ลำดับตอนที่ #13
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : 13
ชีคแห่งสายลม13
เชคีซีรีนนิ่งไปสักพัก...ชีค...ท่านชีค...ตลก...เธอระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น เจ้าโจรหนุ่ม บัดนี้กลายเป็นชีค...เสียงหัวเราะของเธอกังวาน...มันเป็นการหัวเราะเยาะชัดๆ
ชีคหนุ่มสูดลมหายใจเข้าแบบลึกๆ ระวังไม่ให้เป็นการรีบร้อนรับอากาศเข้าปอด เพราะเขากำลังใจเต้นแรง...เขาได้เจอเจ้าคนที่ช่วยเขา...ยังดูเหมือนเด็กน้อยมอมแมม...เขานึกถึงคำพูดของท่านป้ามะยาห์ดี
...เจ้าติดค้างเด็กคนนั้นใหญ่หลวงนัก ติดหนี้ชีวิต...ด้วยชีวิต...
และท่านป้ายังพูดต่อว่าหากไม่ใช้ด้วยชีวิตก็ด้วยหัวใจ ท่านป้าพูดจริง เขาเสียอีกที่เอ่ยว่า “พระชายาของเขาจะมอมแมมเป็นเด็กขอทานเร่ร่อนได้อย่างไรกัน เขาคงแตะต้องไม่ลง ให้เขาฟรีๆ ยังไม่รับ
ท่านป้ายังหาพยานเอาไว้จดจำว่าเขาพูดอย่างไร
ตอนนั้นเขาคิดถึงสาวสวยในกระบอกตะกั่วที่เก็บจากทะเลสาบ สาวสวยตาคมที่โพกผ้าสีแดงรอบศีรษะคนนั้นตราตรึงให้ซาบซึ้งใจ
มากกว่า
เขานึกถึงคำว่า
เพียง-พบ-ผูก-พัน
เขาอยากพบสาวคนนั้นและชีครอม์ฮิมก็เปรียบเช่นคนที่มีตาแต่หามีแววไม่ เพียงคราบเปรอะเปื้อน...เขาก็ไม่สามารถนำคนสองคนมาวางทาบกันเป็นหนึ่งเดียว!
กระบอกตะกั่วจากทะเลสาบฮาวา
น้ำที่เพิ่มขึ้นในทะเลสาบฮาวา
เขาหาได้รู้เท่าทันว่าน้ำนั่นจากไหน...และกระบอกตะกั่วนั้นมีมนต์มายาใดกำกับ เหมือนมีบางอย่างบังตาเขาเอาไว้
เขามองไม่ออกว่าสาวสวยตาคมโพกผ้าแดง หน้าตาสะสวย คม แววตาเอาเรื่องปลายจมูกแหลมแต่เชิดขึค้น ปากหยักได้รูปสวยจะเป็นคนเดียวกับเด็กมอมแมม หน้าตาเลอะๆ น่าจะเอาผ้ามาเช็ดหน้าไม่ใช่สิ ควรจะโดนจับโยนลงทะเลสาบฮาวาแล้วชำระล้างคราบเปรอะเปื้อนนั้นออก
แต่ขืนโยน เขาจะโดนประจานอีกไหมว่าเขาเป็นโจร
คนของเขารู้อีกบทบาทของเขา บทบาทโจร
แต่คนอื่นไม่รู้
ความนี้จะแตกไม่ได้ด้วย
เจ้าเด็กขอทานนั่นอยู่เบื้องหน้า และกำลังหัวเราะเยาะใส่เขา เยาะเย้ยว่าเขาคือโจรสายลม และเหตุใดเขาจึงคิดถึงคำสี่คำนั่นขึ้นมาในเวลานี้ด้วย น่าแปลกใจเป็นอันมาก
นะดีมกับราอูลถลันเข้ามา อาจจะคิดว่าเขาไม่ปลอดภัย เขายกมือห้ามเอาไว้
พอกับอาบิส และซินาสที่พยายามจะเข้ามาดึงเอาตัวนายของตัวไปเช่นกัน แต่เชคีซีรีนบอกว่า
“พวกพี่ถอยไปก่อน ข้าจะต้องเจรจากับเจ้าโจรซักหน่อย”
เธอเน้นคำว่าเจ้าโจร...บ่งบอกว่าเธอจดจำได้
“ข้าไม่เคยจำผิดคน ความจำข้า” เธอเอานิ้วเรียวยาวเคาะตรงข้างขมับ “ข้าจำคนได้แม่นยำเสมอ คืนก่อนนี้เอง เพิ่งผ่านมาได้สอง
คืนเท่านั้น”
เธอย้ำ...เขาส่งสัญญาณมือให้คนของเขาถอยไปและพาผู้คนที่อาจจะได้ยินถ้อยคำสนทนานี้อีกด้วย
“เอาละ...จะเอาอะไร”
“ยอมรับหรือยังว่าเป็นโจร”
“เราเป็นชีค”
“เป็นโจร” เสียงย้ำหนักแน่น
เด็กบ้า...เขามองเขม็ง...ดวงหน้านั้นเกลี้ยงเกลาสะอาดแล้วสำหรับสายตาเธอไม่เหมือนสองคืนก่อนที่ผ่านมา แต่อย่าหมายว่าจะปิดบังสภาพเดิมจากดวงตาของเธอได้
เธอยื่นหน้ามาหา เขาเลยหลบ เบนหนี และเป็นครั้งแรกที่เขาหลบการเผชิญหน้าตรงๆกับเพศตรงกันข้าม แถมยังเด็ก ตัวเล็กกว่าเขา เด็กสาว แต่มอมแมม ดูไม่จืด ไม่งดงามพอจะทำให้ต่อมกำหนัดเกิดปรารถนา คราวนี้คำว่าเด็กบ้าออกมาดังๆ
“เด็กบ้า”
แต่เด็กบ้านั่นยังหัวเราะใส่หน้าเขา ท่าทางเธอกล้าหาญมาก เขาเสียอีกยืนตัวแข็งทื่อ...เมื่อมือนั้นแตะริมฝีปากหนาๆของเขา
เด็กบ้าคนนี้ทำอะไร สัมผัสปล่อยนิ้วลากบนริมฝีปากเขาไปมา ด้วยกิริยาปกติ มิได้โลมเลียม มิได้จาบจ้วงอย่างปรารถนาทางเพศ เหมือนแค่บอกกล่าวบางอย่าง
“ปากนี้ คืนนั้นข้าได้สัมผัส”
นะดีมและราอูลมีอันพากันตาค้าง มูเลาะห์เอ่ยถามเบาๆ
“ท่านองครักษ์ นังเด็กมอมแมมนั่นบังอาจมากที่แตะต้องหน้าท่านชีค”
ท่านชีคหนุ่มเป็นที่ยำเกรง เคารพนับถือของคนทุกคนเสมอมา ไม่มีใครกล้าจะสัมผัสแม้กระทั่งตัวของท่านชีค ไม่กล้าสัมผัสมือ หากว่าชีคหนุ่มไม่เป็นฝ่ายอนุญาต แต่เด็กมอมแมมคนนี้ยืนประจันหน้าในระยะใกล้แล้วยังกล้ายื่นมือไปสัมผัสดวงหน้า กำลังแตะที่ริมฝีปากของชีคหนุ่ม
แน่ละ รอม์ฮิมก็แทบจะไม่เชื่อสิ่งที่เจ้าเด็กขอทานผู้ช่วยชีวิตกระทำกับเขา
“ริมฝีปากเจ้าหนามาก...มันไม่ได้หนาจนดูน่าเกลียด แต่มันหนากว่าปากคนที่ข้าเคยรู้จัก...ปากเจ้าดูแปลกตาสำหรับข้า เป็นอย่างมาก” เธอเอ่ย....
