ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { sehun x luhan } .ผู้จัดการของผม

    ลำดับตอนที่ #4 : [ SEHUN x LUHAN ] CHAPTER THREE

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 16.25K
      59
      26 ก.ย. 56

    [ SEHUN x LUHAN ] CHAPTER THREE

     

     

     



     

             

     

    หลังจากนั้นสองวันผมต้องไปถ่ายโฆษณาที่ฟิลิปปินส์ . .

                พี่แจซอกหาว่าผมบ้า เขาด่าผมว่าผมบ้าเช้ากลางวันเย็นทั้งก่อนและหลังอาหารวันละสามสี่เวลา เพราะอะไรน่ะหรือ?? เพราะผมเอาแต่จ้องนามบัตรร้านคิมมี่บะหมี่เย็นอย่างเป็นบ้าเป็นหลังน่ะสิ มันเป็นสิ่งเดียวที่ผมมีและเป็นทางเดียวที่ผมจะติดต่อกับลู่หานได้

                แต่ผมกลับไม่กล้า . .

                หนึ่งคือมันเป็นเบอร์ของร้านบะหมี่เย็น และสองคือผมกลัวว่าหากโทรไปจีบคนส่งบะหมี่และเจ้าของร้านอาจจะไล่ตะเพิดด่ากลับทางโทรศัพท์ก็เป็นได้ ผมเลยจ้องและไม่กล้าอยู่อย่างนั้น

                จนวันที่ผมกลับมา . . และตอนนี้ผมกำลังอยู่ที่สนามบิน วันนี้เป็นวันอาทิตย์ อากาศกำลังดี ไม่มีแดด แต่ในสนามบินกฎของเซเลปบริตี้อย่างผมคือใส่แว่นกันแดด และผมก็กำลังใส่แว่นกันแดด

                ถ้าแต่งตัวไม่ดีล่ะก็ ผมขี้เกียจถูกวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งสื่อทั้งแฟนคลับน่ะ

                ตอนนี้ผมกำลังยืนนิ่งๆ ซ่อนนามบัตรร้านคิมมี่บะหมี่เย็นไว้อย่างมิดชิดในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตที่ผมคลุมมา เคยมีคนซูมรูปหน้าจอวอลเปเปอร์ของผมด้วย และตอนนั้นผมกำลังเช็คข่าวนางแบบชื่อดังในดวงใจอยู่ คนเลยรู้กันทั้งประเทศว่าผมชอบใคร

                และถ้าเขาเห็นนามบัตรร้านคิมมี่บะหมี่เย็นล่ะก็ . . เขาต้องแห่กันไปเข้าร้านนี้แน่ๆ เชื่อผมเถอะ

                “อา เมื่อไหร่จะมา” ผมยืนนิ่งๆ ถูกรุมล้อมด้วยประชาชนและมีการ์ดสนามบินคอยกันให้ การ์ดคงสวดภาวนาในใจว่าให้ผมไปๆได้สักที ก็อยากไปอยู่หรอก แต่พี่แจซอกกำลังไปจัดการเรื่องพาสปอร์ตอยู่ ทิ้งให้ผมหัวเดียวกระเทียมลีบอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายที่การ์ดเริ่มจะกันเอาไว้ไม่อยู่

                “โทษที เซฮุน ของพี่มีปัญหานิดหน่อย” พี่แจซอกโผล่มาพร้อมๆกับซองพาสปอร์ต “และกระเป๋าของนายก็มีปัญหา ดูเหมือนจะมีคนพยายามมาขโมยกระเป๋าของนาย”

                “หา” ผมร้องเสียงหลง

                “อา ฉันอยากมีผู้ช่วย ฉันอยากมีผู้ช่วย ฉันคนเดียวเริ่มไม่ไหวแล้ว” พี่แจซอกโวยวายเบาๆ

                “ก็บอกแล้ว ว่ารีบไปตื๊อลู่หาน”

                “ทำไมต้องลู่หาน คนอื่นไม่ได้หรือไง”

                “ถ้าเป็นคนอื่นผมไม่ยอม”

                “นายนี่มัน . .

                “รีบไปเถอะ การ์ดจะกินหัวผมอยู่แล้ว”

                พี่แจซอกถอนหายใจเลยพาตัวผมเดินไป ผมโบกมือให้แฟนๆ ส่งยิ้ม ผงกหัว และก็เดินๆขึ้นรถไปเลย . .

                “เฮ้อ” ที่จริงผมก็เหนื่อยเป็นนะ ผมโยนกระเป๋าลงที่เบาะข้างๆและก็หลับตา นึกบางอย่างได้เลยถามพี่แจซอกที่กำลังค้นซีดีวงเกิร์ลกรุ๊ป(อีกแล้ว)มาฟังระหว่างขับรถอยู่ . . “เย็นนี้ผมมีงานป่ะ”

                “ไม่มี” พี่แจซอกตอบทันที “ฉันก็ไม่ได้รับงานให้นายถี่ขนาดนั้นนะ อีกอย่างต้นสังกัดก็อยากให้นายเป็นไอดอลตัวอย่าง มีเวลาเป็นวัยรุ่นธรรมดาบ้างไรบ้าง”

                หลังจากที่ใช้งานผมปางตายที่ฟิลิปปินส์(ถ่ายตั้งแต่ตีสี่จนถึงตีสามของอีกวัน) ก็มาพูดคำนี้ ต้นสังกัดผมน่ารักจัง . .

                “งั้นพี่จะปล่อยผมป่ะ”

                “อะไรของนายเซฮุน”

                “พี่จะปล่อยผมให้เป็นอิสระแบบสบายๆป่ะ”

                “ไม่ต้องเสียเวลาคิดเลย” พี่แจซอกพูด “นายน่ะมันไปไหนมาไหนคนเดียวไม่ได้หรอก ดูคนพวกนั้นสิ เจ๊เสื้อขาวนั่นตามนายไปทุกที่ที่นายไป บอกไว้ก่อนเลย”

                ผมหันไปมองแฟนคลับที่ใส่เสื้อสีขาว เขาตามผมไปทุกที่จริงๆด้วย ตั้งแต่มาเฝ้าที่หน้าอพาร์ทเมนต์ ตามสถานที่ต่างๆ ลามไปจนถึงโรงเรียน

                แฟนคลับแบบนี้บางทีผมก็กลัวนะ . .

                “ก็ได้ แต่จะไปไหนต้องตามใจผมนะ”

                “เอาสิ ถ้าไม่ทำร้ายภาพลักษณ์นาย ฉันจะพานายไปทุกที่” พี่แจซอกเริ่มออกรถ

                “ผมอยากกินบะหมี่เย็น”

     

     

     

     

     

     

                ร้านคิมมี่บะหมี่เย็น . .

