ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I'm not Playboy ผมไม่ได้เจ้าชู้ [END] [Rewrite]

    ลำดับตอนที่ #3 : ลัคกี้เดย์ของคุณหมีคนดี [Rewrite]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 16.75K
      708
      25 ส.ค. 64

     

    เคยได้ยินคติที่บอกว่า....กินเหล้าได้แต่อย่าให้เหล้ากินเราไหมครับ

    วันนี้แม่งกินผมเต็มๆ

    โคตรมึน

    ผมนั่งเขียนชื่ออุปกรณ์ทำพร็อพที่ต้องไปซื้อ แต่ด้วยฤทธิ์เหล้าเมื่อวานมันทำให้สมองเบลอมาก เบลอในเบลอ นี่เขียนกระดาษซ้ำกันมาสามรอบละ ไอ้หนมนี่ถึงกับยืมค้อนไอ้เป้มาตีผมเลยอะ ทำไมต้องรุนแรงกับคุณหมีตลอดเลยวะ

    ฮุกก.ก.ก....

    ผมยกมือขึ้นทำเป็นปาดน้ำตาก่อนจะส่ายหัวตั้งสติและเขียนชื่อของต่อ ตอนนี้เหล่าแก๊งค์ท่านประธานมาสุมหัวกันอยู่ที่ม้านั่งหน้าตึกครับ พวกเพื่อนๆ ผมไปซื้อของกินกัน เหลือแค่ผมที่นั่งอยู่ตรงนี้คนเดียว ตอนนี้ก็เกือบบ่าย 2 แล้ว เด็กนี่เดินกันให้ว่อนเต็มหน้าตึกเลย นี่แหละเป็นเวลาที่เหมาะที่สุดสำหรับการเป็นแมวมองหาคนมาเป็นหลีดฯ โจ๊ก

    ใครเบ้าหน้าดีไม่รอดแน่มึง

    ผมไปคุยกับพี่ม่านเรื่องหลีดฯ โจ๊กมาเรียบร้อยแล้วครับ เขาบอกว่าให้ทีมมีแค่ 6 คนพอ ใจผมนี่อยากจะเอาแก๊งค์ท่านประธานทั้งแก๊งค์มาเต้นด้วยกันแต่ก็ทำไม่ได้เพราะแต่ละคนก็มีหน้าที่เป็นของตัวเอง ไอ้เผือกเป็นเฮดสแตนด์ ไอ้หนมเป็นตากล้อง ไอ้ปั้นคอยประสานงาน ไอ้ภีมไอ้ไผ่ทำคัตเอาท์ มีแค่ไอ้เป้คนเดียวที่มาเป็นหลีดฯ กับผม

    เหตุนี้มันเกิดเพราะไอ้หนมคนเดียวเลย

    ถ้ามันไม่เสนอพี่ม่านให้ผมเป็นหลีดฯ โจ๊กนะ ผมก็น่าจะได้ทำหน้าที่อย่างอื่นไปแล้วแท้ๆ ยังดีว่าไอ้ภีมมันอยากแกล้งผัว มันเลยเสนอชื่อไอ้เป้มาด้วย แต่ยังไงก็ต้องลำบากมาหาคนเพิ่มอยู่ดี เดี๋ยวผมต้องไปลากตัวท็อปของสาขาอื่นมา

    ยกเว้นสาขาประชาสัมพันธ์

    ผมไม่ถูกกับหัวหน้าสาขานั้น

    นึกถึงหน้าแม่งแล้วหงุดหงิด เมื่อคืนก็เพิ่งปะทะคารมกับมันไป หัวหน้าของสาขาประชาสัมพันธ์คือไอ้เพลนครับ ผมไม่ถูกกับมันมาตั้งแต่มัธยมฯ ละ จำได้เลยว่ามันย้ายเข้ามาตอนม.4 แม่งเป็นคนที่โดดเด่น ดูน่าคบหามาก ซึ่งโคตรต่างกับผมเลย ครั้งนึงเคยคิดอยากเป็นเพื่อนกับมันด้วยนะ แต่พอผมเห็นว่ามันเป็นคนเอาของที่ผมแขวนไว้หน้าล็อกเกอร์พี่ขันไปทิ้ง ผมก็เปลี่ยนความคิดทันที

