ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : 11
ชีคแห่งสายลม11
หลังจากนั้นแล้วท่านหญิงมะยาห์ดีแทบจะไม่มองท่านหญิงมาซะห์อีก เธอหันไปสนใจเด็กขอทานมอมแมม นึกในใจว่านี่คงจะเป็นพวกเบดูอินนอกเมืองไกลออกไปในทะเลทราย
เข้ามาในร้านกันสองคน แต่คนหนึ่งดูงามกว่า มีสง่าราศีมากกว่าอย่างชัดเจน แม้การแต่งกายจะไม่แตกต่างกันทั้งสองคน ชุดสีขาวนวลดูมอมแมมเปรอะเปื้อนด้วยคราบที่ทำให้สีขาวนวลเหมือนจะเปื้อนด้วยคราบเห็นรอยทิ้งไว้...
แต่ความมอมแมมภายนอกทั้งเสื้อผ้าและหน้านั้นหาได้กลบ “ราศี” ได้หมดสิ้น...
มันยังมีอยู่
...เด็กขอทานคนนั้น เฮ้อ ไม่อยากเชื่อเลย...
เธอคิดต่ออย่างเรื่องอ่านเล่น...หรือเด็กคนนี้จะมีเชื้อสาย
พวกเบดูอินหลายเผ่าที่ไม่ยอมเข้าเมืองมีเชื้อสาย...มีสายเลือดผสม หัวหน้าเผ่าหลายคนเคยได้เมียต่างชาติ...พวกผิวขาวผมทอง...ได้สายเลือดผสมหลายต่อหลายคน...เบดูอินที่มั่งคั่งก็มี...พวกนี้บางทีออเดอร์เมียต่างชาติเข้ามาเลยทีเดียว...หน้าตาเจ้าเด็กขอทานคนนั้น...ดูงาม...ไม่เหมือนพวกต่างชาติ...แต่ท่านหญิงมะยาห์ดีอยากจะร้องขอดังๆ
ร้องขออะไรน่ะหรือ
ร้องขอลบหน้ามอมแมมนั่น
จะได้เห็นสาวน้อยสดสวยแค่ไหนกันนะ
แต่เธอไม่สามารถทำตามใจคิดได้ อยู่ๆ จะไปร้องขอให้คนอื่นเช็ดหน้าเช็ดตาเพื่อขอชมโฉม มันเหมือนก้าวก่ายในสิทธิ์ส่วนตัวกันเกินไป
แต่ท่านหญิงมาซะห์รู้สึกหงุดหงิด
...ยัยแก่สนใจเด็กขอทาน...
หล่อนหวังเสมอว่าท่านหญิงมะยาห์ดี และเจ้าหญิงฟะรีฮาห์ ควรจะรับรองหล่อนมากกว่านี้
สตรีสองคน
หนึ่งท่านป้า
หนึ่งพระมารดา
มีอิทธิพลต่อชีคหนุ่มมาก...เพียงสตรีสูงศักดิ์ยิ่งของแผ่นดินบูราไบออกปาก...มีหรือชีคหนุ่มจะไม่ฟัง...และทำตาม...ท่านหญิงมาซะห์ยอมทำใจแสนสาหัสขนาดว่าแม้จะต้องเป็น “พระชายา” สักคนในจำนวนหลายคนที่ชีคหนุ่มพึงมี หล่อนจะยอม...ขอแค่การยอมรับเป็นทางการว่าหล่อนคือพระชายา...จะเป็นเอกหรือเป็นรอง...เป็นลำดับไหนก็ได้ขอให้เป็นได้เสียก่อน หล่อนหวัง..และที่สำคัญอีกข้อหล่อน “คุย” เอาไว้มากว่าชีครอม์ฮิมรักและหลงหล่อน ให้คนในครอบครัวและเครือญาติรอคอยดูวันที่หล่อนจะได้เข้าไปอยู่ที่พระตำหนักนาดา อย่างพระชายาคนหนึ่ง...มิใช่ที่บ้านชานเมืองที่ท่านชีคหนุ่มแค่แวะเวียนมาบ้าง...
หล่อนรอเขาที่นั่นอย่างเหงาๆ หวาดหวั่นใจ
บางทีเสน่หานั้นก็ผ่านไปกับสายลมแห่งท้องทะเลทรายไม่ได้หวนกลับมาอีก
ทั้งที่สายลมแห่งทะเลทรายยังพัดผ่านทุกวัน แต่สายลมสายเดิมของเมื่อวันที่เป็นสุขนั้นมักจะไม่ค่อยพัดหวนคืน
สายตาของท่านหญิงมะยาห์ดีทำให้ท่านหญิงมาซะห์เหน็บหนาวในใจ
มองเพ่งพิศ...พิจารณาเหมือนจะ...เหมือนจะ...
...ยัยแก่นี่จะหานางบำเรอให้ท่านรอม์ฮิมหรือไม่...
ในตำหนักนาดาที่หล่อนไม่เคยได้พำนักค้างคืนอาจจะมีนางบำเรอหลายคน ฉุดดึงเขาไม่ให้ออกมาพบปะกับหล่อนอีกเลย
อย่าว่าแต่หล่อน อิซาเบลก็ไม่ได้รับสิ่งเดียวกัน
ต่างรู้กัน
...อย่าหวังเลย ยัยแก่...
หล่อนหงุดหงิด
“ท่านป้าเพคะ” หล่อนเอ่ยออกมา
ท่านหญิงมะยาห์ดีหันหน้ามามอง มีรอยยิ้มเล็กน้อยบนดวงหน้านั่น เธอมีผ้าคลุมศีรษะไม่ได้เปิดเฉพาะดวงตาแต่เปิดดวงหน้า ผ้าคลุมนั้นโพกรอบดวงหน้าไม่ให้เห็นเส้นผมของเธอ ดวงหน้านั้นยังดูงาม...เธอเป็นสตรีที่ทรงอำนาจคนหนึ่งของบูราไบ ในความงามสง่านั้นมีความเด็ดขาดแทรกอยู่ด้วย
ท่านหญิงมะยาห์ดียิ้มให้กับหล่อน
“มีอะไรหรือ เสียงเธอห้วนมาก”
หล่อนโดนตำหนิ...
