ลำดับตอนที่ #12
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : 12
ชีคแห่งสายลม12
“เจ้าคิดว่าเป็นรอม์ฮิมหรือ อับดุลลา”
นั่นคือคำถามจากอัล...เมื่ออับดุลลามาเข้าเฝ้าในวันนี้...ก่อนจะเดินทางไปร่วมพิธีเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเทวีแห่งบูราไบ...เจ้าหญิงฟะรีฮา อับดุลลาเข้ามายังฝ่ายใน...แล้วได้ทูลถวายรายงานเกี่ยวกับ “โจรสายลม”
อับดุลลารายงานด้วยท่าทีนิ่ง ใจเย็น ตามนิสัยที่เป็นน้ำนิ่ง ลึก แต่เชื่อถือได้
อับดุลลาจะไม่พูดในเรื่องที่ตัวเองไม่แน่ใจ
อัลย่อมรู้จักคนของตัวเองเป็นอย่างดี รู้ว่าอับดุลลา “เชื่อถือ” ได้แค่ไหน
ความเป็นเพื่อนมาแต่เยาว์วัย มีส่วนกระชับความสัมพันธ์ให้ฐานันดรศักดิ์ของ “เจ้า” กับ “บริวาร” หายไป
อัลบอกตัวเองว่าเขาเชื่อว่าอับดุลลาเป็นเพื่อนตาย...เป็นมากกว่าองครักษ์ เป็นมากกว่าเพื่อน...
เขาเคยห่วงอับดุลลาเมื่อชีวิตพลิกผันไปพัวพันกับเจ้าหญิงอะมีร่าห์...ผิดหวังจากเจ้าหญิงโซยา น้องน้อยของเขา และอับดุลลาติดตามอควา
ไปในดินแดนห่างไกลไร้ข่าวคราวเมื่อตายจากไปกันเป็นเวลาสองปีได้ และเมื่ออับดุลลากลับมาได้พร้อมกับเชคีอัสมาคนงามนั้น อัลรู้สึกเหมือนแขนข้างขวาของเขาเองที่ขาดหายไปได้กลับมาดังเดิม คำรายงานของอับดุลลานี้เชื่อถือได้
แต่อัลก็ยังถามย้ำอีกหน ว่าใช่แน่หรือ
ใช้ชีคหนุ่มแห่งบูราไบหรือ
อัลอยู่ที่ตำหนักไออิชาคนเดียว เพราะตอนนี้เจ้าหญิงเรเนีย บินไปอเมริกาด้วยภารกิจของครอบครัวและตัวเอง...
“เรเนีย สตาร์” ยังมีตัวตน มีภาพลักษณ์ต้องดำเนินการต้องควบคุมธุรกิจเสื้อผ้าที่เป็นเกี่ยวกับแฟชั่น...และเป็นช่วงที่ กำลังออกทัวร์ คอนเสิร์ตอยู่ในอเมริกา พี่น้องจะได้พร้อมหน้ากัน เพราะการออกคอนเสิร์ตนั้นจะมีแองเจลิน่าตามไปด้วยเสมอมิได้ขาด และหลายหนที่อัลจะตามพระชายาไปด้วย แต่หนนี้เมื่อเจ้าหญิงโซยาบอกว่าจะต้องตามเรย์มอนด์ไปอเมริกา อัลเลยสมัครจะอยู่เฝ้าตำหนักไออิชา
เขาคิดว่าควรจะต้องอยู่บ้านสักพักเพื่อสะสางเรื่องวุ่นๆ แม้นจะดูเป็นเหมือนเรื่องเล็กน้อยแค่มันระคายความรู้สึกให้รำคาญมากกว่าอื่นใด
เขาไม่ชอบการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวว่าโดนโจรปล้นระหว่างการเดินทาง
เจ้าโจรหนุ่มคนนั้นปรากฏตัวแบบสายลม...มีฉายารู้กันทั่วว่าโจรสายลม กระทั่งบัดนี้ยังไม่รู้กันว่าเจ้าโจรนั้นเป็นใครมาจากไหน อัลเรียกอับดุลลามาจากอิบบาห์ เชวู โดยพูดกับชีคชาห์มาเลยว่าจะต้องปล่อยให้ทูตทหารจากอารูก้าในอิบบาห์ เชวู เป็นสุญญากาศไปก่อน เพราะสถานการณ์ที่นั่นไม่มีอะไร...
ทั่วแถบนี้แม้จะอยู่ใกล้กับเพื่อนบ้านที่มีสงครามทั้งภายนอกและภายใน...แต่อัลรู้ว่าดินแดนสี่รัฐนี้ยังมีสันติสุขมาก
เว้นแต่เรื่องเจ้าโจรคนนั้น
นักท่องเที่ยวบางคนนอกจากจะแจ้งความแล้วยังกลับไปเขียนประจานลงบล็อกหรือเวบไซต์ตัวเองประนามการดูแลความปลอดภัยในอารูก้าและเลยไปยังอิบบาห์ เชวู...
แปลกที่นาว์ราและบูราไบไม่มีเจ้าโจรถูกเรียกตามฉายาการปรากฏตัวที่ไร้ร่องรอยว่าโจรสายลม
นาว์รากับบูราไบมั่งคั่งไม่พอหรือไร
เขาสอบถามไปยังเผ่าโซแมคของเจ้าหญิงอิมาน แม่ยายของเขา...เจ้าหญิงอิมานบอกว่าไม่เคยมีการปล้นในดินแดนนอกด่านผ่านออกจากรัฐทั้งหลาย ดินแดนกลางที่ครอบครองด้วยกัน พวกเบดูอินไม่เคยถูกปล้น หรืออาจจะเป็นไปได้ว่าพวกเบดูอินไม่มีทรัพย์สินมีค่ามากนัก
จำกัดวงให้แคบลง เจ้าโจรสายลมปล้นเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติและเก่งกาจขนาดว่าทรัพย์สินมีค่าที่นักท่องเที่ยวผู้มั่งคั่งนำมาด้วยเพราะบางมื้ออาหารจะต้องแต่งตัวเต็มที่พร้อมด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับเก็บไว้ในเซฟของห้องพักก็ยังสูญหาย...กล้องวงจรปิดไม่สามารถจะจับภาพคนร้ายได้เต็มที่ ราวกับว่าโจรสายลมไม่ได้เป็นแค่โจรกระจอกธรรมดาที่ไม่รู้เรื่องระบบป้องกันภัยเพราะทุกครั้งที่มีการสูญหายของทรัพย์สิน กล้องวงจรปิดไม่เคยสามารถจับภาพการลงมือทำงานของเจ้าโจรได้เลย
กล้องจะถูกปิด หรือถูกตัดสายก่อนทุกหน
บีบวงให้แคบเข้าว่าเจ้าโจรสายลมจะต้องเป็นคนมีความรู้ทางเทคนิคและทำงานเป็นทีม ไม่ได้ทำงานเพียงลำพังคนเดียว
“แวบหนึ่งที่เห็นตอนล่าประชิดตัวแล้ว กระหม่อมเกือบจะมั่นใจเต็มร้อยว่าเป็นท่านชีครอม์ฮิม”
“รอม์ฮิมจะทำด้วยแรงจูงใจใด”
“เงินพะยะค่ะ”
“เงินหรือ”
“แรงจูงใจที่มากพอพะยะค่ะ เพราะหนี้สินของบูราไบที่มีกับอารูก้าก็ครบกำหนดการจ่ายไปเมื่อสองเดือนก่อน”
“แล้วแต่เขาก็มีจ่ายนี่นา...บูราไบเป็นลูกหนี้ที่ดี แม้เราจะต้องช่วยเหลือบ่อยหนด้วยเงินก้อนใหญ่”
“อิบบาห์ เชวูก็ช่วย”
“แล้วยังไงต่อ อับดุลลา”
“เงินที่ปล้นได้แต่ละครั้งเป็นล้านเหรียญนะพะยะค่ะ”
“แต่หนี้กับอารูก้าหรืออิบบาห์ เชวู มันมากกว่านั้นนะ”
“เงินล้านเหรียญไม่น้อยเลย...นั่นเพียงพอจะเอาเข้าบูราไบจับจ่ายเป็นงบเพื่อเลี้ยงประชาชนสินะ อย่าลืมว่าเจ้าโจรสายลมออกปล้นบ่อยแค่ไหน หกเดือนก่อน มีข่าวการปล้นทุกสิบวัน เขาจะได้เงินไปคราวละสามล้านเหรียญ เท่าที่รวมตัวเลขล่าสุดเป็นสิบล้านเหรียญ คูณกลับเป็นเงินบูราไบนั้นเกือบร้อยล้าน มหาศาลพะยะค่ะ”
อัลขมวดคิ้ว “พวกนักท่องเที่ยวจะขนกันมามากมายทำไมนะ”
เหมือนเขาลืม
“ท่านห้ามพวกเขาไม่ได้ เพราะเวลานักท่องเที่ยวกลุ่มนั่นมาพวกเขาจะมาซื้อของมีค่ากลับไป อย่าลืมว่านอกจากดอกไม้ที่นาว์รายังมีอัญมณีมีค่าหลากสี...และนักท่องเที่ยวผู้มั่งคั่งจะขนเครื่องแต่งตัวแพรพรรณงดงามกันมาเป็น****บๆ กระเป๋าเดินทางเก่าแก่ของหลุยต์ วิตตอง มากันทีมากมาย”
สินค้าใหม่ของนาว์ราที่ส่งมาขายที่อารูก้า...
