ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    War and Sacrifice : Route to the War

    ลำดับตอนที่ #15 : War and Sacrifice. Episode 2:Agreement Memories Nazi.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 77
      0
      20 ส.ค. 58

    การตอบตกลง...เป็นสิ่งที่คุณควรทำมากที่สุดในตอนนี้...แอดเลอร์

    -Bert Karl-

    ฉันนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นหญ้าชื้นๆ แล้วก็ยื่นมือไปแตะท้ายทอยของตัวเอง ฉันมองเห็นคราบเลือดที่ติดอยู่ตรงปลายนิ้วชี้—ถึงจะเห็นไม่ชัดก็ตาม แต่คราบสีแดงที่ติดนิ้วฉันมานั่นบ่งบอกได้เลยว่าเป็นเลือดแน่นอน ฉันพยายามบังคับให้ตัวเองกลับมามีสติ แต่มันกลับไม่ได้ผล เสียงก้าวเท้าของใครบางคนดังขึ้นด้านหลังฉัน...ฉันเดาว่าต้องเป็นของวูล์ฟฟ์แน่ๆ

    “เบิร์ต ที่ท้ายทอยแอดเลอร์มีเลือดติดอยู่นี่! นายทำอะไรหล่อนน่ะ!

    “เงียบไปซะ ฉันจัดการกำผู้หญิงคนนี้ยังไงนายก็ไม่ควรรู้หรอก”

    สายตาของฉันมองเห็นหน้าของใครบางคนที่ก้มลงมาจ้องมองฉันอย่างลางๆ คาร์ล...

    “ไงแอดเลอร์”เขายื่นมือมาโบกไปมาใกล้ๆหน้าฉันเพื่อทดสอบดูว่าฉันมีสติรึเปล่า เมื่อเห็นว่าฉันไม่เป็นแบบนั้น เขาก็กระตุกยิ้มทันที คงเข้าทางเขาสินะ

    เขาเดินออกไปแล้ว สิ่งที่ฉันเห็นหลังจากที่ฉันเดินออกไปคือแผ่นหินขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงหน้า ตัวอักษรที่สลักลงบนแผ่นหินนั่นทำให้ฉันรู้ได้ทันทีเลยว่า..นี่คือป้ายหลุมศพ และชื่อที่สลักอยู่ บ่งบอกให้ฉันรู้ทันทีว่าเป็นหลุมศพของใคร..ของพ่อฉันเอง

    “ตอนนี้คุณต้องทำใจให้สบายนะแอด
    เลอร์”

    คาร์ลพูด เสียงของเขาดังอยู่ด้านหลังของฉัน—เขาคิดจะทำอะไรในระหว่างที่ฉันยังรวบรวมสติไม่ได้เนี่ย...
         "...."
         "ผมมีเรื่องที่จะขอร้องคุณ..."
         เขายังคงเดินไปรอบๆตัวฉันและพูดต่อไป สายตาของฉันยังคงมองเห็นแต่ป้ายหลุมศพของพ่อ...