                ผมนั่งนิ่งๆบนรถ ในขณะที่พี่แจซอกกำลังมองมาที่ผมอย่างงงๆ

                “เอาไง ทำไมไม่ลงไป” เขาคงงงกับการกระทำของผม

                “คือเอ่อ . .” ไม่เคยสูญเสียความมั่นใจอะไรขนาดนี้ “ผิวของผมดำลงมั้ยอ่ะ แดดฟิลิปปินส์แรงมากนะ”

                “หา” พี่แจซอกงงกับคำถาม ก่อนมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า “ถ้านายดำลงฉันคงเอาครีมมาประเคนนายตั้งแต่เสร็จงานแล้ว”

                “แล้ว . . ผมของผมล่ะ สีนี้โอเครึเปล่า” ผมสีน้ำตาลอ่อนที่ถูกเปลี่ยนเนื่องจากถ่ายโฆษณาแชมพู

                “อะไรของนายโอเซฮุน นายไม่รู้ตัวเลยเหรอว่านายน่ะดูดีแค่ไหน ไม่งั้นนายคงไม่ได้มาเป็นดาราแบบนี้หรอก”

                “

                “ตื่นเต้นเหรอ ที่จะเจอลู่หาน”

                เรียกได้ว่าฟอร์มที่สะสมมานานพังทลายครืนลงมาเพียงชั่วพริบตาเดียวหลังจากที่พี่แจซอกพูดเสร็จ

                “ใช่” ผมโวยวายทันที “อา ทำไมผมตื่นเต้นแบบนี้เนี่ยๆ ให้ตายสิๆๆๆๆ” ใส่หมวกเข้า ถอดหมวกออก ใส่แว่น ดึงแว่นออก ทำไปทำมาเพื่อหาความมั่นใจให้ตัวเอง

                “บ้าไปแล้ว” พี่แจซอกรำพึง “คิดว่าเขาจะมองนายดีขึ้นหรือไง ไม่ว่าจะทำยังไง ดูเหมือนนายจะเป็นคนที่สร้างความรำคาญให้ลู่หานนะ”

                “เห้ย ตรงไปมั้ง เห็นใจกันมั่ง” ผมหันไปเอ็ด มองดูตัวเองในกระจกเงาสองสามที แค่ใส่หมวกก็น่าจะโอเคแล้วมั้ง นอกจากจะเท่แล้วยังปิดบังผู้คนได้อีกต่างหาก “ไปกันเถอะ ผมพร้อมแล้ว”

                “โอเค”

                พี่แจซอกเปิดประตูรถให้ผมและพาผมเข้าไปในร้านคิมมี่บะหมี่เย็น ร้านค่อนข้างเล็กน่ารักทีเดียว เมื่อผมเปิดประตูเข้าไป ผมก็เห็นเด็กเสิร์ฟลู่หานในชุดผ้ากันเปื้อนทันที

                น่ารัก !

                แต่มองได้ไม่นานเพราะผมเขินกลัวว่าเขาจะรู้ว่าผมมอง เลยหันหน้าหนีและก็เดินตามตูดไปนั่งกับพี่แจซอกที่มุมร้าน

                “ยินดีต้อนรับครับ . .อ้าว พี่ชายข้างบ้าน” ลู่หานเป็นคนเดินมาเอาเมนู พอเขามองเห็นพี่แจซอก เขาก็หันมามองผม เขาหน้าหงิกลงทันที . . หรือเป็นเพราะหน้าที่แสดงออกของผมเป็นหน้าที่เย็นชากันนะ? ลู่หานเลยมีปฏิกิริยาแบบนั้นตอยกลับมา “รับอะไรดีเหรอครับวันนี้”

                ผมนิ่งใบ้รับประทานเป็นที่เรียบร้อย ส่วนพี่แจซอกส่ายหน้าอย่างระอาให้ผมราวกับรู้ว่าผมเป็นอะไรเลยเป็นฝ่ายพูดออกไปแทน “บะหมี่เย็นสองที่ละกัน”

                “เครื่องดื่มล่ะครับ”

                “มีชานมไข่มุกมั้ย” ผมถามขึ้นมาอย่างเคยชิน

                ลู่หานมองผมเหมือนไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่ “คุณลูกค้าครับ นี่ร้านบะหมี่เย็นนะ ไม่ใช่ร้านขายชานม”

                ก็คนมันชอบกินจนลืมตัวอ่ะ  .. “อ้าวเหรอ” อายเขามั้ยล่ะนั่น . . โอเซฮุน

                “น้ำเปล่าละกัน” พี่แจซอกกลั้นขำไม่หยุด ลู่หานพยักหน้า และก็เดินเอาออเดอร์ไปส่งคุณคิมมี่ที่อยู่ในครัวทันที “เซฮุน นายนี่มัน ก๊ากกกกกกกกก”

                “อะไรเล่า” ผมเถียงออกไปแก้เขิน

                “เขาก็คงจะแอบขำในใจล่ะมั้งฉันว่า ฮ่าๆๆๆ”

                “ช่างเหอะ” ผมรีบตัดบท มองไปที่ลู่หานที่เดินไปเดินมาอยู่ในร้านบะหมี่อย่างคล่องแคล่ว วันมีเรียนเป็นคนส่งบะหมี่ วันที่ไม่มีเรียนเป็นคนเสิร์ฟบะหมี่เหรอเนี่ย ขยันได้น่าชื่นชมดีจัง . . “ทำยังไงนะ เขาถึงจะยอมมาเป็นผู้จัดการให้ผม”

                “นั่นน่ะสิ ลู่หานมันเป็นเด็กหัวแข็ง ฉันก็เริ่มจนปัญญาแล้วเหมือนกัน . .

                “ไม่เอานะ ถ้าไม่ใช่ลู่หานผมไม่เอาคนอื่นนะ”

                “เออ ฉันรู้น่า” พี่แจซอกสามารถเข้าได้ถึงเจตนารมณ์ของผม “บางทีฉันอาจจะต้องคุยกับเจ้าของร้านนี้”

                “ทำไมอ่ะ”

                “หาวิธีให้เขาบีบลู่หานให้ลาออก”

                “ไม่เอา” ผมร้องลั่น “ถ้าเขามารู้ทีหลังว่าผมทำแบบนั้น เขาคงโกรธแย่” ดูจากไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ผมว่าผมเริ่มพอรู้นิสัยของเขาแล้วนะ

                “ถ้าอย่างนั้นจะให้ทำยังไงเล่า?”