    นั่นเป็นบทเรียนที่สอนผมว่าอย่ามองคนที่ภายนอก

    เขาอาจจะไม่ใช่คนดีแบบที่เราคิด

    ไอ้เพลนมันชอบพี่ขันครับ และก็พยายามกันทุกคนออกจากเขา ผมก็ไม่เข้าใจว่ามันทำแบบนั้นทำไม คือบางคนชอบพี่ขันในระดับของการเป็นแฟนคลับไง แต่มันก็ชอบระรานเขาอะ เอาของไปทิ้งบ้าง มาตามหาเรื่องยันในห้องบ้าง ทำตัวเหมือนเป็นเจ้าของทั้งๆ ที่ก็เป็นแค่คนที่แอบชอบเหมือนกัน

    มั่นหน้าซะจริง

    ไม่คิดเลยนะว่ามันจะมาเรียนนิเทศฯ เหมือนกัน ยังดีว่าอยู่คนละสาขากับผม นี่ยังคิดอยู่เลยว่าตอนงานกีฬาสีจะมีปัญหากันรึเปล่า เพราะสาขาผมกับสาขามันไม่ค่อยลงรอยกัน ไม่รู้เลยว่าจะมีเรื่องวุ่นวายอะไรเกิดขึ้นไหม แต่สิ่งที่ผมต้องทำให้ได้คือหักห้ามใจไม่ให้กระทืบมัน

    ถึงแม้ว่ามันน่าถีบยอดหน้ามากก็ตาม

    "ไอ้หมี"

    ผมหันมองไปตามเสียงเรียกก็พบกับเพื่อนหนม "มาแล้วเหรอ ไหนน้ำแดงกู"

    "อะนี่ของมึง" มือเรียวส่งแก้วน้ำแดงมาให้ก่อนจะนั่งลงข้างๆ "เขียนเสร็จยัง"

    "เรียบร้อย อะภีมนี่คือของ ส่วนเรื่องใบเสร็จมึงก็ขอทางร้านค้ามา เดี๋ยวกูจะเป็นคนจัดการส่งทางพี่เตอร์ให้"

    "ได้ งั้นกูไอ้เป้ไอ้ไผ่ไปซื้อของเลยนะ ยิ่งเริ่มทำเร็วก็ยิ่งดี"

    ผมพยักหน้ารับ "ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมเดี๋ยวกูโทรบอกละกัน"

    "เออได้ ไปกันเถอะ" ว่าแล้วไอ้ภีมมันก็เดินนำไอ้เป้กับไอ้ไผ่ไป

    "มึงจะเริ่มซ้อมหลีดฯ เมื่อไหร่หมี" ไอ้ปั้นถามพร้อมกับยื่นถุงขนมมาให้

    "ยังหาคนได้ไม่ครบเลยว่ะมึง ขาด 4 คนเนี่ยะ แต่กูว่าจะรีบหาให้ทันภายใน 3 วันนี้แหละ เหลือเวลาแค่เดือนเดียวเอง" กว่าจะซ้อม กว่าจะหาชุด เหนื่อยตายแน่ล่ะหมีเอ๊ย

    "มึงหาได้อยู่แล้วแหละ มึงคือหมีทะเบียนราษฎร์นะ"

    "ขอบคุณสำหรับฉายานะครับเพื่อนหนม กูควรดีใจถูกมะ" ผมทำหน้ามุ่ยใส่มันก่อนจะดูดน้ำแดงอึกใหญ่

    ชื่นใจจริงๆ

    ผมนั่งดูดน้ำแดงไปเรื่อยๆ จนเหลือครึ่งแก้ว เห็นน้ำแดงนี่ก็นึกถึงใครอีกคนที่ชอบน้ำแดงเหมือนกัน ว่าแล้วก็คิดถึงจัง ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะทำอะไรอยู่ จากเหตุการณ์เมื่อวานที่ผมถูกพี่ขันจับได้เต็มๆ นั้นมันก็เลยทำให้ต้องทิ้งระยะห่างในการไปแอบตามดูเขาออกไปสัก 3 วัน ก็ดีนะ ขอเวลาฮีลตัวเองแป๊บนึง ครั้งหน้าที่ไปแอบส่องผมต้องเนียนกว่านี้

    ต้องไม่ให้เขาเห็นเด็ดขาด

    เมื่อคืนผมคุยเรื่องพี่ขันกับพี่กล้วยพี่จ๊อบด้วยนะ มีการวางแผนกันเล็กๆ น้อยๆ ด้วย แผนนี้จะเริ่มประมาณช่วงกีฬาสีครับ เราจะสร้างสัญลักษณ์บางอย่างเพื่อให้พี่เขาเอะใจ พี่จ๊อบบอกว่ามันจะเวิร์คซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันจะเวิร์คมากแค่ไหน แต่ก็ต้องลองเสี่ยงดู

