ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I'm not Playboy ผมไม่ได้เจ้าชู้ [END] [Rewrite]

    ลำดับตอนที่ #4 : เรื่องของฝันร้าย [Rewrite]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 16.02K
      694
      25 ส.ค. 64


    "อื้ออ.ออ.อ..อ....."

    เจ็บ....เจ็บไปทั่วทั้งร่าง

    นั่นคือความรู้สึกที่จำได้ไม่มีวันลืม

    "พี่ขัน...." เสียงแหบพร่าเอ่ยเรียกคนที่อยู่ด้วยเมื่อคืนแต่ก็พบแต่ความว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่ในห้องนี้นอกจากตัวเขาคนเดียว

    มือเรียวชันแขนขึ้นมานั่งด้วยความยากลำบากเพราะอาการปวดรุนแรงแถวช่วงสะโพก ดวงตากลมไล่มองไปรอบๆ ทั่วห้องที่ว่างเปล่า บนเตียงสีขาวทิ้งไว้แค่รอยยับยู่ยี่เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน บนพื้นเตียงข้างๆ เย็นเฉียบบ่งบอกว่าคนที่นอนข้างกันมาทั้งคืนลุกออกไปสักพักแล้ว

    แต่กลิ่นหอมๆ ของเขายังคงติดอยู่

    'การที่ตื่นมาแล้วไม่เจอใคร มันโคตรเคว้ง ไม่ชอบที่กลิ่นคุณยังอยู่แต่ตัวคุณไม่อยู่แบบนี้เลย.....ไม่ชอบจริงๆ '

    ตัวเขาหายไปแล้ว....ทิ้งไว้แค่ความเจ็บปวดที่สาหัส และความรู้สึกที่พังยับเยิน

    "พี่ขัน....ฮึก...."

    .

    .

    .

    "เฮือกกก...ก...." ผมลืมตาขึ้นท่ามกลางความมืดพร้อมกับยกมือขึ้นมากุมหน้าอกเพราะอาการหัวใจเต็นเร็วผิดปกติ

    ฝันถึงวันนั้นอีกแล้ว

    "แฮ่กก.ก....ใจเย็นหมี....ใจเย็นๆ " ผมบอกตัวเองพร้อมกับค่อยๆ ผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆ เย็นไว้หมี ถ้าลนลานมากกว่านี้จะเป็นแพนิคเอานะ

    คลัมดาวน์

    ผมนอนผ่อนลมหายใจอยู่แบบนั้นสักพักก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่งนิ่งๆ แม่งเป็นฝันร้ายที่ร้ายจริงๆ เมื่อคืนก่อนผมยังไม่ได้เห็นเหตุการณ์เต็มขนาดนี้เพราะสะดุ้งตื่นก่อน แต่วันนี้มาซะชัดเลย ชัดทั้งภาพ ชัดทั้งความรู้สึก ผมเลื่อนมือไปหยิบโทรศัพท์มากดดูก็เห็นว่าเป็นเวลาตี 1 กว่าๆ โอ่ย ตื่นตอนนี้แล้วจะยังไงเนี่ยะหมี

    แย่ชะมัด

    ตอนนี้ผมอยู่ที่หอครับ ถ้าอยู่ที่คอนโดฯ พี่เสือแล้วตื่นมากลางดึกแบบนี้ผมคงไปนอนกับเขาแล้วล่ะ แต่จะว่าไปวันนี้คงไม่ได้เพราะพี่เสือไม่อยู่ เอายังไงดีวะเนี่ยะหมี พี่กล้วยเองก็บอกไว้ว่าไปหาพี่พล คงไม่สะดวกแน่ถ้าโผล่ไปขัดจังหวะ จะอยู่คนเดียวก็คงจะไม่ได้นอนอีกแน่ๆ คิดแล้วปวดประสาทจริงๆ เลย

    ไม่น่าฝันร้ายเลยให้ตายสิ

    ผมไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่ฝันร้ายนี้มันจะหายไปสักที ย้อนกลับไปนึกถึงทีไรมันก็ให้หลายความรู้สึกอยู่นะ มันทั้งมีความสุขและมันก็เจ็บปวดไปพร้อมๆ กัน เหตุการณ์นั้นมันเกิดขึ้นในคืนวันฉลองงานปัจฉิมฯ ครับ พี่ขันจบม.6 และก็มีการจัดงานกินเลี้ยงกัน เขาเป็นคนชวนผมไปเอง แต่เจ้าตัวโดนเพื่อนมอมเหล้าจนเมา เป็นผมที่อาสาพาเขาขึ้นไปพักบนห้องแต่เรื่องมันกลับเลยเถิดไป

    ผมกับพี่ขันเรามีอะไรกันในคืนนั้น

    มันเป็นครั้งแรกของผม

    มันเจ็บนะ มันเจ็บมาก เหมือนร่างจะแตก พี่เขาเมามันเลยควบคุมแรงตัวเองไม่ได้ ตอนนั้นผมไม่ได้รู้สึกเสียใจเลยที่เขาทำแบบนั้น มันเป็นเพราะว่าผมรักเขาไง และเขาเองก็บอกว่ารักผมเหมือนกัน ผมคิดว่าตื่นมาตอนเช้าเราจะได้เป็นเหมือนกับคู่รักคนอื่นๆ แต่มันกลับไม่ใช่แบบที่ผมคิด