“ไม่พอใจสิ่งใดหรือ ดูหน้าตาเธอด้วย มาซะห์ หน้าตาเธอไม่งามเลย”
“นี่มันคือที่พิเศษของเรานะคะ” หล่อนเน้นคำว่า “เรา”
“คุณราห์จีให้เด็กนั่นเข้ามาทำไม ดูสิเพคะ ดูว่ามันไม่เหมาะกับร้านสวยงามและของสวยงามนี้เลย”
คนที่ถูกกล่าวหาและมองอย่างขวางๆนั่นหาได้สนใจแต่กำลังตื่นตากับเครื่องเพชรที่ได้รับการตกแต่งประกอบเรือน...ออกแบบงดงาม...ดวงตาของเชคีซีรีนนั้นขยายกว้าง...แม้แต่ซินาสที่ปกติมิได้ตื่นเต้นกับสิ่งเหล่านี้เช่นกันก็ยังอดกระซิบบอกกับคนเป็นเสมือนนายและน้องไม่ได้
“งามจัง ซีรีน มันคือก้อนหินสีขาวที่เรามีอยู่เดิมหรือไม่...”
เชคีซีรีนพยักหน้า
“เขาทำมันใหม่หรือ”
“น่าจะใช่นะ ทำได้งามแท้ๆ”
เธอยังมองด้วยความตื่นตาตื่นใจ
“คนทำช่างมีฝีมือมากๆ...แพรวพราวระยับระยิบ”
เพราะดวงไฟเล็กๆที่สาดกระทบ เพราะผ้ากำมะหยี่สีแดงเลือดนกที่มีแสงเงาวาวในตัวผ้า ที่วางรองกล่องที่ทำพิเศษอีกที...ทั้งปวงเหล่านี้ขับประกายแห่งเพชรที่เจียระไนและอัญมณีหลากสีสัน...เชคีซีรีนมองด้วยความฉงนแกมทึ่งเพราะก้อนหินสีๆ หรือก้อนหินสีขาวที่เธอเอาไว้เล่นสนุก และมองมันแค่ก้อนหิน เมื่อมันได้รับการตกแต่งเสียใหม่ ประกายของมันระยิบระยับ...เธอเฝ้าพิจารณาด้วยการเอาสองมือจับไว้เหนือตู้กระจกและเห็นว่าที่ระยิบระยับนั้นเกิดเพราะอะไรหนอ
นั่นเพราะเธอไม่รู้จักการเจียระไนเพชรพลอย
เธอไม่รู้ว่าก้อนหินที่เธอโยนเล่นนั้นเอาไปเจียระไนให้มีเหลี่ยมมุมได้มากมาย
เพราะเวลาที่เธอเคยอยู่แตกต่างจากเวลาภายนอก โลกของเทคโนโลยีนั้นมีมากมายมหาศาล มันพัฒนาไปทุกอย่าง
“สวย” เธอพึมพำ
ราห์จีขยับตัวมาหา
“ชอบไหม”
เสียงถามอ่อนโยนฟังระคายหู ท่านหญิงมาซะห์บอกตัวเอง
ไยต้องทำดีกับเด็กขอทาน
“ราห์จี ไหนละ...ของที่ฉันขอดู”
หล่อนเอ่ยถามเน้นหนัก
เขาหันมามองหน้าหล่อนเอ่ยเรียบๆ “วันนี้เกรงจะไม่ได้”
“อะไรนะ”
“เกรงจะให้ชมไม่ได้ เพราะนี่ท่านหญิงมะยาห์ดีเพิ่งเสด็จมาถึง...ผมจะต้องนำของที่ท่านหญิงสั่งทำเอาไว้ให้ทอดพระเนตร...ท่านหญิงจะมีคำติชมที่ผมจะต้องรับฟังด้วยความใส่ใจ”
“เอ๊ะ...ราห์จี นี่เห็นฉันไม่สำคัญหรือ ฉันต้องการจะดูเซ็ทมรกตนั้น”
“ขอประทานโทษ พรุ่งนี้ครับ” เสียงตัดบท “คงจะต้องเชิญกลับก่อน”
โดนเชิญกลับ เท่ากับโดนไล่ไม่แตกต่าง
“ไล่ฉันหรือ”
“ผมขอเชิญ”
“แล้วยัยขอทานนั้นละ” หล่อนเหมือนพาล
ท่านหญิงมะยาห์ดีเลยเอ่ยว่า “ฉันอยากให้เด็กขอทานนั้นอยู่ด้วย”
“ท่านป้าเพคะ รับสั่งอันใดเพคะ” เสียงของท่านหญิงมาซะห์เข้มจัด “เราต้องยอมให้เด็กขอทานจากนอกเมืองเข้ามายืนปะปนกับเราในร้านนี้หรือเพคะ”
“มาซะห์ เราหรือ...แน่ใจหรือว่าเรา” เสียงเยือกเย็นนัก
ท่านหญิงมาซะห์หน้าแดงก่ำแล้วกลับซีดลง
“ฉันหมายถึงฉันคนเดียวเท่านั้น...ไม่มีเธอเพราะฉะนั้นย่อมไม่มีเรา “เอาละ ราห์จี ฉันจะต้องรีบไป...ขอดูของที่สั่งไว้”
แต่มีสัญญาณบอกให้รู้ว่าเธอไม่ต้องการให้ท่านหญิงมาซะห์อยู่ที่นี่อีก หล่อนเลยเชิดหน้าขึ้นคำรามในใจ
...ฝากไว้ก่อน นังแก่...
หล่อนยังไประบายอารมณ์กับราห์จีและ “นังเด็กขอทาน” ด้วยเสียงอันแหลมกราดเกรี้ยว
“วันนี้ฉันรู้สึกว่าที่นี่ไร้รสนิยมมากๆ ราห์จีอย่าประมาทว่าร้านคุณเป็นร้านที่ดีสุดในบูราไบ เพราะยังมีร้านแบบเดียวกันอีกหลายร้านที่ฉันเข้าไปซื้อของ”
ก่อนหล่อนจะปรายตาไปยังเชคีซีรีน “นังขอทานตัวดี เกะกะนัก...อย่างหล่อนน่ะเหมาะอยู่กับข้างถนนกับอูฐเน่าๆ”
เชคีซีรีนหันมามองคนพูด...ผู้หญิงสวยด้วยการแต่งตัวชุดพื้นเมืองของบูราไบปิดเนื้อตัวจนเหลือแต่ดวงหน้าในกรอบผ้าโพกเก็บเส้นผม...ดวงหน้าเนียนนั่นเต็มไปด้วยสีสันมากมายจนดูฉูดฉาด...ปากแดงๆ นั้นที่พูดตำหนิเธอ...ไล่เธอไปอยู่กับฮูฐ
เธอยิ้มมุมปาก “เจ้าเป็นใคร”
เสียงถามเย้ยเยาะ
“เจ้ามาไล่ข้าไปอยู่ข้างถนนกับอูฐได้ด้วยหรือ”
คำน้อยนั่นบอกความเชื่อมั่น
“หล่อนเข้ามาที่นี่ไม่ได้”
“ข้ามีขา...ข้าเดินเข้ามาได้”
เอาสิ ...เชคีซีรีนหาได้ยอม
“ข้ามีขาที่จะพาข้าไปที่ไหนๆ ก็ได้หมดหากข้าอยากจะไป”
เธอไม่รู้ข้อห้ามอันใด...สิทธิ์เสรีที่อัล นาจาห์นั่นมีอยู่มากมายไป...หากอยากไปไหน ไม่ไปคือไม่อยากจะไป...เหมือนตอนนี้ไม่อยากจะไปไหนทั้งนั้น
เมื่อไม่อยากไป ก็อย่าหมายจะไป เอาอูฐมาสักสิบตัวยังดึงเธอไปไม่ได้ เธอมองดูท่านหญิงมาซะห์และถามตัวเองว่าผู้หญิงคนนี้อวดวางท่า อวดอำนาจใส่เธอมากไปเสียแล้ว
แม่สอนนักว่าหากเจอคนแบบนี้ ที่ดีสุดอย่าให้ความสนใจ
เธอเชื่อแม่ เธอจึงมองท่านหญิงมาซะห์พักใหญ่แล้วจึงเบือนสายตาไปทางอื่น ทำท่าเหมือนไม่เห็นความสำคัญ...ท่านหญิงมาซะห์นั้น
นิสัยเดิมไม่ค่อยดีนัก ขนาดครอบครัวยังพากันส่ายหน้า ท่านหญิงมีนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง อาจจะเพราะการพะเน้าพะนอมาแต่เยาว์วัย จนยากจะแก้ไข หล่อนเห็นท่าทีของเด็กขอทานแล้วก็เหมือนเลือดฉีดแรงขึ้นหน้าทันที...