    คนเราต้องมีหวังสิจริงไหม

    "เออมึง วันหยุดนี้ไปทำพร็อพที่บ้านกูกัน ขอป๊าไว้ให้แล้ว"

    "กูไม่มีปัญหาหรอกหนม โน่น มึงถามไอ้หน้าหมีโน่นว่ามันโอเครึเปล่าที่จะไปบ้านมึง"

    ผมชี้นิ้วเข้าตัวเอง "ถามกูทำไม อ๋อ โอเคดิไม่เห็นจะมีอะไรเลย ไปทำงาน"

    "ผิดศีล" ไอ้เผือกเอ่ยเสียงเรียบ นานๆ พูดทีก็พูดอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวกับกูได้ไหมล่ะ แหม่ๆ ๆ ๆ ๆ อย่าให้สวนกลับนะมึงนะ

    "หนิ เพื่อนไม่ได้ผิดศีล เพื่อนพูดความจริง อีกอย่างถึงมึงจะเห็นกูเป็นแบบนี้แต่กูแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้นะครับ"

    ไอ้เผือกยื่นหน้าเข้ามาใกล้ก่อนจะยกยิ้ม "ถ้ามึงแสดงสีหน้าหม่นหมองออกมาเมื่อไหร่ กูตบนะ"

    อึก....

    รู้สึกเหมือนความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อม

    "โหดจังวะเผือก" ผมยิ้มแฉ่งให้มัน "นี่เพื่อนไง"

    "เพื่อนอย่างมึงมันเป็นประเภทชอบทำร้ายตัวเองซ้ำซาก ไหนๆ ถ้าชอบความเจ็บปวดขนาดนั้น เดี๋ยวเพื่อนแบบกูจะสงเคราะห์ให้เอง"

    ผมเลิกคิ้วมองมันอย่างยียวน "วันนี้พูดซะยาวเชียวนะมึง"

    "หึ...."

    "หยุดเลย" ไอ้หนมดันหน้าผมกับไอ้เผือกให้ห่างกัน "จ้องกันอย่างกับจะแดกหัว"

    "อย่างไอ้เผือกเนี่ยนะจะแดกหัวกู ถ้าเป็นหัวพี่หมออื้อออ.อ.อ...." ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบมือเรียวของไอ้เผือกก็เลื่อนมาปิดปากผมไว้ก่อน อะไรของมึงเนี่ย ปิดปากกูทำไมวะ

    "อยากตายเหรอไอ้หมี" เสียงเรียบๆ ที่แฝงไปด้วยความอำมหิตนี้มันทำให้รู้สึกความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อมมากกว่าเดิมอีก

    ผมทำตาปริบๆ ใส่ไอ้เผือก เวลาจะเอ่ยถึงชื่อพี่หมอเบลล์ทีไรนี่เป็นเดือดเป็นร้อนตลอด น่าหมั่นไส้จริงๆ เพื่อนผมนี่ก็ร้ายใช่ย่อยเลยนะ ตอนที่ผมรู้ว่ามันไปกิ๊กกั๊กกับพี่หมอเบลล์ผมก็ช็อกมากอะ คือไม่คิดว่าคนอย่างพี่หมอเบลล์จะมาเสร็จไอ้บ้านี่ไง อีกอย่างคือตั้งแต่ที่รู้จักพี่เขามา เขาก็เทิร์นรุกตลอด ใครได้เสียบเขาที่ไหน

    ไอ้สัสเผือกเนี่ยะคนแรกเลย

    อาจจะสงสัยว่าพี่หมอเบลล์คือใคร เขาก็เป็นเพื่อนแก๊งค์เดียวกันกับพี่หมอพลและก็พี่เสือของผมไง ผมชอบพี่หมอเบลล์นะ เป็นคนที่มีรูปร่างน่าจับมาฟัดมาก ผิวนี่ขาวน่ากินไปทั้งตัว ไม่รู้ว่าหน้ามืดอะไรมาสมยอมไอ้เผือกมันซะได้ แต่ผมคิดว่าสองคนนี้คงไม่ได้คบกันนะเพราะว่าเป็นพวกไม่ผูกมัดกับใครเลยทั้งคู่

    เรื่องนี้ก็ต้องรอเสือกกันไปยาวๆ

    "ไอ้หนม"

    เสียงคุ้นๆ นี้มัน....

