ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Proxy War Online (สงครามแห่งอำนาจ)

    ลำดับตอนที่ #51 : ตอนที่ 51 ผลการพิพากษาโทษของเธอเรียม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.55K
      33
      16 ก.ย. 56

     

     

    เอาล่ะ ไอ้ลูกหมา ถ้าอยากลองดีก็เข้ามาสิริภพพูดกับกลุ่มของชายที่นอนจมอยู่กับพื้นด้วยท่าทีกวนโทสะเต็มที่

    จัดการมันเซ่หัวหน้ากลุ่มที่นอนจมอยู่กับพื้นตระโกนลั่นด้วยความโมโห แต่เขายังไม่ทันที่จะได้ยืนก็ถูกชายที่ยืนคอยท่าอยู่แล้วกระแทกหมัดเข้าสู่กลางหลังจนต้องนอนลงไปเพื่อคลายความเจ็บปวดอีกครั้ง

    กลุ่มผู้เล่นเกรียนแตก เมื่อเห็นลูกพี่ถูกกระแทกจนลงไปกองอีกรอบจิตใจก็เริ่มเอียงเอนอยากจะหนีหายไป แต่ด้วยศักดิ์ศรีของโจรหน้าใหม่ พวกเขาจะหนีไปไหนไม่ได้ จึงดึงอาวุธที่มีระดับสูงที่สุดขึ้นมาถือไว้ในสภาพมือสั่นขวัญแขวน

    การถืออาวุธไม่ได้ถือกันอย่างนี้นะ ไอ้หนูทั้งหลายสิริภพที่ใช้เท้าเหยียบตัวหัวหน้ากลุ่ม กล่าวก่อนจะส่ายหน้าแบบเซ็งๆ ทำไมวัยรุ่นสมัยนี้ถึงทำอะไรไม่ได้เรื่องได้ราวนะ

    ผมถืออะไรหรือถือยังไงก็เรื่องของผมผู้เล่นหนุ่มกล่าวอย่างหวาดๆ ทำให้ชายสูงวัยหัวเราะออกมาด้วยความขำ ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยท่าทางจริงจัง

    ข้าไม่มีอาวุธหรือพลังเลยนะ ฉะนั้น ถ้าเป็นลูกผู้ชายจริงจงอย่ากลัว แล้วเข้ามาซะ

     วิภาเห็นสิริภพกำลังจะลุย ตนก็เลยเดินขึ้นมายืนเคียงข้างสามีตนเอง

    นึกถึงวันแรกที่เราเจอกันเลยนะคะ คุณวิภาสาวลูก 1 ความสวยคุณ 2 กล่าวด้วยรอยยิ้ม

    นั่นสินะ วันนั้นคุณโหดเอาเรื่อง จนผมเริ่มชอบเลยหล่ะสิริภพหวนความหลังด้วยรอยยิ้มเช่นกัน

    อืม แต่วันนี้มันต่างกันตรงที่ฝ่ายนี้มีน้อยกว่าแถมยังใช้อาวุธธรรมดาๆ อย่างดาบอย่างมีดซะด้วยสิ แบบนี้จะหวนความหลังได้เหรอคะ

    ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรให้แก้เซ็งล่ะนะ โกเลมและเอลฟ์ที่เมืองเริ่มต้นไม่ได้ทำให้เราตื่นเต้นเลยสิริภพพูดจบก็พุ่งตัวเข้าหาผู้เล่นหนุ่มที่ยืนทำหน้าตะลึงคิดไม่ถึงว่ากลุ่มๆนี้จะเป็นผู้เล่นเหมือนกัน

    นั่นสินะคะวิภาขานรับแล้วกระโดดเข้าไปหาผู้เล่นที่อยู่ใกล้ที่สุด

     

    เอ่อ ทำไมพวกคุณอาถึงโหดขนาดนั้นล่ะฟ้าใสถามสองหนุ่มที่เบือนหน้าหนีไปทางอื่น

    พ่อของชินเป็นชาวตะวันออกกลางแต่มีเชื้อสายไปทางเหนือน่ะ เลยไปๆมาๆกับบ้านอาแป๊ะอยู่บ่อยๆ ซึ่งแปะของชินก็เก่งกังฟูด้วยพอดี พ่อก็เลยได้เป็นปรมาจารย์ด้านกังฟูของตระกูลแม่ชินชิออนอธิบายด้วยรอยยิ้มขณะมองดูพ่อตัวเองที่เดินเข้าไปหาเหยื่อคนต่อไปที่หน้าซีดอยู่เมื่อเห็นว่าเพื่อนตนหมดความสามารถที่จะสู้ต่อได้เมื่อโดนหมัดแค่ทีเดียวที่ปลายคาง

    แล้วแม่ของชินล่ะฟ้าใสถามถึงอีกคนหนึ่ง ที่ปกติจะอยู่ในรูปลักษณ์สุภาพเรียบร้อยแบบคุณนาย แต่พอมาอยู่ในโลกนี้ พวกเขากลับเปลี่ยนแปลงไปมากพอสมควรเลย ตอนแรกเธอนึกว่าวิภาไม่เก่งการต่อสู้แล้วถึงให้เธอมาช่วยสอนเวทให้ซะอีก

    อดีตร้อยโทหญิงจากกองปราบปรามกลับเป็นเฟตที่ตอบแทน ก่อนจะพยักเผยิบไปทางวิถาที่กำลังล็อคแขนและขัดข้อต่อศอกด้วยการกระแทกมือเข้าไปที่ไหล่ จนไหล่หลุดแทงเนื้อออกมา

    มิน่าล่ะ ทำไมถึงเก่งกันเกินไปแบบนี้ฟ้าใสพยักหน้าให้ แต่ชิออนกลับหัวเราะออกมาพรืดใหญ่ ก่อนจะอธิบายว่า

    ความเก่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของพี่เขาน่ะ แต่ไอ้ความเรียนรู้ไว้และสัญชาตญาณของพี่เนี่ยล่ะที่มีมากเกินมนุษย์มะนาหลังอธิบายจบการต่อสู้ก็จบลง โดยมีฝ่ายสิริภพเป็นผู้ชนะขาดลอยตามคาด

    หมดแล้วเหรอสิริภพหันไปถามภรรยาตนที่พึ่งล็อคแขนชายคนหนึ่งจนไหล่หลุด

    มั้งคะวิภาตอบออกมาอย่างงงๆ ยังไม่ทันได้สนุกเลย คู่ต่อสู้ดันหมดซะแล้ว

    พ่อ รีบไปกันเหอะชิออนเดินเข้าไปสะกิดเรียกสิริภพเมื่อเห็นว่าผู้เล่นเริ่มมุงมาตรงจุดนี้เป็นจุดเดียว การต่อสู้ในเมืองนั้นมีเป็นเรื่องปกติ แต่คนที่สู้ชนะกลุ่มนี้สิดันไม่ปกติ

    จำไว้ เจ้าหนุ่ม ไม่ว่าคนที่แกพูดด้วยจะเป็นอะไรหรือเป็นใครก็ตาม ควรให้เกียรติคนที่มีอายุมากกว่าตนเสมอ เพราะนั่นจะช่วยสั่งสอนสันดารให้คนเราดีขึ้นได้สิริภพว่าจบก็รวมพลังจิตใส่ร่าง พอออร่าเริ่มเรืองรองหนุ่มใหญ่ก็ต่อยหมัดตรงเข้าใจกลางหลังผู้เล่นหัวหน้ากลุ่มที่ปากเปราะเมื่อสักครู่นี้ทันที

    ตูม!!! “อักผู้เล่นหนุ่มกระอักเลือกออกมาเป็นสาย 3 วินาทีต่อมาก็สลายกลายเป็นแสงไปเมื่อระบบการทำงานของหัวใจล้มเหลวหลังถูกพลังจิตกระแทกโดยตรงจนมันไม่ทำงาน

    เฮ้ย วิชาของพวกชาวเหนือนี่ผู้เล่นที่อยู่โดยรอบต่างอุทานกันระงม การใช้พลังจิตในรูปแบบมือเปล่าส่วนใหญ่จะมีแต่พวกชาวเหนือที่เรียกกันว่าลมปราณเท่านั้นที่นิยมใช้กัน

    สิริภพได้ยินดังนั้นก็หยุดเท้าลงแล้วหันไปมองผู้เล่นหนุ่มสาวหลายๆกลุ่มที่อยู่ในบริเวณนั้น

    มันไม่เคยมีหรอกนะ ว่าวิชาไหนจะเป็นของชาวไหนหรือชาวอะไร การใช้อาวุธประจำตัวมันใช้กันได้ทุกคนนั่นล่ะ แต่พวกเธอไม่เคยใช้และเรียนรู้กันก็เท่านั้นเองหนุ่มใหญ่กล่าวจบก็เดินไปพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่ายกับวัยรุ่นที่วิ่งตามยุคสมัยที่ไม่มีที่สิ้นสุด

    พ่อเลเวลเท่าไหร่แล้วเหรอเฟตหันไปถามชิออน ปกติผู้เล่นที่จะมาเมืองถัดไปส่วนใหญ่จะเลเวล 25 ขึ้นไป

    “18 เหมือนกับแม่เป๊ะน้องชายกระซิบตอบ

    ห๊ะ แต่ที่โทรบอกผม มันพึ่งผ่านมาไม่ถึง 6 ชั่วโมงเลยนะเฟตถามอย่างไม่เชื่อหู

    เหอะๆ พ่อกับแม่เหมือนพวกเราที่ไหนล่ะ พอพวกท่านเข้ามาถึง ท่านก็มุ่งไปเก็บเลเวลที่ผ่าหินแดนโกเลมเลย โดยไม่มีผู้ติดตามเลยสักคน พอพวกท่านกลับมาก็ให้ฟ้าใสช่วยสอนเวทมนตร์ให้ ส่วนพ่อเองก็มุ่งไปบู๊กับงานที่พี่ทิ้งทวนไว้นั้นแหละ กลับมาก็เก่งขึ้นทันตาทั้ง 2 คนเลยชิออนถอนหายใจกล่าว ความคิดของผู้ใหญ่นี่แปลกชะมัด

    อ้อเฟตขานคำกับคำว่างานที่ทิ้งทวน นี่เขาลืมการประลองสายอาชีพไปโดยปริยายเลยนะเนี่ย แต่ก็ยังดี ที่คนข้างหลังได้ใช้การประลองนั้นเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์

     

    เฟตเดินนำกลุ่มของสิริภพไปยังปราสาทของเธอเรียมตามที่ตนเคยไป ซึ่งฟ้าใสก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรเพราะไปกันถูกทางแล้ว

    ที่นี่เหรอ ที่อยู่ของลูกฟ้าวิภาพูดอย่างทึ่งๆ ขณะมองดูปราสาทที่มีความใหญ่โตมากๆ

    ไม่เชิงหรอกค่ะ ฟ้าแค่มาทำงานที่ปราสาทนี้เฉยๆฟ้าใสปฏิเสธพอเป็นพิธีแล้วก็เดินนำเข้าปราสาทแทนเฟต ซึ่งฟ้าใสก็เดินซะเร็วจนพวกสิริภพตามไม่ทัน

    เอ๋ นั่นอะไรน่ะสิริภพที่เดินอยู่ด้านขวาของกลุ่มถามออกมาขณะชี้มือไปยังลานกว้างที่มีมนุษย์ยืนล้อมวงดูอะไรสักอย่าง

    ลานกิจกรรมวิภาอ่านป้ายบอกทางให้สิริภพฟัง ซึ่งหนุ่มใหญ่ก็พยักหน้ารับแล้วก็เนียนเข้าไปดูด้วยคน