“นอกจากปล้นนักท่องเที่ยวแล้ว พวกร้านค้าต่างชาติห้างดังๆที่ขายของล้ำค่าก็โดนปล้นด้วยนะ”
“จำกัดให้แคบลงอีกนิดพะยะค่ะ”
“ตรงไหน เจ้าจะโฟกัสไปตรงไหนหรือ อับดุลลา”
“คนที่ปล้นจงใจละเลยคนบ้านเดียวกัน”
“หือ...”
“เขาเจาะจงปล้นพวกต่างชาติเท่านั้น”
“อือ... จะบอกเราว่ามีการเกลียดชังเรื่องเชื้อชาติมาด้วยหรือ”
“เปล่าพะยะค่ะ คงไมถึงกับการเกลียด เอาเป็นว่าไม่พอใจที่คนพวกนั่นร่ำรวย...ขวางตาก็เลยปล้น”
“ออกจะโรคจิตน่ะนั่น”
“โจรโรคจิต ฉลาด...”
“แล้วน่าจะเป็นรอม์ฮิม”
“ชีครอม์ฮิมเป็นคนหนุ่ม มีการศึกษาสูง เก็บองค์อยู่โดดเดี่ยว...ไม่ค่อยจะเข้าสมาคมกับพวกท่าน”
จริงของอับดุลลา ชีคหนุ่มแห่งบูราไบเก็บตัวโดดเดี่ยวเสมอมา นานๆทีถึงจะยอมเข้าร่วมสมาคม ด้วยภาพลักษณ์ที่มีแต่รอยยิ้มสุภาพ...และพูดน้อยมาก เป็นผู้รับฟังที่ดีมากกว่า...แต่ชีครอม์ฮิมนั่นเป็นนักขี่ม้าผู้สามารถ...ม้าอาราเบียนสายพันธุ์ดีที่มี่ไว้ในครอบครองมากมายเป็นสิบๆตัว เขาไม่ได้จะชมชอบการขี่ม้า แม้ตอนอยู่อังกฤษ ชีคหนุ่มจะปรากฏตัวอยู่กับสังคมขั้นสูงเสมอๆ ตามสนามแข่งม้าและกีฬาแข่งม้าประจำปีของราชวงศ์ ชีคหนุ่มจะรวมอยู่กับครอบครัวของทางเจ้าชายรุ่นหลังๆของราชวงศ์เสมอด้วยว่าเป็นพระสหายกัน แต่ทว่าตัวชีคหนุ่มชมชอบการขี่ม้าโลดโผนมาก
หากพระเทวีไม่ห้าม และจริงจังกับเรื่องนี้ คงจะได้เห็นชีครอม์ฮิมเป็นนักแข่งม้าโลดโผนไปแล้ว
แต่กระนั้นเขาสะสมม้าสายพันธุ์ดีๆฝีเท้าจัดไว้มากมาย
“รอม์ฮิมชอบความโดดเดี่ยวที่ท้าทายแบบม้าของเขา” อัลรำพึง “เราจะไปจับผิดรอม์ฮิมด้วยกันใช่ไหม อับดุลลา”
“การจับผิดให้ได้แบบซึ่งหน้าอาจจะยากนักพะยะค่ะ”
อับดุลลาทูลตอบด้วยความระมัดระวังเป็นอันมาก
อัลเอาแต่หัวเราะ อารมณ์ดี “และนั่นมิท้าทายเจ้ากับเราหรือ อับดุลลา”
อับดุลลากำลังทำหน้ายุ่งยากใจ...
“มีอะไรบางอย่างที่ทำให้กระหม่อมกังวล”
“อะไรหรือ”
“หมู่นี้ อัสมาโดนรบกวนด้วยบางเรื่องราวที่ทำให้รำคาญใจ”
“ใจใคร ใจเจ้าหรือใจของอัสมา”
“ของอัสมาและพลอยทำให้กระหม่อมอดใจให้สงสัยมิได้ อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เรากำลังคุยกัน...แต่ก็ทำให้อัสม์ไม่สบายใจเท่าไหร่ อัสม์มักจะพบว่าพี่สาวของเธอมาหาและพาสิ่งหนึ่งมาให้”
“สิ่งใด คนหรือสิ่งของ”
“นกฮูกพะยะค่ะ”
“หือ...อะไรนะ”
“นกฮูก จำได้ไหมที่กระหม่อมเคยทูลเล่าว่าเชคีมารีอาห์เคยเป็นนกฮูก...แต่ทำไมเชคีมารีอาห์ถึงนำนกฮูกมาให้น้องสาวอัสม์อีก”
“เจ้าคิดอย่างไร”
อับดุลลาส่ายหน้า “เพราะคิดไม่ออก กระหม่อมถึงกังวลไปด้วย เพราะเท่าที่แอบคิดโดยไม่บอกอัสม์ กระหม่อมกลัวจะเกิดเหตุที่อัล นา
จาห์ กับท่านอควาและเชคีมารีอาห์ แต่กระหม่อมเดินทางไปอัล นาจาห์อีกไม่ได้ ประตูเมืองคงไม่เปิดต้อนรับใคร”
“โซยาก็พยายามตามหาอัล นาจาห์อยู่นี่นา”
อัลรำพึง...ความจริงก็คือว่าเจ้าหญิงโซยาน้องน้อยเชื่อเรื่องแม่น้ำสีดำเป็นอันมาก
วิหารศักดิ์สิทธิ์นอกประตูเมืองอารูก้า แต่ไม่ถึงกับสุดพรมแดน เป็นที่เกิดตำนานมากมายและหนึ่งในนั่นคือเส้นทางของแม่น้ำดำที่อับดุลลา
ไปพบเจอด้วยตัวเอง
เขากลับมาเล่าเองว่าเขาเจอแม่น้ำสีดำทอดยาวใต้วิหารศักดิ์สิทธิ์ แต่จนบัดนี้ก็ยังตามหาแม่น้ำสายนี้กันไม่เจอ มันทอดตัวใต้วิหารที่เคยมีการเข่นฆ่านองเลือด มีวิญญาณที่สิงสถิตและแม้บัดนี้จะมีการยืนยันว่าวิญาณส่วนใหญ่ได้รับการปลดปล่อยนับจากวันที่เจ้าหญิงอะมีร่าห์ได้พาอควา ปีศาจร้ายแห่งตำนานออกมาปรากฏตัวพำนักที่นั่น
ที่ตำหนักของเธอที่เปิดเป็นสถานเต้นระบำเพื่อประชดชีวิตตัวเอง แต่เจ้าหญิงอะมีร่าห์เป็นอีกหน้าของประวัติศาสตร์อันมืดดำของอารูก้า เป็นเรื่องราวที่มีบทเพลงขับขานอย่างโศกเศร้า และเวทนาล้ำลึก
ชีวิตของเธอยิ่งกว่าเทพนิยาย...จากสามัญชนสู่เจ้าหญิง และตกลงสู่บ่วงชีวิตที่ทำให้เธอเป็นนางร้ายอยู่กับมายาและสุดท้ายนั้นเพื่อจะเอาชนะผู้ชายสักคน
เรย์มอนด์ ภควัต...
