้ทักษะขั้นสูงเข้าจัดการ ทว่า เฟตกลับสวนการต่อสู้กลับมา ด้วยรอบๆตัวมีพลังเหลือเฟือให้เรียกใช้ ทำให้ 2 หนุ่มต่อสู้กันด้วยทักษะสายเพลิงชั้นสูงตลอด แล้วยิ่งสู้เฟตก็ยิ่งชำนาญ เขาจึงเริ่มพลิกแพลงวิธีการใช้ตามลักษณะประจำตัว ส่งผลให้เทพหนุ่มต้องใช้ทักษะที่สูงขึ้นไปอีกชั้นเพื่อหวังทำลายให้สิ้นซาก แต่ดูเหมือนจะกินกันไม่ค่อยลง เมื่อเทพหนุ่มจะไม่มีวันเป็นอะไรเพราะนี่คือพลังของเขาเอง ส่วนเฟตเองก็มีการพลิกแพลงตลอด จึงกินกันไม่ลงจริงๆ
“อพอลโล วิหารเจ้า”เสียงของอาร์เทมีสดังขึ้นที่ด้านหลัง ส่งผลให้เทพหนุ่มต้องหันไปมองตามเสียง แล้วเมื่อเขาพบว่าวิหารของตัวเองกำลังไฟไหม้เพราะพลังก็ถึงกับสบถออกมาอย่างอดไม่ไหว แม้เขาจะไม่เป็นอะไร ไม่ได้หมายความว่าสิ่งของอย่างอื่นไม่เป็นอันตรายด้วยซะหน่อย
“ไอ้เจ้ามนุษย์โสโครก”อพอลโลตวาดลั่นพร้อมกับใช้พลังที่รุนแรงขึ้น ลูกบอลเพลิงวิ่งวนจากด้านบนสู่ด้านล่าง และมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นจนน่าตกใจ ลูกบอลเพลิงพวกนี้สามารถทำให้เมืองๆ หนึ่งหายไปได้เลย ถ้าโดนแบบเต็มๆ ที่ใจกลางเมือง
เฟตไม่ได้ตกใจกับจำนวนของลูกบอลเพลิงยักษ์ที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆของอพอลโล ชายหนุ่มทำแค่เพียงรวมพลังใส่ลูกบอลเพลิงขนาดเท่าลูกบอลที่ด้านหน้าตัวเอง ตอนแรกๆ มันก็เป็นแค่ลูกไฟ แต่พอชายหนุ่มใช้วิธีการทำที่พิสดารขึ้น มันก็กลายเป็นลูกบอลแก้วสีเพลิงซึ่งเป็นผลจากการตกผลึกความร้อนที่ 3000 องศา
“อะไรน่ะ”ทั้ง 2 เทพถามพร้อมกัน เมื่อเห็นว่าเฟตวางลูกแก้วสีส้มไว้ที่พื้น ก่อนจะดึงตัวโฟร์ไดร์ถอยไปด้วย
“พวกคุณรู้หรือเปล่า ว่าความร้อนที่ถูกอัดแน่นกันมากๆ จะมีผลเป็นยังไง”เฟตถามเสียงเย็น พร้อมกับใช้ทักษะเท้าพาเทพสาวติดตัวไปด้วย ส่งผลให้พวกเทพต้องใช้ดวงตาประจำตัวกับทักษะเสียงในการพูดคุย
“มันก็ถูกความร้อนกัดจนตกผลึกน่ะสิ”อาร์เทมีสตอบตามที่คิด เฟตจึงหัวเราะแล้วหันหลังให้
“ตามยุคสมัยมันอาจจะเป็นแบบนั้น แต่เมื่อผมนำความรู้ที่มีใส่เข้าไปด้วย มันก็กลายเป็นลูกแก้วที่เก็บความร้อนดุจเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ซึ่งรอเวลาให้ผมกดเปิดเวลาแห่งความหายนะเท่านั้น”ชายหนุ่มอธิบายช้าๆ ก่อนจะหันมาส่งสายตาเป็นเชิงถาม ว่าข้อตกลงเรื่องลามือน่ะ ว่าไง
“ของแค่นี้ พี่ข้าทำลายได้อยู่แล้ว”อาร์เทมีสว่า ขณะที่อพอลโลพยายามดึงพลังนั้นออกมา แต่เขายิ่งพยายามเท่าไหร่ มันก็เหมือนกับยิ่งทำให้เวลาการทำงานของลูกบอลทำงานให้เร็วขึ้นเท่านั้น เมื่อลูกบอลเริ่มส่งแสงสีส้มขึ้นมาเรื่อยๆ
“ถ้าจะลองดูก็ไม่ได้ว่ากันนะ แต่ความร้อนที่ผมใส่ไว้ในนั้น มันเต็มไปด้วยหลายๆสิ่งหลายๆอย่าง ถ้าคุณไม่มีพลังของอโฟร์ไดร์คอยช่วยอีกแรง คุณดึงมันออกมาไม่ได้หรอก”เฟตยังคงทำตัวเป็นมนุษย์ที่ดีช่วยอธิบายให้เสร็จสรรพ ซึ่งก็พร้อมกับที่ตัวเขาโผล่มาตรงใจกลางจุดเกิดของตัวองพอดี โดยมีเหล่าทหารรักษาวังล้อมกรอบคอยเป็นบอดี้การ์ดอำนวยความสะดวกเรื่องมือเท้าให้
“แกจะบอกว่า แก นำพลังแห่งความงามพลังเฉพาะของอโฟร์ไดร์ใส่ไปด้วยงั้นเหรอ”อาร์เทมีสถาม ซึ่งอพอลโลเป็นผู้ตอบแทนคำถามนี้
“ใช่ พลังในนี้มีของอโฟร์ไดร์อยู่ด้วย”เทพหนุ่มกล่าวพร้อมกับที่เฟตหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น
“ผมใช้พลังของอโฟร์ไดร์ในการเป็นกุญแจนำพาพลังอีกชั้นหนึ่ง มันคือฉนวนดีๆ นี่เอง ยิ่งคุณพยายามแก้ด้วยพลังของตัวเองมากเท่าไหร่ เวลามันก็ยิ่งจะเดินเร็วขึ้นเท่านั้น ถ้าคุณอยากจะให้พลังนั้นหายไป คุณก็พาตัวอโฟร์ไดร์ไปหรือไม่ก็ต้องปล่อยพลังที่ปิดล้อมปราสาทเธอเรียมออกซะ แต่ถ้าพวกคุณทำไม่ได้ หรือไม่ยอมทำ ก็เตรียมตัวพบกับความพินาศกับสิ่งที่มากล้นเกิดยุคสมัยเทพไปก็แล้วกัน”ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับโบกมือลาอโฟร์ไดร์ที่ยังคงมองเขาด้วยสายตาเคลิบเคลิ้มอยู่
“พอแล้วมั้ง”เฟตกระซิบที่ข้างหู เมื่อเห็นว่าเทพีแห่งความงามยังไม่เลิกแสดงละคร
“ข้าไม่อยากเลิกเลยจริงๆนะ นี่กำลังเคลิ้มจริงซะด้วยสิ”อโฟร์ไดร์ตอบเสร็จก็ดึงชายหนุ่มเข้ามากอดและกระซิบที่ข้างหู
“ระวังแรงดึงดูดที่ท่านเอาจากข้าไปให้ดีๆเถอะ ปกติเมื่อมันอยู่กับข้าจะมีแต่ข้อดี แต่ถ้ามันไปอยู่กับมนุษย์ที่ไม่ใช่ร่างเทพล่ะก็ มันจะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีก็คือท่านจะเป็นที่น่าหลงใหลจากเพศตรงข้ามได้มากถึงมากที่สุดในกรณีที่เขาหรือเธอมองท่านในแง่ดี แต่ข้อเสียก็คือ ท่านอาจจะถูกรังเกียจได้มากที่สุดเช่นกันจากสิ่งมีชีวิตที่เป็นเพศเดียวกันกับท่าน และไม่ถ้าข้าเดาไม่ผิด เพศตรงข้ามของท่านเองก็อาจจะมีผลด้วย ในกรณีที่นางมองท่านในแง่ร้าย”อโฟร์ไดร์อธิบายจบก็ลอบจูบลาไปหนึ่งที เฟตกระพริบตาเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้ตกใจอะไร เพราะนี่คือสิ่งที่อโฟร์ไดร์ทำตลอดในตอนที่อยู่ในโลกของนาง
“ลาก่อนนะครับ”เฟตกล่าวลาพร้อมกับดึงพลังสีส้มให้มาล้อมตัว ในพริบตาชายหนุ่มก็รีบกระแทกสันมือเข้าที่จุดตายจนอโฟร์ไดร์สลบไปทั้งๆ ที่ยืนอยู่