         "..."
         ตอนนี้ฉันเหมือนกับโดนควบคุม...บังคับจิตใจตัวเองไม่ได้และดูเหมือนว่าสติมันจะไม่กลับมาเลย ความเจ็บปวดตรงท้ายทอยยังคงไม่หายไป มันระบมเหมือนกับว่าโดนของแข็งตีเข้ายังไงอย่างนั้น มาถึงตอนนี้ฉันทำได้แค่..
    จ้องมองไปยังป้ายหลุมศพนั่นเหมือนเดิม...
         "ผมต้องการให้คุณมากับผม...มากับเรา"
         คาร์ลยังคงพูดเกลี้ยกล่อมฉันต่อไปเหมือนกับเมื่อสองเดือนก่อนที่ฉันเมาไวน์ ตอนนัเนเขาถือโอกาศตอนฉันเมาเกลี้ยกล่อมฉันเหมือนกับวันนี้ที่ฉันไม่ได้สติ..แต่ว่าบางทีฉันอาจจะมีสติ แต่กลับไม่รู้สึกตัว
         "ผมมีข้อเสนอให้คุณตัดสินใจ.."
         "..."
         "..ถ้าคุณมากับผม--ผมก็จะช่วยคุณตามหาคนที่ฆ่าด็อกเตอร์ไคลร์ให้ ดีมั้ยล่ะ"
         ข้อเสนอเหรอ..?
         ฉันคิด...มันฟังดูเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจเลยทีเดียว ฉันอยู่มาทั้งชีวิตก็เพื่อรอให้มีข่าวดีว่า ตำรวจจับคนที่ฆ่าพ่อฉันได้แล้ว แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีวี่แววที่จะเป็นแบบนั้นเลยด้วยซ้ำ...ฉันเสียเวลารอคอยข่าวดีนั้นมาตลอดชีวิต ทั้งๆที่ไม่รู้ว่ามันจะเป็นจริงรึเปล่า....หรือว่าบางทีถ้าฉันไปกับคนพวกนี้..ฉันอาจจะได้รู้คำตอบที่ตามหามาตลอดห้าปีจริงๆ ฉันจำคำพูดที่คาร์ลใช้เกลี้ยกล่อมฉันเสมอ..และจำมันได้จนขึ้นใจ..
          "มากับผม..แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น"
          ฉันค่อยๆยกมือขึ้นกุมขมับของตัวเอง สายตายังคงจ้องไปยังป้ายหลุมศพนั่น ภาพที่ตามหลอกหลอนฉันมาตั้งแต่เด็กกลายเป็นบาดแผลขนาดใหญ่ภายในจิตใจ--ภาพที่เห็นพ่อของฉันล้มลงต่อหน้า...เลือดที่ไหลออกมาปนกับเศษเสี้ยวของสมองที่เต็มไปด้วยความคิดเป็นภาพที่ฉันมิอาจจะตัดใจลืมมันลงได้...ฉันเริ่มจะเลือก..ระหว่างตอบตกลงและปฏิเสธคาร์ล..
           ฉันนึกถึงตัวฉันในโลกสีขาวเมื่อครู่ แววตาของหล่อนเต็มไปด้วยความตั้งใจอันแรงกล้า...แต่กลับมองเห็นความเศร้าโศกภายในแววตานั่น...ฉันเริ่มจะขบคิดกับข้อเสนอเมื่อครู่...ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับฉันแล้วว่าจะตัดสินใจยังไง...
          ตกลง
          หรือ...
          ปฏิเสธ...?
         ฉันต้องเลือก..
          "...หึ"
          "หืม?"
          คาร์ลเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะก้มลงมองมายังใบหน้าของฉันซึ่งกำลังจ้องมองไปยังป้ายหลุมศพหินตรงหน้า...ฉันเผยอปากขึ้นแสยะยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบดอกกุหลาบสีขาวซึ่งแห้งตายไปตั้งแต่เมื่อเช้าที่ฉันเอามันมาวางไว้ ฉันหยิบมันขึ้นมาขยำทิ้ง...กลีบดอกกุหลาบสีขาวค่อยๆบ่วงหล่นลงบนพื้นหญ้าที่ฉันนั่งอยู่...เหมือนกับที่ตัวฉันในความฝันขยำกระดาษแผ่นนั้นแล้วกลายเป็นดินปืน