เธอยอมทำทุกอย่างแม้แต่การเสาะหาอควา ปีศาจร้ายน่ากลัวจากตำนาน เธอสามารถเดินทางไปพบอควาและเชิญมาอยู่ที่ตำหนักของ
เธอ ให้อควากระทำการต่างๆนานาและเธอสังเวยอควาด้วยเลือดเนื้อผู้คนหลายชีวิต
ก่อนที่เธอจะจบชีวิตตัวเองอย่างน่าอนาถ...พระธิดาบุญธรรมของเจ้าชายโมฮาผู้เดินทางผิด ด้วยความทะเยอทะยานมากมี ทุกวันนี้มีบ่อยหนเจ้าชายโมฮาผู้พำนักอยู่ที่นาว์ราจะระลึกถึงพระธิดาองค์นี้ด้วยความรักและอาดูร แกมตำหนิพระองค์เอง
...เพราะฉัน อะมีร่าห์ถึงเป็นไปได้เพียงนั้น หากฉันไม่เสี้ยมสอนยุยง อะมีร่าห์จะไม่เป็นอย่างนั้น ป่านฉะนี้อะมีร่าห์คงจะมีความสุขกับชายหนุ่มสักคน มีลูกและมีหลานให้ฉันได้อุ้มชูด้วยรักเสน่หา...
เจ้าหญิงอะมีร่าห์สิ้นชีวิต ใต้วิหารศักดิ์สิทธิ์ อับดุลลากลายเป็นคนบาปเร่ร่อนตามอควาไปยังดินแดนห่างไกล
อัล นาจาห์
อีกโลก อีกเมือง...อีกด้านของชีวิต
เขาเดินทางผ่านแม่น้ำดำ เขาได้พบเจอแร่ธาตุสำคัญอย่างทำทองคำ ไม่นับรวมกับเพชรมากมาย ส่วนหนึ่งเขาได้นำถวายเจ้าหญิงโซยา แต่น่าแปลกว่าจนกระทั่งบัดนี้ เจ้าหญิงโซยายังไม่สามารถคันพบแม่น้ำสีดำ แม้จะมีแผนที่ลายแทง!
เหมือนประตูแห่งกาลเวลาจะผ่านไปนั่นยังปิดสนิทนัก
“อับดุลลา” อัลเดินมาใกล้ตบบ่าบุรุษที่เขารักเสมอน้องชาย รักเสมอเพื่อน รักเสมอคนสนิทไว้วางใจได้ “เจ้าอย่าคิดกังวลไปเลย ไม่
ว่าจะต้องเกิดอะไร เราก็ต้องยอมรับ ไม่มีอะไรน่ากลัว บางทีนกฮูกที่อัสมาได้เห็น อาจจะเป็นสัญลักษณ์บอกว่าอัล นาจาห์และพี่สาวของอัสมาอยู่เย็นเป็นสุข"”โดยที่อัลไม่ทันคิดถึง
อยู่เย็น...เย็นแน่นอนเพราะนับจากเชคีซีรีนจากมา...อัล นาจาห์มีน้ำท่วมท้น และบัดนี้...อควาและเชคีมารีอาห์นอนนิ่งอยู่ที่ก้นทะเลสาบไปแล้ว
เมืองทั้งเมืองมีแต่น้ำ...และน้ำ...
“เราไปบูราไบกันเถิด แต่ก่อนไป เราจะต้องเข้าประชุมกับรัฐมนตรีน้ำ”
“มีอะไรพะยะค่ะ”
“บูราไบเสนอขายน้ำดิบให้กับเรา”
“น้ำดิบหรือพะยะค่ะ”
“น้ำดิบคุณภาพดีมากด้วย”
“บูราไบมีน้ำหรือพะยะค่ะ”
“เขาบอกมาทางเราว่าเขาได้ปริมาณน้ำดิบเพิ่มจากทะเลสาบกลางเมือง...น้ำดิบผ่านการตรวจสอบแล้ว ทางเรา รัฐมนตรีน้ำบินไปด้วยตัวเองและรายงานมาหนึ่งหนกับเราว่าน้ำดิบคุณภาพดี...จะมีการส่งต่อน้ำนั่นมาอารูก้า”
“น้ำดิบ...”
อับดุลลาทวน
“เราคิดว่าหากบูราไบมีปริมาณน้ำท่วมท้น เขาจะสามารถส่งน้ำนี้ไปขายได้ทั่วรัฐแถบรอบอ่าวนี้ทั้งหมด และอับดุลลา...เชื่อเถิดว่าน้ำย่อมจะมีราคาไม่ต่างจากน้ำมัน...”
อับดุลลาปิดปากเงียบสนิท แม้ใจจะคิดว่าน้ำนั้นมาจากไหน แวบหนึ่ง...ของจิตใต้สำนึกที่มีความคิดเงียบๆ...
เขาคิดถึงทะเลสาบกลางเมือง อัล นาจาห์
น้ำที่นั่น...คุณภาพดีมาก...เขายังจำได้ เขาเคยลงไปในทะเลสาบนั้น เคยแหวกว่าย เคยลิ้มรสน้ำ...
แต่น้ำดิบคุณภาพดีจะเหมือนน้ำที่ทะเลสาบของอัล นาจาห์อย่างไร
เป็นไปไม่ได้
เขาจะกลับตำหนักนาดาวันนี้ บ่ายนี้ อีกไม่กี่วันจะถึงวันประสูติของพระเทวีแห่งบูราไบไม่เพียงงานนี้ไม่ได้เริ่มต้นในวันนั้นแค่เริ่มก่อนหน้านั่นสามวัน รับจากวันพรุ่งนี้ มีการเลี้ยงการแจกเงิน...ให้กับผู้คนที่ยากจน...จะมีคนเดินทางผ่านจากนอกเมืองเข้ามามากนัก และงานนี้เขาควรจะลงไปบัญชาการให้ลุล่วงไปด้วยดีเหมือนดังเช่นปีที่ผ่านๆมา ยังจะแขกต่างเมืองผู้ได้รับเชิญมาร่วมงานเฉลิมฉลองที่บูราไบ...
