ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    War and Sacrifice : Route to the War

    ลำดับตอนที่ #14 : War and Sacrifice. Episode 2: Agreement Memories Decision.

    • อัปเดตล่าสุด 10 มี.ค. 59


    คุณจะใช้เวลาตัดสินใจนานแค่ไหนก็ได้ แต่ผมขอเพียงแค่...ให้คุณตอบตกลงก็พอ...

    .....

    ...

    ..

    .

    ฉันไม่มีทางเป็นนาซีเด็ดขาด...ต่อให้คุณจะมีข้อแลกเปลี่ยนที่ฉันสนใจก็ตามคาร์ล...

    ...

    .

    ..อย่าพยายามขอร้องฉันเลย

     

    ฉันอยู่ที่ไหน..

    นั่นคือคำถามแรกที่เกิดขึ้นมาในหัวของฉัน ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าฉันอยู่ที่ไหน เพราะมันมีแต่สีขาวเต็มไปหมด...ไม่ว่ามองไปทางไหนก็เจอแต่สีขาว มันทั้งเงียบ..ทั้งว่างเปล่า..ไม่มีสิ่งมีชีวิตที่นี่เลยด้วยซ้ำ แล้วฉันจะเดินไปทางไหนล่ะเนี่ย ในเมื่อว่าฉันไม่รู้ว่าทิศเหนืออยู่ตรงไหน มันเหมือนกับว่าฉันสับสนมากที่สุดในชีวิต แล้วฉันก็ตัดสินใจก้าวเดินไปด้านหน้า...ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจะเดินไปไหน ยังไงก็ตาม...ถ้าฉันยิ่งเดิน ก็ยังไม่พ้นอาณาเขตสีขาวนี่ซักที หรือว่า..

    ฉันอาจจะตายแล้ว...

    ถ้าเป็นแบบนั้น ที่นี่คือสวรรค์เหรอ ไม่ใช่แน่ๆ นี่มันว่างเปล่ากว่าจะเรียกว่าสวรรค์ซะอีก..

    ฉันเดินวนไปมา แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นกระดาษสีขาวแผ่นหนึ่งที่วางทิ้งอยู่บนพื้น ฉันค่อยๆหยิบมันขึ้นมา กระดาษแผ่นนี้มันมีสองหน้า ใครๆก็รู้..แต่เมื่อฉันพลิกไปด้านหลัง มันกลับเป็นสีดำสนิทอีกด้านหนึ่ง และเมื่อฉันพลิกกลับมาหน้าเดิม หน้ากระดาษที่เคยว่างเปล่ากลับมีตัวอักษรโผล่ขึ้นมา

          เหมือนกับว่ามันกำลังเชื้อเชิญฉันให้อ่านมัน...

                Clarity

                ความกระจ่าง?

                Or

             

    Murky

    หรือมืดมน..อะไรนะ

    “ครีนัส”

    ฉันหันกลับไปหาเสียงเรียกนั่น กระดาษในมือถูกทิ้งลงพื้น เสียงเมื่อกี้คุ้นๆเหมือนกับได้ยินที่ไหนมาก่อนยังไงอย่างนั้น ฟังเหมือนกับเสียงที่ฉันได้ยินประจำ...

    และเมื่อฉันหันกลับไปตามเสียงเรียก..

    เธอ...

    “ใช่..”

    ฉันมองไปยังผู้หญิงผมสีน้ำตาล นัยน์ตาสีฟ้า และสวมเครื่องแบบ ฉันแทบจะไม่เชื่อเลยว่านั่น...

                นั่น..หล่อนคือ..ตัวฉัน...?

    “ฉันเป็นเธอ เธอเป็นฉัน”

    หล่อนเดินมายังฉัน ทุกจังหวะก้าวเท้าของเธอมาพร้อมกับรอยคราบเลือดที่ติดมากับรองเท้าสีดำของเธอ ที่สายคาดสะเอวมีปืนที่เก็บใส่ซองเอาไว้อย่างดี หล่อน..ทำอะไรตรงกันข้ามกับฉันทุกประการ ทั้งลักษณะการเก้าเดิน ฉันมักจะก้าวเท้าซ้ายก่อนเสมอถ้าฉันเดิน แต่หล่อนกลับก้าวขวาก่อนจะก้าวเท้าซ้าย ดูถ้าทางของหล่อนจะต่างกับฉันในตอนนี้เป็นอย่างมาก หล่อนยื่นมือที่สวมถุงมือเข้ามายังฉันด้วยมือขวา ในขณะที่ฉันจะยื่นมือซ้ายไป..

