คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [ SEHUN x LUHAN ] CHAPTER TWO
CHAPTER 2
กว่างานจะเสร็จตาผมก็แทบแฉะ . .
ทันทีที่ผมเสร็จภารกิจและก้าวลงจากเวที ผมก็คว้ายาหยอดตาในมือพี่แจซอกมาหยอดที่ตาระหว่างที่เดินทันที ตอนนี้ทั้งสตาฟฟ์ทั้งการ์ดต่างก็พากันวุ่นวายวิ่งไปวิ่งมาเพื่อกันทุกอย่างให้ผมได้เดินไปอย่างโล่งๆ ผมรู้สึกขอบคุณพวกเขา แต่ตอนนี้ผมขอเอาตัวเองให้รอดก่อน
“อา ค่อยยังชั่ว” ผมกระพริบตาปริบๆ หันไปมองพี่แจซอก และเดาว่าลู่หานน่าจะอยู่ข้างๆตาลุงหุ่นหมีหน้าหนวด แต่ทว่า . . กลับไม่อยู่ “พี่แจซอก ลู่หานล่ะ!”
ผมตั้งท่าจะกลับไปที่เวทีเพื่อตามหาเขา แต่โดนพี่แจซอกดึงแขนไว้ก่อน “กลับไปแล้ว”
“หมายความว่ายังไงกลับไปแล้ว!” ผมโวยวาย นี่ผมรีบทำงานรีบเสร็จเพื่อที่จะมามองหน้าที่ผมไม่ได้มองมาหกปีนะ!
“ฉันรั้งเขาไว้แล้วนะ แต่ ..”
“โกหก” ผมบอกทันที
“ไม่ได้โกหก เขารีบมากจริงๆ”
“ให้ตายสิ”
“กลับบ้านกันดีกว่า” พี่แจซอกคว้าร่างผมเอาไว้ เพราะกลัวว่าจะมีแฟนๆคนไหนเข้ามากระโดดเกาะผม “มื้อนี้นายอยากทานไร ฉันจะซื้อมาให้ทุกอย่างเลย”
ผมหน้าบึ้ง . .
“ไอ้นี่หนิ!”
“…”
“เอาเถอะ จะเงียบจะอะไรก็ช่าง ตอนนี้กลับบ้านไปก่อนละกัน”
โคตรเซ็งเลย . . แต่ผมไม่ได้เซ็งถึงขนาดที่ว่าพาลเซ็งคนอื่นไปทั่วนะ นี่ผมก็ยังพอเป็นเด็กที่มีความคิดอยู่ ผมเดินผ่านแสงแฟลช เสียงกรี๊ด และแสงสว่างทั้งหลาย ในที่สุดผมก็มาอยู่ในบนรถของตัวเองสักที รถที่มีทุกอย่างที่เป็นของผมวางอยู่บนนั้น มันจะรู้สึกยังไงนะ ถ้าหากว่าผมเปิดประตูออกมา แล้วผมเจอลู่หานนั่งข้างใน . .
แต่ที่เปิดออกมามีแต่เสื้อผ้า กระเป๋า และก็ไม่มีใครอยู่บนนั้นเลย
ผมนี่มันก็มากเกินไปจริงๆ . . ค่อยเป็นค่อยไปได้มั้ยใจเย็นๆ พยายามเตือนสติตัวเอง ผมนั่งหลับตา ฟังเพลงเกิร์ลกรุ๊ปวงโปรดของพี่แจซอกแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาจนกระทั่งรถก็มาจอดเข้าที่บ้านของผมในตอนนี้ อพาร์ทเมนต์สุดหรูที่ผมใช้ตังค์ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองซื้อมา . .
“เจอกันพรุ่งนี้นะ” ผมโบกมือลาพี่แจซอก คว้ากระเป๋านักเรียนของตัวเองกะจะขึ้นไปบนตึก
“เฮ้ เดี๋ยวก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย”
“วันนี้ผมเหนื่อยมากแล้วนะ ผมอยากนอน” ผมพูดเสียงเหนื่อยล้า
“ยังไงนายก็ต้องได้นอนเร็วแน่ๆ พรุ่งนี้ถ่ายมีถ่ายแมกกาซีนแต่เช้า”
“เดี๋ยวนะ . . แล้วเรื่องเรียน?”
“ฉันประสานงานกับอาจารย์ยูอาจารย์ประจำชั้นของนายแล้ว เวลานายขาดเรียนนายสามารถทำได้ง่ายมากๆ และที่โรงเรียนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรยุ่งยากเรื่องนี้ . .”
พล่ามมาซะยาวแต่พี่แจซอกเขาพูดคนละประเด็นที่ผมอยากฟัง ก็สิ่งที่ผมหมายถึงคือลู่หานต่างหาก . . เพิ่งเจอได้ไม่เท่าไหร่ ผมก็ต้องไม่ค่อยได้เจอเขาแล้วเหรอ คิดแล้วเซ็งชะมัด
“ดูทำหน้าเข้า . .”
