คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #53 : ตอนที่ 53 เมื่อถูกตั้งค่าหัวไว้สูงสุดๆ กับการถูกล่ารางวัล
รถม้าของเจนนิเฟอร์เคลื่อนที่ออกจากหน้าปราสาทเธอเรียมอย่างรวดเร็ว และมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก ที่เขาบอกกันไว้ว่าเป็นป่าของอสูรวัวยักษ์ที่มีขนเยอะเต็มตัว แต่มีเลเวลแค่ 30 - 35 เพราะนั่นคือพื้นที่ที่ผู้เล่นหน้าใหม่จะเข้าไปเก็บเลเวล
แต่ดูเหมือนว่าการเดินทางขาออกจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เมื่อพวกผู้เล่นหลายๆคนรับรู้ว่ารถม้าคันนี้มีผู้รุกราน และนักโทษของเมืองอยู่ พวกผู้เล่นจึงพยายามหยุดไม่ให้รถม้าหนีออกไปได้และแจ้งให้ทหารในเมืองหลวงทราบ ถึงแม้จะเริ่มเห็นว่าทหารมีน้อยแล้วก็ตามที
“พวกแกดาหน้ามากันเลย”ชิออนคำรามลั่น พร้อมกับใช้ทักษะดาบคาตานะระยะไกลใส่พวกผู้เล่นที่หวังสังหารม้าเทียมรถของพวกเขา
“ชิออนมานี่ ถ้าลูกออกไปอาจจะไม่รอดก็ได้นะ”สิริภพที่นั่งอยู่กับคนขับม้าร้องบอก เมื่อเห็นนักเวทและอัศวินหลายๆคนกำลังจะทำตาข่ายฟ้าดักจับชิออนซึ่งเล่นกายกรรมอยู่ที่หลังรถม้า นี่ถ้าสมาธิหลุดไปนิดนึง ขอรับประกันด้วยล้อตราไม้ยางเลยว่า แบนราบเรียบไปกับท้องถนนแน่
ผู้เล่นที่เป็นนักธนูเริ่มหันเป้าหมายไปทางรถม้าของเจนนิเฟอร์ เมื่อเห็นว่าเป้าหมายถนัดการต่อสู้ระยะประชิดตัว
“ชิ”ชิออนรู้ว่า คนพวกนี้ไม่ได้กะจะสังหารเขา แต่หวังที่จะล็อคตัวก็สบถออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายใจ แม้เขาจะสังหารพวกผู้เล่นเหล่านี้ไปมันก็ไม่ได้ช่วยให้พวกเขาหยุดหรอก แต่มันจะเพิ่มความแค้นให้เพื่อนๆมารุมสังหารกลุ่มผู้รุกรานอย่างพวกแฟร์มากกว่า
“ไม่เห็นยากเลย ก็นี่ไงล่ะ”อนาตาเซียที่ฟื้นคืนสติได้เร็วกว่าเพื่อนพูดออกมาขณะทำให้ความมืดเริ่มบีบตัวและส่งให้ไปขวางทางลูกธนูหรือพลังเวทที่พุ่งเข้ามา ซึ่งการโจมตีทุกอย่างไม่อาจผ่านพลังสีดำของอนาตาเซียมาได้เลย
“เยี่ยมเลยนี่นา”ชิออนชมเล็กน้อย แต่อนาตาเซียกลับถอนหายใจออกมา เนื่องจากเธอมีพลังความมืดเพียงส่วนเดียวเท่านั้น ถ้าเป็นพลังทั้งหมดของเธอล่ะก็ เธอสามารถกลืนพลังและสิ่งที่ถูกเธอขวางให้มาเป็นของเธอได้เลย ความเป็นมารของมังกรแห่งความมืด อยู่ที่การแย่งชิงนี่ล่ะ
แต่หลังจากรถม้าผ่านย่านใจกลางเมืองมาไม่นาน ก็มาถึงถนนแคบสายหนึ่งที่จะผ่านไปทางสะพานน้ำและจะออกจากเมืองได้ ซึ่งที่ทางแคบนั้นกลับมีผู้เล่นมาตั้งด่านปิดสกัดกั้นอยู่หลายร้อยคน เพราะการสื่อสารของข่าวมาไวมาก พวกผู้เล่นเหล่านี้จึงหวังผลที่จะสังหารอดีตผู้นำของเมืองกันพอสมควร
“จาเนียเองค่ะ”จาเนียที่ฟื้นตามๆกันมากับอนาตาเซียร้องขอขณะจะลงจากรถม้า
“ไม่ต้อง จาเนีย คุณยังไม่พร้อม แถมพวกนี้จะเหมาว่าคุณเป็นอสูรและจะรุมสังหารเอาได้นะ”ชิออนว่าขณะค้นอะไรบางอย่างอยู่
“แล้วจะให้ทำยังไงคะ พวกผู้เล่นเริ่มปิดล้อมมาแล้วนะคะ”จาเนียถามอย่างร้อนใจ เมื่อพวกผู้เล่นเริ่มโผล่มาตามตึกตามซากอะไรต่างๆ เหมือนแมลงสาปที่โผล่มาทักทายให้เจ้าของบ้านได้รู้ว่าตนเองได้เลี้ยงพวกเขาให้อุดมสมบูรณ์แล้วนะ
“ก็นี่ไงล่ะ อาวุธส่งสัญญาณ”ชิออนโยนลูกระเบิดให้ดู ซึ่งพวกสาวๆก็ทำหน้าสงสัย ชายหนุ่มเลยบอกว่าไอ้แสงสีส้มที่ยิงตรงเข้าไปในเมืองนั้นเกิดจาการส่งสัญญาณนี้นี่ล่ะ
“ถ้าอย่างนั้น พวกเราจะไม่โดนเหรอคะ ในเมื่อจากตรงนี้ไปยังหน้าด่านนั่นมีระยะห่างกันแค่ 20 เมตรเอง”ไรน่าถามพร้อมกับก้มหัวหลบลูกธนูของผู้เล่นที่หวังสังหารคนที่อยู่บนรถม้าทั้งหมด
“ชิ”อนาตาเซียสบถอย่างรำคาญ ก่อนจะปล่อยพลังลูกดำๆ เล็กๆ ออกไปทะลวงหัวใจของเหล่าผู้เล่น จนผู้เล่นพวกนั้นล้มตายกันไปโดยไม่รู้ตัว เพราะความเร็วในการใช้พลังของอนาตาเซียเร็วมาก ทำให้ผู้เล่นที่หวังรางวัลต้องถอยไปช่วยกันตั้งด่านและการป้องกันเหมือนที่ผู้เล่นหลายๆ กลุ่มทำกัน
“ก็ดีกว่ารอให้ทหารมาล้อมจับล่ะนะ การต่อสู้ในเมืองเราอาจเสียเปรียบมากเลยก็ได้ ถ้าอยู่ในพื้นที่ที่มีผู้เล่นอยู่เยอะขนาดนี้”ชิออนอธิบายก่อนจะปาระเบิดควันไปทางด่านที่กั้นทางอยู่ จริงๆพวกเขาสามารถฝ่าไปด้วยตัวเองได้ แต่ข้างหลังผู้เล่นที่ตั่งด่านนั้น มีแต่อสูรระดับกลางที่ตัวใหญ่ๆ พวกเขาเลยไม่มั่นใจเลยว่าจะฝ่ามันไปได้ และอีกอย่างพวกแฟร์ยังไม่ฟื้นเลยด้วย ไม่รู้ว่าพ่อของเขาไปทำอีท่าไหนถึงสลบนานขนาดนี้
“พี่ชายสิ้นคิดขนาดปาระเบิดควันเปิดทางหนีเลยเหรอ”หนึ่งในผู้เล่นชายที่ตั้งด่านกล่าวเยาะเย้ยถากถาง ขณะมองระเบิดควันที่กำลังกลิ้งหลุนๆมาทางตน
“ดูสิหลับตาปี๋เลย พี่ชายปล่อยตัวผู้รุกรานปราสาทมาให้พวกเราเถอะ พวกเราไม่อยากทำร้ายคนที่ไม่มีความผิด”ผู้เล่นชายอีกคนที่อยู่ข้างๆพูดออกมาขำๆ เมื่อเห็นคนบนรถม้าหลับตาเหมือนไม่อยากดูสิ่งที่จะตามมา
“พวกแกไม่หลับตาน่ะ คิดถูกแล้วเหรอ”สิริพภพที่นั่งอยู่เหมือนคนขับรถม้าพูดแบบเรียบขณะตนเองก็หลับตาเช่นกัน
“ฮ่าฮ่า ไม่ใช่สวนมนตร์ จะหลับตาทะ..”ชายคนนี้พูดได้แค่นั้นเมื่อเห็นอะไรบางอย่างที่ปลายฟ้า แล้วยิ่งสิ่งนั้นใกล้เข้ามาชายคนนี้ก็อ้าปากค้างเมื่อเห็นว่ามันเป็นวัตถุแปลกๆ ที่มีปีกสีดำสนิท แต่ที่สำคัญคือ ไอ้สิ่งที่แขวนอยู่ตรงไหล่ต่างหาก
“เฮ้ย แกตลิ่ง (ปืนกลหลายลำกล้อง)”ผู้เล่นชายที่สนทนากับกลุ่มของสิริภพตะโกนให้เพื่อนๆฟัง ขณะที่เพื่อนๆก็ทำหน้างงๆไม่เข้าใจสิ่งที่บอก เนื่องจากหลายๆคนไม่รู้จักว่ามันคืออะไรและข้อเสียของมันต่อศัตรูคืออะไร
เฟตที่บินอยู่บนฟ้านั้นเมื่อได้เป้าหมายจากควันสีส้มที่ชิออนปาให้ ก็เปลี่ยนปีก 1 คู่ให้กลายเป็นปืนกลแบบ 6 ลำกล้อง อาวุธชนิดนี้เป็นปืนกลที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง (ต่อลำกล้อง) กว่า 30 ม.ม. มีอัตราการยิงอยู่ที่ 3,900 นัดต่อนาที
พอตนได้อาวุธแล้ว เฟตก็รักษาเพดานบินเหนือพื้นที่ 200 เมตร เมื่อชายหนุ่มมาถึงในระยะ ร้อยหลา ตนก็ทำการลั่นไกปืนที่ติดอยู่ สาดกระสุนเข้าสู่เป้าหมายอย่างแม่นยำตามการเล็งของตัวเชื่อมที่ถูกโยงมาไว้ที่ตา พอเขาบินมาถึงในระยะ ห่างจากเป้าหมาย 100 เมตรจากระยะอากาศ ตนก็ใช้ทักษะไฟที่ตนได้รับมาหมาดๆ เปลี่ยนพลังให้กลายเป็นลูกบอลกลมๆ เมื่อถึงจุดทิ้งระเบิด ตนก็ปล่อยพลังออกไปจากมือ เป็นการเสิร์ฟบอลเข้าสู่ใจกลางม่านควันนั่นพอดี