    พี่ขันเขาหายไป

    เหลือแค่ผมที่อยู่บนเตียงคนเดียว

    เขาหายไป หายไปเลยครับ ผมไม่รู้ว่าเขาไปไหนด้วย มันเป็นช่วงเวลาที่ติดต่อเขาไม่ได้ ไม่ได้หลายปี ผมเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก มันตัดใจไม่ได้เพราะรักเขามากเกิน ผมเปลี่ยนไปเยอะเลยนะช่วงที่พี่ขันหายไปไหนไม่รู้น่ะ ทั้งรูปร่างทั้งหน้าตา ผมสูงขึ้นตั้ง 20 กว่าเซ็นฯ เพราะเล่นกีฬา เลิกใส่แว่นเพราะทำเลสิกตา ไหนจะถอดเหล็กดัดฟันตอนเข้ามหา'ลัย สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปคงจะเป็น....

    เสียง รอยสัก และก็สีผิว

    แต่แค่สามอย่างนี้เขาก็จำผมไม่ได้ว่ะ

    ครั้งแรกที่ได้เจอพี่ขันที่มหา'ลัยนี้อีกครั้งยอมรับว่าดีใจมาก คิดว่าเขาต้องจำผมได้แน่ๆ แต่ก็ไม่เลยสักนิด ตอนนั้นผมคิดด้วยนะว่าที่เขาเคยบอกว่ารักผม เขารักจริงรึเปล่า ปากบอกว่ารักแต่ก็ลืมคนที่ตัวเองรัก บางทีเวลาที่มันผ่านไปหลายปีเขาคงลืมผมไปแล้วก็ได้ ซึ่งต่างกับผมที่ไม่เคยลืมเขาเลย

    สักวินาทีเดียว

    "คิดแล้วปวดใจชิบ....บ้าจริงๆ "

    ครืดดด....ครืดดด

    ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย "ฮัลโหล....ว่าไงพี่จ๊อบ"

    (ยังไม่นอนอีกเหรอวะ เป็นไร เจ็บหลังเหรอ)

    "เปล่าหรอกพี่ นอนไปแล้วแต่ฝันร้ายว่ะ"

    (อีกแล้วเหรอ)

    "อืม....ปวดใจสัสๆ "

    (แย่เลยสิมึง ออกมาหากูไหมล่ะ เดี๋ยวพาออกไปกินลมชมวิว)

    "เลี้ยงไอติมด้วยได้ไหม"

    (เพื่อมึง....มันก็ได้เสมอไหมวะ จะขับรถมาเองหรือจะให้กูไปรับ)

    "เดี๋ยวขับรถไปหา"

    (โอเค ขับรถดีดีล่ะ ไม่ใช่ไปจูบเสาไฟฟ้า)

    "รู้แล้วน่า แค่นี้แหละ เดี๋ยวเจอกันครับ" ผมกดวางสายก่อนจะลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วหยิบกุญแจรถเดินออกไปจากห้อง

    บรรยากาศตอนนี้ก็เงียบเป็นปกติเหมือนอย่างกับทุกวัน ไม่ปกติก็คงจะมีแต่ผมนี่แหละ เด๋อตื่นมาทำไมตอนนี้ก็ไม่รู้ เฮ้อ สงสัยต้องพึ่งยานอนหลับจริงๆ แล้วแหละ จะได้หลับสนิท ตอนที่ไปพบจิตแพทย์ผมรักษาได้ยามา มันเป็นยาที่ต้องกินทุกวันในปริมาณแค่ 10 มิลลิกรัมในช่วงแรก ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มปริมาณขึ้น

    แต่ผมกินไป 3 วันแรกและก็หยุด

    คนมันลืมนี่หว่า

    ยาตัวนี้จะออกฤทธิ์ช้าครับมันถึงต้องกินต่อเนื่อง อย่างน้อยก็ 2-3 สัปดาห์ที่อาการแพนิคจะค่อยๆ ห่างและเบาลง ยานี่ช่วยป้องกันอาการแพนิคที่จะเกิดขึ้นได้อีกด้วย แต่ว่าผมไม่ได้กินตามที่หมอสั่ง มันก็เลยยังมีอาการอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ถี่ยิบนะ ผมก็ทนกับการเป็นแพนิคได้แหละ ผมเข้าใจไงว่าเดี๋ยวมันก็หาย สำหรับผมสิ่งที่น่าเบื่อสุดคือไอ้อาการฝันร้ายและนอนไม่หลับต่างหาก

    หมอน่าจะมียาแก้ฝันร้ายเนอะ

    นี่จะกินทุกวันเลย

    ผมเดินมาขึ้นรถก่อนจะคาดเบลท์แล้วขับออกมาทันที รู้สึกหลังตึงๆ อยู่ไม่น้อยเลยครับ เมื่อเย็นผมไปให้พี่จ๊อบเก็บงานรอยสักมาให้ รอบนี้คงจะเสร็จสมบูรณ์แล้วล่ะ เดี๋ยวจะต้องเอาไปอวดพี่เสือว่าสักเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าตัวจะต้องปลื้มปริ่มมากแน่ๆ ความจริงรอยสักรูปกุหลาบเนี่ยะมันเป็นภาพเดียวกับที่พี่เสือเคยสักแต่ว่าเขาลบออกไปแล้ว