    "อ่าวไอ้ขัน มาทำไรแถวนี้วะ"

    ผมเหลือบไปมองบุคคลที่เดินเข้ามาหยุดอยู่หน้าโต๊ะพวกผม เจ้าของเสื้อช็อปสีน้ำเงินเข้มวางถุงขนมไว้กลางโต๊ะ สีหน้าดูหงุดหงิดกับอะไรสักอย่าง ดวงตาคมเหลือบมามองผมแวบนึงก่อนจะหันไปมองน้องชายตัวเอง ตอนนี้ในใจรู้สึกดีใจนะครับที่เขามาปรากฏตัวให้เห็นเอง ผมแกะมือไอ้เผือกที่ปิดปากตัวเองออกก่อนจะนั่งมองพี่ขัน

    ใจจริงอยากจะเบิกตามองด้วยซ้ำ

    ฮุกก.ก.ก...แต่ทำไม่ได้

    "ขนมอะไรวะ เอามาให้เหรอ"

    "เออ"

    ไอ้หนมมันคุ้ยถุงดู "ทำไมเอามาให้"

    "แพ้เกมพระราชาเพื่อน แดกๆ ไป" พี่ขันเอ่ยพลางไล่มองพวกผม "แบ่งเพื่อนๆ มึงด้วยก็ได้ กูไปละ" ว่าแล้วเขาก็หมุนตัวกลับแล้วเดินไปทันที

    มาไวไปไวเว่อร์มาก

    ยังมองไม่หนำใจเลยอะ

    "มองขนาดนี้ มึงตามมันไปเลยไหม"

    ผมหันขวับมองคนพูดทันที "เหมือนกูเคยพูดประโยคนี้เมื่อนานมาแล้ว"

    "ก็จำได้หนิ อะเอาไป ขนมจากไอ้ขันเลยนะ" ไอ้หนมมันเลื่อนถุงเยลลี่มาให้ผม "กินซะจะได้โตๆ "

    "คนที่สูงเลยไหล่กูมานิดเดียวยังจะกล้าพูด"

    "ปากดี ไม่ต้องกิน"

    ผมรีบคว้าถุงไว้ก่อน "จะกิน" ว่าแล้วผมก็แกะเยลลี่กินทันที ไอ้หนมก็ทำหน้าบึ้งใส่อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ

    เพื่อนหมีทำไรผิดอะ

    ผมนั่งจกเยลลี่ของพี่ขันกินไปเรื่อยๆ พลางสอดส่องชาวบ้านชาวช่องไปด้วย จะว่าไปวันนี้ก็นับว่าโชคดีนะ ถึงไม่มากแต่ก็นับว่าดี เขาน่าจะมาที่นี่ทุกวันเนอะ ผมจะได้ไม่ต้องไปหลบหลังต้นไม้ ซ่อนตัวตามซอกตึก หรือว่ามุดลงใต้โต๊ะอะไรทำนองนี้ รู้สึกสงสารตัวเองอยู่เหมือนกันแต่ทำไงได้วะ

    คนมันอยากเห็นหนิ

    ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายซองเยลลี่ก่อนจะกดเข้าไปที่ไอจีของตัวเอง ผมเป็นคนที่เล่นสื่อโซเชียลเยอะนะครับ เพราะว่ามันสะดวกต่อการดูความเป็นไปของโลก แน่นอนว่าคนที่ผมชอบส่องบ่อยๆ ก็คือพี่ขันนั่นเอง แต่ว่าพี่เขาเป็นประเภทที่ไม่ค่อยไม่เล่นโซเชียลมากเท่าไหร่ อย่างไอจีเนี่ยะนานๆ ก็จะอัปสักครั้ง

    เฟซบุ๊กนี่ยิ่งหนักเลย

    เวลาผมเห็นพี่ขันปรากฏตัวในเฟซบุ๊กคือตอนที่ไอ้หนมมันลงรูปแท็กพี่ขุนครับ เขาชอบมากดโกรธไง เป็นแบบนี้ทุกโพส กดเสร็จก็หายวับไป ผมไม่ได้เป็นเพื่อนกับพี่ขันในเฟซฯ เพราะว่าเขาไม่รับแอดผม สิ่งที่ทำได้คือการกดติดตามอย่างเดียว ส่วนไอจีก็ใช้อีกแอคเคาท์นึงไปฟอลโล่ว์ นี่ก็หวังไว้สักวันนะว่าเขาจะรับฟอลโล่ว์ผม

    พอเลิกคิด....ลงรูปดีกว่า

    ผมจัดการโพสรูปลงไอจีพร้อมกับติดแคปชั่นว่า 'ถ้าเลือกได้ก็อยากจะกินคุณมากกว่า' เดี๋ยวบรรดาเอฟซีก็จะมาคอมเม้นต์โน่นนี่ตามประสา เพราะงั้นผมจะปิดแจ้งเตือนก่อนมันจะได้ไม่ดังรัวๆ

    "ไอ้หมี!!!"