และรายงานข่าวด่วน...ลับเฉพาะมาถึงเขาก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น ข่าวจากอารูก้า
อัลแห่งอารูก้าจะเสด็จมาก่อนวันงานเฉลิมฉลองจริงๆ
อัลมาทำไม...เขาถามสั้นๆ มีอับดุลลามาด้วยหรือไม่
คำตอบคือมี
เขารู้...กลิ่นเลือดของเขาที่ได้หลั่งไปแม้ไม่มากนักได้เข้าถึงหูอัลแล้ว
อัลกำลังตามกลิ่นเลือดมา สิงห์หนุ่มแห่งอารูก้าได้กลิ่นเลือดนี้รวดเร็วและฉลาดล้ำ
เขาจึงไม่ลังเลที่จะรีบออกจากโรงพยาบาลและอ้างว่าจะกลับพำนักตำหนักนาดา มันมีความจำเป็นมากกว่านั้น เรื่องเขาเข้า
โรงพยาบาลนี่หากเข้าหูอัล มีหวังเป็นเรื่องใหญ่
นางริฟฟาห์ที่มาอยู่เฝ้าเขา เพราะเขาปฏิเสธพยาบาลหรือคนอื่นๆ พยายามท้วงติง
“ไหวแล้วหรือเพคะ”
เขายิ้ม “ไกลหัวใจ ตายได้ไง”
“หม่อมฉันถามว่าไหวแล้วหรือไม่ ไม่ได้ถามว่าจะตายแล้วหรือไม่นะเพคะ” นางกระแทกเสียงตอบมองค้อน “ถามเรื่องตอบเรื่อง กวนใจเพ
คะ”
“ฉันกวนใจริฟฟาห์มากแค่ไหนนี่”
ชีคหนุ่มที่ผลัดเปลี่ยนชุดแล้ว ก้าวลงจากเตียงมาสวมกอด นางสะบัดสะบิ้งขืนตัว
“ว้า... กอดก็ไม่ได้ สาวอื่นอยากให้ฉันกอด ริฟฟาห์นี่แย่จัง...”
เขาตำหนิแกมหัวเราะบอกให้รู้ว่าพูดเล่นมากกว่าพูดจริง
“ทำเป็นเก่ง...นี่นะ ว่าคนตามล่ามันไม่แม่นพอ”
“ฉันจะตายได้อย่างไร ยังไม่มีเมียเลย”
คนหนุ่มๆในห้องที่เฝ้าอยู่พากันหัวเราะ มีแต่นางริฟฟาห์ที่ไม่หัวเราะด้วย
“ไม่เอา น่า ริฟฟาห์ ฉันไม่ยอมตายแน่ๆ หากว่าบูราไบของเรายังจะไม่อยู่ดีมีสุข”
“ท่านชีคเพคะ คนบูราไบไม่ได้น่าเวทนาขนาดท่านเข้าพระทัยนะเพคะ”
นางย้ำบอก ไม่อยากให้เจ้านายต้องกังวล
“ยังไม่มีคนบูราไบคนไหนอดตาย”
“ริฟฟาห์ จะต้องให้มีการอดตายก่อนหรือ...” เขาถามขื่นๆ “ความจริงคือคนของฉันไม่ได้สุขสบายถ้วนหน้า”
“ท่านชีคเพคะ จะถ้วนหน้าได้อย่างไร...มันก็เป็นไปตามสภาพ”
แต่เขาไม่ได้ฟัง...
นะดีมเข้ามาบอกว่า “รถพร้อมแล้วพะย่ะค่ะ “
“กลับบ้านเลยนะเพคะ” นางริฟฟาห์กระตือรือร้น
“เจ้ากลับไปก่อน เราะจะไปที่ทะเลสาบฮาวา”
“อ้าว! ไปทำไมเพคะ”
“ไปดูน้ำ”
“น้ำมันก็อยู่ของมันดีๆ...”
“เราอยากไปดูน้ำ” เขาย้ำ... “กลับไปรอเราที่บ้านแล้วทำอาหารไว้ให้เรากิน ขออาหารบำรุงร่างกายเราจำเป็นจะต้องแข็งแรงมากๆหน่อย”
ทะเลสาบเบื้องหน้านั้นกว้างใหญ่นักหนา...มันเหมือนทะเลสาบที่บ้าน...เหมือนจำลองมาด้วยกัน...เธอเป็นคนขอให้ตอลีพามาที่นี่หลังจากได้ยินคำว่าทะเลสาบมันอยู่ในอาณาเขตบูราไบ ไม่ใช่นอกด่าน เธอตะลึงมองดูทะเลสาบ ตอลีมาคุกเข่ามองไปข้างหน้าเช่นเดียวกับเธอ
“เห็นไหม เจ้าหญิง”
“อย่าเรียกข้าแบบนั้น เรียกข้าซีรีนก็พอ” เสียงห้ามเฉียบขาด “เจ้าอย่าทำให้เราต้องระวังตัวมากนักเลย เราเป็นแค่หญิงเร่ร่อน”
“ก็ได้ ซีรีน ทะเลสาบเหมือนอัล นาจาห์หรือไม่”
“ข้ายังไม่อยากวกเข้าเรื่องอัล นาจาห์ที่เจ้ารู้จัก แต่ทะเลสาบเรา...”
เสียงเธอขาดหาย...เพราะเสียงรถแล่นมา...มีคนลงมาจากรถ เธอหันมาช้าๆ
บุรุษหนุ่มคนหนึ่งแต่งตัวด้วยชุดสีขาว สง่างามเป็นอันมากด้วยผ้าโพกศีรษะและมีเส้นเชือกสีดำพันรอบอีกที...เขาก้าวตรงมา
และเธอก็เอ่ยออกมา
“เจ้าโจรสายลม!”
ชีคหนุ่มยืนนิ่ง ก้าวขาไม่ออกตัวแข็งทื่อ
คนเรียกเขา สาวน้อยมอมแมมคนในภาพ....
นะดีมกับราอูล รีบมาบังเขาเอาไว้ เอ่ยตวาด
“นังหนู ถอยไป...เจ้าเอ่ยอะไร”
“นังหนู” หรือจะยอมฟัง เธอก้าวออกมาแล้วผลักสองหนุ่มองครักษ์ของชีคหนุ่มไปคนละทางประจันหน้ากับชีคหนุ่ม
“หรือเจ้าจะลืมบอกคนอื่นว่าเจ้าเป็นโจร...”
เธอเท้าเอวสองมือ
“โฮ้โห....เจ้าดูดีมาก ยืมเสื้อผ้าจากไหน...”