หล่อนก้าวไปหาเด็กขอทาน เหนี่ยวไหล่ของเชคีซีรีน...แล้วเงื้ออีกมือขึ้น
ท่านหญิงมะยาห์ดีร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ “มาซะห์ หยุดนะ”
เสียงเธอเกรี้ยวโกรธผสมด้วย กิริยาของท่านหญิงมาซะห์แย่มาก ...เธอแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองมองเห็น
“มาซะห์” อีกหนที่ส่งเสียงกำราบ
แต่หล่อนเงื้อมือแล้วไม่อยากพลาดไป หล่อนเลยจะเหวี่ยงมือลงไปตบลงบนหน้ามอมแมมที่เห็น แต่ทว่า..อะไรกันวูบเดียว...จริงๆไม่ได้มากกว่านั้น เหมือนมีอะไรวูบผ่านหน้าเป็นเงาดำ...แล้วมือที่จะตบลงไปก็ถูกยันกลับด้วยสิ่งที่แข็งราวกับคีมเหล็ก
ท่านหญิงมาซะห์รู้สึกเหมือนข้อมือตัวเองนั้นถูกหัก มีเสียงดังกร๊อบ แล้วหล่อนเองก็ร้องโหยหวนเป็นอันมาก ร่างทรุดลงไปกองกับพื้นร้านที่ปูด้วยหินอ่อน...
เชคีซีรีนก้มลงมองด้วยท่าเหมือนรำคาญ...
“เสียงดัง น่าเบื่อ” แล้วเธอก็พยักหน้าบอกกับซินาส “เราไปกันดีกว่า เราไม่ชอบเสียงดัง แสบหู ชวนรำคาญ”
“นังเด็กบ้า แกทำร้ายฉัน แกหักข้อมือฉัน”
เชคีซีรีนยิ้มนิดๆ “ใครทำ...ก็เห็นว่าจะตบหน้าข้า แล้วยังมากล่าวหาข้าอีก ข้าทำอะไรที่ไหน...ตบพลาดเอง โดนหน้าข้าที่ไหนกันเล่า” เธอเยาะเย้ยเสียอีก “ทำข้อมือตัวเองหัก จะมาโทษไยกัน”
ก่อนเธอกับซินาสจะเดินออกจากร้านไปอย่างไม่สนใจคำเรียกทักท้วงจากเจ้าของร้านหรือท่านหญิงมะยาห์ดี
“ท่านป้าเพคะ” เสียงร้องลั่น ยังเจ็บปวด “ไปเรียกมันไว้ทำไมกันเพคะ”
ก่อนหล่อนจะนึกได้ หล่อนเลยหันไปมองราห์จี
“ให้คนตามจับนังเด็กคนนั้นไว้ ฉันจะส่งมันไปหาตำรวจ”
“ข้อหาอะไรกัน มาซาะห์”
“มันทำร้ายหนูนะเพคะ ท่านป้า มันหักข้อมือหนู”
“จริงอย่างเด็กคนนั้นถาม ใครเห็น เพราะที่ฉันเห็น เธอจะตบหน้าเด็กคนนั้น แล้วเธอก็ทำพลาด...อุบัติเหตุ ข้อมือเธอหักเสียก่อนจะได้ตบคน...เอาละ...คนของเธออยู่ไหน ให้มารับตัวเธอไป ฉันจะได้จัดการธุระของฉันต่อ”
เมื่อตามหาเด็กสามคนนั่นไม่เจอ ชีคหนุ่มก็เป็นกังวลนัก...เขารู้สึกติดค้างในบุญคุณของเด็กคนนั้น...
เขาต้องการตอบแทน แต่จะหาตัวได้จากที่ใดกัน ทะเลทรายกว้างใหญ่นักโดยเฉพาะนอกประตูเมืองออกไปยังภายนอก....ทะเลทรายเวิ้งว้าง กว้างกว่ากว้าง
“ไปไหนกัน เป็นไปได้ไหมจะเข้ามาในบูราไบ” ชีคหนุ่มรำพึง...มีทางจะเข้าบูราไบได้จากเส้นทางนั้น เขาคุ้นเคยกับเส้นทางในทะเลทรายเป็นอย่างดี
เขารู้จักเส้นทาง ชำนาญการ รู้ว่าจากนอกเมืองนั้นตรงดิ่งเข้าบูราไบได้มากกว่าจะเดินทางไปยังทางอื่น
“ใกล้วันเกิดแม่เราแล้วด้วย น่าจะเป็นไปได้ ว่าจะเข้าเมือง เราอยากเจอคนช่วยเรา...แต่บูราไบก็ไม่ได้แคบสักนิด อาจจะหากันไม่
เจอ”
“ท่านจะให้รางวัลเด็กคนนั้นหรือพะยะค่ะ”
“ควรจะเป็นเช่นนั้น นะดีม เรารอดมาได้เพราะเด็กคนนั้น”
“กระหม่อมมีข้อแนะนำ ไม่ทราบว่าจะทรงเห็นด้วยหรือไม่”
“อย่างไรหรือ”
“การตามหาคนสักคนในบูราไบอาจจะไม่ง่าย หากไม่ได้มีการติดภาพ ประกาศตามตัว ให้รางวัล...”