                ผมมองไปที่ลู่หานอีกครั้ง . . เขามัวแต่ยุ่งอยู่กับงาน ไม่ได้สนใจเลยว่าจะมีคนมองหรือไม่ ให้ตายเถอะ ผมไม่รู้ว่าผมจะทำยังไงแล้วจริงๆนะ

                คงต้องตื๊อแบบนี้ไปเรื่อยๆใช่มั้ย . .

                “สวัสดีครับ!” เห้ย นี่คุณคิมมี่ เจ้าของร้านนี้นี่นา ผมเคยเห็นเขาในนามบัตรไม่เคยรู้ว่าตัวจริงเขาจะเหมือนพี่แจซอกอย่างกับแกะแบบนี้ ทั้งหุ่นหมีทั้งหน้าหนวด พอๆกันเลย “คุณโอเซฮุน เป็นเกียรติมากมายที่คุณเลือกมาทานร้านเรา ผมชอบคุณมาก!!!!

                เอ่อ . . แฟนบอยเหรอ? “ค่ะ ครับ ขอบคุณมากเลยนะครับ”

                “วันนี้คุณทานฟรีครับ ผมเลี้ยงเอง ลู่หาน เอาเมนูมาอีกซิ คุณเซฮุนอยากสั่งของเพิ่ม!!!

                “เห้ย ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากครับ” ผมรีบปฏิเสธและโบกมือให้ลู่หานว่าไม่เอา เขาทำหน้างงว่าผมจะเอายังไงกันแน่ “ไม่เอาๆ ขอบใจมาก”

                ลู่หานยักไหล่ แล้วก็เดินไปทางอื่น . .

                “ผมอยากจะเลี้ยงคุณจริงๆนะครับ! ภรรยาผมก็ชอบคุณ ลูกสาวผมก็ชอบคุณอ่ะ ขอลายเซ็นหน่อยสิครับ!” เขายื่นกระดาษมาให้ผมเซ็น

                “อ่า ได้ครับ ขอบคุณมากเลยนะครับ”

                “ดีใจจังเลยที่ได้เจอคุณ” คุณคิมมี่พูด ใบหน้าของเขาดีใจตามที่พูดจริงๆ “อย่างน้อยวันนี้ก็มีเรื่องดีๆสักที”

                “ทำไมเหรอครับ คุณพูดเหมือน . . เจอเรื่องไม่ดีมายังไงยังงั้น” ผมถนัดถามสารทุกข์สุขดิบแฟนคลับ

                “คือ . .” คุณคิมมี่มีน้ำตารื้นที่ขอบตา “ร้านของผม . . กำลังจะไปไม่รอดแล้วล่ะครับ ฮึกกก ฮือออ”

                “อ้าว ทำไมล่ะครับ” ผมถามอย่างตกใจ

                “ที่ร้านเราอยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะลูกค้าขาประจำและก็หน้าเดิมๆ ขาจรก็มีไม่ค่อยมาก สงสัยเพราะร้านเราโทรมลงๆทุกวัน แต่จะทำยังไงได้ล่ะครับ เงินตกแต่งใหม่เรายังไม่มีเลย ฮืออออออ ที่เลวร้ายกว่านั้นคืออะไรรู้มั้ยครับ ผมไม่มีตังค์จ่ายค่าจ้างเจ้าลู่หานด้วยซ้ำ แต่เขาก็ทำงานกับผมอยู่ทุกๆวันทั้งๆที่สิ้นเดือนผมอาจจะไม่ได้จ่ายเงินเขา TT

                “

                “เขาเป็นเด็กดีมาก และขยันมาก หมอนั่นเป็นคนดี ฮึกกกก TT

                ผมรับฟังเรื่องราวอย่างอึ้งๆ . . มองคุณคิมมี่กับลู่หานสลับกัน . . ไม่น่าเชื่อว่าพวกเขากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากทั้งคู่ และผมไม่นึกเลยว่าลู่หานจะเป็นคนดีขนาดนี้

                เอาหัวใจไปเลย . .

                “พี่แจซอก” ผมกระซิบข้างหูพี่แจซอก “พี่กำลังคิดเหมือนที่ผมคิดหรือเปล่า”

                “อะไร ฉันไม่ใช่แฝดนาย”

                “อย่าเพิ่งมาขำตอนนี้ได้ป่ะ นี่ผมซีเรียส” ผมซุบซิบๆกับพี่แจซอกที่พยักหน้าเข้าอกเข้าใจ “คุณคิมมี่ครับ . .

                “ครับ?”

                “ผมเซ็นให้คุณแล้ว ผมอยากทานบะหมี่เย็นเร็วๆ ช่วยเอามาเสิร์ฟให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ”

                “อ่อ ครับๆ ขอโทษนะครับ ผมมัวแต่ตื่นเต้น” คุณคิมมี่เช็ดน้ำตาและก็ลุกขึ้นเดินไปที่ครัว

                พี่แจซอกหันมาหาผม . . ในมือของเขาถือไอแพดที่ประกอบด้วยชีวิตทั้งชีวิตผมไม่ว่าจะเป็นตารางงาน รูปภาพส่วนตัว และก็รายชื่อสปอนเซอร์

                “พร้อมแล้วใช่มั้ยเซฮุน”

                “ครับ” ผมยิ้มนิดๆชูสองนิ้ว หลังจากนั้นพี่แจซอกก็แชะภาพผม

                หลังจากนั้นผมก็จิ้มๆๆไอแพดอย่างสนุกสนาน คุณคิมมี่มาเสิร์ฟบะหมี่เย็นและก็โค้งให้ผมสองสามที

                ผมยิ้ม . . และก็จิ้มไอแพดต่อไป . .

                และถ้าหากคุณอยากรู้ว่าผมจะจิ้มมันทำไมนักหนา ผมแนะนำให้คุณไปอ่านในบล็อกส่วนตัวของนักแสดงโอเซฮุนนะครับ

     

                ผมเพิ่งกลับมาจากฟิลิปปินส์ . .