ชีคหนุ่มตั้งสติได้แล้ว...ไม่ผิดคน...ความจำของเขาไม่ผิด เด็กสาวคนนี้...ที่ช่วยเขาเอาไว้
แต่เขายอมรับไม่ได้...เขาทำหน้าเคร่งเย็นชา เสียงเยือกเย็น
“เจ้าคือใคร...แล้วเจ้ารู้จักเราหรือไม่ ว่าเราคือใคร”
เชคีซีรีนเอานิ้วจิ้มอกนั้น หัวเราะเสียงระรื่น
“รู้สิ...เจ้าคือเจ้าโจรสายลม...เจ้าคนเถื่อน”
เขาจับมือเธอรวบ
“ฟังเรา...นังหนู”
เชคีซีรีนแทบจะเต้นเพราะคำเรียกนั้น
“เราคือชีคแห่งบูราไบ ชีครอม์ฮิม”
“เจ้าคิดว่าเป็นรอม์ฮิมหรือ อับดุลลา”
นั่นคือคำถามจากอัล...เมื่ออับดุลลามาเข้าเฝ้าในวันนี้...ก่อนจะเดินทางไปร่วมพิธีเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเทวีแห่งบูราไบ...เจ้าหญิงฟะรีฮา อับดุลลาเข้ามายังฝ่ายใน...แล้วได้ทูลถวายรายงานเกี่ยวกับ “โจรสายลม”
อับดุลลารายงานด้วยท่าทีนิ่ง ใจเย็น ตามนิสัยที่เป็นน้ำนิ่ง ลึก แต่เชื่อถือได้
อับดุลลาจะไม่พูดในเรื่องที่ตัวเองไม่แน่ใจ
อัลย่อมรู้จักคนของตัวเองเป็นอย่างดี รู้ว่าอับดุลลา “เชื่อถือ” ได้แค่ไหน
ความเป็นเพื่อนมาแต่เยาว์วัย มีส่วนกระชับความสัมพันธ์ให้ฐานันดรศักดิ์ของ “เจ้า” กับ “บริวาร” หายไป
อัลบอกตัวเองว่าเขาเชื่อว่าอับดุลลาเป็นเพื่อนตาย...เป็นมากกว่าองครักษ์ เป็นมากกว่าเพื่อน...
เขาเคยห่วงอับดุลลาเมื่อชีวิตพลิกผันไปพัวพันกับเจ้าหญิงอะมีร่าห์...ผิดหวังจากเจ้าหญิงโซยา น้องน้อยของเขา และอับดุลลาติดตามอควา
ไปในดินแดนห่างไกลไร้ข่าวคราวเมื่อตายจากไปกันเป็นเวลาสองปีได้ และเมื่ออับดุลลากลับมาได้พร้อมกับเชคีอัสมาคนงามนั้น อัลรู้สึกเหมือนแขนข้างขวาของเขาเองที่ขาดหายไปได้กลับมาดังเดิม คำรายงานของอับดุลลานี้เชื่อถือได้
แต่อัลก็ยังถามย้ำอีกหน ว่าใช่แน่หรือ
ใช้ชีคหนุ่มแห่งบูราไบหรือ
อัลอยู่ที่ตำหนักไออิชาคนเดียว เพราะตอนนี้เจ้าหญิงเรเนีย บินไปอเมริกาด้วยภารกิจของครอบครัวและตัวเอง...
“เรเนีย สตาร์” ยังมีตัวตน มีภาพลักษณ์ต้องดำเนินการต้องควบคุมธุรกิจเสื้อผ้าที่เป็นเกี่ยวกับแฟชั่น...และเป็นช่วงที่ กำลังออกทัวร์ คอนเสิร์ตอยู่ในอเมริกา พี่น้องจะได้พร้อมหน้ากัน เพราะการออกคอนเสิร์ตนั้นจะมีแองเจลิน่าตามไปด้วยเสมอมิได้ขาด และหลายหนที่อัลจะตามพระชายาไปด้วย แต่หนนี้เมื่อเจ้าหญิงโซยาบอกว่าจะต้องตามเรย์มอนด์ไปอเมริกา อัลเลยสมัครจะอยู่เฝ้าตำหนักไออิชา
เขาคิดว่าควรจะต้องอยู่บ้านสักพักเพื่อสะสางเรื่องวุ่นๆ แม้นจะดูเป็นเหมือนเรื่องเล็กน้อยแค่มันระคายความรู้สึกให้รำคาญมากกว่าอื่นใด
เขาไม่ชอบการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวว่าโดนโจรปล้นระหว่างการเดินทาง
เจ้าโจรหนุ่มคนนั้นปรากฏตัวแบบสายลม...มีฉายารู้กันทั่วว่าโจรสายลม กระทั่งบัดนี้ยังไม่รู้กันว่าเจ้าโจรนั้นเป็นใครมาจากไหน อัลเรียกอับดุลลามาจากอิบบาห์ เชวู โดยพูดกับชีคชาห์มาเลยว่าจะต้องปล่อยให้ทูตทหารจากอารูก้าในอิบบาห์ เชวู เป็นสุญญากาศไปก่อน เพราะสถานการณ์ที่นั่นไม่มีอะไร...
ทั่วแถบนี้แม้จะอยู่ใกล้กับเพื่อนบ้านที่มีสงครามทั้งภายนอกและภายใน...แต่อัลรู้ว่าดินแดนสี่รัฐนี้ยังมีสันติสุขมาก
เว้นแต่เรื่องเจ้าโจรคนนั้น
นักท่องเที่ยวบางคนนอกจากจะแจ้งความแล้วยังกลับไปเขียนประจานลงบล็อกหรือเวบไซต์ตัวเองประนามการดูแลความปลอดภัยในอารูก้าและเลยไปยังอิบบาห์ เชวู...
แปลกที่นาว์ราและบูราไบไม่มีเจ้าโจรถูกเรียกตามฉายาการปรากฏตัวที่ไร้ร่องรอยว่าโจรสายลม
นาว์รากับบูราไบมั่งคั่งไม่พอหรือไร
เขาสอบถามไปยังเผ่าโซแมคของเจ้าหญิงอิมาน แม่ยายของเขา...เจ้าหญิงอิมานบอกว่าไม่เคยมีการปล้นในดินแดนนอกด่านผ่านออกจากรัฐทั้งหลาย ดินแดนกลางที่ครอบครองด้วยกัน พวกเบดูอินไม่เคยถูกปล้น หรืออาจจะเป็นไปได้ว่าพวกเบดูอินไม่มีทรัพย์สินมีค่ามากนัก
จำกัดวงให้แคบลง เจ้าโจรสายลมปล้นเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติและเก่งกาจขนาดว่าทรัพย์สินมีค่าที่นักท่องเที่ยวผู้มั่งคั่งนำมาด้วยเพราะบางมื้ออาหารจะต้องแต่งตัวเต็มที่พร้อมด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับเก็บไว้ในเซฟของห้องพักก็ยังสูญหาย...กล้องวงจรปิดไม่สามารถจะจับภาพคนร้ายได้เต็มที่ ราวกับว่าโจรสายลมไม่ได้เป็นแค่โจรกระจอกธรรมดาที่ไม่รู้เรื่องระบบป้องกันภัยเพราะทุกครั้งที่มีการสูญหายของทรัพย์สิน กล้องวงจรปิดไม่เคยสามารถจับภาพการลงมือทำงานของเจ้าโจรได้เลย
กล้องจะถูกปิด หรือถูกตัดสายก่อนทุกหน
บีบวงให้แคบเข้าว่าเจ้าโจรสายลมจะต้องเป็นคนมีความรู้ทางเทคนิคและทำงานเป็นทีม ไม่ได้ทำงานเพียงลำพังคนเดียว
“แวบหนึ่งที่เห็นตอนล่าประชิดตัวแล้ว กระหม่อมเกือบจะมั่นใจเต็มร้อยว่าเป็นท่านชีครอม์ฮิม”
“รอม์ฮิมจะทำด้วยแรงจูงใจใด”
“เงินพะยะค่ะ”
“เงินหรือ”
“แรงจูงใจที่มากพอพะยะค่ะ เพราะหนี้สินของบูราไบที่มีกับอารูก้าก็ครบกำหนดการจ่ายไปเมื่อสองเดือนก่อน”
“แล้วแต่เขาก็มีจ่ายนี่นา...บูราไบเป็นลูกหนี้ที่ดี แม้เราจะต้องช่วยเหลือบ่อยหนด้วยเงินก้อนใหญ่”
“อิบบาห์ เชวูก็ช่วย”
“แล้วยังไงต่อ อับดุลลา”
“เงินที่ปล้นได้แต่ละครั้งเป็นล้านเหรียญนะพะยะค่ะ”
“แต่หนี้กับอารูก้าหรืออิบบาห์ เชวู มันมากกว่านั้นนะ”
“เงินล้านเหรียญไม่น้อยเลย...นั่นเพียงพอจะเอาเข้าบูราไบจับจ่ายเป็นงบเพื่อเลี้ยงประชาชนสินะ อย่าลืมว่าเจ้าโจรสายลมออกปล้นบ่อยแค่ไหน หกเดือนก่อน มีข่าวการปล้นทุกสิบวัน เขาจะได้เงินไปคราวละสามล้านเหรียญ เท่าที่รวมตัวเลขล่าสุดเป็นสิบล้านเหรียญ คูณกลับเป็นเงินบูราไบนั้นเกือบร้อยล้าน มหาศาลพะยะค่ะ”
อัลขมวดคิ้ว “พวกนักท่องเที่ยวจะขนกันมามากมายทำไมนะ”
เหมือนเขาลืม
“ท่านห้ามพวกเขาไม่ได้ เพราะเวลานักท่องเที่ยวกลุ่มนั่นมาพวกเขาจะมาซื้อของมีค่ากลับไป อย่าลืมว่านอกจากดอกไม้ที่นาว์รายังมีอัญมณีมีค่าหลากสี...และนักท่องเที่ยวผู้มั่งคั่งจะขนเครื่องแต่งตัวแพรพรรณงดงามกันมาเป็น****บๆ กระเป๋าเดินทางเก่าแก่ของหลุยต์ วิตตอง มากันทีมากมาย”
สินค้าใหม่ของนาว์ราที่ส่งมาขายที่อารูก้า...
