ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    War and Sacrifice : Route to the War

    ลำดับตอนที่ #23 : War and Secrifice. Episode 3: All of my days.

    • อัปเดตล่าสุด 24 ส.ค. 58


          ทุกๆวันเขาได้แค่ใช้ชีวิตไปเท่านั้น...

         ในชีวิตโล่งๆของเขา...เขาได้ใช้มันอย่างโดดเดี่ยว...      
          ....      
          ...
          ..
          .
          แกร๊ง...
          กระป๋องเบียร์เปล่าถูกปาลงบนพื้นเสียงดังก้องไปทั่วห้อง ห้องนี้เต็มไปด้วยกระป๋องเบียร์เปล่าเกลื่อน และทันใดนั้นกระป๋องเบียร์อีกกระป๋องก็ถูกปาลงบนพื้นอีกครั้ง มันก็คือสิ่งที่หมดประโยชน์แล้วถูกโยนทิ้ง...เช่นเขา
          ชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งชันเขาอยู่ตรงมุมห้อง ขาข้างหนึ่งยืดตรงราบบนพื้น ในมือถือกระป๋องเบียร์อีกกระป๋องหนึ่งเอาไว้ เขาซดมันอีกครั้งก่อนจะปาทิ้งเช่นกับกระป๋องอื่น ในเมื่อมันหมดประโยชน์แล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องเก็บเอาไว้ และเขาก็ยื่นมือไปหยิบเบียร์อีกกระป๋องที่ตั้งอยู่ข้างๆขึ้นมาเปิดดื่มอีก
          เขาปัดสายตาลงบนพื้น...ปืนพกของเขาวางอยู่พร้อมกับแม็กกาซีนและกองกระสุนอีกสี่ห้าลูก เขาไม่ได้ใช้มันมาเป็นปีๆแล้วหลังจากที่เขาทำภารกิจนั่นเสร็จ ที่เขาเอามันออกมาในเวลานี้ก็เพื่อเอามันมาทำความสะอาด แต่ก็ไม่ได้ทำสักที
          นี่เป็นอีกวันที่เขานั่งอยู่ในห้องนี้โดยไม่สนใจโลกภายนอก เหตุที่เขาเป็นแบบนี้เช่นทุกวันก็เพราะงานที่เขากำลังทำอยู่ เขาควรจะชินได้แล้วกับงานทุกงานที่เขาได้รับมอบหมาย...แต่สำหรับงานที่เขาทำเสร็จไปนานแล้ว...มันแทบจะทำให้เขาสติแตก...
          ก็อก...ก็อก...ก็อก...
          เสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างช้าๆท่าม กลางความเงียบ แล้วประตูก็เปิดออก ฉับพลันร่างของหญิงสาวในชุดคลุมตัวยาวคนหนึ่งก็โผล่ขึ้นมา ไม่แปลกเลยที่เธอจะกลับมาหาเขาอีกครั้ง...มันก็เป็นงานของเธอนั่นล่ะ
          "ไงเบิร์ต"เธอกล่าวทักทายเขาสั้นๆก่อนจะล่วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุม
         "เสียเวลาน่า...ยังไงผมก็ไม่ไปกับคุณเด็ดขาด"
          "เหอะขำตายล่ะ"เธอหัวเราะสั้นๆก่อนจะเริ่มพูดต่อ"ฉันไม่ได้มาเรื่องงาน"
          "..."
         หญิงสาวคนนั้นเดินเข้ามาในห้อง นัยน์ตาสีมรกตคู่สวยจ้องมองเขาอย่างสนใจก่อนจะเริ่มพูดต่ออีกครั้ง
         "คุณควรจะออกไปด้านนอกบ้าง"
          "คิดว่าผมจะยอมไปกับคุณง่ายๆเหรอเบ็คเก็ต"เขาปัดสายตาขึ้นมองเธอ"...ผมไม่มีวันเข้าร่วมกับพวกอเมริกันนั่นแน่"