เธอไม่เหมือนท่านหญิงมาซะห์
ไม่เหมือนอิซาเบล
ไม่เหมือนหญิงอื่นที่เขาเคยสัมผัส สัมพันธ์ เธอแสดงออกด้วยท่าทีออกจะซื่อ ไม่ได้แสดงว่าเสน่หาหรือพึงพอใจ แกมประหลาดใจด้วยซ้ำไป
“ปากเจ้าหนา แต่ดูดี...จะว่าปากสวยก็ว่าได้ มันหนาสวยดี”
เธอเอ่ยต่อ ซื่อๆไม่มีจริตของสตรี...จนชีคหนุ่มประหลาดใจ หรือโลกของเบดูอินร่อนเร่ในทะเลทรายไม่ได้ทำให้เธอรู้เรื่องของตัวเองดีพอ เรื่องของการเป็นผู้หญิง จริตมารยาที่ปรุงแต่ง...เขาเองนั่นเป็นนักรักผู้เงียบงันไร้ร่องรอย...เขาผ่านพบเชยชมสมสตรีมามาก
มากกว่าสองคนที่กำลังชิงชัยในตัวเขาอยู่ทุกวันนี้ แต่เขาไม่เคยเจอคำพูดใดที่ฟังแล้วไม่เกิดอารมณ์ว่าคนพูดก็แสดงความรู้สึกทางเพศออกมาที่สำคัญเขาไม่ได้คิดหื่นกับสาวน้อยตรงหน้า
เธออายุเท่าไหร่กันนะ เขาเดาอายุเธอได้ยาก หน้ามอมแมม ดวงตากลมดำใหญ่...แต่ทว่าเหมือนมีมนต์สะกดเขา
น่าจะเด็ก ยี่สิบต้นๆ ไม่เกินยี่สิบสอง
เหมือนเขาเคยเห็น
ใช่สิ เคยเห็นมาแล้วคืนก่อนโน้น
“เจ้าเงียบไปทำไม หรือกำลังหาเรื่องปิดบังข้า เจ้าคิดว่าตัวเองฉลาดที่จะปิดบังตัวเองจากข้าหรือ” คำถามแกมเยาะเย้ย “ข้ารู้ทันเจ้านะ เพราะฉะนั้นเจ้าอย่ามาโกหกหรือปิดบังข้าเลยว่าเจ้าไม่ใช่เจ้าโจรที่มากับม้าสวยงามตัวนั้น”
เธอทำเสียงขู่
“เจ้าจะเอาอะร” เขาเอ่ยถามออกมา รับรู้กลิ่นไออันตราย หากเจ้าสาวน้อยนี่จะปากโป้งโพนทะนาออกไป
การเอ่ยว่าเขาคือโจรสายลมย่อมมีแต่อันตราย จะรับมืออย่างไร ให้ตาย...ชีคหนุ่มคิดไม่ออกเอาเสียเลยยามนี้
“หือ... ว่าไงนะ”
“เราถามว่าเจ้าต้องการสิ่งใดถึงได้พยายามจะทำให้เราต้องยอมรับว่าเราเป็นคนคนนั้น”
“คนคนนั้นเป็นโจร”
“หาใช่เรา”
“ทำไมเจ้าไม่กล้ารับ”
“เพราะเราไม่ใช่...เราชื่อรอม์ฮิม”
“อือ”
“โจรสายลมคนนั้นมีชื่อหรือไม่”
เชคีซีรีน ถอยห่างแล้วเอ่ยว่า “เจ้าโกงจริงๆ”
“เราไม่เคยโกง”
“เจ้าโกงข้า เพราะเจ้าจะต้องอ้างอย่างนิ้ โจรไม่มีชื่อสิ เพราะต้องปิดบังอำพรางตัวเอง จะบอกชื่อได้อย่างไร”
“อย่างไร” ชีคหนุ่มเอ่ยถาม “บอกสิว่าเราโกงเจ้าอย่างไร แบบไหนเรียกว่าโกง”
“การไม่ยอมรับความจริงไม่ดี”
“เราต้องยอมรับด้วยหรือว่าเราเป็นโจร ในเมื่อเราไม่ได้เป็น เราถามว่าเจ้าโจรนั่นมีชื่อหรือไม่”
เชคีซีรีนไม่สามารถตอบได้
“โจรไม่มีชื่อใช่ไหม...แต่เรามีชื่อ เพราะเราไม่ใช่โจร”
“โกง” เธอย้ำอีกหน
“เปล่า...เราไม่เคยโกงใคร เราเป็นถึงชีค...”
เธอแสยะปาก...ริมฝีปากนั้นดูออกว่าเป็นสาวน้อยเอ่าแต่ใจ มุมปากโค้งยกขึ้น...สีแดงระเรื่อ...ด้วยวัยสาว...อือ...น่าจุมพิต...แต่ทว่า...เขาขันตัวเองในใจ เขาจะจูบเด็กมอมแมมได้อย่างไรกัน
ไม่น่าจูบ หน้ามอมแมมนั่น หากหน้าเขาไปแนบ...กลัวจะติดความมอมแมมกลับมา เมื่อคิดดังนี้เขาจึงหัวเราะออกมาแบบไม่มีเหตุผลทำให้
ต้องหัวเราะแม้แต่น้อย
ท่านป้าเคยพูดไว้ว่าหนี้ชีวิตด้วยชีวิต เขาเองก็เคยประกาศว่ากับเด็กมอมแมม เขาไม่มีวันสนใจ
เขาจำตัวเอง...ที่แวบคิดอยากจูบเด็กมอมแมม ไม่ได้การ ท่านป้าเขาได้ยินคงจะหัวเราะเยาะเป็นแน่แท้
แล้วชีคหนุ่มก็เอามือไขว้หลัง ทำท่าจะเดินกลับ
“ท่านขี้ขลาด”
เสียงเชคีซีรีนไม่เบานัก...และทุกคนรายรอบห่างออกไปแทบจะลืมหายใจเพราะไม่แน่ใจว่าชีคหนุ่มจะเป็นอย่างไร หลังจากคำประณามนั่นดังออกมา ช่างกล้าหาญ...ไม่ได้ยำเกรง ไม่นำพาว่าการประณามจะนำภัยมาให้ตัวเองหรือไม่ สาวน้อยตัวเล็กกับร่างสูงสง่างามของท่านชีค
เขามองคนเบื้องหน้าชั่วอึดใจ...ก่อนจะดึงเข้ามาปะทะอกตัวเอง...ขู่เข็ญ ดุดัน
“เด็กน้อยเอย อย่ากล่าวหาเราอีก...เอาละ...เราอาจจะทำให้เจ้าเชื่อว่าเราคือโจรคนนั้น แต่เจ้าจะทำให้เราเดือดร้อน...เอาละเราจะให้แหวนแก่เจ้า”
เธอดิ้นรนสะบัดตัวออก แล้วเสียงดุเข้ม "อย่าถูกตัวข้าอีก" แต่ก็ยังเอ่ยถามต่อ “แหวนใด”
เขาชูมือขวาขึ้น...แหวนที่สวมนิ้วชี้วงใหญ่ เป็นพลอยสีเขียวเข้ม มรกตน้ำงาม สะท้อนแสงจะยิ่งเป็นเงางามสวยเพราะการเจียระไนเหลี่ยมนั้นละเอียดมาก...
มรกตรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หลังนูน หน้าคัทเรียบ...อาจจะงามในสายตาคนมากมาย อาจจะมีคนปรารถนาอยากได้ แต่สำหรับเธอ เชคีซีรีนมองอย่างเฉยเมยเป็นอันมาก เธอไม่ได้ต้องการสิ่งนี้เลย เพราะเธอมีมากกว่ามรกต เธอมีเพชรแม้จะยังมิได้เจียระไนให้มีเหลี่ยมมุมงดงาม
แต่ก็เป็นของเล่นที่เธอคุ้นเคย เธอมีมากพอจะไม่ตื่นเต้น อีกทั้งเธอไม่เคยมองว่านี่คือเครื่องประดับแบบหนึ่ง
เธอจึงเอ่ยถาม“เพื่ออะไร”
“ปิดปากเจ้า”
มีเสียงเหมือนแค่นหัวเราะจากเธอ...หญิงสาววัยเยาว์ตัวน้อย...เธอเด็กมาก เขามองเห็นเธอในระยะใกล้เพราะยังกอดเธออยู่
“แหวนมรกตไม่เพียงพอหรอกหรือ เจ้ารู้จักมรกตหรือไม่...”
เธอมองดูสิ่งที่เขาเรียกว่ามรกต เขียวเข้ม ยิ่งกว่าใบไม้ทุกใบที่เคยเห็นจากอัล นาจาห์
“เคย” เธอย้ำเสียงหนัก “แค่ก้อนหิน...”
แต่เธอก็ตะครุบคว้าเอาไว้
“ไหนว่าไม่อยากได้”
“เจ้าจะปิดปากข้าเพราะมรกตนี่หรือ”
“ใช่ อย่าเรียกเราว่าโจรสายลมอีก”
“เพราะเหตุใด”
“เพราะเรามีชื่อ...แต่โจรนั่นไม่มีชื่อ” เขาพยายามจะบอกเธอให้เข้าใจว่าคนดีที่ไม่ใช่โจรเท่านั้นพึงมีชื่อ แต่คนไม่ดี เป็นโจรหาได้มีชื่อเรียกขาน
“ข้าตั้งชื่อให้เจ้าด้วยได้นะ...”
“เรามีชื่อ” ชีคหนุ่มย้ำเสียงหนัก “เราชื่อรอม์ฮิม”
“รู้แล้ว ไม่ต้องบอกข้าอีกก็ได้ แล้วเจ้าตะโกนใส่หน้าข้าอย่างนี้ หูข้าจะอื้อไปอีกนาน”
เธอรับแหวนมรกตนั่นไปแล้ว
“แต่ข้าไม่เคยรับของใครโดยไม่มีสิ่งตอบแทน”
เธอเอ่ยหน้าตาเฉย ล้วงมือลงไปในถุงที่ห้อยไว้กับเอวในเสื้อตัวยาว...แล้วส่งให้กับเขา
“ของเล่นของข้า” เธอบอก
ชีคหนุ่มมองของเล่นกลางมือนั้น เพชร เป็นก้อน...ยังไม่ได้ผ่านการตกแต่ง แต่เป็นเพชรแน่นอน เขารู้จักเพชรดิบ...เขาสนใจพวกอัญมณีมาช้านาน
นั่นคือก้อนเพชร
“ของเล่นของข้า” เสียงบอกความลำพอง “แค่ก้อนหิน”
“เพชรนะ ไม่ใช่ก้อนหิน”
“ก้อนหิน ข้ามีเป็นของเล่น” ก่อนเธอจะทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเอ่ยแกมรำพึงกับตัวเอง “ข้าบอกเจ้าทำไม เจ้าเป็นโจร เดี๋ยวเจ้าก็จะปล้นข้า”
“ไม่หรอก...เราไม่ปล้นเจ้า”
“นั่นคือวาจาสัตย์หรือไม่”
“ใช่”
“ข้าจะถือว่าเจ้าให้สัญญากับข้าแล้ว”
“สัญญาใด”
“จะไม่ปล้นของของข้า”
“ก็แค่ของเล่น...ข้าจะปล้นเจ้าไปไยกัน”
แปลกนัก...ชีคหนุ่มรำพึง ทำไมเขาจะต้องต่อปากต่อคำกับเจ้าสาวน้อยคนนี้...สาวน้อยมอมแมมแต่ทำให้เขาต้องพูดมาก
ปกติ...เขาไม่ได้เป็นคนที่ช่างจำนรรจาเพียงนี้ หรือเพราะว่าที่ผ่านมา หาคนที่จะยืนต่อว่าเขาฉอดๆ แบบนี้ไม่ได้มาก่อน ดูว่าสาวน้อยมอมแมมจะมิได้รับรู้ถึงศักดิ์แห่งเขา...การเป็นชีคไม่มีความหมายอะไรเลย เพราะเขาไม่รู้ว่าเธอคือ “เชคี” ศักดิ์แห่งเธอเท่ากับเขาแต่เธอไม่ยอมเปิดเผยศักดิ์นั้น
พ่อแม่กำชับก่อนมา...
...หากไม่เจอน้าเจ้า ไม่เจออัสม์ อย่าเปิดเผยตัวเองว่าคือใคร มาจากไหน จะมีอันตรายกับตัวเจ้าเองนะ ซีรีน...
เธอได้เห็นโลกภายนอกอัล นาจาห์แล้ว ได้กลิ่นอันตรายอันท่วมท้นแล้ว ผู้คน สิ่งแปลกๆ ดูสับสนวุ่นวาย...และเธอรู้ว่าจะวางใจใครไม่ได้โดยง่าย แต่เจ้าโจรสายลมตรงหน้าเธอนี่ช่างท้าทายให้เธอนึกอยากจะเข้าใกล้เขา ทำความรู้จักเขา
“เจ้าอยากให้ข้าปิดปากหรือ” เธอเอ่ยถามหลังจากต่างเงียบกันไป “ทำไมไม่ตอบ”
“เราจะเชื่อใจเจ้าได้แค่ไหน”
“เชื่อได้เสมอ” คำตอบรับหนักแน่น “ข้าเป็นคนรักษาคำพูดตัวเอง”
“อย่างนั้นหรือ” ชีคหนุ่มทอดเสียงอ้อยอิ่ง เอ่ยเบาๆ พอได้ยินกันแค่สองคน “ตอนนี้เจ้าเชื่อว่าเราคือโจรสายลมหรือ”
“หากไม่ใช่ สายตาข้าคงจะแย่มาก ที่มองคนผิด เจ้ารู้ไหมว่าสายตาข้าดีแค่ไหนโดยเฉพาะในยามค่ำคืน” เธอเอ่ยเหมือนโอ้อวด “ข้ามีดวงตาที่เหมือนนกฮูก”
เขาหัวเราะ เหมือนเยาะอีกหน และเหมือนนึกสนุก...
ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนบอกว่าดวงตาตัวเองเหมือนนกฮูก สาวสวยอยากมีดวงตาเหมือนกวาง...เหมือนเม็ดอัลมอนด์...เหมือนเพชร ที่สุกใส เหมือนดวงดาว...เขาเคยได้ยินสาวสวยที่เขาแนบชิดแต่ละคนเอ่ยอ้างความงามของดวงตาเฉกเช่นนั้นนี่เป็นคนแรก...ดวงตาเหมือนนกฮูก เขามองดวงตากลมโตนั้น...แล้วพลันส่ายหน้า
“ดวงตาเจ้ายังเล็กกว่านกฮูกมากนัก”
“ข้าจะบอกว่าตาข้าในความมืด คมและฉับไวเหมือนนกฮูกตะหาก”
“อูว์...ไยเจ้าคิดเช่นนั้น...ในยามค่ำคืนหรือ”
“ในความมืด...ความสลัว แสงน้อยๆ ข้าจะมองเห็นทุกอย่างได้ดี แม่นยำ”
“เหมือนนกฮูกหรือ”
“ใช่”
“เจ้าเอาอะไรคิด”
“ข้าไม่ต้องคิด เพราะข้าเป็นเช่นนั้น ข้าเป็นนกฮูก”
คราวนี้ชีคหนุ่มลืมตัวเขาหัวเราะดังกว่าเดิมอีกหลายเท่า “เจ้าคิดว่าเราอายุสิบขวบหรือ อือ...เจ้าชื่ออะไรนะ”
“ซีรีน” คำตอบเรียบๆ “ไม่ใช่นังหนู”
“ซีรีน...?” เสียงทวนถาม
“ใช่...ชื่อข้า...ข้ามีชื่อ”
“เพราะฉะนั้นเจ้าไม่เป็นโจร”
เธอหัวเราะ “เอาคำข้ามาย้อนข้าทำไม...เจ้าโจร...”
