ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ชีคแห่งสายลม(อาริตา)

    ลำดับตอนที่ #12 : 12

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.7K
      5
      15 ก.ค. 52

    ชีคแห่งสายลม12

    “เจ้าคิดว่าเป็นรอม์ฮิมหรือ อับดุลลา”
    นั่นคือคำถามจากอัล...เมื่ออับดุลลามาเข้าเฝ้าในวันนี้...ก่อนจะเดินทางไปร่วมพิธีเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเทวีแห่งบูราไบ...เจ้าหญิงฟะรีฮา อับดุลลาเข้ามายังฝ่ายใน...แล้วได้ทูลถวายรายงานเกี่ยวกับ “โจรสายลม”

    อับดุลลารายงานด้วยท่าทีนิ่ง ใจเย็น ตามนิสัยที่เป็นน้ำนิ่ง ลึก แต่เชื่อถือได้

    อับดุลลาจะไม่พูดในเรื่องที่ตัวเองไม่แน่ใจ

    อัลย่อมรู้จักคนของตัวเองเป็นอย่างดี รู้ว่าอับดุลลา “เชื่อถือ” ได้แค่ไหน

    ความเป็นเพื่อนมาแต่เยาว์วัย มีส่วนกระชับความสัมพันธ์ให้ฐานันดรศักดิ์ของ “เจ้า” กับ “บริวาร” หายไป

    อัลบอกตัวเองว่าเขาเชื่อว่าอับดุลลาเป็นเพื่อนตาย...เป็นมากกว่าองครักษ์ เป็นมากกว่าเพื่อน...

    เขาเคยห่วงอับดุลลาเมื่อชีวิตพลิกผันไปพัวพันกับเจ้าหญิงอะมีร่าห์...ผิดหวังจากเจ้าหญิงโซยา น้องน้อยของเขา และอับดุลลาติดตามอควา
    ไปในดินแดนห่างไกลไร้ข่าวคราวเมื่อตายจากไปกันเป็นเวลาสองปีได้ และเมื่ออับดุลลากลับมาได้พร้อมกับเชคีอัสมาคนงามนั้น อัลรู้สึกเหมือนแขนข้างขวาของเขาเองที่ขาดหายไปได้กลับมาดังเดิม คำรายงานของอับดุลลานี้เชื่อถือได้

    แต่อัลก็ยังถามย้ำอีกหน ว่าใช่แน่หรือ

    ใช้ชีคหนุ่มแห่งบูราไบหรือ

    อัลอยู่ที่ตำหนักไออิชาคนเดียว เพราะตอนนี้เจ้าหญิงเรเนีย บินไปอเมริกาด้วยภารกิจของครอบครัวและตัวเอง...

    “เรเนีย สตาร์” ยังมีตัวตน มีภาพลักษณ์ต้องดำเนินการต้องควบคุมธุรกิจเสื้อผ้าที่เป็นเกี่ยวกับแฟชั่น...และเป็นช่วงที่ กำลังออกทัวร์ คอนเสิร์ตอยู่ในอเมริกา พี่น้องจะได้พร้อมหน้ากัน เพราะการออกคอนเสิร์ตนั้นจะมีแองเจลิน่าตามไปด้วยเสมอมิได้ขาด และหลายหนที่อัลจะตามพระชายาไปด้วย แต่หนนี้เมื่อเจ้าหญิงโซยาบอกว่าจะต้องตามเรย์มอนด์ไปอเมริกา อัลเลยสมัครจะอยู่เฝ้าตำหนักไออิชา

    เขาคิดว่าควรจะต้องอยู่บ้านสักพักเพื่อสะสางเรื่องวุ่นๆ แม้นจะดูเป็นเหมือนเรื่องเล็กน้อยแค่มันระคายความรู้สึกให้รำคาญมากกว่าอื่นใด

    เขาไม่ชอบการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวว่าโดนโจรปล้นระหว่างการเดินทาง