“ภาพหรือ”
“ใช่พะยะค่ะ ว่าแต่จำได้แค่ไหน...”
“อือ...เราพอจะจำได้...เรียกคนวาดภาพเข้ามา”
เขาสั่ง และได้ทันใจนัก...คนวาดภาพมาตามที่ชีคหนุ่มต้องการ...ความสามารถของช่างวาดนั้นสมตามใจปรารถนา...ชีคหนุ่มค่อยๆบรรยายถึงเด็กคนนั้นตามที่ตัวเองจำได้ แล้วค่อยพิจารณาภาพที่ถูกส่งมาตรงหน้า
“ใช่หรือไม่”
เขามองดูดวงหน้านั้น...จำได้...ติดตา...ไม่รู้ลืม
“มอมแมมแบบนี้ละ ดวงตาแบบนี้ด้วย” เขาบอก
“ดวงตาสวยมากพะยะค่ะ” นะดีมยื่นหน้ามาดู “เด็กคนนี้คงจะโตเป็นสาวสวย”
“มอมแมมแบบนี้จะสวยได้แค่ไหนกัน” ชีคหนุ่มเอ่ยแกมหัวเราะ อารมณ์ดี “แต่งภาพอีกสักนิดเถิด...”
และภาพนั้นก็สมบูรณ์พอจะให้ช่างวาดนำไปทำสำเนาเพิ่ม...
“นะดีม ติดภาพนี้ไปทั่วเมือง..ประกาศให้รางวัลอย่างงาม หากใครเจอตัว หรือเจ้าตัวเข้ามาเจอภาพตัวเองให้เข้าวังเลย”
ท่านหญิงมะยาห์ดีก้าวเข้ามา...
“ท่านป้า มาทำไมกัน...” เขาเอ่ยถาม...ท่าทางร่าเริง ราวกับว่ามาพักผ่อนเล่นๆ หาใช่คนป่วย
“ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก”
“ยังจะมาปากดี...”
“แผลไกลหัวใจนัก”เขาตอบแบบไม่ยี่หระ “ที่สำคัญผมยังไม่มีพระชายา จะตายยังไม่ได้ ยังไม่ได้ทำหลานๆ ให้ท่านป้ากับท่านแม่เลี้ยง”
“รอม์ฮิม นี่ช่างปากดี....เอ๊ะ...ภาพอะไรกันนั่น
เธอเอ่ยถาม ลุกมาใกล้ๆ เพื่อมองภาพในมือช่างวาดก่อนจะดึงไปจากมือ อันเป็นกิริยาที่เธอไม่ค่อยจะทำบ่อยนักเพราะรู้ว้าไร้มารยาท
“เด็กคนนี้”
ชีคหนุ่มขยับตัวด้วยความสนใจเต็มที่
“ท่านป้ารู้จักหรือ”
“เพิ่งจะเจอกัน” แล้วเธอก็เล่ารายละเอียดให้ฟัง
“ใครกัน...” เธอถามชีคหนุ่ม
“คนช่วยชีวิตผม”
“ช่วยชีวิตเธอหรือ”
“ใช่ครับ...เธอช่วยชีวิตผมเอาไว้”
“เด็กคนนี้...คือใครกันแน่นะ”
ท่านหญิงมะยาห์ดีเอ่ยถามกับตัวเอง แต่หลานชายตอบแกมหัวเราะว่า
“คงจะเป็นพวกร่อนเร่ในทะเลทราย มอมแมมมาก แต่ตอนนี้เป็นอันว่าเข้าบูราไบมาแล้วจริงๆ ผมจะให้คนไปติดรูปทั่วเมืองตามหาตัวมาเพื่อรับรางวัล”
“ไม่กลัวมาซะห์มาฉีกอกเด็กคนนี้หรือ เกิดเรื่องไปมากแล้ว”
ชีคหนุ่มส่ายหน้า “ผมไม่กลัวมาซะห์ และนี่คือคนช่วยชีวิตผม...นะดีม ราอูล ช่วยกันตามหาตัวมาให้เราเร็วๆ นะ”
“เจ้าติดค้างเด็กคนนั้นใหญ่หลวงนัก”
“ใช่ครับ ท่านป้า”
“ติดหนี้ชีวิต...ด้วยชีวิต” ท่านหญิงมะยาห์ดีเอ่ย
“ผมจะให้สิ่งที่เด็กคนนั้นปรารถนา...ยากจนขนาดนั้นจะต้องการอะไรนอกจากเงินและอาหาร...”
“ป้าจะบอกเธอว่าชีวิตด้วยชีวิต”
เขาสบตากับเธอด้วยความประหลาดใจ
“ด้วยชีวิตเลยหรือ ท่านป้า”
“หรือจะด้วยหัวใจ”คำถามเล่นๆ ไม่ได้จริงจัง
ชีคหนุ่มหัวเราะลั่น ตอบจริงจัง
“พระชายาจะมอมแมมเป็นเด็กขอทานเร่ร่อนได้อย่างไรกัน ผมจะแตะต้องลงหรือ...”
“ต้องอย่างท่านหญิงมาซะห์หรือคุณอิซาเบลเท่านั้นใช่ไหมพะยะค่ะ” นะดีมถามหน้าตาเฉย
ท่านหญิงมะยาห์ดีมองค้อนหลานชาย
“มอมแมมแต่ภายนอก เชื่อป้าเถิด รอม์ฮิม ป้าว่าเด็กคนนั้นไม่ธรรมดาจริงๆไง..รัศมีออกจะฉายประกายมากกว่ามาซะห์นัก”
“โฮ้ย...ท่านป้า เท่าที่ผมจำได้แม้จะเลือนรางเวลานั้น ผมยืนยันได้เลยว่าเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตามอมแมมที่หากถวายตัวให้ผมฟรีๆ ผมยังไม่รับ”
“ตายละ...รอม์ฮิม เจ้าพูดอะไร...เหลวไหลจริง ระวังเถิด จำคำพูดตัวเองไว้ พวกเธอเป็นพยานด้วยนะว่าเจ้านายพูดอย่างไรบ้าง”
สำหรับชีคหนุ่มกระหวัดความคิดไปถึงภาพสาวสวยในกระบอกตะกั่วที่เก็บจากทะเลสาบ สาวสวยตาคมที่โพกผ้าสีแดงรอบศีรษะคนนั้นตราตรึง
ให้ซาบซึ้งใจนัก
หรือ
เพียง-พบ-ผูก-พัน
จะพันธนาการหัวใจและความรู้สึกของเขาไปแล้ว
เจ้าเด็กขอทานหรือจะสู้ได้
คงไม่!