                        ผมเหนื่อยมากเลยแวะมาทานบะหมี่เย็น ร้านนี้อร่อยมาก ผมรับประกันได้ คิมมี่บะหมี่เย็นมาทานกันเยอะๆนะครับ ถ้ามาทานตอนนี้อาจจะได้เจอผม แต่ผมไม่เลี้ยงนะ อิอิอิอิอิ

                                                              ด้วยรัก . . พบกันคราวหน้านะครับ ^^

     

                หลังจากนั้นไม่ถึงยี่สิบนาที ร้านของคุณคิมมี่บะหมี่เย็นก็หัวกระไดไม่แห้งเลยทีเดียว

                เพราะร้านเต็มไปด้วยสาวๆจากทุกสารทิศ ต่อคิวจากปากซอยไปยังท้ายซอย . . ผมได้โบกมือทักทายแฟนคลับแค่แป๊บเดียวพี่แจซอกก็ลากผมขึ้นรถหลบภัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

                “พี่แจซอก กำลังเรียกคนได้เยอะเลย” ผมโอดครวญ

                “แค่นี้ก็พอแล้ว” พี่แจซอกสวน “มีคนเขาคลั่งนายอยากตามรอยของที่นายกินอยู่ถมเถ ถ้านายยังอยู่ในร้านตอนนี้ ร้านต้องระเบิดแน่”

                “ผม  . . ผม . .” ผมลอบมองไปที่ลู่หานที่งานหนักขึ้นแบบคูณสิบเข้าไปอย่างสงสาร “หาคนมาช่วยลู่หานด้วยสิ”

                “ครับเจ้านาย ผมกำลังหาคนให้อยู่” พี่แจซอกกลอกตาเบื่อๆใส่ผมแต่ก็จิ้มโทรศัพท์อย่างรู้งาน ผมกระหยิ่มยิ้มย่อง นอกจากวันนี้ผมจะได้ช่วยแก้ไขสถานการณ์ร้านของแฟนคลับรุ่นลุงของผมแล้ว ผมยังได้ช่วยลู่หานในทางอ้อมๆอีกด้วย

                “แต่ . . เฮ้อ” ผมถอนหายใจ “แบบนี้เรายิ่งห่างไกลเรื่องจ้างลู่หานมาเป็นผู้จัดการสินะ”

                “ใครว่า . .

                “

                “ยิ่งใกล้มากขึ้นไปกว่าเดิมต่างหาก”
                พี่แจซอกหันมายิ้มกริ่มให้ผม ในขณะที่ผมยังงงว่าพี่แจซอกหมายความว่ายังไง หลังจากนานไม่นาน ผมก็รู้
    . . และน่าจะเป็นวิธีที่ลู่หานจะสมัครใจมาทำงานกับผมด้วย

     

     

     

     

     

                หลังจากที่พี่แจซอกมาส่งผมที่อพาร์ทเมนต์แล้ว . .

                ผมก็ทำเป็นเข้าไปในอพาร์ทเมนต์อย่างปลอดภัย แต่ทว่าหลังจากที่รถตู้สีดำขับออกไป ผมก็ออกไปทางอื่นทันทีที่ไม่ใช่กลับเข้าไปที่ห้อง

                ได้ฟังแผนของพี่แจซอกแล้ว . . ผมว่าผมน่าจะได้ลู่หานมาเป็นผู้จัดการเร็วๆนี้แหละ

                แต่ตอนนี้ผมอยากจะทำตัวเหมือนตอนที่ผมยังเป็นเด็ก แอบสะกดรอยตามลู่หานตอนที่เขากลับบ้าน แต่ตอนนี้ผมอยู่ย่านกังนัมซึ่งไกลมากโขเหมือนกันกับร้านบะหมี่ที่ลู่หาน ก็วันนี้มันได้เจอแค่แป๊บเดียวเองนี่นา อีกอย่างตอนนี้ก็เริ่มดึกแล้ว คงไม่มีใครมาเดินเพ่นพ่านจำผมได้หรอกมั้ง เผื่อผมจะหาทางลัดและให้ลู่หานตอบตกลงเรื่องผู้จัดการภายในวันนี้คืนนี้เลยไง (ผมมโนสินะ  - - “ )

                ต้องใช้แท็กซี่เท่านั้น รถเมล์ผมต้องหลงแน่แท้ . . ผมโบกแท็กซี่บอกคนขับว่าไปร้านคุณคิมมี่ และผมก็นั่งรถบนรถอย่างสุขใจ . .

                เรื่องนี้ถึงหูพี่แจซอกไม่ได้โดยเด็ดขาด

                “ถึงแล้วครับ”

                “ขอบคุณนะครับลุง”

                “เดี๋ยวครับ ขอลายเซ็นด้วยสิครับ”

                “ครับ?”

                “จะเอาไปฝากลูกสาวน่ะครับ”

                เอ่อ . . ผมเซ็นลายเซ็นให้คุณลุง ก่อนที่จะลงไปยังร้านคิมมี่บะหมี่เย็นที่ตอนนี้คนเงียบลงอย่างเห็นได้ชัดแตกต่างจากเมื่อตอนหัวค่ำ

                ดูเหมือนร้านกำลังจะปิด . .

                ลู่หานโค้งให้คุณคิมมี่และก็พูดเหมือนจะบอกลาอยู่หน้าร้าน ผมหลบเข้าซอกก่อนที่ลู่หานจะเห็นผมไปมากกว่านี้ ผมรอให้เขาเดินมาทางนี้ . . และผมก็จะได้เดินตาม

                ซึ่งไม่นานนักเขาก็เดินมา ท่าทางของเขามีความสุขและก็ดูสบายอกสบายใจที่ร้านขายดีขึ้นในวันนี้ ผมยิ้มและก็เดินตามเขาไปอย่างสุขใจ นี่ก็ห้าทุ่มกว่าแล้ว เขากลับดึกแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ

                อันตรายชะมัด . .

                แต่แปลกที่ไม่นานนักเขาก็เลี้ยวเข้าหัวมุมถนน เดินขึ้นไปบนเนินสูงๆที่มีบ้านเรียงรายอยู่อย่างไม่เป็นระเบียบ จนกระทั่งมาหยุดยืนอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งริมบันไดที่สามารถขึ้นไปสูงกว่านี้ได้

                บ้านของเขาอยู่ใกล้ที่ทำงานนี่เอง . .

                “ใครอะ!

                เสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งดังแว้ดๆอยู่ที่ด้านหลังผม . . ผมหันหลังไปหาเธอและก็เอามืออุดปากเธอไว้ “ชู่ววววว”

                เธอจับมือผมออก และก็กรีดร้อง

                “กรี๊ดดดดดดดดดดดด เซฮุนอปป้า กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด” เธอมองผมเหมือนเธอกำลังช็อคสุดขีด

                นอกจากลู่หานจะได้ยินแล้ว ผมเชื่อว่าอีกสามบ้านแปดบ้านก็คงจะได้ยินด้วย . .

                “ลู่ถิง!!!!! ใครทำอะไรเธอ!!!!” ลู่หานวิ่งเข้ามาหาทันที ทำท่าจะตั๊นหน้าผมอยู่รอมร่อ แต่พอเห็นว่าเป็นผม เขาก็ทำหน้าตกใจ

                “นาย . .