    ลานประหารนี่นาสิริภพพึมพำขึ้นเมื่อเดินมาหยุดดูอยู่ท้ายมนุษย์คนหนึ่งซึ่งกำลังจ้องไปตรงเวทีเช่นเดียวกับเขา

    ใช่แล้วล่ะ วันนี้เป็นวันดีที่อสูรบุกเมืองเลิกล้างหายไป ท่านจ้าวเมืองเลยเปิดการไตร่สวนคนผิด แล้วผลที่ออกมาก็คือ บุคคลเหล่านี้คือผู้ที่สมควรตายมนุษย์หญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าอธิบายโดยไม่หันมามอง ซึ่งสิริภพก็พยักหน้าให้เป็นเชิงเข้าใจ

    แล้วไหนล่ะ ผู้ที่กระทำผิดสิริภพถามอีกครั้งเมื่อมองไปที่กลางเวทีแล้วไม่พบผู้ที่จะถูกประหาร มันมีแต่เครื่องมือที่บ่งบอกว่าเป็นแดนประหารเท่านั้น

    รอตอนเที่ยงตรงน่ะมนุษย์ผู้ชายที่เป็นสามีหญิงวัยทองหันมาอธิบายแทน ซึ่งชายคนนี้ก็ทำหน้าตกใจเมื่อผู้ที่สนทนาด้วยมีการแต่งตัวที่ดูคล้ายราชา

    แล้วเธอเรียมล่ะเฟตถามกลับเสียงเรียบ

    เรียนท่านจอมมาร ขณะนี้ราชาของเรากำลังเตรียมตัว เพื่อทำการวิบาตรกรรมอยู่ชายวัยกลางคนคุกเข่าอธิบายตะกุกตะกัก ซึ่งมนุษย์คนอื่นๆก็หันมามองด้วยความแปลกใจ แต่เมื่อเห็นหน้าตาของเฟตเต็มๆก็นั่งลงคุกเข่าให้โดยพร้อมเพรียงกัน

    ลูกทำอะไรไว้หรือเปล่าจ้ะวิภาหันมาถามลูกชายบุญธรรมของตัวเองด้วยความแปลกใจกับสิ่งที่เห็น

    เอ่อ ก็ไม่ได้ทำอะไรนะครับเฟตตอบแบบไม่รู้ที่มาของพฤติกรรมพวกนี้

    ท่านผู้นี้เป็นผู้ที่สังหารเหล่ามนุษย์ชั้นสูง (ผู้เล่น) 120 ศพ และทหารรักษาเมือง 380 ศพ แค่พวกเราบูชาว่าจอมมารยังถือว่าน้อยไปเสียด้วยซ้ำหญิงวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆกล่าวด้วยท่าทีสั่นๆ แม้พวกทหารรักษาเมืองจะฟื้นขึ้นมาได้ แต่คำเล่าลือในเหตุการณ์นั้นของเฟตก็น่ากลัวไม่เปลี่ยนแปลงเช่นเคย

    สิ้นคำบอกเล่า พวกสิริภพก็หันมามองเฟตเป็นตาเดียว ในอดีตเฟตจะไม่ยอมฆ่าอะไรสักอย่างเลยตั้งแต่ครั้งที่สูญเสียแม่ไป ไม่ว่าจะมดหรือแมลงสาบ แต่ทว่าในวันนี้ พวกกลับมาได้ยินข่าวว่าเฟตสังหารเอไอ ซึ่งมีรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงกับคนจริงในโลกภายนอก ช่างเป็นข่าวที่ไม่น่าเชื่อเลย ถ้าไม่มีหลักฐานเช่นมนุษย์นับร้อยที่คุกเข่าให้เฟตด้วยท่าทางที่หวาดกลัวขนาดนี้ล่ะก็

    ท่านบิดาแห่งจอมมาร ไม่ทราบว่าพวกท่านมาทำอะไรที่นี่หรือชายวัยกลางคนที่คุกเข่าอยู่ร้องถามสิริภพด้วยความตื่นกลัว เท่าที่เขาฟังและตีความได้ ชายและหญิงพวกนี้เป็นบิดามารดาของจอมมาร (เฟต) ฉะนั้นฐานะจริงๆ ของสามีภรรยาคู่นี้ต้องเป็นถึงราชาแห่งโลกปีศาจแน่ๆ

    แหมๆ อย่าเรียกพวกเราแบบนั้นเลยค่ะ พวกเราเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาเฉกเช่นพวกท่านเท่านั้นล่ะวิภาพูดด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ซึ่งเหล่าเอไอก็หันไปมองหน้ากันเล็กน้อย

    แล้วท่านชื่ออะไรหรือ ท่านสตรีผู้สูงศักดิชายตรงหน้าถามด้วยใบหน้าที่ดูดีขึ้น แต่สิริภพที่อยู่ข้างๆกลับเอาตัวมาบังแทนวิภาที่ยิ้มอยู่

    ข้าชื่ออัศวินพิฆาต ส่วนนี่ คือนักเวทที่มาเพื่อพิฆาตอัศวินสิริภพพูดด้วยท่าทีหึงหวง วิภาที่อยู่ข้างหลังก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

    แล้วจะพากันมาทำไมฟะชิออนหันมาพึมพำคนเดียวเบาๆ ในอดีตพ่อแม่ของเขาก็รักกันมากอยู่แล้ว พอมาอยู่ในที่ซึ่งมีคนอยู่เยอะแยะอาการก็ยิ่งดูง่ายเข้าไปใหญ่ ว่ายังสวีตกันอยู่ ส่วนเฟตก็หัวอกเดียวกันเลยหันไปคุยกับชิออนเป็นการแก้เซ็ง ถึงแม้ส่วนใหญ่ชิออนจะพูดคนเดียวก็ตาม

    ในขณะที่เฟตและชิออนกำลังบอกเล่าสารทุกข์สุขดิบให้กันฟัง ที่ด้านหลังของเวทีซึ่งเป็นประตูก็เปิดออกมาโดยมีนักบวชสาวที่เฟตเคยเห็นในวิหารเฮสเทียนำออกมา

     “จะถึงเวลาแล้ว เหล่ามนุษย์ผู้มีความศรัทธาทั้งหลายเวสตัลสาวกล่าวขณะยืนอยู่บนเวที ซึ่งก็ทำให้บริเวณลานประหารชั่วคราวเงียบลงไปได้

    หลังจากหญิงสาวพรหมจารีเวสตัลป่าวประกาศจบ ที่ประตูวังหรูซีกหนึ่งตรงข้ามกับกลุ่มของเฟตก็เปิดออกมา โดยมีเหล่าผู้เล่นหญิงสาวที่มีหน้าที่รักษาพระองเดินนำออกมา ซึ่งผู้ที่ตามมาก็ทำให้พวกมนุษย์โห่ร้องสาปแช่งกันใหญ่ พวกเขาเหล่านี้ก็คือเหล่าผู้บริหารชั้นสูงนั่นเอง

    ในขณะที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจกับผู้บริหารนั้น เฟตกลับหันไปมองที่ด้านหลังทางเข้าของตนด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นพวกพรอมเดินออกมาด้วยใบหน้าเศร้าซึมอย่างเห็นได้ชัด

    เป็นอะไรเหรอครับเฟตที่แยกตัวออกมา เดินเข้าหาพร้อมกับกล่าวถาม เป็นเรื่องยากนะที่เห็นหญิงสาวพวกนี้จะทำหน้าเศร้าพร้อมกันแบบนี้

    พี่เฟตแฟร์อุทานอย่างตกใจ ตนลืมมองทางจนเกือบจะชนชายหนุ่มอยู่แล้ว แต่เฟตไม่สนใจ เขายังคงถามซ้ำคำถามเดิม มันน่าข้องใจจนเกินไปแล้ว

    เธอเรียมถูกพิพากษาให้ วิบาตรกรรมตัวเองน่ะสิคะฟ้าใสตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเบาหวิวด้วยความช็อคกับข่าวล่าสุดที่กระชากจิตใจเธอ

    อ้าว แล้วเธอเรียมอะไรนั่นไม่ใช่ราชาเหรอไง ทำไมถึงถูกพิพากษาได้ล่ะชิออนที่เอียงหูฟังตั้งแต่ต้นหันมาถามด้วยความสงสัย เมืองนี้ชื่อเธอเรียม ฉะนั้นราชาก็คงจะเป็นคนที่ชื่อเธอเรียม แล้วใครล่ะจะเป็นคนพิพากษาคนที่มีระดับถึงราชาได้

    เมืองนี้มีวิหารเทพ กฎจึงให้เทพเป็นผู้พิพากษา ซึ่งเขาพิพากษาแล้วว่า เธอเรียมต้องตาย ในข้อหาเป็นผู้ให้การสนับสนุนคนชั่ว ที่ทำให้บ้านเมืองเดือดร้อนพรอมอธิบายออกมาด้วยใบหน้าราบเรียบเย็นชาขณะที่ส่งสายตาพิฆาตมาทางชิออนที่ไม่รู้อีโนอีเน่มาตีซี้เพื่อนผู้บริหารของกิลด์เธอ

    กฎบ้าบอดีนะ หึหึเฟตหัวเราะเหมือนขำขันกับสิ่งที่ได้ยิน แต่พวกแฟร์กลับมองเห็นแต่สายตาอันว่างเปล่าเย็นชาของชายหนุ่ม นี่ถ้าไม่รู้จักนิสัยคงคิดว่าเป็นคนที่ตายไปแล้ว

    ใช่ พวกเราก็ไม่ยอมรับ แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อเทพองนี้เป็นคนบอกออกมาเองพรอมพูดขึ้นเสียงเบา ขณะจ้องไปทางเวที ซึ่งมีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเดินขึ้นมาด้วยท่าทีสงบนิ่ง

    ใครเหรอครับ เทพที่ว่าเฟตถามพร้อมกับมองตามสายตาเหล่านี้ไปบนเวที

    ตัวแทนเทพี 1 ใน 3 ผู้รักษาพรหมจารี ตัวแทนเทพีแห่งดวงจันทร์อาร์เทมีสน่ะพรอมพูดด้วยท่าทีเจ็บใจ ซึ่งก็พร้อมกับที่บนเวทีมีการเปลี่ยนแปลง

     

    ในนามตัวแทนของเทพีแห่งดวงจันทร์และพรหมจารี องเทพีแห่งดวงจันทร์อาเทร์มีส ข้าลูน่าขอเป็นผู้ดำเนินการแทนองเทพีหญิงสาวบนเวทีประกาศก้องด้วยใบหน้าที่เย็นชาไม่ต่างกับน้ำแข็ง

    สิ้นเสียงประกาศตัวของหญิงสาวบนเวที เหล่าประชาชนผู้ที่ไม่มีพลังก็ยิ้มออกมาได้อย่างยินดี เมื่อรับรู้ว่าตอนนี้มีเทพที่พอมีพลังลงมาคอยเป็นไม้กันหมา (เฟต) ให้แล้ว

    ส่วนเฟตที่กลายเป็นหมาอย่างไม่รู้ตัวนั้น ได้แต่มองหญิงสาวบนเวทีด้วยแววตาเรียบเฉย เมื่อสักครู่ถ้าเขามองไม่ผิด เขารับรู้ถึงประกายสายตาแห่งความเกลียดชังที่ส่งผ่านสายตามา