หลังจากนั้นแล้วท่านหญิงมะยาห์ดีแทบจะไม่มองท่านหญิงมาซะห์อีก เธอหันไปสนใจเด็กขอทานมอมแมม นึกในใจว่านี่คงจะเป็นพวกเบดูอินนอกเมืองไกลออกไปในทะเลทราย
เข้ามาในร้านกันสองคน แต่คนหนึ่งดูงามกว่า มีสง่าราศีมากกว่าอย่างชัดเจน แม้การแต่งกายจะไม่แตกต่างกันทั้งสองคน ชุดสีขาวนวลดูมอมแมมเปรอะเปื้อนด้วยคราบที่ทำให้สีขาวนวลเหมือนจะเปื้อนด้วยคราบเห็นรอยทิ้งไว้...
แต่ความมอมแมมภายนอกทั้งเสื้อผ้าและหน้านั้นหาได้กลบ “ราศี” ได้หมดสิ้น...
มันยังมีอยู่
...เด็กขอทานคนนั้น เฮ้อ ไม่อยากเชื่อเลย...
เธอคิดต่ออย่างเรื่องอ่านเล่น...หรือเด็กคนนี้จะมีเชื้อสาย
พวกเบดูอินหลายเผ่าที่ไม่ยอมเข้าเมืองมีเชื้อสาย...มีสายเลือดผสม หัวหน้าเผ่าหลายคนเคยได้เมียต่างชาติ...พวกผิวขาวผมทอง...ได้สายเลือดผสมหลายต่อหลายคน...เบดูอินที่มั่งคั่งก็มี...พวกนี้บางทีออเดอร์เมียต่างชาติเข้ามาเลยทีเดียว...หน้าตาเจ้าเด็กขอทานคนนั้น...ดูงาม...ไม่เหมือนพวกต่างชาติ...แต่ท่านหญิงมะยาห์ดีอยากจะร้องขอดังๆ
ร้องขออะไรน่ะหรือ
ร้องขอลบหน้ามอมแมมนั่น
จะได้เห็นสาวน้อยสดสวยแค่ไหนกันนะ
แต่เธอไม่สามารถทำตามใจคิดได้ อยู่ๆ จะไปร้องขอให้คนอื่นเช็ดหน้าเช็ดตาเพื่อขอชมโฉม มันเหมือนก้าวก่ายในสิทธิ์ส่วนตัวกันเกินไป
แต่ท่านหญิงมาซะห์รู้สึกหงุดหงิด
...ยัยแก่สนใจเด็กขอทาน...
หล่อนหวังเสมอว่าท่านหญิงมะยาห์ดี และเจ้าหญิงฟะรีฮาห์ ควรจะรับรองหล่อนมากกว่านี้
สตรีสองคน
หนึ่งท่านป้า
หนึ่งพระมารดา
มีอิทธิพลต่อชีคหนุ่มมาก...เพียงสตรีสูงศักดิ์ยิ่งของแผ่นดินบูราไบออกปาก...มีหรือชีคหนุ่มจะไม่ฟัง...และทำตาม...ท่านหญิงมาซะห์ยอมทำใจแสนสาหัสขนาดว่าแม้จะต้องเป็น “พระชายา” สักคนในจำนวนหลายคนที่ชีคหนุ่มพึงมี หล่อนจะยอม...ขอแค่การยอมรับเป็นทางการว่าหล่อนคือพระชายา...จะเป็นเอกหรือเป็นรอง...เป็นลำดับไหนก็ได้ขอให้เป็นได้เสียก่อน หล่อนหวัง..และที่สำคัญอีกข้อหล่อน “คุย” เอาไว้มากว่าชีครอม์ฮิมรักและหลงหล่อน ให้คนในครอบครัวและเครือญาติรอคอยดูวันที่หล่อนจะได้เข้าไปอยู่ที่พระตำหนักนาดา อย่างพระชายาคนหนึ่ง...มิใช่ที่บ้านชานเมืองที่ท่านชีคหนุ่มแค่แวะเวียนมาบ้าง...
หล่อนรอเขาที่นั่นอย่างเหงาๆ หวาดหวั่นใจ
บางทีเสน่หานั้นก็ผ่านไปกับสายลมแห่งท้องทะเลทรายไม่ได้หวนกลับมาอีก
ทั้งที่สายลมแห่งทะเลทรายยังพัดผ่านทุกวัน แต่สายลมสายเดิมของเมื่อวันที่เป็นสุขนั้นมักจะไม่ค่อยพัดหวนคืน
สายตาของท่านหญิงมะยาห์ดีทำให้ท่านหญิงมาซะห์เหน็บหนาวในใจ
มองเพ่งพิศ...พิจารณาเหมือนจะ...เหมือนจะ...
...ยัยแก่นี่จะหานางบำเรอให้ท่านรอม์ฮิมหรือไม่...
ในตำหนักนาดาที่หล่อนไม่เคยได้พำนักค้างคืนอาจจะมีนางบำเรอหลายคน ฉุดดึงเขาไม่ให้ออกมาพบปะกับหล่อนอีกเลย
อย่าว่าแต่หล่อน อิซาเบลก็ไม่ได้รับสิ่งเดียวกัน
ต่างรู้กัน
...อย่าหวังเลย ยัยแก่...
หล่อนหงุดหงิด
“ท่านป้าเพคะ” หล่อนเอ่ยออกมา
ท่านหญิงมะยาห์ดีหันหน้ามามอง มีรอยยิ้มเล็กน้อยบนดวงหน้านั่น เธอมีผ้าคลุมศีรษะไม่ได้เปิดเฉพาะดวงตาแต่เปิดดวงหน้า ผ้าคลุมนั้นโพกรอบดวงหน้าไม่ให้เห็นเส้นผมของเธอ ดวงหน้านั้นยังดูงาม...เธอเป็นสตรีที่ทรงอำนาจคนหนึ่งของบูราไบ ในความงามสง่านั้นมีความเด็ดขาดแทรกอยู่ด้วย
ท่านหญิงมะยาห์ดียิ้มให้กับหล่อน
“มีอะไรหรือ เสียงเธอห้วนมาก”
หล่อนโดนตำหนิ...