         หญิงสาวเจ้าของชื่อถอนหายใจออกมาเบาๆ เธอพยายามชักชวนเขาหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่ได้ผล แต่อย่างไรก็ตาม...งานนี้เธอต้องทำให้สำเร็จ
         "เชื่อฉันสักครั้งเถอะนะ วันนี้ฉันไม่ได้มาหาคุณเรื่องนั้นสักหน่อย"
         "งั้นคุณก็ช่วยทำตัวให้มันน่าเชื่อถือหน่อยละกัน"
          เบิร์ตกระตุกยิ้มมุมปากให้เธอก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นยืน ที่เขายืนไม่ใช่หมายความว่าเขาจะไปข้างนอกกับเธอ แต่เขาลุกขึ้นยืนเพราะต้องเดินไปเอาเบียร์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะต่างหาก หญิงสาวถอนหายใจยาว เธอรู้สึกท้อถอยเป็นอย่างมากจากการกระทำของเขาที่แสดงออกได้ว่า...เขาไม่สนใจเธอเลย แต่นี่มันเป็นงานสำคัญและเธอต้องทำให้สำเร็จ
          "ก็ได้--โอเค ฉันไม่กวนคุณแล้ว ลาล่ะ"
          "คุณเห็นผมเป็นใครกันเบ็คเเก็ต"เขาเงยหน้าขึ้นถามเธอ"...คิดว่าห้องนี้เป็นสวนข้างบ้านคุณรึไงที่จะเดินออกเดินเข้าเมื่อไหร่ก็ได้น่ะ"
          เมื่อได้ยินดังนั้น เธอก็หันกลับไปอีก
          "บ้านฉันไม่มีสวน จำเอาไว้ด้วย"
          "งั้นเหรอ เรื่องเล็กน้อยแค่นั้นผมไม่สนใจหรอก ถ้าอยากกลับก็กลับไปซะ"
          "ได้เลย! จัดให้!"
          ปัง!
          เธอคนนั้นเดินออกจากห้องไปพร้อมกับปิดประตูห้องดังปัง เขารู้จักเธอดีและรู้ว่านิสัยเธอเป็นอย่างไร พวกอเมริกันก็เหมือนกันหมดนั่นล่ะ...เห็นแก่ตัว...
          เบิร์ตก้มหน้าลงก่อนจะหัวเราะขึ้นมาเบาๆ
    เขานึกสะใจที่เธอถอดใจเรื่องที่จะมาชักชวนเขาไปหาพวกอเมริกันได้สักที เบ็คเก็ตก็ไม่ใช่คนที่ฉลาดอะไรมากมายหรอก เธอก็เป็นเหมือนวัยรุ่นธรรมดา...แต่ที่เธอพูดมานั้น...มันมีข้อหนึ่งที่ถูก...
          ...เขาควรจะออกไปด้านนอกบ้าง...
          ...
          สองเดือนต่อมา
          เบิร์ตได้รับจดหมายจากหัวหน้าของเขา เขาตัดสินใจที่จะไม่เปิดอ่านมันเพราะยังไงมันก็มีแต่ข้อความเกี่ยวกับงานแค่เรื่องเดียวเท่านั้น เขาออกจากห้องมืดๆนั่นได้สองเดือนแล้ว ช่วงนี้เขาได้แค่เดินตามถนนที่มีหิมะปกคลุมไปเพียงอย่างเดียว เขาตั้งใจไว้ว่าพรุ่งนี้จะกลับไปเบอร์ลิน งานที่หัวหน้าของเขามอบหมายให้เขาไปทำคงจะกองเต็มโต๊ะทำงานของเขาแล้วกระมัง แต่อย่างน้อยหากกลับไปเขาก็ได้เลื่อนยศใหม่พอดี...ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจมาก
         ตอนนี้เขายืนอยู่ตรงริมแม่น้ำเทมส์ แสงอาทิตย์ยามอัสดงสาดส่องกระทบผืนน้ำเป็นแสงระยิบระยับราวกับดาวบนท้องฟ้า ผู้คนเดินสัญจรไปมาเต็มไปหมด ลอนดอนในเวลาช่างดูคึกคักมากเสียเหลือเกิน ความจริงเขาก็ไม่อยากกลับไปทำงานต่อเลยสักนิด เพราะเขารู้ว่าถ้างานแรกเสร็จ..งานอีกหนึ่งชิ้นก็จะตามมา และถ้าหากทำงานชิ้นนั้นเสร็จไปอีก...มันก็จะมีอีกงานให้เขาทำ..วนเวียนแบบนี้เรื่อยไป