“สังหารมัน ท่านเทพีแห่งความงามถูกปล่อยตัวแล้ว”ทหารวังร้องบอกเมื่อพาตัวอโฟร์ไดร์ที่สลบออกมาได้แล้ว
“หมดเวลาที่จะคิดแล้วนะ”เฟตกล่าวก่อนจะวางลูกแก้วตกผลึกไว้ที่พื้นอีกหนึ่งลูก
“ทักษะคืนชีพ”ชายหนุ่มกล่าวเรียกใช้ทักษะ พร้อมกับพลังสีดำที่โผล่จากอากาศอันว่างเปล่ามาดูดวิญญาณเขากลับไป ซึ่งก่อนจะพ้นไป ชายหนุ่มก็ไม่ลืมที่จะโบกมือลาแบบนางสาวไทรักเด็ก
เหล่าทหารเทพไม่สนใจ พวกเขายังโหมทุกการโจมตีเข้ามาแบบไม่สนหน้าอินหน้าพรหม แต่ทว่า เพียงพริบตาที่อาวุธเข้าถึงตัวผู้รุกราน เฟตก็หายไปพร้อมกับไอพลังสีดำเสียแล้ว เหล่าทหารเทพได้แต่ถอดถอนหายใจ ที่เรื่องจบได้แบบนี้ ทว่า เมื่อมองไปที่พื้นตรงจุดที่ผู้รุกรายเคยอยู่ พวกเขาก็ทำหน้ามึนงง เมื่อเห็นลูกแก้วที่เฟตทิ้งไว้ ไม่รู้ว่านี่คืออะไร ใช่ของฝากหรือเปล่าก็ไม่รู้
“มันไปไหนแล้ว”อาร์เทมีสถามพี่ชายของตนที่ยังจ้องมองลูกแก้วที่กำลังส่งประกายสีส้มสดขึ้นมาเรื่อยๆ
“ไปไหนก็เรื่องของมันเถอะ ว่าแต้เจ้ารู้จัก นิวเคลียร์มั้ย”อพอลโลถามถึงสิ่งที่เฟตบอก ซึ่งอาร์เทมีสไม่ได้ตอบแต่ชี้มือไปที่ลูกแก้วที่กำลังมีความร้อนไหลออกมา ความร้อนพวกนี้มีอำนาจสูงพอๆกับดวงอาทิตย์เลย
“คงจะรู้กันตอนนี้แล้วล่ะ”อาร์เทมีสกล่าวจบ แสงสว่างสีส้มก็สว่างวาบไปทั้งวิหารสุริยัน เหล่าทหารเทพของวังต่างถูกความร้อนที่มากล้นกัดกินจนร่างกายจนสลายไป แม้พวกเขาจะใส่เกราะเทพแห่งสุริยัน แต่เมื่อถูกความร้อนที่เกิดจากดวงอาทิตย์ทำลายเอง มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
ส่วนอโฟร์ไดร์ที่นอนสลบอยู่นั้น ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด เพราะพลังที่เฟตรวบรวมเข้ามาในครั้งสุดท้ายนั้น เป็นพลังที่เอาไว้ช่วยป้องกันเธอจากความร้อนที่แตกตัว แต่ถึงจะไม่มีพลังล้อมกรอบนี้ เธอก็ไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว เพราะพลังในลูกบอลส่วนหนึ่ง มีพลังของเธออยู่ด้วยนี่นะ
“ทำความผิดพลาดกันซะแล้วสินะ”อาธีน่าที่ถูกจองจำอยู่ในคุก ณ สภาเทพพึมพำ เมื่อเห็นดอกเห็ดเกิดขึ้นที่ทิศทางที่ตั้งของวิหารสุริยันอพอลโล ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ไปไกลมาก มากจนเทพหลายๆองไม่อยากไป แต่ความสูงของดอกเห็ดที่ผุดขึ้นนั้นบ่งบอกเป็นสัญญาณให้เทพทุกองค์ในแดนสวรรค์ได้รู้เป็นอย่างดีว่า ณ ที่แห่งนั้นปัจจุบันนี้ถูกอะไรบางอย่างถล่มเข้าให้เสียแล้ว
“เจ้าทำอะไรลงไป อาธีน่า”เสียงดังขึ้นที่ด้านหลัง พออาธีน่าหันไปมองก็พบกับเพื่อนร่วมสภาของตน
“ข้าหรือเป็นคนทำ แอรีส เจ้าอย่ามากล่าวหากันหน่อยเลย ข้าถูกคุมขังอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อตอนที่สุริยันขึ้นพ้นแดนโลกแล้ว”อาธีน่าหันกลับมามองที่ดอกเห็ดอีกครั้ง เมื่อเห็นว่ามันกำลังบานออกอย่างสวยสดงดงาม เพราะมันถูกแสงสีส้มทำปฏิกิริยาจนดูสวยงามไปหมด
“ข้าไม่เชื่อว่าหัวอสรพิษอย่างเจ้า จะไม่คิดหรือวางแผนอะไรไว้หรอกนะ”แอรีสยังไม่ยอม ตนจึงยกข้อกล่าวหามาว่า
“หลักฐาน ความจริง หรืออะไรที่เจ้ามีล่ะ ถ้าเจ้าไม่มีเลย จงอย่ามาพูดลอยๆ ไม่เช่นนั้น ข้าอาจจะเอาข่าวที่ว่า เจ้านำข้อความลับของสภาไปบอกอสูรคู่ปรับของท่านพ่อ ไปบอกที่สภาก็ได้ แล้วเจ้าคิดว่าเรื่องจะเป็นเช่นไรเล่า”อาธีน่าพูดแบบไม่ค่อยสนใจ ในขณะที่แอรีสที่อยู่หน้าห้องขังได้แต่บดฟันอย่างโกรธแค้นที่ถูกนำความผิดพลาดของตนกลับมาข่มขู่ตนเอง
“หึ มนุษย์โสโครกที่เจ้าศรัทธาในตอนนี้ถูกสภาเทพถีบส่งแล้ว เมื่อมันมีแต่ความชั่วและมีมารอยู่รอบๆตัวแบบ เจ้ายังจะเข้าข้างมันอีกรึ”แอรีสว่า เพื่อหวังให้อาธีน่าเผยแผนการของตนออกมา
“ข้าว่า ครึ่งหนึ่งในสภาเทพยังต้องการตัวของเขาอยู่นะ และฝ่ายผู้นำของพวกเราอย่างท่านพ่อก็ยังต้องการตัวอยู่ด้วย ถึงแม้ว่าฝ่ายที่ไม่อยากได้อย่างพวกเจ้าจะได้ท่านลุงโพไซดอนมาเป็นตัวนำก็ตาม”เทพีแห่งปัญญากล่าวลอยๆ ทำให้เทพแห่งสงครามสะอึก
“หึ แต่โทษของเจ้าก็ยังต้องได้รับการพิจารณาจากสภาเทพอยู่ดี ข้าให้เฮอเมสนำข่าวที่เจ้าลอบหนีไปที่อื่นไปบอกท่านพ่อแล้ว แล้วอีกอย่าง ข่าวที่มนุษย์ตัวนั้นที่เข้าชื่นชมบุกรุกวังของอพอลโลก็จะถูกส่งไปถึงแล้วด้วย เจ้าคิดดูสิ ว่าไอ้ตัวอัปยศแห่งทวีปโอลิมปัสของเราจะถูกตามล่าจากสมาคมผู้เล่นเทพสวรรค์ขนาดไหน”แอรีสยิ้มเยาะกล่าว ทำให้อาธีน่าปรายตามามองอย่างเย็นชา
“ถ้าได้เช่นนั้นจริงก็ดีน่ะสิ”กล่าวจบ คุณเธอก็หันกลับมามองควันที่เกิดจากไอความร้อนต่อ แหม สวยงามจริงๆ กับดอกเห็นที่มีความสูงหลายสิบไมล์เนี่ย
แอรีสเห็นอาธีน่าไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลย ก็รู้สึกโกรธ จึงต่อยกำแพงม่านพลังเขตแดนกักกั้นอย่างไม่พอใจ แต่เมื่อเขาต่อยไปแล้ว หมัดของเขาก็ถูกไฟจุดติด ตนเลยรีบดับไฟและเดินหนีกลับไปด้วยความเสียหน้า
“ข้าชนะแล้วนะท่านพ่อ”อาธีน่าพึมพำพร้อมกับมองไปยังที่ยอดดอกเห็ด ซึ่งเป็นบุรุษผมสีเพลิงรูปร่างสูงใหญ่ที่กำลังตะโกนอย่างบ้าคลั่งเมื่อวังของตนสลายเป็นเศษซากไปหมดเลย