ตูม ตูม!!! เสียงระเบิดดังลั่นพร้อมกับไฟสีดำที่โหมและรุกไหม้อย่างรุนแรงและรวดเร็ว โดยไฟนั้นไม่มีทีท่าว่าจะหยุดถ้าเป้าหมายไม่หายไป จากตอนแรกถล่มกลุ่มผู้เล่นแค่ 50 คน ตอนนี้กลับกลายเป็นรุกรามไปติดบ้านช่องหมดแล้ว จนในที่สุด ทั้งเมืองเธอเรียมก็ถูกไฟสีดำไหม้เกรียมไปทั้งทั่ว และนี่คือไฟทมิฬจากส่วนลึกสุดของนรกนั่นเอง
พวกชิออนเมื่อเห็นทางถูกเปิดก็รีบเคลื่อนขบวนออกไปจากเมืองโดยมีเฟตคอยยิงเปิดทางให้ ใครที่ขวาง มีสิ่งเดียวที่เฟตจะเจรจาด้วย นั่นก็คือ ความตาย
จากเมืองที่เคยยิ่งใหญ่ และอยู่มากว่า 100 ปี ปัจจุบันนี้ เมืองที่ชื่อเธอเรียมได้อยู่ในช่วงวิกฤต เมื่อถูกเปลวไฟสีดำรุกลามไปทั่วเมือง จนผู้เล่นที่มีระดับสูงหลายๆคน ต้องทำลายสิ่งที่ติดไฟเป็นการตัดไฟ แม้สิ่งๆนั้นจะเป็นเพื่อนของตนเองก็ตาม
“นี่มันอะไร ใครเป็นคนทำ ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้”ผู้เล่นชายหลายๆคนที่มีระดับสูงบ่นกันระงมขณะจ้องมองภาพของซากศพที่ถูกไฟสีดำรุกไหม้จนเหลือแต่ซากให้รู้ว่า ในอดีตนี่คือคนหรือผู้เล่น
“ข่าวสารของพวกเราแจ้งมาว่า คนที่ทำเป็นผู้ได้ชื่อว่าจอมมาร แต่ตอนที่คนผู้นี้ทำลายเมือง มันอยู่ไกลเกินไปจนไม่มีใครหยุดได้”เพื่อนที่อยู่ในกลุ่มพูดอธิบายให้ฟัง
“อย่าปล่อยมันไว้เลยดีกว่า ไอ้คนที่ทำเรื่องแบบนี้ได้ มีแต่พวกมารร้ายทั้งนั้นล่ะ”เพื่อนที่ใส่เกราะสะท้อนแสงอาทิตย์รีบบอกออกมา
“เราต้องทำแบบนั้นอยู่แล้ว แต่ชายคนนี้คือใครนายรู้หรือเปล่า”บุรุษหนุ่มพูดเสียงเรียบ ขณะที่ดาบก็ส่องแสงออร่าออกมาเหมือนอยากจะร่วมด้วย
“เป็นใครทำไมต้องสนใจด้วย สมาคมวิถีธรรมนักสู้แบบพวกเรา ควรจะสังหารคนที่ทำร้ายบ้านเมืองที่เคยสงบแบบนี้”ชายที่ใส่เกราะสะท้อนแสงตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราด
“ผมเข้าใจ ว่าคุณแค้นคนที่ทำให้บ้านเมืองที่ครั้งหนึ่งคุณเคยฝึกฝนตนเอง จนต้องเหลือแต่ชื่อไป แต่ชายคนนี้คุณต้องไม่อยากยุ่งด้วยแน่ๆ”ชายที่มีดาบเรืองแสงพูดขณะกอดอกมองกองทัพทหารอัศวินของตน ที่กำลังเข้าเมืองมาเพื่อช่วยกันบูรณะเมืองๆนี้
“มันเป็นใครก็บอกกันออกมาเลย อย่ามาเล่นลิ้น”
“ชายที่เป็นตัวแปรแห่งสงครามเมืองเริ่มต้น ชายที่มีพลังเทพมารในตัว โดยไม่ต้องทำภารกิจ ชายที่เหนือความตาย ชายที่ถล่มสวรรค์ วิหารสุริยัน เอาแค่นี้คงพอแล้วมั้ง เพราะชื่อที่เขาไปสังหาร 1 ในเสาหลักสมาคมเดวิล คงไม่สำคัญแล้ว”ชายที่ใส่ดาบสะท้อนแสงพูดจบ ก็กระโดดลงไปจากตึกชั้นที่ 20 ลงไปถึงด้านหน้ากองทัพของตน
“บ้าน่า ผู้เล่นหน้าใหม่อันดับ 1 จะทำได้ถึงเพียงนี้เลยเหรอ ทั้งๆที่เล่นได้ไม่ถึงอาทิตย์แท้ๆ”ชายใส่เกราะสะท้อนแสงพึมพำอย่างไม่เชื่อหู หลังจากทำใจสักพัก เขาก็กระโดดตามลงไป เพื่อช่วยกันบูรณะเมืองๆนี้
ณ ป่าพิษ ที่อยู่อาศัยของ อสูรที่มีรูปร่างเหมือนวัว คาโตเบิลพาส
“เป็นยังไงกันบ้างครับ”เฟตถามไถ่กลุ่มของเขาที่กำลังทำหน้าเกร็งๆขณะมองหน้าของตน
เฟตเห็นสาวๆไม่ตอบ ตนก็ขยับเข้าไปใกล้อีกนิด ซึ่งเขาก็ถูกฝ่ามือพายุ จนเกือบหลบไม่ทัน
“มาใกล้ทำไมยะ ฉันบอกให้อยู่ตรงนั้นน่ะดีแล้วแท้ๆ”อนาตาเซียร้องว่าพร้อมกับจับมือตัวเองไว้ ใบหน้าของเธอแดงฉานด้วยความอาย ถึงปกติจะถึงขั้นถึงเนื้อถึงตัว แต่ในสถานการณ์แบบนี้แล้ว มันทำอะไรไม่ถูกเลย
“เอ้า นึกว่าฝืนอำนาจผมได้แล้วซะอีก ก็เลยลองขยับเข้าไปใกล้ๆดูเท่านั้นเอง”ชายหนุ่มเกาหัวด้วยความเซ็ง แบบนี้จะเข้าไปสวีทกับใครก็ไม่ได้ เพราะพวกเธอมีปฏิกิริยาต่อสิ่งเร้าด้วยการโต้ตอบแบบนี้
“อืม ถ้าเจอกันครั้งแรก มันจะรุนแรงงั้นเหรอ”วิภาที่นั่งอยู่กับสิริภพพึมพำหลังมองผลการฝึกการฝืนอำนาจแรงดึงดูดของเฟตและบรรดาสาวสวยหลายเผ่าหลายพัน
กลุ่มอสูรฝืนอำนาจของเฟตได้ แต่ในระยะ 5 เมตร ผลที่ออกมาก็คือพวกเธอจะหน้าแดงและมีผลต่อความคิดมากพอสมควร ส่วนอีกฝั่งคือพวกแฟร์ พวกเธอจะถูกอำนาจของเฟตกล่อมจนไม่มีสติอะไรเลย ซึ่งนี่ถือว่าเป็นเครสที่หนักสุดก็ว่าได้
ทักษะแรงดึงดูดนี้ ดูจะใช้ไม่ได้ผลกับคนที่อยู่กับเฟตมานานอย่างพวกอนาตาเซีย ดูได้จากการฝืนแรงดึงดูด หรือการโต้ตอบที่ต่างกันไป ซึ่งอีกคนที่ดูได้ง่ายๆ ก็คือ วิภา ที่ไม่รู้สึกอะไรแล้ว หลังจากรู้จักอำนาจนี้ดีและรู้จักตัวเฟตดีพอ
“เป็นอะไรเหรอลูก”วิภาหันไปถามลูกชายที่กำลังนั่งอ่านข่าวที่ช่องหน้าต่างระบบอยู่
“ข่าวร้ายของพี่ แต่เป็นข่าวดีของพวกเรา”ชิออนตอบ ทำให้เฟตหันมาฟังด้วยความสนใจบ้าง
“พวกเราไม่ถูกการตั้งเป็นผู้รุกรานอีกแล้ว เนื่องจากเมืองในตอนนี้ได้ผู้บริหารคนใหม่ ซึ่งผ่านการคัดเลือกคัดสรรค์มาจากสมาคมผู้บริหารแล้ว”ชิออนอธิบายก่อนจะทำหน้าเครียด
“แต่ข่าวร้ายก็คือ สมาคมผู้บริหารและสมาคมวิถีธรรมนักสู้ตั้งค่าหัวของพี่ ในข้อหาทำลายเมืองไว้ สูงมากๆ”หลังอธิบายจบ ทั้งกลุ่มก็หันไปทางเฟตที่กำลังลูบคางอย่างใช้ความคิด สงสัยจะใช้ทักษะผิดวิธีแหะ เมืองเลยจมเพลิงไปแบบนั้น
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ว่าแต่ทาง 2 สาวเป็นไงมั่งครับ”เฟตละความสนใจในเรื่องของตัวเอง ก่อนจะหันมามองไรน่าที่กำลังดูแลลูน่าและพรอมที่นอนหลับอยู่บนเตียงไม้ที่ถูกสร้างแบบลวกๆ
“อาวุธเทพน่ากลัวจริงๆค่ะ ถ้าไม่ใช่พลังเทพอันอ่อนโยนของเจ้านายแล้ว พวกเธอไม่น่าจะรอด”จิ้งจอกสาวหันมาอธิบาย ก่อนจะกระดิกหางไปมา พร้อมกับส่องประกายอ่อนๆ ส่งออร่าไปล้อมกรอบ 2 สาวเอาไว้ เธอมีหน้าที่ปรับเปลี่ยนพลังให้เป็นแบบละเอียดอ่อนเพื่อไปรักษา 2 สาว ในขณะที่เฟตก็ทำหน้าที่เป็นพลังงานส่วนกลาง ให้ไรน่าได้ดึงพลังไปใช้ นี่ถ้าไม่มีจิ้งจอกผู้นี้ เขาคงไม่รู้ว่าตัวเองมีพลังสายเทพอยู่ในร่างแน่ๆ
“อาวุธเทพที่น่ากลัวอย่างนั้นเหรอ”เฟตพึมพำขณะจ้องมองธนูและหอกเทพของลูน่ากับพรอมที่วางอยู่ข้างตัวผู้เป็นนาย
“หือ”กลุ่มสาวๆอุทานเป็นเสียงเดียวกัน เมื่อเห็นสองสาวที่สลบมีปฏิกิริยากับเฟตที่นั่งข้างๆพวกเธอ
“อ่ะ”พรอมลุกขึ้นนั่งด้วยใบหน้าซีดเซียว ส่วนลูน่าก็ลุกขึ้นนั่งด้วยใบหน้าที่แดงจัด
“ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ”เฟตถามแต่ตัวขยับถอย เพราะในระยะสิบเมตร อำนาจแรงดึงดูดของเขาจะรุนแรงมาก
เมื่อเฟตถอยห่างออกไปในระยะ 15 เมตร พวกพรอมกับลูน่าก็ค่อยๆกลับคืนสติ พอพวกเธอได้สติก็หันไปมองรอบๆด้วยความสนใจ
“กลางป่าพิษงั้นเหรอ”ลูน่าพึมพำเมื่อเห็นว่ารอบๆด้านมีดอกไม้ที่สวยงามอยู่มาก แต่ทุกๆต้นมักจะมีพิษทั้งหมด ซึ่งนี่คืออาหารของ คาโตเบิลพาส
“เธอ”ลูน่าเมื่อเห็นหน้าคนอื่นๆก็อุทานออกมา ลูน่าขยับมือเหมือนจะไปจับอาวุธของตน แต่เรียวแรงของเธอกลับหมดลงไปซะก่อน เนื่องจากสูญเสียเลือดมากแล้วพึ่งฟื้นตัวได้ไม่นาน
“ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในเมืองแล้ว ภารกิจของเธอเสียไปแล้วล่ะ”พรอมกล่าวก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ พวกแฟร์เองก็หันมามองพฤติกรรมของลูน่าด้วยความสนใจ เมื่อเห็นว่าเธอทำหน้าเหมือนพึ่งนึกอะไรได้ แล้วต่อจากนั้นก็ก้มหัวลงต่อหน้าพวกเธอที่เป็นอดีตผู้รุกราน
“ขอโทษด้วยนะคะ ที่เราทำอะไรรุนแรงไป ตอนที่อยู่ในเมือง”ลูน่าขอโทษกลุ่มเธอเรียมด้วยใบหน้าเศร้าเสียใจ จนพวกแฟร์เริ่มหันไปมองหน้ากันอย่างงงๆ นี่มันอะไรกันเนี่ย
“ปกติ ลูน่าเป็นลูกคุณหนูน่ะ เธอเล่นเกมแบบจริงจังมากไปหน่อย ผลก็เลยเป็นแบบนี้ยังไงล่ะ”พรอมอธิบายให้ฟัง พวกเธอเคยเจอกันหลายครั้ง เนื่องจากเป็นเทพเหมือนกัน แถมยังออยู่ใต้บัญชาการของอาร์เทมีสเหมือนกันอีก
“ช่างมันเถอะคะ กฎยังไงก็ต้องเป็นกฎ คุณทำตามคำสั่งของเทพีก็ถูกต้องแล้ว ถ้าพวกเราได้คำสั่งจากผู้ที่มอบพลังก็ควรจะทำทุกอย่างให้เขา เพื่อเป็นการตอบแทนบ้าง”แฟร์โบกมือไม่สนใจ ในขณะที่เพื่อนก็พยักหน้าเห็นด้วย ถึงการกระทำจะน่าหมั่นไส้ในหลายๆความหมาย แต่ก็ต้องเข้าใจว่านี่คือเกม และทุกอย่างก็ต้องเพื่อภารกิจ
“แล้วพวกเราจะไปไหนกันต่อ”ชิออนถามขัดจังหวะมิตรภาพของเหล่าผู้เล่นสาว
“ที่ไหนก็ได้ ขอให้ไม่ใช่ในป่านี้”เฟตตอบแทน โดยตัวเขานั้นนั่งอยู่ไกลที่สุด โดยมีวัวสาวหลายตัวมาคลอเคลียด้วยความรักใคร่ ที่หนักสุดเห็นจะเป็นตัวผู้ที่หายใจฟืดฟาดเหมือนตกมันล่ะนะ
“ไม่อยู่เก็บเลเวลซะหน่อยเหรอคะ คุณอา ในป่านี้เหมาะสำหรับผู้ที่มาจากเมืองเริ่มต้นใหม่ๆซะด้วยสิ”พรอมหันไปแนะนำสิริภพกับวิภาที่กำลังลุกขึ้นยืนเหมือนจะออกจากป่าตามคำกล่าวของเฟต
“ตอนที่พวกเราอยู่ในเมือง ก็ได้เลเวลมามากพอสมควรแล้วล่ะลูก”วิภาพูดด้วยรอยยิ้ม
“พ่อกับแม่เลื่อนเลเวลไปอยู่ที่เท่าไหร่เหรอครับ”เฟตที่เห็นค่าเลเวลสำคัญขึ้นมาบ้างแล้วรีบถามทันที ของเขาไม่เห็นจะอัพหรือขยับเลย
“อืม ค่าเฉลี่ยของผู้เล่นที่ตายตอนนั้น รู้สึกจะอยู่ที่ 35 เป็นอย่างมากนะ พวกแม่เลยถูกอัพมาอยู่ที่ 34 กันหมดแล้ว”วิภาอธิบายขณะที่เฟตทำหน้าเสียดาย ที่พึ่งนึกออกว่าพวกผู้เล่นระดับสูงๆส่วนใหญ่จะไปป่าอาถรรพ์และทางเหนือของเมืองกันหมด
“ของผมรู้สึกว่าจะไปถึง 39 แล้วจาก 36 สงสัยผู้เล่นส่วนใหญ่จะเลเวลน้อยจริงๆ ว่าแต่ว่า พี่สังหารไปกี่คนกันล่ะ”ชิออนหันไปถามเฟตที่กำลังโหนต้นไม้หนีพวกบรรดาอสูรที่ห้อมล้อมเหมือนอยากทำความคุ้นเคยและมอบความรักให้ด้วย
“ประมาณ 200 กว่าคนเห็นจะได้ครับ”เฟตตอบก่อนจะถอนหายใจแล้วมองฟ้า วุ่นวายเหลือเกินนะ
‘คิกๆๆๆ’เสียงหัวเราะเหมือนเยาะเย้ยแว่วเข้าหูมา ส่งผลให้ชายหนุ่มปรายตาไปมอง แล้วเขาก็พบว่าเป็นอสูรแห่งท้องทะเลของเขานั่นเอง เธอแอบไปหัวเราะอย่างชอบใจกับสภาพที่เห็น
“หึหึ”เฟตกระตุกยิ้มวูบ ก่อนจะถีบตัวพร้อมกับใส่ปีกบินเข้าไปหาเหยื่ออย่างรวดเร็ว
“ว้าย”ลีเวียธานร้องเสียงหลงเมื่อชายหนุ่มกระโจนเข้าหาเธอ แถมยังเอื้อมมือมาหาอีก ในระยะนี้ไม่ต้องสืบว่าผลจะเป็นยังไง หน้าของเธอแดงฉานด้วยความเขิน แถมมือและเท้ายังสั่นจนเกือบจะเผลอเข้าไปกอดอีกด้วย
ชายหนุ่มเห็นตนแกล้งอสูรตนนี้ได้สำเร็จ ก็หันไปมองเหยื่อรายต่อไป นั่นก็คือไรน่ากับอนาตาเซีย ที่กำลังตระหนักได้ว่า นิสัยเสียของผู้เป็นนายกำลังกลับมาแล้ว และก็จริงดั่งคาด เมื่อเฟตเดินเข้ามาหาพวกเธออย่างช้าๆ ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้มแบบแปลกๆ
เฟตเห็นสองสาวถอยห่าง ก็รีบสาวเท้าเข้าไปใกล้ แต่ยิ่งใกล้อำนาจยิ่งแรง ส่งผลให้พวกเธอหยุดการหนี แล้วเปลี่ยนเป็นปล่อยวางยอมให้เขาเข้าหาแทน แต่ชายหนุ่มไม่ได้กะจะเอาถึงตัวอยู่แล้ว เมื่อเห็นพวกเธอหน้าแดงแบบที่ไม่เคยเป็น ตนก็หันไปมองจาเนียที่กระพริบตาปริบๆ มองดูเพื่อนในกลุ่มที่ถูกแกล้ง
“อ่ะ”อยู่ๆเจ้านายตัวแสบก็หันมามอง ส่งผลให้เอลฟ์สาวที่มีใจและการมองอีโก้ของเฟตในด้านดีสะดุ้งตกใจ เพราะอำนาจนี้มันเป็นอำนาจที่ผิดธรรมชาติ แต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะชอบใจอย่างมาก เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ พร้อมกับสายตาอันอ่อนโยน
แต่เฟตที่กำลังเล่นอยู่เห็นอสูรเป็นเอามาก ก็เลยขี้เกียจแกล้ง เพราะนี่มันไม่สนุกเลย ในขณะที่เขากำลังจะถอนตัว สายตาก็หันไปสบกับบรรดาผู้นำกิลด์และเมืองเธอเรียม ที่ไปจับกลุ่มปรึกษากันอยู่
ด้วยความคึกคะนอง เฟตจึงเนียนเข้าไปหาพวกเธออย่างช้าๆ เธอเรียมมนุษย์หนึ่งเดียวที่เห็นตัวปัญหาเดินเข้ามาหา กำลังจะอ้าปากบอกเพื่อน แต่ด้วยอำนาจของเทพที่มีผลแบบสุดๆ เลยส่งผลให้เธอทำหน้าเคลิ้มส่งตาหวานให้ชายหนุ่มเสียก่อน แต่นั่นก็เพียงพอให้ผู้เล่นสาวคนอื่นๆรู้ตัวแล้ว เมื่อพวกเธอหันมามองและตกอยู่ในภวังค์พร้อมกัน
“รู้สึกเหมือนเขากำลังสนุกนะ”วิภาหันไปถามสิริภพ ที่กำลังยิ้มที่มุมปาก
“แค่นี้พวกเราก็รู้แล้ว ว่าอะไรเปลี่ยนนิสัยลูกชายที่เย็นชาต่อผู้หญิงให้กลายเป็นคนอ่อนโยนได้”สิริภพกล่าวเมื่อเห็นสายตาอันมีสีสันของชายหนุ่ม ที่ต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
เฟตยังคงเล่นสนุกอยู่ตลอด จนกระทั่งกลุ่มวัวเดินตามมาถึง เขาจึงต้องหนีออกไป มิเช่นนั้นอาจได้ภรรยาเป็นวัวตัวเป็นๆ หรือสามีเป็นวัวตัวเป็นๆก็เป็นได้
ค่ำคืนที่ทรมานของเฟตผ่านไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ผู้เล่นคนอื่นๆ นอนข้างล่างได้อย่างสบายอกสบายใจ เพราะพวกอสูรวัวไม่ทำร้ายผู้เล่นก่อน แต่ตัวเขากลับต้องมานอนบนต้นไม้ แถมยังต้องเลือกทำเลดีๆ เพื่อไม่ให้พวกนกลอบเข้ามานอนด้วยอีกต่างหาก