            ณ เวลานี้...ฉันได้ตัดสินใจแล้ว...
          "แล้วฉันจะลองเชื่อใจนาซีดู..."
          ฉันพูดก่อนจะลุกขึ้นยืน
         "...แล้วอย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ...พันตรีเบิร์ต คาร์ล"
         .....
         ...
         ..
         .
         "ไง..ฉันชื่อนาตาชาร์นะ..นาตาชาร์ เคลเลอร์"
         หญิงสาวเงยหน้าขึ้นหลังจากที่เสียงใสของใครคนหนึ่งดังขึ้น บุคคลที่อยู่ตรงหน้าคือหญิงสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกับหล่อน หล่อนยิ้มให้แอดเลอร์อย่างเป็นมิตรก่อนจะเดินมานั่งข้างๆ แต่แอดเลอร์ซึ่งยังไม่รู้จักอีกฝ่ายดีกลับเงียบและยิ้มให้หล่อนแทนการกล่าวสวัสดีเหมือนกับหล่อน
         "เธอชื่ออะไรเหรอ"หล่อนถามต่อ
         "ครีนัส..แอดเลอร์"
         "ชื่อเท่จังเลย!"หญิงสาวผมบลอนด์กล่าวชม"แปลว่าอะไรล่ะ ช่วยบอกหน่อยสิ"
         "เป็นภาษาเยอรมัน...แปลว่านกอินทรี"
         นี่เพิ่งจะพักจากการฝึกไม่นาน แอดเลอร์เดินมานั่งที่โต๊ะตัวเดิมเหมือนเช่นทุกวัน แต่วันนี้กลับมีเด็กผู้หญิงผมบลอนด์มาขอนั่งด้วย ซึ่งมันแตกต่างจากเมื่อตอนที่หล่อนมาที่นี่ครั้งแรกเป็นอย่างมาก ดูจากใบหน้าสะสวยดูน่ารักมีเสน่ห์ของหญิงสาวผมบลอนด์ตรงหน้าแล้ว..หล่อนต้องเป็นคนรัสเซียครึ่งอังกฤษแน่นอน
         "ต่อไปฝึกเรื่องอะไรเหรอ..เคลเลอร์" หล่อนเอ่ยถามบ้าง ซึ่งปกติหล่อนไมาเคยเป็นแบบนี้
         "ยิงปืนมั้ง ไม่รู้สิ"
         หญิงสาวยิ้มให้แอดเลอร์ก่อนจะหยิบบางอย่างออกมา มันคือซองจดหมายกับปากกาหมึกซึม
         "เขียนจดหมายเหรอ"
         "ใช่แล้ว!"เคลเลอร์ตอบอย่างอารมณ์ดี"ทุกวันที่ฉันมาฝึกฉันต้องเขียนจดหมายบอกยายที่อังกฤษด้วย ท่านเป็นห่วงน่ะ"
         แอดเลอร์พยักหน้าก่อนจะหยิบหรังสือเล่มเล็กขึ้นมาอ่าน นี่เป็นหนังสือที่วูล์ฟฟ์ซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด มันไม่หนามากเท่าไร แต่เนื่องจากหล่อนจะต้องฝึกทุกวันแถมเวลาพักมีน้อยด้วย หล่อนจึงไม่มีเวลาที่จะอ่านมันให้จบเล่มซักที
         "เธอช่วยอ่านหน่อยสิว่ามันได้ความรึยัง"
         นาตาชาร์ยื่นกระดาษแผ่นเล็กมายังแอดเลอร์ หญิงสาวนัยน์ตาสีฟ้ามองกระดาษแผ่นนั้นซักครู่อย่างสงสัยก่อนจะรับมันมาจากมือของเคลเลอร์
         ถึงคุณยายที่รัก
              การฝึกผ่านไปด้วยดี วันนี้ไม่ต้องฝึกอะไรที่มันโหดมากนอกจากการยิงปืน  หนูกลัวเสียงดังของปืนมากเลยค่ะ ได้ยินทีไรนี่ขวัญกระเจิงทุกทีเลย แต่คุณยายไม่ต้องห่วงนะคะ หนูไม่เป็นไรอยู่แล้ว และว่างๆหนูจะเขียนมาอีกนะคะ!
                                          -จาก แนต หลานรัก-