“ไม่พอใจสิ่งใดหรือ ดูหน้าตาเธอด้วย มาซะห์ หน้าตาเธอไม่งามเลย”
“นี่มันคือที่พิเศษของเรานะคะ” หล่อนเน้นคำว่า “เรา”
“คุณราห์จีให้เด็กนั่นเข้ามาทำไม ดูสิเพคะ ดูว่ามันไม่เหมาะกับร้านสวยงามและของสวยงามนี้เลย”
คนที่ถูกกล่าวหาและมองอย่างขวางๆนั่นหาได้สนใจแต่กำลังตื่นตากับเครื่องเพชรที่ได้รับการตกแต่งประกอบเรือน...ออกแบบงดงาม...ดวงตาของเชคีซีรีนนั้นขยายกว้าง...แม้แต่ซินาสที่ปกติมิได้ตื่นเต้นกับสิ่งเหล่านี้เช่นกันก็ยังอดกระซิบบอกกับคนเป็นเสมือนนายและน้องไม่ได้
“งามจัง ซีรีน มันคือก้อนหินสีขาวที่เรามีอยู่เดิมหรือไม่...”
เชคีซีรีนพยักหน้า
“เขาทำมันใหม่หรือ”
“น่าจะใช่นะ ทำได้งามแท้ๆ”
เธอยังมองด้วยความตื่นตาตื่นใจ
“คนทำช่างมีฝีมือมากๆ...แพรวพราวระยับระยิบ”
เพราะดวงไฟเล็กๆที่สาดกระทบ เพราะผ้ากำมะหยี่สีแดงเลือดนกที่มีแสงเงาวาวในตัวผ้า ที่วางรองกล่องที่ทำพิเศษอีกที...ทั้งปวงเหล่านี้ขับประกายแห่งเพชรที่เจียระไนและอัญมณีหลากสีสัน...เชคีซีรีนมองด้วยความฉงนแกมทึ่งเพราะก้อนหินสีๆ หรือก้อนหินสีขาวที่เธอเอาไว้เล่นสนุก และมองมันแค่ก้อนหิน เมื่อมันได้รับการตกแต่งเสียใหม่ ประกายของมันระยิบระยับ...เธอเฝ้าพิจารณาด้วยการเอาสองมือจับไว้เหนือตู้กระจกและเห็นว่าที่ระยิบระยับนั้นเกิดเพราะอะไรหนอ
นั่นเพราะเธอไม่รู้จักการเจียระไนเพชรพลอย
เธอไม่รู้ว่าก้อนหินที่เธอโยนเล่นนั้นเอาไปเจียระไนให้มีเหลี่ยมมุมได้มากมาย
เพราะเวลาที่เธอเคยอยู่แตกต่างจากเวลาภายนอก โลกของเทคโนโลยีนั้นมีมากมายมหาศาล มันพัฒนาไปทุกอย่าง
“สวย” เธอพึมพำ
ราห์จีขยับตัวมาหา
“ชอบไหม”
เสียงถามอ่อนโยนฟังระคายหู ท่านหญิงมาซะห์บอกตัวเอง
ไยต้องทำดีกับเด็กขอทาน
“ราห์จี ไหนละ...ของที่ฉันขอดู”
หล่อนเอ่ยถามเน้นหนัก
เขาหันมามองหน้าหล่อนเอ่ยเรียบๆ “วันนี้เกรงจะไม่ได้”
“อะไรนะ”
“เกรงจะให้ชมไม่ได้ เพราะนี่ท่านหญิงมะยาห์ดีเพิ่งเสด็จมาถึง...ผมจะต้องนำของที่ท่านหญิงสั่งทำเอาไว้ให้ทอดพระเนตร...ท่านหญิงจะมีคำติชมที่ผมจะต้องรับฟังด้วยความใส่ใจ”
“เอ๊ะ...ราห์จี นี่เห็นฉันไม่สำคัญหรือ ฉันต้องการจะดูเซ็ทมรกตนั้น”
“ขอประทานโทษ พรุ่งนี้ครับ” เสียงตัดบท “คงจะต้องเชิญกลับก่อน”
โดนเชิญกลับ เท่ากับโดนไล่ไม่แตกต่าง
“ไล่ฉันหรือ”
“ผมขอเชิญ”
“แล้วยัยขอทานนั้นละ” หล่อนเหมือนพาล
ท่านหญิงมะยาห์ดีเลยเอ่ยว่า “ฉันอยากให้เด็กขอทานนั้นอยู่ด้วย”
“ท่านป้าเพคะ รับสั่งอันใดเพคะ” เสียงของท่านหญิงมาซะห์เข้มจัด “เราต้องยอมให้เด็กขอทานจากนอกเมืองเข้ามายืนปะปนกับเราในร้านนี้หรือเพคะ”
“มาซะห์ เราหรือ...แน่ใจหรือว่าเรา” เสียงเยือกเย็นนัก
ท่านหญิงมาซะห์หน้าแดงก่ำแล้วกลับซีดลง
“ฉันหมายถึงฉันคนเดียวเท่านั้น...ไม่มีเธอเพราะฉะนั้นย่อมไม่มีเรา “เอาละ ราห์จี ฉันจะต้องรีบไป...ขอดูของที่สั่งไว้”
แต่มีสัญญาณบอกให้รู้ว่าเธอไม่ต้องการให้ท่านหญิงมาซะห์อยู่ที่นี่อีก หล่อนเลยเชิดหน้าขึ้นคำรามในใจ
...ฝากไว้ก่อน นังแก่...
หล่อนยังไประบายอารมณ์กับราห์จีและ “นังเด็กขอทาน” ด้วยเสียงอันแหลมกราดเกรี้ยว
“วันนี้ฉันรู้สึกว่าที่นี่ไร้รสนิยมมากๆ ราห์จีอย่าประมาทว่าร้านคุณเป็นร้านที่ดีสุดในบูราไบ เพราะยังมีร้านแบบเดียวกันอีกหลายร้านที่ฉันเข้าไปซื้อของ”
ก่อนหล่อนจะปรายตาไปยังเชคีซีรีน “นังขอทานตัวดี เกะกะนัก...อย่างหล่อนน่ะเหมาะอยู่กับข้างถนนกับอูฐเน่าๆ”
เชคีซีรีนหันมามองคนพูด...ผู้หญิงสวยด้วยการแต่งตัวชุดพื้นเมืองของบูราไบปิดเนื้อตัวจนเหลือแต่ดวงหน้าในกรอบผ้าโพกเก็บเส้นผม...ดวงหน้าเนียนนั่นเต็มไปด้วยสีสันมากมายจนดูฉูดฉาด...ปากแดงๆ นั้นที่พูดตำหนิเธอ...ไล่เธอไปอยู่กับฮูฐ
เธอยิ้มมุมปาก “เจ้าเป็นใคร”
เสียงถามเย้ยเยาะ
“เจ้ามาไล่ข้าไปอยู่ข้างถนนกับอูฐได้ด้วยหรือ”
คำน้อยนั่นบอกความเชื่อมั่น
“หล่อนเข้ามาที่นี่ไม่ได้”
“ข้ามีขา...ข้าเดินเข้ามาได้”
เอาสิ ...เชคีซีรีนหาได้ยอม
“ข้ามีขาที่จะพาข้าไปที่ไหนๆ ก็ได้หมดหากข้าอยากจะไป”
เธอไม่รู้ข้อห้ามอันใด...สิทธิ์เสรีที่อัล นาจาห์นั่นมีอยู่มากมายไป...หากอยากไปไหน ไม่ไปคือไม่อยากจะไป...เหมือนตอนนี้ไม่อยากจะไปไหนทั้งนั้น
เมื่อไม่อยากไป ก็อย่าหมายจะไป เอาอูฐมาสักสิบตัวยังดึงเธอไปไม่ได้ เธอมองดูท่านหญิงมาซะห์และถามตัวเองว่าผู้หญิงคนนี้อวดวางท่า อวดอำนาจใส่เธอมากไปเสียแล้ว
แม่สอนนักว่าหากเจอคนแบบนี้ ที่ดีสุดอย่าให้ความสนใจ
เธอเชื่อแม่ เธอจึงมองท่านหญิงมาซะห์พักใหญ่แล้วจึงเบือนสายตาไปทางอื่น ทำท่าเหมือนไม่เห็นความสำคัญ...ท่านหญิงมาซะห์นั้น
นิสัยเดิมไม่ค่อยดีนัก ขนาดครอบครัวยังพากันส่ายหน้า ท่านหญิงมีนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง อาจจะเพราะการพะเน้าพะนอมาแต่เยาว์วัย จนยากจะแก้ไข หล่อนเห็นท่าทีของเด็กขอทานแล้วก็เหมือนเลือดฉีดแรงขึ้นหน้าทันที...