“ถ้าให้เป็นแบบนี้ต่อไป พี่เฟตไปเมืองไหน พินาศเมืองนั้นแน่ๆเลยนะคะ”แฟร์ที่ปรึกษาอยู่กับเพื่อนตรงที่นอนกล่าวเบาๆ ก่อนจะเหล่ไปมองตัวปัญหาที่กำลังคิดว่าจะยิงนกมากินดีหรือไม่ หลังพวกมันมาคลอเคลียเหมือนเห็นเขาเป็นคู่รัก
“แล้วเทพหรือมารคนไหนที่จะพอมาช่วยเขาได้ล่ะคะ ในเมื่อเขากลับเข้าเมืองไม่ได้ เพราะติดบัญชีดำอยู่”ริเรียน่าที่โดนเฟตลอบแกล้งด้วยกล่าวด้วยความเหนื่อยใจ ขนาดเธอที่เป็นยมทูตยังโดนอำนาจของเฟตเล่นงานจนเผลอครางใส่เลย
“หรือพวกเรา ต้องลองอัญเชิญเทพประจำตัวของตัวเองมาดูดีคะ”เทียร่าเสนอขึ้นมา แต่กลุ่มเพื่อนๆกลับส่ายหน้า
“รินพึ่งอัญเชิญจ้าวนรกมาค่ะ ตอนนี้วิญญาณที่จะพอผสานร่างอสูรมีไม่เพียงพอเลยคะ”มันเป็นกฎรูปแบบหนึ่งในการอัญเชิญเทพอสูรระดับสูง หากวิญญาณของผู้อัญเชิญยังไม่พร้อมพอ อาจจะมีการตายหลังจากเทพอสูรเข้ามาประทับร่างได้นะ
“ส่วนของแฟร์ก็ยังไม่ได้ไปทำภารกิจเทพอสูรเลยนะคะ เทียร่าลืมไปแล้วเหรอ”แฟร์กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ เธออยู่ในระดับต่ำที่สุดในกลุ่มนะ ถ้าเทียบกันจริงๆ คนอื่นๆไปไกลกันหมดแล้ว ขนาดเพื่อนใหม่อย่างริเรียน่า หรือลูน่า ยังสูงกว่าเธอหลายขั้นเลย
“ทำไมไม่พาเข้าไปที่เมืองจันทราล่ะคะ ถ้าไปเมืองเก่าไม่ได้”ลูน่า ผู้เล่นสาวที่เป็นเทพของเทพีแห่งดวงจันทร์แนะนำตามคิด ถ้าให้เธอหรือพรอมอัญเชิญ มีหวังป่านี้ได้กลายเป็นสนามรบแน่ อาร์เทมีสเกลียดผู้ชายเข้าเส้นสุดๆเลย เห็นเป็นสอย
“เมืองที่อาร์เทมีสปกครองเนี่ยนะ คิดได้ยังไง”ริเรียน่าค้านอย่างไม่เชื่อหู แค่ชื่อของเมืองก็น่าจะรู้อยู่แล้ว ว่าเป็นพลังของใคร
“ไม่นะคะ เมืองๆนี้ไม่ใช่ของเทพอาร์เทมีส แต่อยู่ในเครือของเทพีแห่งโอลิมปัส ถึงจะไม่รู้ว่าจะเป็นเทพีองค์ไหนลงมา”ลูน่าอธิบาย เธอได้รับภารกิจก็เพราะเมืองนั้นล่ะ
“แล้วทำไมถึงตั้งชื่อว่าจันทรากันนะ”เทียร่าพึมพำ
“จันทรา ก็ลองมองในด้านของผู้หญิงสิ มันจะแปลได้ว่า ความสวยงาม หรืออ่อนโยน ซึ่งไม่ได้เจาะจงเหมือนที่ผู้เล่นชายหลายๆคนกลัวกัน”พรอมอธิบายเสียงเรียบ ตอนแรกๆเธอก็สงสัย แต่เมื่อครั้งไปเที่ยวเก็บเลเวลที่ต่างเมือง เธอก็ได้ลองเข้าศึกษาวิหารนั่นดู เมืองนั้นชื่อจันทราเป็นเพราะบอกถึงด้านหนึ่งของผู้หญิงต่างหาก และก็เป็นที่มาของเผ่าเทพของเธอ
“อืม มีเมืองที่จะไปได้แล้ว แต่คนที่หมอนี่จะไปเจอนี่สิ จะทำยังไง ถ้าอำนาจของเขายังแสดงผลอย่างนี้อยู่ ไปไม่ถึงกลางเมือง หรือวิหารแน่ๆ”เทียร่าถามถึงปัญหาที่จะตามมา
สาวๆจึงต้องหันกลับมาคุยกันใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง
“วุ่นวายจังเลยแหะ”เฟตที่หูดีและฟังถึงปัญหาที่พวกสาวๆคิดให้เขาบ่นออกมาคนเดียว
“ไม่เห็นจะยากเลย ถ้าสาวๆวุ่นวายเกี่ยวกับปัญหาของพี่มาก พี่ไปเองคนเดียวโดยการบินสิ จะได้ไม่มีปัญหา”ชิออนที่คลุมผ้าคลุมจอมทัพสีดำกล่าวแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง พอเฟตปรายตาไปมองก็พบว่าชายหนุ่มยืนอยู่บนกิ่งไม้สูง โดยในอ้อมแขนมีฟ้าใสเกาะติดอยู่ด้วย
“ไม่เป็นอะไรเหรอครับ”แต่ชายหนุ่มกลับสงสัยผิดเรื่อง หลังเห็นฟ้าใสมองเขาด้วยสายตาเฉยๆ
“ตั้งแต่ทักษะแสดงผลทีแรก ฟ้าก็ไม่รู้สึกอะไรกับคุณอยู่แล้วนี่คะ พอมาตอนนี้ก็ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย”หญิงสาวคลายข้อสงสัย แม้ระยะของเธอกับเฟตจะอยู่ห่างกันไม่ถึง 5 เมตรก็ตาม
“เป็นยังไงกันนะ”เฟตที่ไม่ค่อยจะเข้าใจในอำนาจของอโฟร์ไดร์พึมพำออกมา ก่อนที่น้องชายต่างสายเลือดจะพาแฟนสาวบินเล่นไปตามอากาศที่ว่างเปล่า หลังจากได้รับทักษะแถมมาจากผ้าคลุม ที่ช่วยให้มีวิชาตัวเบา บินได้เหมือนติดปีก
“หือ”ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังบ่นถึงตัวเอง ที่พื้นป่าด้านล่างไกลออกไป เขาก็พบกับกลุ่มอะไรบางอย่างที่มุ่งหน้ามาที่นี่ พอใช้กล้องอินฟาเรดของปืนส่องดูดีๆ ก็พบว่ามันเป็นกลุ่มมนุษย์นั่นเอง แต่ยังไม่รู้ว่าผู้เล่นหรือมนุษย์เอไอนะ
เฟตทิ้งตัวลงไปสู่พื้นป่าด้านล่างอย่างรวดเร็ว หลังจากลอยตัวมาได้ระยะหนึ่ง เขาก็สยายปีกให้ลอยตัว ทิ้งให้ตัวเองร่อนเข้าไปหากลุ่มๆนั้นเหมือนผีเสื้อกลางคืน โดยที่กลุ่มเป้าหมายไม่รู้ตัวเลยสักนิด เพราะที่ป่านี้มืดมาก
“กลุ่มนี้ แน่เหรอพี่”ชายหนุ่มคนหนึ่งหันไปถามชายอีกคนที่มีแผลโดนบาดเต็มใบหน้า
“ไม่ผิดแน่ ถ้าสมาคมนักล่าค่าหัวและรางวัลส่งรูปมาไม่ผิด พวกสาวๆเหล่านี้เป็นเด็กของไอ้จอมมารที่ชื่อเฟตอะไรนั่นแน่ๆ”ชายที่มีแผลบาดพยักหน้าเป็นเชิงว่าน่าจะถูกที่สุดแล้ว แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลากลางคืน แต่แสงไฟที่เกิดจากพลังเวทเป็นแสงสว่างที่บ่งบอกได้ดีเลย
“แต่มันน่ากลัวมากเลยนะพี่ ไอ้จอมปีศาจอะไรนั่น มันใช้ไฟอะไรไม่รู้ทำลายเมืองได้ถึง 1 ใน 4 คนล้มตายเป็นหมื่น (พวกทหารที่ตายโดยฮาเดสก็ถูกเหมาเข้าไปด้วย)”เพื่อนกลุ่มเดียวกันคุยกับหัวหน้ากลุ่มอย่างเป็นกังวล
“อย่าไปกลัว ลูกพี่ผ่านภารกิจของจอมโจรมาแล้ว ลูกพี่ต้องชนะแน่ๆ”ชายหนุ่มที่ดูเป็นผู้ใหญ่รองลงมาจากหัวหน้ากลุ่มหน่อยกล่าวแบบเชื่อมั่น
“ใช่ ไม่ต้องห่วง ต่อให้มันจะทำอะไร ฉันต้องปกป้องพวกแก ลูกน้องที่จงรักภักดีต่อฉันแน่”หัวหน้ากลุ่มหันหน้ามาบอก ซึ่งพวกลูกน้องต่างทำหน้าเชื่อขึ้นมานิดหน่อย
“แล้วเราจะลงมือยังไงดีพี่ ดูพวกมันยังไม่ทันหลับทันนอนเลย”ลูกน้องที่เป็นแนวหน้าสอดแนมวิ่งกลับมาบอก ดึกขนาดนี้แล้วยังสุมหัวเล่นไพ่กันอยู่เลย
“รออีกชั่วโมง ถ้าพวกมันยังไม่หลับ เราก็ใช้ยาสลบอัดเข้าไปซะ”หัวหน้าทีมพูดด้วยท่าทีนิ่งเรียบ เหมือนผู้ชำนาญงานมานาน
“ยาอัดช้างสินะ แจ๋วไปเลยพี่”กองหน้าของทีมพูดจบ ก็หยิบลูกระเบิดยาสลบออกมาแล้วเดินกลับไปประจำที่ โดยมีเพื่อนหลายๆคนเตรียมระเบิดแบบเดียวกันขึ้นมา
‘เป็นผู้เล่นงั้นเหรอเนี่ย’เฟตที่พิงตัวเนียนอยู่กับต้นไม้บวกกับทักษะพรางตัวแสดงผลพยักหน้าให้กับสิ่งที่ได้ยิน แหม เผยความลับกันแบบนี้เลยซินะ
“คิดจะทำอะไรกันเหรอ ไอ้หนุ่ม”อยู่ๆเสียงก็ดังขึ้น ทำให้พวกผู้เล่นกองโจรสะดุ้งตกใจ ตอนแรกพวกเขานึกว่ากลุ่มนี้มีแต่ผู้หญิงและจอมมารคนเดียวซะอีก