                “พี่ชาย . . นี่เซฮุนอปป้าใช่มั้ย เซฮุนอปป้าตัวจริงใช่มั้ย กรี๊ดดดดด”

                “ลู่ถิง อย่าเสียงดังสิ” ลู่หานกำราบ ดึงตัวลู่ถิงที่สูงเท่าใบหูของเขาให้เข้ามาใกล้ ลู่ถิง . . น้องสาวล่หานใช่มั้ย ทำไมหน้าตาไม่ค่อยเหมือนกันเลยฟะ ผมเห็นลู่ถิ่งแล้วผมนึกถึงลูกหมูตัวเล็กๆ “นายมาทำอะไรดึกๆดื่นๆแถวนี้”

                “คือ . .ฉัน . .” เวรล่ะสิ ไม่ได้เตรียมคำตอบเผื่อลู่หานจะจับได้ . .

                “เดี๋ยวนะ พี่ชายเป็นเพื่อนกับเซฮุนอปป้าเหรอ!

                “คือมัน . .

                “กรี๊ดดดด ทำไมไม่บอกหนูล่ะคะ ทำไมคะ ทำไมพี่ชายทำแบบนี้!!!!” ลู่ถิงเธอเป็นคนที่กระตือรือร้นดีจริงๆ “เซฮุนอปป้า เข้าบ้านก่อนนะคะ ไปหาคุณยายกัน คุณยายชอบพี่มากเลยนะ ฮือออออ”

                “ลู่ถิง” ลู่หานกำราบน้อง

                “จริงเหรอ งั้นพาอปป้าไปหาคุณยายหน่อยนะ”

                “กรี๊ดดดด ได้เลยค่ะ ตื่นเต้นอ่ะ นี่มือสั่นเลยนะ ทำตัวไม่ถูกกกกก TT” ลู่ถิงดึงมือผมเข้าไปในบ้าน เธอสะบัดผมใส่พี่ชายของเธอราวกับว่าเธองอนเขา ซึ่งนั่นทำให้ลู่หานถอนหายใจ เขาถลึงตามองผม ส่วนผมแอบทำหน้าเหมือนผมพูดว่าก็ไม่รู้สินะใส่เขา

                บ้านของลู่หานมีขนาดเล็กมาก เมื่อเดินเข้าไปผมก็เจอกับห้องนั่งเล่นทันที ดูเหมือนภายในตัวบ้านจะมีเพียงไม่กี่ห้องและเป็นบ้านที่มีพื้นที่จำกัด . .

                “คุณยายครับ ยังไม่นอนอีกเหรอ” ลู่หานเดินเข้าไปหาคุณยายที่หันหลังเข้าหาทีวี

                “ยังหรอก นี่เพิ่งกลับมาเหรอ ยายกำลังดูละครรอหลานน่ะ เรื่องนี้สนุกนะ”

                “คุณยาย หันมาข้างหลังสิคะ!” ลู่ถิงส่งเสียง กระโดดขึ้นๆลงๆอย่างตื่นเต้น

                “อะไรกันยัยถิงถิง อย่าเสียงดังนักสิ เดี๋ยวบ้านข้างๆก็ได้โยนกระทะมาใส่อีกหรอก” คุณยายค่อยๆหันกลับมาช้าๆ เมื่อเจอหน้าผม เธอทำท่าเหมือนเธอจะเป็นลม “คุณพระช่วย!

                “สวัสดีครับคุณยาย”

                “อะไร .  .อะไรกัน . . นี่มันอะไรน่ะลู่ถิง” คุณยายพูดไม่ออกบอกไม่ถูกไปแล้ว ลู่หานรีบเข้าไปช่วยพยุงเธอ

                “เขาเป็นเพื่อนพี่ลู่หานค่ะคุณยาย แต่พี่ลู่หานไม่ยอมบอกเรา” ลู่ถิงหันไปแลบลิ้นใส่พี่ชายของเธอ

                “ให้ตายเถอะ ยายอยากจะกรี๊ดแต่ยายไม่มีแรงกรี๊ด” คุณยายที่ถูกลู่หานพยุงเริ่มทรงตัวนั่งดีๆ ลู่หานมองมาที่ผมและกำลังคิดว่าผมคือตัวปัญหา “ไหนดูซิ มานั่งใกล้ๆยาย ตัวจริงเหรอเนี่ย นี่ตัวจริงเหรอ”

                ผมนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าคุณยาย คุณยายของลู่หานเริ่มจับแก้มผมและก็บีบแรงๆไปมา

                “อา ผิวดีจังเลยยยยยยยยยย”

                “คุณยายคะ เซฮุนอปป้าเจ็บนะ”

                “น่ารัก หมั่นเขี้ยวๆๆๆ” เธอพูดและเธอก็จับหน้าผมส่ายไปมา

                “คุณยาย!

                “โทษที นี่เป็นการแสดงความรักของคนแก่น่ะ”

                “คุณยายนี่ดึกมากแล้วนะครับ ไปนอนเถอะครับ” ลู่หานพูดกับยายของตัวเองอย่างเป็นคนห่วง ในขณะที่ผมกำลังคลำแก้มตัวเองป้อยๆ

                “ยายจะนอนได้ยังไงกัน ในเมื่อมีดาราอยู่ในบ้านเราทั้งที”

                “เอ่อ ผมจะแวะมาหาคุณยายทีหลังแน่นอนครับ ไม่ใช่ดึกมากแบบวันนี้” ผมช่วยลู่หานพูดอีกแรงเพื่อให้คุณยายไปพักผ่อน แต่มันทำให้ลู่หานต้องหันขวับมาที่ผมแทบจะในทันที ราวกับว่าไม่อยากให้การมาเยี่ยมบ้านเขาของผมมีเป็นครั้งที่สอง

                “จริงเหรอคะ!” ลู่ถิงกระโดดเกาะแขนผม “จริงนะคะพี่เซฮุน จริงนะ!