          "แม่น้ำเทมส์ตอนนี้สวยมากเลยสินะคะ"
          เสียงใสของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นข้างๆที่เขายืนอยู่ เบิร์ตเหล่มองด้วยหางตาสักครู่ก่อนจะหัวเราะขึ้นเบาๆ
          "ก็คงเป็นแบบนั้นมั้งครับ"
          ชายหนุ่มหันไปมองเธอนิดหน่อย หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างเขานั้นอยู่ในเสื้อโค้ตสีดำ เธอมีผมสั้นสีน้ำตาลแดงและดวงตาที่เแล่งประกายไปด้วยความมุ่งมั่น มือข้างหนึ่งของเธอถือกระเป๋าเอาไว้ สายตาเฉียบคมจับจ้องไปยังวิวพระอาทิตย์ยามอัสดงด้วยท่าทางหลงใหลเป็นที่สุด เขาสงสัยว่าเธอเป็นใคร...แต่เขาก็ไม่ควรจะถามเธอในตอนนี้
          "คุณไม่ใช่คนที่นี่สินะครับ"เขาพูดขึ้นลอยๆ
         "ค่ะ ฉันหน้าไม่เหมือนผู้ดีอังกฤษเลยสักนิด...ฉันมาจากนิวยอร์กค่ะ"
          เบิร์ตพยักหน้าช้าๆ เขาเริ่มจะสนใจผู้หญิงคนนี้มากขึ้นอีกนิดหน่อย เวลาพวกเขาคุยกัน สายตาที่เธอจ้องมองมาที่เขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
          "เรน่าค่ะ"หญิงสาวยื่นมือมาขอทำความรู้จัก"เรน่า ฮิลล์"
          เขาเองก็ยื่นมือไปสัมผัสมือของเธอเช่นกัน"เบิร์ต คาร์ล"
          ดวงอาทิตย์ค่อยๆลับขอบฟ้าไป พวกเขาทั้งสองยืนยิ้มให้กันอย่างมีความสุข น่าแปลกที่เบิร์ตรู้สึกเหมือนกับว่าเขาเคยรู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อน แต่เขาก็คงคิดไปเอง...ที่ผ่านมาไม่มีผู้หญิงหน้าไหนเดินเข้ามาในชีวิตของเขาได้เลย..ยกเว้นเธอ
         ...
         ..
         .
          เบิร์ตกำลังเขียนบางอย่างลงในกระดาษในขณะที่เขาย้อนคิดถึงอดีตเก่าๆที่ล่วงเลยมานานแล้ว สายตาจ้องมองไปที่กระดาษอย่างตั้งใจในขณะที่กำลังเขียนต่อไปเรื่อยๆ ตอนนี้เขากำลังเขียนจดหมายอยู่...งานใหม่ของเขาก็ตามมาแล้วด้วย งานนี้เขาไม่ได้ทำมันให้สำเร็จเพียงตัวคนเดียว แต่เขาต้องทำงานนี้ร่วมกับนาซีคนอื่น...
          "เฟราไลน์..."
          เขาพึมพำถึงคำนี้มาเป็นสิบๆครั้งแล้วเห็นจะได้ เฟราไลน์เป็นคำนำหน้าของหญิงเยอรมันที่ตรงกับคำว่ามิสซิส และแน่นอน.. ตอนนี้เขากำลังเขียนจดหมายถึงเธออยู่
          เบิร์ตตวัดปลายปากกาเป็นรูปตัวอักษรเรียงกันอย่างมีระเบียบ ลายมือของเขาเป็นลายมือที่อ่านเข้าใจยากมากถ้าหากดูเผิ่นๆ เพราะเขาจะเขียนตัวติดกันเรียงตัวเป็นบรรทัด ซึ่งลายมือนี้ควรเป็นลายมือของพวกผู้ดีอังกฤษไม่ใช่อเมริกันอย่างเขา ลายมือนี้เขายังจำได้ดีว่าเขาเป็นหัดเขียนและออก แบบลายมือของตนด้วยตัวเอง คนในครอบ ครัวคงไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยพวกนี้หรอก เขาจึงต้องฝึกเขียนด้วยตนเองตั้งแต่เด็ก