    ผมหันมองไปตามเสียงเรียก "อ้าวไอ้ยะ มีไรวะ"

    "มีเรื่องจะมาบอก" ไอ้ยะโบกมือทักทายเหล่าสหายของผม "สวัสดีนะเพื่อนๆ เหมือนไม่ได้เจอกันนานเลย"

    "ไม่เจอนานห่าไรวะยะ กูเพิ่งเจอมึงกับไอ้โจ้เมื่อวันก่อนเอง" ไอ้ปั้นบอกก่อนจะปาขนมใส่ไอ้ยะ เห้ยปั้นมึงทำงี้ได้ไงวะ นั่นขนมที่พี่ขันเอามาให้เลยนะ

    หึ้ยย.ย.ย...ไอ้คนเลว

    ผมมองค้อนใส่ไอ้ปั้น "อย่าเอาขนมมาปาเล่นสิวะ แม่ไอ้หนมสอนไว้นะ"

    "เออ มึงขอโทษขนมเลยนะปั้น" ไอ้ยะมันชี้นิ้วสั่ง "ยังอีก"

    "ชี้โบ๊ชี้เบ๊"

    "มึงนี่แม่ง ช่างมันเถอะยะ ว่าแต่มึงมีไรวะ"

    "อ๋อเรื่องหลีดฯ โจ๊กอ่ะ คือกูโดนหัวหน้าสาขาสั่งมาว่าให้มาเป็น....ซึ่ง กูไม่ได้อยากเป็น"

    ผมยกมือแตะไหล่เพื่อนยะเบาๆ "ไม่มีใครอยากเป็นหรอกว่ะยะ ทำใจนะ ว่าแต่มีแค่มึงคนเดียวเหรอ"

    "ทั้งแก๊งค์กูเลยสี่คน ไอ้โจ้ ไอ้จิน ไอ้โจ๊ก ครบองค์ประชุม"

    "เออดี เอาตัวท็อปของเด็กโฆษณามาก็ดี แล้วไอ้พวกที่เหลือโอเคใช่ไหมมาเป็นหลีดฯ เนี่ยะ"

    "ต้องโอเคสิวะ พวกกูโดนสั่งมาว่าต้องทำ เป็นแค่หัวหน้าสาขาแท้ๆ บังอาจมาสั่งท่านยะคนนี้ได้" ว่าแล้วมันก็เบะปากจนสุด

    ดราม่าอะไรของมึงวะ

    ผมนั่งมองไอ้ยะที่นั่งแซดอยู่ข้างๆ ไม่เป็นไรนะมึง ความรู้สึกนี้กูเจอมาก่อนมึงแล้ว จะว่าไปก็ดีเหมือนกันนะที่ได้สมาชิกมาร่วมทีมหลีดฯ ครบละ งานนี้ต้องไปขอบคุณไอ้อุ๋งที่มันเป็นคนสั่งให้ไอ้ยะมาเป็นหลีดฯ ไม่งั้นผมก็น่าจะยังวุ่นวายกับการหาคนแน่ๆ ดีว่ะ วันนี้อาจจะเป็นลัคกี้เดย์ของคุณหมีคนดีก็ได้นะ

    เอาวะ วันนี้เราต้องมองโลกในแง่ดี

    ครืดดดด....ครืดดดด

    ไอ้ยะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย "ว่าไงครับที่รัก เค้าอยู่หน้าตึกครับ ตัวอยู่ไหนล่ะ"

    เลี่ยนเนอะ

    อย่าให้มีวันของกูนะมึง

    "ทำไมทำหน้าแบบนั้นวะหมี" ไอ้หนมยื่นมือมาบีบแก้มผม

    "หมั่นไส้ไอ้ยะมัน"

    "ไม่อิจฉานะครับเพื่อนหมี" ไอ้คนคุยกับเมียยิ้มเยาะใส่ผม "โอเคงั้นเดี๋ยวเค้าไปรับ ครับอุ๋งงงง รู้แล้ว โอเคแค่นี้นะ"

    "เมียโทรมางี้"

    "เออ เพราะงั้นวันนี้เพื่อนยะต้องขอตัวก่อน ไว้แจกันวันหลัง บายนะทุกคน" ไอ้ยะยิ้มหวานก่อนจะโบกมือบ๊ายบายแล้วลาจากผมไป