“จุ๊ๆ เราชื่อรอม์ฮิมไง” เขาย้ำบอก “เรามาทำความตกลงกันให้ละเอียดนะ ซีรีน”
เขาเอ่ยออกมาหลังจากนิ่งคิดแล้วว่าเขาควรจะผูกไมตรีกับเจ้าเด็กมอมแมมคนนี้เพื่อตัวเขาเองจะไม่อันตราย การจะเดินทางมาของอัลและอับดุลลาก่อนกำหนด ทำให้เขานึกกังวล ชีคหนุ่มมีจมูกไว ได้กลิ่นไม่ชอบมาพากล และเขาเองก็ประกอบการไม่ดีเอาไว้ เขาเป็นโจรสายลมตัวจริง หากความเปิดเผยออกไป ไม่เพียงแต่เขาจะกลายเป็นผู้ต้องหาสากลข้ามชาติ ข้ามรัฐแต่บูราไบจะพลอยเสียหายไปด้วย
ไหนจะพระเทวี...พระมารดาของเขาเอง...ชีครอม์ฮิมบอกว่าจะต้องปกป้องเรื่องนี้ให้เต็มที่
“เรากำลังจะจัดงาน และเราไม่อยากให้เรื่องเจ้าโจรสายลมแพร่ไป”
เขากำลังต่อรองหรือไม่ ชีคหนุ่มถามตัวเอง เหมือนเขากำลังต่อรองกับเด็กมอมแมมคนหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น
“ทำไมต้องช่วยเจ้า”
นั่นสิ...ไม่ใช่เพราะมรกต
“หรือเพราะแหวนมรกตของเจ้า...ที่ให้ข้า แต่ข้าก็ตอบแทนท่านด้วยก้อนหินสีขาวของข้าที่ใหญ่กว่ามรกตของเจ้า”
“แหวนเรา จากนิ้วมือเรา จากการที่เราดถอดให้เจ้าเอง แทนสัจจะวาจา ว่าเราจะตอบแทนความดีของเจ้า”
“การไม่พูดเป็นการทำดีหรือ”
“ใช่ ทำดีอย่างยิ่ง”
“อือ...”
“ทำดีต่อเรา”
ดวงตาที่เจ้าตัวบอกว่าเหมือนดวงตานกฮูก มีรอยฉงน “ทำไมต้องทำดีต่อเจ้า” มีความฉงนสงสัย “เจ้าดูจะมั่นใจว่าข้าต้องทำดีเพื่อเจ้า”
“เพื่อเห็นแก่เรา...อีกสักครั้ง นอกเหนือจากที่เคยทำมาก่อน”
เขาเลี่ยงไม่ยอมรับว่าเธอเคยช่วยเขา แต่เธอรับฟังพอเข้าใจ ผู้ชายคนนี้ซ่อนอะไรเอาไว้
โจรที่อำพรางซ่อนเร้นตัวเอง หรือเพราะเขาเป็นชีค เขาต้องปิดบังตัวเองเอาไว้ให้ผู้คนรู้ไม่ได้...ว่าเป็นใคร มีเรื่องราวในครอบครัว เรื่องแม่ เรื่องน้าสาว ที่เคยต้องหลบซ่อนตัวเอง
เชคีอัสมา น้าสาวต้องอยู่ในสภาพผู้ชายเพื่อปกป้องมิให้ใครรู้ความอ่อนแอ การเป็นเพศหญิงอาจจะโดนรังแกมีภัย เพราะพระบิดาก็อ่อนแอนัก และยังต้องคอยพิทักษ์เชคีมารีอาห์ที่ถูกสาปให้เป็นครึ่งคนครึ่งนกให้พ้นภัย
เพราะเหตุนี้เชคีซีรีนจึงนิ่งได้มากกว่าชีคหนุ่มคิด
“เรากำลังจะมีแขกบ้านแขกเมือง มีงานมงคล ทุกอย่างคงจะวุ่นวายสักนิด เจ้าน่าจะได้รับปากกับเรา”
“ตอบข้าอีกข้อ”
“ว่ามา...”
“เจ้าเป็นชีคแน่หรือ และเป็นคนดีหรือไม่”
“นั่นมากกว่าหนึ่งนะ นั่นเป็นสองข้อแล้วนะ” เขาติง
“ตอบข้ามาก่อน”
“เราเป็นชีคแห่งบูราไบ และเราเป็นคนดี”
ดวงตาของเชคีซีรีนมีรอยครุ่นคิดเป็นอันมากก่อนจะเขย่งปลายเท้าขึ้นยื่นหน้ามากระซิบเบาๆ
“และเป็นโจรด้วย...จุ๊ๆ” เธอทำเสียงห้ามปรามเลียนแบบเขาบ้างก่อนเขาจะเอ่ยขัด “ข้าจะเชื่อเจ้าสักหน...ปิดปากตัวเองไว้ก่อน ดูทีหรือว่าเจ้าจะมีอะไรปิดบังข้าอีก...ตอนนี้เจ้าไม่อยากยอมรับว่าเป็นโจร ข้าจะไม่ขัดใจเจ้าเลย”
ชีคหนุ่มทำท่าพอใจ แล้วนึกได้บางประการ ฉวยแขนเอาไว้ก่อนเธอจะเดินจากไป
“เจ้าพักที่ใด”
“ก็พักแถวริมทะเลสาบบ้าง ย้ายไปในเมืองบ้าง”
“เอาอย่างนี้...เจ้าเป็นหญิง มอมแมมร่อนเร่อยู่ข้างนอกนี่เราว่าไม่ดีนัก “
“แล้วอย่างไร”
“เราจะหาที่พักให้เจ้า”
“หือ...ว่าอย่างไรนะ”
“บางทีเจ้าควรจะได้รับการอาบน้ำและดูแล กินอาหารดีๆ”
เธอแหงนหน้าหัวเราะ “ช่างป็นคนใจดีจัง ข้าไปกินอาหารที่โรงทานพรุ่งนี้ก็ได้....ข้าเห็นโรงทานใหญ่โตมากมายทั่วเมือง...มีคนเล่าว่าอาหารการกินจะมีเหลือเฟือ ทั้งกินและเก็บตุนไปได้ทั่ว ข้าจะต้องเดินทางไปอีกไกล”
“เดินทางไปไหน”
“ข้ามาตามหาคนคนหนึ่ง”
“ใคร...เจ้าตามหาใคร”
แต่เชคีซีรีนไม่ยอมตอบ ชีคหนุ่มจึงเรียกราอูลมาหา
“พาซีรีนและเพื่อนของเธอไปหาป้าของเรา บอกท่านป้าว่าเราต้องการให้ดูแลคนพวกนี้เป็นพิเศษ ในฐานะเพื่อนของเรา”
สาวน้อยหัวเราะเสียงกังวาน
“เพื่อนท่านชีค...อา...ข้าได้เป็นเพื่อนท่านชีคแห่งบูราไบแล้วหรือนี่...”