         ก็อกๆๆ...
         เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่เขาจะเขียนคำลงท้ายเสร็จ เบิร์ตหันไปมองประตูห้องสลับกับมองจดหมายที่ยังเขียนไม่เสร็จของตนเอง เขาอยากจะเขียนต่อให้จบแต่เกรงว่าอีกฝ่ายจะรอนาน เขาขึงตัดสินใจเขียนตัวย่อของชื่อตนเองลงไป..เป็นคำลงท้ายของจดหมายฉบับแรกที่เขาเขียน
         'B.K.'
         ก็อกๆๆ...
         เสียงเคาะดังขึ้นอีก ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นเดินไปยังประตูก่อนจะมองลอดตาแมวตรงประตูออกไป บุคคลผู้มาเยือนเป็นหญิงสาวผมสั้นสีน้ำตาลแดง เธอยืนก้มหน้าจนผมบังหน้าของเธอเกือบหมด เบิร์ตหมุนลูกบิดประตูเปิดออกไป หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมา...ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยคราบน้ำตาและความเศร้า...
         "เรน่า...คุณมีปัญหาอะไรรึเปล่า"
         เธอพยักหน้าขึ้นลง"ขอฉันคุยด้วยได้ไหม"
         "ได้สิ..."
         เขาเปิดประตูให้หญิงสาวเข้ามา เธอเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวที่เขาใช้นั่งเขียนจดหมายเมื่อครู่ เรน่า...เธอท่าทางไม่ดีเท่าไรนัก เขาเดินไปลากเก้าอี้มาตรวหน้าขอวเธอก่อนจะย่อตัวนั่งลงบนเก้าอี้นั่น หญิงสาวยังคงนั่งก้มหน้าอยู่เช่นเดิม 
          "คุณมีปัญหาอะไรเหรอ"
          "ฉันตกงานอีกแล้วน่ะสิ ให้ตาย..."
          เรน่ามักจะมีปัญหาเรื่องนี้อยู่ประจำ เพราะเธอเรียนได้เพียงสามปีก็ต้องออกมาหางานทำ แต่ก็ไม่มีงานใดเหมาะสมกับคนที่เรียนมาน้อยนิดอย่างเธอเลย และเขา...ก็มักจะเป็นที่ปรึกษาให้เธอเสมอ
          "ทำไมคุณไม่หางานอื่นทำล่ะ งานที่เหมาะสมกับคุณ"
          "ถ้าฉันหาได้ก็คงไม่มานั่งปรึกษาคุณหรอกนะคาร์ล"เธอพูดพลางถอนหายใจ"ให้ตายสิ ชีวิตฉันนี่มันมีอะไรดีบ้างนะ"
          เขายกมือขึ้นเท้าคางแล้วคิดอยู่ในใจว่าจะช่วยเธออย่างไรดี งานที่กรุงลอนดอนก็ไม่ได้ยากนักแต่มันต้องขึ้นอยู่กับความสามรถของคนที่จะทำงานนี้ เขายังคิดไม่ออกเลยว่าเธอมีความสามารถด้านไหน ในขณะที่คิดอยู่นั้น...เขาก็ตัดสินใจถามคำถามนี้ออกไป
          "แล้วคุณไม่รู้เหรอว่าตนเองเก่งเรื่องอะไร"
          "ไม่หรอก..ความจริงฉัน..."
          ดูเหมือนว่าเธอจะไม่กล้าพูดบางอย่างออกมา ได้แต่ก้มลงมองพื้นด้วยท่าทางไม่มั่นใจนัก เบิร์ตยกมือขึ้นกุมขมับด้วยความเครียด...ในใจยังคงคิดถึงงานบางงานที่พอจะเหมาะสมกับเธอ แต่ไม่ว่าจะคิดหนักแค่ไหนเขาก็ยังคงนึกไม่ออกเลยว่าจะมีงานใดที่เธอพอจะทำได้บ้าง...