    ขอให้โชคดีนะ

    ผมหันกลับมาจกเยลลี่กินต่อ เดี๋ยวจะต้องรีบจัดการเตรียมเพลงกับคิดท่าเต้น หลีดโจ๊กฯ เนี่ยะ เราไม่จำเป็นต้องคิดท่าเต้นให้อลังการ ผมคิดว่าถ้าทำให้คนที่ดูเรายิ้มออกมาอย่างมีความสุขได้มันก็น่าจะมากพอแล้วล่ะ บอกเลยว่าหลีดฯ โจ๊กนิเทศฯ ปีนี้นี่ขายรูปร่างหน้าตาล้วนๆ ครับ

    อย่างอื่นอย่าไปคาดหวัง

    ผมคิดว่าจะไปสั่งชุดสัตว์มาใส่ แน่นอนว่าผมจะต้องใส่ชุดหมีแน่นอน นี่ยังคิดอยู่ว่าจะโชว์เนื้อหนังมังสาดีไหม แบบเปลือยท่อนบนเซอร์วิสชาวบ้านอะไรแบบนี้ เดี๋ยวต้องดูก่อน เพราะว่าปกติแล้วผมไม่ใช่คนชอบโชว์เรือนร่างให้ใครได้เห็นนักถ้าไม่จำเป็น อีกอย่างคือผมมีรอยสักสำคัญที่อยู่บนส่วนหลังด้านบนประทับเอาไว้

    รอยสักที่เป็นคำว่า 'KHAN'

    จำได้เลยว่าที่สักชื่อพี่ขันไว้นี่ก็เพราะว่าตอนนั้นพี่จ๊อบอยากลองวิชาครับ แต่ว่ามันไม่รู้ว่าจะไปสักให้ใคร พี่กล้วยก็ไม่สักเพราะว่ากลัวเข็ม ผลก็เลยตกมาที่ผมต้องไปเป็นหน่วยกล้าตายให้พี่จ๊อบสัก ตอนนั้นเพิ่งม.3 เอง ความรู้สึกแม่งแบบเจ็บสัส แต่ก็ไม่เป็นไร แลกกับชื่อของพี่ขันที่จะมาติดอยู่บนตัวผมก็ถือว่าคุ้มอยู่

    ผมรู้ว่าจะต้องมีคนคิดว่ามันอาจจะดูบ้า

    แต่ก็นะ....คนมันรักนี่หว่า

    พอมีรอยสักชื่อพี่ขันเป็นรอยแรก ผมก็มีรอยสักที่สองตามมาในไม่กี่ปีให้หลัง เป็นรอยที่ใหญ่มากครับ มันกินพื้นที่ของหลังช่วงล่างจนถึงสะโพก มันเป็นรูปกุหลาบสีแดงที่มีเถาวัลย์หนามรายล้อม ผมเพิ่งลงสีไปได้ไม่กี่เดือน ตอนนี้เหลือแค่เก็บงานเล็กๆ น้อยๆ เนี่ยะ ผมว่าคืนนี้จะไปหามันอยู่เพราะว่าเจ้าตัวบอกเองว่าว่าง

    นี่ต้องโดนเข็มทิ่มอีกแล้วเหรอเนี่ย

    ฮุกก.ก.ก....คิดแล้วก็เจ็บ

    "หมี...."

    "หืม....ว่าไงปั้น"

    "ข้างหลังมึง"

    ผมหันมองไปด้านหลังตามที่ไอ้ปั้นบอกก็พบกับร่างเล็กของศัตรูคู่อาฆาตที่เดินออกมาจากตึกพร้อมเหล่าองครักษ์เป็นฝูง ก็ไม่ได้เยอะขนาดเรียกฝูงหรอก แต่ด้วยความที่มีสกิลรุมกัดเก่งก็เลยต้องเรียกแบบนี้

    ฝูงหมาที่แท้ทรู

    "มองหน้าทำไมวะ มีปัญหาเหรอ" เสียงเรียบเอ่ยออกมาจากไอ้แตม องครักษ์อันดับ 1 ของไอ้เพลน ไม่เข้าใจเลยอะ แค่มองเฉยๆ เองป้ะวะ

    นี่ผิดไร

    ผมยกยิ้มก่อนจะมองหน้ามัน "ไม่ให้มองหน้าแล้วให้มองอะไรวะ....ตีนเหรอ"

    "ไอ้หมี!!!"