    เพราะว่าคิดที่จะเรียนหมอ

    ตอนแรกพี่เสือเขาจะเรียนเกษตรฯ ครับ แต่ก็เปลี่ยนใจมาเรียนหมอแทน พอเป็นแบบนั้นก็เลยต้องไปลบรอยสักที่ตัวเองรักมากๆ ออก รอยแผลเป็นจากการลบรอยสักมันยังติดอยู่ที่หลังเขาจางๆ ผมมารู้เมื่อก่อนเข้ามหา'ลัยว่าที่พี่เสือเรียนหมอก็เป็นเพราะผม นั่นคือเหตุผลของเขา เป็นเพราะแบบนี้แหละผมถึงตัดสินใจสักรูปกุหลาบของพี่เสือไว้ที่หลังตัวเอง

    เพื่อแทนรอยสักที่เขาต้องเสียมันไป

    ใครอาจจะไม่ค่อยเข้าใจก็ไม่เป็นไร....เพราะตัวผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่

    "อะไรของมึงวะหมี" ผมส่ายหัวตั้งสติสองสามทีก่อนจะเลี้ยวรถเข้ามาจอดหน้าหอพี่จ๊อบ เห็นร่างสูงของใครบางคนนั่งสูบบุหรี่รออยู่ด้วย

    คิดว่าเท่มากเหรอ

    "ช้าว่ะ" เจ้าตัวทิ้งก้นบุหรี่ก่อนจะเดินมาที่รถผม "เดี๋ยวกูขับเอง"

    "ได้เบย" ผมปีนข้ามมานั่งเบาะข้างคนขับแทน

    พี่จ๊อบเดินขึ้นมาก่อนจะคาดเบลท์ "อยากไปไหนเป็นพิเศษรึเปล่า"

    "ไม่อะ แต่ไอติมนี่ ยังไงก็ต้องได้กินนะ"

    "เออได้แดกอยู่แล้วน่า นี่ก็ห่วงแต่ไอติม"

    "ทำไมพี่ถึงขี้บ่นจังวะ เพราะงี้ไงถึงไม่มีเมียสักที" ผมบ่นอุบอิบ เนี่ยะ ถ้ามันลดความปากร้ายลงไปสักหน่อยนะมันมีเมียเป็นสิบละ

    ฉายาจ๊อบเมียสิบต้องมาอะบอกเลย

    "มึงมาเป็นเมียกูไหมละ" คนข้างๆ เหลือบมองผม "เลี้ยงดูอย่างดีนะ"

    ผมส่ายหัวรัวๆ "ไม่เอาง่ะ ได้เป็นเมียพี่นี่ฝันร้ายชัดๆ "

    "หึ....เป็นเมียกูคงไม่ฝันร้ายเท่ากับเป็นเมียไอ้ขันหรอกมั้ง"

    จุก

    จุกเลย

    "พูดอะไรของพี่วะ ขับรถไปเลย" ผมทำหน้ามุ่ยใส่ มันก็หัวเราะชอบใจที่ทำให้ผมทำหน้าแบบนี้ได้

    พี่จ๊อบแม่ง....พูดอะไรเสียดแทงใจชิบ

    ผมเปิดเก๊ะก่อนจะหยิบลูกอมมาแกะกิน มือก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเพลง ผมเป็นคนที่ฟังเพลงหลายแนว หลายภาษา หลายชาติมากเลยนะ บางทีก็ฟังไม่รู้เรื่องหรอก แต่สำหรับเพลงบางเพลงเนี่ยะ ท่วงทำนองมันก็บอกความหมายของมันอยู่นะ ช่วงที่เศร้ามากๆ ผมไม่ค่อยฟังเพลงไทยเลยครับเพราะตัวเองรู้ความหมายแบบแจ่มชัดไง

    กลัวมันจะหม่นไปมากกว่าเดิม

    ตอนนี้เพลงที่ผมฟังเป็นเพลงของศิลปินเกาหลีที่ชอบครับ ชอบในระดับที่มีโปสเตอร์แปะอยู่บนหัวเตียง ข้างๆ รูปของพี่ขันเลย ผมคิดไว้ว่ามันจะต้องมีสักวันที่ผมได้เห็นพวกเขาตัวเป็นๆ

    มันต้องมีสักวันสิน่า

    วันที่ได้เจอฮยองวอนน่ะ

    "มึงร้องเพลงนี้ได้ไหม"

    "ร้องได้นิดหน่อย ก็ได้แหละ ท่อนฮุก"

    "ร้องให้ฟังหน่อย"

    ผมหันมองพี่จ๊อบทันที "อารมณ์ไหนเนี่ยะ"

    "ก็แค่อยากฟังมึงร้องเพลง"