    ตามที่เทพีอาร์เทมีสตัดสินไว้นั้น เราลูน่าได้รับสิทธิ์ทำหน้าที่แทนองเทพี ฉะนั้น พวกเจ้าขอให้ช่วยอยู่ในความสงบด้วยลูน่าพูดด้วยใบหน้านิ่งสงบเฉกเช่นพลังธาตุของตน ซึ่งมันก็มีผลต่อสภาพจิตใจของมนุษย์ได้ดี เมื่อพวกเขาเงียบให้อย่างรวดเร็วตามที่ขอ

    ลูน่าเห็นว่าพวกมนุษย์เงียบเสียงตามที่ตนบอกได้ก็พยักหน้าให้แบบเรียบๆ เป็นเชิงชมเชยเล็กน้อย

    เบิกตัวผู้ทำผิดกฎของผู้บริหารลูน่าประกาศอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ทำให้พวกแฟร์กำมือได้เหมือนคนโกรธแค้น เฟตเองก็มองอาการและความรู้สึกของพวกผู้บริหารกิลด์ 4 เทพีออก เขาเลยยืนเงียบๆเพื่อไม่ให้คำพูดของเขาไปกระตุ้นเชื้อไฟอะไร

    ลูน่าก็พยักหน้าให้กับผู้ที่มีหน้าที่มาช่วยตน เมื่อหญิงเวสตัลผู้ช่วยได้รับสัญญาณแล้ว ตนก็เดินกลับเข้าไปประตูเล็กด้วยความรวดเร็ว แล้วกลับมาพร้อมกับอดีตราชาเธอเรียมที่เดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่เป็นทุกข์เช่นผู้บริหาร ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกของคนที่รู้ว่าตนกำลังจะตาย

    เหล่าผู้บริหารเองก็ถูกดึงตัวไปที่ลานประหารซึ่งมีไม้ที่ถูกฝังไว้เหมือนตอตั้งรออยู่ โดยอีกด้านหนึ่งก็มีบุรุษที่ใส่หมวกแบบคลุมทั้งหัว ยืนถือขวานรอการตัดริบบิ้นเริ่มงานอยู่

    เธอเรียมถูกเชิญตัวไปที่ด้านหน้าเวทีซึ่งอยู่เยื้องๆกับลูน่าที่ยืนคุมอยู่

    เมื่อกลุ่มผู้บริหารถูกมัดกับเสาหมดแล้ว ลูน่าเห็นว่าผู้ที่จะถูกลงโทษมาครบ ตนก็สะบัดฝามือทั้งสองข้างออกอย่างพร้อมเพรียงกัน พลังของหญิงสาวกระจายตัวออกไปรอบๆ ลานประหารอย่างรวดเร็ว พอพลังครอบคลุมทั่วแล้ว ลูน่าก็ตีมือเข้ามาหากันที่กลางอกเหมือนอธิฐาน ซึ่งพลังที่กระจายตัวออกไปแปรเปลี่ยนเป็นม่านพลังครอบคลุมป้องกัน ครอบคลุมบริเวณพื้นที่ของนักโทษไว้ โดยขังพวกบริหารไว้ส่วนหนึ่ง อีกส่วนเป็นบนเวทีซึ่งเธอเรียมจะเป็นคนที่อัตวินิบาตกรรมตัวเอง

    เธอเรียมเห็นว่าตัวแทนเทพใช้พลังพิเศษครอบคลุมลานประหารเอาไว้ก็หน้าซีดเล็กน้อยเมื่อความหวังของเธอที่พวกแฟร์วางแผนจะช่วยเหลือนั้นหายไปแล้ว แต่เมื่อเธอเรียมมองเห็นหน้าเฟตที่ยืนอยู่ด้านหลังสุดก็ยิ้มออกมาได้เล็กน้อย ซึ่งนั่นก็ทำให้ลูน่ามองตามสายตา แล้วเมื่อเธอเห็นว่าเขาคนนั้นเป็นคนๆ เดียวกับที่เธอต้องไปพบเจอตามภารกิจที่ได้รับ หญิงสาวก็ถึงกับปล่อยพลังออกมาอย่างไม่รู้ตัว ซึ่งนี่คือข้อเสียอย่างนึงของอาร์เทมีส นั่นก็คือพลังจะรุนแรงขึ้นอย่างฉุดไม่อยู่ เมื่อเห็นผู้ชายที่ไม่ชอบหน้า

    แต่เฟตมองไม่เห็นพลังที่ไม่มีรูปธรรมของลูน่า ทว่าความรู้สึกของเขากลับรู้และบ่งบอกว่าหญิงสาวคนนี้กำลังกดดันเขาด้วยพลังนามธรรม ชายหนุ่มจึงปล่อยพลังออกมาบ้างเพื่อบอกว่าเขาไม่ใช่คนยอมให้ใครมาข่มเหงได้ แล้วยิ่งในนี้คือเกม เขาเลยไม่ออมมือให้อีก พลังของเฟตเลยสะบัดตัวออกไปจนกลายเป็นรูปธรรมที่คนทั่วไปสามารถมองเห็นได้

    ออร่าของเฟตกลายเป็นสัญลักษณ์อะไรบางอย่างที่พวกผู้เล่นไม่รู้จัก แต่ชายหนุ่มที่หันไปเห็นกลับพยักหน้าให้ เพราะนี่มันสัญลักษณ์ของเทคโนโลยีนั่นเอง ถึงจะไม่เข้าพรรคเข้าพวก แต่ก็ดูน่าเกรงขามไม่แพ้กัน

    ลูน่าเห็นผู้เล่นผู้นี้ต่อต้านเธออย่างโจ่งแจ้ง ตนก็ยิ่งทำหน้าเกลียดชังผู้ชายหนักกว่าเดิม จนพวกมนุษย์ผู้ชายที่รู้ตำนานของอาร์เทมีสดีต้องถอยหนีไปยืนด้านหลังกันหมด ป้องกันโดนธนูเทพยิงตายแบบไม่รู้ตัว

    เหมือนคุณเลยอ่ะเฟตหันไปพูดกับพรอม เมื่อเห็นว่าความน่ากลัวของพวกเธอไม่ต่างกันเลย แถมยังน่ากลัวเฉพาะตอนที่เจอผู้ชายอีก ถ้าพรอมบอกเขาว่าลูน่าเป็นน้องเธอ เขาคงเชื่อไปแล้ว

    ขนาดนั้นเลยเหรอหญิงสาวหัวเราะแห้งๆ นี่เธอเกลียดผู้ชายได้น่ากลัวขนาดนี้เลยเหรอ

    ของคุณอาจจะน่ากลัวกว่าตรงอารมณ์ แต่ของเธอคนนั้นน่ากลัวตรงพลังที่กระจายออกมาครับเฟตยิ้มตอบเมื่อเห็นว่าพรอมหัวเราะออกมาเป็นครั้งแรก หรือก็คือเขาพึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกนั่นล่ะ ถ้าไม่ติดที่คนเยอะแยะ เขาคงจะกล่าวชื่นชมเรื่องความงามของเธอไปแล้ว

    พวกแฟร์หันไปมองหน้ากันไปมา เมื่อเห็นพฤติกรรมรังเกียจผู้ชายของพรอมหายไปเฉพาะกับเฟตเท่านั้น หรือเฟตจะเหมารวบผู้นำกิลด์ 4 เทพีทั้งหมดเลยล่ะเนี่ย

     

    ลูน่าเห็นว่าคู่ต่อสู้หันไปให้ความสนใจกับคนอื่นก็สะบัดหน้ากลับมาด้วยอารมณ์โกรธเต็มที่ ซึ่งเธอเรียมที่ยืนอยู่ตรงด้านนั้นก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นดวงตาสีเทาประกายทอง อันเป็นแบบเฉพาะของเทพีแห่งดวงจันทร์อาร์เทมีสเท่านั้น

    เราจะให้เกียรติในฐานะอดีตผู้ปกครองเมืองละกัน เธอจะเลือกให้เราเป็นคนสังหาร หรือเธอจะสังหารตนเองเองลูน่าข่มอารมณ์โกรธพูดกับเธอเรียมที่หน้าซีดอยู่

    เรา เราเธอเรียมปากสั่นไม่หยุดเมื่อรับรู้ว่าความตายจะมาถึงแล้ว

    คิดดีๆ ถ้าให้เราสังหาร เธอจะไม่เจ็บปวดเลยนะลูน่าพูดถึงอาวุธเทพของตนที่ถือครองอยู่ เธอเรียมเองก็รู้ว่าธนูของเทพีแห่งดวงจันทร์จะอ่อนโยนกับผู้ที่ถูกสังหาร เฉกเช่นแสงสีนวลของดวงจันทร์ จึงพยักหน้าให้เหมือนปลงกับชีวิต

    พวกเฟตที่คุยกันอยู่ด้านหลังนั้นหันมามองเหล่ามนุษย์ที่เงียบเสียงอย่างพร้อมเพรียงกันด้วยความแปลกใจ  แต่เมื่อพวกเขาเห็นลูน่ากำลังดึงอาวุธออกมาจากกลางอากาศก็เข้าใจได้ทันที ว่าเวลานั้นมาถึงแล้ว

    ลูน่าเมื่อดึงอาวุธออกมาแล้ว ก็หันไปมองทางด้านหลังซึ่งเป็นนาฬิกาทรายตั้งอยู่ ตอนนี้ทรายในนั้นเหลือเพียงครึ่งเดียว เมื่อมันหมด เวลาของเธอเรียมก็จะหมดลงเช่นกัน เทพชอบทำอะไรตรงเวลา นั้นรอเวลาอีกนิดละกัน

      

    อีกด้านหนึ่งของลานประหาร กลุ่มสตรีที่ไม่ได้เข้าไปตั้งแต่แรกนั้น ได้มองเหตุการณ์อย่างสงบ

    เธอคิดว่า เขาจะทำอะไรก่อนสาวผมน้ำเงินถามสาวผมขาวและดำที่ยืนอยู่ข้างๆตนเอง

    หยิบปืนออกมา แล้วยิ่งใส่ยัยนั่นตรงๆเลยสาวผมดำยาวสลวยตอบแบบไม่คิด ซึ่งหญิงสาวผมขาวก็พยักหน้าให้เหมือนกับบอกว่าคิดแบบเดียวกันเลย

    แต่ว่า ดีแล้วเหรอคะที่เราไม่เข้าไปช่วย เราเป็นอสูรของเขานะหญิงสาวผมทองหูแหลมยาวถามอย่างเป็นกังวล

    ไม่ต้องก็ได้ หมอนั่นเก่งจะตายอยู่แล้ว ถ้าพวกเราไปช่วย มีหวังได้เป็นกังวลเพราะพวกเราแน่สตีผมดำกล่าวก่อนจะสะบัดหางที่เรียวแหลมของตนไปมา แม้ปากจะพูดแบบนั้น แต่หางที่โบกเพราะความเป็นกังวลก็ทำให้อสูรตนอื่นๆรับรู้ว่า เธอก็เป็นห่วงเช่นกัน

    แต่ให้ทำไงได้ล่ะคะ มันเป็นคำขอที่ เธออุตส่าห์ขอมา ถ้าเพื่ออนาคตของเจ้านายแล้ว พวกเราต้องทนดูให้ได้ค่ะสตรีผมขาวกล่าวก่อนที่หูสีขาวบนหัวจะลู่ตกลงมาเล็กน้อย ซึ่งอสูรตนอื่นๆ ก็ถอนหายใจ ก่อนจะหันกลับไปดูสถานการณ์ตรงลานประลอง อันเป็นสถานที่ที่กำลังจะกลายเป็นสงครามของเทพกับมาร

     