                “เธอคือฉันเหรอ”ฉันยังคงไม่แน่ใจ

                “หรือเธอไม่เชื่อ บอกแล้วไง..ฉันคือเธอ..”

                “เธอคือฉัน...”

                ฉันพูดต่อจากหล่อน รอยยิ้มเล็กๆบนใบหน้าค่อยปรากฏขึ้นมา หล่อนหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมา ก่อนจะขยำมันจนเป็นก้อนกลมๆ แล้วหล่อนก็คลายมือออก..จากกระดาษแผ่นที่ถูกขยำเมื่อครู่กลายเป็นขี้เถ้าสีดำที่ล่วงหลงมาจากมือของหล่อน

                “มันไม่ใช่ขี้เถ้า”หล่อนพูดขึ้น

                “...”

     

                “ดินปืนต่างหาก”
                "เธอต้องการอะไรจากฉัน"
                ฉันถามหล่อนด้วยท่าทางไม่ไว้ใจ เป็นไปไม่ได้หรอกที่ฉันจะได้คุยกับตัวเอง...เป็นไปไม่ได้เลยซะด้วยซ้ำ! ผู้หญิงคนนี้หน้าเหมือนกับฉันมาก แต่ถ้าทางว่าจะไม่ใช่อายุเท่ากับฉัน ลักษณะนิสัยของหล่อน...ทุกสิ่งทุกอย่างในตัวหล่อนและฉัน...เหมือนกัน 
                  "เข้าใจง่ายๆนะครีนัส ที่นี่คือความคิดของเธอ"
                  "ความคิด?"
                  "หรือที่เธอเรียกว่า..ความฝัน"
                  เธอเดินวนไปรอบตัวฉัน เสียงรอง เท้าของเธอกระทบกับพื้นสีขาวดังก้องไปทั่ว เธอต้องการอะไรจากฉัน นั่นคือคำถามที่ฉันอยากจะได้คำตอบมากที่สุด อยู่ดีๆฉันก็เข้ามาในความฝันของตัวเอง แล้วก็ได้เจอกับตัวเองในอนาคตที่พบว่าฉันในตอนนั้นกลายเป็นนาซีไปซะแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวฉันในอนาคตกันนะ? นี่คืออีกคำถามที่ฉันต้องการคำตอบเหมือนกัน
              แต่รู้สึกว่าคำถามข้อหลังนี่..ฉันต้อง
    การคำตอบให้เร็วที่สุดเลย..
              "เกิดอะไรขึ้นกับฉัน ทำไมฉันถึง.."
              "เป็นนาซี ใช่..นี่คือสิ่งที่เธอจะถามใช่มั้ย? แล้วทำไมเธอไม่ลองถามคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอล่ะ--ฉันหวังว่าเธอจะจำเขาได้นะ"
            ฉันค่อยๆหันไปด้านหลังตัวเองตามคำพูดของฉันอีกคน และเมื่อฉันหันหลังกลับไปนั้น..บุคคลที่ฉันไม่น่าจะมีโอกาศได้เจออีก
    ครั้ง ก็ปรากฏต่อหน้าอย่างไม่น่าเชื่อ..ตรงนี้เนี่ยแหละที่ฉันรู้ว่าตัวเองฝันจริงๆ
             "พ่อ?"
             "ครีนัส...เจ้าหญิงของพ่อ"
             ฉันแทบไม่เชื่อสายตาของตัวเอง..นั่นพ่อเหรอ นี่ฉันได้เจอพ่ออีกครั้งเหรอเนี่ย..
             ตึก...ตึก..ตึก...
             "พ่อคะ..หนู.."
             ฉันก้าวเดินไปหาเขา...ชายผมสีเข้มคนนั้นือพ่อฉันจริงๆ เขาอยู่ในชุดเดียวกับวันนั้นวันที่เขาตายต่อหน้าต่อตาฉัน..ฉันจำชุดสูทสีเทาดำนั่นได้..แว่นกรอบสีน้ำตาลเชกเช่น
    เดียวกับนัยน์ตาสีน้ำตาลคู่นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันแทบจะร้องไห้ออกมา...พ่อฉันเก็บแว่นนั่นไว้ให้ฉัน..
              "ไม่ต้องร้องไห้หรอกครีนัส"เสียงของฉันอีกคนหนึ่งพูดดังมาจากด้านหลังในขณะที่ฉันก้าวเท้าเข้าไปหาพ่อ