    เจ้าโจรหนุ่มคนนั้นปรากฏตัวแบบสายลม...มีฉายารู้กันทั่วว่าโจรสายลม กระทั่งบัดนี้ยังไม่รู้กันว่าเจ้าโจรนั้นเป็นใครมาจากไหน อัลเรียกอับดุลลามาจากอิบบาห์ เชวู โดยพูดกับชีคชาห์มาเลยว่าจะต้องปล่อยให้ทูตทหารจากอารูก้าในอิบบาห์ เชวู เป็นสุญญากาศไปก่อน เพราะสถานการณ์ที่นั่นไม่มีอะไร...

    ทั่วแถบนี้แม้จะอยู่ใกล้กับเพื่อนบ้านที่มีสงครามทั้งภายนอกและภายใน...แต่อัลรู้ว่าดินแดนสี่รัฐนี้ยังมีสันติสุขมาก

    เว้นแต่เรื่องเจ้าโจรคนนั้น

    นักท่องเที่ยวบางคนนอกจากจะแจ้งความแล้วยังกลับไปเขียนประจานลงบล็อกหรือเวบไซต์ตัวเองประนามการดูแลความปลอดภัยในอารูก้าและเลยไปยังอิบบาห์ เชวู...

    แปลกที่นาว์ราและบูราไบไม่มีเจ้าโจรถูกเรียกตามฉายาการปรากฏตัวที่ไร้ร่องรอยว่าโจรสายลม

    นาว์รากับบูราไบมั่งคั่งไม่พอหรือไร

    เขาสอบถามไปยังเผ่าโซแมคของเจ้าหญิงอิมาน แม่ยายของเขา...เจ้าหญิงอิมานบอกว่าไม่เคยมีการปล้นในดินแดนนอกด่านผ่านออกจากรัฐทั้งหลาย ดินแดนกลางที่ครอบครองด้วยกัน พวกเบดูอินไม่เคยถูกปล้น หรืออาจจะเป็นไปได้ว่าพวกเบดูอินไม่มีทรัพย์สินมีค่ามากนัก
    จำกัดวงให้แคบลง เจ้าโจรสายลมปล้นเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติและเก่งกาจขนาดว่าทรัพย์สินมีค่าที่นักท่องเที่ยวผู้มั่งคั่งนำมาด้วยเพราะบางมื้ออาหารจะต้องแต่งตัวเต็มที่พร้อมด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับเก็บไว้ในเซฟของห้องพักก็ยังสูญหาย...กล้องวงจรปิดไม่สามารถจะจับภาพคนร้ายได้เต็มที่ ราวกับว่าโจรสายลมไม่ได้เป็นแค่โจรกระจอกธรรมดาที่ไม่รู้เรื่องระบบป้องกันภัยเพราะทุกครั้งที่มีการสูญหายของทรัพย์สิน กล้องวงจรปิดไม่เคยสามารถจับภาพการลงมือทำงานของเจ้าโจรได้เลย

    กล้องจะถูกปิด หรือถูกตัดสายก่อนทุกหน

    บีบวงให้แคบเข้าว่าเจ้าโจรสายลมจะต้องเป็นคนมีความรู้ทางเทคนิคและทำงานเป็นทีม ไม่ได้ทำงานเพียงลำพังคนเดียว

    “แวบหนึ่งที่เห็นตอนล่าประชิดตัวแล้ว กระหม่อมเกือบจะมั่นใจเต็มร้อยว่าเป็นท่านชีครอม์ฮิม”

    “รอม์ฮิมจะทำด้วยแรงจูงใจใด”

    “เงินพะยะค่ะ”

    “เงินหรือ”

    “แรงจูงใจที่มากพอพะยะค่ะ เพราะหนี้สินของบูราไบที่มีกับอารูก้าก็ครบกำหนดการจ่ายไปเมื่อสองเดือนก่อน”