    "อืม....อูรี เอกิล เซโร ซอ From Zero นี โมดึน กอล ดาชี อัลโก ชิพพอ

    มานี ฮิมดึลทา เฮโด From Zero นอรึล เน พูเม ทาชี อันโก ชิพพอ

    From Zero From Zero ชีกเยล ชีกึม ดาชี กอกูโร ดลรีโก อิทซอ...​"

    "ชออึม ชอรอม"

    ผมหรี่ตามองพี่มันทันที "พี่ร้องได้หนิ"

    "ก็ทันแค่ท่อนนั้นแหละวะ"

    "ฟังเกาหลีด้วยเหรอ"

    "กูไม่เคยบอกมึงหนิว่าฟังแค่เพลงไทย"

    เออก็ใช่

    "ก็ไม่คิดว่าจะฟังวงนี้นี่หว่า"

    "ก็มึงชอบเปิดกรอกหูให้ฟัง ไม่ใช่แค่กูนะ มึงลองไปให้ไอ้กล้วยร้องสิ เมื่อเย็นยังอินท้ามมมมมมมมมมมใส่กูอยู่เลย"

    "ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ เอาหน่าๆ เพลงมันเพราะออก" ผมแกะลูกอมเม็ดใหม่ใส่ปาก ก่อนจะแกะอีกเม็ดแล้วเอาไปใส่ปากให้พี่จ๊อบด้วย

    ผมนั่งมองมันนิ่งๆ สมัยมัธยมฯ มันก็หล่อมากแล้วนะครับ พอขึ้นมหา'ลัยก็ยิ่งดูดีเข้าไปใหญ่ วาดรูปก็เก่ง แถมยังเป็นช่างสักที่ฮอตมาก อายุก็กำลังน่ากิน แบบว่าเป็นขวัญใจแม่ยกงี้ เป็นตัวท็อปของสินกำ โสดด้วย เห็นสติเฟื่อนๆ แต่ก็เป็นคนที่คอยดูแลและเทคแคร์ผมดีมากเลยนะ เรียกว่ารองจากพี่เสือเลยก็ว่าได้

    เกิดเป็นหมีนี่มีแต่หนุ่มฮอตรายล้อม

    น่าอิจฉาซะจริง

    เอาจริงๆ กว่าผมจะมาเป็นผมในวันนี้ได้ก็เพราะมีมันคอยช่วยหลายอย่างเลยนะ เป็นคนที่นำผมออกกำลังกาย ดูแลการกินโน่นนี่ให้ เป็นคนพาไปทำเลสิกด้วย ตอนถอดเหล็กมันก็เป็นคนพาไป ขนาดคนที่มาพาผมออกไปจากห้องที่มีอะไรกับพี่ขันครั้งนั้นก็คือมันนี่แหละ

    แม่ง....หนึบหนับในใจอีกแล้ว

    ฮุกกก.ก.ก....ร้องไห้แป๊บ

    "ไอ้ท่าปาดน้ำตาของมึงนี่ยังไม่เลิกใช้อีกเหรอ"

    "ไม่เลิก มันชินไปแล้วด้วย เพราะงั้นพี่ก็เลิกถามได้ละ"

    มันหลุดขำออกมาก่อนจะเลื่อนมือมาบีบแก้มผม "ก็ดี ที่มันเป็นการแสร้งปาดน้ำตาปลอมๆ "

    "แน่สิพี่ นี่หมีคนแกร่งนะ ไม่ได้เสียน้ำตาได้ง่ายๆ นะครับบอกเลย"

    "หึ....ก็ดีแล้ว" ดวงตาคมเหลือบมองผม "กูไม่อยากเห็นน้ำตาของมึงอีก ถ้าเห็น กูก็ไม่อยากจะเห็นเพราะว่ามึงถูกใครทำร้าย หรือว่าใครทำให้มึงเสียใจ ครั้งแรกกูยอมปล่อยไปเพราะมึงขอไว้ แต่ถ้ามีอีก กูจะไม่ปล่อย....ทั้งมัน และก็มึง"

    "รู้แล้วครับ อย่าทำหน้าจริงจังแบบนี้สิพี่จ๊อบ"

    "ก็กูจริงจังในสิ่งที่พูด....มึงน่ะหัดรู้ซะบ้างว่าทุกอย่างที่กูทำ คือกูจริงจังจริงๆ "

    ผมพยักหน้ารับเบาๆ "ครับผม....จริงจังครับ"

    "เออ หัดรู้ซะบ้าง ไอ้หมีโง่"

    "อย่าว่าน้องงงง"

    "น้องงงงงงงงงงง....กูไม่ได้อยากเป็นพี่มึงเลยสักนิด"

    ห้ะ....

    พูดอะไรวะ

    "เวลาพูดก็อ้าปากกว้างๆ สิวะพี่จ๊อบ ใครจะไปได้ยิน"

    "ก็ไม่ได้อยากให้ได้ยินกูถึงพูดแบบนี้ไงไอ้ฟาย เงียบปากไปเลยมึงอะ"

    เอ้า

    หน่องหมีผิดอัลไรเนี่ยยยย

    ผมนั่งเม้มปากเป็นเส้นตรงพร้อมกับทำแก้มป่องใส่มัน หน้านี้ได้มาจากสติ๊กเกอร์ไลน์ครับ มันน่ารักดี ผมเลยเอามาทำตาม แต่ไม่รู้ว่าคนที่ได้เห็นจะรู้สึกว่ามันน่ารักไหม

    แต่ผมคิดว่าตัวเองน่ารักนะ

    ไม่เหรอ

    ฮุกก.ก.ก.....