              "พ่อคะ...หนูคิดถึงพ่อ.."
              "อายุสิบแปดแล้วนะทำเหมือนเด็กอยู่ได้..."เขายกมือขึ้นปาดน้ำตาที่อาบเต็มหน้าฉันด้วยความห่วงใย ความรู้สึกนี้ทันไม่น่าจะเกิดขึ้นมาในใจฉันเลยซะด้วยซ้ำ...
              "พ่ออยู่ข้างหนูเสมอ.."
              ฉันค่อยๆเผยอปากขึ้นยิ้ม น้ำตายังคงไหลรินออกมาล้นเบ้าตาเรื่อยๆอย่างไม่มีท่ท่าจะหยุดไหล พ่อยกมือขึ้นจับแตะแก้มของฉัน
              "พ่อรักหนู..."
              เดี๋ยวนะ...ความรู้สึกแปลกๆเมื่อกี้...
              "...พ่อ?"
               นี่มันไม่ใช่....
               "...แอดเลอร์"
               เขากระตุกยิ้มอีกครั้ง...ใช่จริงด้วย...!
               "พอเถอะน่า.."
               ฉันหันไปด้านหลัง โลกสีขาวที่ฉันเห็นอยู่เมื่อประมาณสิบนาทีเมื่อครู่กลับกลายเป็นสีขาวที่มีสีดำแซมเข้ามา ตัวฉันคนนั้นหายไปแล้ว..นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นมาในหัวฉันเนี่ย
               "ไม่มีอะไรหรอก.."
               "คุณ..."
               ฉันค่อยๆหันกลับไปอีกครั้ง ลมที่อยู่ดีๆก็กรรโชกแรงขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย มันทำให้ฉันเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาคนนั้น ..เขาคนนั้นที่อยู่ตรงหน้าฉัน
               "ค..."
               "เวลาผมดูหน้าคุณใกล้เนี่ยๆ..รู้สึกว่าคุณจะมีเสน่ห์ขึ้นมามากกว่าเดิมนะ..สาวน้อย.."
                ฉัน...
                เขาโน้มตัวลงมากระซิบที่หูของฉัน..
                "นาซีเยอรมันอ้าแขนรอรับคุณอยู่เสมอ..แอดเลอร์"
                พรึ่บ!
                ....
                ...
                ..
                .
           'นายคิดอะไรอยู่เนี่ย ฉันตามนายไม่ทันแล้วนะเว้ย!'
           อะไรนี่...ทำไมเจ็บหัวอย่างนี้นะ..
           'เงียบไปซะ'
           เสียงวูล์ฟฟ์และคาร์ล ฉันอยู่ที่ไหนอีกล่ะ...เกิดอะไรขึ้นกับฉัน..
            'ระหว่างเรื่องส่วนตัวกับงานที่ถ้าทำไม่สำเร็จนายอาจจะตายได้ นายเลือกอะไรล่ะ'
           'เอมิลล์ไม่ได้บอกซักหน่อยว่าถ้าทำไมสำเร็จจะต้องตายน่ะ!'
           'ฉันฆ่านายตายแน่วูล์ฟฟ์ถ้านายไม่ทำตามคำสั่งของฉัน'
           ฉันค่อยๆลืมตาขึ้น..แต่รู้สึกว่าหนังตามันจะหนักขึ้นมาทันที มันเหมือนกับมันกำลังบังคับไม่ให้ฉันลืมตา--ฉันยังรวบรวมสติได้ไม่ครบสินะ..
            'ฉันยศสูงกว่านายนะเบิร์ต! อย่าบ้าอำนาจให้มาก!'
            'ยศของนายก็แค่ใช้เงินซื้อมา'
           อะไรอีกล่ะเนี่ย...นี่ฉันจะต้องฟังสองคนนี้ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ...ให้ตายสิ แต่ที่คาร์ลพูกเมื่อกี้...มันหมายความว่าอะไรกัน
           'หยุดพูดแล้วขับรถต่อไปซะเบิร์ต'
           'ถึงสุสานแล้ว คงไม่ต้องขับต่อแล้วล่ะ'
           