หล่อนก้าวไปหาเด็กขอทาน เหนี่ยวไหล่ของเชคีซีรีน...แล้วเงื้ออีกมือขึ้น
ท่านหญิงมะยาห์ดีร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ “มาซะห์ หยุดนะ”
เสียงเธอเกรี้ยวโกรธผสมด้วย กิริยาของท่านหญิงมาซะห์แย่มาก ...เธอแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองมองเห็น
“มาซะห์” อีกหนที่ส่งเสียงกำราบ
แต่หล่อนเงื้อมือแล้วไม่อยากพลาดไป หล่อนเลยจะเหวี่ยงมือลงไปตบลงบนหน้ามอมแมมที่เห็น แต่ทว่า..อะไรกันวูบเดียว...จริงๆไม่ได้มากกว่านั้น เหมือนมีอะไรวูบผ่านหน้าเป็นเงาดำ...แล้วมือที่จะตบลงไปก็ถูกยันกลับด้วยสิ่งที่แข็งราวกับคีมเหล็ก
ท่านหญิงมาซะห์รู้สึกเหมือนข้อมือตัวเองนั้นถูกหัก มีเสียงดังกร๊อบ แล้วหล่อนเองก็ร้องโหยหวนเป็นอันมาก ร่างทรุดลงไปกองกับพื้นร้านที่ปูด้วยหินอ่อน...
เชคีซีรีนก้มลงมองด้วยท่าเหมือนรำคาญ...
“เสียงดัง น่าเบื่อ” แล้วเธอก็พยักหน้าบอกกับซินาส “เราไปกันดีกว่า เราไม่ชอบเสียงดัง แสบหู ชวนรำคาญ”
“นังเด็กบ้า แกทำร้ายฉัน แกหักข้อมือฉัน”
เชคีซีรีนยิ้มนิดๆ “ใครทำ...ก็เห็นว่าจะตบหน้าข้า แล้วยังมากล่าวหาข้าอีก ข้าทำอะไรที่ไหน...ตบพลาดเอง โดนหน้าข้าที่ไหนกันเล่า” เธอเยาะเย้ยเสียอีก “ทำข้อมือตัวเองหัก จะมาโทษไยกัน”
ก่อนเธอกับซินาสจะเดินออกจากร้านไปอย่างไม่สนใจคำเรียกทักท้วงจากเจ้าของร้านหรือท่านหญิงมะยาห์ดี
“ท่านป้าเพคะ” เสียงร้องลั่น ยังเจ็บปวด “ไปเรียกมันไว้ทำไมกันเพคะ”
ก่อนหล่อนจะนึกได้ หล่อนเลยหันไปมองราห์จี
“ให้คนตามจับนังเด็กคนนั้นไว้ ฉันจะส่งมันไปหาตำรวจ”
“ข้อหาอะไรกัน มาซาะห์”
“มันทำร้ายหนูนะเพคะ ท่านป้า มันหักข้อมือหนู”
“จริงอย่างเด็กคนนั้นถาม ใครเห็น เพราะที่ฉันเห็น เธอจะตบหน้าเด็กคนนั้น แล้วเธอก็ทำพลาด...อุบัติเหตุ ข้อมือเธอหักเสียก่อนจะได้ตบคน...เอาละ...คนของเธออยู่ไหน ให้มารับตัวเธอไป ฉันจะได้จัดการธุระของฉันต่อ”
เมื่อตามหาเด็กสามคนนั่นไม่เจอ ชีคหนุ่มก็เป็นกังวลนัก...เขารู้สึกติดค้างในบุญคุณของเด็กคนนั้น...
เขาต้องการตอบแทน แต่จะหาตัวได้จากที่ใดกัน ทะเลทรายกว้างใหญ่นักโดยเฉพาะนอกประตูเมืองออกไปยังภายนอก....ทะเลทรายเวิ้งว้าง กว้างกว่ากว้าง
“ไปไหนกัน เป็นไปได้ไหมจะเข้ามาในบูราไบ” ชีคหนุ่มรำพึง...มีทางจะเข้าบูราไบได้จากเส้นทางนั้น เขาคุ้นเคยกับเส้นทางในทะเลทรายเป็นอย่างดี
เขารู้จักเส้นทาง ชำนาญการ รู้ว่าจากนอกเมืองนั้นตรงดิ่งเข้าบูราไบได้มากกว่าจะเดินทางไปยังทางอื่น
“ใกล้วันเกิดแม่เราแล้วด้วย น่าจะเป็นไปได้ ว่าจะเข้าเมือง เราอยากเจอคนช่วยเรา...แต่บูราไบก็ไม่ได้แคบสักนิด อาจจะหากันไม่
เจอ”
“ท่านจะให้รางวัลเด็กคนนั้นหรือพะยะค่ะ”
“ควรจะเป็นเช่นนั้น นะดีม เรารอดมาได้เพราะเด็กคนนั้น”
“กระหม่อมมีข้อแนะนำ ไม่ทราบว่าจะทรงเห็นด้วยหรือไม่”
“อย่างไรหรือ”
“การตามหาคนสักคนในบูราไบอาจจะไม่ง่าย หากไม่ได้มีการติดภาพ ประกาศตามตัว ให้รางวัล...”