“สังหารมัน อย่าให้พวกเหยื่อรู้ตัว”หัวหน้าทีมพูดสั่งงานอย่างรีบร้อน โดยลูกทีมก็หยิบอาวุธของสมาคมนินจาออกมา และพุ่งอาวุธต่างๆเข้าหาสิริภพที่กำลังเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
อาวุธอย่างลูกดอกหรือดาวกระจายต่างแตกสลายไปหมด ทำให้พวกกลุ่มโจรตกตะลึงอย่างมาก หลังจากนั้นไม่นาน พวกกลุ่มโจรก็ค่อยๆตายลงไปอย่างไม่รู้ตัว
“ไม่รอให้มันเตรียมตัวให้มากกว่านี้ก่อนดีกว่าเหรอลูก”สิริภพถามลอยๆ ขณะที่มีผ้าสีดำกระโดดลงมา โดยสิ่งที่อยู่ในมือก็คือปืนกลเบา ที่มีฉายารหัสย่อว่า MP5SD อันมีลำกล้องเก็บเสียงติดแบบตายตัวอยู่ที่ลำกล้อง ทำให้ตอนที่ยิงนั้นไม่มีเสียงอะไรเกิดขึ้นเลย นอกเสียจากการพุ่งเข้าปะทะของกระสุนปืนขนาด 9 มม. กับอาวุธบินหลายๆชนิด
“ปล่อยไว้ไม่ได้หรอกครับ ถ้านานกว่านี้ คนพวกนี้อาจจะส่งข่าวให้ใครๆทราบก็ได้”เฟตตอบพร้อมกับเลื่อนแม็กกาซีนปืนมาอีกช่องหนึ่งอย่างรวดเร็ว ดีที่ปืนกระบอกนี้ถูกเขาปรับแต่งให้มีแม็กติดกันอยู่แล้ว ทำให้เวลาใช้งานจะเท่ากับมีกระสุน 90 นัดเลยทีเดียว
“เป็นการป้องกันสินะ”สิริภพพยักหน้า ในการสั่งสอนของพวกบอดี้การ์ด มักจะสอนเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว
“แต่พ่อไม่เคยเห็นเลย ว่าลูกจะใช้วิธีการเด็ดขาดแบบนี้”หนุ่มใหญ่ถามอีกครั้งหลังคิดได้ว่า ตั้งแต่ที่เฟตกลับมาจากเมืองนอก ชายคนนี้ไม่เคยสังหารมือปืนคนไหนเลย เขาจะทำแค่หยุดแบบฉับพลัน อย่างหนักสุดคือบาดเจ็บสาหัสเท่านั้นเอง
“ในนี้คือเกมครับ ผมไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงอะไร แล้วอีกอย่าง ถ้าเราไม่เด็ดขาด เราอาจจะสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดไปก็ได้”เฟตตอบด้วยใบหน้าจริงจัง เขารู้ซึ้งถึงความสูญเสียอยู่แล้ว และคงไม่อยากจะรู้จักกับมันอีก สิริภพเห็นลูกชายบุญธรรมยิ้มออกมาแบบไม่รู้ตัวก็ลอบยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปอย่างไม่กังวลกับอนาคตของลูกเลี้ยงที่ตนรักไม่ต่างกับลูกแท้ๆแล้ว
“พี่ หน่วยที่เราส่งไปเป็นกองหน้า อยู่ในสถานะตายหมดแล้วพี่”กลุ่มโจรที่อยู่ใจกลางป่าอุทานขึ้น เมื่อหน่วยหน้าของตนอยู่ๆก็หายการติดต่อไปจนหมด
“มันรู้ตัวแล้วสินะ บอกให้กิลด์โจรอหังการบุกได้เลย”หัวหน้าทีมที่เป็นหัวหน้ากิลด์ด้วยร้องสั่งการพร้อมกับที่รอบๆด้านมีการจุดพรุส่งสัญญาณ แต่เมื่อผ่านไปสักพัก สัญญาณต่างๆก็ดับวูบไปเอง โดยระบบแจ้งว่ากลุ่มพวกนั้นกำลังต่อสู้ และตายในที่สุด
“บ้าจริง”หัวหน้าทีมสบถอย่างหัวเสีย เมื่อรับรู้ว่าลูกกิลด์ของเขานับร้อยคนกำลังล้มตายลงไปเรื่อยๆ
“เจอตัวหัวหน้ามันแล้ว”เสียงร้องอย่างยินดีดังขึ้นที่ด้านบน ทำให้กลุ่มโจรมองตามเสียง แล้วก็พบกับชายหนุ่มหน้าตาดีในชุดคลุมสีดำสนิท
“แก ยิงมันให้ร่วง”หัวหน้าทีมร้องสั่ง ลูกทีมก็ทำตามโดยไว ด้วยการใช้อาวุธระยะไกลโจมตีเข้าใส่อย่างรวดเร็ว แต่ไม่ถูกเป้าหมาย เมื่อชิออนกระโดดจากจุดนี้ไปอีกจุดหนึ่งอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ผู้ไล่โจมตีได้แต่บ่นไปตามๆกัน ที่ศัตรูมีวิชาของชาวเหนือ อันเป็นวิชาชวนปวดหัวสุดๆ
“ฉันชอบเวลานี้จริงๆ”ชิออนหัวเราะแล้วปาระเบิดควันไปที่พื้น ตรงจุดที่พวกโจรอยู่ หลังจากควันส่งสัญญาณได้เพียง 5 วินาที กลุ่มโจรกลุ่มนี้ก็โดนยิงจนพรุนไปทั้งกลุ่ม ด้วยเครื่องบินรบขับไล่มนุษย์ (เฟต+แกตลิ่ง)
“ยังไม่ตายซะด้วยแหะ”ชิออนพึมพำขณะมองดูหัวหน้ากลุ่มที่กระโดดหลบและหนีดงกระสุนทัน จึงได้แผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“บ้าน่า นี่มันมีเครื่องบินขับไล่ด้วยหรือไงกัน”หัวหน้ากลุ่มพึมพำอย่างขวัญเสีย ตั้งแต่เล่นเกมนี้มาจะเป็นปี พวกเขาพึ่งเคยเจอเครื่องบินรบขับไล่เป็นครั้งแรก ถึงรูปร่างจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่การโจมตีและความลุล่วงผลก็คือคำตอบล่ะนะ
“แกมาที่นี่ได้ยังไงเหรอ”ชิออนถามขณะกระโดดมายืนอยู่บนต้นไม้ที่ด้านหน้าของโจรหนุ่ม
หัวหน้าโจรคว้าอาวุธของตัวเองออกมาสู้แทนคำตอบอย่างขวัญเสีย พวกชิออนในเวลากลางคืนไม่ต่างกับปีศาจจริงๆเลย
“ขวัญเสียเหรอเนี่ย”ชิออนเห็นการออกอาวุธก็รู้ได้ทันทีว่าชายคนนี้ไม่มีสติพอจะรับรู้ ตนเลยใช้ทักษะพิเศษของชุดโผล่ข้างๆ ก่อนจะใช้สันมือฟาดเข้าไปที่หน้า แต่ในระยะประชิดบวกกับไม่รู้ตัว ส่งผลให้โจรหนุ่มกระเด็นไปตามแรงหมัด และอัดเข้ากับต้นไม้เต็มๆ
“กะ แก”หัวหน้าโจรพูดเสียงสั่นๆ ขณะจ้องมองชิออนที่เดินเข้ามาพร้อมกับมองมือด้วยความมึนงง นี่แค่หมัดเดียวยังลอยซะขนาดนี้ หากกระทืบยกชุดแบบจัดหนัก สภาพจะเป็นแบบไหนล่ะเนี่ย
“น่ากลัวไปเรอะ ได้ๆ ไม่มีปัญหา”ชิออนพยักหน้าเมื่อรู้ว่าตัวเองดูน่ากลัวไป ชายหนุ่มสะบัดผ้าคลุมไปข้างหลัง โชว์ให้เห็นชุดสูทสีขาวที่เขาสวมไว้ตลอด
หัวหน้าโจรพยายามรวบรวมสติที่กระเจิงตอนที่เจอชิออนและเครื่องบินรบให้กลับมารวมกันซะใหม่ เมื่อเขาได้สติ การถืออาวุธก็สามารถเรียกได้ว่าการถืออาวุธ ไม่ใช่ถือกิ่งไม้เหมือนครั้งแรกๆตอนที่สติแตก
ชิออนเห็นหัวหน้ากองโจรมัวทำใจ ตนก็เลยพุ่งเข้าไปหาซะเอง เป็นการฆ่าเวลาให้โจรได้เตรียมตัว (- -) พอชายหนุ่มเข้าไปในระยะประชิดตัว ตนก็ทำการสะบัดมือฟาดใส่ในมุมแถยง โจรหนุ่มที่มีบาดแผลเต็มใบหน้ารีบกระโดดหลบอย่างรวดเร็ว ทำให้ชิออนต้องพึมพำด้วยความเสียดาย
“ขี้เล็บเกือบจะโดนแล้วแท้ๆ ไม่น่าขยับถอยเลย”แค่นั้นก็ทำให้หัวหน้าโจรขนลุกซู่ เมื่อรู้ว่าตนกำลังต่อสู้กับผู้เล่นโรคจิต
“อี๋”หัวหน้าโจรถอยหลังออกไปเล็กน้อยพร้อมกับหยิบสารพัดอาวุธของตัวเองออกมา หลังจากได้อาวุธต่างๆโจรหนุ่มก็ทำการสะบัดอาวุธของตนที่เป็นอาวุธระยะไกลใส่ชิออนตลอด ชายหนุ่มตัวแสบเลยต้องชักคาตานะของตัวเองมาฟาดป้องกันอย่างรวดเร็ว เพราะจำนวนอาวุธที่หัวหน้าโจรส่งมานั้น เขาอาจจะป้องกันผิดพลาดก็ได้
หัวหน้าโจรหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นศัตรูป้องกันการโจมตีได้หมด แถมยังทำท่าเท่เก็บดาบแล้วหันหลังให้อีกต่างหาก
แต่การหันหลังให้ศัตรูก็เหมือนกับการมอบโอกาสทองนั่นแหละ โจรหนุ่มเลยลอบถอยพร้อมกับเหวี่ยงอาวุธลอบสังหารใส่ไปด้วย