‘อืม ความคิดของท่านนี่ยังมีสิ่งที่น่ากลัวอะไรหลงเหลืออีกหือเปล่านะ ข้าจะให้ท่านนำออกมาให้ข้าได้ดูทั้งหมดเลย’เมื่อเห็นหน้าตาชวนตะลึงของอพอลโลก็หัวเราะออกมาที่มุมปาก เธอเป็นเทพแห่งสงคราม ซึ่งเฟตก็มักจะนำของที่ใช้ในสงครามมาให้เธอได้ดูเสมอ แล้วมันก็น่าตื่นเต้นทุกสิ่งทุกอย่างเสียด้วยสิ
ณ ดินแดน ที่มารหรือมนุษย์ไม่อาจย่างก้าวเข้ามาได้ สมาคมโปรกอล์ฟ นานาสวรรค์
ชายผมทองร่างกายกำยำถือไม้เท้ามีปีกที่มีงูสองตัวเลื้อยพันและหันหน้าเข้าหากัน กำลังเดินไปตามทางเดินอย่างรวดเร็ว เพราะเขาไม่อาจใช้อำนาจของสิ่งของวิเศษได้ ถ้าอยู่ในพื้นที่นี้
“สวัสดีค่ะ ท่านเฮอร์เมสสุดหล่อ ไม่ทราบว่าวันนี้ จะมาทำอะไรค่ะ”หญิงสาวที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทักทายชายที่กำลังเดินเข้ามา
“ท่านพ่ออยู่ที่ไหน”ชายผมทองพูดแบบไม่มีแววขี้เล่นเหมือนเดิม ซึ่งหญิงสาวที่สนทนาด้วยก็รับรู้ว่าคงเป็นเรื่องด่วน ตนเลยรีบเดินนำไปทางด้านหลังโต๊ะ เฮอร์เมสเดินตามหญิงสาวที่นำทางไปอย่างรวดเร็ว เพราะข่าวที่ได้มานั้นสำคัญมาก ต้องรีบแจ้งอย่างเร่งด่วน
เทพสาวพาเฮอร์เมสมาถึงที่ห้องแห่งหนึ่ง ซึ่งมีชาย 3 คนยืนอยู่ที่หน้าห้องนั้น เทพสาวเดินเข้าไปกระซิบบอกชายที่อยู่หน้าห้องสักพักก็เดินกลับมาหาเฮอร์เมสที่ยืนรออยู่
“ท่านมหาเทพซูส ตอนนี้กำลังติดธุระเรื่องด่วนคะ ท่านไม่ว่างรับแขก”เทพสาวรายงานจบ เฮอร์เมสก็จ้องมองไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว
“ข้าเป็นถึงผู้ส่งข่าวส่วนตัวของท่านซูส พวกเจ้าไม่ต้องใช้สิทธิ์ในการดูแลความเรียบร้อยมาบอกข้า ไปแจ้งท่านพ่อซะว่าข้าจะเข้าไปพบ ถ้าพวกเจ้าไม่บอก จะได้รับรู้ว่าความผิดของการขัดขวางข่าวสารสำคัญเป็นเช่นไร”เฮอร์เมสตวาดว่าซึ่งนั่นก็ทำให้พวกเทพที่อยู่หน้าห้องวิ่งเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว
“เชิญท่านเข้าไปได้เลยครับ”ชายที่อยู่หน้าห้องอีก 2 คนบอกเมื่อได้รับสัญญาณอนุญาต
เฮอร์เมสเดินเข้าไปในห้องด้วยความฉุนเฉียว แต่เมื่อเขาเห็นมหาเทพทั้ง 3 กำลังทำอะไรกันอยู่ อารมณ์โกรธนั้นก็หายไปทันที
“อ้าว ว่าไงลูกข้า มีข่าวอะไรด่วนหรือยังไงกัน”ชายผมขาวถามไม่หันมามอง ขณะก้มหน้าลงมองลูกกลมๆที่วางอยู่ที่ปลายเท้า
“อาธีน่า ลอบหนีไปให้ความช่วยเหลืออัศวินพะยะคะ และตอนนี้นางถูกจองจำรอการตัดสินจากท่านอยู่”เฮอร์เมสก้มหน้าตอบอย่างเกรงใจพรรคพวกของบิดาตนที่มีตำแหน่งเป็นมหาเทพเหมือนซูส
“แล้วยังไงต่อ”ซูสถามขณะใช้ไม้ที่อยู่ในมือหวดลูกบอลที่พื้นออกไป พอลูกบอลลอยออกไปแล้ว ซูสก็ใช้มือบังที่คิ้วเป็นเชิงดูระยะ
“ไดร์กอล์ฟได้เยี่ยมมากท่านซูส ตาข้าบ้างละ”ชายที่มีผ้าปิดตาข้างเดียวเอ่ยชื่มชม เมื่อเห็นว่าซูสสามารถตีลูกกอล์ฟไปได้ไกลหลายร้อยโล
“ตอนนี้ มนุษย์ที่นางถือหางได้ขึ้นมาถึงวิหารของท่านพี่อพอลโลแล้ว”เฮอร์เมสอธิบาย พร้อมกับที่โอดินที่ตีลูกกอล์ฟออกไปจนไม้หักกลางเพราะทนแรงอำนาจที่มากล้นไม่ไหว
“อืม แค่นั้นเหรอ ท่านโอดิน ท่านตีได้บ้าพลังเหมือนเดิมเลยนะ นี่เป็นไม้สุดหวงที่ข้าอุตสาห์ไปเก็บสะสมจากงาน LPG TL Open Closes เลยนะ”ซูสว่าขณะหยิบไม้กอล์ฟที่หัก เอามาต่อกัน ซึ่งมันก็ต่อกันไม่ติดเพราะนี่เป็นเพียงของสะสมคลาส A เท่านั้น
“ตอนนี้ เจ้านั่นทำลายวิหารสุริยันไปแล้วนะครับท่านพ่อ”เฮอร์เมสบอกอีกครั้งอย่างรีบร้อน เมื่อเห็นว่าพ่อตนเองไม่ได้ให้ความสนใจกับข่าวนี้เลย
“อ้อ ให้อพอลโลย้ายมาอยู่ที่บ้านเก่าสิ ไอ้ที่พังก็แค่วิหารบ้านส่วนตัวไม่ใช่เหรอ มันไม่ใช่แดนสุริยันเสียหน่อย แล้วก็นะ เจ้าไปปลดอาธีน่าให้ออกจากตำแหน่ง เทพทั้ง 12 ของโอลิมปัสด้วย”ซูสสะบัดมือไล่ให้ออกไป ซึ่งเฮอร์เมสก็ทำหน้าอึ้งๆที่พ่อตนไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลย ทั้งๆที่รู้ว่าวิหารเทพ ถูกมนุษย์บุกขึ้นมาทำลาย
“แล้วก็นะ เฮอร์เมสลูกข้า เจ้าลองใช้ความเป็นกลางที่เจ้าเคยมี คิดและคำนวณดูละกันนะ ว่าฝ่ายใดผิด จากนั้นเจ้าจะให้ผู้เล่นทหารเทพของเจ้าทำอะไรก็เรื่องของเจ้า พ่อไม่มีสิทธิ์ห้าม เพราะพวกเจ้าก็โตๆกันแล้ว”ซูสว่าปิดท้าย ซึ่งเฮอร์เมสก็รับคำพร้อมกับปิดประตูลง
“เจ้าแพ้พนันอาธีน่าแล้วสินะ ถึงยอมให้นางออกจากสภาเทพได้”เทพแห่งสุริยันของแดนใต้กล่าวขณะนั่งอยู่บนโซฟาสุดหรูสีแดงที่หันหน้าไปทางที่พวกซูสไดร์กอล์ฟกันอยู่
“อืม ใครจะไปคิดล่ะ ว่าคนๆ เดียวจะบ้าๆขนาดยอมขึ้นมาถึงวิหารสุริยัน แถมยังถล่มวิหารสุริยันได้ตามที่ลูกสาวข้าบอกซะอีก หรือนางวางแผนเปิดประตูเทพไว้นะ”มหาเทพแห่งทวีปตะวันออกกล่าวพร้อมกับทำให้ไม้กอล์ฟกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้พอดี
“แต่ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ แผนการที่จะเจ้าจะยัดเยียด ลูกของตัวเองให้ผู้เล่นกำลังประสบผลแล้วนี่”โอดินว่าขณะนั่งมองลูกกอล์ฟของตนที่ยังคงลอยไม่ยอมตกลงมาซะที
“เฮ้อ ทำไงได้ นางเป็นเทพแห่งปัญญาและสงครามในตำแหน่งเดียวกัน การจะไปตามใครได้ง่ายๆ มันมีที่ไหนล่ะ อีกอย่างต่อให้นางออกจากสภาเทพไปอยู่ที่แดนมนุษย์ แต่นางก็ยังคงจงรักภักดีต่อข้าแน่นอน ไม่ว่าข้าจะขอความช่วยเหลือยังไงนางก็ต้องให้ความช่วยเหลืออยู่แล้วล่ะ”ซูสกล่าวจบ ลูกกอล์ฟของโอดินก็ตกลงมาถึงพื้นแล้วระเบิดออกพอดี