        "เขียนได้ดีเลย"แอดเลอร์ยิ้มก่อนจะยื่นจดหมายคืนให้
         "ขอบใจจ้ะ"
          หล่อนยิ้มอีกครั้งก่อนจะเก็บกระดาษที่ใช้เขียนจดหมายพับเก็บใส่ซองเตรียมพร้อมจะไปส่ง แอดเลอร์มองเคลเลอร์อย่างเอ็นดู ถึงแม้ว่าหล่อนจะตัดสินใจมาเป็นนาซี แต่ยังไงหล่อนก็ยังดูเป็นเด็กอยู่ดี..
          ถ้าเธอมีเพื่อนแบบนี้ก็ดีสินะ แอดเลอร์คิด
           "เธอไม่เขียนจดหมายบ้างเหรอ"
           แอดเลอร์ยิ้มให้หล่อนก่อนจะตอบคำถาม"ไม่มีคนอ่านจดหมายฉันหรอก"
           "โธ่ ทำไมพูดสิ้นหวังอย่างนั้นล่ะ"
           "ก็มันจริงนี่"หล่อนหัวเราะ
           อยู่ดีๆสีหน้าของนาตาชาร์ก็เปลี่ยนไป หล่อนมองไปด้านหลังของแอดเลอร์ บุรุษในเครื่องแบบคนหนึ่งเดินเข้ามาหาแอดเลอร์ก่อนจะเอื้อมมือมาจับไหล่ของหล่อน 
           "คาร์ล?"
           "ได้เวลาฝึกยิงปืนแล้ว"เขาพูดก่อนจะมองมายังนาตาชาร์ "คุณด้วยเคลเลอร์"
          20 นาทีต่อมา
          นาซีคนนั้นเดินนำหน้าหญิงสาวสองคนมายังสนามยิงปืน ทั้งสองเข้าประจำที่ตัวเองก่อนจะหยิบปืนที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมาจับ แอดเลอร์เอามือปัดผมยาวสยายสีน้ำตาลของหล่อนไปไว้ด้านหลัง มันคือสิ่งที่หล่อนต้องทำทุกครั้งก่อนจะเริ่มยิงปืน
          "จับปืนให้แน่นละ รีคอยล์ของปืนมันสูง"เขาอธิบาย ก่อนจะหยิบปืนขึ้นมา นิ้วแตะไปที่ไกปืน ก่อนจะลั่นไก
          ปัง!
          "สุดยอด.."นาตาชาร์เผลอหลุดปากพูดออกมา เมื่อเห็นลูกกระสุนพุ่งเข้าไปเจาะกลางเป้าแม่นราวจับวาง
           "ขอบคุณเคลเลอร์ ผมหวังว่าคุณจะยิงปืนได้แบบนี้นะ"
          ปัง!
          ชายหนุ่มหันไปทางแอดเลอร์ซึ่งเพิ่งเหนี่ยวไกปืนไปเมื่อครู่ วิถีกระสุนพุ่งเข้ากลางเป้ายิงแม่นเหมือนกับเขา นาตาชาร์ถึงกับทำตาโตทันทีเมื่อเห็นอย่างนั้น
          "ทำได้ดีนี่"เขากล่าวชม
          "ขอบคุณ ถ้าฉันมีความแค้นอะไรๆฉันก็ทำได้ดีไปซะหมดนั่นแหละ"
           ปัง!
           นาตาชาร์ลองหยิบปืนขึ้นมายิงบ้าง แต่ฝีมือของหล่อนก็ไม่เหมือนกับแอดเลอร์ กระสุนปืนปัดลงด้านล้างจากกลางเป้าไปนิดหน่อย สีหน้าของหล่อนดูมีความผิดหวังทันที
           "ใช้ได้ คุณเยี่ยมมาก..ทั้งสองคนเลย"