    “แล้วแต่เขาก็มีจ่ายนี่นา...บูราไบเป็นลูกหนี้ที่ดี แม้เราจะต้องช่วยเหลือบ่อยหนด้วยเงินก้อนใหญ่”

    “อิบบาห์ เชวูก็ช่วย”

    “แล้วยังไงต่อ อับดุลลา”

    “เงินที่ปล้นได้แต่ละครั้งเป็นล้านเหรียญนะพะยะค่ะ”

    “แต่หนี้กับอารูก้าหรืออิบบาห์ เชวู มันมากกว่านั้นนะ”

    “เงินล้านเหรียญไม่น้อยเลย...นั่นเพียงพอจะเอาเข้าบูราไบจับจ่ายเป็นงบเพื่อเลี้ยงประชาชนสินะ อย่าลืมว่าเจ้าโจรสายลมออกปล้นบ่อยแค่ไหน หกเดือนก่อน มีข่าวการปล้นทุกสิบวัน เขาจะได้เงินไปคราวละสามล้านเหรียญ เท่าที่รวมตัวเลขล่าสุดเป็นสิบล้านเหรียญ คูณกลับเป็นเงินบูราไบนั้นเกือบร้อยล้าน มหาศาลพะยะค่ะ”

    อัลขมวดคิ้ว “พวกนักท่องเที่ยวจะขนกันมามากมายทำไมนะ”

    เหมือนเขาลืม

    “ท่านห้ามพวกเขาไม่ได้ เพราะเวลานักท่องเที่ยวกลุ่มนั่นมาพวกเขาจะมาซื้อของมีค่ากลับไป อย่าลืมว่านอกจากดอกไม้ที่นาว์รายังมีอัญมณีมีค่าหลากสี...และนักท่องเที่ยวผู้มั่งคั่งจะขนเครื่องแต่งตัวแพรพรรณงดงามกันมาเป็น****บๆ กระเป๋าเดินทางเก่าแก่ของหลุยต์ วิตตอง มากันทีมากมาย”

    สินค้าใหม่ของนาว์ราที่ส่งมาขายที่อารูก้า...

    “นอกจากปล้นนักท่องเที่ยวแล้ว พวกร้านค้าต่างชาติห้างดังๆที่ขายของล้ำค่าก็โดนปล้นด้วยนะ”

    “จำกัดให้แคบลงอีกนิดพะยะค่ะ”

    “ตรงไหน เจ้าจะโฟกัสไปตรงไหนหรือ อับดุลลา”

    “คนที่ปล้นจงใจละเลยคนบ้านเดียวกัน”

    “หือ...”

    “เขาเจาะจงปล้นพวกต่างชาติเท่านั้น”

    “อือ... จะบอกเราว่ามีการเกลียดชังเรื่องเชื้อชาติมาด้วยหรือ”

    “เปล่าพะยะค่ะ คงไมถึงกับการเกลียด เอาเป็นว่าไม่พอใจที่คนพวกนั่นร่ำรวย...ขวางตาก็เลยปล้น”

    “ออกจะโรคจิตน่ะนั่น”

    “โจรโรคจิต ฉลาด...”

    “แล้วน่าจะเป็นรอม์ฮิม”

    “ชีครอม์ฮิมเป็นคนหนุ่ม มีการศึกษาสูง เก็บองค์อยู่โดดเดี่ยว...ไม่ค่อยจะเข้าสมาคมกับพวกท่าน”