    หลังจากที่ผมนั่งดราม่ากับตัวเองเสร็จ รถของพี่จ๊อบก็มาจอดอยู่หน้าร้านติมมืดครับ ที่ชื่อแบบนี้ก็เพราะว่าเปิดตอนกลางคืนไง เปิดตี 1 ปิดตี 4 ร้านนี้ถือว่ายอดฮิตสำหรับสายดึกที่ไม่หลับไปนอนมากเลยนะ ไอติมที่นี่ก็อร่อยอยู่แต่ว่าสู้ร้านของพี่ถิ่นไทไม่ได้ อันนี้มันเป็นความรู้สึกของผมคนเดียวนะ เอาจริงๆ เวลาที่ไปกินที่ร้านพี่ถิ่นไทเขาชอบแถมให้น่ะ

    นี่เลยเหตุผลที่แท้ทรู

    ผมลงจากรถก่อนจะมานั่งเด๋ออยู่ที่โต๊ะประจำ ในร้านก็มีคนเยอะอยู่นะ ตอนเดินเข้ามานี่ก็ทักเพื่อนที่เรียนอยู่เกษตรฯ ไปเรียบร้อย แม่ง ดึกขนาดนี้ยังจะเจอคนรู้จักอีก นี่ดีนะว่ามาร้านไอติม ถ้าไปร้านเหล้านี่น่าจะรู้จักทั้งร้าน

    เกิดเป็นหมีนี่ลำบากจริงๆ เลย

    "มึงจะกินอะไร"

    "เอาเหมือนเดิม"

    "สตรอว์เบอร์รีเหรอ"

    ผมพยักหน้ารับเบาๆ "เพิ่มเชอร์รี่ด้วยนะ"

    "กูไม่เข้าใจมึงเลยหมี ไม่ชอบสตรอว์เบอร์รีแต่ก็กิน"

    "ก็มันเป็นสีแดง"

    "ไอติมมันเป็นสีชมพูไหมล่ะ"

    "เออน่า ปะป๊าสอนมาว่าห้ามเลือกกินนะ ถ้าบนโลกนี้มีแต่สตรอว์เบอร์รีหมีก็ต้องกินไหม"

    ใบหน้าคมเลื่อนเข้ามาใกล้ "แต่มึงก็ต้องเข้าใจนะว่าตอนนี้บนโลกไม่ได้มีแค่สตรอว์เบอร์รี"

    "เออน่า รีบไปสั่งได้แล้ว อยากกินแล้วเนี่ย"

    "เออ เด็กเปรต"

    เด็กเปรตมันไอ้เชต่างหาก

    ผมแลบลิ้นใส่พี่จ๊อบไล่หลังตอนที่มันเอาออเดอร์ไปปักไว้ที่เคาน์เตอร์ น่าหมั่นไส้จริงๆ เลย ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นเพื่อฆ่าเวลา ส่องพี่ขันดีกว่า เผื่อตอนนี้จะมีความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง พอคิดได้แบบนั้นผมก็เข้าไปดูในไอจีของเจ้าตัว เห็นโพสล่าสุดคือรูปโคมไฟในห้องเขานั่นแหละ ภาพนี้เพิ่งโพสได้ไม่ถึงชั่วโมง

    ยังไม่นอนอีกเหรอวะ

    ตอนนี้เกือบตี 2 แล้วนะ ปกติแล้วพี่ขันไม่น่าจะนอนดึกขนาดนี้ ที่ผมรู้ก็เป็นเพราะว่าพี่แช่มเป็นคนบอกครับ พี่แช่มเนี่ยะเปรียบเป็นสายลับที่คอยส่งข่าวเกี่ยวกับพี่ขันให้ผมอยู่ตลอด เรื่องลับๆ บางอย่างผมถึงได้รู้ไง จะว่าไปก็เหมือนพวกโรคจิตเหมือนกันนะ แต่ช่างแม่ง

    คนมันอยากรู้จริงๆ นี่หว่า

    "อะหมี ของมึง" มือเรียววางถ้วยไอติมของผมไว้ตรงหน้า

    "ทำไมได้ไวจังเลยวะพี่"

    "พนักงานเขาเห็นว่ากูหล่อ เขาเลยรีบทำให้"

    ผมเบ้ปากใส่ทันที "หลงตัวเองป้ะเนี่ยะ ถ้าอย่างพี่หล่อนะ หน้าอย่างหมีนี่ก็มหาหล่ออะ"

    "เลอะเทอะจริงๆ เลยมึงน่ะ แดกๆ ไป"

    "แบร่บๆ ๆ ๆ ๆ " แลบลิ้นใส่แม่ง

    "กวนส้นตีน"

    "ไม่คุยด้วยละ กินติมดีกว่า" ว่าแล้วผมก็ตักไอติมขึ้นมากิน อื้ออออ.อ....หืออ.อ.อ.อ.....