    เมื่อทรายในนาฬิกาทรายหมดลง ลูน่าก็บอกให้เธอเรียมเตรียมตัว ซึ่งหญิงสาวก็ถึงกับตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เมื่อเห็นเธอเรียมเตรียมใจ (ตรงไหน) ได้แล้ว ลูน่าตนก็ดึงคันธนูของตนมาประทับท่ายิง ก่อนจะรั้งสายเปล่าๆขึ้น แต่เมื่อเธอดึงสุดสายแล้ว ตรงจุดที่ว่างเปล่าก็ปรากฏเป็นลูกศรสีขาวนวล ที่ให้ความรู้สึกอ่อนโยนอย่างน่าประหลาด

    ลูน่าหันหัวธนูไปทางเธอเรียมอย่างช้าๆ พร้อมกับที่ด้านล่างที่เหล่าเพชฌฆาตเตรียมขวานพร้อมสับเช่นกัน

    แต่ก่อนที่ลูน่าจะได้ปล่อยสายรั้งธนู ที่ด้านหน้าซึ่งเป็นม่านพลังของเธอก็สลายไปซะก่อน หญิงสาวจึงทำหน้าแบบกะไว้อยู่แล้ว

    บุคคุลลึกลับในชุดคลุมสีขาวถือมีดสั้นไว้ทั้ง 2 มือ ยืนอยู่ตรงจุดที่พลังของเธอเปราะบางที่สุด ซึ่งไม่ได้ทำให้ลูน่าได้แปลกใจเลยที่มีคนทำลายม่านพลังของเธอได้ เพราะตนแค่กางไว้เป็นกันชนก่อนมาถึงตัวเธอก็เท่านั้นเอง

    ลูน่าหันธนูไปทางผู้ทำลายม่านพลังของตนอย่างรวดเร็ว เพราะเชื่อไว้ว่ามีเพียงชายคนเดียวที่อยู่ในที่นี้เท่านั้นที่ทำได้ แต่เมื่อเธอเห็นดวงตาสีทองของผู้ที่ทำลายม่านพลังของตนแล้ว ก็ถึงกับทำหน้าประหลาดใจแบบเก็บไม่อยู่

    ไม่นึกเลยนะ ว่าจะเป็นผู้ที่ได้พลังเทพองเดียวกัน แล้วมาหยุดกันเองลูน่าพูดกับบุคคลที่อยู่ในชุดคลุมสีขาวอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นดวงตาสีขาวประกายทองเหมือนของตนเอง

    หุบปากเสียงสตรีดังลอดออกมาจากผ้าคลุมทำให้คนอื่นๆ ได้รู้ว่าคนในนั้นคือผู้หญิง

    สตรีในชุดคลุมรุกไล่ลูน่าอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้ศัตรูได้ตั้งตัว แต่ลูน่าก็ไม่ใช่หมูให้ใครได้เคี้ยวง่ายๆ เมื่อเธอออกอาวุธหมัดเปล่าเข้าต่อกรกับมีดสั้นได้อย่างดีเยี่ยมจนน่าชื่นชม ว่าไปฝึกวิชามือเหล็กสำเร็จได้จากที่ไหน

    พวกแฟร์หันไปมองหน้ากันเมื่อเห็นว่าสมควรจะเริ่มดำเนินการแล้ว พวกเธอเลยแยกตัวกันออกไป ซึ่งเฟตที่ยืนอยู่ข้างหน้านั้นรับรู้ได้ แต่ไม่รู้ว่าพวกเธอจะทำอะไร ตนจึงทำแค่ยืนเฉยๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองไปขวางทางคนอื่นเขา

    แฟร์ดึงคันธนูออกจากกระเป๋าข้างตัว แล้วเล็งยิงไปยังลูน่าที่กำลังรับมือกับสตรีชุดขาวอยู่ ซึ่งการโจมตีของแฟร์เน้นสกัดมากกว่าสังหาร ลูน่าเลยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ที่เธอเป็น ก็เป็นแค่แผลเฉี่ยวๆเท่านั้น

    เทียร่ามีหน้าที่เข้าไปพาตัวเธอเรียมออกมา ซึ่งพอเธอมาถึงสถานที่ลานประหาร ก็ดึงพลังเข้าร่างเตรียมจะพาเธอเรียมออกมาด้วย แต่ก่อนที่เธอจะได้ออกมา ที่ด้านหน้ากลับมีหญิงเวสตัล 5 คนยืนถือไม้เท้ารออยู่ พอเทียร่าจะพุ่งตัวผ่านออกไป พวกเวสตัลก็สะบัดไม้เท้าไปด้านหน้าเล็กน้อย ซึ่งทำให้อากาศรอบตัวเทียร่าเป็นสุญญากาศชั่วคราว แต่เพียงแค่เสี้ยววินาทีก็มีผลที่หนักมาก เมื่อพลังสถิตร่างที่เกิดจากพลังธรรมชาติหายไป

    ฟ้าใสที่ไม่รู้แผนล่วงหน้า แต่ก็อย่างจะมีส่วนร่วม เมื่อเธอวิ่งเข้าไปด้านหน้าเวทีแล้วร่ายเวทจนบริเวณนั้นเริ่มเย็นขึ้นและมีน้ำแข็งเกาะ ซึ่งก็ทำให้พวกหญิงสาวเวสตัลหันมาใช้เวทไฟป้องกัน เพราะธาตุน้ำเป็นธาตุอริกับพลังที่ได้รับผ่านมาของพวกเธอ

    ขอบคุณมากเทียร่าชมฟ้าใสเมื่อเห็นว่าเพื่อนตนเองช่วยได้ถูกจังหวะ พอพลังธรรมชาติในรอบๆตัวกลับมาเป็นปกติ เทียร่าก็สถิตพลังเข้าสู่ร่างใหม่แล้วพุ่งตัวไปอีกครั้ง

    แต่ทว่า พื้นที่ที่อยู่โดยรอบกลับร้อนขึ้นมาเรื่อยๆ จนพลังเวทของฟ้าใสอ่อนกำลังลง พอน้ำแข็งเริ่มหายไป พวกเวสตันก็หันมาใช้ความร้อนเผ่าไหม้บรรยากาศรอบๆ ตัวเทียร่าอีกครั้ง จนหญิงสาวหนีออกไปไม่พ้นลานประหาร

    พวกแฟร์เห็นว่าเทียร่าหนีไปไม่พ้นก็เลยหันไปเตรียมเพื่อช่วยเหลือ แต่เมื่อพวกเธอเห็นว่าทหารมนุษย์มีผมเป็นเพลิงก็ถึงกับสบถออกมาอย่างเสียดาย เมื่อระบบเริ่มประกาศให้พวกเธอเป็นผู้ต่อต้านเทพและเมืองแล้ว

    เหล่าทหารมนุษย์ต่างรู้สึกถึงกำลังวังชาที่เพิ่มขึ้นมา แม้ร่างกายจะไม่ได้เปลี่ยนไป แต่พวกเขาก็มีอำนาจไม่น้อยกว่าทหารเทพแล้ว ถึงจะไม่ถาวรก็เถอะ

    แต่แค่นั้นยังไม่พอ เมื่อรอบๆปราสาทของเธอเรียมถูกพลังสีทองจากฟากฟ้าครอบคลุมไว้ป้องกันคนเข้าออกยกเว้นเผ่าเทพเท่านั้น ซึ่งนี่คือข้อดีและข้อเสียที่หนักหนาที่สุดของเมืองที่มีวิหารเทพปกครองอยู่ ถ้าผู้ที่คิดจะลอบเข้าสังหารราชา หรือจะพาผู้ต้องหาหลบหนี ในกรณีที่ทำไม่สำเร็จ ผลเสียที่ได้จะเหมือนกับปิดประตูตีแมว เหมือนกับครั้งนี้ ซึ่งจริงๆหากไม่ใช่เพื่อนที่รักกันจริงๆ พวกแฟร์เองก็คงไม่คิดสั้นแบบนี้แน่

    ทหารมนุษย์สถิตพลังเทพชั่วคราว เลเวล 100 ค่ะเสียงของระบบรายงานพวกแฟร์ระงมเมื่อพวกทหารเริ่มเดินออกมาจากจุดต่างๆ และถ้าเดาไม่ผิดตอนนี้ที่หน้าปราสาทก็คงเต็มไปด้วยทหารมนุษย์กึ่งเทพแล้วมั้ง

    สตรีชุดขาวที่ต่อกรกับลูน่าอยู่นั้นเมื่อได้ยินเสียงระบบก็จึงรีบหยุดมือแล้วลอยตัวกลับมาหากลุ่มของแฟร์อย่างรวดเร็ว ซึ่งเธอคนนี้ไม่ใช่ใคร เธอคือพรอมหัวหน้าหลักแห่งกิลด์ 4 เทพีที่แอบเนียนไปเตรียมตัวก่อนนั่นเอง

    เป็นศัตรูต่อเทพ ในสถานที่ศักดิสิทธิ์ พวกเธอคิดได้ยังไงกันเนี่ยลูน่าส่ายศีรษะเบาๆ นี่ดีนะที่เธอเอาหญิงสาวเวสตัลที่มีพลังเวทมาด้วย พวกเทียร่าเลยหนีไปไม่ได้

    เชอะ ถ้าพี่น้ององค์เทพีไม่ช่วยเหลือ พวกเราหนีไปได้แล้วแท้ๆพรอมพูดออกมาอย่างโกรธ เพราะอากาศที่ร้อนขึ้นอย่างรวดเร็วจนพลังเวทของฟ้าใสสลายไปได้ภายใน 2 วินั้น มีเพียงเทพอพอลโล่ที่อยู่บนรถม้าพระอาทิตย์คนเดียวเท่านั้นที่ทำได้

    ก็ไม่แปลกนี่ ในนี้เป็นเขตศักดิสิทธิ์ การที่เทพจะเข้ามาช่วยเหลือผู้ที่ทำตามกฎก็ไม่ใช่เรื่องผิดแต่ประการใดซะหน่อยลูน่าพูดจบ เหล่าทหารของเมืองก็เริ่มเดินเข้ามาในแดนประหารจนเต็มไปหมด ซึ่งพวกมนุษย์คนอื่นๆก็รีบหนีออกไป

    พอพวกมนุษย์คนอื่นๆหนีหายไปหมด พวกทหารก็ตั้งด่านสกัดตามด้วยพลังเวทของหญิงเวสตัลที่ปิดทางไว้จนเป็นม่านพลังที่แดงฉานตามพลังธาตุของผู้ที่ตนรับใช้ เทพีเฮสเทีย!!!