เชคีซีรีนนิ่งไปสักพัก...ชีค...ท่านชีค...ตลก...เธอระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น เจ้าโจรหนุ่ม บัดนี้กลายเป็นชีค...เสียงหัวเราะของเธอกังวาน...มันเป็นการหัวเราะเยาะชัดๆ
ชีคหนุ่มสูดลมหายใจเข้าแบบลึกๆ ระวังไม่ให้เป็นการรีบร้อนรับอากาศเข้าปอด เพราะเขากำลังใจเต้นแรง...เขาได้เจอเจ้าคนที่ช่วยเขา...ยังดูเหมือนเด็กน้อยมอมแมม...เขานึกถึงคำพูดของท่านป้ามะยาห์ดี
...เจ้าติดค้างเด็กคนนั้นใหญ่หลวงนัก ติดหนี้ชีวิต...ด้วยชีวิต...
และท่านป้ายังพูดต่อว่าหากไม่ใช้ด้วยชีวิตก็ด้วยหัวใจ ท่านป้าพูดจริง เขาเสียอีกที่เอ่ยว่า “พระชายาของเขาจะมอมแมมเป็นเด็กขอทานเร่ร่อนได้อย่างไรกัน เขาคงแตะต้องไม่ลง ให้เขาฟรีๆ ยังไม่รับ
ท่านป้ายังหาพยานเอาไว้จดจำว่าเขาพูดอย่างไร
ตอนนั้นเขาคิดถึงสาวสวยในกระบอกตะกั่วที่เก็บจากทะเลสาบ สาวสวยตาคมที่โพกผ้าสีแดงรอบศีรษะคนนั้นตราตรึงให้ซาบซึ้งใจ
มากกว่า
เขานึกถึงคำว่า
เพียง-พบ-ผูก-พัน
เขาอยากพบสาวคนนั้นและชีครอม์ฮิมก็เปรียบเช่นคนที่มีตาแต่หามีแววไม่ เพียงคราบเปรอะเปื้อน...เขาก็ไม่สามารถนำคนสองคนมาวางทาบกันเป็นหนึ่งเดียว!
กระบอกตะกั่วจากทะเลสาบฮาวา
น้ำที่เพิ่มขึ้นในทะเลสาบฮาวา
เขาหาได้รู้เท่าทันว่าน้ำนั่นจากไหน...และกระบอกตะกั่วนั้นมีมนต์มายาใดกำกับ เหมือนมีบางอย่างบังตาเขาเอาไว้
เขามองไม่ออกว่าสาวสวยตาคมโพกผ้าแดง หน้าตาสะสวย คม แววตาเอาเรื่องปลายจมูกแหลมแต่เชิดขึค้น ปากหยักได้รูปสวยจะเป็นคนเดียวกับเด็กมอมแมม หน้าตาเลอะๆ น่าจะเอาผ้ามาเช็ดหน้าไม่ใช่สิ ควรจะโดนจับโยนลงทะเลสาบฮาวาแล้วชำระล้างคราบเปรอะเปื้อนนั้นออก
แต่ขืนโยน เขาจะโดนประจานอีกไหมว่าเขาเป็นโจร
คนของเขารู้อีกบทบาทของเขา บทบาทโจร
แต่คนอื่นไม่รู้
ความนี้จะแตกไม่ได้ด้วย
เจ้าเด็กขอทานนั่นอยู่เบื้องหน้า และกำลังหัวเราะเยาะใส่เขา เยาะเย้ยว่าเขาคือโจรสายลม และเหตุใดเขาจึงคิดถึงคำสี่คำนั่นขึ้นมาในเวลานี้ด้วย น่าแปลกใจเป็นอันมาก
นะดีมกับราอูลถลันเข้ามา อาจจะคิดว่าเขาไม่ปลอดภัย เขายกมือห้ามเอาไว้
พอกับอาบิส และซินาสที่พยายามจะเข้ามาดึงเอาตัวนายของตัวไปเช่นกัน แต่เชคีซีรีนบอกว่า
“พวกพี่ถอยไปก่อน ข้าจะต้องเจรจากับเจ้าโจรซักหน่อย”
เธอเน้นคำว่าเจ้าโจร...บ่งบอกว่าเธอจดจำได้
“ข้าไม่เคยจำผิดคน ความจำข้า” เธอเอานิ้วเรียวยาวเคาะตรงข้างขมับ “ข้าจำคนได้แม่นยำเสมอ คืนก่อนนี้เอง เพิ่งผ่านมาได้สอง
คืนเท่านั้น”
เธอย้ำ...เขาส่งสัญญาณมือให้คนของเขาถอยไปและพาผู้คนที่อาจจะได้ยินถ้อยคำสนทนานี้อีกด้วย
“เอาละ...จะเอาอะไร”
“ยอมรับหรือยังว่าเป็นโจร”
“เราเป็นชีค”
“เป็นโจร” เสียงย้ำหนักแน่น
เด็กบ้า...เขามองเขม็ง...ดวงหน้านั้นเกลี้ยงเกลาสะอาดแล้วสำหรับสายตาเธอไม่เหมือนสองคืนก่อนที่ผ่านมา แต่อย่าหมายว่าจะปิดบังสภาพเดิมจากดวงตาของเธอได้
เธอยื่นหน้ามาหา เขาเลยหลบ เบนหนี และเป็นครั้งแรกที่เขาหลบการเผชิญหน้าตรงๆกับเพศตรงกันข้าม แถมยังเด็ก ตัวเล็กกว่าเขา เด็กสาว แต่มอมแมม ดูไม่จืด ไม่งดงามพอจะทำให้ต่อมกำหนัดเกิดปรารถนา คราวนี้คำว่าเด็กบ้าออกมาดังๆ
“เด็กบ้า”
แต่เด็กบ้านั่นยังหัวเราะใส่หน้าเขา ท่าทางเธอกล้าหาญมาก เขาเสียอีกยืนตัวแข็งทื่อ...เมื่อมือนั้นแตะริมฝีปากหนาๆของเขา
เด็กบ้าคนนี้ทำอะไร สัมผัสปล่อยนิ้วลากบนริมฝีปากเขาไปมา ด้วยกิริยาปกติ มิได้โลมเลียม มิได้จาบจ้วงอย่างปรารถนาทางเพศ เหมือนแค่บอกกล่าวบางอย่าง
“ปากนี้ คืนนั้นข้าได้สัมผัส”
นะดีมและราอูลมีอันพากันตาค้าง มูเลาะห์เอ่ยถามเบาๆ
“ท่านองครักษ์ นังเด็กมอมแมมนั่นบังอาจมากที่แตะต้องหน้าท่านชีค”
ท่านชีคหนุ่มเป็นที่ยำเกรง เคารพนับถือของคนทุกคนเสมอมา ไม่มีใครกล้าจะสัมผัสแม้กระทั่งตัวของท่านชีค ไม่กล้าสัมผัสมือ หากว่าชีคหนุ่มไม่เป็นฝ่ายอนุญาต แต่เด็กมอมแมมคนนี้ยืนประจันหน้าในระยะใกล้แล้วยังกล้ายื่นมือไปสัมผัสดวงหน้า กำลังแตะที่ริมฝีปากของชีคหนุ่ม
แน่ละ รอม์ฮิมก็แทบจะไม่เชื่อสิ่งที่เจ้าเด็กขอทานผู้ช่วยชีวิตกระทำกับเขา
“ริมฝีปากเจ้าหนามาก...มันไม่ได้หนาจนดูน่าเกลียด แต่มันหนากว่าปากคนที่ข้าเคยรู้จัก...ปากเจ้าดูแปลกตาสำหรับข้า เป็นอย่างมาก” เธอเอ่ย....