“หมดธุระแล้วใช่มั้ยพี่ พรุ่งนี้ตีห้าครึ่งใช่มั้ย ผมไปละนะ บายยยย” ผมโบกมือลาอย่างไม่ค่อยกระฉับกระเฉงให้พี่แจซอก
“เดี๋ยวสิ เจ้าเด็กบ้านี่ . . ฉันจะคุยเรื่องลู่หานกับนายนะ!” พี่แจซอกตาลีตาเหลือกตามผมเข้ามาในตึก
“มีอะไรเหรอ” ค่อยดูน่าสนใจขึ้นมาหน่อย
“เข้าไปในห้องก่อนได้มั้ย . . ถ้าหากมีคนมาได้ยินนายพูดถึงเรื่องผู้ชายจะว่ายังไง” พี่แจซอกมองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง
“ก็ช่างปะไรเล่า”
“ช่างไม่ได้ นายรู้มั้ย นายน่ะดังกว่าไอดอลวัยเดียวกันทุกคนในเกาหลีเลยนะ ช่วยแคร์ภาพลักษณ์ที่ฉันกับนายช่วยสร้างมาตั้งหกปีจะได้มั้ย”
ผมกลอกตา พี่แจซอกชอบเป่าเรื่องนี้ให้เข้าหูอยู่เป็นประจำ ผมขึ้นตึกไปยังชั้นที่ 12 ซึ่งทั้งชั้นนั้นเป็นของผมทั้งหมด เรียกได้ว่าเปิดประตูลิฟต์ปุ๊บ คุณก็อยู่ในห้องของผมปั๊บ . .
ห้องของผมเป็นสไตล์โมเดิร์นโทนสีขาวดำแดงทั้งหมด ข้างในแบ่งเป็นโซนและกว้างพอที่จะเอาคนเกือบสองร้อยคนมานอนเรียงกันได้ พี่แจซอกช่วยผมแยกเป็นห้องๆให้ผมสะดวกในการซ้อมอะไรต่างๆ บางงานผมอาจต้องเต้น บางงานผมอาจต้องฟันดาบ หรือบางงานผมอาจต้องร้องเพลง บ้านผมมีครบทุกอย่าง แต่ห้องที่ผมหวงที่สุดกลับมีอยู่แค่สองห้อง คือห้องเก็บของที่แฟนคลับให้มา และห้องนอน . . ซึ่งภายในนั้นบรรจุโมเดลหุ่นยนต์กันดั้มตกแต่งอย่างดีภายในตู้กระจก
พอถึงห้องผมก็โยนทุกอย่างลงบนพื้น และก็ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น มีพี่แจซอกที่ส่ายหน้า ตามเก็บทุกอย่างให้ผมวางลงบนโต๊ะอย่างดีและก็ไปหยิบน้ำเปล่ามาให้ผมดื่ม ผมนอนคว่ำบนโซฟา หยิบรีโมทเปิดทีวี หน้าผมก็โผล่ขึ้นมาบนจอทันที ไอ้เรื่ององค์ชายรัชทายาทยังไม่จบอีกเหรอ ? ผมเปลี่ยนช่อง . . ก็เป็นข่าวบันเทิงที่เห็นผมกำลังเดินอยู่ในสนามบิน เฮ้ออออ น่าเบื่อชะมัด ผมปิดทีวีดีกว่า
“นี่นายห่อเหี่ยวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” พี่แจซอกตั้งข้อสังเกต เขากำลังหยิบขนมที่แฟนคลับผมเอามาให้กินมากินอย่างหน้าตาเฉย ไม่ใช่ว่าเขาไม่ใส่ใจแฟนคลับของผม แต่เป็นเพราะที่มีอยู่ผมกินสามปีก็ไม่หมด
“ปกติพอนายทำงานเสร็จ นายอารมณ์ดีจะตายไป หรือถ้าเหนื่อยมาก นายก็จะนอนไปเลย”
“พี่ก็น่าจะรู้เหตุผลนี่ . .” ผมฟุบหน้าพูดเสียงอู้อี้
“เฮ้อ . . ไม่คิดว่าจะเป็นคนที่จริงจังกับความรักขนาดนี้” พี่แจซอกหย่อนก้นนั่ง “ฉันเลยคิดจะช่วยนาย นี่ฉันฉลาดมากเลยนะที่คิดวิธีนี้ได้ และอีกอย่างหนึ่ง . . นายจะได้ปลอดภัยด้วยเวลาอยู่ที่โรงเรียนหรือไม่ก็ตอนที่ลับสายตาฉันน่ะ” พี่แจซอกพูดไปเคี้ยวไป ส่วนผมที่มึนๆเบลอๆกว่าจะจับใจความได้ก็เรียกว่าดีเลย์ไปเกือบนาทีเหมือนกัน
“ว่าไงนะ” ผมลุกพรวดขึ้นมาทันที “พี่แจซอกคิดอะไรออก บอกมาเลย!”
“แต่เขาปฏิเสธ T_T”
“แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ!!!” ทำไมต้องบอกผลลัพธ์ก่อนบอกสาเหตุด้วยนะ
“ฉันขอให้เขามาเป็นผู้ช่วยฉันนะ . . เป็นผู้จัดการให้นาย”
“หา!!!” ผมร้องอย่างตกใจ “ผู้จัดการเนี่ยนะ . . ฟังดูพิลึก” งานของพี่แจซอก ลำบากจะตายไป . . ชีวิตของผมเป็นยิ่งกว่าชีวิตของเขา เขาต้องดูแลผมทุกอย่าง ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม และอีกอย่างหนึ่งเพื่อนผู้จัดการพี่แจซอกแต่ละคนทำให้ผมติดภาพว่าคำทำงานนี้จะต้องเป็นคนที่ . . เซ้าซี้ จู้จี้จุกจิก . . แต่ถ้าเป็นลู่หาน . . ถ้าเป็นลู่หาน . .
“แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ นายไปเรียนวันแรกนายก็ถูกรุมซะจนกระดูกก็ไม่เหลือ และก็ดันไปมีเรื่องกับเพื่อนที่เรียนด้วยกันอีก ฉันเข้าไปเรียนกับนายด้วยไม่ได้ ฉันไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นบ้างในนั้น นายต้องมีคนคอยจัดการเรื่องนี้ให้ คอยกันคน คอยระวังทุกอย่างที่จะเข้ามาหานาย . .”
“…”
“และอีกอย่างหนึ่ง . . ลู่หานน่าจะคุมนายได้อยู่หมัด เจอแค่ไม่กี่ชั่วโมงนายก็หงอเป็นหมาโดนเจ้านายดุแล้ว งานฉันจะได้เบาขึ้นด้วย มีแต่ได้กับได้”
ผมแอบเบะปากตอนที่พี่แจซอกเปรียบผมกับหมา แต่สิ่งที่พี่เขาพูดมา ทำให้ผมวาดผมในหัวออกเลยว่าถ้าลู่หานรับงานนี้ ผมจะได้ใกล้ชิดกับเขาขนาดไหน . .
“ไม่ต้องมาทำหน้าฟิน ก็บอกแล้วไง ว่าเขาปฏิเสธไปแล้ว”
“ทำไมอ่ะ” ผมร้อง “เป็นผู้จัดการผมไม่ดีตรงไหน ได้ใกล้ชิดกับคนหล่อๆทั้งวี่ทั้งวันเขาไม่ชอบรึไง”
คราวนี้เป็นทีของพี่แจซอกที่จะเบะปากบ้าง ก่อนจะพูด “เขาบอกว่าวุ่นวาย แค่ที่เขาเห็นวันนี้เขาก็บอกน่ารำคาญจะแย่”
ผมฟังแล้วใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม ถอนหายใจดังเฮือก และก็ทิ้งตัวนอนหงายบนโซฟา เอามือก่ายหน้าผาก นี่ถ้าเอาเท้าก่ายหน้าผากได้ ผมคงทำไปแล้ว
“ทำไมยอมแพ้ง่ายๆแบบนั้น โอเซฮุน . .”
ผมหันขวับไปมองพี่แจซอก ก่อนตอบ . .
“ยังไม่ได้คิดยอมแพ้ แต่กำลังคิดหาวิธีให้เขาตอบตกลง”
วันถัดมา . .
กองถ่ายนิตยสาร S OFFICIAL ผมนั่งหาวหวอดๆให้ช่างทำผมเขาทำผมให้อย่างง่วงๆ เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปเกือบตีสาม ผมคิดหนักเรื่องลู่หานจริงๆ ไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้เขาตอบตกลงเป็นผู้จัดการผม ไอ้เรื่องเหตุผลให้เขามาช่วยกันคนโน่นนี่นั่นที่โรงเรียนให้ผมไม่ได้ต้องการเลยจริงๆ ผมเพียงแต่อยากให้ตัวผมเองได้ใกล้ชิดกับลู่หานมากที่สุดก็เท่านั้น
“เฮ้อ” ผมถอนหายใจ จิบกาแฟที่พี่แจซอกเพิ่งออกไปซื้อมาให้ และตอนนี้พี่แจซอกก็วนๆเวียนๆอยู่ในสตูดิโอนั่นแหละ ไม่ได้ไปไหนไกลผมหรอก
“เป็นอะไรรึเปล่าคะ คุณเซฮุน” พี่แฮร์สไตล์ลิสต์ถามยิ้มๆ ผมยิ้มแห้งๆให้เธอ . .
“ง่วงนิดหน่อยครับ”
“เหนื่อยหน่อยนะคะ นี่ได้ยินมาว่าตอนบ่ายก็ต้องกลับไปเรียนอีกใช่มั้ย”
เหรอครับ . . ผมไม่รู้หรอกครับว่าวันๆหนึ่งผมต้องทำอะไรบ้าง “เอ่อ น่าจะใช่นะครับ แหะ”
“เก่งจังเลยนะ อายุเท่านี้เอง ขยันทำงานเอามากๆเลย”
มันเป็นชีวิตที่มาแบบไม่คาดฝันและก็เลี่ยงไม่ได้มากกว่า ผมไม่รู้จะตอบอะไรเธอ เลยได้แต่ยิ้มแห้งๆตอบเธอไป ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้ากว่าๆที่ผมยังไม่ได้กินข้าวเช้า ผมรู้สึกท้องร้องแปลกๆ ทำไมพี่แจซอกไม่หาอะไรมาให้ผมกินนะ ????
“พี่จีอึน พี่ได้สั่งบะหมี่เย็นรึเปล่า มีคนมารอส่งข้างนอกแน่ะ” มีคนโผล่เข้ามาบอกพี่แฮร์สไตล์ลิสต์ที่ประตู
“อ๋อใช่ บอกเขาเอามาส่งให้ที่นี่ทีสิ ผมเซฮุนยังไม่โอเคเลย”
“ได้ค่ะ”
ง่ะ บะหมี่เย็น . . ผมอยากทานจังเลย ผมเลียริมฝีปากตัวเอง กินได้แต่กาแฟ เพราะผู้จัดการตัวเองมัวแต่ไปเสวนากับใครที่ไหนไม่รู้ T_T
“บะหมี่เย็นมาส่งแล้วคร้าบบบ”
น้ำเสียงคุ้นหูแฮะ . . ผมหันขวับไปมองดู เห็นเด็กส่งบะหมี่เย็นใส่หมวกแก๊ปกำลังก้มหน้าก้มตาดึงถ้วยบะหมี่เย็นออกมาจากกล่องสี่เหลี่ยม และพอเขาเงยหน้าขึ้นมา . .