    จริงของอับดุลลา ชีคหนุ่มแห่งบูราไบเก็บตัวโดดเดี่ยวเสมอมา นานๆทีถึงจะยอมเข้าร่วมสมาคม ด้วยภาพลักษณ์ที่มีแต่รอยยิ้มสุภาพ...และพูดน้อยมาก เป็นผู้รับฟังที่ดีมากกว่า...แต่ชีครอม์ฮิมนั่นเป็นนักขี่ม้าผู้สามารถ...ม้าอาราเบียนสายพันธุ์ดีที่มี่ไว้ในครอบครองมากมายเป็นสิบๆตัว เขาไม่ได้จะชมชอบการขี่ม้า แม้ตอนอยู่อังกฤษ ชีคหนุ่มจะปรากฏตัวอยู่กับสังคมขั้นสูงเสมอๆ ตามสนามแข่งม้าและกีฬาแข่งม้าประจำปีของราชวงศ์ ชีคหนุ่มจะรวมอยู่กับครอบครัวของทางเจ้าชายรุ่นหลังๆของราชวงศ์เสมอด้วยว่าเป็นพระสหายกัน แต่ทว่าตัวชีคหนุ่มชมชอบการขี่ม้าโลดโผนมาก

    หากพระเทวีไม่ห้าม และจริงจังกับเรื่องนี้ คงจะได้เห็นชีครอม์ฮิมเป็นนักแข่งม้าโลดโผนไปแล้ว

    แต่กระนั้นเขาสะสมม้าสายพันธุ์ดีๆฝีเท้าจัดไว้มากมาย

    “รอม์ฮิมชอบความโดดเดี่ยวที่ท้าทายแบบม้าของเขา” อัลรำพึง “เราจะไปจับผิดรอม์ฮิมด้วยกันใช่ไหม อับดุลลา”

    “การจับผิดให้ได้แบบซึ่งหน้าอาจจะยากนักพะยะค่ะ”

    อับดุลลาทูลตอบด้วยความระมัดระวังเป็นอันมาก

    อัลเอาแต่หัวเราะ อารมณ์ดี “และนั่นมิท้าทายเจ้ากับเราหรือ อับดุลลา”

    อับดุลลากำลังทำหน้ายุ่งยากใจ...

    “มีอะไรบางอย่างที่ทำให้กระหม่อมกังวล”

    “อะไรหรือ”

    “หมู่นี้ อัสมาโดนรบกวนด้วยบางเรื่องราวที่ทำให้รำคาญใจ”

    “ใจใคร ใจเจ้าหรือใจของอัสมา”

    “ของอัสมาและพลอยทำให้กระหม่อมอดใจให้สงสัยมิได้ อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เรากำลังคุยกัน...แต่ก็ทำให้อัสม์ไม่สบายใจเท่าไหร่ อัสม์มักจะพบว่าพี่สาวของเธอมาหาและพาสิ่งหนึ่งมาให้”

    “สิ่งใด คนหรือสิ่งของ”

    “นกฮูกพะยะค่ะ”

    “หือ...อะไรนะ”

    “นกฮูก จำได้ไหมที่กระหม่อมเคยทูลเล่าว่าเชคีมารีอาห์เคยเป็นนกฮูก...แต่ทำไมเชคีมารีอาห์ถึงนำนกฮูกมาให้น้องสาวอัสม์อีก”

    “เจ้าคิดอย่างไร”

    อับดุลลาส่ายหน้า “เพราะคิดไม่ออก กระหม่อมถึงกังวลไปด้วย เพราะเท่าที่แอบคิดโดยไม่บอกอัสม์ กระหม่อมกลัวจะเกิดเหตุที่อัล นา
    จาห์ กับท่านอควาและเชคีมารีอาห์ แต่กระหม่อมเดินทางไปอัล นาจาห์อีกไม่ได้ ประตูเมืองคงไม่เปิดต้อนรับใคร”

    “โซยาก็พยายามตามหาอัล นาจาห์อยู่นี่นา”

    อัลรำพึง...ความจริงก็คือว่าเจ้าหญิงโซยาน้องน้อยเชื่อเรื่องแม่น้ำสีดำเป็นอันมาก

    วิหารศักดิ์สิทธิ์นอกประตูเมืองอารูก้า แต่ไม่ถึงกับสุดพรมแดน เป็นที่เกิดตำนานมากมายและหนึ่งในนั่นคือเส้นทางของแม่น้ำดำที่อับดุลลา
    ไปพบเจอด้วยตัวเอง