           "ขอบคุณค่ะ"นาตาชาร์หันไปยิ้มให้เขาก่อนจะวางปืนลงที่เดิม
           "แล้วก็..จำไว้ด้วยว่า..ปืนมีเอาไว้ป้องกันตัว ไม่ใช่เอาไว้ฆ่าคน"
           "ถ้าคนจะมาฆ่าฉัน ยังไงฉันก็ใช้ปืนฆ่าไอ้เวรนั่นอยู่แล้วล่ะ"แอดเลอร์พูดก่อนจะเดินออกไป นาตาชาร์มองตามหลังของหล่อนก่อนจะขอตัวเดินออกไปหาหล่อนบ้าง
          ตึกๆๆๆ..
          "เดี๋ยวสิแอดเลอร์"
          หล่อนร้องเรียกหญิงสาวคนนั้น และดูเหมือนว่ามันจะได้ผล แอดเลอร์หันมาและหยุดเดินทันที
          "นี่เธอไม่กลัวนาซีเลยรึไง"
          นาตาชาร์ถามด้วยสีหน้าสงสัยในตัวของหล่อนมาก กับการกระทำที่หล่อนแสดงให้นาซีคนนั้นเห็นเมื่อครู่ แต่คำตอบที่ได้กลับมาเป็นเพียงแค่รอยยิ้มกรุ่มกริ่มของหล่อนเท่านั้น
          "ฉันรู้จักเขา โอเคมั้ย"
          "จ้ะๆ"นาตาชาร์ยิ้มแหยๆใส่หล่อนอย่างเขินอาย
          "เธอคิดว่า..."แอดเลอร์พูดขึ้น"เราเข้ากันได้ดีรึเปล่า"
          นาตาชาร์เงยหน้าขึ้นมามองแอดเลอร์ด้วยแววตาสุดซึ้ง ทำให้แอดเลอร์ถึงกับสะดุ้ง อะไรเนี่ย.. หล่อนคิด
           "แน่นอน!"
          แอดเลอร์ยื่นมือเข้าไปจับมือทำความรู้จักกับสาวชาวรัสเซียตรงหน้า
          "ยินดีที่ได้รู้จัก นาตาชาร์"
          "เช่นกัน"หล่อนยิ้ม"ครีนัส"
         ....
         ...
         ..
         .
         23 มกราคม ค.ศ.1936
          ลอนดอน,อังกฤษ
          "เฮ้ย! อย่าหนีนะเว้ย!!"
         ตึกๆๆๆๆ
         วิ่งให้สุดชีวิต...
         "ไอ้เด็กเวรเอ๊ย...อย่าให้เจอนะ เดี๋ยวตบสั่งสอนเลยนี่"
         "ช่างเถอะ แค่สร้อยเพชรเอง เดี๋ยวผมซื้อให้ใหม่ก็ได้นี่--"
          รอดแล้วสินะ..
          เด็กสาวเดินมาหลบหลังถังขยะก่อนจะนั่งลง และหยิบสร้อยที่เพิ่งฉกจากมือมาดามคนเมื่อกี้มาดู...เพชรสีฟ้าน้ำทะเลถูกเจียระไนอย่างพิถีพิถันให้เป็นรูปทรงหยดน้ำดูสวยงาม เด็กสาวมองมันซักครู่ก่อนจะเก็บใส่กระเป๋าผ้าเก่าๆที่หิ้วอยู่ เธอรู้สึกผิดมากที่ไปเอาสร้อยเส้นนี้มา...แต่มันช่วยไม่ได้ ผู้คนต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอด--หล่อนก็เช่นกัน สร้อยเส้นนี้ถ้าเอาไปขายใหเร้านเครื่องเพชรอาจทำให้หล่อนมีเงินมาช่วยเหลือตัวเองในระยะนี้ได้ แต่ต้องใช้ประหยัดหน่อย เพราะกว่าจะเอามาได้แต่ละเส้นก็เหนื่อยมากเหมือนกัน