“นอกจากปล้นนักท่องเที่ยวแล้ว พวกร้านค้าต่างชาติห้างดังๆที่ขายของล้ำค่าก็โดนปล้นด้วยนะ”
“จำกัดให้แคบลงอีกนิดพะยะค่ะ”
“ตรงไหน เจ้าจะโฟกัสไปตรงไหนหรือ อับดุลลา”
“คนที่ปล้นจงใจละเลยคนบ้านเดียวกัน”
“หือ...”
“เขาเจาะจงปล้นพวกต่างชาติเท่านั้น”
“อือ... จะบอกเราว่ามีการเกลียดชังเรื่องเชื้อชาติมาด้วยหรือ”
“เปล่าพะยะค่ะ คงไมถึงกับการเกลียด เอาเป็นว่าไม่พอใจที่คนพวกนั่นร่ำรวย...ขวางตาก็เลยปล้น”
“ออกจะโรคจิตน่ะนั่น”
“โจรโรคจิต ฉลาด...”
“แล้วน่าจะเป็นรอม์ฮิม”
“ชีครอม์ฮิมเป็นคนหนุ่ม มีการศึกษาสูง เก็บองค์อยู่โดดเดี่ยว...ไม่ค่อยจะเข้าสมาคมกับพวกท่าน”
จริงของอับดุลลา ชีคหนุ่มแห่งบูราไบเก็บตัวโดดเดี่ยวเสมอมา นานๆทีถึงจะยอมเข้าร่วมสมาคม ด้วยภาพลักษณ์ที่มีแต่รอยยิ้มสุภาพ...และพูดน้อยมาก เป็นผู้รับฟังที่ดีมากกว่า...แต่ชีครอม์ฮิมนั่นเป็นนักขี่ม้าผู้สามารถ...ม้าอาราเบียนสายพันธุ์ดีที่มี่ไว้ในครอบครองมากมายเป็นสิบๆตัว เขาไม่ได้จะชมชอบการขี่ม้า แม้ตอนอยู่อังกฤษ ชีคหนุ่มจะปรากฏตัวอยู่กับสังคมขั้นสูงเสมอๆ ตามสนามแข่งม้าและกีฬาแข่งม้าประจำปีของราชวงศ์ ชีคหนุ่มจะรวมอยู่กับครอบครัวของทางเจ้าชายรุ่นหลังๆของราชวงศ์เสมอด้วยว่าเป็นพระสหายกัน แต่ทว่าตัวชีคหนุ่มชมชอบการขี่ม้าโลดโผนมาก
หากพระเทวีไม่ห้าม และจริงจังกับเรื่องนี้ คงจะได้เห็นชีครอม์ฮิมเป็นนักแข่งม้าโลดโผนไปแล้ว
แต่กระนั้นเขาสะสมม้าสายพันธุ์ดีๆฝีเท้าจัดไว้มากมาย
“รอม์ฮิมชอบความโดดเดี่ยวที่ท้าทายแบบม้าของเขา” อัลรำพึง “เราจะไปจับผิดรอม์ฮิมด้วยกันใช่ไหม อับดุลลา”
“การจับผิดให้ได้แบบซึ่งหน้าอาจจะยากนักพะยะค่ะ”
อับดุลลาทูลตอบด้วยความระมัดระวังเป็นอันมาก
อัลเอาแต่หัวเราะ อารมณ์ดี “และนั่นมิท้าทายเจ้ากับเราหรือ อับดุลลา”
อับดุลลากำลังทำหน้ายุ่งยากใจ...
“มีอะไรบางอย่างที่ทำให้กระหม่อมกังวล”
“อะไรหรือ”
“หมู่นี้ อัสมาโดนรบกวนด้วยบางเรื่องราวที่ทำให้รำคาญใจ”
“ใจใคร ใจเจ้าหรือใจของอัสมา”
“ของอัสมาและพลอยทำให้กระหม่อมอดใจให้สงสัยมิได้ อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เรากำลังคุยกัน...แต่ก็ทำให้อัสม์ไม่สบายใจเท่าไหร่ อัสม์มักจะพบว่าพี่สาวของเธอมาหาและพาสิ่งหนึ่งมาให้”
“สิ่งใด คนหรือสิ่งของ”
“นกฮูกพะยะค่ะ”
“หือ...อะไรนะ”
“นกฮูก จำได้ไหมที่กระหม่อมเคยทูลเล่าว่าเชคีมารีอาห์เคยเป็นนกฮูก...แต่ทำไมเชคีมารีอาห์ถึงนำนกฮูกมาให้น้องสาวอัสม์อีก”
“เจ้าคิดอย่างไร”
อับดุลลาส่ายหน้า “เพราะคิดไม่ออก กระหม่อมถึงกังวลไปด้วย เพราะเท่าที่แอบคิดโดยไม่บอกอัสม์ กระหม่อมกลัวจะเกิดเหตุที่อัล นา
จาห์ กับท่านอควาและเชคีมารีอาห์ แต่กระหม่อมเดินทางไปอัล นาจาห์อีกไม่ได้ ประตูเมืองคงไม่เปิดต้อนรับใคร”
“โซยาก็พยายามตามหาอัล นาจาห์อยู่นี่นา”
อัลรำพึง...ความจริงก็คือว่าเจ้าหญิงโซยาน้องน้อยเชื่อเรื่องแม่น้ำสีดำเป็นอันมาก
วิหารศักดิ์สิทธิ์นอกประตูเมืองอารูก้า แต่ไม่ถึงกับสุดพรมแดน เป็นที่เกิดตำนานมากมายและหนึ่งในนั่นคือเส้นทางของแม่น้ำดำที่อับดุลลา
ไปพบเจอด้วยตัวเอง
เขากลับมาเล่าเองว่าเขาเจอแม่น้ำสีดำทอดยาวใต้วิหารศักดิ์สิทธิ์ แต่จนบัดนี้ก็ยังตามหาแม่น้ำสายนี้กันไม่เจอ มันทอดตัวใต้วิหารที่เคยมีการเข่นฆ่านองเลือด มีวิญญาณที่สิงสถิตและแม้บัดนี้จะมีการยืนยันว่าวิญาณส่วนใหญ่ได้รับการปลดปล่อยนับจากวันที่เจ้าหญิงอะมีร่าห์ได้พาอควา ปีศาจร้ายแห่งตำนานออกมาปรากฏตัวพำนักที่นั่น
ที่ตำหนักของเธอที่เปิดเป็นสถานเต้นระบำเพื่อประชดชีวิตตัวเอง แต่เจ้าหญิงอะมีร่าห์เป็นอีกหน้าของประวัติศาสตร์อันมืดดำของอารูก้า เป็นเรื่องราวที่มีบทเพลงขับขานอย่างโศกเศร้า และเวทนาล้ำลึก
ชีวิตของเธอยิ่งกว่าเทพนิยาย...จากสามัญชนสู่เจ้าหญิง และตกลงสู่บ่วงชีวิตที่ทำให้เธอเป็นนางร้ายอยู่กับมายาและสุดท้ายนั้นเพื่อจะเอาชนะผู้ชายสักคน
เรย์มอนด์ ภควัต...