“แถมเจ้ายังจะได้มนุษย์ที่มีพลังหลากหลายมาคอยช่วยในยามลำบากด้วยสินะ”เทพราห์พูดปิดท้าย พร้อมกับที่ตนและซูสหันไปมองเทพโอดินที่บ้าพลังขนาดตีลูกกอล์ฟจนระเบิด
“ยินดีด้วยเพื่อน”โอดินยิ้มบอก ซึ่งมหาเทพทั้ง 2 ก็ถอนหายใจออกมา เมื่อสูญเสียลูกกอล์ฟลูกที่ 99 ไปแล้ว และอีกอย่างไอ้หมอนี่ดันใช้เงินปิดปากสมาคมจนได้เป็นโปรกอล์ฟซะด้วย
‘ผู้เล่นเฟตใช้ทักษะจ้าวมังกรแห่งความมืดค่ะ การจะใช้ทักษะได้อีกครั้ง ผู้เล่นต้องรอดีเลย์ค่ะ’เสียงของระบบรายงานพร้อมกับที่เฟตถอนหายใจ การตายมันทรมาน พอฟื้นขึ้นมาก็ทรมานมากกว่าเดิมเสียอีก เมื่อเขารู้สึกว่า หูอื้อ แถมเครื่องในกำลังบิดตัวอีก น่าจะเป็นเพราะความเร็วในการตกลงจากฟ้าสู่พื้นล่ะนะ
เมื่อชายหนุ่มรู้ตัวแล้วว่าตัวเองกำลังตกสู่พื้นดินที่ด้านล่าง ก็ลืมตาขึ้นดู แล้วก็พบว่าตัวเองกำลังตกสู่พื้นเบื้องล่างจริงดั่งคาด แต่การตกความสูงตายคงไม่ใช่วิถีของลูกผู้ชาย ชายหนุ่มจึงสยายปีกดาบเพื่อลอยตัว ทว่า ทันทีที่เรียกหาอาวุธด้วยความรู้สึก ร่างกายกลับปวดแสบปวดร้อนแทนจนแทบทนไม่ได้ เฟตจึงทำข่มความรู้สึกก่อนจะเรียกปีกมาอีกครั้ง “ร่างกายยังไม่คุ้นสินะ”นั่นคือสิ่งเดียวที่ชายหนุ่มคิดออก ถ้าจำไม่ผิด หากร่างกายมีความผิดปกติแล้วยังไม่ได้ทำความคุ้นเคยกับมัน ไม่ว่าจะทำอะไรก็ติดๆขัดๆไปหมด สงสัยสถานการณ์ตอนนี้จะเป็นเช่นนั้นล่ะนะ
หลังจากคาดเดาแล้วว่าพลังของอพอลโลที่เขายืมใช้นั้นกำลังปรับตัวเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ เลยทำให้ร่างติดขัด ต่างกับที่อยู่ในวิหารอะไรนั่น ที่วิญญาณจะไม่รู้สึกอะไร เพราะไม่มีที่เก็บพลังแบบร่างจริงนี้ รู้เช่นนั้นชายหนุ่มก็หลับตาลง พร้อมกับทำความคุ้นเคยกับทุกสิ่งด้วยตัวเอง ทิ้งตัวให้ลอยดิ่งลงพื้นต่อไป โดยไม่สนว่า หากลงไปแล้ว สภาพคงดูไม่จืดหรือเปล่า
“หึหึ ไม่เข้ามาแล้วหรือ”อัศวินพิฆาตพูดขึ้นขณะขยับมือเชิญชวนให้ทหารรักษาวังที่มีผมเป็นเพลิง
“แกเป็นมนุษย์ชั้นต่ำ (ผู้เล่นมือใหม่) จริงๆรึ”ทหารถามอัศวินพิฆาตแบบไม่อยากจะเชื่อ ขนาดพวกตนและกองทัพช่วยกันรุมแล้ว ยังไม่เห็นจะทำให้ชายคนนี้เกิดบาดแผลได้เลย
“ฉันเป็นอัศวินก็จริง แต่ชนชั้นของฉัน ไม่ควรจะเรียกแบบนั้นนะ ถึงฉันจะอยู่แค่ชั้นฝึกหัดก็ตาม”อัศวินพิฆาตคำรามว่าพร้อมกับพุ่งตัวเข้าไปตีศอกกระแทกปลายคาง ส่งทหารหนุ่มลงไปนับดาว แบบไม่ทันตั้งหลัก
“แต่รู้สึกว่าเลเวลตอนน้อยๆนี่ ใช้พลังได้ไม่ค่อยพอใจเลยนะคะคุณ”นักเวทพิฆาตอัศวินร้องว่าขณะนั่งมองการต่อสู้อยู่บนเวทีร่วมกับสาวๆคนอื่นๆ ที่ถูกดึงให้มานั่งรวมกัน
“นั่นสินะ กำลังและพลังพิเศษแค่นี้คงไม่พอจะช่วยเหล่าสาวๆ ว่าที่ลูกสะใภ้ฝ่าออกไปจากที่นี่ได้แน่ๆ เลย”อัศวินพิฆาตพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย ต่างกับกิลด์ 4 เทพีพิทักษ์ที่อ้าปากค้าง ว่าตัวเองไปหมั้นหมายกับเฟตตอนไหนกัน ถึง 1 ในนั้นจะหมั้นกับชิออนแล้วก็ตาม
“แหม แต่คุณเองยังเตะปี๊บดังอยู่เหมือนกันนี่นา ไม่เหมือนกับลูกเรา ไม่เอาถ่านเลย”นักเวทพิฆาตอัศวินหันมาแขวะใส่ชายในชุดสูทสีขาว ที่ถอดผ้าคลุมมากองไว้ข้างๆกับตัวเอง ซึ่งชายคนนี้นั่งอยู่บนซากศพทหารที่สูงเกือบสิบเมตร
“โห แม่!!! ให้ผมเป็นหัวหอกต่อสู้กับทัพทหารเนี่ยนะ ผมสู้ได้แค่นี้ก็ดีถมถืดแล้ว”ชิออนว่าแม่ตัวเองกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ ซึ่งหญิงสาวก็หัวเราะออกมาพร้อมกับสายตาพิฆาตลูกตัวเอง ส่งผลให้ลูกชายตัวแสบเงียบไปโดยพลัน
“ลูกล้มพวกเขาได้ด้วยอาวุธนะลูก พ่อของลูกล้มด้วยมือเปล่า ความต่างชั้นมันก็ยังมากอยู่เหลือเกิน”วิภาพูดแบบปลงๆ เธอชมการต่อสู้มานานแล้ว เห็นได้เลยว่าชิออนไม่ได้เอาจริงเลยสักนิด
“ก็มันเหนื่อยใช้พลังนี่แม่”ชิออนครวนขณะเลื้อยมาหาแม่ตัวเองที่เวที ซึ่งพวกผู้หญิงก็ขำกับภาพที่เห็น จากชายหนุ่มรูปงาม กลับมาเป็นหนอนชาเขียวซะได้
“ลูกใช้พลังมากเกินไปในการออกอาวุธ ไม่เหมือนกับพ่อลูก ที่ใช้เพียงเล็กน้อย แต่ก็คุ้มค่าทุกๆครั้งที่ใช้ แม้เกมนี้จะมีเลเวลเป็นตัวกำหนดความแข็งแกร่ง แต่คนที่มีวิชาในโลกภายนอกก็นำมันมาประยุกต์ใช้ได้เช่นกันนะลูก”วิภาอธิบายยาวเหยียดขณะที่ชิออนคลานขึ้นมานอนที่ตักของแม่ตัวเอง แล้วยิ่งหันไปเห็นสายตาของอัศวินพิฆาตที่ส่งมาด้วยแล้ว เขาก็ยิ่งซบวิภาหนักกว่าเดิมจนสิริภพหันไปหาที่ระบายซึ่งยืนอยู่ในพื้นที่นั้นเป็นจำนวนมาก
“ขี้อ้อนตั้งแต่เล็กจนโตเลยจริงๆลูกคนนี้”วิภาลูบหัวบุตรชายที่ตักแล้วหันไปดูการต่อสู้ของสิริภพที่เป็นสายยืมพลังการโจมตีของศัตรูมาทำร้ายศัตรูเอง
พวกแฟร์ที่นั่งอยู่บนเวทีต่างมองการต่อสู้ของสิริภพด้วยความทึ่งอึ้งเสียว พวกเธอเคยคิดว่าเฟตนั้นเก่งมากแล้ว แต่พอมาเจอสิริภพที่ใช้มือใช้เท้า ไหล่แขน ศอก เข่าได้อย่างลงตัวแล้ว สิ่งที่คิดกับภาพที่เห็นก็บ่งบอกได้เลยว่า นี่ยีนเดียวกันชัดๆ
“ไม่ใช่เฟตไม่เก่งหรอกลูก แต่เขาแค่ใช้พลังภายในไม่เป็น ลูกชายของน้าคนนั้นชอบลุยด้วยวิชาสายอื่นแทนน่ะ ก็ไม่แปลกอะไร ที่จะเห็นอัศวินพิฆาต ปรมาจารย์กังฟูเก่งกว่า”วิภาอธิบายออกมา หลังหันไปเห็นพวกแฟร์กำลังไตร่ตรอง ซึ่งเดาได้ไม่ยากว่าคิดเรื่องอะไร