          กริ๊ง...
          "เชิญครับ.."
          เด็กสาวนัยน์ตาสีมรกตยื่นสร้อยเพชรในมือให้เจ้าของร้านเครื่องประดับ เขาหยิบสร้อยเส้นนั้นมาดูก่อนจะร้องโอ้โห
         "เพชรสวยซะทีเดียว..แน่ใจแล้วเหรอว่าจะขายน่ะ"
         "ค่ะคุณลุง เท่าไหร่คะ"
         กริ๊ง...
         "อะฮ้า...ฉันเจอเธอแล้ว...แม่หนูโสโครก..."
         เด็กสาวค่อยๆหันไปด้านหลังตัวเอง มาดามเจ้าของสร้อยเส้นนั้นเดินก้าวเข้ามาในร้านอย่างช้าๆ แต่แปลกใจที่ผู้ชายคนเมื่อกี้ไม่ได้อยู่กับหล่อน...เด็กหญิงค่อยๆถอยหลังตาม จนติดกับกระจกแก้วด้านหลัง ชายเจ้าของร้านเพชรทำหน้างงเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้
          "มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับมาดาม"
          "จับไอ้เด็กเวรนั่นให้หน่อยสิ"
          เด็กสาวเริ่มลังเล คุณลุงที่ยืนอยู่ด้านหลังค่อยๆยื่นมือมาจับแขนข้างนึ่งของเธอเอาไว้ แต่ทันใดนั้น...
          ฟึ่บ!
          "กรี๊ด!"
          เด็กสาวผมบลอนด์หยิบปืนกระบอกเล็กออกมาจากถุงผ้าที่สะพายอยู่ก่อนจะชี้มันไปทางมาดามคนนั้นและเจ้าของร้านเพชร หล่อนจับปืนไว้แน่นแต่กลับไม่เอานิ้วแตะไกปืน แสดงว่าหล่อนแค่ขู่เฉยๆ
          "อย่าเข้ามานะ!"เธอกระชากเสียงทันทีเมื่อเห็นมาดามคนนั้นก้าวขาเข้ามา"ฉันยิงป้าแน่ถ้าเข้ามาอีก"
          "ว้ายตาย! ฉันไม่ได้แก่ขนาดนั้นนะยะ!"
          "เงียบเถอะครับมาดาม"คุณลุงเสริมบ้าง
          "เงียบทั้งคู่เลย!"
          เด็กสาวหันไปเอากระบอกปืนชี้หน้าคุณลุงคนนั้นก่อนจะกัดฟันพูด"เอาเงินมาให้หมดเลย!"
          "ครับๆ"เขาพูดก่อนจะก้มลงไปโกยเงินในลิ้นชักขึ้นมาวางด้านบน เด็กสาวมองกองเงินนั่นก่อนจะเลื่อนนิ้วไปแตะไกปืน 
          "หมดรึยัง!?"
          เขาพยักหน้าก่อนจะกวาดกองเงินไปตรงหน้าเธอ เด็กสาวรีบหยิบเงินทั้งหมดที่วางอยู่ใส่กระเป๋าทันทีอย่างเร่งรีบ ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก หล่อนหันมาอีกครั้ง"อย่าบอกตำรวจนะ"
          ตึกๆๆๆๆๆ
          อเล็กซิส...เธอทำได้
         หนีให้รอดก็พอแล้วตอนนี้...