“จะเท่ก็ไม่ได้ว่าหรอกนะ แต่ในสงครามน่ะ การหันหลังให้ศัตรูคือการยอมแพ้ ถ้าคนที่สู้ด้วยเป็นคนที่ชำนาญการต่อสู้เหมือนร็อคล่ะก็ คุณตายไปแล้วนะ”เสียงของบุรุษปริศนาดังขึ้นพร้อมกับที่หัวหน้ากองโจรรู้สึกขนลุกแบบแปลกๆ
“ไหนว่าจะไม่ลงมาไง”ชิออนหันขวับมาถามอย่างไม่พอใจ ไหงพี่ชายถึงโผล่มาได้ล่ะ เห็นบอกว่าจะสนับสนุนอยู่ข้างบนไม่ใช่หรอ
แต่เฟตที่ถูกถามกลับไม่ได้ตอบ เขาแค่หันมามองหน้าโจรหนุ่มที่กำลังเหงื่อออกเมื่อเจอผู้ที่ดังที่สุดในข่าว ณ ปัจจุบันนี้
“คุณเจอพวกเราได้ยังไง”เฟตถามเสียงเรียบ ขณะที่สยายปีกดาบออกกว้างพร้อมกับลดเพดานบินลงมาให้ลอยเหนือพื้น 1 เมตร หัวหน้ากองโจรเมื่อโดนถามก็เหงื่อออกเล็กน้อย แต่เมื่อตนเห็นเฟตขยับตัวเข้ามา เขาก็รู้สึกขนลุกและปากของเขาก็หลุดออกไปทันที
“ข่าวที่วิ่งอยู่ในสมาคมดรากอนเนี่ยนะ”เฟตอุทานอย่างไม่เชื่อหู สมาคมนี้เขารู้สึกคุ้นๆอยู่นะ แต่จำไม่ได้ว่าที่ไหน
“ขอข้อมูลแบบแน่นๆหน่อยได้มั้ย”ชิออนถามต่อ ก่อนจะเข้ามาใกล้พร้อมกับเปลี่ยนคาตานะให้กลายเป็นดาบขนาดใหญ่ ซึ่งการรับประกันบอกได้คำเดียวว่า ทีเดียว ‘เละ’
“หัวหน้าสมาพันธ์การคมนาคมส่วนภูมิภาคตะวันออก ส่งข่าวเข้ากิลด์ ซึ่งนั่นทำให้ข่าวนี้ถูกสมาคมคู่สัญญาล่วงรู้เข้าให้ ทำให้สมาคมดรากอนนำข่าวนี้มากระจายกันต่อๆไป จนในที่สุดหัวหน้าใหญ่ของเราก็ล่วงรู้ถึงที่อยู่ของพวกนาย”หัวหน้าโจรรีบพูดเมื่อเห็นชิออนเดินเข้ามาแบบหมายมั่นปั่นมือว่าตัวของเขาต้องแยกเป็นชิ้นๆแน่
เฟตได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าให้ชิออนเป็นคนดูแลต่อที เพราะเขารู้ตัวปัญหาที่เป็นคนปล่อยข่าวออกไปอย่างไม่รู้ตัวแล้ว เฟตบินหายไปพร้อมกับปีกสุดรักของเขา ทิ้งให้ชิออนโบกมือลาอย่างอารมณ์ดี เพราะจะได้ชำแหละร่างคนเล่นแล้ว
หัวหน้าโจรเห็นจอมมารและน้องชายหันไปให้ความสนใจที่อื่นแล้ว ตนก็ทำการผนึกพลังของตนอย่างรวดเร็ว
“ด้วยข้าที่พึ่งผ่านภารกิจของการเป็นโจรที่ดีมา (?) ข้าขอให้เทพแห่งการพิทักษ์เหล่าข้า โปรดช่วยเหลือข้า ณ เวลานี้ด้วยเถิด”หัวหน้าโจรรีบพูดอ้อนวอนขณะที่ชิออนหันมาดูเล็กน้อยที่หางตา เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าชายคนนี้กำลังผนึกแต่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรเขาเลยปล่อยให้ชายคนนี้ได้ทำให้เต็มที่เสียก่อน
“โปรดสถิตแด่ข้าเถิด ท่านเทพผู้พิทักษ์เหล่าหัวขโมยและผู้เดินทางทั้งหลาย”หัวหน้าโจรกล่าวอ้อนวอดครั้งสุดท้าย พร้อมกับที่สายลมเริ่มรุนแรง จนชิออนต้องถอยห่างออกมา จากสายลมที่พัดแรงตอนนี้มันกลับกลายเป็นพายุทอนาโด ชายหนุ่มเลยต้องวิ่งถอยไปห่างๆ จนมาหยุดไกลถึง 50 เมตร
ชิออนยืนรอจนลมสงบแล้วเขาก็พบว่าที่เหนือท้องฟ้าตรงจุดที่หัวหน้าโจรยืนอยู่ มีชายผมสีทองยืนอยู่บนอากาศโดยที่รองเท้าของเขาเป็นตัวคอยพยุงด้วยปีกที่อยู่ข้างๆข้อของรองเท้า
“เจ้างั้นรึ ที่จะมาสังหารหัวขโมยที่น่ารักของข้า”ชายที่อยู่บนฟ้าหันมาพูดกับชิออนยิ้มๆ ในขณะที่ชายหนุ่มเหงื่อออกเมื่อนึกไม่ถึงว่าผู้เล่นที่เป็นแค่โจรธรรมดากลับอัญเชิญเทพได้
ซึ่งอาจจะฟังดูแปลกที่ผู้เล่นเผ่ามนุษย์จะอัญเชิญเทพได้ แต่หากผู้เล่นคนนั้นทำสัญญาแบบชั่วคราวกับเทพ หรือมารแล้ว การเรียกหาหรือร้องขอความช่วยเหลือจึงเป็นเรื่องปกติ ก็เหมือนกับตอนที่เฟตอัญเชิญยมทูตออกมานั่นแหละ ทั้งๆที่เป็นเผ่ามนุษย์ แต่กลับอัญเชิญพวกสายมารมาได้ซะงั้น ถึงจะเป็นผู้แล่นเหมือนกันก็ตามเถอะ
“เปล่า ฉันไม่ได้กะจะสังหารซะหน่อย แค่หยอกเท่านั้น”ชิออนตอบก่อนจะไต่ระดับความสูงตามต้นไม้ จนมาอยู่ในระดับยอดหญ้าเช่นเดียวกับเทพหนุ่ม
“มนุษย์ที่มีจิตวิญญาณสายความมืดงั้นเหรอ”เทพหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้มแปลกๆ หลังจากสังเกตชิออนจนทั่วแล้ว
ตูม!!! เสียงอะไรบางอย่างกระแทกพื้น ทำให้ชิออนกระพริบตาอย่างงงๆเมื่อความรู้สึกของเขาชาไปหมดโดยที่ความรู้สึกนั้นเริ่มชัดเจนเรื่อยๆ จนเขาเริ่มเจ็บแผ่นหลัง ทำให้ทราบว่าตอนนี้เขากำลังนอนอยู่ที่หลุมใจกลางป่า ใต้ต้นไม้ที่ตนอยู่เมื่อสักครู่ โดยมีเทพหนุ่มนั้นมายืนอยู่แทนจุดที่เขาตกลงมา
“ไอ้บ้านี่ ทำไมเร็วจังฟะ”ชิออนพึมพำขณะลุกขึ้นนั่งช้าๆ ด้วยความรู้สึกปวดที่กลางหลัง เนื่องจากตกลงมาสูง แล้วกระแทกพื้นแรง จึงส่งผลให้รู้สึกเจ็บจี๊ดๆที่กลางสันหลังตรงจุดที่กระแทกเต็มๆ
“ข้าเป็นเทพแห่งการสื่อสาร ท่านมหาเทพเลยมอบให้ธาตุลม เป็นธาตุประจำตัวข้าน่ะ”เทพหนุ่มตอบโดยไม่ก้มลงมามอง ชิออนเลยดึงผ้าคลุมให้เข้าที่เตรียมหายไปอีกครั้ง
“ข้าไม่ให้เจ้าออกไปไหนหรอก”เทพหนุ่มกล่าวจบ รอบๆตัวของเทพเขาก็มีลมหมุนวนอยู่รอบๆ ซึ่งจากลมหมุนธรรมดาก็กลายเป็นพายุทอนาโดที่มีชิออนอยู่ตรงตาพายุ (กลางพายุ)
“ชิ”ชิออนสบถเมื่อทักษะตัวเบาใช้ไม่ได้ ลองเผลอเพียงก้าวเดียว เขาอาจถูกอัดจนเละคาพายุเลยก็ได้
“เจนขอโทษค่ะ เจนไม่นึกว่าสมาคมดรากอนคิงจะดึงข่าวนี้ไปด้วย”เจนนิเฟอร์ขอโทษขอโพย ขณะที่เฟตก็ยืนฟังอยู่ห่างๆ
“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด แต่ว่าข่าวต่างๆที่เกี่ยวกับพวกผม หยุดการโพสต์ลงไปได้แล้วครับ ถ้ามีใครรู้ที่อยู่ของผมอีก เรื่องมันจะยุ่ง”เฟตพูดบอกเสียงเรียบ เจนนิเฟอร์จึงพยักหน้าเข้าใจอย่างรวดเร็ว
“พี่เฟต นั่นอะไรเหรอคะ”แฟร์ร้องถามเข้ามา พร้อมกับชี้ไปยังทิศที่เขาพึ่งผ่านมา พอชายหนุ่มหันไปมองก็พบว่าเป็นพายุทอนาโด ตนเลยสยายปีกดาบอย่างรวดเร็ว
“ทำอะไรน่ะ”พวกพรอมรีบถาม หลังเห็นเฟตเตรียมจะถีบเท้าออกตัวบินไป
“ชินอยู่ตรงนั้นครับ”หลังกล่าวเสร็จ ชายผู้นี้ก็ถีบตัวบินหายไปเลย โดยไม่สนเลยว่าตรงจุดๆนั้น พายุจะหนักหรือเบาอยู่ก็ตาม
ณ ใจกลางพายุทอนาโด
“นายจะเอาไอ้ลมบ้าๆนี้มากันฉันนานแค่ไหนเนี่ย”ชิออนพึมพำกับชายผมทองที่ยังคงลอยตัวเหนือหัวเขา
“จนกว่าข้าจะพอใจ”เทพหนุ่มตอบเสียงเรียบ ขณะหันไปอีกด้านหนึ่งเมื่อรับรู้ถึงพลังที่รู้จักเหมือนไม่รู้จัก
“นายบอกนายเป็นเทพที่ปกป้องโจรหรือหัวขโมยสินะ ไม่ทราบว่า โจรแบบฉันนายปกป้องด้วยป่ะ”ชิออนชวนคุยฆ่าเวลา เพราะไม่มีอะไรทำ