“สายตาของคนที่ผ่านโลกมามาก มักจะมองคนที่มีความคิดอ่อนต่อโลกได้ดีกว่านะลูก”หญิงวัยกลางคนกล่าวเมื่อเห็นลูกตัวเองกระพริบตามองเหมือนสงสัยว่าแม่รู้ได้ยังไง ว่าพวกเธออยากรู้
หลังวิภาอธิบายให้บุตรชายฟังเสร็จ สิริภพก็เดินกลับมาพอดีหลังจากขับไล่ให้พวกทหารไปยืนออกันที่ประตูทางเข้า ทั้ง 3 ด้านได้หมดแล้ว ซึ่งกับแพงที่กั้นกลางคือศพของพวกทหาร ที่เขาและชิออนช่วยกันทำ และฆ่าเหยื่อ
“พวกเราจะต้องรอนานเท่าไหร่ ถึงจะออกไปจากที่นี่ได้เหรอลูก”วิภาหันไปถามสาวๆที่มองม่านพลังที่ปกคลุมปราสาทอยู่ ตอนแสงสีส้มนั้นถล่มลงมา มันผ่านม่านนี้ลงมาได้ยังไงนะ
“อ่อ จนกว่าพวกเราจะตายหรือไม่ก็ออกจากเมืองนี้ไปได้ค่ะ ส่วนทางเลือกหลังๆ ที่ไม่ได้บอกก็คือผู้นำปัจจุบันของเมืองที่จะเป็นผู้ตัดสินความผิด”แฟร์อธิบายเมื่อถูกชิออนถามเป็นครั้งที่ 2
“ไม่เห็นยากเลย ใช้นี่สิ”ชิออนโยนระเบิดควันที่ตนเก็บมาจากศพทหารให้แฟร์ ซึ่งหญิงสาวก็ทำหน้างงๆ
“ถ้าอยากหาทางออก ก็ลองคิดซะว่าทางไหนจะไปได้ แล้วก็เอาไอ้นี่ไปโยนไว้ รับลอง ออกได้ชัวร์”ชายหนุ่มกล่าวจบก็ยกนิ้วโป้งให้เพื่อเสริมความมั่นใจ
“มันจะทำให้เกิดลำแสงสีส้มนั้นอีกเหรอคะ”เธอเรียมถามชิออนอย่างรวดเร็ว ซึ่งชายหนุ่มก็พยักหน้าให้ขณะซบตักมารดาของตน ที่กำลังลูบหัวให้อยู่
“มีความคิดอะไรดีๆเหรอคะ”แฟร์หันไปถามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวเหมือนจะมีคำแนะนำอะไรบางอย่าง
“ที่นี่ถูกปกครองด้วยระบอบชั้นสูงโดยพวกเทพ ถ้าเราทำลายวิหารเทพที่ถูกสร้างมากว่าร้อยปีล่ะ มันจะเป็นยังไง ใช่มั้ยเธอเรียม”พรอมบอกออกมาแทน เธอก็อยู่ที่นี่มานานจึงเดาความคิดของเธอเรียมเพื่อนซี้ต่างโลกได้
“แล้วเราจะเอาไปทิ้งได้ยังไงล่ะ ในเมื่อมันอยู่ตั้งอีกฝากหนึ่งของเมือง”แฟร์ถามออกมาอย่างสงสัย พร้อมกับที่ลำแสงสีขาวพุ่งลงมาจากยอดปราสาทตรงมายังด้านหน้าเวทีปราศรัย
“ยอมออกมาซะทีนะ”พรอมส่ายหัวกล่าว พร้อมกับมองหญิงสาวที่พึ่งลงมาถึงพื้นด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว เหมือนกับจะถึงเวลาตัดสินกันแล้ว
“เราไม่ได้ซ่อน ทำไมต้องถูกกล่าวหาว่าไม่ยอมออกมาด้วยล่ะ ทั้งๆที่เราก็อยู่บนนั้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”ลูน่าสวนกลับ ก่อนจะหันมามองวิภาที่กำลังใช้สายตาแปลกๆมองตนอยู่
“ไม่อยากจะทำ แต่ถูกบังคับงั้นเหรอ”แค่มองตาก็รู้ความคิด หญิงรุ่นใหญ่เลยกล่าวออกมาตรงๆ ทำให้ลูน่าสะดุ้งโหยงเพราะแทงใจดำ
“คุณอ่านความคิดได้ด้วยเหรอไงกัน ....คะ”ตอนแรกกะจะพูดแบบไม่ให้เกียรติแล้ว แต่เมื่อเห็นสายตาที่ผ่านโลกมามองจ้องมาด้วยความอ่อนโยน ลูน่าเลยพูดสุภาพแบบไม่รู้ตัว
“น้าพึ่งเล่นนะจ๊ะ จะไปอ่านความคิดได้ยังไง แล้วก็นะสาวน้อย ถ้าเราไม่อยากทำหรือไม่ยินยอมที่จะทำ ก็ไม่สมควรฝืนใจตัวเอง ดูอย่างหนูพรอมสิ เธอไม่เห็นจะแคร์เลยว่าจะต้องยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเทพีที่พวกหนูเข้าฝ่ายไปด้วย เธอขอแค่ให้พรรคพวกของเธอปลอดภัยเธอยอมทำหมดทั้งนั่นล่ะ”วิภาสอนยาวเหยียดตามประสา ซึ่งนั่นทำให้ทุกๆคนที่อยู่ในลานประลองหันไปมองวิภาเป็นสายตาเดียวกัน
“แม่เคยเป็นอาจารย์พิเศษช่วงเรียนปริญญาโทที่ฝั่งเหนือตอนกลางน่ะ เลยติดการสั่งสอนมานิดหน่อย”ชิออนยกมืออธิบายแทน แม่ตัวเองที่ยิ้มขำๆ
“ขอบคุณที่สอนค่ะ แต่นี่คือเกม เราต้องทำตามที่ตนต้องการค่ะ ซึ่งหนูเลือกที่จะทำตามคำสั่งของเทพที่หนูเลือก”ลูน่าปฏิเสธความหวังดีด้วยการดึงธนูเทพออกมา ซึ่งพรอมก็ดึงอาวุธเทพออกมาจากอากาศเช่นเดียวกัน
“เธอจะทำร้ายผู้ที่มาช่วยฉันไม่ได้ ถ้าไม่ข้ามศพฉันคนนี้ไปก่อน”หญิงสาวกล่าวพร้อมกับกระโดดลงมาจากเวทีเพื่อประจันหน้ากับศัตรู
“ก็ดี ถ้าเราฆ่าเธอได้ เราจะยึดอำนาจไปส่งคืนด้วยเลย”ลูน่ากล่าวก่อนจะกระโดดถอยหลังไปเล็กน้อย จากนั้นก็ดึงสายรั้งธนูขึ้นทำให้ลูกดอกปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า ซึ่งพรอมเองก็ตั้งตัวด้วยการจรดหอกเอาด้านคมจี้เข้าที่พื้นในท่าเตรียมแทงเช่นกัน
ทั้งสองคนจ้องมองสายตากันด้วยความแข็งกร้าว เมื่อเสียงระฆังในจิตใจดังขึ้น ทั้ง 2 ก็เรียกใช้ทักษะอาวุธพร้อมกัน
“จันทราดับชีพ”ลูน่าตะโกนลั่นพร้อมกับปล่อยศรในมือใส่พรอมที่พุ่งเข้ามา
“เด็ดชีพหอกเดียว”พรอมใช้ทักษะเช่นกัน ร่างกายเธอถูกหอกดึงตามเข้าไปหาลูน่าด้วยความเร็วสูง ซึ่งก็พร้อมกับที่ศัตรูปล่อยศรออกมาพอดี
ลูกศรพุ่งเข้ามาหาพรอมอย่างรวดเร็ว หญิงสาวจึงใช้แรงที่หอกกระชากเบี่ยงตัวออก ทำให้ลูกศรพุ่งเฉียดสีข้างไป พอพรอมโผล่พ้นลูกศรมาได้ หอกของตนก็พุ่งมาถึงกลางหน้าอกของลูน่าพอดี ลูน่าเห็นเช่นนั้นก็เอี้ยวตัวจะหลบ แต่พรอมกดด้ามหอกตามทำให้คมหอกจี้ลงไปขี้สีข้าง และเสียบจนทะลุไปปักอยู่ที่พื้น
“คิดได้ยังไง เอาอาวุธระยะไกลมาสู่ในระยะประชิด”พรอมกล่าวกับหญิงสาวที่ถูกอาวุธของตนปักขาพื้นอยู่
“ลืมแล้วหรือไง ว่าถึงอย่างไรนั่นก็อาวุธเทพ”ลูน่ากระอักเลือดพูดออกมา ซึ่งพร้อมกับที่พรอมกระอักเลือดออกมาบ้าง เมื่อถูกลูกศรตามมาเสียบเข้าที่กลางหลัง