เธอไม่เหมือนท่านหญิงมาซะห์
ไม่เหมือนอิซาเบล
ไม่เหมือนหญิงอื่นที่เขาเคยสัมผัส สัมพันธ์ เธอแสดงออกด้วยท่าทีออกจะซื่อ ไม่ได้แสดงว่าเสน่หาหรือพึงพอใจ แกมประหลาดใจด้วยซ้ำไป
“ปากเจ้าหนา แต่ดูดี...จะว่าปากสวยก็ว่าได้ มันหนาสวยดี”
เธอเอ่ยต่อ ซื่อๆไม่มีจริตของสตรี...จนชีคหนุ่มประหลาดใจ หรือโลกของเบดูอินร่อนเร่ในทะเลทรายไม่ได้ทำให้เธอรู้เรื่องของตัวเองดีพอ เรื่องของการเป็นผู้หญิง จริตมารยาที่ปรุงแต่ง...เขาเองนั่นเป็นนักรักผู้เงียบงันไร้ร่องรอย...เขาผ่านพบเชยชมสมสตรีมามาก
มากกว่าสองคนที่กำลังชิงชัยในตัวเขาอยู่ทุกวันนี้ แต่เขาไม่เคยเจอคำพูดใดที่ฟังแล้วไม่เกิดอารมณ์ว่าคนพูดก็แสดงความรู้สึกทางเพศออกมาที่สำคัญเขาไม่ได้คิดหื่นกับสาวน้อยตรงหน้า
เธออายุเท่าไหร่กันนะ เขาเดาอายุเธอได้ยาก หน้ามอมแมม ดวงตากลมดำใหญ่...แต่ทว่าเหมือนมีมนต์สะกดเขา
น่าจะเด็ก ยี่สิบต้นๆ ไม่เกินยี่สิบสอง
เหมือนเขาเคยเห็น
ใช่สิ เคยเห็นมาแล้วคืนก่อนโน้น
“เจ้าเงียบไปทำไม หรือกำลังหาเรื่องปิดบังข้า เจ้าคิดว่าตัวเองฉลาดที่จะปิดบังตัวเองจากข้าหรือ” คำถามแกมเยาะเย้ย “ข้ารู้ทันเจ้านะ เพราะฉะนั้นเจ้าอย่ามาโกหกหรือปิดบังข้าเลยว่าเจ้าไม่ใช่เจ้าโจรที่มากับม้าสวยงามตัวนั้น”
เธอทำเสียงขู่
“เจ้าจะเอาอะร” เขาเอ่ยถามออกมา รับรู้กลิ่นไออันตราย หากเจ้าสาวน้อยนี่จะปากโป้งโพนทะนาออกไป
การเอ่ยว่าเขาคือโจรสายลมย่อมมีแต่อันตราย จะรับมืออย่างไร ให้ตาย...ชีคหนุ่มคิดไม่ออกเอาเสียเลยยามนี้
“หือ... ว่าไงนะ”
“เราถามว่าเจ้าต้องการสิ่งใดถึงได้พยายามจะทำให้เราต้องยอมรับว่าเราเป็นคนคนนั้น”
“คนคนนั้นเป็นโจร”
“หาใช่เรา”
“ทำไมเจ้าไม่กล้ารับ”
“เพราะเราไม่ใช่...เราชื่อรอม์ฮิม”
“อือ”
“โจรสายลมคนนั้นมีชื่อหรือไม่”
เชคีซีรีน ถอยห่างแล้วเอ่ยว่า “เจ้าโกงจริงๆ”
“เราไม่เคยโกง”
“เจ้าโกงข้า เพราะเจ้าจะต้องอ้างอย่างนิ้ โจรไม่มีชื่อสิ เพราะต้องปิดบังอำพรางตัวเอง จะบอกชื่อได้อย่างไร”
“อย่างไร” ชีคหนุ่มเอ่ยถาม “บอกสิว่าเราโกงเจ้าอย่างไร แบบไหนเรียกว่าโกง”
“การไม่ยอมรับความจริงไม่ดี”
“เราต้องยอมรับด้วยหรือว่าเราเป็นโจร ในเมื่อเราไม่ได้เป็น เราถามว่าเจ้าโจรนั่นมีชื่อหรือไม่”
เชคีซีรีนไม่สามารถตอบได้
“โจรไม่มีชื่อใช่ไหม...แต่เรามีชื่อ เพราะเราไม่ใช่โจร”
“โกง” เธอย้ำอีกหน
“เปล่า...เราไม่เคยโกงใคร เราเป็นถึงชีค...”
เธอแสยะปาก...ริมฝีปากนั้นดูออกว่าเป็นสาวน้อยเอ่าแต่ใจ มุมปากโค้งยกขึ้น...สีแดงระเรื่อ...ด้วยวัยสาว...อือ...น่าจุมพิต...แต่ทว่า...เขาขันตัวเองในใจ เขาจะจูบเด็กมอมแมมได้อย่างไรกัน
ไม่น่าจูบ หน้ามอมแมมนั่น หากหน้าเขาไปแนบ...กลัวจะติดความมอมแมมกลับมา เมื่อคิดดังนี้เขาจึงหัวเราะออกมาแบบไม่มีเหตุผลทำให้
ต้องหัวเราะแม้แต่น้อย
ท่านป้าเคยพูดไว้ว่าหนี้ชีวิตด้วยชีวิต เขาเองก็เคยประกาศว่ากับเด็กมอมแมม เขาไม่มีวันสนใจ
เขาจำตัวเอง...ที่แวบคิดอยากจูบเด็กมอมแมม ไม่ได้การ ท่านป้าเขาได้ยินคงจะหัวเราะเยาะเป็นแน่แท้
แล้วชีคหนุ่มก็เอามือไขว้หลัง ทำท่าจะเดินกลับ
“ท่านขี้ขลาด”
เสียงเชคีซีรีนไม่เบานัก...และทุกคนรายรอบห่างออกไปแทบจะลืมหายใจเพราะไม่แน่ใจว่าชีคหนุ่มจะเป็นอย่างไร หลังจากคำประณามนั่นดังออกมา ช่างกล้าหาญ...ไม่ได้ยำเกรง ไม่นำพาว่าการประณามจะนำภัยมาให้ตัวเองหรือไม่ สาวน้อยตัวเล็กกับร่างสูงสง่างามของท่านชีค
เขามองคนเบื้องหน้าชั่วอึดใจ...ก่อนจะดึงเข้ามาปะทะอกตัวเอง...ขู่เข็ญ ดุดัน
“เด็กน้อยเอย อย่ากล่าวหาเราอีก...เอาละ...เราอาจจะทำให้เจ้าเชื่อว่าเราคือโจรคนนั้น แต่เจ้าจะทำให้เราเดือดร้อน...เอาละเราจะให้แหวนแก่เจ้า”
เธอดิ้นรนสะบัดตัวออก แล้วเสียงดุเข้ม "อย่าถูกตัวข้าอีก" แต่ก็ยังเอ่ยถามต่อ “แหวนใด”
เขาชูมือขวาขึ้น...แหวนที่สวมนิ้วชี้วงใหญ่ เป็นพลอยสีเขียวเข้ม มรกตน้ำงาม สะท้อนแสงจะยิ่งเป็นเงางามสวยเพราะการเจียระไนเหลี่ยมนั้นละเอียดมาก...
มรกตรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หลังนูน หน้าคัทเรียบ...อาจจะงามในสายตาคนมากมาย อาจจะมีคนปรารถนาอยากได้ แต่สำหรับเธอ เชคีซีรีนมองอย่างเฉยเมยเป็นอันมาก เธอไม่ได้ต้องการสิ่งนี้เลย เพราะเธอมีมากกว่ามรกต เธอมีเพชรแม้จะยังมิได้เจียระไนให้มีเหลี่ยมมุมงดงาม
แต่ก็เป็นของเล่นที่เธอคุ้นเคย เธอมีมากพอจะไม่ตื่นเต้น อีกทั้งเธอไม่เคยมองว่านี่คือเครื่องประดับแบบหนึ่ง
เธอจึงเอ่ยถาม“เพื่ออะไร”
“ปิดปากเจ้า”
มีเสียงเหมือนแค่นหัวเราะจากเธอ...หญิงสาววัยเยาว์ตัวน้อย...เธอเด็กมาก เขามองเห็นเธอในระยะใกล้เพราะยังกอดเธออยู่
“แหวนมรกตไม่เพียงพอหรอกหรือ เจ้ารู้จักมรกตหรือไม่...”
เธอมองดูสิ่งที่เขาเรียกว่ามรกต เขียวเข้ม ยิ่งกว่าใบไม้ทุกใบที่เคยเห็นจากอัล นาจาห์
“เคย” เธอย้ำเสียงหนัก “แค่ก้อนหิน...”
แต่เธอก็ตะครุบคว้าเอาไว้
“ไหนว่าไม่อยากได้”
“เจ้าจะปิดปากข้าเพราะมรกตนี่หรือ”
“ใช่ อย่าเรียกเราว่าโจรสายลมอีก”
“เพราะเหตุใด”
“เพราะเรามีชื่อ...แต่โจรนั่นไม่มีชื่อ” เขาพยายามจะบอกเธอให้เข้าใจว่าคนดีที่ไม่ใช่โจรเท่านั้นพึงมีชื่อ แต่คนไม่ดี เป็นโจรหาได้มีชื่อเรียกขาน
“ข้าตั้งชื่อให้เจ้าด้วยได้นะ...”
“เรามีชื่อ” ชีคหนุ่มย้ำเสียงหนัก “เราชื่อรอม์ฮิม”
“รู้แล้ว ไม่ต้องบอกข้าอีกก็ได้ แล้วเจ้าตะโกนใส่หน้าข้าอย่างนี้ หูข้าจะอื้อไปอีกนาน”
เธอรับแหวนมรกตนั่นไปแล้ว
“แต่ข้าไม่เคยรับของใครโดยไม่มีสิ่งตอบแทน”
เธอเอ่ยหน้าตาเฉย ล้วงมือลงไปในถุงที่ห้อยไว้กับเอวในเสื้อตัวยาว...แล้วส่งให้กับเขา
“ของเล่นของข้า” เธอบอก
ชีคหนุ่มมองของเล่นกลางมือนั้น เพชร เป็นก้อน...ยังไม่ได้ผ่านการตกแต่ง แต่เป็นเพชรแน่นอน เขารู้จักเพชรดิบ...เขาสนใจพวกอัญมณีมาช้านาน
นั่นคือก้อนเพชร
“ของเล่นของข้า” เสียงบอกความลำพอง “แค่ก้อนหิน”
“เพชรนะ ไม่ใช่ก้อนหิน”
“ก้อนหิน ข้ามีเป็นของเล่น” ก่อนเธอจะทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเอ่ยแกมรำพึงกับตัวเอง “ข้าบอกเจ้าทำไม เจ้าเป็นโจร เดี๋ยวเจ้าก็จะปล้นข้า”
“ไม่หรอก...เราไม่ปล้นเจ้า”
“นั่นคือวาจาสัตย์หรือไม่”
“ใช่”
“ข้าจะถือว่าเจ้าให้สัญญากับข้าแล้ว”
“สัญญาใด”
“จะไม่ปล้นของของข้า”
“ก็แค่ของเล่น...ข้าจะปล้นเจ้าไปไยกัน”
แปลกนัก...ชีคหนุ่มรำพึง ทำไมเขาจะต้องต่อปากต่อคำกับเจ้าสาวน้อยคนนี้...สาวน้อยมอมแมมแต่ทำให้เขาต้องพูดมาก
ปกติ...เขาไม่ได้เป็นคนที่ช่างจำนรรจาเพียงนี้ หรือเพราะว่าที่ผ่านมา หาคนที่จะยืนต่อว่าเขาฉอดๆ แบบนี้ไม่ได้มาก่อน ดูว่าสาวน้อยมอมแมมจะมิได้รับรู้ถึงศักดิ์แห่งเขา...การเป็นชีคไม่มีความหมายอะไรเลย เพราะเขาไม่รู้ว่าเธอคือ “เชคี” ศักดิ์แห่งเธอเท่ากับเขาแต่เธอไม่ยอมเปิดเผยศักดิ์นั้น
พ่อแม่กำชับก่อนมา...
...หากไม่เจอน้าเจ้า ไม่เจออัสม์ อย่าเปิดเผยตัวเองว่าคือใคร มาจากไหน จะมีอันตรายกับตัวเจ้าเองนะ ซีรีน...
เธอได้เห็นโลกภายนอกอัล นาจาห์แล้ว ได้กลิ่นอันตรายอันท่วมท้นแล้ว ผู้คน สิ่งแปลกๆ ดูสับสนวุ่นวาย...และเธอรู้ว่าจะวางใจใครไม่ได้โดยง่าย แต่เจ้าโจรสายลมตรงหน้าเธอนี่ช่างท้าทายให้เธอนึกอยากจะเข้าใกล้เขา ทำความรู้จักเขา
“เจ้าอยากให้ข้าปิดปากหรือ” เธอเอ่ยถามหลังจากต่างเงียบกันไป “ทำไมไม่ตอบ”
“เราจะเชื่อใจเจ้าได้แค่ไหน”
“เชื่อได้เสมอ” คำตอบรับหนักแน่น “ข้าเป็นคนรักษาคำพูดตัวเอง”
“อย่างนั้นหรือ” ชีคหนุ่มทอดเสียงอ้อยอิ่ง เอ่ยเบาๆ พอได้ยินกันแค่สองคน “ตอนนี้เจ้าเชื่อว่าเราคือโจรสายลมหรือ”
“หากไม่ใช่ สายตาข้าคงจะแย่มาก ที่มองคนผิด เจ้ารู้ไหมว่าสายตาข้าดีแค่ไหนโดยเฉพาะในยามค่ำคืน” เธอเอ่ยเหมือนโอ้อวด “ข้ามีดวงตาที่เหมือนนกฮูก”
เขาหัวเราะ เหมือนเยาะอีกหน และเหมือนนึกสนุก...
ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนบอกว่าดวงตาตัวเองเหมือนนกฮูก สาวสวยอยากมีดวงตาเหมือนกวาง...เหมือนเม็ดอัลมอนด์...เหมือนเพชร ที่สุกใส เหมือนดวงดาว...เขาเคยได้ยินสาวสวยที่เขาแนบชิดแต่ละคนเอ่ยอ้างความงามของดวงตาเฉกเช่นนั้นนี่เป็นคนแรก...ดวงตาเหมือนนกฮูก เขามองดวงตากลมโตนั้น...แล้วพลันส่ายหน้า
“ดวงตาเจ้ายังเล็กกว่านกฮูกมากนัก”
“ข้าจะบอกว่าตาข้าในความมืด คมและฉับไวเหมือนนกฮูกตะหาก”
“อูว์...ไยเจ้าคิดเช่นนั้น...ในยามค่ำคืนหรือ”
“ในความมืด...ความสลัว แสงน้อยๆ ข้าจะมองเห็นทุกอย่างได้ดี แม่นยำ”
“เหมือนนกฮูกหรือ”
“ใช่”
“เจ้าเอาอะไรคิด”
“ข้าไม่ต้องคิด เพราะข้าเป็นเช่นนั้น ข้าเป็นนกฮูก”
คราวนี้ชีคหนุ่มลืมตัวเขาหัวเราะดังกว่าเดิมอีกหลายเท่า “เจ้าคิดว่าเราอายุสิบขวบหรือ อือ...เจ้าชื่ออะไรนะ”
“ซีรีน” คำตอบเรียบๆ “ไม่ใช่นังหนู”
“ซีรีน...?” เสียงทวนถาม
“ใช่...ชื่อข้า...ข้ามีชื่อ”
“เพราะฉะนั้นเจ้าไม่เป็นโจร”
เธอหัวเราะ “เอาคำข้ามาย้อนข้าทำไม...เจ้าโจร...”