    ขอโทษด้วยนะคะเธอเรียมพูดกับกลุ่มผู้บริหารกิลด์ 4 เทพีพิทักษ์ทั้ง 4 คนด้วยน้ำเสียงเศร้าเสียใจ

    พวกเราเองก็ขอโทษด้วยนะคะแฟร์กล่าวขอโทษเช่นกัน ที่แผนการไม่เป็นดั่งที่หวังไว้

    ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ แค่พวกท่านอยากจะช่วยเรา ก็ถือเป็นบุญคุณมากพอแล้ว แต่การที่ท่านต้องมายืนในจุดเดียวกับทรราชนั้น เราต้องขอโทษจริงๆนะคะเธอเรียมรู้สึกผิดไม่แพ้กัน จากผู้ที่มีสิทธิ์จะได้ขึ้นครองเมือง กลับต้องมาเป็นผู้ที่บุกรุกเมืองแบบนี้ ถือว่าเป็นความผิดที่หนักหนาที่สุดของเธอจริงๆ

    พวกเรา ตายแล้วเกิดใหม่ได้เรื่อยๆ จนกว่าจะไม่อยากเล่น แต่กับเธอที่เป็นเพื่อนเรา มันคงจะไม่มีใหม่อีกแล้ว เมื่อเธอต้องตายจากโลกนี้ไปพรอมพูดจบก็ยกมือคว้าอะไรบางอย่างในอากาศ ซึ่งนั่นก็คือหอกสีขาวอาวุธเทพประจำตังของเธอนั่นเอง

    ใช่แล้วล่ะ”3 สาวที่เหลือพูดด้วยรอยยิ้มอย่างไม่เสียดายที่จะเสียเลเวลถ้าเกิดตาย

    ตุบ!!! เสียงเหมือนร่างกายกระแทกพื้น ทำให้พวกแฟร์หันไปมองด้านหลังด้วยความแปลกใจ แล้วพอพวกเธอเห็นผู้ที่ยืนอยู่เหนือร่างกายทหารที่นอนกองอยู่นั่น ก็ถึงกับอ้าปากค้างอย่างหุบไม่ได้

    แหม มิตรภาพของลูกผู้หญิง ควรจะยืนยาวมากกว่านี้สิจ้ะวิภาพูดขณะตั้งท่าการจับกุมแบบหน่วยงานของตน ซึ่งเหล่าทหารที่อยู่รอบๆก็ต่างทำหน้าแปลกใจ ที่พวกเขาจะเข้าไปทำอะไรผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เลย เนื่องจากระบบยังไม่อนุมัติให้เป็นผู้รุกรานเหมือนพวก ผู้นำ 4 เทพีพิทักษ์

    ผู้เล่นเฟต ใช้อำนาจในฐานะแขกคนสำคัญ ผู้เล่นเฟตสามารถสังหารใครก็ได้ในเมืองเธอเรียมโดยไม่ผิดกฎค่ะ

    ผู้เล่นเฟตสามารถรับคนเข้าปาร์ตี้ได้โดยไม่จำกัดเลเวลหรือระดับค่ะ เนื่องจากผู้เล่นเฟตกำลังอยู่ในฐานะผู้รุกราน

    ผู้เล่นเฟตไม่มีความผิดในทุกๆกรณี และสมาชิกในปาร์ตี้ก็ได้รับสิทธิ์ที่เท่าเทียมกันค่ะเสียงของระบบรายงานให้วิภาฟัง พร้อมกับกลุ่มทหารนับ 10 ล้มตายอย่างไม่รู้ตัว มันเป็นความผิดพลาดของระบบที่สุดยอดจริงๆ แหม ฆ่าให้เรียบ อย่าให้เหลือซินะ

    เหล่าทหารเอไอ ต่างหันไปมองหน้ากันไปมา เมื่อเห็นพรรคพวกของตนที่มีพลังไม่ต่างกับเทพล้มตายลงไป อย่างไม่รู้ตัว แต่ถึงจะไม่รู้ตัวคนทำที่แท้จริงพวกเขาก็เดาว่าคงเป็นพรรคพวกของกลุ่มผู้รุกราน 4 เทพีพิทักษ์ พวกทหารเลยหยิบอาวุธที่กลายเป็นอาวุธเทพ (s) ออกมาแล้วเตรียมเข้ารุกไล่ 5 ทรราชสาวที่ยืนค้างอยู่ที่เดิม

    แฟนของฉัน ห้ามใครแตะต้องโว้ยเสียงคำรามดังขึ้นที่ด้านบนพร้อมกับรังสีดาบสีดำพุ่งตัวลงมาที่พื้นเป็นสิบๆสาย

    กลุ่มทหารที่อยู่ด้านล่างต่างทำหน้าเหวอไปตามๆกัน แต่ด้วยสปิริตที่เป็นถึงทหารกึ่งเทพ พวกเขาเลยผนึกพลังขึ้นมาใช้ป้องกันตัว ตามเสต็บแบบผู้เล่นทั่วไป

    นั่น ใช่แฟนเธอหรือเปล่าพรอมหันมาถามฟ้าใสที่ยิ้มอยู่ หลังได้ยินคำพูดแบบไม่อายใครของชายหนุ่ม

    ค่ะ แฟนเราเองหญิงสาวยิ้มแย้มตอบ ถึงหมอนั่นจะหน้าด้านไม่อายใครในหลายๆสถานการณ์ แต่พวกเธอก็รักกันดี ในกรณีที่ชินไม่หน้าหม้อล่ะก็นะ

    แต่เรื่องนั้นค่อยว่ากันทีหลัง เนื่องจากความช่วยเหลือของชิออนสำเร็จลุล่วงอย่างน่าแปลกใจ เพราะทักษะดาบที่ใช้ สามารถสังหารเหล่าทหารสายเทพได้อย่างง่ายดาย สงสัยจะเป็นเพราะทหารพวกนี้ยังไม่ทันตั้งตัวล่ะนะ

     

    เฮ้ย ทำไมพวกเราถึงตายได้ง่ายๆนักล่ะกลุ่มทหารกองหน้าที่เห็นเพื่อนตายไป ร้องถามเพื่อนที่ทำหน้าเหมือนจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

    พลังเทพที่เราได้มาตอนนี้ สามารถใช้ได้กับพวกที่รุกรานอย่างอดีตผู้นำเท่านั้น พวกเราจะเอาพลังพวกนี้มาใช้กับคนที่ไม่มีความผิดในฐานะผู้รุกรานไม่ได้เพื่อนทหารด้วยกันหันมาตอบอย่างรู้จริง ซึ่งมันก็จริงอย่างที่เขาว่าไว้ พลังนี้เทพให้มาเพื่อให้คอยปกป้องหรือกำจัดผู้บุกรุก ไม่ใช่เอามาใช้กับคนที่กฎป้องกันการกระทำผิดแบบพรรคพวกของเฟต

    กลุ่มทหารคนอื่นๆ เมื่อได้ยินแบบนั้นก็ทำหน้าตาเป็นกังวล จนไม่กล้าเข้าไปหาชายชุดดำ ที่พึ่งกลับมายืนบนพื้นเมื่อตะกี้

    ถึงพวกเราจะใช้พลังเทพโจมตีพวกมนุษย์ชั้นสูงที่มีอำนาจป้องกันไม่ได้ แต่อาวุธพวกเราก็ยังใช้ได้นะทหารหนุ่มคนเดิมหันมาบอกพร้อมกับยิงธนูเทพเข้าใส่ศัตรู ซึ่งอาวุธพวกนี้ยังถือว่าเป็นศาสตราวุธเทพอยู่

    ชิออนกระโดดหลบลูกธนูที่พุ่งเข้ามา ด้วยความรวดเร็ว แต่ทว่าเมื่อเป้าหมายหลบ ลูกศรมันก็วกกลับมาอีกครั้ง ชายหนุ่มเลยต้องหลบไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปเห็นผู้ที่ใช้ธนู ชิออนเลยใช้ท่าเท้าเข้าไปหาแล้วล็อคคอชายคนนั้นเพื่อเอามาบังลูกดอกที่กำลังพุ่งเข้ามาหา

    ฉึก!!! เสียงลูกธนูทะลุตัวเข้าไปหาเป้าหมาย ซึ่งก็ทำให้ชิออนต้องรีบถอยออกห่าง แต่เมื่อผู้ที่ใช้อาวุธหมดความเป็นเทพไป (ตาย) ลูกธนูก็หมดฤทธิ์ ตามไปด้วย ลูกศรจึงพุ่งปักลงไปที่พื้นเหมือนกับลูกดอกทั่วไปที่หมดแรงส่ง

    ฮะฮะชิออนหัวเราะร่วนอย่างยินดีเมื่อเห็นว่าความคิดตนถูกต้อง แต่เมื่อเขาหันไปมองเห็นสายตาของผู้เป็นมารดา ก็หยุดหัวเราะอย่างรวดเร็ว

    แม่บอกให้สอนให้หมด ทำไมท่าเท้านั่นไม่สอนนะวิภาพึมพำด้วยความโกรธ แล้วหันไปหาที่ระบาย ซึ่งพวกทหารที่ไร้พลังเฉพาะกับพวกเธอก็กลายเป็นเป้าซ้อมที่ใช้ได้ดีเลยทีเดียว

    ชิออนเห็นวิภากำลังโกรธก็ลอบกลืนน้ำลายแล้วหันไปมองทางอื่น แต่เมื่อเขาหันไปเจอผู้เป็นพ่อก็ถึงกับอ้าปากค้าง

    ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าหนุ่ม พวกแกนี่ไม่เป็นลูกผู้ชายเอาซะเลยนะสิริภพพูดว่าขณะใช้มือใช้เท้าสะบัดโจมตีไปรอบๆตัว ซึ่งเป็นเหล่าทหารที่ล้อมตนอยู่

    พวกทหารเอไอทำหน้าเป็นกังวล แม้ว่าชายคนนี้จะไม่ได้ใช้พลังตลอด แต่หมัดและการโจมตีทุกอย่างนั้น ไม่ได้สูญเปล่าไปไหนเลย กลับกัน พวกเขาต่างหากที่โจมตีจนเหนื่อยเปล่า การออกอาวุธของพวกเขามักจะถูกสิริภพดึงเอามาและใช้โจมตีคนที่อยู่ใกล้ๆตลอด จนพวกทหารต้องทิ้งระยะห่างออกมา

    สิริภพเห็นพวกทหารถอยออกไปก็รู้ว่าพวกนี้คงจะรู้ว่าเขากำลังยืมแรงตนฆ่าเพื่อน จึงส่ายหน้าอย่างเสียดาย ที่ตนยังสังหารได้ไม่กี่คนเอง แต่ถึงอย่างไรก็ตาม สิริภพก็มักจะหาเหยื่อได้เสมอ เพราะเหล่าทหารที่อยู่ในบริเวณนั้นมีมากพอให้เขาได้เลือกเป็นเป้าหมาย

    ชิออนเห็นพ่อและแม่โหดได้ใจ ก็ยิ้มออกมาได้อย่างยินดี ที่ครอบครัวของเขายังเหมือนเดิม ชายหนุ่มจึงหัวเราะออกมาอย่างดีใจก่อนจะแก้ผ้าที่คอแล้วมารวมใส่ที่ดาบ เป็นผลให้อาวุธกลับมาอยู่ในรูปลักษณ์ดาบใหญ่ หลังได้อาวุธทรงพลังมาแล้ว ชายหนุ่มก็กระโจนเข้าหาศัตรู โดยเหวี่ยงดาบไปมา จนพวกทหารไม่รู้จะรับมือกับอาวุธที่หนัก และรุนแรงแบบนี้ได้ยังไง

    พวกพรอมเห็นชิออนและพ่อแม่เข้ามาช่วยถึงขนาดนี้ก็ทำหน้าประหลาดใจ บวกกับดีใจในเวลาเดียวกัน พวกเธอเลยถืออาวุธประจำตัวขึ้นมาและพุ่งตัวเข้าไปหาทหารที่อยู่ใกล้ที่สุด แต่ทว่าเมื่อพวกเธอเข้าไปใกล้ ทหารเหล่านั้นก็ผนึกพลังขึ้นมาป้องกันและรุกไล่กลับได้ด้วยพลังเทพที่มีไว้เพื่อใช้กับพวกเธอ

    พรอมใช้อาวุธเทพที่เป็นหอกได้อย่างได้เปรียบพวกทหารเล็กน้อย เพราะตนเองมีเลเวลถึง 100 และเป็นถึงเทพที่มีอาวุธเทพเป็นของตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังต้องเหนื่อยกับการต่อกรกับเหล่าทหารเทพ ที่ตอนนี้มาอยู่ในชั้นเดียวกับเธอ