    เขากลับมาเล่าเองว่าเขาเจอแม่น้ำสีดำทอดยาวใต้วิหารศักดิ์สิทธิ์ แต่จนบัดนี้ก็ยังตามหาแม่น้ำสายนี้กันไม่เจอ มันทอดตัวใต้วิหารที่เคยมีการเข่นฆ่านองเลือด มีวิญญาณที่สิงสถิตและแม้บัดนี้จะมีการยืนยันว่าวิญาณส่วนใหญ่ได้รับการปลดปล่อยนับจากวันที่เจ้าหญิงอะมีร่าห์ได้พาอควา ปีศาจร้ายแห่งตำนานออกมาปรากฏตัวพำนักที่นั่น

    ที่ตำหนักของเธอที่เปิดเป็นสถานเต้นระบำเพื่อประชดชีวิตตัวเอง แต่เจ้าหญิงอะมีร่าห์เป็นอีกหน้าของประวัติศาสตร์อันมืดดำของอารูก้า เป็นเรื่องราวที่มีบทเพลงขับขานอย่างโศกเศร้า และเวทนาล้ำลึก

    ชีวิตของเธอยิ่งกว่าเทพนิยาย...จากสามัญชนสู่เจ้าหญิง และตกลงสู่บ่วงชีวิตที่ทำให้เธอเป็นนางร้ายอยู่กับมายาและสุดท้ายนั้นเพื่อจะเอาชนะผู้ชายสักคน

    เรย์มอนด์ ภควัต...

    เธอยอมทำทุกอย่างแม้แต่การเสาะหาอควา ปีศาจร้ายน่ากลัวจากตำนาน เธอสามารถเดินทางไปพบอควาและเชิญมาอยู่ที่ตำหนักของ
    เธอ ให้อควากระทำการต่างๆนานาและเธอสังเวยอควาด้วยเลือดเนื้อผู้คนหลายชีวิต

    ก่อนที่เธอจะจบชีวิตตัวเองอย่างน่าอนาถ...พระธิดาบุญธรรมของเจ้าชายโมฮาผู้เดินทางผิด ด้วยความทะเยอทะยานมากมี ทุกวันนี้มีบ่อยหนเจ้าชายโมฮาผู้พำนักอยู่ที่นาว์ราจะระลึกถึงพระธิดาองค์นี้ด้วยความรักและอาดูร แกมตำหนิพระองค์เอง

    ...เพราะฉัน อะมีร่าห์ถึงเป็นไปได้เพียงนั้น หากฉันไม่เสี้ยมสอนยุยง อะมีร่าห์จะไม่เป็นอย่างนั้น ป่านฉะนี้อะมีร่าห์คงจะมีความสุขกับชายหนุ่มสักคน มีลูกและมีหลานให้ฉันได้อุ้มชูด้วยรักเสน่หา...

    เจ้าหญิงอะมีร่าห์สิ้นชีวิต ใต้วิหารศักดิ์สิทธิ์ อับดุลลากลายเป็นคนบาปเร่ร่อนตามอควาไปยังดินแดนห่างไกล

    อัล นาจาห์

    อีกโลก อีกเมือง...อีกด้านของชีวิต

    เขาเดินทางผ่านแม่น้ำดำ เขาได้พบเจอแร่ธาตุสำคัญอย่างทำทองคำ ไม่นับรวมกับเพชรมากมาย ส่วนหนึ่งเขาได้นำถวายเจ้าหญิงโซยา แต่น่าแปลกว่าจนกระทั่งบัดนี้ เจ้าหญิงโซยายังไม่สามารถคันพบแม่น้ำสีดำ แม้จะมีแผนที่ลายแทง!