    "ชู่วววว....จุ๊ จุ๊ จุ๊ ไม่ใช่เรื่องที่มึงต้องมาเรียกชื่อกูเลยแมท" ผมมองไอ้แมทตั้งแต่หัวจรดเท้า "เสือกเก่งงงง"

    "ปากดีเกินไปแล้วนะไอ้หมี"

    "มึงก็เสือกเก่งอีกคนนะปอนด์....ทำไมวันนี้พวกมึงดูหัวร้อนกันจัง ลูกพี่มึงยังยืนดึงหน้าแล้วสงบปากสงบคำได้เงียบๆ เลย"

    "ไอ้สัสหมี" ไอ้โมวมันจะเข้ามาเอาเรื่องผมแต่ไอ้เผือกลุกไปขวางไว้ซะก่อน

    "ไม่เข็ดเหรอ" เสียงเรียบเอ่ยออกมาจากเพื่อนรัก "หน้าเพิ่งหายช้ำหนิ อยากให้ซ้ำไหม"

    "มึง!!!"

    "พอโมว มานี่" เสียงจากไอ้เพลนดังขึ้น ไอ้โมวก็เดินกลับไปอยู่ที่เดิม เพื่อนเผือกเองก็นั่งลงข้างผมเหมือนเดิม รู้สึกปริ่มใจมากครับที่เพื่อนปกป้อง

    เขินเลออออ

    "มันเริ่มก่อนนะเพลน"

    "เริ่มก่อนอะไรของมึง กูก็แค่มองพวกมึงเฉยๆ ไหม เป็นไรวะ มองหน้าไม่ได้ หน้าเป็นทองเหรอ ถ้าไม่พอใจมากๆ ก็หาปี๊บคุมหัวไว้ไหมคนอื่นจะได้มองไม่ได้"

    "ไอ้หมี!!! มากเกินไปแล้วนะ" ไอ้เพลนมันกำหมัดแน่น "คิดว่ามีเพื่อนอยู่ด้วยแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ"

    ผมลุกขึ้นก่อนจะเดินไปหยุดตรงหน้ามัน "ต่อให้มีเพื่อนหรือไม่มีมันก็เหมือนกันนั่นแหละ มึงถามเพื่อนมึงดีกว่าไหมว่าเป็นโรคอะไร มองหน้าไม่ได้ กูแค่มองเฉยๆ เองนะไม่ได้มองแล้วเบ้ปากใส่"

    "ก็หน้ามึงกวนส้นตีน"

    "แล้วหน้ามึงกวนส้นตีนน้อยกว่ากูตรงไหนวะ" เอาสิมึง เถียงสิสัส มาเลยมาเรื่องเถียงนี่สู้ขาดใจเลยนะขอบอก

    "ไอ้หมี!!!"

    "ไอ้ตรรกะแค่มองหน้าแล้วคิดว่าหาเรื่องเนี่ยะเลิกคิดเถอะ แม่งโคตรไม่เมคเซ้นท์แถมยังดูโง่ด้วย"

    มือเรียวกระชากคอเสื้อผมอย่างแรง "มึงอยากโดนใช่ไหม"

    "น้ำหน้าอย่างมึง" ผมผลักไอ้เพลนออกจนมันเซไปโดนเพื่อนมันเอง "จะทำอะไรกูได้วะ"

    ทำได้อย่างเดียวคือแค่ลอบกัดนั่นแหละ

    ผมยกยิ้มมองอีกฝ่ายอย่างสมเพช ดูท่าพวกมันคงจะโกรธผมมากเลยแหละ มือนี่กำจนเลือดไม่เดินแล้วมั้งน่ะ เอาจริงๆ ผมก็แค่หันมองตามที่ไอ้ปั้นบอกให้มองเท่านั้นเอง ยังทำหน้าปกติอยู่เลยด้วย ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแค่มองหน้าแล้วต้องคิดว่าหาเรื่องวะ ถ้าไม่มองหน้าแล้วจะรู้ไหมว่าเป็นใคร

    จิ๊....น่าหงุดหงิดจริงๆ

    เข้าใจฟีลว่าเกลียดกัน แต่บางทีมันเป็นเหตุการณ์ที่กำหนดการกระทำไม่ได้ไหมวะ แม่ง ไม่รู้จักแยกแยะเอาซะเลย ผมนี่อยากจะจับพวกมันมานั่งเทศนาให้ฟังเป็นรายคนเลยว่าอะไรมันเป็นยังไง

    จะได้เลิกคิดอะไรป่วยๆ แบบนี้สักที

    ไอ้เพลนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ "ตอนนี้อาจจะยังไม่สะดวก....แต่หลังจากนี้มึงระวังตัวให้ดีเถอะ"

    "เหรอ ต้องระวังตัวขนาดไหนเหรอ"