นั่นมัน . . ลู่หาน!
ผมลุกขึ้นยืนแทบจะในทันที เล่นเอาคนตกใจกันทั้งห้องเพราะมันกะทันหันเกินไป รวมทั้งคนส่งบะหมี่เย็นด้วย
“เอ่อ ขอบใจนะจ๊ะ นี่เงินจ้ะ” พี่จีอึนตั้งสติได้จึงค่อยๆจ่ายเงินให้ลู่หาน
“ขอบคุณนะครับ” ลู่หานโค้งไปทั่วห้อง เหลือบมามองผมแว้บหนึ่ง แค่แว้บเดียวเท่านั้นก่อนจะเดินจากไป
“เฮ้ เดี๋ยวสิ!” ผมวิ่งตาม . . ตามทั้งๆที่อยู่ในชุดสูทเต็มยศกับผมตั้งๆชี้โด่ชี้เด่นั่นแหละ ลู่หานเดินเร็วมาก ผมตามเขาทันตอนที่อยู่หน้าตึกพอดี แอบเห็นคนวิ่งตามผมมาเป็นพรวน เป็นพวกคนในสตูดิโอนั่นแหละ กลัวผมหายหรือยังไงก็ไม่รู้
“ลู่หาน!”
ลู่หานหันกลับมาตามเสียงเรียก . . เขากำลังจะเดินไปยังมอเตอร์ไซค์ของร้านขายบะหมี่เย็นที่จอดอยู่ถนนฝั่งตรงข้าม
“มีอะไร” เขาหันมาถาม “ฉันกำลังรีบ นี่ใกล้จะถึงเวลาเรียนแล้ว”
“เอ่อ . .” ผมไม่รู้จะพูดกับเขาดี แค่รู้ว่าต้องตามเขามา . .
ลู่หานทำหน้าเหมือนผมเป็นบ้า ก่อนที่จะข้ามถนนไปยังมอเตอร์ไซค์ของเขา วางกล่องสี่เหลี่ยมลงบนที่ของมัน
โธ่เซฮุน . . เอ็งจะปล่อยให้เขาไปเฉยๆแบบนี้ไม่ได้นะ
ผมเดินไปที่ถนน สักพักผมก็หยุดชะงัก . . ผมไม่กล้าที่จะเดินก้าวผ่านถนนไป ถึงแม้ว่าตอนนี้ไม่มีรถสักคันแล่นผ่านมาก็เถอะ
เอาน่า . . แค่ไม่กี่วิเอง
ผมหลับตาปี๋ก้าวไปเรื่อยจนกระทั่งมาหยุดอยู่ใกล้ๆรถของลู่หาน
“นายบ้าไปแล้วเหรอ หลับตาข้ามถนนเนี่ยนะ?” ลู่หานมองผมเหมือนผมเป็นคนสติไม่เต็มเต็ง
“เอ่อ เรื่องนั้นช่างมันเถอะ”
“แล้วนายมีอะไรกับฉัน” เขาจับตุ๊กตากวางที่ห้อยอยู่ข้างเป้ของเขาแน่นอย่างคนหวงของและหวาดระแวง ผมอยากจะหลุดขำออกมาซะจริงๆ
“เอ่อ คือว่า . .”
“เซฮุนน่า!!! กลับมาถ่ายแบบให้พี่เถอะ T_T” ทีมงานกำลังร้องเรียกผมให้กลับไปอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ผมไม่ได้หนีงานนะครับ!” ผมร้องตอบกลับไป ก่อนจะหันมาหาลู่หาน ที่กำลังมองผมอย่างเฉยเมย “ฉันอยากได้เบอร์ร้านบะหมี่ที่นายทำงาน เผื่อฉันจะสั่ง”
ขอบคุณไหวพริบที่โผล่ขึ้นมาในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ด้วย . .
“ทำไมนายไม่ขอจากแฮร์สไตล์ลิสต์ของนายล่ะ” ลู่หานพยักเพยิดไปทางพี่จีอึน ซึ่งกำลังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่อีกฟากฝั่ง
“เอามาเหอะน่า ขอกับเจ้าตัวตรงๆไม่ดีกว่ารึไง”
ลู่หานทำหน้าครุ่นคิดแป๊บหนึ่ง แต่ก็ให้นามบัตรร้านมาแต่โดยดี นามบัตรตลกมาก ท่าทางเจ้าของร้านจะขี้เล่นเพราะเอาหัวตัวเองมาแปะลงบนตัวการ์ตูนแล้วยิ้มแฉ่ง หน้าตาคล้ายๆพี่แจซอกเลยแฮะ ร้านชื่อร้าน “คิมมี่บะหมี่เย็น”
“ขอบใจนะ” ผมยิ้ม
“อืม หมดธุระแล้วใช่มั้ย ถอยไปนะ ฉันต้องรีบไปโรงเรียน” ลู่หานนั่งคร่อมบนรถมอเตอร์ไซค์
“อ่า โอเค แล้วเจอกันที่โรงเรียนนะ” ผมโบกมือ แต่ลู่หานไม่ได้โบกตอบ
“เซฮุน กลับมาถ่ายงานเลยนะ!!!!” พี่แจซอกฝ่าฝูงชนมาอยู่ตรงหน้าข้างพี่จีอึน หายไปไหนมาก็ไม่รู้ ผู้จัดการจอมอู้ของผม
“โอเค ไปเดี๋ยวเนี้ย” ผมกำนามบัตรแน่นอย่างครึ้มอกครึ้มใจ ก่อนที่จะตั้งท่าเพื่อที่จะข้ามถนน
เป็นอีกครั้งที่ผมหยุดยืนนิ่ง รถเริ่มสวนกันไปมาตามปกติที่มันควรจะเป็น นั่นทำให้ผมมือสั่นนิดๆ
“เซฮุน รอฉันอยู่ตรงนั้นแป๊บนึงนะ!”