    ทางฝั่งพวกแฟร์เองก็ตกเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด เพราะพวกเธอมีแต่พลังเปล่าๆ และอาวุธธรรมดาๆเท่านั้น พวกทหารเลยรุกไล่พวกเธอได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายมาก แต่เมื่อมาถึงจุดๆหนึ่ง พวกแฟร์กลับจับจุดได้ว่าเหล่าทหารใช้พลังแบบฟุ่มเฟือยและโจ่งแจ้งเกินไป ไม่นานพวกแฟร์ก็สามารถรับมือได้และรุกกลับอย่างรวดเร็ว นี่คือความต่างของทหารเทพ (ผู้เล่น) กับมนุษย์ที่ได้พลังเทพมาซินะ

    ด้านนักเวท ฟ้าใสได้ร่ายเวทคุ้มกันให้พวกพ้องของตนเอง เพราะรับรู้ว่าความร้อนกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนค่าพลังพิเศษของผู้เล่นเริ่มลดลงตามอุณหภูมิที่สูงขึ้น แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ เมื่อเหล่าหญิงสาวเวสตัลทั้ง 6 คน ใช้พลังเวทใส่เฉพาะฟ้าใสเพื่อให้เธอพลังหมดก่อน แล้วจะให้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทหารเข้าไปจัดการ ซึ่งผลก็ดูเหมือนจะเป็นแบบที่พวกนางต้องการ เมื่อพลังของฟ้าใสลดลงไปเรื่อยๆ ตามความอ่อนกำลังของพลัง

    ในขณะที่พลังของฟ้าใสกำลังลดลงถึงขีดสุด ที่ด้านหน้าของเธอกลับปรากฏเป็นร่างของบุรุษในชุดดำ ซึ่งพอเขาหันหน้ามา ฟ้าใสก็ทำหน้าสยดสยองเพราะเขาคือ ชิออน

    ชิออนเมื่อมาหยุดที่ด้านหน้าของฟ้าใส เขาก็ทำการปาอะไรบางอย่างที่อยู่ในมือเข้าใส่กลุ่มหญิงสาวเวสตัล พอของสิ่งนั้นกระทบพื้น ก็กลายเป็นควันสีส้ม ที่ส่งความสูงและเข้มข้นไปจนสุดยอดปราสาท

    ทำอะไรอ่ะฟ้าใสถามชิออนอย่างสงสัย ซึ่งชิออนก็หันมายิ้มให้ก่อนจะรวบตัวเธอเข้ามากอด

    ทำอะไรน่ะหญิงสาวร้องดิ้นก่อนที่ชายหนุ่มจะหัวเราะและชี้นิ้วไปยังกลุ่มหญิงเวสตัลที่ยืนกระจายกันอยู่

    ฟ้าใสหันไปมองตามมืออย่างสงสัย แต่สักพัก เธอก็พบว่าด้านบนฟ้ากำลังมีอะไรบางอย่างพุ่งตรงลงมาด้วยความเร็วสูง ก่อนจะเข้าปะทะกับกลุ่มหญิงสาวเวสตัลที่อยู่ใจกลางกลุ่มหมอกควันเหล่านั้น

    ตูม!!! เสียงระเบิดดังลั่นสนั่นเมือง ทำให้พวกทหารและผู้เล่นที่อยู่ในเมืองนั้นหันมามองที่ปราสาทประจำของเมือง ซึ่งถ้ามองจากด้านนอกก็พบกับเส้นแสงสีส้มขนาดไม่ใหญ่มาก พุ่งลงมาจากฟากฟ้าและหายไปที่ใจกลางปราสาท

    อะไรกันน่ะนั่นคือคำถามที่ถามออกมาเป็นเสียงเดียวกัน ซึ่งไม่เว้นแม้แต่ชิออนที่เป็นผู้ส่งสัญญาณ แล้วยิ่งเขานึกไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำหน้ามึนงงเข้าไปอีก

     

    ผู้เล่นชิออนได้รับคำเชิญชวน ให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของปาร์ตี้ที่กำลังทำการรุกรานค่ะ

    ผู้เล่นชิออนจะได้รับสิทพิเศษตอนอยู่ในปาร์ตี้นี้ค่ะ ซึ่งก็คือจะสังหารใครก็ได้ทุกกรณี โดยที่ไม่มีความผิดหรือค่าเครดิตติดลบตามมาค่ะเมื่อเสียงระบบรายงานมาถึงตอนนี้ ชิออนก็ตอบรับอย่างรวดเร็ว ซึ่งพวกวิภาก็ตอบรับเช่นกัน พวกเขาตอนนี้กำลังดูการกระทำของพวกแฟร์ที่กำลังจะช่วยเหลือผู้ต้องหาที่ได้รับโทษประหารชีวิต

    นี่ครับเฟตยื่นของอย่างหนึ่งให้ ซึ่งชิออนก็มองมันด้วยใบหน้ามึนงง เมื่อพบว่ามันเป็นเพียงระเบิดควันที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป พูดตรงๆก็คือ แทบไม่มีประโยชน์อะไร เนื่องจากอสูรส่วนใหญ่มีความสามารถที่สูงกว่าผู้เล่นมากนัก แต่ถ้าใครใช้เป็น อาวุธชิ้นนี้จะกลายเป็นตัวช่วยสุดร้ายกาจไปได้

    อะไรอ่ะพี่ชิออนถามกลับขณะรับมันมาถือไว้ ซึ่งมันก็มีน้ำหนักไม่มาก แต่ขว้างแล้วได้กำลังในการลอยตัวแน่นอน

    บอกเป้าหมาย ให้ผมครับ เวลาที่ต้องการความช่วยเหลือเฟตตอบกลับขณะเงยหน้ามองพระอาทิตย์ที่กำลังส่งความร้อนลงมา ซึ่งดูเหมือนว่าสถานที่แห่งนี้จะรับความร้อนนี้ไปด้วยแบบเต็มๆ โดยพวกหญิงเวสตัลก็ดูดพลังความร้อนเหล่านี้มาใช้ได้เป็นอย่างดีแบบเข้ากันสุดๆ

    พี่จะให้ผมบอกเป้าหมายทำไม ในเมื่อก็มองเห็นได้ทั่วถึงขนาดนี้ชิออนถามอย่างสงสัย เพราะเท่าที่พวกเขายืนอยู่ มันก็ไม่มีจุดไหนหรือตรงไหนที่มองไม่เห็นเลย

    ตรงที่ที่ผมจะไป มันไกลกว่าที่ผมจะมองเห็นได้ชัดน่ะสิครับเฟตตอบเสร็จ ก็สยายปีกออกมา

    พวกสิริภพหันมามองด้วยความสนใจ แต่สักพักก็หันไปดูพวกเทียร่าที่หนีไปไหนไม่ได้ เลยให้ความสนใจกับทางนี้มากกว่าเพราะดูท่าจะสนุกกว่าเยอะ

    ชิออนอึ้งเล็กน้อยที่เห็นปีกแบบเต็มๆ นี่มัน เท่มากเลยนะเนี่บ

    พี่จะไปบนนั้นเหรอเมื่อเห็นเฟตจ้องพระอาทิตย์มากๆ เขาก็รู้ว่าพี่ชายของตนกำลังจะไปไหน

    ผมเห็นว่าพลังพวกนี้เกิดขึ้นจากความร้อน แล้วถ้าความร้อนหายไป อะไรจะเกิดขึ้นล่ะครับเฟตบอกด้วยรอยยิ้มกับความคิดของตน ที่คนอื่นๆคงจะมองว่า บ้า โง่ ซื่อบื้อสุดๆ

    เอาตามที่พี่คิดละกันชิออนไม่ห้ามเพราะรู้ว่าห้ามไปพี่ชายก็ไม่ฟัง คนๆนี้หากคิดจะทำอะไรแล้ว ต่อให้เอาปืนมาจ่อ ก็ไม่มีทางจะหยุดได้

    ระวังนะครับ อย่าให้ระเบิดไปแตกตัวใส่พวกเดียวกัน ไม่งั้นล่ะก็ ผมคงจะรู้สึกผิดน่าดูเลยเฟตกล่าวก่อนจะถีบเท้าลอยตัว พร้อมกับไอความร้อนที่ใต้ปีกทีช่วยถีบตัวให้ร้อยขึ้นไป สันดาปเกิดขึ้นที่ปลายปีก ส่งผลให้น้องชายที่ชะเง้อมองอยู่น้ำลายไหลด้วยความอิจฉา

     “ไม่มีปัญหาชิออนตะโกนตอบกลับไปอย่างไม่ลืมคำกล่าวลานั้น ซึ่งก็พร้อมกับที่แม่ของเขาพุ่งเข้าไปล็อคแขนแล้วทุ่มตัวทหารกระแทกพื้นจนหลังหักพอดี

     

    เหนือพื้นโลกไปกว่า 200 ไมล์ เฟตที่มีปีกไอความร้อนกระพือปีกดาบพร้อมกับเพิ่มความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ลืมมองลงไปด้านล่างเป็นระยะๆ เมื่อเขามองเห็นควันสีส้ม ก็จะหยุดตัวพร้อมกับแปลงปีกคู่หนึ่ง ให้กลายเป็นลำกล้องกลมกลวงที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางกว่า 20 เมตร

    พอชายหนุ่มได้ของที่ต้องการแล้ว ก็ทำการล็อคเป้าหมายไปที่พื้นตรงจุดสีส้มที่ถูกปล่อยออกมามากที่สุด (จุดที่คาดว่าน่าจะเป็นระเบิดควัน) พอล็อคเป้าได้แล้ว ชายหนุ่มก็ทำการดึงพลังเข้าสู่ตัวลำกล้อง จนทั้งบ่องกลายเป็นสีส้มที่มีความร้อนสูงไม่ต่างกับเตาปฏิกรณ์ เมื่อลำกล้องเหล็กเริ่มรับความร้อนไม่ไหว เฟตก็ทำการรวมพลังของตนเข้าปิดที่ด้านหน้าและหลังเพื่อให้เป็นการกดพลังเข้าสู่จุดเป้าหมาย เมื่อความพร้อมมาถึง ชายหนุ่มก็กระแทกมือเข้าใส่ เป็นการจุดฉนวนปืนใหญ่อย่างดี ส่งปืนใหญ่พลังความร้อนสูงให้ลงไปสู่เป้าหมายที่ด้านล่าง

    เมื่อกลุ่มควันสีส้มหายไป เฟตก็เดาว่าคงตรงเป้าหมาย ตนเลยใช้ไอความร้อนมาเพิ่มการสันดาปที่ปีก ถีบความเร็วและเพดานบินให้สูงขึ้น

    หลังจากชายหนุ่มบินมาจนไม่รู้จะถึงจุดไหนของโลกแล้ว เขาก็พบว่าที่ด้านบนเหนือตัวเองไป มีม่านพลังอะไรบางอย่างมาปิดกั้นไม่ให้ผ่านอยู่ ตนเลยทดลองเอามือจับดู แล้วพบว่ามันเป็นพลังมีความร้อนที่ไม่ต่างกับม่านพลังที่ด้านล่างเลย ชายหนุ่มจึงลองใช้ปืนยิงไปดู แล้วก็พบว่ามันคือม่านพลัง ไม่ใช่ชั้นสุญญากาศของโลกตามที่เข้าใจ

    เฟตเลยใช้เวลาว่างนี้กระพือปีกบินวนรอบๆ ด้วยความเร็วที่คงตัว ก่อนจะทดลองใช้พลังในรูปแบบแปลกๆใหม่ๆ ด้วยการส่งพลังของตนไปลูบไล้รอบๆ พลังนั้น ก่อนจะดูดกลับคืน ซึ่งพลังที่กลับคืนมามีความร้อนมากกว่าเดิม มันมากเสียจนเฟตรู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังสุก

    แต่ถึงเฟตจะรู้สึกอย่างนั้น ชายหนุ่มก็ไม่ได้หยุดการกระทำ เมื่อชายหนุ่มยังคงฝืนดึงพลังที่ตนปล่อยออกไปให้กลับเข้ามาในร่างทั้งหมด แต่นั่นกลับทำให้เขากระอักเลือดที่เต็มไปด้วยเศษอวัยวะภายในออกมาจนหมด เฟตกุมท้องของตนอย่างเจ็บปวด แต่เมื่อชินกับความรู้สึกเจ็บนี้ ชายหนุ่มก็ทำแบบเดิมซ้ำอีกครั้ง ถึงเลือดจะไหลออกมา ทว่าเขาก็ยังทนกับมัน แม้เลือดจะระเหยเป็นไอไป อันบ่งบอกว่าเลือดมีความร้อนสูงมาก

    เฟตเห็นเช่นนั้นแต่ก็ไม่สนใจ เขายังทำเหมือนเดิมอยู่เรื่อยๆ จนชายหนุ่มเริ่มได้กลิ่นเนื้อของตนไหม้เกรียมและค่าพลังต่างๆก็ลดลงมาก มากจนเหลือเลือดเพียง 3 ส่วนจาก 12 เท่านั้น

    เมื่อเฟตดูดพลังเข้าไปในร่างหมด ก็ปล่อยออกมาอีกครั้ง ซึ่งชายหนุ่มก็ทำแบบเดิมซ้ำไปซ้ำมา จนในที่สุด เขาก็กลายเป็น ฟาร์มเฮ้าร์ หอมกรุ่นจากเตาที่ เมื่อกลุ่มควันเริ่มพวกพุ่งออกมาจากรูทวารทั้ง 7 และพลังชีวิตของเขา ก็หมดลงไปอย่างไม่มีทางฟื้นคืน เพราะความร้อนที่อยู่ในร่างมีถึง 2000 องศาเข้าไปแล้ว

     

    ทำอะไรสิ้นคิดจริงๆ คิดหรือว่าจะเอาชนะความร้อนของดวงอาทิตย์ที่มีกว่า 3000 องศาได้ชายที่ผมเป็นไฟสีทองพูดออกมาขณะจ้องมองการกระทำของเฟต ซึ่งได้ตายไปเหมือนหมาตัวหนึ่งเท่านั้น

    ชายผมทองไฟ สลายร่างจากรถม้าเทียมไฟของตนที่เฟตเกือบจะทะลวงถึงกลับไปสู่ห้องที่พวกเขาใช้วางแผนการลับกัน อย่างไม่สนใจสิ่งที่ตนทำไว้ที่เบื้องล่าง

    นางเป็นเช่นไรบ้างชายผมทองถามไถ่กลุ่มเทพที่นั่งมองผลการกระทำของพวกตนอยู่

    นางทำเพียงหลับตาเฉยๆเท่านั้นสตรีที่นั่งอีกฝั่งของเขาตอบออกมา ซึ่งก็ทำให้เขาหันไปมองด้วยสายตาคาดโทษ

    เจ้าอย่าพูดดีไปหน่อยเลย อโฟร์ไดร์ ทำไมเจ้าถึงให้ลูกเจ้ายิงศรรักสู่นาง ตอนก่อนที่นางจะไปทำภารกิจให้ท่านพ่อชายผมเพลิงทองร้องว่าอย่างไม่พอใจ

    เจ้าจะโทษข้าได้เช่นไรกัน อพอลโล ในเมื่อนางเองก็เป็นเทพชั้นสูง และนางเองก็มีสิทธิ์เลือกได้ ว่าจะยอมตกอยู่ใต้อำนาจของศรแห่งความรักหรือไม่อโฟร์ไดร์ว่ากลับอย่างรวดเร็ว แม้ว่าศรที่คิวปิดลูกของนางมีจะมีผลต่อมนุษย์และเทพชั้นรองอย่างไม่มีใครทนอำนาจมันได้ แต่มันก็ไม่ได้มีผลต่อเทพชั้นสูงอย่างพวกตนซะหน่อย

    ถึงเจ้าจะพูดเช่นนั้นก็ตาม แต่ผลของลูกศรเจ้าก็มีผลต่อมุมมองที่อาธีน่ามองชายคนนี้นะสาวผมทองนัยน์ตาขาวแบบแสงของดวงจันทร์กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ซึ่งอโฟร์ไดร์ก็ป่องปากที่มีแต่คนมารุมเธอ

    เจ้าจะโทษข้าได้เช่นไร ในเมื่ออาธีน่าก็ชอบชายคนนี้ด้วยต….”อโฟร์ไดร์หยุดการพูดคุยเมื่อเห็นว่ามีทหารกำลังเดินกันขวักไขว่ที่ด้านนอกของวิหารนี้ แล้วสักพักก็มีทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยความเร็วและคุกเข้าต่อหน้าพวกเขา

    เรียนท่านเทพ ตอนนี้มีชายผมสีทองเพลิงกำลังบุกรุกเข้ามาพะยะคะทหารที่ใส่ชุดระดับสูงพูดอย่างรวดเร็วเมื่อได้รับหน้าที่ให้มาส่งข่าว ซึ่งข่าวนี้ก็ทำให้ 3 เทพหันไปมองหน้ากันไปมา

    ผู้ที่บุกรุกเป็นใคร เป็นพวกจอมมารหรือไงกัน ถึงกล้ามาถึงวิหารแห่งดวงอาทิตย์ของข้าอพอลโลถามเสียงเรียบ ซึ่งทหารเองก็ทำหน้าเคร่งเครียดแบบสุดๆ

    ชายคนนี้ชื่อว่า เฟต มีพลังขององเทพอพอลโล พะยะคะสิ้นคำบอกกล่าว อพอลโลก็เข้าใจการกระทำของเฟตทันที การตายด้วยออร่าพลังของเขา มันจะพาชายคนนี้มาที่สวรรค์แห่งนี้นั่นเอง

    ตามหลักแล้ว หากเทพอสูรฆ่ามนุษย์ที่ตนรังเกียจด้วยตัวเอง พลังนั้นจะนำพาให้วิญญาณเหล่านั้นให้มาถูกลงโทษต่อที่พื้นที่ ซึ่งเทพอสูรนั้นๆ อาศัยอยู่ แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือ ทำไมมนุษย์คนนี้ถึงมีพลังแห่งดวงอาทิตย์อันเป็นพลังพื้นฐานของอพอลโลได้กันเล่า

    มันมีพลังแบบข้าได้ยังไงกันนั่นคือสิ่งที่อพอลโลสงสัย แต่ไม่ได้ถามออกไป ซึ่งดูเหมือนว่าน้องของตนเทพีแห่งดวงจันทร์จะรู้ว่าพี่ชายคิดอะไร จึงไล่ทหารให้ออกไปรับมือกับผู้เล่นที่บุกวิหารเทพ นี่ถ้าบอกว่าเป็นมารบุกจะไม่แปลกใจเลยแท้ๆ

    ข้าไปด้วยอโฟร์ไดร์ยกมือขอตามทหารเอกของวังไปด้วย แต่เมื่อเธอเห็นสายตาของเทพอีก 2 องที่มองมา ตนเลยต้องดึงมือกลับอย่างเจี๋ยมเจี้ยม

    เมื่อทหารเอกเห็นว่าไม่มีใครมีธุระกับตนแล้ว เขาก็วิ่งออกไปจากส่วนในของวิหารเพื่อไปบัญชาการการรับมือของผู้เล่นที่ใช้พลังของเจ้าของวิหารถล่มสวรรค์อยู่ นี่ขนาดส่งพวกผู้เล่นสายทหารไปลุยแล้ว พวกนั้นยังพากันถอยเลย

    มันมาที่นี่เลยได้ยังไงกันนะหญิงสาวตาสีนวลพึมพำอย่างสงสัย ต่างกับอโฟร์ไดร์ที่ยิ้มแย้มไม่ยอมหุบ เมื่อรู้ว่าจะได้พบเจอกับผู้เล่นสุดแปลก ที่ถูกกล่าวขวัญถึงในขณะนี้

    มันตายด้วยพลังของข้าตรงๆน่ะสิอพอลโลตอบแล้วเล่าถึงเหตุการณ์ที่เฟตทำให้ฟัง ซึ่งพวกอโฟร์ไดร์ก็ทำหน้าสงสัย เมื่ออพอลโลเล่าจบ

    มันจะเป็นไปได้ยังไง ถ้ามันมีพลังของเจ้า มันจะตายด้วยพลังแห่งดวงอาทิตย์ได้ยังไงอาร์เทมีสถามอย่างไม่เข้าใจสุดๆ ซึ่งอโฟร์ไดร์ก็ยิ้มขึ้นมาเมื่อรู้ว่ามีชายที่มีความสามารถสูงมาหาถึงที่

    ข้าจะรู้ได้ยังไงล่ะ ข้าเองก็อยู่กับเจ้าที่นี่ แล้วอีกอย่างอย่าหะ…”ยังไม่ทันที่อพอลโลจะบอกว่าอย่าให้มันเข้ามาที่นี่ได้จบ ที่ด้านหน้าก็มีลำแสงสายสีส้มทะลวงเข้ามาซะก่อน อพอลโลเลยต้องเอาพลังของตัวเองออกมาป้องกันที่ด้านหน้า จนพลังแสงสีส้มนั้นติดอยู่ที่หน้าม่านพลังและค่อยๆสลายไป

    พลังแบบของเจ้าเลยนี่นา เป็นไปได้ไงอาร์เทมีสพูดแบบไม่เข้าใจ เมื่อสัมผัสพลังที่พุ่งเข้ามาหาพวกตนได้

    เรื่องนั้นไม่สำคัญ สำคัญตรงที่มันใช้อะไรดีกว่าอพอลโลพูดแบบไม่ค่อยพอใจ ที่เห็นว่าพลังของตนย้อนมาทำร้ายตนเองแล้ว ซึ่งการใช้พลังได้ในระดับนี้ มิสิทธิ์ขึ้นเป็นทหารเอกได้ง่ายๆเลย ถ้าการจัดอันดับมาถึงในตอนนี้แล้วล่ะก็นะ

     

    ที่ด้านนอกวิหารสุริยัน ชายผมทองเพลิงที่พึ่งปล่อยพลังออกไปเป็นว่าเล่นนั้น กำลังยิ้มอย่างยินดี ที่ตนไม่ต้องมีพลังก็ใช้พลังในนี้ได้โดยไม่เสียอะไรเลย ต้องขอขอบคุณอำนาจของมหาเทพกับจอมมารที่ส่งผลให้พลังพวกนี้มีผลเป็นรองต่อเขาที่เป็นต่อ

    เหล่าทหารรักษาวังสุริยันต่างหันไปมองหน้ากันไปมาอย่างเป็นกังวล เมื่อเห็นว่าผู้บุกรุกสามารถใช้พลังแบบเจ้าของวิหารได้ ซึ่งมีท่าว่าจะใช้ได้เรื่อยๆซะด้วย

    เจ้าของวิหารนี่คือใคร บอกให้เขาเลิกใช้ม่านพลังที่ปิดเมืองนั้นออกไปซะเฟตถามทหารประจำวังที่ใส่ชุดเกราะสีส้มเรืองแสง ตราสัญลักษณ์สุริยัน