    โคตรไม่ชอบรสชาติ

    ทรมานใจจริงๆ นั่นแหละ

    "ทำหน้าทำตา ไงล่ะ อยากแดกดีนัก"

    "นี่ทำหน้าอร่อยอยู่นะ อย่ามารู้มาก" ผมตักไอติมใส่ปากอีกคำ "จะกินให้หมดเกลี้ยงเลย"

    "เออ ให้มันเกลี้ยงเถอะ ละก็แดกเลอะเทอะจริงๆ มึงไม่ได้เด็กแล้วนะไอ้หมี" พี่จ๊อบบ่นก่อนจะหยิบทิชชู่ขึ้นมาเช็ดปากให้ แค่ไอติมเลอะเองป้ะวะ ไม่เห็นต้องบ่นเลย

    "ขี้บ่นจริง"

    "เดี๋ยวมึงจะโดนทุบ"

    "แบร่บๆ ๆ ๆ ๆ "

    "สัสหมี"

     

    [บันทึกพิเศษ : ขัน]

     

    น่าหงุดหงิด

    น่าหงุดหงิดมากๆ ด้วย

    หึ้ยยยย..ย.ย.....

    ผมตักไอติมเข้าปากพลางข่มอารมณ์ฉุนเฉียวอยู่ในใจ วันนี้เป็นวันที่ผมรู้สึกเฟลมากเลยนะ เฟลตั้งแต่เล่นเกมพระราชาแพ้ซ้ำซาก เฟลเพราะฝันร้ายจนต้องตื่นมากลางดึก แถมยังต้องมาเฟลที่เห็นคนที่ตัวเองไม่ชอบหน้าโผล่มาพร้อมกับผู้ชายคนไหนก็ไม่รู้ในสต๊อก

    สวีทกันจนน่าหมั่นไส้มากด้วย

    จิ๊....อยากหงุดหงิด

    ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ไอ้แช่มมันจะคุยกับไอ้หอมเสร็จ แม่งปล่อยให้ผมนั่งกินไอติมอยู่คนเดียวเนี่ยะ แล้วก็จังหวะเหมาะดีซะจริงนะ ไอ้หมีมาพร้อมกับผู้มันวันนี้พอดีเลย วันอื่นก็ไม่มา ทำไมผมต้องมาเห็นอะไรแบบนี้ด้วย ไม่เข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้นเลยอะ มันทั้งหมั่นไส้ มันทั้งหงุดหงิด ไม่ชอบใจด้วย

    แช่งให้สำลักไอติมดีไหมวะ

    ไม่ได้สิขัน....แม่สอนว่าการแช่งคนอื่นเป็นบาป

    "น่าหงุดหงิดจริงๆ นั่นแหละวะ" ผมตักไอติมรสสตรอว์เบอร์รีของโปรดใส่เข้าปาก แต่ความหวานกับความเย็นมันก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นมากกว่าเดิมสักเท่าไหร่

    ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่ชอบผมถึงต้องมากับคนอื่น มันไม่ได้จริงจังกับสิ่งที่ตัวเองพูดเหรอวะ หรือมันเห็นผมเป็นแค่หนึ่งในคนที่มันอยากให้ไปรวมอยู่ในสต๊อกของมันรึไง ปากบอกชอบแต่ก็มากับคนอื่น แถมยังมาตอนดึกๆ ดื่นๆ อีก ดีไม่ดี กินไอติมเสร็จก็อาจจะไปกินกันต่อก็ได้

    สัสเอ๊ย คิดแบบนี้แล้วหัวร้อนหนักกว่าเดิมอีก

    เด็กบ้านี่มันจะเกินไปละนะ

    ผมรู้สึกได้ถึงความไม่ปกติที่ตัวเองมี วันนี้ตอนเล่นเกมพระราชาผมโดนคำสั่งจากไอ้แช่มให้ซื้อเยลลี่ไปให้ไอ้หมี แต่ผมเลือกที่จะซื้อขนมอย่างอื่นปนกันไปเยอะๆ แล้วเอาไปให้ไอ้หนมพร้อมกับพูดว่าให้แบ่งเพื่อนๆ โอเค รอบแรกคือจบ แต่พอรอบที่สอง ไอ้แช่มมันสั่งแบบเดิม ผมก็บ่นว่าทำไมต้องซื้อแต่เยลลี่วะ มันก็ตอบกลับมาว่าเพราะไอ้หมีชอบ

    แม่งเพราะคำว่าชอบคำเดียวเลย

    รู้ตัวอีกทีก็กวาดเยลลี่ใส่ตะกร้าจนหมด

    คือว่าถ้าบนชั้นมันมีเยลลี่มากกว่านั้นผมก็คงซื้อมากกว่านั้น ขอเรียกอาการนี้ว่าสภาวะลืมตัวขั้นรุนแรง แต่ไม่เป็นไร ผมจะไม่ลืมตัวแบบนี้อีกแล้ว มันจะเป็นครั้งเดียวในชีวิตของขันคนนี้