“ภาพหรือ”
“ใช่พะยะค่ะ ว่าแต่จำได้แค่ไหน...”
“อือ...เราพอจะจำได้...เรียกคนวาดภาพเข้ามา”
เขาสั่ง และได้ทันใจนัก...คนวาดภาพมาตามที่ชีคหนุ่มต้องการ...ความสามารถของช่างวาดนั้นสมตามใจปรารถนา...ชีคหนุ่มค่อยๆบรรยายถึงเด็กคนนั้นตามที่ตัวเองจำได้ แล้วค่อยพิจารณาภาพที่ถูกส่งมาตรงหน้า
“ใช่หรือไม่”
เขามองดูดวงหน้านั้น...จำได้...ติดตา...ไม่รู้ลืม
“มอมแมมแบบนี้ละ ดวงตาแบบนี้ด้วย” เขาบอก
“ดวงตาสวยมากพะยะค่ะ” นะดีมยื่นหน้ามาดู “เด็กคนนี้คงจะโตเป็นสาวสวย”
“มอมแมมแบบนี้จะสวยได้แค่ไหนกัน” ชีคหนุ่มเอ่ยแกมหัวเราะ อารมณ์ดี “แต่งภาพอีกสักนิดเถิด...”
และภาพนั้นก็สมบูรณ์พอจะให้ช่างวาดนำไปทำสำเนาเพิ่ม...
“นะดีม ติดภาพนี้ไปทั่วเมือง..ประกาศให้รางวัลอย่างงาม หากใครเจอตัว หรือเจ้าตัวเข้ามาเจอภาพตัวเองให้เข้าวังเลย”
ท่านหญิงมะยาห์ดีก้าวเข้ามา...
“ท่านป้า มาทำไมกัน...” เขาเอ่ยถาม...ท่าทางร่าเริง ราวกับว่ามาพักผ่อนเล่นๆ หาใช่คนป่วย
“ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก”
“ยังจะมาปากดี...”
“แผลไกลหัวใจนัก”เขาตอบแบบไม่ยี่หระ “ที่สำคัญผมยังไม่มีพระชายา จะตายยังไม่ได้ ยังไม่ได้ทำหลานๆ ให้ท่านป้ากับท่านแม่เลี้ยง”
“รอม์ฮิม นี่ช่างปากดี....เอ๊ะ...ภาพอะไรกันนั่น
เธอเอ่ยถาม ลุกมาใกล้ๆ เพื่อมองภาพในมือช่างวาดก่อนจะดึงไปจากมือ อันเป็นกิริยาที่เธอไม่ค่อยจะทำบ่อยนักเพราะรู้ว้าไร้มารยาท
“เด็กคนนี้”
ชีคหนุ่มขยับตัวด้วยความสนใจเต็มที่
“ท่านป้ารู้จักหรือ”
“เพิ่งจะเจอกัน” แล้วเธอก็เล่ารายละเอียดให้ฟัง
“ใครกัน...” เธอถามชีคหนุ่ม
“คนช่วยชีวิตผม”
“ช่วยชีวิตเธอหรือ”
“ใช่ครับ...เธอช่วยชีวิตผมเอาไว้”
“เด็กคนนี้...คือใครกันแน่นะ”
ท่านหญิงมะยาห์ดีเอ่ยถามกับตัวเอง แต่หลานชายตอบแกมหัวเราะว่า
“คงจะเป็นพวกร่อนเร่ในทะเลทราย มอมแมมมาก แต่ตอนนี้เป็นอันว่าเข้าบูราไบมาแล้วจริงๆ ผมจะให้คนไปติดรูปทั่วเมืองตามหาตัวมาเพื่อรับรางวัล”
“ไม่กลัวมาซะห์มาฉีกอกเด็กคนนี้หรือ เกิดเรื่องไปมากแล้ว”
ชีคหนุ่มส่ายหน้า “ผมไม่กลัวมาซะห์ และนี่คือคนช่วยชีวิตผม...นะดีม ราอูล ช่วยกันตามหาตัวมาให้เราเร็วๆ นะ”
“เจ้าติดค้างเด็กคนนั้นใหญ่หลวงนัก”
“ใช่ครับ ท่านป้า”
“ติดหนี้ชีวิต...ด้วยชีวิต” ท่านหญิงมะยาห์ดีเอ่ย
“ผมจะให้สิ่งที่เด็กคนนั้นปรารถนา...ยากจนขนาดนั้นจะต้องการอะไรนอกจากเงินและอาหาร...”
“ป้าจะบอกเธอว่าชีวิตด้วยชีวิต”
เขาสบตากับเธอด้วยความประหลาดใจ
“ด้วยชีวิตเลยหรือ ท่านป้า”
“หรือจะด้วยหัวใจ”คำถามเล่นๆ ไม่ได้จริงจัง
ชีคหนุ่มหัวเราะลั่น ตอบจริงจัง
“พระชายาจะมอมแมมเป็นเด็กขอทานเร่ร่อนได้อย่างไรกัน ผมจะแตะต้องลงหรือ...”
“ต้องอย่างท่านหญิงมาซะห์หรือคุณอิซาเบลเท่านั้นใช่ไหมพะยะค่ะ” นะดีมถามหน้าตาเฉย
ท่านหญิงมะยาห์ดีมองค้อนหลานชาย
“มอมแมมแต่ภายนอก เชื่อป้าเถิด รอม์ฮิม ป้าว่าเด็กคนนั้นไม่ธรรมดาจริงๆไง..รัศมีออกจะฉายประกายมากกว่ามาซะห์นัก”
“โฮ้ย...ท่านป้า เท่าที่ผมจำได้แม้จะเลือนรางเวลานั้น ผมยืนยันได้เลยว่าเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตามอมแมมที่หากถวายตัวให้ผมฟรีๆ ผมยังไม่รับ”
“ตายละ...รอม์ฮิม เจ้าพูดอะไร...เหลวไหลจริง ระวังเถิด จำคำพูดตัวเองไว้ พวกเธอเป็นพยานด้วยนะว่าเจ้านายพูดอย่างไรบ้าง”
สำหรับชีคหนุ่มกระหวัดความคิดไปถึงภาพสาวสวยในกระบอกตะกั่วที่เก็บจากทะเลสาบ สาวสวยตาคมที่โพกผ้าสีแดงรอบศีรษะคนนั้นตราตรึง
ให้ซาบซึ้งใจนัก
หรือ
เพียง-พบ-ผูก-พัน
จะพันธนาการหัวใจและความรู้สึกของเขาไปแล้ว
เจ้าเด็กขอทานหรือจะสู้ได้
คงไม่!
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น