พี่แจซอกรู้ว่าผมเป็นคนยังไง ผมเป็นคนกลัวการข้ามถนนเอามากๆ หรือพูดสั้นๆง่ายๆก็คือผมข้ามถนนไม่เป็น T_T ตั้งแต่เล็กจนโตผมข้ามถนนเองแทบจะนับครั้งได้ และส่วนใหญ่ลงท้ายด้วยการที่ผมเกือบถูกรถชนแทบจะทุกครั้ง นั่นยิ่งทำให้ผมไม่กล้าข้ามถนนเองเข้าไปใหญ่ต้องมีคนช่วย เรื่องนี้พี่แจซอกรู้ดี และผมก็หยุดยืนรอให้พี่เขามาช่วยผม . .
“นายนี่มัน . . โตแต่ตัว” ลู่หานโผล่มาจากไหนไม่รู้ เขาจับแขนผมไว้แน่น นั่นทำให้ผมตัวแข็งทื่อ “ข้ามถนนไม่เป็น นี่นายเป็นเด็กสี่ขวบรึไง”
ถ้าเป็นคนอื่นผมคงสวนกลับไปแล้ว แต่นี่เป็นลู่หาน . . ผมนิ่งให้เขาจับแขนผม พอรถเริ่มหมด ลู่หานก็ลากแขนพาผมข้ามถนนนำไปยังอีกฝั่งที่มีคนรอผมอยู่เต็มไปหมด ทุกคนถอนหายใจโล่งอก หนึ่งคือโล่งที่ผมข้ามถนนมาได้ และสองคือโล่งที่ผมไม่หนีการถ่ายแบบในครั้งนี้
“เอ่อ ขอบใจนะ” ผมพูดกับลู่หานอย่างเขินๆ แต่เขาไม่รู้หรอก เพราะผมปั้นหน้านิ่งแบบนักแสดงรางวัลออสการ์
“ไม่เป็นไร” พูดจบเขาก็ข้ามถนนกลับไปยังรถมอเตอร์ไซค์ของเขา ผมยิ้มตามหลังเขาไป และก็พยายามระงับหัวใจตัวเองที่เต้นตึกตักไม่หยุด
“ว้าว” พี่แจซอกถองสีข้างผมอย่างแซวๆ
“พี่เห็นมั้ย! เขาใจดีมากๆเลย!” ผมพูดอย่างกระตือรือร้น เหมือนเด็กสี่ขวบที่ลู่หานบอกเอาไว้ไม่มีผิดเพี้ยน
“ฮ่าๆๆ ฟินไปแล้วสินะวันนี้ ป่ะ ไปทำงานกัน รีบทำรีบเสร็จ นายจะได้กลับไปหาเขาไง”
“ใช่ ผมรู้สึกว่าผมมีกำลังใจทำงานขึ้นเยอะเลย และก็มีกำลังใจเรื่อง . .”
“เรื่องอะไร?”
“เรื่องตื๊อให้เขามาเป็นผู้จัดการของผมไงพี่”
กว่าจะทำงานเสร็จก็ถึงเวลาพักกลางวันของโรงเรียนแล้ว ผมค่อยๆเอาหมวกกับแมสสีดำที่พี่แจซอกยื่นมาให้ใส่ปิดหน้าตัวเองอย่างมิดชิด และค่อยๆปีนรั้วเข้าไปในโรงเรียนอย่างกับเป็นโจรทั้งๆที่ตัวเองเป็นนักเรียนของโรงเรียนนี้แท้ๆ ทำไมการมาเรียนมันยากเย็นอะไรเช่นนี้ T_T
ผมเลี้ยวเข้ามุมตึก เป็นจังหวะเดียวกันกับที่นักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่งเดินสวนมาพอดี เวลาพักกลางวันก็งี้ คนเดินในโรงเรียนยั้วเยี้ยไปมาเยอะแยะ
ที่ผมหวั่นก็คือพวกเธอใช้พัดที่มีใบหน้าของผมกำลังเก๊กหล่ออยู่ . . อา ให้ตายสิ
“วันนี้เธอเห็นเซฮุนรึยัง ฉันยังไม่เห็นเขาเลย”
“เขาอาจจะมีงานก็ได้นะ กรี๊ด ไม่ได้นะ อุตส่าห์ขอแม่มาเรียนที่เดียวกันกับเขาทั้งที”
“เดี๋ยวตอนเย็นเราไปหาเขาที่ห้องกัน”
“ตามนั้นเลย”
อีกแล้วเหรอ . . ตอนเย็นจะมีคนมาหาผมที่ห้องอีกแล้วเหรอ ผมกลืนน้ำลาย ถอนหายใจและปาดเหงื่อภายใต้หมวกแก๊บของตัวเองอย่างเซ็งๆ แต่ถึงงั้นก็เถอะ ผมควรจะรีบขึ้นไปที่ห้องปีสองห้องบีได้แล้ว ผมรีบเดินออกไปจากมุมตึกนั้น และในที่สุดก็เป็นเรื่องขึ้นมาอีกจนได้
“กรี๊ดดดดดดดดดด”
ผมดันชนสาวคนหนึ่งล้มลงไปกอง ซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆ
“อ่า ขอโทษครับ” ผมรีบพูด และช่วยให้เธอลุกขึ้นยืน
“ย่าห์!! เดินดูทางหน่อยสิ!!” เธอเหวี่ยงทันที และเธอก็หยุดชะงักไป ผมขยับหมวก ขยับแมส ขยับทำไมก็ไม่รู้ มันปิดดีแล้วนะ “เซฮุนน่า?”