“โจรกระจอกที่คอยแต๊ะอั๋งสาวๆน่ะเหรอ”เทพหนุ่มก้มหน้าลงมาคุย ทำให้ชิออนทำหน้าเซ็งๆ
“ฉันไม่ใช่เจ้าเฟตนะเว้ย จะได้คอยแต๊ะอั๋งสาวๆ”ชายหนุ่มพึมพำอีแล้วส่ายหัว
“เพื่อนของเจ้าคงมาช่วยแล้วล่ะ”เทพหนุ่มกล่าวจบก็หายไปจากสายตาของชิออน ทำให้ชายหนุ่มต้องหันไปทางที่จับสัมผัสพลังของเฟตได้
“ระวัง”ชิออนรีบตะโกนบอกเมื่อสัมผัสพลังของพี่ชายตนที่กำลังบินเข้ามาใกล้จนเกือบจะถึงอยู่แล้ว
“หือ”เฟตได้ยินแว่วๆว่าให้ระวังตัว แต่เขายังไม่ทันจะได้รู้ถึงความหมาย ความรู้สึกของเขาก็บอกออกมาซะก่อนแล้ว ว่ากำลังโดนลอบโจมตี ชายหนุ่มจึงหมุนตัวไปยังทิศทางที่ความรู้สึกบอกเอาไว้
ฝ่ามือปริศนาพุ่งแหวกความมืดมาทางด้านข้างทำให้เฟตต้องรีบเอี้ยวตัวหลบ แต่เมื่อเขาหลบพ้น ตัวชายหนุ่มกลับรู้สึกถึงแรงลมที่กดจากบนลงล่าง เฟตเลยลู่ปีกของตนให้มาเก็บที่ลำตัว ทำให้แรงกดนั้นหายไป
“ปฏิกิริยายอดเยี่ยม”เสียงเอ่ยชมจากด้านหลังทำให้เฟตต้องรีบหันไปดู แล้วเขาก็พบกับชายผมทองที่มีหมวกแบบมีปีกลอยห่างจากเขาประมาณ 15 เมตร
“เทพองไหนอีกล่ะ”เฟตถามกลับไปด้วยความเซ็งๆ ตั้งแต่เริ่มเกมมานี่เขาเจอแต่เทพมาวุ่นวายตลอด
“ก็ไม่แปลก ที่เจ้าจะไม่รู้จักข้า ข้าชื่อเฮอร์เมส เป็นเทพแห่งการสื่อสารและเป็นเทพที่ควบตำแหน่งเทพผู้คุ้มครองโจรขโมย”เทพหนุ่มแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ ทำให้เฟตต้องลดเพดานบินลงดูท่าแล้วเขาคงจะแพ้ชายคนนี้ถ้ายังต่อสู้อยู่บนอากาศแบบนี้
“มาด้วยการอัญเชิญของโจรคนเมื่อสักครู่สินะ”ชายหนุ่มคาดเดาก่อนจะลงมายืนบนยอดต้นไม้ พร้อมกับเรียกปืนมาถือไว้
“ถูกต้อง อาธีน่าบอกว่าเจ้าซื่อบื้อตอนนี้ข้าคงไม่เชื่อแล้ว”เฮอร์เมสพูดทีเล่นทีจริงตามแบบฉบับ ทำให้เฟตได้แต่เหนื่อยใจ เทพแต่ละตนแปลกๆทั้งนั้นเลยแหะ
“จะสู้งั้นเหรอ”ชายหนุ่มถามเทพหนุ่มที่มองเขามาแบบเดาความคิดไม่ถูก
“ในตัวของเจ้าตอนนี้มีอำนาจของอโฟร์ไดร์อยู่ด้วยเหรอเนี่ย แถมรุนแรงกว่าที่นางเคยใช้กับข้าซะอีก”เฮอร์เมสกล่าวหลังจากสัมผัสพลังของเฟตได้ มนุษย์ที่ถูกวิเคราะห์ถึงสิ่งที่เป็นปัญหา ก็รีบอ้าปากเตรียมถาม แต่เมื่อเทพตรงหน้าหายตัวไป เขาก็ถึงกับต้องรีบหลบเมื่อรู้สึกถึงมือลึกลับที่ด้านหลัง
“ผลออกมาแบบครึ่งๆกลางๆซะด้วยสินะ”เฮอร์เมสที่หายตัวมาอยู่ด้านหลังพึมพำ หลังจากทดสอบความสามารถของอำนาจแฝงในระยะประชิดตัวแล้ว
“หมายความว่ายังไง ช่วยบอกหน่อยได้มั้ย”เฟตเห็นเฮอร์เมสรู้ถึงอำนาจที่เขาไม่รู้จัก ตนจึงรีบถามอย่ารวดเร็ว ทำให้เทพหนุ่มยิ้มที่มุมปาก
“ได้ ข้าบอกก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่า เจ้าต้องเอาชนะข้าให้ได้ซะก่อน”เฮอร์เมสยื่นคำขาดทำให้เฟตทำหน้าเซ็ง แต่มือกลับกลับคว้าเอาปืนมาเสียบแม็กกาซีนพร้อมลุยแล้ว
“อ่ะอ่ะ ไม่ใช่การต่อสู้แบบนี้ แต่เป็นการละเล่นกับลมแบบที่ข้าชอบมากกว่า”เฮอร์เมสส่ายหน้าเมื่อเห็นว่าเฟตจะลุยด้วยอาวุธแปลกๆแบบนั้น
“อะไร การละเล่นกับลม”ชายหนุ่มถามขณะมองตามเฮอร์เมสที่ลอยกลับไปพายุหมุนที่ยังคงทวีความรุนแรงอยู่
“เกมง่ายๆ ให้นายช่วยเหลือเพื่อนของนายให้ได้ โดยที่ฉันจะคอยขัดขวางด้วยความเร็วและพลังที่ฉันมี”เทพหนุ่มตอบคำถามก่อนจะมาหยุดอยู่ข้างพายุหมุนที่ไม่ทำอันตรายเขา
เฟตได้ยินดังนั้นใบหน้าก็เย็นชาแบบสุดๆ จะให้เขาสู้กับเทพโดยมีคนเป็นเดิมพันนี่นะ
“นายมีพลังมากกว่าข้าอีกนะ แค่ให้เข้าไปถึงตัวเพื่อนก่อนที่ข้าจะสังหารเจ้าได้ มันยากตรงไหน”เฮอร์เมสกล่าวยิ้มๆ ในขณะที่มนุษย์ตรงหน้าก็ได้แต่ปรายตาที่ว่างเปล่ามามอง
“นายไม่มีทางเลือกแล้วล่ะนะ ลุยได้”เทพหนุ่มไม่สนใจว่าเฟตจะเอายังไง เขาแค่ขยับมือให้เฟตเข้าไปลุยได้แล้ว โดยที่รอบๆตัวเขาก็มีลมหมุนขนาดเล็กก่อเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน
เฟตเมื่อไม่มีทางเลือกก็ถอนหายใจออกมา จากเสื้อกั๊กก็ถูกเปลี่ยนไปเป็นชุดสนามรบ ที่พร้อมลุย นอกจากการป้องกันแล้ว ชายหนุ่มยังมีการเรียกอาวุธออกมา โดยอาวุธเหล่านั้นลอยอยู่ข้างๆ ตัวของเฟตทั้งสิ้น
เฟตใช้ท่าเท้าดีดตัวให้ตนเองลอยอยู่เหนือพื้น พอลอยขึ้นมาก็ใช้ปีกดาบที่เหลืออยู่คู่เดียวช่วยตัวเองร่อนเข้าไปที่ตาพายุ แต่ทว่าเทพหนุ่มกลับใช้ลมหมุนมาดักหน้าก่อน ทำให้เฟตต้องรีบเบรกตัวและหันปืนไปยิงใส่ไม่ยั้ง
“อะไรเนี่ย มีพลังด้านมืดเจืออยู่ด้วยเรอะ”เฮอร์เมสที่ใช้ลมหยุดกระสุนของที่ยิงมาได้อุทานอย่างแปลกใจ ดีที่ลอยตัวอยู่บนฟ้าเขาเลยควบคุมลมได้เร็วกว่าที่กระสุนจะวิ่งมาถึงตัว
เฟตเห็นเทพนิสัยแปลกมัวแต่ดูหัวกระสุนสีดำอยู่ ตนก็เลยกลับตัวกลางอากาศและสะบัดปีกเข้าไปที่พายุอีกครั้ง แต่เมื่อชายหนุ่มมาถึง เขาก็ต้องทำหน้าเซ็ง เมื่อเห็นเฮอร์เมสยิ้มให้ตนอยู่ที่ด้านหน้าของพายุ
“อาวุธของเจ้าน่ากลัวสมกับที่อาธีน่าบอกจริงๆ แต่ว่าเจ้าคิดว่าของแค่นี้จะเอาชนะข้าที่เป็นเทพแห่งการสื่อสารที่มีความเร็วเหนือกว่าอาวุธของเจ้าได้รึ”เทพหนุ่มกล่าวด้วยใบหน้าเริงร่า ทำให้เฟตรู้สึกหมันไส้ตงิดๆ
“นายทำได้แค่ควบคุมลมกระจอกๆน่ะเหรอ”เฟตพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย ทำให้เฮอร์เมสเริ่มตั้งท่าระวังภัย คนที่มีนิสัยแบบนี้ความคิดจะพลิกแพลงมากๆ
“นายคิดว่าอย่างนั้นเหรอ”เทพหนุ่มเห็นเฟตไม่ทำอะไรนอกจากมองเฉยๆ ก็รู้ว่าเฟตจะให้ตนเอาจริง เขาเลยทำการเรียกพลังของตนออกมา จนรอบๆด้านพวกเขามีพายุทอนาโดหมุนวนจนเหมือนเวทีที่มีเสาเป็นพายุ
เฟตเห็นเฮอร์เมสเรียกพลังของตนมากขึ้นก็แสระยิ้มเล็กน้อย แล้วยื่นมือไปที่ด้านหน้าของตนเอง
“ในนามผู้เป็นนาย ข้าขอเรียกพวกเจ้าออกมา ไฟทมิฬ”
เฮอร์เมสจ้องเฟตด้วยความสนใจเมื่อเห็นว่าชายคนนี้ยื่นมือออกมาทางตน แล้วยิ่งเฟตกล่าวคำพูดอ้อนวอนกับธรรมชาติเสร็จ เฮอร์เมสก็ต้องทำหน้าประหลาดใจที่รอบๆ ตัวของเขาร้อนขึ้น จนถึงระดับที่เขาร้อนจริงๆ ทั้งที่เป็นเทพที่ทนความร้อนได้ดีแท้ๆ
“อะไรกันเนี่ย”เฮอร์เมสอุทานเมื่อเห็นว่ารอบๆตัวเขาเริ่มดำมืดลงและมีความร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ
“นายใช้ลมมาล้อมรอบพวกเรา นั่นคือสิ่งที่นายทำผิดพลาดลงไปแล้ว ไฟของฉันสามารถเข้าไปได้ทุกที่ ที่ฉันต้องการ แล้วยิ่งนายใช้ลมที่แพ้ทางไฟแล้วด้วย นายทำผิดพลาดลงไปซะแล้ว”เฟตกล่าวหน้าตาย เทพหนุ่มเลยรีบสลายพลัง แต่พลังของเขากลับไม่หายไป แถมลมทอนาโดที่ร่ายล้อมก็ยิ่งทวีความเร็วแรงขึ้นและมีความร้อนที่สูงขึ้นตามไปด้วย
“นายคงมองไมเห็นสินะ สิ่งที่ล้อมรอบพวกเราไว้”มนุษย์ผู้มีปีกประหลาดยังคงสนทนากับเทพอีกครั้ง แม้เทพหนุ่มจะหันมามองด้วยความไม่อยากเชื่อ ว่าในโลกแห่งนี้จะยังมีไฟที่ทำให้เทพร้อนได้อีกเหรอ
“ออกมาเถิด ไฟที่จงรักแห่งข้า”เฟตพูดออกมาเบาๆ พร้อมกับที่รอบๆด้านของเฮอร์เมสเริ่มปรากฏความมืด และกลายเป็นไฟในที่สุด
“บ้าน่า ไฟสังหารเทพมาร”เฮอร์เมสอุทานลั่นเมื่อเห็นไฟสีดำของเฟต
“ไฟของฉันสามารถสังหารนายได้ง่ายๆเลย ขอแค่ฉันดึงพลังให้มันเข้ามาใกล้มากกว่านี้”เฟตพูดกับเฮอร์เมสเหมือนกับตนรู้จริง ทั้งๆที่เขาลักไก่จากคำพูดของเทพหนุ่มแท้ๆ
“เจ้าจะเอายังไง”เฮอร์เมสถามเฟตด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ไฟทมิฬเคยสูญหายไปตามตำนานอสูรต่างๆแล้ว แต่ชายคนนี้กลับพามันกลับมาได้ ช่างเป็นมนุษย์ที่แปลกจริงๆ
“ปล่อยพวกของผม และคุณต้องบอกมาว่าผมจะทำยังไงให้สามารถควบคุมอำนาจของอโฟร์ไดร์ได้”
“ตกลง”เฮอร์เมสตกลงรับข้อเสนอพร้อมกับสลายลมที่ล้อมรอบตัวชิออนออกไป พอสายลมสลายไปเฟตก็ยิ้มอย่างยินดีแต่ไม่สลายพลัง
“นี่นายจะผิดคำสัจหรือไง”เฮอร์เมสเห็นเฟตยังไม่สลายไฟสีดำไปก็ถามทันที ชายหนุ่มจึงหันมามองช้าๆ
“สัจจะไม่มีในหมู่โจร แล้วคุณยิ่งมาเพื่อโจรด้วยแล้ว ผมก็ไม่ควรรักษาสัจจะ เอาล่ะ ช่วยบอกเรื่องที่เหลือต่อที”เฟตพูดเสียงเย็นชา เขาเกลียดพวกที่ชอบเอาคนอื่นมาเป็นเดิมพันชะมัด มันบ่งบอกว่าคนๆนี้ไม่เห็นใครในสายตาเลย
เฮอร์เมสเมื่อถูกย้อนศรโดยทั้งๆที่ตนเป็นเทพก็รู้สึกโกรธเล็กน้อย แต่เมื่อคิดอย่างเป็นกลางเขาก็สลายความโกรธที่แสดงอยู่บนใบหน้าให้หายออกไป โดยมียิ้มอย่างยินดีออกมาแทน เฟตเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกแปลกใจ แต่หน้ายังคงเย็นชาได้เหมือนเดิม
“อำนาจของอโฟร์ไดร์ คือสิ่งที่ช่วยให้เพศตรงข้ามกับเธอรู้สึกรักหรือลุ่มหลง”เทพหนุ่มกล่าวช้าๆ ก่อนจะลดเพดานบินลงสู่พื้นดิน
“ถ้าอย่างนั้น ทำไมผู้ชายที่เป็นเพศตรงข้ามกับผม ถึงมารู้สึกชอบผมที่เป็นผู้ชายได้ล่ะ ทั้งๆที่อโฟร์ไดร์บอกผมว่าเพศตรงข้ามกับผมส่วนใหญ่จะมีผล 2 แง่ แต่นี่ผู้ชายที่สมควรจะรังเกียจกลับมาชอบผมซะได้ ผมเลยไม่เข้าใจว่า 2 แง่ที่ว่า มันเป็นแง่ไหน”เฟตถามกลับไปเมื่อเท้าของเขาและเฮอร์เมสแตะพื้นแล้ว
เฮอร์เมสได้ยินดังนั้นก็ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย แล้วก็หันไปมองชิออนที่กระโดดเข้ามาพร้อมกับผ้าคลุมจอมทัพแห่งความมืด
“ปกติ พลังอำนาจนี้เป็นของอโฟร์ไดร์ที่เป็นเทพีแห่งความงาม พลังนี้เลยส่งผลเฉพาะแต่กับผู้ชายเท่านั้น ส่วนที่ว่ามันไปส่งผลกับผู้หญิงหรือผู้ชายแบบไหน ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”เฮอร์เมสตอบแบบขอไปทีให้ฟัง
“ไหนว่าจะช่วยผมไง”เฟตถามออกไปเมื่อเห็นเทพหนุ่มไม่อธิบายต่อ
“สัจจะไม่มีในหมู่โจรไง ลืมไปแล้วเหรอ”เฮอร์เมสหันมาพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทำให้เฟตต้องถอนหายใจก่อนจะสลายทักษะไป ตามปกติแล้วเขาไม่ชอบเสียคำพูดอยู่แล้ว งั้นก็เลิกเล่นเลยก็แล้วกัน
“ต้องอย่างนี้ซิ หมูไปไก่มา ข้าบอกให้ก็ได้เป็นแนวทางล่ะนะ พลังของอโฟร์ไดร์ ส่วนใหญ่ใช้กับผู้ชาย พอมาอยู่กับนาย พลังนี้เลยใช้ออกมาแบบครึ่งๆกลางๆ โดยส่วนหนึ่งส่งผลกับผู้ชาย อีกส่วนส่งผลกับผู้หญิง”เฮอร์เมสอธิบายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มขี้เล่นตามแบบฉบับ ขณะที่ชิออนมาหยุดอยู่ข้างตัวพี่ชายตัวเอง
“มีทางแก้มั้ย”เฟตถามต่อ อยู่แบบนี้มันน่าเบื่อตายชัก แกล้งใครก็ไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่สนุกเลย การมีคนมาสนใจเนี่ย
“มี เจ้าต้องเปลี่ยนเป็นเผ่าเทพ และเริ่มฝึกพลังแบบเป็นเรื่องเป็นราว แต่ข้าไม่มั่นใจนะ ว่าเจ้าจะทำได้ดีขนาดไหน”เฮอร์เมสแนะนำตามแบบฉบับเทพที่เคยส่งสารเรื่องพวกนี้จึงเคยผ่านตามาบ้าง ทำให้เฟตหันไปมองชิออนเป็นเชิงถามไถ่
“ถ้าพี่เปลี่ยนไปเป็นมารล่ะ”ชิออนแทรกก่อนที่เฟตจะถาม ทำให้เฮอร์เมสหันมามองอย่างรวดเร็ว
“ถ้าเป็นมาร เจ้าก็ต้องไปหาแอสโมนิว เพราะนางเป็นจอมมารที่เป็นเจ้าของพลังที่มีอำนาจคล้ายๆของอโฟร์ไดร์”เฮอรเมสตอบแบบมีฐานข้อมูล ส่วนชิออนก็ทำหน้างงๆเมื่อเห็นว่าเทพหนุ่มยอมบอกข้อมูลจริงๆทั้งๆที่เทพทั่วๆไปจะไม่ยอมบอกความจริงนอกจากได้ภารกิจมาแลกแท้ๆ
เทพแห่งการสื่อสารเฮอร์เมส เป็นเทพที่มีความเป็นกลางไม่เหมือนเทพองค์อื่นๆที่คิดถึงแต่เรื่องเทพมาร จนไม่สนใจความเป็นไปของโลก ต่างกับเทพเฮอร์เมสที่ขึ้นๆลงๆระหว่างปรโลกและสวรรค์อยู่เป็นประจำ ทำให้เขามองโลกทั้ง 3 อย่างเป็นกลางที่สุด
“แล้วถ้าผมไม่เปลี่ยนเป็นเทพหรือมารล่ะ”เฟตถามในสิ่งที่ตนอยากถาม ทำให้เทพหนุ่มยิ้มตามแบบฉบับ
“เจ้าก็ต้องผ่านภารกิจของเทพหรืออสูรที่มีพลังสายนั้นๆ อ้อ เดี๋ยวก่อนนะ”เฮอร์เมสแนะนำ แต่สักพักตนก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรได้จึงเบรกการสนทนาและหันไปค้นสมุดที่อยู่ข้างกระเป๋าสะพายที่ตนสะพายอยู่ตลอด
“นี่ไงล่ะ เทพที่ดูแลสายนี้อยู่ นอกจากอโฟร์ไดร์”เฮอร์เมสหันมายิ้มให้เฟตหลังจากอ่านข้อความอะไรเจอ
“เทพอะไรอีกล่ะ”เฟตถามอย่างหน้าชื่นตาบานเล็กน้อย เนื่องจากตนเหนื่อยเหลือเกินที่จะต้องหนีฝูงวัวและฝูงคนที่ร่ายล้อมด้วยอำนาจที่น่าพิศวาสพิศวง
“เอาไว้เจ้าไปถึงวิหารจันทราแล้วแจ้งผู้ดูแลวิหารล่ะกันว่าข้าแนะนำมา ตอนนี้ข้าต้องรีบทำตามภารกิจที่ถูกอัญเชิญมาแล้ว”เฮอร์เมสอธิบายจบ ตนก็หายไปอย่างรวดเร็วภารกิจที่ตนถูกอัญเชิญมาก็คือ การช่วยให้โจรหนุ่มหนีจากความตายที่ย่างก้าวเข้ามาหาให้ได้
หลังจากเทพหนุ่มเฮอร์เมสหายไป เฟตกับชิออนก็หันมามองหน้ากันเล็กน้อย
“เลี่ยงที่จะเข้าเมืองไม่ได้แล้วสินะ”ชิออนเกริ่นเมื่อรู้ทางที่เฟตจะเลือกดี
“เพื่อความสุขระยะยาวครับ คงต้องไปจริงๆ”จริงดั่งคาด เมื่อพี่ชายพยักหน้าก่อนจะเก็บปืนให้กลายเป็นปีก แล้วบินกลับกลุ่มของเขาที่อยู่ไกลออกไปไม่มาก
ความคิดเห็น