                “ลู่ถิง” ลู่หานพยายามห้ามปรามเธอ

                “จริงสิครับ ลู่ถิงอยากกินอะไรรึเปล่า เดี๋ยวพี่ชายคนนี้ซื้อมาให้เต็มบ้านเลยนะ”

                “กรี๊ดดดดดดดดดดดด ไม่เป็นไรค่ะ ค่ะพี่เซฮุนมา หนูก็ดีใจจนน้ำลายจะไหล เอ้ย ไม่สิ น้ำตาจะไหลแล้วค่ะ ฮือออออออ”

                ผมยิ้มนิดๆและลูบหัวเธอ ในที่สุดคุณยายกับลู่ถิงก็ยอมเข้านอนแต่โดยดี สำหรับคุณยายนั้นก็เพื่อสุขภาพ และสำหรับลู่ถิงนั้นก็เพื่อการเรียนในเช้าวันพรุ่งนี้

                ตอนนี้ผมอยู่หน้าบ้านของลู่หาน ไม่มีสองคนนั่นผมจึงต้องโดนการผลักไสไล่ส่งจากคนที่ผมต้องการมาหา

                “ฉันไม่รู้ว่าทำไมนายต้องมาแถวนี้” ลู่หานกอดอกมองจับผิดผม “เดี๋ยวนายก็ได้ทำแถวบ้านของฉันวุ่นวายอีกหรอก และทำไมนายต้องมาคนเดียวด้วย มันอันตรายไม่ใช่รึไง”

                เฮ้ย . . นี่เขากำลังเป็นห่วงผมเหรอ ใช่ใช่มั้ย ใช่แน่ๆ เฮ้ย! ดีใจชะมัด . . (โอเซฮุนผู้ไม่สนใจประโยคแรก)

                “ฉันมาดูว่าร้านคุณคิมมี่เป็นไงบ้างน่ะ”

                “แต่แถวนี้มันบ้านฉัน”

                “ก็มันบังเอิญเดินตามมา” แถไปจนสีข้างถลอก . . ลู่หานเลิกคิ้ว

                “กลับไปได้แล้ว ฉันไม่ไปส่งนะ”

                “อืม”

                เขาทำหน้าแปลกใจที่ผมยอมไปแต่โดยดี ผมอมยิ้ม โบกมือลาให้ลู่หาน ลู่หานแค่พยักหน้าตอบ . .

                ผมเดินจากไป นี่มันดึกมากแล้วผมไม่ควรจะรบกวนอะไรเขาให้มันมาก ยังไงซะพรุ่งนี้ผมก็ต้องเจอเขาที่โรงเรียนอยู่แล้ว และหวังว่าตอนนั้นแผนการให้ลู่หานมาเป็นผู้จัดการของผมของพี่แจซอกจะสำเร็จไปได้ด้วยดี ผมหวังว่าอย่างนั้นนะ

                เดินตามถนนที่มีคนอยู่น้อยเอามากๆ . . ผมขยับหมวก และกำลังจะหาแท็กซี่เพื่อที่จะกลับอพาร์ทเมนต์ที่กังนัม และหลังจากนั้นไม่นานนัก . . สายฝนก็สาดเทลงมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

                ซวยบรม ผมรีบพาตัวเองเข้าไปหลบที่ป้ายรถเมล์ . .

                พี่แจซอกคงเริ่มจะจับความผิดปกติของผมได้ ตอนนี้โทรศัพท์ของผมสั่นไม่หยุด และผมเลือกที่จะไม่รับสายมัน ตอนนี้สิ่งที่ผมสนใจอย่างเดียวคือแท็กซี่ ซึ่งไม่มีผ่านมาเลย . .

                หรือนักแสดงอย่างผมจะต้องนอนที่ป้ายรถเมล์นี่ . .

                ยอมให้พี่แจซอกด่าและก็โทรเรียกเขาให้มารับดีมั้ย . . ความคิดนี้ค่อนข้างเจ๋ง ถ้าพี่เขาบ่นจนหูชา ผมก็ค่อยเอาสำลีมายัดใส่หูอีกทีละกัน

                ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา . . เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ใครบางคนกำลังเข้ามาที่ป้ายรถเมล์แห่งนี้

                ลู่หาน O_O

                เขาตัวเปียกม่อล่อกม่อแลกนิดหน่อยทั้งๆที่มีร่ม ซ้ำยังหอบหายใจราวกับวิ่งมาอีกด้วย

                “นายนี่มัน . .” เขาบ่นใส่ผม และเขาก็ลากผมให้ยืนขึ้นมา

                “อะไร” ผมถามงงๆ

                “จะอะไรซะอีก ก็ไปหลบฝนที่บ้านฉันก่อนน่ะสิ” ลู่หานตะโกนแข่งกับเสียงฝน

                “หา”

                “ไม่ต้องมาตกใจ  ยายกับน้องต้องฆ่าฉันแน่ ถ้าฉันปล่อยให้นายตากฝนอยู่คนเดียวทั้งๆที่อยู่ใกล้บ้าน”

                ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจอะไรนักหรอก แต่ผมก็ลุกขึ้นตามมือเขาและก็เข้าไปหลบในร่มของเขาแต่โดยดี ร่มที่ผมแย่งเขามาถือเองในภายหลัง เพราะกลัวเขาจะปวดแขน เนื่องจากผมสูงกว่าเขาตั้งหลายเซนต์

                ในอยู่ในร่มคันเดียวกันกับลู่หาน . . ถึงแม้ว่าบรรยากาศจะไม่ได้สวยงามเท่าไหร่นัก แต่ผมก็ดีใจมากๆแล้ว

                ผมดึงตัวลู่หานให้เข้ามาใกล้เมื่อมีรถที่กวนประสาทขับเร็วในเวลาแบบนี้และน้ำมันจะกระเด็นใส่เขา

                “ฉันดูแลตัวเองได้”

                เขาตัดบท และสะบัดมือผมออก

                “ขยับเข้ามาสิ นายจะออกไปนอกร่มแล้ว”

                “ไม่เป็นไร”

                “เดี๋ยวจะไม่สบาย” ผมไม่เคยพูดกับใครแบบนี้จริงๆนะ . .

                ลู่หานเงียบลงไปถนัดตา . . เขาก้มหน้าก้มตาเดิน ส่วนผมก็คอยดึงไม่ให้เขาโดนฝนมากไปกว่านี้ อากาศมันหนาวมาก และผมก็เห็นเขาตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด . .

                ทันทีที่มาถึงบ้านลู่หาน ผมก็เห็นพี่แจซอก ยืนกอดอกถลึงตามองผมอยู่

                รู้ได้ไงว่าผมอยู่ไหน . .

                “ขึ้นไปบนรถซะ เซฮุน”

                “พี่แจซอก” พี่เขาดูจริงจังจนผมตกใจ

                “ขึ้นรถ เดี๋ยวนี้เลย”

                “ผม . . แต่ผม . .” ผมมองไปที่ลู่หานที่หยิบร่มของตัวเองคืนและไปยืนที่หน้าบ้านแล้ว . .