นั่นไง . .
“ไม่ใช่” ผมปฏิเสธ
“นายคือโอเซฮุน จำฉันไม่ได้เหรอ ฉันชื่อเยอึน ปีสองห้องบี ห้องเดียวกับนายไง” เธอยิ้มอย่างดีใจ
เยอึนไหนวะ และนี่คือคนที่เรียนห้องเดียวกับผมจริงเหรอ ?
“ฉันช่วยนายได้นะ นายจะรีบไปห้องเรียนใช่มั้ย”
“เอ่อ . .”
“ตามฉันมาสิ ฉันรู้ทางลัดนะ”
อืม . . คงไม่เป็นไรมั้ง และนี่ก็เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งด้วย ผมเดินตามหลังร่างอ้อนแอ้นของเยอึนไปหลังอาคารที่ผมเพิ่งจากมา เยอึนพาเดินมาจนถึงประตูบานหนึ่งที่เป็นประตูข้างหลังตึกของปีสอง
“ประตูนี่เชื่อมกับห้องเก็บของของแม่บ้านน่ะ” เธอยิ้ม “นายเข้าไปและนายก็เปิดประตูอีกที นายจะเจอบันไดขึ้นไปห้องเรียน”
“จริงเหรอ . . ขอบใจนะ” ขอให้มันใช้ได้จริงๆเถอะ “ฉันไปนะ ขอบใจนะ เอ่อ เยอุน”
“เยอึน”
“โอเค เยอึน ขอบใจมาก”
ไม่พูดพร่ำทำเพลงผมเปิดประตูเข้าไปทันทีและก็จริงอย่างที่เธอพูดเปิดประตูห้องเก็บของก็เจอบันไดที่ขึ้นไปชั้นเรียนเลย เฮ้อ อย่างน้อยผมก็รอดไปอีกหนึ่งวันละนะ
ผมก้าวขึ้นบันไดอย่างรีบเร่ง ถอดหมวกออก แต่ยังไม่ได้ถอดแมส เห็นลู่หานกับเพื่อนยืนคุยกันอยู่ที่หน้าห้องพอดี
ทุกคนมองมาที่ผม ผมเกาหัวและก็ก้าวเข้าไปในห้อง . . และพวกเขาก็เลิกมอง
ในสายตาของเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆถ้าไม่ใช่แฟนคลับผมคือตัวประหลาด ผมถอดแมส ฟุบหน้าลงกับแขนตัวเองบนโต๊ะ ปล่อยให้เวลาผ่านไป อย่างน้อยวันนี้ผมก็ได้เจอลู่หานแล้ว . .
ครืด ครืด
โทรศัพท์สั่นเพราะข้อความเข้า ผมค่อยๆหยิบมันขึ้นมาเปิดอ่านดู
เซฮุนน่า นายลืมถุงแซนวิชไว้บนรถ! : พี่หมีโหด
จากพี่แจซอกนี่เอง เวรกรรม นี่ผมลืมเสบียงไว้บนรถตัวเองได้ยังไง ตอนเช้าที่ผมกินไปก็มีแต่กาแฟนะ!
จ๊อก จ๊อก
ท้องของผมส่งเสียงโอดครวญทันทีราวกับรอจังหวะ . . ซวยซ้ำซวยซ้อน ข้าวก็ไม่ได้กิน แถมอาจารย์วิชาภาคบ่ายก็เริ่มเดินเข้ามาในห้อง พอๆกันกับนักเรียนที่เริ่มเข้ามาในห้องด้วยเช่นกัน เป็นสัญญาณว่าชั้นเรียนกำลังจะเริ่ม . . และผมยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย
ลู่หานเดินมา หลบตาผม และก็นั่งลงตรงหน้า . .
วิชาตอนบ่ายเป็นวิชาประวัติศาสตร์ . . ท้องผมร้องอย่างหนักจนผมรู้สึกได้ว่าคนข้างหน้าผมอาจจะได้ยิน ไอ้แว่นคนข้างๆก็อาจจะได้ยินด้วย ช่างน่าสมเพช น่าอาย และก็หิวจนไส้กิ่ว ไม่น่ารีบออกมาจากรถเลย แซนวิชจากร้านโปรดของผมซะด้วย สงสัยป่านนี้คงลงไปอยู่ในท้องของพี่แจซอกซะแล้ว เฮ้อ . .
“ครูครับ ผมขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำครับ” ลู่หานยกมือขึ้นและบอกคุณครู ที่พยักหน้าอนุญาตอย่างง่ายดาย ลู่หานจึงเดินออกไปจากห้อง
หรือเขารำคาญเสียงท้องร้องของผม . .