“หึ แต่หอกของฉัน ทำได้มากกว่าที่เธอคิดก็แล้วกัน”พรอมพูดขณะรวมพลังเข้าสู่หอกจนมันเรืองแสงเตรียมจะระเบิดพลังออกมา แต่เมื่อพรอมเห็นสายตาของลูน่ากลับมองขึ้นฟ้าไป เธอเลยมองตามบ้าง
ไม่ได้มองมา ที่จ้องมองไปที่บนฟ้า ตนก็เลยหันไปให้ความสนใจบ้าง เพราะยังไงก็ได้เปรียบอยู่แล้วนี่
แสงสีส้มพุ่งลงมาจากฟากฟ้าด้วยความเร็วสูง จากที่เห็นอยู่ไกลๆตอนนี้พวกเธอมองเห็นได้ใหญ่ขึ้น และดูท่ามันจะพุ่งลงมาตรงจุดที่พวกเธอยืนอยู่แน่ๆ พรอมเลยกระชากหอกออกและเดินกระโผลกกระเผลกห่างจากจุดนั้น เหล่าทหารเมื่อเห็นผู้รุกรานบาดเจ็บสาหัสก็หันไปส่งซิกให้โจมตีเข้าไป แต่เมื่อพวกเขาเห็นชิออนโยนลูกระเบิดควันก็ถึงกับเปลี่ยนความคิด เพราะอานุภาพของระเบิดควันนั้น มีมากกว่าที่พวกเขาจิตนาการเยอะ แล้วอีกอย่างศพของหญิงสาวเวสตัลและพวกทหารอีกนับร้อยที่โดนลำแสงนั้น ในตอนนี้พวกเขายังหาซากไม่เจอเลย
ฟ้าใสโดดลงจากเวทีและไปใช้พลังเวทเพื่อช่วยปิดบาดแผลที่ถูกธนูปักอยู่ แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามอย่างไร เลือดก็ไม่มีท่าว่าจะหยุด กลับกันยิ่งเธอพยายามมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งเลวร้ายมากกว่าเดิมเสียอีก
“นั่นอะไรน่ะ”ชิออนที่เงยหน้ามองฟ้าอยู่ชักชวนให้กลุ่มสาวๆดู ซึ่งเหล่าผู้เล่นสาวก็มองด้วยความสงสัยเช่นกัน
ลูกไฟสีแดงที่เกิดจากการผ่านชั้นบรรยากาศความร้อนมา ลูกไฟลูกนี้มีความใหญ่ไม่ต่ำกว่า 20 เมตรเลย พวกแฟร์แค่ดูระยะก็รู้เลยว่าจุดที่จะตกนั้น ตรงกับจุดที่ลูน่านอนบาดเจ็บอยู่ พวกเธอเลยหลับตาเหมือนไม่อยากมอง
“นั่นพี่นี่”ชิออนที่มองเพื่อความมั่นใจ ร้องออกมา ทำให้พวกแฟร์หันขวับกลับมามองด้วยความแปลกใจ แต่เมื่อพวกเธอเห็นว่าเฟตยังไม่ลืมตา จึงคาดกันว่าน่าจะสลบเพราะแรงกดอากาศไปแล้ว
“เฟต/พี่เฟต/นาย”เหล่าผู้เล่นสาวพากันตะโกนลั่นอย่างตกอกตกใจ
‘เฟต’เสียงเรียกอันคุ้นเคยแว่วๆเข้าหูมา ส่งผลให้เฟตต้องเปิดเปลือกตาขึ้นมามอง แล้วเมื่อเขาพบว่าตัวเองอยู่ห่างจากม่านพลังไปไม่ถึงร้อยเมตร ก็ถึงกับตื่นตัวยืดตรงเพื่อเตรียมรับมือ
เปรี้ยง !!!! เสียงม่านพลังของอพอลโล กับม่านพลังของเฟตดังลั่นหลังจากมาปะทะกันในระยะประชิด ชายหนุ่มที่คิดเอาพลังหักล้างพลังกัดฟันกรอด หลังเห็นว่าพลังตัวเองกำลังสลายไปเรื่อยๆ โดยตัวของเขาก็ค่อยๆจมเข้าใกล้ม่านพลัง หากเป็นพลังปกติคงไม่น่าเครียดอะไร แต่สำหรับม่านพลังของสายที่เกิดจากความร้อนดวงอาทิตย์ ไม่ต้องสืบเลยว่าศพจะถูกเผาให้ดูดีแค่ไหน
ความใกล้ชิดของม่านพลังกับร่างกาย ส่งผลให้ชายหนุ่มรู้สึกถึงความร้อนที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่แล้วอยู่ๆร่างกายของเฟตก็ปรากฏรอยสักสีดำลามออกมาแบบที่อนาตาเซียเคยเป็น ชายหนุ่มเลยมองตามด้วยความมึนงง เมื่อเห็นว่าม่านพลังตรงหน้าถูกดูดเข้ามาในรอยสักสีดำที่กำลังอิ่มตัวจนกลายเป็นรอยสัก 3 มิติ
ฟุบ!!! เฟตหลุดเข้ามาตามช่องที่ถูกรอยสักดูดเข้าไปในตัว ทำให้ชายหนุ่มรอดพ้นการถูกย่างสด แต่ไม่รอดการถูกไม้เสียบตายแน่ เพราะด้านหน้าถัดไป 500 เมตรนั้น เป็นยอดปราสาทแหลม ที่พร้อมจะเสียบแล้วเอาไฟมาย่างพร้อมเลยทีเดียว
“เฮ้อ”ชายหนุ่มถอนหายใจขณะลองสยายปีกแล้ว แต่ไม่มีอะไรออกมาเลย อันบอกว่าร่างกายของเขายังไม่พร้อมจริงๆนะ ด้วยความคิดอิสระสูง เฟตจึงถอดเสื้อกั๊กออกมา ก่อนจะกระชากกลางเพื่อให้กางกลายเป็นร่มคอยลดความเร็วในการตกสู่พื้น
‘ผู้เล่นเฟตได้รับทักษะพิเศษค่ะ’อยู่ๆ เสียงระบบดังขึ้น พร้อมกับร่างของเฟตที่เริ่มเปลี่ยนแปลง จากรอยสักที่นูนๆ ออกมา มันกลับเปลี่ยนไปโดยพลัน กลายเป็นวัตถุที่จับต้องได้ แต่นั่นยังไม่เท่ากับด้านแหลมของรอยสัก ที่หันส่วนแหลมทั้งหมดมาหาเขา
“อึก”เฟตอุทานพร้อมกับรอยสักนั้นทิ่มแทงเข้าใส่ร่างกายของเขา แต่น่าแปลกที่เลือดไม่ไหล ทว่า เลือดไม่ไหลไม่ใช่ไม่รู้สึกเจ็บ สัมผัสที่ชายหนุ่มจับได้นั้นคือ ความร้อน ความเจ็บ ความปวด และความอ้างว้างที่ไม่มีจุดสิ้นสุด มันเป็นความรู้สึกที่แปลกจริงๆ
ทว่า นั่นยังไม่สำคัญเท่ากับมือของเขาที่เผลอปล่อยร่มออก ส่งผลให้ชายหนุ่มรอดพ้นจากยอดปราสาท กลายเป็นตกลงไปหาพื้นดินที่ด้านล่างแทน
“เฮ้ย พี่”ชิออนที่มองอยู่อุทานลั่น หลังเห็นเฟต ร่วงระลิ่วปลิวระร่องลงมา
ตูม!!! เสียงกระแทกพื้นดังสนั่นลั่นลานประลอง พวกทหารต่างกลืนน้ำลายเอื้อก เพราะเห็นชัดๆว่าลูกไฟนั้นพุ่งเข้าไปหาลูน่าที่นอนหายใจรวยรินอยู่ แต่พวกเขาก็มองเหตุการณ์ในตอนนี้ไม่ได้เพราะม่านควันที่พื้นปกคลุมจนมองไม่เห็นอะไรเลย
‘ผู้เล่นเฟตได้รับทักษะเฉพาะของเผ่ามังกรมาร ‘ไฟทมิฬ’ค่ะ’
‘สกิลนี้กำเนิดจากพลังแห่งความมืดกลืนกินพลังสุริยันคะ’
‘ผู้เล่นเฟตสูญเสียพลังเทพสายสุริยัน โดยได้รับพลังสายมังกรมารมาแทนค่ะ’
‘ผู้เล่นเฟตได้รับธาตุไฟทมิฬเป็นสายธาตุเฉพาะบุคคลโดยไม่ต้องผ่านภารกิจเทพอสูรค่ะ’เสียงของระบบรายงาน พร้อมกับม่านพลังรอบๆ ปราสาทของอพอลโลถูกดูดเข้ามาเป็นไอสีส้ม โดยตรงเข้าหาชายหนุ่มผมดำที่คร่อมร่างหญิงสาวผมขาวที่มองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยสายตาเหม่อลอย