    รถค่อยๆชะลอความเร็วลงแล้วหยุดกึก เสียงเครื่องยนต์ที่ดังเมื่อครู่กลับกลายเป็นความเงียบแทน ฉันรู้สึกว่าตัวเองสามารถลืมตาได้แล้ว และค่อยๆลืมตาขึ้นมา—สิ่งแรกที่ฉันเห็นคือกระจกรถที่สามารถมองออกไปด้านนอกได้ นี่ฉันสลบไปเหรอ? นั่นคือสิ่งที่สงสัย แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ฉันยังรวบรวมสติตัวเองได้ไม่สมบูรณ์เท่าไร และทันใดนั้นประตูรถค่อยๆเปิดออก ชายในเครื่องแบบนาซีสีดำผมสีน้ำตาลเข้มคนหนึ่งค่อยๆพยุงฉันให้ยืนขึ้นก่อนจะพาเดินเข้าไปด้านในสถานที่นั้น...

    “แอดเลอร์ผมขอโทษ..”

    เสียงของชายคนนั้นดังขึ้นในระหว่างที่เขาพยุงตัวฉันให้เดิน นั่นคือเสียงของวูล์ฟฟ์—ฉันจำได้..ว่าแต่เขาพาฉันมาที่ไหนกันนะ...สุสานเหรอ?

    “เธอตื่นแล้วเหรอ”เสียงของคาร์ล

    “แต่ยังไม่ค่อยมีสติ”

    วูล์ฟฟ์ปล่อยตัวของฉันให้เป็นอิสระ—ตัวฉันที่แทบจะไม่มีแรงล้มลงไปนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น ฉันมองเห็นได้ไม่ค่อยชัดเจนนัก นี่ฉันไปโดนอะไรมานี่...?

    ....

    ..

    .

    สามชั่วโมงก่อนหน้านั้น

    บาร์เทนเดอร์หนุ่มยืนมองหญิงสาวผมยาวสีน้ำตาลที่นั่งอยู่กับชายคนนั้นด้วยสายตาแปลกๆ ก่อนจะหันมาหาบุคคลตรงหน้าแทน

    “คุณควรไปบอกให้หล่อนนั่งห่างๆกับไอ้เวรนั้นนะ พันตรี”

    “ช่างเถอะ บอกไปหล่อนก็ไม่ฟังผมหรอก”เขาพูดในระหว่างที่จ้องมองเธอคนนั้น ก่อนจะหันกลับมา”เรามาคุยเรื่องธุระของเราดีกว่านะครับ”

               

    “มีอะไรก็ว่ามา”

    “บาร์เทนเดอร์! เบียร์อีก!

    แต่ไม่ทันไรที่พวกเขาจะได้พูดคุยเรื่องธุระ ชายที่นั่งกระดกเบียร์ตรงโต๊ะมุมห้องชูกระป๋องเบียร์เปล่าๆในมือขึ้นมา ทั้งแอดเลอร์และชายหนุ่มทั้งสองหันไมองเขาทันที มันเป็นสัญญาณให้สาวเสิร์ฟที่คิดว่าจะสามารถทำตัวว่างได้เพราะทำงานเสร็จแล้วเดินไปหยิบเบียร์กระป๋องราคาถูกๆที่ตั้งอยู่ใส่ถาดแล้วเดินมาเสิร์ฟเบียร์ให้กับเขาด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่อยากจะทำงานต่อเลย หล่อนวางกระเบียร์ลงบนโต๊ะเป็นปกติ ก่อนจะเดินไปหลังบาร์

    “ขอโทษนะ ที่ผมจัดการกับไอ้ขี้เมานั่นไม่ได้ ปืนโดนยึดแล้วนี่”

    “ช่างเถอะครับ ที่ผมมาที่นี่ก็เพราะ...”

    ชายหนุ่มลากเสียง สีหน้าเหมือนกับไม่อยากบอกเขาเท่าไร

    “อะไรล่ะ”เขาขมวดคิ้วขึ้นอย่างสงสัย”เกี่ยวกับแม่สาวนั่นเรอะ?”

    “ครับ ความจริงผมอยากให้ท่านช่วยบอกผมหน่อยว่า..จะทำยังไงกับหล่อนดี”

    ชายหนุ่มหันไปมองแอดเลอร์อีกครั้ง เขาเห็นหล่อนหันไปยิ้มทักทายผู้ชายคนนั้น เขามองหล่อนด้วยสายตาที่ไม่เคยมีมาก่อน...ตอนนี้เขาต้องการให้หล่อนออกห่างจากไอ้เลวนั่นให้มากที่สุด..

    “อ้อนี่จะมาขอคำปรึกษาจากผมเรอะ ไม่น่าเชื่อนะเนี่ยว่าคุณมีความคิดแบบนี้ด้วย แต่ทำไมต้องพาแม่นั่นมาด้วยล่ะ”

    “นั่นไม่ใช่ประเด็นหรอกครับ แต่หล่อนเป็นคนที่นาซีต้องมี”

    “คุณเกลี้ยกล่อมให้เธอมากับคุณสิ แค่นี้ง่ายจะตาย”เขาพูด เขาคงคิดว่ามันง่ายละมั้ง

    “ผู้พันครับมันไม่ง่ายอย่างนั้นเลยนะครับ”

    “ถ้าเป็นแบบนั้น..”