เซฮุน เอ็งมันคือตัวน่ารำคาญในชีวิตของลู่หานแท้ๆ
ผมฟุบหน้าลงกับโต๊ะ กระทืบเท้าปังๆสองครั้งอย่างระบายอารมณ์ เฝ้ารอคอยให้คนที่นั่งอยู่ตรงหน้ากลับมา . .
ผมรู้สึกตัวอีกทีคือตอนที่มีถุงชิฟฟ่อนเค้กมะพร้าวจากโรงอาหารมาแตะที่แขน
ลู่หานเอามาวางไว้ และเขาก็หันกลับไปเรียนต่อ
เดี๋ยว เดี๋ยวนะ . . นี่ลู่หานลงไปซื้อเค้กนี่มาให้ผมเหรอ??
ควั่บ . .ลู่หานหันมาจนผมสะดุ้งนั่งตัวตรง “กินซะสิ” เขาบอกผม
“ของฉันเหรอ?”
ลู่หานมองผมเหมือนผมถามคำถามโง่ๆ “ไม่กินก็เรื่องของนาย แต่โรงเรียนเลิกเรียนสี่โมงเย็น ทนไหวก็ทนไปนะ” เขาหันกลับไป
ผมยิ้มมุมปาก . . “นายช่วยฉันได้เยอะจริงๆ” มันเป็นรอยยิ้มที่ลู่หานไม่เห็น . .
“ฉันแค่รำคาญเสียงท้องนาย” เขาพูดแบบไม่ได้หันกลับมาหาผม
“นายไม่อยากมาเป็นผู้จัดการของฉันเหรอ”
“ฉันตอบพี่แจซอกไปแล้วว่าไม่”
“งานสบายนะ”
“สบายยังไง”
“ไม่ต้องไปส่งบะหมี่หลายๆที่ แถมเงินยังดีกว่าตั้งสี่ห้าเท่า” อันนี้ผมโม้เองล้วนๆ บางทีพี่แจซอกอาจจ่ายลู่หานได้ไม่เท่ากับจำนวนที่ผมโม้ . . แต่ยังไงซะส่วนที่เหลือผมจ่ายให้เองก็ได้ เงินผมก็มีเยอะจะตายไป เพราะดันไม่มีเวลาใช้เนี่ยสิ . .
ลู่หานขยับตัวนิดๆ . . เฮ้ย บางทีเรื่องเงินอาจจะทำให้เรื่องนี้ได้ผล . .
“ลองคิดดูนะ ฉันจะรอ” ผมพูดจบผมก็แกะถุงชิฟฟ่อนเค้กนั่นมาเคี้ยวหมับๆอย่างเอร็ดอร่อย
ท่าทางลู่หานจะกำลังคิดหนักเรื่องนี้แฮะ . .
ตอนเย็น
“ฮัลโหลพี่แจซอก ขออนุญาตเข้ามาในโรงเรียนได้หรือยัง” ผมกดโทรศัพท์ถามพี่แจซอกทันทีที่ออดเลิกเรียนดัง วันนี้ผมกับพี่แจซอกมีแผนใหม่ นั่นก็คือการ์ดนั่นเอง . . พวกเขาจะเข้ามาดูแลความปลอดภัยของผมและกันคนให้ออกไปจากการรุมทึ้งผม ถ้าไม่นำพวกเขาเข้ามาล่ะก็ ผมนึกสภาพตัวเองไม่ออกว่าจะรอดออกไปจากเงื้อมมือผู้หญิงในโรงเรียนนี้หรือเปล่า
“ยังน่ะสิ” พี่แจซอกตอบอย่างร้อนใจ “บังเอิญว่าการ์ดหนึ่งคนเคยเป็นศิษย์เก่าอาจารย์คิมยูฮันและกำลังทำสงครามน้ำลายกันอยู่ ให้ตาย”
“แล้วตอนนี้อยู่ไหนกัน” ผมมองไปที่ข้างนอกห้องอย่างหวาดระแวง ที่ตอนนี้กำลังเริ่มมีนักเรียนหญิงมาออกันอยู่เต็ม และที่เด็ดไปกว่านั้น . . คือมีเด็กนักเรียนจากโรงเรียนอื่นมาด้วย
งานเข้า เข้ามามากๆ และก็ออกยากเสียด้วย T_T
“พี่แจซอก ทำยังไงก็ได้ รีบมาเลยนะ ผมขอร้อง” ผมรีบพูด โชคดีที่พวกเธอเลือกที่จะยืนรออยู่หน้าห้อง ไม่เข้ามาในห้องเพราะเกรงใจเพื่อนร่วมห้องของผม
“โอเค ฉันจะรีบเข้าไปช่วยนาย ปีสองห้องบีใช่มั้ย แล้วเจอกันนะ”
ผมกดวางสายไปพอดีกับที่เพื่อนใหม่ของลู่หานบ่นออกมาอย่างเซ็งเต็มที
“อา พวกนี้อีกแล้ว . . พวกนี้ทำให้ฉันออกไปจากโรงเรียนได้ช้าลง”
“น่ารำคาญชะมัด”
อย่างน้อยลู่หานก็ไม่ได้ร่วมบ่นไปกับพวกนี้ ผมถอนหายใจ รอคอยพี่แจซอกกับบรรดาฮีโร่ที่พี่เขาพามา รู้สึกโง่เอามากๆที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
“ไงลู่หาน กลับด้วยกันเลยมั้ย”
“พวกนายกับก่อนเลยก็ได้ ฉันหาของอยู่”
ลู่หานกำลังก้มหน้าก้มตาค้นของใต้ลิ้นชัก ผมที่เคยเอาเท้าเหยียบโต๊ะเรียนแล้วเท้าลงมาแทบไม่ทัน จู่ๆก็เดินเข้ามาหาของ ไม่บอกกันให้เอาขาลงบ้าง . .