“นาย”กลุ่มเทียร่าเรียกสติ เมื่อเฟตยังคงคุกเข่าอยู่ที่เดิมหลายนาที
“เฮ้ย พี่ ไม่เป็นอะไร ใช่มั้ย”ชิออนถามขณะพยายามเข้าไปใกล้ แต่ออร่าที่รอบกายของพี่ชาย ทำให้เขาได้แต่มองห่างๆ โดยสิ่งที่เขาแปลกใจก็คือ หญิงสาวที่อยู่ข้างใต้นั้นทำหน้าตาเคลิบเคลิ้มเหมือนหลงรักพี่ของเขามานานมาก
ซึ่งผลที่เกิดขึ้นนี้ กำเนิดจากพลังอำนาจของอโฟร์ไดร์ที่ร่างกายเฟตไปเรียนรู้มา ปกติลูน่าสมควรจะรังเกียจเฟตเข้าเส้นแบบที่อโฟร์ไดร์บอก แต่ทว่าในตอนนี้ลูน่าไม่เหลือพลังเลยเนื่องจากพลังส่วนใหญ่หายไปกับสายเลือดที่ไหลเป็นน้ำก๊อกของเธอ อำนาจใหม่ของชายหนุ่มเลยไปสะกดเธอเข้าเต็มๆ แบบไม่มีทางถอนคืนได้เลย
‘ฟู่ เกือบไปแล้วเชียว ดีนะที่คุมพลังให้กลับเข้าร่างทัน’เฟตปาดเหงื่ออย่างเหนื่อยๆ เมื่อสักครู่ก่อนที่เขาจะลงมาถึงพื้นเขาได้ลองใช้ให้สกิลที่พึ่งได้มา ให้มารองรับที่อากาศด้านล่างจนความร้อนช่วยพยุงตัวเขาไม่ให้ตกลงสู่พื้นแรงมากจนเกินไป แต่เมื่อเขามองเห็นหญิงสาวที่นอนอยู่ข้างใต้ไฟล่องหนตนก็รีบสลายไฟโดยพลัน ทำให้เขาตกลงไปคร่อมร่างของหญิงสาวได้พอดีแทน
เฟตค่อยๆลุกขึ้นอย่างช้าๆ ส่วนลูน่าก็ลุกขึ้นตามโดยไม่ห่วงบาดแผลที่สีข้างที่กำลังส่งผลร้ายให้เธอ จนหน้าเริ่มซีด
“ม่านพลังหายไปแล้ว ออกไปจากที่นี่กันเถอะครับ”เฟตพูดออกมาอย่างเหนื่อยล้า แม้ร่างกายของชายหนุ่มไม่มีบาดแผล แต่จิตวิญญาณของเขากำลังเหนื่อยเมื่อต้องเรียนรู้อะไรหลายๆอย่างภายใน 1 ชั่วโมง ปกติการตาย 2 ชั่วโฒงในโลกมนุษย์ จะเป็นการฟื้นฟูให้ร่างวิญญาณมีความพร้อมก่อนจะกลับเข้าร่าง การฝืนฟื้นมาแบบนี้ ผู้ใช้ทักษะก็จะได้ข้อเสียมาแบบนี้นั่นเอง
“แล้วจะฝ่ากองทัพทหารไปเหรอ”ชิออนถามขณะสังเกตลูน่าที่ทำหน้าเคลิ้มอยู่ แล้วยิ่งเขาหันไปเห็นว่าพวกผู้เล่นสาวคนอื่นๆ ก็ทำหน้าไม่คล้ายกันตอนมองพี่ชายตน ก็ถึงกับทำหน้าสยอง แล้วหันมามองพี่ชาย
เฟตกุมขมับอย่างปวดหัวเมื่อชิออนสะกิดให้ดูพวกสาวๆ ซึ่งไม่เว้นแม่ของพวกเขาเอง
“ลูกทำอะไรหรือเปล่า ทำไม”สิริภพถามอย่างสงสัยจัดขณะจับภรรยาตนเองที่กำลังเดินเข้าไปหาเฟตแบบเหม่อลอย
“ผมไม่ได้ทำครับ มันเป็นผลของพลังอโฟร์ไดร์ที่มีมากเกิน ผมยังควบคุมมันไม่ได้ครับ อำนาจนี้มันส่งผลตลอดซะด้วย ไม่ว่าผมจะตายหรือไม่ก็ตาม”ชายหนุ่มอธิบายออกมาตามที่อโฟร์ไดร์บอกมา อำนาแห่งความงามส่วนใหญ่มันจะส่งผลดีให้กับตัวเทพสาว แต่เมื่อมันอยู่ในร่างมนุษย์ที่ไม่เคยใช้ ผลจะออกมาแบบไหนก็คาดเดาไม่ได้เหมือนกัน
“อืม”สิริภพขานรับแล้วเดินเข้าไปหาภรรยาตน ที่ยังทำหน้าหลงใหลเฟตไม่เลิก
“ขอโทษนะที่รัก”สิริภพบอกจบก็ทุบต้นคอจนภรรยาตนสลบไป ซึ่งสาวๆคนอื่นๆ ก็ถูกกระทำในรูปแบบเดียวกัน
“พ่อ ทำอะไรน่ะ แล้วอย่างนี้เราจะฝ่ากองทัพทหารไปได้ยังไง”ชิออนว่าพ่อของตนเอง ปกติพวกเขาก็หนีไม่ค่อยได้อยู่แล้ว นี่สิริภพดันทำร้ายพวกเดียวกันจนไม่มีกองหนุนอีก
“แกคิดว่า ถ้าพวกเธอยังอยู่ในสภาพติดภวังค์ มันจะช่วยให้พวกเราออกไปจากที่นี่พ้นหรือไงกัน”สิริภพหันมาบอก ซึ่งก็พร้อมกับที่ทหารเริ่มตีวงล้อมเข้ามาเมื่อไม่มีคนคอยไปกันทางอย่างพวกชิออนและสิริภพ การกระจายวงล้อมคงจะดีกว่ากระจุกตัวอยู่กันแน่ๆ
“ชิ”ชิออนเห็นพวกทหารตีล้อมหมดก็สบถแบบไม่พอใจ ก่อนจะชักดาบออกมาเตรียมลุยแบบจัดหนัก
“เดี๋ยวนะครับ”เฟตขอตัวก่อนจะอุ้มลูน่าที่สลบขึ้นมาให้ทหารได้ดู ซึ่งพวกทหารต่างหันไปมองหน้ากันเมื่อเห็นผู้บัญชาการชั่วคราวกลายเป็นตัวประกันไปซะแล้ว
“ถอยออกไปซะ ถ้าไม่อยากให้นายของพวกนายตาย”ชายหนุ่มนิสัยโจรกล่าวกับทหารนายหนึ่ง ตอนแรกนายทหารก็จะถอยตามที่บอก แต่เมื่อเขามองเห็นหน้าเฟตก็ทำหน้าเคลิ้มเหมือนพวกหญิงสาว ส่วนอีกด้านก็ทำหน้าตารังเกียจอย่างเห็นได้ชัด
“มันอะไรกันฟะ”ชิออนพึมพำ เมื่อเห็นว่าพวกทหารกำลังแตกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งจะช่วยเฟต อีกฝ่ายจะสังหาร
“อะไรก็ช่าง ตอนนี้เราไปกันก่อนเถอะ”สิริภพพูดขึ้นเมื่อเห็นทางหนี เนื่องจากพวกทหารเริ่มต่อยตีกันเอง จึงไม่มีใครสนใจพวกเขาเลย
“ครับ”2 หนุ่มพยักหน้าพร้อมกับแบกสาวๆขึ้นมา
“พี่ จะพาเธอไปด้วยเหรอ”ชิออนหันมาถาม เมื่อเห็นเฟตอุ้มลูน่ากับพรอมไปด้วยกัน
“พ่อเคยสอนแกว่ายังไง ลูกผู้ชาย ไม่ควรปล่อยให้ผู้หญิงต้องเดือดร้อน แม้ว่าเธอคนนั้นจะเป็นศัตรูของแกก็ตาม”สิรภพสอนออกมาแทน ก่อนจะวิ่งนำไปยังทางออกมาเมื่อเห็นว่าพวกทหารเริ่มจับอาวุธเข้าสังหารกันแล้ว
“ครับ”ชิออนรับคำพร้อมกับแบกฟ้าใสและเธอเรียมออกตามไปด้วย
พวกสิริภพวิ่งออกมาไม่ถึงนาที ก็มาถึงหน้าปราสาท
“อะไรกันพ่อ”ชิออนถามเมื่อเห็นพ่อตนเองไม่ยอมเดินไปต่อ แต่เมื่อเขามองตามสายตาไปก็พบกับกองทัพทหารนับหมื่นที่จ้องไปยังชายผมขาวคนหนึ่งที่ยืนยิ้มอยู่หน้าปราสาทตัวคนเดียว ซึ่งผู้เล่นสาวๆที่อยู่แถวนั้นต่างพากันจ้องมองชายคนนี้ด้วยความสนใจ เมื่อเห็นความหล่อในระดับดาราอาย
เฟตที่วิ่งตามมาทันก็จ้องมองตามสายตาชิออนเช่นกัน ตอนแรกเขามองไปทางทหารด้วยแววตาเหนื่อยใจ แต่เมื่อเขาเห็นชายผมขาวก็ตกใจจนหน้าซีด
“ฮาเดส”เฟตพึมพำเบาๆ แต่ชายผมขาวกลับได้ยินแม้จะอยู่ห่างกันกว่า 500 เมตรก็ตาม