    หุบปากไอ้ผู้เล่นแปลกๆแบบแก่ ควรตายได้แล้วทหารเทพหนุ่มที่เป็นผู้เล่นตะคอกใส่ วิญญาณที่ตายเพราะอำนาจของอพอลโลมีเยอะมาก แต่ไม่มีใครวุ่นวายและทรงพลังได้เท่ากับผู้เล่นคนนี้ หากเป็นการรุกรานแบบมารบุกสวรรค์ จะมีการตั้งรับรออยู่ แต่ไอ้หมอนี่กลับโผล่มาถึงชั้นใน ตรงจุดเกิดของเหล่าผู้เล่นสายเทพพอดีนี่ซิ นี่ล่ะคือการรับมือที่ยากที่สุดเลย

    เฟตได้ยินเช่นนั้นก็ยักไหล่ ก่อนจะรวบรวมพลังมาไว้ที่ด้านหน้าตัวเอง สร้างมันให้กลายเป็นก้อนพลังใหญ่ มีขนาดไม่ต่ำกว่า 12 เมตร บอลพลังนี้เป็นสีส้มทอประกายอย่างน่ากลัว

    ผมให้โอกาสอีกครั้ง ก่อนที่ฉันจะถล่มที่นี่ซะผู้รุกรานต่อรองเสียงเรียบ สายตาเย็นเรียบเฉย ไม่สนใจต่อความสวยงามของตึกรามบ้านช่องรอบกายเลย แม้ที่นี่จะถูกสร้างอย่างสวยงาม ถูกตกแต่งอย่างวิจิตรตามแบบจิตกรชั้นเลิศ แต่สิ่งที่เขาต้องการก็สำคัญกว่าเยอะ

    เมื่อทหารรักษาวิหารได้ยินดังนั้นก็ต่างหน้าซีดไปตามๆกัน เท่าที่ดู ไอ้หมอนี่น่าจะทำได้ล่ะนะ

    แกจะบ้าหรือไงกัน ถ้าทำลายที่นี่ไป บนโลกมนุษย์จะไม่มีดวงอาทิตย์ให้แสงสว่างไปอีกหลายพันปีเลยนะ

    ไม่สนว่ะ ฉันมองเห็นแค่ว่าพวกเทพอย่างพวกนายกำลังล้ำเส้นมากเกินไป หากไม่อยากถูกถล่ม ก็ช่วยกันหยุดมืออย่าแส่ แค่นั้นพอเฟตพูดจบก็ดึงพลังเข้าร่างแบบอ่อนที่สุด พอพลังเข้ามาเฟตก็ปล่อยมันให้ลอยตัวอยู่ด้านหน้า รอให้พลังภายนอกมารวมตัวกับพลังของเขา พอพลังรวมตัวกันจนเป็นก้อนพลัง ขนาดเท่าลูกบอล เฟตก็ทำการต่อยใส่ท้ายที่ฝั่งตนเอง ส่งผลให้พลังปะทุพร้อมกับพุ่งไปยังฝั่งตรงข้ามอย่างรวดเร็ว ช่างเป็นการใช้ทักษะที่แปลกใหม่จริงๆ

     “เฮ้ยเหล่าทหารต่างอุทานเมื่อเห็นว่าผู้รุกราน โจมตีไปยังที่พักของผู้เป็นนาย แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าพลังเส้นสายสีส้มสลายไป ก็ยิ้มออกมาได้ที่รู้ว่า เจ้านายของพวกตนรับรู้เรื่องนี้แล้ว

    เฟตเองก็ดูเหมือนจะรู้ว่าเจ้าของพลังที่แท้จริงมาแล้ว ก็ยิ้มเย็นๆไปทางวิหาร ก่อนจะใช้ทักษะเท้าผสานกับพลังใหม่ ถีบตัวเองไปยังวิหารจนเห็นแต่เส้นสายสีส้มอันบ่งบอกว่าเป็นทักษะสายสุริยัน

    เมื่อเฟตมาถึงด้านในของวิหารอันเป็นจุดเป้าหมาย ก็ถึงกับต้องเกาหัวด้วยความงง ปกติการใช้ทักษะเท้าตามแบบปกติ จะมีระยะไม่ไกลเท่าไหร่นัก แต่เมื่อมาถึงจุดนี้ มันไม่น่าจะใช่นะ เพราะเท่าที่สังเกตดู ระหว่างตรงที่เขาอยู่ในจุดล่าสุดกับตรงจุดนี้ในปัจจุบัน มันห่างกันหลายโลอยู่นะ

    ยินดีต้อนรับสู่วิหารสุริยัน ซึ่งเป็นที่พำนักเฉพาะเอกสิทธิ์ของข้าเสียงดังขึ้นที่ด้านขวา ทำให้เฟตหันไปมองอย่างรวดเร็ว ซึ่งเขาก็พบกับชายผมสีทองที่กำลังลุกไหม้แบบของเขานี่ล่ะ

    อืม ขอบใจที่มาต้อนรับนะบ๋อย แต่ฉันไม่ได้อยากตายเลยสักนิดเฟตตอบแบบบ่นๆ ตอนแรกเขานึกว่าจะดึงพลังที่ม่านพลังมาเป็นของตนได้เหมือนกับที่ดึงพลังสายมารมาจากนรกได้ แต่พอเอาเข้าจริงร่างกายของเขาดันไหม้ไปก่อนได้ซะนี่ แต่เมื่อได้มาเกิด ณ ที่กำเนิดและเจอะเจอเจ้าของจริงๆก็ไม่เลวสักเท่าไหร่เหมือนกัน

    ต้องการอะไรชายผมทองถามด้วยใบหน้าราบเรียบ เฟตเลยจ้องตาตอบกลับไปและพูดอย่างชัดถอยชัดคำ

    ยกเลิกพลังที่กักกันพรรคพวกของฉันซะสิ้นคำถาม อพอลโลก็ทำหน้าแบบงุนงง ที่หมอนี่ยอมตายเพื่อมาขออะไรแค่นี้

    ถ้าข้าไม่ให้ล่ะอพอลโลถามลองเชิง ซึ่งเฟตก็ยิ้มแบบให้เชิง

    งั้นก็ไม่ต้องมีที่อยู่กันพูดจบ ชายหนุ่มก็ดึงพลังมาที่ด้านหน้า จนมันกลายเป็นลูกบอลสีส้ม ที่มีฤทธิ์ไม่ต่างกับลูกข้างนอก พอได้พลังเท่าที่ต้องการแล้ว ตนก็ยกมือขวาที่ถือบอลเพลิงขึ้น เป็นเชิงขู่ว่าถ้าไม่ยอม วิหารนี่เละแน่

    ข้าคิดว่า ข้าฆ่าเจ้าได้ก่อนที่เจ้าจะเอาลูกกลมๆนั่นทำลายวิหารข้านะอพอลโลที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ที่สูงที่สุดพูดเสียงเครียด ที่เห็นว่ามนุษย์ผู้นี้สามารถเอาพลังศักดิสิทธิ์ของเขาไปใช้ได้หน้าตาเฉย

    จะลองดูมั้ยล่ะเฟตจ้องตาแล้วตอบกลับอย่างเย็นชา

    เฟตและอพอลโลต่างจ้องมองตากันอย่างเนินนาน ชายคนหนึ่งทำเพื่อพรรคพวก ส่วนชายอีกคนก็ทำเพื่อพี่น้องเช่นกัน พวกเขาต่างมีเหตุผลของตัวเองเป็นจุดยืนทั้งนั้น จึงยอมกันไม่ได้เลยสักนิด

    อย่าฆ่ากันเองเลยเสียงอันไพเราะอ่อนหวานดังขึ้น ทำให้เฟตสะดุ้งที่ได้ยินว่าเสียงนั้นอยู่ข้างหู ด้วยความตกใจ เฟตเลยไม่ได้กักพลังไว้ จนพลังนั้นลอยจากมือล่วงสู่พื้น แต่เมื่อพลังนั้นตกลงพื้น มันก็สว่างจ้าแวบเดียว แล้วก็หายไป

    ทำอะไรของเจ้า อโฟร์ไดร์ ถ้าไอ้พลังเมื่อกี้กระทบพื้นแล้วล่ะก็ วิหารข้าพังได้เลยนะอพอลโลพูดว่าหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆเฟต ซึ่งมนุษย์ผู้นี้ถึงกับจ้องเทพสาวที่พึ่งมาถึงอย่างเหม่อลอย แบบคนตกอยู่ในภวังค์

    เจ้าอย่ามาพูดอะไรบ้าๆแบบนั้นเลย อพอลโล พลังของเจ้าเมื่ออยู่ในถิ่นของเจ้า มันก็ยังเป็นของเจ้าวันยังค่ำ ไม่มีใครมาแย่งชิงไปได้หรอกอโฟร์ไดร์ว่าจบก็ทำท่าจะเดินออกมา แต่เมื่อเธอเห็นว่าสายตาเฟตเริ่มสั่นก็เลยหยุดและเดินไปยืนอยู่ที่เดิม

    ไม่หรอก ถ้าเจ้านั่นรวมพลังไว้มากกว่านี้ พลังเมื่อกี้ข้าอาจจะสลายความเข้มข้นไม่ทันก็ได้อพอลโลกล่าวเสียงเรียบ ก่อนจะลอบปาดเหงื่อ พลังที่เฟตอัดใส่ไว้เมื่อสักครู่มันมีหลายชั้น และพร้อมแตกตัวทำลายที่นี่ลงไปได้ทันที หากเกิดการปะทะขึ้น

    ดีนะที่เขาเป็นถึงเจ้าของวิหาร และพลังพวกนี้ก็สามารถควบคุมได้ ทันทีที่มันหลุดมือ เขาก็รีบสลายความเข้มข้นของมันจนกลายเป็นเสียงบอลเพลิงธรรมดา

    อืมอโฟร์ไดร์ขานรับคำ พร้อมกับกอดเฟตที่ไม่มีสติไว้ในอ้อมแขนเหมือนจะไม่ยอมปล่อยให้ไปไหน

    อย่ามาบ้าผู้ชายต่อหน้าข้า อโฟร์ไดร์ ข้าไม่ชอบ และอีกอย่าง อำนาจแห่งความหลงใหลของเจ้า ใช้เพื่อช่วยข้าแค่นี้ก็พอแล้ว ออกห่างจากมันได้แล้วอพอลโลว่าเสียงเขียว เมื่อเห็นว่าอโฟร์ไดร์กำลังลวนลามเฟต

    จะบ้าหรือไง เจ้าไม่เห็นหรือไงว่าอำนาจของข้าเริ่มไม่เป็นผลแล้ว ถ้าเกิดข้าไม่แตะต้องตัวเขา อำนาจแห่งความงามของข้าคงหลอกลวงสติไม่ได้อีกแล้วแน่ๆอโฟร์ไดร์พูดแบบทึ่งๆกับสติของเฟต ที่กำลังต่อต้านอำนาจของตนที่กำลังกล่อมไม่ให้ควบคุมร่างกายได้

    เจ้าคิดว่า อำนาจของเจ้า จะใช้กับมันได้นานพอที่มันจะกลับไปเกิดใหม่ได้มั้ยอพอลโลถามเสียงเรียบ ซึ่งอโฟร์ไดร์กลับไม่ตอบ เพราะเห็นว่าเฟตกำลังเริ่มกลับคืนสติแล้ว แต่ติดอยู่ที่ว่าเธอยังเกาะกุมเขาอยู่เท่านั้นเอง

    จงตกอยู่ในอำนาจแห่งข้าซะเถอะอโฟร์ไดร์ใช้ไม้ตายของตน ซึ่งก็คือการควบคุมวิญญาณของเฟต โดยจูบไปที่ริมฝีปากอย่างรวดเร็วและเนิ่นนานสำหรับผู้ที่มองอยู่

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×