“และนายจะนั่งแช่อยู่ตรงนี้ทำไม ไม่กลับบ้านรึไง” ลู่หานหันมาถาม
คุณจะเชื่อหรือไม่ก็ได้ . . ลู่หานเป็นเพียงคนเดียวที่เข้ามาคุยกับผมในเวลาเรียนและในตอนนี้ด้วย เขาคงใจดีเข้ามาคุยกับผม เห็นว่าผมไม่มีเพื่อน ถึงแม้ว่าคำพูดของเขาจะไม่ได้สวยหรูมากก็เถอะ
“อีกสักพักน่ะ” มองออกไปข้างนอกห้องและก็ให้คำตอบ ลู่หานพยักหน้าเข้าใจและก็หาของต่อ
“นายหาอะไร”
“ไม่ใช่เรื่องของนาย”
“ฉันไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งของของคนอื่นนะ” ก็แค่หาเรื่องชวนคุย . .
“แต่นายเคยขโมยกวางฉัน” ลู่หานหันมาสบตากับผมตรงๆ
“ฉันไม่ได้ขโมย”
“เห็นกันอยู่โต้งๆ”
“ไม่ได้ขโมย”
“เซฮุนน่า!!!! ฉันมาแล้ว รีบออกมาเร็วๆเข้า!!!!” พี่แจซอกตะโกนลั่นขัดจังหวะผมสวีท(?)กับลู่หานผ่านฝูงชนเรือนร้อยคนที่มารอผมอยู่หน้าห้อง
ผมตกใจ รีบลุกขึ้นยืนตามสัญชาตญาณ . .
“พี่มาแล้วเหรอ” ผมถาม พี่แจซอกเดินเข้ามาในห้องอย่างเหนื่อยหอบ
“ให้ตายเถอะเซฮุน ข้างนอกคนเยอะมาก”
“…”
“อ้าวลู่หาน นายยังไม่ได้กลับอีกเหรอ”
“กำลังจะกลับครับ”
“งั้นกลับพร้อมกันเลยสิ” พี่แจซอกชวน
“ถ้าเขาคนนี้กลับ เดี๋ยวพวกนั้นก็จะสลายไปเองครับ ผมรอกลับทีหลังก็ได้” ลู่หานชี้นิ้วมาที่ผม . .
“นายจะไปไหน เดี๋ยวฉันไปส่ง” ผมอาสาทันที
“ไม่ต้อง” ลู่หานก็ปฏิเสธทันทีเช่นกัน
“เถอะน่า วันนี้นายช่วยฉันไว้ตั้งหลายครั้ง”
“ไม่เป็นไร”
“เถอะน่า . . นะ” ปกติคนอย่างโอเซฮุนเคยอ้อนใครที่ไหน . . แต่ผมขี้เกียจรอคำตอบแล้วล่ะ “ผมพร้อมแล้วพี่แจซอก ไปกันเถอะ”
ผมคว้าข้อแขนลู่หานและเดินผ่านฝูงชนที่พอผมออกไปพวกเธอก็กรูกันเข้ามาอย่างกับผมเป็นแม่เหล็กน่าดึงดูด ลู่หานโดนเบียดไปด้วย ผมพยายามจะปกป้องเขาด้วยการดึงแขนให้เขาเข้ามาใกล้ตัวผม การ์ดที่พี่แจซอกพามาช่วยเอาไว้ได้มาก แต่สุดท้ายผมก็โดนดันไปดันมาจนล้มลงไปกองอยู่ดี
โชคดีที่ลู่หานไม่ล้มไปกับผม . . เขาทรงตัวได้ มองเหตุการณ์รอบๆตัวแล้วทำหน้าตื่นเหมือนว่านี่เป็นสงคราม
“นาย . . ดังเกินไปแล้ว” ลู่หานรำพึงและทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ
ก่อนจะบ่นอะไรก็ช่วยผมให้ยืนขึ้นไปได้ก่อนจะได้มั้ย . .
“กรี๊ดดดด เซฮุนน่า เป็นอะไรรึเปล่า”
“เซฮุนน่า!”
ผมล้มแทนที่จะช่วยเขยิบออกไปแต่ไม่เลยพวกเธอกลับเข้ามาใกล้ตัวมากขึ้น . .
“อย่าดันนะครับ!” ลู่หานร้องทันที จับมือผมให้ลุกขึ้นยืนและผลักให้เดินหน้าไปเบาๆ “ขอทางให้เซฮุนด้วยนะครับ”
นี่เขาช่วยผมอยู่เหรอ . . เขากำลังปัดมือที่จะเข้ามาเกาะผมข่วนผมออกไปเบาๆ ผมที่ถูกดันไปข้างหน้าทำหน้าอึ้งกิมกี่
“ขอทางหน่อยนะครับ ขอบคุณครับๆๆ”
นี่ทำหน้าที่ได้ดีกว่าพี่แจซอกอีกนะเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ผมฉวยโอกาสตอนที่ลู่หานเผลอเหลือบมองไปที่พี่แจซอก เราสองคนสบตากันและก็ขยิบตาให้กันท่ามกลางความวุ่นวายที่อยู่รอบตัว
ลู่หานใกล้ความเป็นผู้จัดการของผมเข้าไปทุกทีๆ . . ^________^
:) Shalunla
ความคิดเห็น