“นายนี่น้า มีเรื่องสนุกๆไม่ยอมอัญเชิญกันบ้างเลย ต้องให้ริเรียน่ามาเรียกข้าอยู่คนเดียว”ฮาเดสพูดเบาๆแต่เสียงนั้นกลับไปได้ยินถึงพวกสิริภพที่อยู่ห่างไกลออกไป
“ริเรียน่าเรียกมาเหรอ”เฟตถามกลับเสียงเรียบ แต่ฝั่งฮาเดสยังคงได้ยินเต็ม 2 หู
“อืม เธอเป็นยมทูตนี่นะ แล้วข้าก็เป็นจ้าวนรก จะไม่ให้เรียกข้ามา จะเรียกหมาไหนล่ะ”ฮาเดสกล่าวพร้อมกับพวกทหารที่เตรียมอาวุธเทพเพื่อมาสังหารเขา หลังเห็นว่าตนเป็นมาร ที่บุกรุกเข้าสู่เขตปราสาทเทพ
“โอ๊ะๆ”ฮาเดสอุทานเล่นๆ เมื่อเห็นพวกทหารพลธนู ยิงลูกดอกเทพมาทางตนนับร้อยลูก แต่เมื่อลูกศรเทพมาถึงด้านหน้า มันก็แตกสลายไปหมด
“ข้าคือนายแห่งความตาย คิดเหรอว่าของแค่นี้จะทำอะไรข้าได้ ขนาดซูสที่เป็นบิดาของนายพวกเจ้ายังไม่กล้าต่อกรกับข้าตรงๆโดยไม่ใช้อาวุธเทพสายฟ้าของมันเลย”จ้าวแห่งความตายกล่าวจบ ทหารทั้งกองทัพก็ค่อยๆแก่ตัวลง และกลายเป็นโครงกระดูกในที่สุด พอเหลือแต่โครงกระดูกก็ยังกลายเป็นฝุ่นผงไปได้อีก
พวกชิออนและผู้เล่นต่างมองอย่างอึ้งๆ เมื่อเห็นว่าชายคนเดียวสามารถสังหารกองทัพทหารพลังกึ่งเทพนับหมื่นได้ภายในวินาทีเดียว จะมีใครน่ากลัวไปกว่านี่แล้วหรือไม่
“เสียดายนะเนี่ย ข้ามาด้วยพลังเพียง 2 ใน 10 เอง ถ้าข้ามาด้วยพลังครึ่งหนึ่งล่ะก็ ทั้งปราสาทและไอ้มนุษย์พวกนี้ได้ตายไปตั้งแต่มองหน้าข้าแล้ว”ฮาเดสพูดพึมพำคนเดียว แต่พวกผู้เล่นและมนุษย์ต่างทำหน้าสยดสยอง ถ้าเป็นแบบที่พูดจริงๆ ในโลกแห่งนี้คงไม่มีใครสู้กับชายคนนี้ได้แน่
“เอาล่ะ เมื่อพวกนายพาผู้หญิงออกมาแล้ว ข้าก็กลับได้แล้วสินะ ช่วงนี้กำลังฝึกกอล์ฟเอาไว้ไปตีกับโอซิรีสเพื่อเอาไปชิงแชมป์กับพวกมหาเทพอยู่ด้วย”เทพแห่งความตายบ่นก่อนจะโบกมือลาผู้เล่นสาวเป็นการเรียกเรทติ้ง
“ฮาเดส ขอถามอะไรสักอย่างได้มั้ย”เฟตเรียกก่อนที่เทพแห่งความตายหน้าหล่อจะหายไป
“ยังไม่ถึงเวลาที่นายควรจะรู้ จงผ่านภารกิจเหรียญแห่งความตายให้ได้ซะก่อน นายจะได้รับรู้ความจริงเท่าที่ภารกิจจะเอื้ออำนวย และฉันอาจจะฟื้นชีพให้มังกรมารของนายด้วยก็ได้”ฮาเดสกล่าวเหมือนเพราะรู้ความคิดของชายหนุ่ม หลังจากตอบข้อสงสัยในใจหมด เขาก็สลายร่างไป โดยเหลือแต่หญิงสาวผมดำยาวที่สลบอยู่กับพื้น
เฟตอึ้งเล็กน้อยที่ฮาเดสรู้ความคิดเกี่ยวกับการตายของอนาตาเซีย แล้วยิ่งได้ยินเรื่องคืนชีพด้วยแล้ว เขาก็ถึงกับลืมไปเลยว่าสถานการณ์ตอนนี้ยังไม่น่าไว้ใจ จนกระทั่งชิออนต้องเรียกสติกลับคืนมา
“แล้วจะเอายังไงกับคุณรินดีล่ะ”น้องชายตัวแสบถามแล้วหันไปดูริเรียน่าที่นอนสลบอยู่ด้วยความเหนื่อยอ่อนหลังจากอัญเชิญจ้าวแห่งนรกที่มีค่าวิญญาณที่สูงกว่าเธอมากเกินกำหนดไปหลายขุมกำลัง
“ไม่เห็นต้องถามเลย ก็รถม้านี่ไง”เสียงของอนาตาเซียดังขึ้นขณะรถเทียมม้ากำลังวิ่งเข้ามาหากลุ่มของเฟต
“ปลอดภัยนะครับ”เฟตถามเมื่อเห็นพวกอสูรสาวมากันพร้อมหน้าพร้อมตา
“ก็ปลอดภัยดีอยู่ ระ ระ หรอก”อนาตาเซียจากตอนแรกพูดดีๆ ตอนนี้ได้หน้าแดงแจ๋ไปแล้ว เมื่อเห็นหน้าของเจ้านายตัวเอง
“นาย ไปทำอะไรมาหรือเปล่า”ลีเวียธานถามขณะใช้มือหยิกตัวเองไว้ไม่ให้เผลอเข้าไปกอด
“เอ่อ ก็ไม่ได้ทำอะไรนี่ครับ”เฟตจากตอนแรกเห็นอสูรไม่เป็นอะไรก็รู้สึกดีใจ แต่เมื่อเขาเห็นสภาพการปฏิบัติตนของพวกเธอแล้ว เขาก็เริ่มคิดได้แล้วว่า ตนคิดผิด!!
“ไปกันเถอะ อย่าช้าเลยค่ะ”เสียงของเจนนิเฟอร์ดังขึ้นทำให้เฟตรู้ว่ารถม้านี้เป็นของเธอ ชายหนุ่มเลยหันไปจะขอบคุณ แต่เมื่อเขาเจอหน้าของหญิงสาวก็ถึงกับสะดุ้ง เมื่อเห็นว่าเธอหน้าแดงจัดด้วยความเขินอายเมื่อเห็นหน้าตน
“ผมว่า ไปกันเองดีกว่าครับ ผมขอเป็นหน่วยสนับสนุนจะดีที่สุด”เฟตหันไปหาชิออนที่กำลังอึ้งกับอาการของหญิงสาวที่แสดงออกมา พวกเธอแสดงท่าทางเหมือนชอบเฟตมาก ชอบปานจะกลืนกินเลยทีเดียว
แต่เมื่อชิออนหันไปมองในเมือง เขาก็เริ่มคิดว่าข้อดีของแรงดึงดูดของเฟต เริ่มกลายเป็นข้อเสีย เมื่อผู้เล่นที่อยู่ในบริเวณนั้น ส่วนหนึ่งแสดงท่าทีรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด อีกส่วนหนึ่งก็แสดงท่าทางต้องการเฟตเป็นอย่างมาก
ตัวปัญหาเองก็เริ่มเห็นรางร้ายมาเยือน ตนก็เรียกปีกมังกรออกมาและบินหายไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งก่อนจะไป เขาก็ได้ส่งซิกบางอย่างไว้ให้ชิออนรู้แล้ว
เมื่อเฟตหายไป อำนาจแรงดึงดูดก็หายไปด้วย เหล่าผู้เล่นและอสูรทั้งหลายในบริเวณนั้นต่างกลับคืนสติและหันไปมองหน้ากันด้วยความมึนงง เมื่อเห็นเพื่อนของตนหรือคนรู้จักกำลังจับอาวุธเข้าห้ำหั่นกัน ส่วนพวกอสูรของเฟตก็เริ่มฟื้นกลับคืนสติมาบ้างแล้ว แต่หลงเหลืออาการหน้าแดง เนื่องจากเจอเฟตในระยะหวังผลมากเกิน ผลเลยยังมีหลงเหลืออยู่บ้างเล็กน้อย
“ไปกันเถอะ ไอ้หนุ่ม”เสียงของสิริภพดังขึ้นที่ด้านหน้า ซึ่งชิออนก็หันไปมองแล้วก็พบว่าสิริภพกำลังคุยกับคนขับรถม้าหนุ่มที่ถูกอำนาจของเฟตกล่อมจนเคลิ้มไปเหมือนกัน
“เอาแล้วไงพี่ตรู ได้อำนาจที่จะสร้างฮาเร็มยอดชายซะแล้ว”ชิออนพึมพำ เมื่อเห็นว่ามีผู้เล่นชายหลายๆคนเรียกร้องอยากเจอเทพบุตรในฝัน จนผู้เล่นสาวหลายๆคนต้องเดินหนีกันไปอย่างยอมรับความจริงไม่ได้ หลังพวกหล่อๆหวังกินกันเองหมด
ความคิดเห็น