    เหมือนประตูแห่งกาลเวลาจะผ่านไปนั่นยังปิดสนิทนัก

    “อับดุลลา” อัลเดินมาใกล้ตบบ่าบุรุษที่เขารักเสมอน้องชาย รักเสมอเพื่อน รักเสมอคนสนิทไว้วางใจได้ “เจ้าอย่าคิดกังวลไปเลย ไม่
    ว่าจะต้องเกิดอะไร เราก็ต้องยอมรับ ไม่มีอะไรน่ากลัว บางทีนกฮูกที่อัสมาได้เห็น อาจจะเป็นสัญลักษณ์บอกว่าอัล นาจาห์และพี่สาวของอัสมาอยู่เย็นเป็นสุข"”
    โดยที่อัลไม่ทันคิดถึง

    อยู่เย็น...เย็นแน่นอนเพราะนับจากเชคีซีรีนจากมา...อัล นาจาห์มีน้ำท่วมท้น และบัดนี้...อควาและเชคีมารีอาห์นอนนิ่งอยู่ที่ก้นทะเลสาบไปแล้ว

    เมืองทั้งเมืองมีแต่น้ำ...และน้ำ...

    “เราไปบูราไบกันเถิด แต่ก่อนไป เราจะต้องเข้าประชุมกับรัฐมนตรีน้ำ”

    “มีอะไรพะยะค่ะ”

    “บูราไบเสนอขายน้ำดิบให้กับเรา”

    “น้ำดิบหรือพะยะค่ะ”

    “น้ำดิบคุณภาพดีมากด้วย”

    “บูราไบมีน้ำหรือพะยะค่ะ”

    “เขาบอกมาทางเราว่าเขาได้ปริมาณน้ำดิบเพิ่มจากทะเลสาบกลางเมือง...น้ำดิบผ่านการตรวจสอบแล้ว ทางเรา รัฐมนตรีน้ำบินไปด้วยตัวเองและรายงานมาหนึ่งหนกับเราว่าน้ำดิบคุณภาพดี...จะมีการส่งต่อน้ำนั่นมาอารูก้า”

    “น้ำดิบ...”

    อับดุลลาทวน

    “เราคิดว่าหากบูราไบมีปริมาณน้ำท่วมท้น เขาจะสามารถส่งน้ำนี้ไปขายได้ทั่วรัฐแถบรอบอ่าวนี้ทั้งหมด และอับดุลลา...เชื่อเถิดว่าน้ำย่อมจะมีราคาไม่ต่างจากน้ำมัน...”

    อับดุลลาปิดปากเงียบสนิท แม้ใจจะคิดว่าน้ำนั้นมาจากไหน แวบหนึ่ง...ของจิตใต้สำนึกที่มีความคิดเงียบๆ...

    เขาคิดถึงทะเลสาบกลางเมือง อัล นาจาห์

    น้ำที่นั่น...คุณภาพดีมาก...เขายังจำได้ เขาเคยลงไปในทะเลสาบนั้น เคยแหวกว่าย เคยลิ้มรสน้ำ...

    แต่น้ำดิบคุณภาพดีจะเหมือนน้ำที่ทะเลสาบของอัล นาจาห์อย่างไร

    เป็นไปไม่ได้



    เขาจะกลับตำหนักนาดาวันนี้ บ่ายนี้ อีกไม่กี่วันจะถึงวันประสูติของพระเทวีแห่งบูราไบไม่เพียงงานนี้ไม่ได้เริ่มต้นในวันนั้นแค่เริ่มก่อนหน้านั่นสามวัน รับจากวันพรุ่งนี้ มีการเลี้ยงการแจกเงิน...ให้กับผู้คนที่ยากจน...จะมีคนเดินทางผ่านจากนอกเมืองเข้ามามากนัก และงานนี้เขาควรจะลงไปบัญชาการให้ลุล่วงไปด้วยดีเหมือนดังเช่นปีที่ผ่านๆมา ยังจะแขกต่างเมืองผู้ได้รับเชิญมาร่วมงานเฉลิมฉลองที่บูราไบ...
    และรายงานข่าวด่วน...ลับเฉพาะมาถึงเขาก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น ข่าวจากอารูก้า