    “เอาแบบนี้ละกัน”เขาเริ่มพูด หลังจากที่นั่งกุมขมับอยู่นาน”เดี๋ยวผมจะหางานให้คุณเองดีมั้ย”

    เมื่อได้ยินดังนั้น เรน่าค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา แววตาของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง

    “จ..จริงเหรอ คุณจะหางานให้ฉันทำ...จริงเหรอ”

    “แน่นอน”เขาตอบสั้นๆด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มนิดหน่อย

    “..ขอบคุณ..!"

    เธอยิ้มก่อนจะลุกขึ้นโผเข้ากอดเขา แรงของเธอทำให้เบิร์ตเซไปมาจนเกือบล้ม เธอกอดเขาพลางหลับตาพริ้ม ปากยังคงกล่าวขอบคุณต่อไปเรื่อยๆ เขาค่อยๆยกมือขึ้นโอบเธอเอาไว้บ้าง มือที่สวมถุงมือสีดำเอาไว้ข้างนึกยกขึ้นมาลูบเส้นผมสีน้ำตาลแดงของเธออย่างนุ่มนวล ในชีวิตของเขาไม่เคยมีหญิงน่าไหนได้โผเข้ากอดเขาแบบนี้มาก่อนเลย ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เขามีความรู้สึกที่เปลี่ยนไปต่อหญิงสาวคนนี้...

    ….

    ..

    .

    12 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1934

    13.45 P.M.

    เสียงบางอย่างดังออกมาจากในห้องดนตรี มันคือเสียงของเปียโนนั่นเอง หากตั้งใจฟังดูดีๆนั้นเพลงที่กำลังบรรเลงอยู่ตอนนี้คือเพลงที่แสดงให้รู้สึกถึงความเศร้าและวังเวง แอดเลอร์เสมองไปที่ประตูห้องดนตรีนั่นแวบหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเปิดเข้าไป อันที่จริงตอนนี้เธอรีบมากๆ เพราะต้องกลับขึ้นไปบนห้องเพื่อเก็บของให้เสร็จ เธอยังจำได้อยู่เลยว่ายังลืมของสำคัญไว้อีกด้วย

    เอี๊ยด....

    หญิงสาววัยสิบแปดปีในชุดสีดำอันเป็นชุดของโรงเรียนที่เธอกำลังเรียนอยู่เปิดประตูเข้าไป เสียงบานพับประตูเสียดสีกันราวกับเสียงของเด็กที่สีไวโอลินไม่เป็นดังก้องไปทั่วห้อง บุคคลที่นั่นหันหลังเล่นเปียโนให้เธอนั้นอยู่ในชุดเครื่องแบบสีดำสนิท หมวกและเสื้อคลุมหนังตัวสีดำถูกวางพาดเอาไว้บนโต๊ะใกล้ๆกับเปียโนที่เขากำลังเล่นอยู่ ฟังจากเสียการดีดเปียโนแล้วเขาก็มีฝีมือเยี่ยมทีเดียว ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยเห็นใครดีดเปียโนได้เยี่ยมขนาดนี้มาก่อน

    “คุณ...”

    แอดเลอร์ลากเสียง เธอเรียบเรียงคำพูดได้ไม่ค่อยถูกนักหากไม่มีสมาธิ จนเขาหยุดเล่นเปียโน...

    “มีอะไรเหรอเฟราไลน์”