    ชายหนุ่มยกมือขึ้นวางบนเคาเตอร์บาร์—รอฟังชายตรงหน้าพูดต่อจากเมื่อครู่อย่างใจจดใจจ่อ

    “..ก็ต้องใช้ไม้แข็ง”

    คำพูดนั้นทำให้เบิร์ตถึงกับขมวดคิ้วขึ้นเหมือนจะผูกเป็นปม ใช้ไม้แข็งเหรอ? รู้สึกว่าเขาชักจะอยากรู้แล้วล่ะสิว่า “ไม้แข็ง” ที่ว่านี่...มันหมายถึงอะไร

    “ยังไงครับ?”

    บาร์เทนเดอร์หนุ่มยิ้มอย่างยียวน “เอากระบอกปืนฟาดเลยซะสิ”

    “ท่านครับ..ไม่ตลกเลยนะ”

    เขาหัวเราะเบาๆกับสีหน้าของชายหนุ่ม สงสัยไอ้หมอนี่มันคงจะเป็นสุภาพบุรุษมากเลยนะ ถึงไม่ทำร้ายผู้หญิง เขาคิดในใจในระหว่างที่กลั้นหัวเราะเอาไว้

    “ผมไม่ได้ให้คุณตลกนี่—เอาปืนฟาดหัวเธอให้สลบซะ แล้วพาไปสถานที่ที่หล่อนชอบไปมากที่สุด หล่อนจะเบลอๆและไม่ค่อยมีสติ และนั่นแหละ...เกลี้ยกล่อมเธอซะ”

    “คือผม...”

    “ไม่เอาน่าเบิร์ต—นายทำไม่ได้เหรอ”

    เขาดูมีสีหน้าลังเลกับแผนนี้มาก มันอาจจะใช้ได้ผล...แต่มันต้องทำร้ายผู้หญิงนี่นะ? เขาคิด แต่ยังไงก็ตาม ถ้ามาที่นี่แล้วไม่มีอะไรกลับไป—ก็เสียเวลาไปอีกน่ะสิ..

    “ผมตกลง”

    ประโยคนั้นทำให้บาร์เทนเดอร์หนุ่มมีสีหน้าดีขึ้น เขาประทับในตัวของเบิร์ตมาก แต่ยังไงก็ตาม..เขายังอ่อนแอ และจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ แผนนี้อาจมีผลดีและผลเสียสำหรับเขา—แต่มันจะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น

    “ไปซะ”

    นั่นคือคำพูดของเขา

    “ขอบคุณครับ ผู้พันมัลเลอร์”

    ...

    “สรุป...ธุระมีแค่นี้ใช่มั้ย”

    “ก็แค่นั้น”

    ถนนยามเย็นที่ดูไร้ผู้คน มันเงียบเหงาผิดปกติ มันเป็นโอกาสดีที่จะใช้แผนนั้น...แอดเลอร์เดินออกห่างจากเขา ท่าทางของหล่อนดูเหมือนกับอารมณ์ไม่ดีมาก เพราะเขาพาเธอมาและเธอได้เสียเวลาไปฟรีๆอย่างไม่มีประโยชน์เลย หญิงสาวเดินกระทืบเท้าเสียงดังอย่างไม่พอใจ ชายหนุ่มในแจ๊คเก็ตสีดำที่ยืนอยู่ด้านหลังยังคงตีสีหน้านิ่ง เขาไม่คิดจะขวางเธออยู่แล้ว—ให้เธอไปเถอะ

    “งั้นขอตัวก่อนละกันนะ ฉันไม่อยากอยู่ว่างๆแบบนี้หรอก”

    หล่อนตัดสินใจเดินออกห่างจากเขา และทิ้งประโยคสุดท้ายเอาไว้

    “ลาก่อนแอดเลอร์”

    เขาค่อยๆหยิบปืนพกออกมา—ก่อนจะเอามันแอบไว้ด้านหลัง ถนนเปล่าเปลี่ยวไร้ผู้คนมีโอกาศน้อยมากถ้าจะมีคนเห็นเขาถือปืนในที่แบบนี้ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเตรียมใจให้พร้อม...ไม่เป็นไรหรอก แค่ทำให้เธอสลบเท่านั้น...ไม่ได้ฆ่าเธอซักหน่อย เขาคิดในใจ ความรู้สึกนี้..มันทำให้เขาตระหนักกับตัวเองว่า...เขาอ่อนแอ..

    “ถ้ามีธุระกับฉันอีก...”

    หล่อนพูดขึ้นมาทั้งๆหันหลังอยู่ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น และค่อยๆก้าวไปหาหล่อนอย่างเงียบเชียบ

    “...”

    “เอาไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้นะ”

    ผลัก!

    ------------------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×