    อัลแห่งอารูก้าจะเสด็จมาก่อนวันงานเฉลิมฉลองจริงๆ

    อัลมาทำไม...เขาถามสั้นๆ มีอับดุลลามาด้วยหรือไม่

    คำตอบคือมี

    เขารู้...กลิ่นเลือดของเขาที่ได้หลั่งไปแม้ไม่มากนักได้เข้าถึงหูอัลแล้ว

    อัลกำลังตามกลิ่นเลือดมา สิงห์หนุ่มแห่งอารูก้าได้กลิ่นเลือดนี้รวดเร็วและฉลาดล้ำ

    เขาจึงไม่ลังเลที่จะรีบออกจากโรงพยาบาลและอ้างว่าจะกลับพำนักตำหนักนาดา มันมีความจำเป็นมากกว่านั้น เรื่องเขาเข้า

    โรงพยาบาลนี่หากเข้าหูอัล มีหวังเป็นเรื่องใหญ่

    นางริฟฟาห์ที่มาอยู่เฝ้าเขา เพราะเขาปฏิเสธพยาบาลหรือคนอื่นๆ พยายามท้วงติง

    “ไหวแล้วหรือเพคะ”

    เขายิ้ม “ไกลหัวใจ ตายได้ไง”

    “หม่อมฉันถามว่าไหวแล้วหรือไม่ ไม่ได้ถามว่าจะตายแล้วหรือไม่นะเพคะ” นางกระแทกเสียงตอบมองค้อน “ถามเรื่องตอบเรื่อง กวนใจเพ
    คะ”

    “ฉันกวนใจริฟฟาห์มากแค่ไหนนี่”

    ชีคหนุ่มที่ผลัดเปลี่ยนชุดแล้ว ก้าวลงจากเตียงมาสวมกอด นางสะบัดสะบิ้งขืนตัว

    “ว้า... กอดก็ไม่ได้ สาวอื่นอยากให้ฉันกอด ริฟฟาห์นี่แย่จัง...”

    เขาตำหนิแกมหัวเราะบอกให้รู้ว่าพูดเล่นมากกว่าพูดจริง

    “ทำเป็นเก่ง...นี่นะ ว่าคนตามล่ามันไม่แม่นพอ”

    “ฉันจะตายได้อย่างไร ยังไม่มีเมียเลย”

    คนหนุ่มๆในห้องที่เฝ้าอยู่พากันหัวเราะ มีแต่นางริฟฟาห์ที่ไม่หัวเราะด้วย

    “ไม่เอา น่า ริฟฟาห์ ฉันไม่ยอมตายแน่ๆ หากว่าบูราไบของเรายังจะไม่อยู่ดีมีสุข”

    “ท่านชีคเพคะ คนบูราไบไม่ได้น่าเวทนาขนาดท่านเข้าพระทัยนะเพคะ”

    นางย้ำบอก ไม่อยากให้เจ้านายต้องกังวล

    “ยังไม่มีคนบูราไบคนไหนอดตาย”

    “ริฟฟาห์ จะต้องให้มีการอดตายก่อนหรือ...” เขาถามขื่นๆ “ความจริงคือคนของฉันไม่ได้สุขสบายถ้วนหน้า”

    “ท่านชีคเพคะ จะถ้วนหน้าได้อย่างไร...มันก็เป็นไปตามสภาพ”

    แต่เขาไม่ได้ฟัง...

    นะดีมเข้ามาบอกว่า “รถพร้อมแล้วพะย่ะค่ะ “

    “กลับบ้านเลยนะเพคะ” นางริฟฟาห์กระตือรือร้น

    “เจ้ากลับไปก่อน เราะจะไปที่ทะเลสาบฮาวา”

    “อ้าว! ไปทำไมเพคะ”

    “ไปดูน้ำ”

    “น้ำมันก็อยู่ของมันดีๆ...”