    “เมื่อกี้...คุณ...”เธอยังคงได้แต่ลากเสียง จนเขาหัวเราะขึ้นมา...เสียงหัวเราะนั่นดังในลำคอฟังดูน่าวังเวง
          เบิร์ตหัวเราะพลางกดลงบนคีย์ตัวสีดำของเปียโนลงไปเบาๆจนเกิดเสียง
          "ทำไมล่ะ ไม่เคยเห็นผมเล่นเปียโนรึไง"
          "เปล่า...ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น"
          ความจริงแล้วเธอไม่อยากให้เขารู้เลยว่าเธอไม่ค่อยเก่งเรื่องดีดเปียโนเสียเท่าไร ทั้งๆที่เคยพูดเอาไว้เสมอว่าเรื่องเปียโนเธอได้ที่หนึ่งเสมอ
          "โฮ่--"เบิร์ตอุทานขึ้น เขายกมือขึ้นชี้ไปที่เธอ"คุณเล่นเปียโนไม่เป็นสินะ"
          เมื่อได้ยินดังนั้น เธอก็ถึงกับเงยหน้าขึ้นมาทันที
          "อ..อะไร ฉันไม่ได้พูดสักหน่อยว่าเล่นเปียโนไม่เป็นน่ะ.."
          "ไม่ต้องปิดบังหรอก...เฟราไลน์"เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง"...คุณน่ะ...ดูง่ายจะตาย"
          "โอเค! ก็ได้! ฉันห่วยเรื่องดีดเปียโน พอใจรึยังล่ะคะ!?"
          เขาหัวเราะเบาๆอีกครั้ง
         "ก็เท่านั้นล่ะ"
         แอดเลอร์ขมวดคิ้วขึ้น เธอรู้สึกไม่พอใจเท่าไรนักที่เรื่องมันเป็นแบบนี้ ในบรรดาเครื่องดนตรีที่เธอเคยได้เล่นมา...เปียโนเป็นเครื่องดนตรีเดียวเท่านั้นที่เธอคิดว่า...ยิ่งเล่นก็ยิ่งแย่...
          เธอเดาเอาไว้ในใจว่านี่คงได้เวลากลับไปเรียนต่อแล้ว วิชาต่อไปเป็นวิชาคณิตศาสตร์ซึ่งเป็นวิชาที่เด็กทั้งห้องเกลียดมากที่สุด เธอหันหลังกลับเตรียมที่จะเดินออกไปข้างนอก แต่ดูเหมือนว่า...เรื่องนี้เธอต้องการที่พึ่ง
          ...ไม่มีใครเล่นเปียโนได้ดีขนาดนั้นเท่าเขาเลย...เธอควรจะ...
          "พรุ่งนี้ฉันมีสอบ"เธอกล่าวขึ้นสั้นๆ"สอบเรื่องเปียโนน่ะ"
          "นั่นมันเรื่องของคุณ ไม่เกี่ยวกับผม"
          เบิร์ตพูดออกไปอย่างไม่ไยดี เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าหากเขาพูดเช่นนี้ออกไปให้เธอได้ยินเธอจะรู้สึกอย่างไร
          "ให้ตายสิ! ฉันเพิ่งจะบอกไปว่าฉันห่วยเรื่องเปียโนนะ!"
          เขาเดินไปหยิบเสื้อคลุมหนังตัวสีดำขึ้นมาสวมก่อนจะหยิบหมวกออกมา เขาหยิบมันขึ้นมาสวมช้าๆก่อนจะยื่นมือไปหยิบปากกาและเศษกระดาษที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ เขาเขียนบางอย่างลงบนกระดาษนั่น ก่อนจะวางปากกาลง แอดเลอร์มองเขาสักครู่พลางคิดว่าเขากำลังเขียนอะไรอยู่ และในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น กระดาษในมือของชายหนุ่มก็ถูกยื่นมาตรงหน้าเธอ
          "...อะไร"เธอถามพลางก้มลงไปมองกระดาษแผ่นนั้น
          "มาตามที่อยู่นี้...แล้วผมจะสอนคุณให้"
          เธอยื่นมือไปรับกระดาษแผ่นนั้นมาดู แอดเลอร์อ่านมันในใจ...มันคือที่อยู่ของเขา...จะว่าไปเขาไม่เคยพูดถึงบ้านอะไรแนวนี้ให้เธอฟังเลยสักครั้ง แต่ประเด็นมันไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก...
          "บ้านคุณมีเปียโนด้วยเหรอ ฉันอยากให้คุณสอนที่นี่...ในห้องนี้"
           เขาจ้องมองไปยังเธอ ก่อนจะดึงกระดาษแผ่นนั้นกลับมา
           "งั้นก็แล้วแต่คุณ คิดอีกทีผมก็ไม่อยากเปิดเผยที่อยู่ของตนเองนักหรอก"
          "คงงั้นมั้ง"
          เบิร์ตหันไปมองนาฬิกา มันบ่งบอกว่าตอนนี้มันเกือบจะบ่ายสองแล้ว
          "เจอกันตอนเย็นนะสาวน้อย"
          "ได้..."