                “ขึ้นรถซะ”

                พี่แจซอกเวลาที่เอาจริงเอาจังจะน่ากลัวซะยิ่งกว่าเดอะฮัลค์ตัวเขียวเวลาโมโห ผมพยักหน้าเข้าใจ และก็ขึ้นรถไปตามที่พี่แจซอกบอก ผมเห็นลู่หานมองมา . . ผมไม่อยากแยกจากเขาเลย

                คืนนั้นพี่แจซอกเงียบกว่าที่เคย ปกติถ้าผมทำตัวแบบนี้เขาจะบ่นแล้วบ่นอีก แต่นี่เงียบมาก ทั้งตลอดทางที่กลับมาจากบ้านลู่หาน ขึ้นอพาร์ทเมนต์ อยู่ในอพาร์ทเมนต์ เขาก็เอาแต่เงียบ

                เกิดอะไรขึ้นกับพี่แจซอก ?????

     

     

     

                และวันถัดมาผมก็ได้รู้คำตอบ . . ในระหว่างทางที่ผมกำลังจะไปโรงเรียน

                “มีคนคอยตามนายไปทุกๆที่ ฉันไม่เข้าใจ ทำไมเขาถึงต้องตามนายถึงขนาดนั้น” พี่แจซอกพูดด้วยน้ำเสียงซีเรียส

                “แฟนคลับรึเปล่า” ผมถามหยั่งเชิง

                “ไม่ใช่ . . ฉันคิดว่าไม่ใช่” พี่แจซอกพูด “ตอนนายไปที่บ้านของลู่หาน ก็มีคนตามนายไป นายนี่มัน . . ไม่รู้ตัวเลยใช่มั้ยว่ามีคนเป็นสตอล์กเกอร์นายอยู่ เวลาจะไปไหนมาไหนนายไม่รู้หรือไงว่านายต้องคอยระวังตัวเอง เมื่อคืนถือว่ายังโชคดี ที่ลู่หานไม่ปล่อยให้นายอยู่คนเดียว”

                “

                “เขาอาจจะรู้ก็ได้ว่ามีคนตามนายมา”

                “ไม่หรอกน่า” ผมพูดเพื่อให้ตัวเองไปตั้งความหวัง แต่อันที่จริง  . . ผมกำลังห่วงลู่หานมากกว่า “ถ้าอย่างนั้น ลู่หานอาจจะเป็นอันตรายเพราะผมรึเปล่า”

                “ใช่ ไม่รู้ว่าพวกนี้มาดีหรือมาร้าย คนที่นายเกี่ยวข้อง คนที่นายไปหา ทุกคนล้วนแต่อาจเกิดอันตราย หรืออาจถูกทำลายชีวิตส่วนตัว”

                ผมตัวแข็งขณะที่ฟัง . . ลู่หาน คุณยาย ลู่ถิง . .

                “คราวหลังจะไปไหนนายต้องบอกฉัน ฉันจะพานายไป ไม่ใช่อยากจะไปก็ไปแบบนี้ เข้าใจมั้ยเซฮุน”

                ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง พยักหน้าเบาๆอย่างเข้าใจ และตอนนี้ผมอยากจะถอนหายใจออกมายาวๆซะเหลือเกิน . .

                “ฉันกำลังจะคุยเรื่องให้นายเป็นพรีเซ็นเตอร์ร้านคิมมี่บะหมี่เย็นกับต้นสังกัดวันนี้นะ”

                พี่แจซอกพูดขึ้นมาราวกับอยากให้ผมมีเรื่องที่สบายใจขึ้นมาบ้าง ซึ่งได้ผล . .

                “จริงเหรอ . . พี่แจซอก บอกให้เขาอนุญาตให้ได้นะ”

                “จริงๆกับคุณคิมมี่ฉันก็ไปเปรยๆมาบ้างแล้ว เขาก็คิดอยากให้ลู่หานไปทำงานที่สบายๆกว่าที่ร้านของเขาเหมือนกัน”

                “จริงเหรอ!!!” โห คุณคิมมี่ เดี๋ยวผมจะแวะไปทุกอาทิตย์เลย!

                “รอแค่ต้นสังกัดตอบกลับมา”

                “ขอบคุณนะพี่แจซอก ขอบคุณนะๆๆๆ”

                “เออๆๆ” พี่แจซอกทำให้ผมยิ้มได้ในที่สุด และเขาก็ยิ้มออกเช่นกัน

                ผมเดินเข้าไปในโรงเรียนหลังจากที่พี่แจซอกมาส่งอย่างปกติ ซึ่งปกติก็คือมีคนเข้ามาเยอะมากทั้งส่งน้ำส่งขมนมให้ ขอจับมือขอลายเซ็น กว่าผมจะเข้าไปในห้องเรียนได้ ก็เลทเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผมหอบถุงเต็มมือเข้าไปเรียนด้วย สร้างความตื่นตาตื่นใจให้เพื่อนร่วมห้องเอามากๆ

                และพอถึงโต๊ะ ก็มีวางกองกันเป็นพะเนินสูงซะยิ่งกว่าภูเขา . .

                ผมค่อยๆหยิบของเหล่านั้นลงจากโต๊ะ เอาไปวางกองรวมกันกับที่ได้มาที่หน้าโรงเรียนเมื่อเช้า และก็เริ่มตั้งใจเรียน . .

                ลู่หานไม่มองมาที่ผมเลย . . ส่วนผมก็มองกระดานบ้างสลับกับมองแผ่นหลังของลู่หานบ้าง พวงกุญแจตุ๊กตากวาง(ของผมที่ถูกเขาเข้าใจผิดว่าเป็นของเขา)ยังถูกห้อยอยู่กับกล่องดินสอและมันก็จ้องหน้าลู่หานอยู่อย่างนั้น ผมที่เซ็งๆอยู่ก็หยิบพวงกุญแจกวาง(ของลู่หานที่เขาทำตก)มาวางบ้าง

                ตอนพักกลางวัน ผมเก็บยัดใส่ใต้โต๊ะแทบไม่ทัน ไม่อยากให้เขาเสียหน้าว่าผมกับเขามีพวงกุญแจแบบเดียวกันสองตัว

                ลู่หานถูกเพื่อนผู้ชายร่วมห้องเป็นโขยงมาชวนไปกินข้าว ส่วนเพื่อนผู้หญิงก็หลั่นล้าออกจากห้องกันไป บางคนก็เดินมาหาผม ยิ้มให้ผม ถามว่าวันนี้ผมเป็นยังไงบ้างก่อนออกไปกินข้าวกับเพื่อนด้วย และท้ายที่สุด ผมก็ต้องอยู่คนเดียวอยู่ดี . .