    สัญญากับไอติมในถ้วยเลยอะ

    "รอนานไหมเพื่อนรัก"

    ผมหันมองตามเสียง "นานไอ้สัส คุยอะไรเป็นชั่วโมงเลยวะ"

    "ขนาดกูคุยกับน้องหอมเป็นชั่วโมงไอติมมึงยังไม่หมดเลยนะ"

    "ไม่หมดห่าไรล่ะ นี่ถ้วยที่ 3 ละ"

    "ไอ้สัสขัน แดกเยอะขนาดนี้เดี๋ยวก็ปวดท้องหรอก"

    "ปวดท้องก็ท้องกู อย่ามายุ่ง"

    ไอ้แช่มมันเลิกคิ้วมองผม "ทำไมถึงเกเรแบบนี้วะ ฉายาขันคนโฉดได้มาเพราะแบบนี้สินะ"

    "ฉายามันได้มาเพราะมึงเป็นคนตั้งไงไอ้สัสแช่ม" ผมโวยใส่มัน ใจจริงอยากจะกระทืบแม่งด้วยซ้ำ เก่งจริงเรื่องตั้งโน่นตั้งนี่ให้เนี่ยะ

    "อย่าว่าเพื่อนสิ ว่าแต่มึงโอเคขึ้นไหม"

    ผมส่ายหัวช้าๆ "ไม่ว่ะ หงุดหงิดอะไรก็ไม่รู้"

    "งืม....งั้นนั่งแดกไป โอเคเมื่อไหร่จะได้กลับ กูง่วง"

    "หลับรอไป เดี๋ยวกูปลุก"

    "ไม่" ไอ้แช่มสวนกลับทันทีพร้อมกับส่งสายตาดุๆ มาให้ "เดี๋ยวมึงก็ทิ้งกูไว้เหมือนกับที่เคยทำอีกอะ"

    "เนี่ยะ คนจมอยู่กับอดีต"

    "จ้าาาา ไอ้คนไม่จมอยู่กับอดีต อยากให้กูด่าแรงกว่านี้ไหมครับเกลอ"

    "หุบปากไปเลยมึง" ขืนพูดมากนี่ตบให้หัวจุ่มไอติมจริงๆ ด้วย

    ผมตักไอติมเข้าปากพลางคิดถึงเรื่องฝันร้ายของตัวเอง มันเป็นฝันร้ายที่ผมต้องเผชิญมาตลอดหลายปี มันเป็นเรื่องของคืนวันปัจฉิมฯ ของผม วันนั้นมันเป็นวันที่ผมได้มีอะไรกับคนที่ตัวเองรัก ผมดื่มหนักมากในวันนั้นแต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีสติเลย ผมจำได้แทบทุกอย่าง ทุกสัมผัส ทุกความรู้สึกมันยังตราตรึงอยู่ในใจของผม

    คิดถึง

    เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน

    ใบหน้าใสๆ นั่นมันทำให้รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้มอง ยิ่งได้สัมผัสก็ยิ่งหลงรัก แต่ไม่เข้าใจเลยครับว่าทำไมเขาถึงได้หายไป ผมตื่นมาในห้องแล้วไม่เจอใครเลยสักคน มันเป็นเรื่องแย่ที่ตอนนั้นผมต้องย้ายบ้าน ตั้งแต่จบเรื่องคืนนั้นผมก็ไม่เคยเจอน้องแว่นของผมอีกเลย ล่วงเลยมาหลายปี เคยตั้งใจอยากจะลืมแต่มันทำไม่ได้

    ความรักที่มีมันฝังใจผมมากเกินไป

    เพราะแบบเนี้ยะผมถึงได้ฝันร้ายซ้ำๆ ซากๆ

    "แย่จริงๆ "

    "อะไรแย่วะ"

    "กูคุยกับขัน มึงคือขันเหรอ" ผมเบ้ปากใส่มัน "ไม่ใช่ขันก็เงียบ"

    "แหม่เพื่อนกู วันนี้อาการหนักนะมึง ป่ะ กลับไปนอนกันดีกว่า"

    "เออ นี่เงิน กูฝากด้วย รอหลังร้านนะ" ผมวางเงินให้มันก่อนจะรีบเดินออกมาทางหลังร้านโดยไม่ฟังเสียงเรียกอะไรทั้งนั้น

    เฮ้อ....

    วันนี้ช่างเป็นวันที่ฟุ้งซ่านจริงๆ

    ผมเดินออกมาเรื่อยๆ พลางเงยหน้ามองดาวบนฟ้า วันนี้ดาวสวยจริงๆ สวยเหมือนคืนวันปัจฉิมฯ เลย ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมจะนอนกอดน้องแว่นไว้แน่นๆ เขาจะได้ไม่หายไปจากผม

    ป่านนี้จะอยู่ที่ไหนในโลกนะ

    พลั่ก

    ผมเสียหลักล้มทันทีเมื่อได้ชนกับใครคนนึง จากแรงชนมันทำให้ผมล้มไปทับเขาไว้ แสงจากไฟหลังร้านมันทำให้ผมได้เห็นกับเจ้าของใบหน้าใสที่อยู่เบื้องล่าง

    ไอ้หมี

    "พะ....พี่ขัน....ซี๊ดด.ด...."