          เธอกระตุกยิ้มมุมปากให้เขาอย่างใจเย็นก่อนจะเปิดประตูออกไปด้านนอก เบิร์ตมองตามหลังของหญิงสาวด้วยสายตาคมกริบ...
    เขานึกสนใจเธอขึ้นมาโดยทันที ทุกครั้งที่เธอพูดกับเขา...ในน้ำเสียงนั่น...มันแฝงไปด้วยความมั่นใจในตนเอง เมื่อเขาสบตาเธอ...ในดวงตานั่นแฝงไปด้วยเสน่ห์อันร้ายกาจ มันสะกดให้ชายทุกคนหยุดอยู่กับที่แล้วเหล่มองเธอด้วยความเสน่หา...
          ขนาดเธอยังอายุสิบแปดแค่นี้ยังทำให้เขาแทบจะคลั่ง...ถ้าเธอในอีกสิบปีข้างหน้าล่ะ...
           แอดเลอร์...เธอเป็นหญิงสาวคนเดียวที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้...
           ....
           ...
           ..
           .
           14.37 PM
           ตึก...ตึก...ตึก..
          เรน่ากำลังเดินอยู่บนถนนที่มีแต่คนพลุกพล่าน อากาศในกรุงลอนดอนช่วงนี้กำลังหนาวทำให้แทบทุกคนในเมืองต้องสวมเสื้อกันหนาวมาด้วย เธอเหล่มองสร้อยอัญมณีในร้านเครื่องประดับแวบหนึ่งด้วยความสนใจและค่อยๆก้าวไปดูใกล้ๆ เธอดูสนใจสร้อยที่อยู่ตรงมุมตู้มากที่สุด  มันเป็นสร้อยที่สง่างามมากที่สุด เพชรน้ำงามเม็ดโตถูกต่อเอาไว้เป็นเส้น...เทอร์คอยส์สีฟ้าน้ำทะเลช่างน่าดึงดูดใจยิ่งนัก
          แพงแค่ไหนเนี่ย  หญิงสาวคิดในขณะที่มองมันด้วยแววตาที่เปล่งประกายเหมือนกับเพชรในสร้อยเส้นนั้น
          แต่จะอย่างไร...เธอก็ได้แค่แอบมองมันและปลื้มอยู่ในใจกับความสง่างามของเพชรนั่น...
          "เรน่า คุณมาทำอะไรที่นี่..."
         เมื่อสิ้นเสียงนั่น มันเป็นสัญญาณที่ทำให้เธอหันไปด้านหลัง เบิร์ตนั่นเอง เขาย้้มมาให้เธอนิดหน่อยในขณะที่มองมายังเธอจนอดไม่ได้ที่เธอเองนั้นก็ยิ้มกลับไปเช่นกัน หญิงสาวนึกสงสัยว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ความจริงเวลานี้พวกนาซีควรจะซุ่มเฝ้าพวกเด็กนักเรียนที่โรงเรียนมากกว่า แต่ก็ดีแล้วที่เจอเขา...
          "ตอนเย็นนี้คุณว่างมั้ยคะ"เธอถามเขาพลางส่งสายตาไป"ฉันอยากจะพาคุณไปทานอาหารที่ร้านป้าโดโรเรสจังเลย"
           ชายหนุ่มยิ้ม เขาปลื้มเธอมาก...แต่ไม่มากเหมือนกับเด็กสาวที่เขากำลังจับตาดูอยู่ที่โรงเรียนของเธอในทุกๆวันนี้...แอดเลอร์
           "คือ..เย็นนี้ผมไม่ว่างเลยครับ"
           "..."เธอเงียบไปพักหนึ่ง ใบหน้ายังคงเปื้อนรอยยิ้มอยู่"คุณไม่ว่างเหรอคะ"
          "ใช่ครับ ผมต้องทำงานต่อ ช่วงนี้ผมแทบไม่ได้พักเลยนะครับคุณรู้มั้ย"
          ใช่...ใช่สิ...
           "เหรอคะ...งั้นให้ดิฉันไปช่วย..."
           "ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณ"
           เห็นได้ชัดเลยว่าเขากำลังพูดเรื่องอะไรอยู่...
           "...ค่ะ"
           "เอาไว้โอกาสหน้านะครับ..."เขาพูดพลางส่งยิ้มให้เธออีกครั้งก่อนจะเดินจากไป
           เรน่าพยักหน้าอีกครั้ง...เธอรู้ดีว่าเขากำลังจะบอกอะไรกับเธอ...ในแววตานั่น...เธอเห็นอะไรบางอย่าง....เธแรู้ว่าเขากำลังจะบอกสิ่งใด...เขากำลังจะบอกเธอว่า..."ขอโทษ"
       ....
       ...
       ..
       .
           เขาคือคนๆเดียว....
           คนๆเดียวที่ไม่เคยพูดคำว่า"ขอโทษ"ให้ใครเลย...
           นั่นแหละ...ทุกๆวันของเขาในชีวิตของเขา....
           ...ชีวิต...ที่ไร้คำขอโทษ...
          --------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×