เธอยอมทำทุกอย่างแม้แต่การเสาะหาอควา ปีศาจร้ายน่ากลัวจากตำนาน เธอสามารถเดินทางไปพบอควาและเชิญมาอยู่ที่ตำหนักของ
เธอ ให้อควากระทำการต่างๆนานาและเธอสังเวยอควาด้วยเลือดเนื้อผู้คนหลายชีวิต
ก่อนที่เธอจะจบชีวิตตัวเองอย่างน่าอนาถ...พระธิดาบุญธรรมของเจ้าชายโมฮาผู้เดินทางผิด ด้วยความทะเยอทะยานมากมี ทุกวันนี้มีบ่อยหนเจ้าชายโมฮาผู้พำนักอยู่ที่นาว์ราจะระลึกถึงพระธิดาองค์นี้ด้วยความรักและอาดูร แกมตำหนิพระองค์เอง
...เพราะฉัน อะมีร่าห์ถึงเป็นไปได้เพียงนั้น หากฉันไม่เสี้ยมสอนยุยง อะมีร่าห์จะไม่เป็นอย่างนั้น ป่านฉะนี้อะมีร่าห์คงจะมีความสุขกับชายหนุ่มสักคน มีลูกและมีหลานให้ฉันได้อุ้มชูด้วยรักเสน่หา...
เจ้าหญิงอะมีร่าห์สิ้นชีวิต ใต้วิหารศักดิ์สิทธิ์ อับดุลลากลายเป็นคนบาปเร่ร่อนตามอควาไปยังดินแดนห่างไกล
อัล นาจาห์
อีกโลก อีกเมือง...อีกด้านของชีวิต
เขาเดินทางผ่านแม่น้ำดำ เขาได้พบเจอแร่ธาตุสำคัญอย่างทำทองคำ ไม่นับรวมกับเพชรมากมาย ส่วนหนึ่งเขาได้นำถวายเจ้าหญิงโซยา แต่น่าแปลกว่าจนกระทั่งบัดนี้ เจ้าหญิงโซยายังไม่สามารถคันพบแม่น้ำสีดำ แม้จะมีแผนที่ลายแทง!
เหมือนประตูแห่งกาลเวลาจะผ่านไปนั่นยังปิดสนิทนัก
“อับดุลลา” อัลเดินมาใกล้ตบบ่าบุรุษที่เขารักเสมอน้องชาย รักเสมอเพื่อน รักเสมอคนสนิทไว้วางใจได้ “เจ้าอย่าคิดกังวลไปเลย ไม่
ว่าจะต้องเกิดอะไร เราก็ต้องยอมรับ ไม่มีอะไรน่ากลัว บางทีนกฮูกที่อัสมาได้เห็น อาจจะเป็นสัญลักษณ์บอกว่าอัล นาจาห์และพี่สาวของอัสมาอยู่เย็นเป็นสุข"”โดยที่อัลไม่ทันคิดถึง
อยู่เย็น...เย็นแน่นอนเพราะนับจากเชคีซีรีนจากมา...อัล นาจาห์มีน้ำท่วมท้น และบัดนี้...อควาและเชคีมารีอาห์นอนนิ่งอยู่ที่ก้นทะเลสาบไปแล้ว
เมืองทั้งเมืองมีแต่น้ำ...และน้ำ...
“เราไปบูราไบกันเถิด แต่ก่อนไป เราจะต้องเข้าประชุมกับรัฐมนตรีน้ำ”
“มีอะไรพะยะค่ะ”
“บูราไบเสนอขายน้ำดิบให้กับเรา”
“น้ำดิบหรือพะยะค่ะ”
“น้ำดิบคุณภาพดีมากด้วย”
“บูราไบมีน้ำหรือพะยะค่ะ”
“เขาบอกมาทางเราว่าเขาได้ปริมาณน้ำดิบเพิ่มจากทะเลสาบกลางเมือง...น้ำดิบผ่านการตรวจสอบแล้ว ทางเรา รัฐมนตรีน้ำบินไปด้วยตัวเองและรายงานมาหนึ่งหนกับเราว่าน้ำดิบคุณภาพดี...จะมีการส่งต่อน้ำนั่นมาอารูก้า”
“น้ำดิบ...”
อับดุลลาทวน
“เราคิดว่าหากบูราไบมีปริมาณน้ำท่วมท้น เขาจะสามารถส่งน้ำนี้ไปขายได้ทั่วรัฐแถบรอบอ่าวนี้ทั้งหมด และอับดุลลา...เชื่อเถิดว่าน้ำย่อมจะมีราคาไม่ต่างจากน้ำมัน...”
อับดุลลาปิดปากเงียบสนิท แม้ใจจะคิดว่าน้ำนั้นมาจากไหน แวบหนึ่ง...ของจิตใต้สำนึกที่มีความคิดเงียบๆ...
เขาคิดถึงทะเลสาบกลางเมือง อัล นาจาห์
น้ำที่นั่น...คุณภาพดีมาก...เขายังจำได้ เขาเคยลงไปในทะเลสาบนั้น เคยแหวกว่าย เคยลิ้มรสน้ำ...
แต่น้ำดิบคุณภาพดีจะเหมือนน้ำที่ทะเลสาบของอัล นาจาห์อย่างไร
เป็นไปไม่ได้
เขาจะกลับตำหนักนาดาวันนี้ บ่ายนี้ อีกไม่กี่วันจะถึงวันประสูติของพระเทวีแห่งบูราไบไม่เพียงงานนี้ไม่ได้เริ่มต้นในวันนั้นแค่เริ่มก่อนหน้านั่นสามวัน รับจากวันพรุ่งนี้ มีการเลี้ยงการแจกเงิน...ให้กับผู้คนที่ยากจน...จะมีคนเดินทางผ่านจากนอกเมืองเข้ามามากนัก และงานนี้เขาควรจะลงไปบัญชาการให้ลุล่วงไปด้วยดีเหมือนดังเช่นปีที่ผ่านๆมา ยังจะแขกต่างเมืองผู้ได้รับเชิญมาร่วมงานเฉลิมฉลองที่บูราไบ...