    "เอ่อ...." ผมรีบลุกขึ้นทันทีก่อนจะช่วยดึงมันขึ้นมาด้วย ก็นะ ผมทำมันล้มนี่หว่า

    "ขอบคุณครับ....โอ๊ย" คนตรงหน้าจับข้อมือตัวเองไว้แน่นพลางกัดปากเหมือนกับทนเจ็บอะไรสักอย่าง พอเป็นแบบนั้นผมจึงดึงมือเรียวนั่นมาดู

    รอยไหม้

    "เพราะโดนบุหรี่สินะ" ผมเปิดกระเป๋าสตางค์พร้อมกับหยิบพลาสเตอร์ยาออกมาแปะปิดแผลให้คนตรงหน้าเบาๆ "กู....ขอโทษนะที่ชนมึง"

    "ไม่เป็นไรครับ หมียืนไม่ระวังเอง"

    "ยังไงกูก็ผิดอยู่ดี แต่เนี่ยะ ถ้าในมือมึงไม่ถือบุหรี่ไว้มันก็ไม่โดนละ"

    ไอ้หมีมันทำหน้าจ๋อยไปทันที "ขอโทษครับ"

    "ช่างเถอะ มันก็ไม่ใช่ความผิดมึงหรอก" ผมปัดเศษหินที่ติดตรงปลายผมมันออกให้ "แต่ถ้าไม่สูบก็ดีนะ....อย่างน้อยก็ดีกับตัวมึง"

    "พี่ขัน...."

    ตึกตัก

    เชี่ยยยยอย่ามาแก้มแดงได้ไหมวะ

    ละมึงเป็นไรเนี่ยะขัน ทำมาเป็นหัวใจเต้นแรง

    ผมเบือนหน้าไปมองทางถนนแทน "ดึกแล้วก็....กลับหอไปนอนโน่น ไม่ต้องไปไหนแล้ว กูกลัวไอ้หนมมันเป็นห่วงมึงไม่ใช่อะไร"

    "ครับ เดี๋ยวหมีก็กลับไปนอนแล้ว"

    "เออ ไปได้แล้วไป"

    "ฝันดีนะครับพี่ขัน" ไอ้หมีบอกก่อนจะหมุนตัวพร้อมกับเดินไป

    "ฝันดี....." หลังจากที่ผมบอก ร่างโปร่งก็หยุดชะงักก่อนจะก้มหัวรับเบาๆ แล้วเดินไป เห็นแบบนี้แล้วก็รู้สึกว่ามัน....

    น่ารัก

    หืมมมม

    "หยุดเลยขันมึงหยุด เอาอีกแล้ว เป็นแบบนี้อีกแล้ว" ผมยกมือตบแก้มตัวเองเบาๆ ทั้งสองข้างเพื่อเรียกสติ แม่ง สภาวะลืมตัวมาอีกละ

    เพิ่งสัญญากับไอติมไปแท้ๆ

    โถ้วววว

    ผมทึ้งหัวตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เพื่อไล่ความคิดบ้าๆ บอๆ เมื่อกี๊ออกไป ก่อนหน้านี้ตอนที่เห็นไอ้หมีอยู่กับคนอื่นยังหงุดหงิดแทบเป็นบ้าอยู่เลย แต่พอมาเจอหน้าใสๆ กับสายตาแบบนั้นก็ดันใจอ่อนยวบยาบซะได้ แถมยังบอกให้มันรีบกลับหอไปนอนด้วย บอกฝันดีมันด้วย ซึ่งแม่งโคตรผิดปกติความเป็นผมเลยอะ แม่งไม่ได้การละ ผมต้องสั่งตัวเองไม่ให้ยุ่งกับมันไปมากกว่านี้

    มันเป็นคนที่มึงไม่ชอบไงขัน

    ไม่ชอบก็ไม่ต้องยุ่งไง

    แต่จะทำได้ไหมวะ

    "เป็นอะไรวะ จิกหัวตัวเองเล่นทำไม"

    "มึงไม่เข้าใจกูหรอกแช่ม"

    "ไม่มีใครเข้าใจมึงทั้งนั้นแหละไอ้ฟาย กลับหอได้แล้วกูง่วง!!!"

    "เออกลับ" อยากนอนเหมือนกันแหละวะ เผื่อไอ้อาการบ้าๆ นี่จะได้หายไปสักที

    ฝันดีนะครับพี่ขัน

    ถ้ากูไม่ฝันดีแบบที่มึงบอกล่ะน่าดู

    ไอ้เด็กบ้า

     

    [จบบันทึกพิเศษ : ขัน]




    TBC

    สวัสดีค้าบ ชัลมาส่งขันหมีเวอร์ชั่นรีปริ้นท์แล้วฮะ

    เดี๋ยวจะมาส่งอีกนะค้าบบบบ


    ติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaltreee หรือเพจ Fiction Yaoi Th

    #ผมไม่ได้เจ้าชู้ #ขันหมี

    ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านค้าบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×