“จุ๊ๆ เราชื่อรอม์ฮิมไง” เขาย้ำบอก “เรามาทำความตกลงกันให้ละเอียดนะ ซีรีน”
เขาเอ่ยออกมาหลังจากนิ่งคิดแล้วว่าเขาควรจะผูกไมตรีกับเจ้าเด็กมอมแมมคนนี้เพื่อตัวเขาเองจะไม่อันตราย การจะเดินทางมาของอัลและอับดุลลาก่อนกำหนด ทำให้เขานึกกังวล ชีคหนุ่มมีจมูกไว ได้กลิ่นไม่ชอบมาพากล และเขาเองก็ประกอบการไม่ดีเอาไว้ เขาเป็นโจรสายลมตัวจริง หากความเปิดเผยออกไป ไม่เพียงแต่เขาจะกลายเป็นผู้ต้องหาสากลข้ามชาติ ข้ามรัฐแต่บูราไบจะพลอยเสียหายไปด้วย
ไหนจะพระเทวี...พระมารดาของเขาเอง...ชีครอม์ฮิมบอกว่าจะต้องปกป้องเรื่องนี้ให้เต็มที่
“เรากำลังจะจัดงาน และเราไม่อยากให้เรื่องเจ้าโจรสายลมแพร่ไป”
เขากำลังต่อรองหรือไม่ ชีคหนุ่มถามตัวเอง เหมือนเขากำลังต่อรองกับเด็กมอมแมมคนหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น
“ทำไมต้องช่วยเจ้า”
นั่นสิ...ไม่ใช่เพราะมรกต
“หรือเพราะแหวนมรกตของเจ้า...ที่ให้ข้า แต่ข้าก็ตอบแทนท่านด้วยก้อนหินสีขาวของข้าที่ใหญ่กว่ามรกตของเจ้า”
“แหวนเรา จากนิ้วมือเรา จากการที่เราดถอดให้เจ้าเอง แทนสัจจะวาจา ว่าเราจะตอบแทนความดีของเจ้า”
“การไม่พูดเป็นการทำดีหรือ”
“ใช่ ทำดีอย่างยิ่ง”
“อือ...”
“ทำดีต่อเรา”
ดวงตาที่เจ้าตัวบอกว่าเหมือนดวงตานกฮูก มีรอยฉงน “ทำไมต้องทำดีต่อเจ้า” มีความฉงนสงสัย “เจ้าดูจะมั่นใจว่าข้าต้องทำดีเพื่อเจ้า”
“เพื่อเห็นแก่เรา...อีกสักครั้ง นอกเหนือจากที่เคยทำมาก่อน”
เขาเลี่ยงไม่ยอมรับว่าเธอเคยช่วยเขา แต่เธอรับฟังพอเข้าใจ ผู้ชายคนนี้ซ่อนอะไรเอาไว้
โจรที่อำพรางซ่อนเร้นตัวเอง หรือเพราะเขาเป็นชีค เขาต้องปิดบังตัวเองเอาไว้ให้ผู้คนรู้ไม่ได้...ว่าเป็นใคร มีเรื่องราวในครอบครัว เรื่องแม่ เรื่องน้าสาว ที่เคยต้องหลบซ่อนตัวเอง
เชคีอัสมา น้าสาวต้องอยู่ในสภาพผู้ชายเพื่อปกป้องมิให้ใครรู้ความอ่อนแอ การเป็นเพศหญิงอาจจะโดนรังแกมีภัย เพราะพระบิดาก็อ่อนแอนัก และยังต้องคอยพิทักษ์เชคีมารีอาห์ที่ถูกสาปให้เป็นครึ่งคนครึ่งนกให้พ้นภัย
เพราะเหตุนี้เชคีซีรีนจึงนิ่งได้มากกว่าชีคหนุ่มคิด
“เรากำลังจะมีแขกบ้านแขกเมือง มีงานมงคล ทุกอย่างคงจะวุ่นวายสักนิด เจ้าน่าจะได้รับปากกับเรา”
“ตอบข้าอีกข้อ”
“ว่ามา...”
“เจ้าเป็นชีคแน่หรือ และเป็นคนดีหรือไม่”
“นั่นมากกว่าหนึ่งนะ นั่นเป็นสองข้อแล้วนะ” เขาติง
“ตอบข้ามาก่อน”
“เราเป็นชีคแห่งบูราไบ และเราเป็นคนดี”
ดวงตาของเชคีซีรีนมีรอยครุ่นคิดเป็นอันมากก่อนจะเขย่งปลายเท้าขึ้นยื่นหน้ามากระซิบเบาๆ
“และเป็นโจรด้วย...จุ๊ๆ” เธอทำเสียงห้ามปรามเลียนแบบเขาบ้างก่อนเขาจะเอ่ยขัด “ข้าจะเชื่อเจ้าสักหน...ปิดปากตัวเองไว้ก่อน ดูทีหรือว่าเจ้าจะมีอะไรปิดบังข้าอีก...ตอนนี้เจ้าไม่อยากยอมรับว่าเป็นโจร ข้าจะไม่ขัดใจเจ้าเลย”
ชีคหนุ่มทำท่าพอใจ แล้วนึกได้บางประการ ฉวยแขนเอาไว้ก่อนเธอจะเดินจากไป
“เจ้าพักที่ใด”
“ก็พักแถวริมทะเลสาบบ้าง ย้ายไปในเมืองบ้าง”
“เอาอย่างนี้...เจ้าเป็นหญิง มอมแมมร่อนเร่อยู่ข้างนอกนี่เราว่าไม่ดีนัก “
“แล้วอย่างไร”
“เราจะหาที่พักให้เจ้า”
“หือ...ว่าอย่างไรนะ”
“บางทีเจ้าควรจะได้รับการอาบน้ำและดูแล กินอาหารดีๆ”
เธอแหงนหน้าหัวเราะ “ช่างป็นคนใจดีจัง ข้าไปกินอาหารที่โรงทานพรุ่งนี้ก็ได้....ข้าเห็นโรงทานใหญ่โตมากมายทั่วเมือง...มีคนเล่าว่าอาหารการกินจะมีเหลือเฟือ ทั้งกินและเก็บตุนไปได้ทั่ว ข้าจะต้องเดินทางไปอีกไกล”
“เดินทางไปไหน”
“ข้ามาตามหาคนคนหนึ่ง”
“ใคร...เจ้าตามหาใคร”
แต่เชคีซีรีนไม่ยอมตอบ ชีคหนุ่มจึงเรียกราอูลมาหา
“พาซีรีนและเพื่อนของเธอไปหาป้าของเรา บอกท่านป้าว่าเราต้องการให้ดูแลคนพวกนี้เป็นพิเศษ ในฐานะเพื่อนของเรา”
สาวน้อยหัวเราะเสียงกังวาน
“เพื่อนท่านชีค...อา...ข้าได้เป็นเพื่อนท่านชีคแห่งบูราไบแล้วหรือนี่...”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น