          ผลัก!
          "โอ้ย! บ้าอะไรเนี่ย!"
          เด็กสาวล้มลง เมื่อได้สติหล่อนรีบหยิบกระเป๋าผ้าที่ล่วงอยู่ขึ้นมาสะพายกลับก่อนจะวิ่งไปอีกครั้งอย่างไม่คิดชีวิต
          "ให้ตายสิวะ"
          เอเดรียนพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นจากพื้นถนนสกปรกๆก่อนจะปัดฝุ่นที่ติดสูทราคาแพงของเขา เด็กผู้หญิงผมบลอนด์เมื่อครู่วิ่งหนีไปไกลจากเขาแล้ว ชายหนุ่มหยิบหมวกขึ้นมาสวมแล้วหันไปดูเด็กคนนั้น
          "จะรีบไปไหนของเขาเนี่ย ยายหนูเอ้ย...."
          เขาก้มหน้าลมองบนพื้น แล้วเห็นธนบัตรปึ้งหนึ่งวางทิ้งเอาไว้อยู่บนพื้น เขาก้มลงมองมันทันที
    ด้วยสัญชาตญาณ 
          "เงินเหรอ"เขาถามตัวเอง"แม่หนูเมื่อกี้เป็นโจรเหรอวะ"
          เป็นโจร...เขาทวนคำเมื่อครู่ ก่อนจะหยิบเงินใส่กระเป๋าแล้ววิ่งตามเด็กคนนั้นไปทันที
          แฮก...แฮก....
          อเล็กซิสก้มลงหอบด้วยความเหนื่อย การวิ่งมาเมื่อกี้แทบจะทำให้เด็กสาวเหนื่อยตาย แต่เมื่อก้มลงมองเงินในกระเป๋าที่ได้มา อาการเหนื่อยกลับหายไปอย่างปลิดทิ้ง เธอตัดสินใจเดินต่อแทนที่จะวิ่งไปเหมือนเมื่อกี้ เด็กสาวตัวเล็กพยุงร่างของตัวเองให้เดินต่อแม้จะไม่อยากก็ตาม--บอกแล้ว..หล่อนต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด
          "เฮ้ย! ยายหนู!!"
          เสียงทุ้มของใครคนหนึ่งดังมาจากด้านหลัง อเล็กซิสแทบจะไม่อยากวิ่งหนีอีกต่อไปแล้ว หล่อนสาวเท้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิมแต่คงไม่ทันชายคนนั้นแน่ๆ
          ซวบ...
           เด็กสาวล้มลงด้วยความเหนื่อยล้า เอเดรียนเห็นอย่างนั้นเขาถึงใจหายและรีบวิ่งมายังตัวของหล่อนเร็วขึ้น
          "นี่ๆ"เขาเขย่าตัวเด็กสาว แต่ไม่มีวี่แววเลยที่บ่งบอกว่าหล่อนจะตื่นขึ้น
           ให้ตายสิ..นี่เขาต้องเป็นพี่เลี้ยงเด็กอีกแล้วเหรอเนี่ย!
           -เวลาต่อมา-
           "อืม..."
            เด็กสาวค่อยๆลืมตาขึ้นเห็นเพดานสีขาวโล่งๆ หล่อนจำอะไรไม่ได้เลยนอกจากรู้สึกว่าตัวเองสลบไป
            "ตื่นแล้วเหรอ"
           ชายหนุ่มเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเด็กสาวลืมตาแล้ว
           "อ๊ะ.."เธอมองหน้าเขาก่อนจะลุกขึ้น มือข้างหนึ่งคว้าไปยังกระเป๋าผ้าใบเดิมแต่กลับหาสิ่งนั้นไม่เจอ...
           ปืนและเงินของเธออยู่ไหน!?
           "นี่ลุงเอาของฉันมาเลยนะ!"หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความโมโหสุดขีด
           "เฮ้ยๆเรียกฉันว่าลุงเลยเรอะ ปีนี้ฉันเพิ่งจะสามสิบเองนะเว้ย เธอตาบอดรึไงเนี่ย"
           "ฉันตาไม่บอดหรอก ถ้าคนตาบอดจะมีปืนได้ยังไงล่ะคิดดูบ้างมั้ย!"
           เอเดรียนหัวเราะก่อนจะแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายมายังหล่อน"เด็กเล่นปืนด้วยเหรอ.."
           "ฉันไม่ใช่เด็กนะ ฉันเป็นสาย..."
           เขายกมือขึ้นขยี้ผมยุ่งๆของเด็กสาว"สายอะไรมิทราบ หน้าอย่างนี้เขาเรียกว่าเด็กเหลือขอต่างหากล่ะ เที่ยวขโมยเงินคนอื่นไปทั่วแบบนี้น่ะไม่..."
          ผลัก!
          "โอ๊ย!"
          ชายหนุ่มยกมือขึ้นแตะแก้มของตัวเองที่ระยมไปด้วยความเจ็บปวดหลังจากที่อเล็กซิสประเคนหมัดใส่หน้าเมื่อครู่อย่างรุนแรง หล่อนไม่ชอบให้ใครมาว่าเธอเป็นเด็กเหลือขอนะ! เธอเป็นสายลับให้รัสซียต่างหาก!
          "ถ้าอยากโดนอีกก็พูดมาอีกซัดคำสิวะ ไอ้หน้าหย่นเอ๊ย..."
          หล่อนดันตัวเองขึ้นลุกออกจากเตียงก่อนจะเดินไปรอบๆ ชายคนเมื่อกี้พาเด็กสาวมาที่นี่เพื่ออะไรกัน เธอตั้งคำถามในขณะที่เดินหาสมบัติของตัวเอง เอเดรียนยังคงนั่งระบมหน้าอยู่ที่เดิม ผู้ใหญ่อ่อนแออย่างนี้มีด้วยรึไงเนี่ย เด็กสาวคิด
           แต่ตอนนี้หล่อนต้องหาสมบัติของตัวเองให้เจอก่อนดีกว่า!!
                                                            
    --------------------------------------
            *รีคอยล์ (Recoil) คือ เป็นระบบการผลักของปืนเมื่อปล่อยกระสุนออกมา ซึ่งเป็นแรงดันนั่นเอง
                                                      
     
                                   ^ รีคอยล์ของปืน Smith & Wesson Model 500 revolver^
                                                                                                              ** ภาพจากวิกพีเดียค่าแต่ข้อมูลถามพี่ชาย 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×