                ผมเอาหน้าฟุบลงกับโต๊ะ . . เหตุผลเดียวที่ผมมาเรียนคือลู่หาน และเขาก็ออกไปกินข้าวกับคนอื่นซะแล้ว เฮ้อออออออออออ

                ว่าแต่ของที่แฟนคลับให้มามีอะไรกินมั่ง . . ผมควานหาของที่กองรวมกันอยู่ข้างๆ ส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้าแบรนด์เนม เครื่องประดับ ไม่ค่อยมีขนมหรือของกินเลย

                อ้อ มีอยู่ถุงหนึ่งท่าทางอร่อยน่ากิน เป็นขนมอัดกระป๋องท่าทางน่ากิน ผมหยิบขึ้นมาทานเงียบๆ . . ดูเหมือนแฟนคลับคนนี้จะเอาใส่ใจเป็นอย่างดี เธอให้น้ำชาเขียวผมมาทานด้วย โห ของดีขึ้นชื่อจังหวัดอะไรเนี่ย . .     ผมทานไปได้สักพัก . . ผมก็รู้สึกถึงอาการปวดท้องขั้นรุนแรง จู่ๆมันก็พุ่งขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ และมันรุนแรงเสียจนผมล้มลงไปกองกับพื้นห้อง

                อะไรกัน . . ทำไมมันปวดแบบนี้    

                ผมคลานไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋า แต่ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้าง ผมปวดมาก ผมปวดเอามากๆ และผมก็รู้สึกคลื่นไส้ด้วย

                นัยน์ตาของผมปรือและกำลังจะปิด . . เป็นจังหวะเดียวกันกับที่มีคนวิ่งมาช่วยผมพอดี

                ผมไม่รู้ว่าเป็นใคร เมื่อผมตื่นแล้ว ผมจะไปขอบคุณเขาทีหลังละกัน . .

     

     

     

     

                “อา ให้ตายสิ ๆ ๆ”

                ผมลืมตาตื่นขึ้นมา และก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

                “โอ เซฮุนน่า นายฟื้นแล้ว” พี่แจซอกกอดผมทันทีและก็ร้องไห้น้ำตานองหน้า “ฉันเป็นห่วงแทบแย่”

                “พี่แจซอก” ผมรำพึงเสียงเหนื่อยอ่อน “ผมเป็นอะไรไปเหรอ”

                “ฮึก ฮืออออ ของที่นายรับจากแฟนคลับ มันผสมสารตะกั่ว นายกินตะกั่วเข้าไปนะโอเซฮุน”

                “หา!!!” ช็อค O_O

                “นายรับของจากแอนตี้แฟน”

                “ผม . . ผม . . ผม . .” ผมพูดไม่ออกบอกไม่ถูกไปแล้ว

                “เอาเถอะ พักผ่อนก่อนเถอะนะ ต้นสังกัดกำลังจะตามเอาเรื่องคนที่ทำแบบนี้กับนาย ไม่ต้องเป็นห่วง”

                ผมมองไปที่นาฬิกา ตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงเย็นเข้าให้แล้ว . .

                “ผมไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ย”

                “หมอที่นี่เขาเก่ง ไม่ต้องเป็นห่วง”

                “ใครช่วยผมไว้”

                “ผู้จัดการของนาย” พี่แจซอกเช็ดน้ำตา

                “ไม่จริง พี่นอนรอผมอยู่นอกรั้วโรงเรียน”

                “พี่แจซอกครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลังพี่แจซอก ลู่หาน . . “ร้านของโรงพยาบาลไม่มีกาแฟแบบที่พี่ชอบอ่ะครับ”

                “ลู่หาน!” ผมร้องอย่างตกใจ

                “เขาจะเป็นผู้จัดการนายนับต่อจากนี้ไป . .

                ช็อคซะยิ่งกว่ามีตะกั่วอยู่ในท้อง . .

                “ได้ไง”

                “ไม่รู้สิ เขามาสมัครเองกับฉันด้วย” พี่แจซอกยักไหล่และแอบขยิบตาให้ผม

                “หา”

                “นายพักผ่อนเถอะ และเดี๋ยวค่อยคุยกันตอนที่นายตื่น” ลู่หานพูดกับผมอย่างจริงจัง และก็นั่งลงที่โซฟาด้วยใบหน้าถมึงทึง

                ไม่มีแผนเรื่องการเป็นพรีเซ็นเตอร์ร้านบะหมี่

              ไม่ต้องมีการหว่านล้อมคุณคิมมี่ให้ยกเด็กเสิร์ฟมาเป็นผู้จัดการของผม

              ไม่ต้องทำอะไรเลย . . จู่ๆเขาก็มาเป็นให้ซะงั้น

              ใครจะไปพักผ่อนลง . .

                “ผมจะกลับบ้าน” ผมรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ของแบบนี้จะต้องเตรียมตัว ไม่ใช่มาแบบไม่ทันตั้งตัวแบบนี้

                “ไม่ได้ เซฮุน หมอบอกให้นายพักผ่อนสักวันสองวัน” พี่แจซอกรีบห้ามปราม

                “ผมไม่เป็นไร”

                “หมอบอกให้นายดื่มน้ำมากๆ” ลู่หานตัดบทผมกับพี่แจซอก ยื่นแก้วน้ำมาให้ตรงหน้าผมเลย “ดื่มซะ และก็นอน”

                ผมเถียงไม่ออก อันที่จริงไม่กล้าเถียงมากกว่า ได้แต่พยักหน้าและก็ดื่มน้ำตามที่เขาบอก

                พี่แจซอกกอดอกอย่างผู้กุมชัยชนะ เดินฮัมเพลงออกจากห้องไป

                ทิ้งให้ผมอยู่กับผู้จัดการคนใหม่ หรือถ้าจะเรียกให้ถูกก็คือผู้ช่วยผู้จัดการกันสองคน . .

                “ทำไมนายถึง . .” ผมอดที่จะถามไม่ได้

                “ไม่ต้องพูดมาก”

                “

                “นายเหมือนเด็ก ดูแลตัวเองไม่ค่อยได้ ฉันรำคาญ”

                O_O

                “กินเข้าไป”

                “เอ่อ . . อืม” ถ้าเป็นตอนที่ผมไม่งง ผมคงจะเล่นตัวให้มากกว่านี้เพื่อแกล้งลู่หานแต่วันนี้ผมทั้งงงทั้งตกใจ เพลีย และก็ดีใจไปในคราวเดียวกัน

                เขากลายเป็นผู้จัดการของผมแล้ว . .

     

     

     

     

                ทีนี้ . . คงไม่มีอะไรยากใช่มั้ยสำหรับการพิชิตหัวใจของเขา 

    :) Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×