    “เราอยากไปดูน้ำ” เขาย้ำ... “กลับไปรอเราที่บ้านแล้วทำอาหารไว้ให้เรากิน ขออาหารบำรุงร่างกายเราจำเป็นจะต้องแข็งแรงมากๆหน่อย”



    ทะเลสาบเบื้องหน้านั้นกว้างใหญ่นักหนา...มันเหมือนทะเลสาบที่บ้าน...เหมือนจำลองมาด้วยกัน...เธอเป็นคนขอให้ตอลีพามาที่นี่หลังจากได้ยินคำว่าทะเลสาบมันอยู่ในอาณาเขตบูราไบ ไม่ใช่นอกด่าน เธอตะลึงมองดูทะเลสาบ ตอลีมาคุกเข่ามองไปข้างหน้าเช่นเดียวกับเธอ

    “เห็นไหม เจ้าหญิง”


    “อย่าเรียกข้าแบบนั้น เรียกข้าซีรีนก็พอ” เสียงห้ามเฉียบขาด “เจ้าอย่าทำให้เราต้องระวังตัวมากนักเลย เราเป็นแค่หญิงเร่ร่อน”
    “ก็ได้ ซีรีน ทะเลสาบเหมือนอัล นาจาห์หรือไม่”

    “ข้ายังไม่อยากวกเข้าเรื่องอัล นาจาห์ที่เจ้ารู้จัก แต่ทะเลสาบเรา...”

    เสียงเธอขาดหาย...เพราะเสียงรถแล่นมา...มีคนลงมาจากรถ เธอหันมาช้าๆ

    บุรุษหนุ่มคนหนึ่งแต่งตัวด้วยชุดสีขาว สง่างามเป็นอันมากด้วยผ้าโพกศีรษะและมีเส้นเชือกสีดำพันรอบอีกที...เขาก้าวตรงมา
    และเธอก็เอ่ยออกมา

    “เจ้าโจรสายลม!”

    ชีคหนุ่มยืนนิ่ง ก้าวขาไม่ออกตัวแข็งทื่อ

    คนเรียกเขา สาวน้อยมอมแมมคนในภาพ....

    นะดีมกับราอูล รีบมาบังเขาเอาไว้ เอ่ยตวาด

    “นังหนู ถอยไป...เจ้าเอ่ยอะไร”

    “นังหนู” หรือจะยอมฟัง เธอก้าวออกมาแล้วผลักสองหนุ่มองครักษ์ของชีคหนุ่มไปคนละทางประจันหน้ากับชีคหนุ่ม

    “หรือเจ้าจะลืมบอกคนอื่นว่าเจ้าเป็นโจร...”

    เธอเท้าเอวสองมือ

    “โฮ้โห....เจ้าดูดีมาก ยืมเสื้อผ้าจากไหน...”

    ชีคหนุ่มตั้งสติได้แล้ว...ไม่ผิดคน...ความจำของเขาไม่ผิด เด็กสาวคนนี้...ที่ช่วยเขาเอาไว้

    แต่เขายอมรับไม่ได้...เขาทำหน้าเคร่งเย็นชา เสียงเยือกเย็น

    “เจ้าคือใคร...แล้วเจ้ารู้จักเราหรือไม่ ว่าเราคือใคร”

    เชคีซีรีนเอานิ้วจิ้มอกนั้น หัวเราะเสียงระรื่น

    “รู้สิ...เจ้าคือเจ้าโจรสายลม...เจ้าคนเถื่อน”

    เขาจับมือเธอรวบ

    “ฟังเรา...นังหนู”

    เชคีซีรีนแทบจะเต้นเพราะคำเรียกนั้น

    “เราคือชีคแห่งบูราไบ ชีครอม์ฮิม”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×