และรายงานข่าวด่วน...ลับเฉพาะมาถึงเขาก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น ข่าวจากอารูก้า
อัลแห่งอารูก้าจะเสด็จมาก่อนวันงานเฉลิมฉลองจริงๆ
อัลมาทำไม...เขาถามสั้นๆ มีอับดุลลามาด้วยหรือไม่
คำตอบคือมี
เขารู้...กลิ่นเลือดของเขาที่ได้หลั่งไปแม้ไม่มากนักได้เข้าถึงหูอัลแล้ว
อัลกำลังตามกลิ่นเลือดมา สิงห์หนุ่มแห่งอารูก้าได้กลิ่นเลือดนี้รวดเร็วและฉลาดล้ำ
เขาจึงไม่ลังเลที่จะรีบออกจากโรงพยาบาลและอ้างว่าจะกลับพำนักตำหนักนาดา มันมีความจำเป็นมากกว่านั้น เรื่องเขาเข้า
โรงพยาบาลนี่หากเข้าหูอัล มีหวังเป็นเรื่องใหญ่
นางริฟฟาห์ที่มาอยู่เฝ้าเขา เพราะเขาปฏิเสธพยาบาลหรือคนอื่นๆ พยายามท้วงติง
“ไหวแล้วหรือเพคะ”
เขายิ้ม “ไกลหัวใจ ตายได้ไง”
“หม่อมฉันถามว่าไหวแล้วหรือไม่ ไม่ได้ถามว่าจะตายแล้วหรือไม่นะเพคะ” นางกระแทกเสียงตอบมองค้อน “ถามเรื่องตอบเรื่อง กวนใจเพ
คะ”
“ฉันกวนใจริฟฟาห์มากแค่ไหนนี่”
ชีคหนุ่มที่ผลัดเปลี่ยนชุดแล้ว ก้าวลงจากเตียงมาสวมกอด นางสะบัดสะบิ้งขืนตัว
“ว้า... กอดก็ไม่ได้ สาวอื่นอยากให้ฉันกอด ริฟฟาห์นี่แย่จัง...”
เขาตำหนิแกมหัวเราะบอกให้รู้ว่าพูดเล่นมากกว่าพูดจริง
“ทำเป็นเก่ง...นี่นะ ว่าคนตามล่ามันไม่แม่นพอ”
“ฉันจะตายได้อย่างไร ยังไม่มีเมียเลย”
คนหนุ่มๆในห้องที่เฝ้าอยู่พากันหัวเราะ มีแต่นางริฟฟาห์ที่ไม่หัวเราะด้วย
“ไม่เอา น่า ริฟฟาห์ ฉันไม่ยอมตายแน่ๆ หากว่าบูราไบของเรายังจะไม่อยู่ดีมีสุข”
“ท่านชีคเพคะ คนบูราไบไม่ได้น่าเวทนาขนาดท่านเข้าพระทัยนะเพคะ”
นางย้ำบอก ไม่อยากให้เจ้านายต้องกังวล
“ยังไม่มีคนบูราไบคนไหนอดตาย”
“ริฟฟาห์ จะต้องให้มีการอดตายก่อนหรือ...” เขาถามขื่นๆ “ความจริงคือคนของฉันไม่ได้สุขสบายถ้วนหน้า”
“ท่านชีคเพคะ จะถ้วนหน้าได้อย่างไร...มันก็เป็นไปตามสภาพ”
แต่เขาไม่ได้ฟัง...
นะดีมเข้ามาบอกว่า “รถพร้อมแล้วพะย่ะค่ะ “
“กลับบ้านเลยนะเพคะ” นางริฟฟาห์กระตือรือร้น
“เจ้ากลับไปก่อน เราะจะไปที่ทะเลสาบฮาวา”
“อ้าว! ไปทำไมเพคะ”
“ไปดูน้ำ”
“น้ำมันก็อยู่ของมันดีๆ...”
“เราอยากไปดูน้ำ” เขาย้ำ... “กลับไปรอเราที่บ้านแล้วทำอาหารไว้ให้เรากิน ขออาหารบำรุงร่างกายเราจำเป็นจะต้องแข็งแรงมากๆหน่อย”
ทะเลสาบเบื้องหน้านั้นกว้างใหญ่นักหนา...มันเหมือนทะเลสาบที่บ้าน...เหมือนจำลองมาด้วยกัน...เธอเป็นคนขอให้ตอลีพามาที่นี่หลังจากได้ยินคำว่าทะเลสาบมันอยู่ในอาณาเขตบูราไบ ไม่ใช่นอกด่าน เธอตะลึงมองดูทะเลสาบ ตอลีมาคุกเข่ามองไปข้างหน้าเช่นเดียวกับเธอ
“เห็นไหม เจ้าหญิง”
“อย่าเรียกข้าแบบนั้น เรียกข้าซีรีนก็พอ” เสียงห้ามเฉียบขาด “เจ้าอย่าทำให้เราต้องระวังตัวมากนักเลย เราเป็นแค่หญิงเร่ร่อน”
“ก็ได้ ซีรีน ทะเลสาบเหมือนอัล นาจาห์หรือไม่”
“ข้ายังไม่อยากวกเข้าเรื่องอัล นาจาห์ที่เจ้ารู้จัก แต่ทะเลสาบเรา...”
เสียงเธอขาดหาย...เพราะเสียงรถแล่นมา...มีคนลงมาจากรถ เธอหันมาช้าๆ
บุรุษหนุ่มคนหนึ่งแต่งตัวด้วยชุดสีขาว สง่างามเป็นอันมากด้วยผ้าโพกศีรษะและมีเส้นเชือกสีดำพันรอบอีกที...เขาก้าวตรงมา
และเธอก็เอ่ยออกมา
“เจ้าโจรสายลม!”
ชีคหนุ่มยืนนิ่ง ก้าวขาไม่ออกตัวแข็งทื่อ
คนเรียกเขา สาวน้อยมอมแมมคนในภาพ....
นะดีมกับราอูล รีบมาบังเขาเอาไว้ เอ่ยตวาด
“นังหนู ถอยไป...เจ้าเอ่ยอะไร”
“นังหนู” หรือจะยอมฟัง เธอก้าวออกมาแล้วผลักสองหนุ่มองครักษ์ของชีคหนุ่มไปคนละทางประจันหน้ากับชีคหนุ่ม
“หรือเจ้าจะลืมบอกคนอื่นว่าเจ้าเป็นโจร...”
เธอเท้าเอวสองมือ
“โฮ้โห....เจ้าดูดีมาก ยืมเสื้อผ้าจากไหน...”
ชีคหนุ่มตั้งสติได้แล้ว...ไม่ผิดคน...ความจำของเขาไม่ผิด เด็กสาวคนนี้...ที่ช่วยเขาเอาไว้
แต่เขายอมรับไม่ได้...เขาทำหน้าเคร่งเย็นชา เสียงเยือกเย็น
“เจ้าคือใคร...แล้วเจ้ารู้จักเราหรือไม่ ว่าเราคือใคร”
เชคีซีรีนเอานิ้วจิ้มอกนั้น หัวเราะเสียงระรื่น
“รู้สิ...เจ้าคือเจ้าโจรสายลม...เจ้าคนเถื่อน”
เขาจับมือเธอรวบ
“ฟังเรา...นังหนู”
เชคีซีรีนแทบจะเต้นเพราะคำเรียกนั้น
“เราคือชีคแห่งบูราไบ ชีครอม์ฮิม”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น