    "หึ....พอเห็นมึงเป็นแบบนี้กูก็ไม่แปลกใจเลยที่พี่ขันเขาจะเกลียดมึง"

    "เขาจำกูไม่ได้ต่างหากเพลน มึงอย่าคิดว่ากูไม่รู้เรื่องที่มึงปล่อยข่าวลือของกูนะ ทำอะไรไม่เนียนเลยนะมึง" คิดแล้วมันน่ากระทืบให้จมดินนัก เก่งจริงเรื่องลอบกัดลับหลังเนี่ยะ

    "แล้วมึงจะทำไงได้ พี่ขันเชื่อสนิทใจไปแล้ว ตัวมึงเองด้วยที่ทำให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ แต่ก็นะ มันก็สมควรแล้ว....พี่ขันจะไม่มีวันรักมึง"

    "เขาก็จะไม่มีวันรักมึงเหมือนกัน"

    "ยังไงพี่ขันก็ต้องเป็นของกู"

    "มึงไม่มีปัญญาหรอก เพราะถ้าเขาจะเป็นของมึงล่ะก็....เขาต้องเป็นของมึงมานานแล้ว จะรอมาทำไมตั้งหลายปี จริงไหม"

    "ไอ้หมี!!!"

    ผมทำเป็นยกมือทาบอกก่อนจะทำตาโตใส่ "อย่าเสียงดังสิ ตกใจหมดเลย"

    "อยากลองดีงั้นเหรอ"

    "ไอ้หนม"

    เสียงนี้อีกแล้ว

    ผมหันหลังกลับมาก็พบพี่ขันที่หยุดอยู่ตรงโต๊ะ ในมือก็ถือถุงขนมไว้เหมือนอย่างกับตอนที่มาครั้งแรก มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะน่ะ เขาจะได้ยินเรื่องที่ผมคุยกับไอ้เพลนบ้างไหมวะ ถ้าเขาได้ยินมันก็จะมีทั้งผลดีและก็ผลเสีย ผลดีคือเขาอาจจะเอะใจเรื่องของผม ผลเสียคือเขาอาจจะไม่ชอบผมหนักเข้าไปใหญ่เพราะมาพูดอะไรที่มันเกี่ยวกับตัวเขา

    โอ่ยยยย คิดแล้วก็ปวดใจ

    สีหน้าของไอ้เพลนมันดี๊ด๊ามากครับที่ได้เห็นพี่ขัน เห็นแบบนี้มันก็น่าบ้องหูอยู่หรอกแต่ทำแบบนั้นไม่ได้ไง ผมเดินกลับมานั่งที่โต๊ะก่อนจะเหลือบมองพี่ขัน จังหวะนี้ก็สบกับดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นเต็มๆ แววตาฉายความสงสัยออกมาอย่างเห็นได้ชัด เขาอาจจะกำลังคิดว่าผมกับไอ้เพลนมีปัญหาอะไรกันอยู่ก็ได้ล่ะมั้ง

    ก็อาจจะใช่

    เขาพูดกับไอ้เพลนแบบโอเคอะ ซึ่งก็ต่างจากผมไง พี่ขันคงคิดว่าไอ้เพลนเป็นน้องที่รู้จักกัน จะว่าไปก็ไม่แปลกถ้าเขาจะพูดจาเพื่อปกป้องมันนะ แต่ก็ขอให้ไม่พูดเถอะ จะเย็นชาใส่แค่ไหนก็ได้ไม่ว่า แต่อย่ามาปกป้องคนที่คอยเสี้ยมพี่ให้เกลียดหมีเลย ถ้าได้ยินอะไรแบบนั้นโลกเทาๆ ของผมคงกลายเป็นสีดำสนิท

    อึมครึม

    "มึงมาทำไมอีกเนี่ยะขัน"

    "ก็แพ้เกมอีกรอบก็เลยต้องมาอีกรอบ" มือเรียววางขนมไว้กลางโต๊ะ "ถ้ากูแพ้อีกก็คงต้องมาอีก"

    ถ้าเป็นแบบนั้นหมีขอแช่งให้พี่แพ้แล้วกันนะพี่ขัน

    อยากเจอหน้าอีก

    "มึงนี่มันกาก" ไอ้หนมหยิบเยลลี่ซองใหม่ในถุงส่งให้ผม

    "อะไรวะหนม"

    "ของมึงไง ไม่กินเหรอ"

    "คือ...." ผมมองพี่ขันสลับกับถุงเยลลี่อย่างลังเล "คือว่า...."

    "ก็กินไปสิ กูไม่ได้ห้ามสักหน่อย"

    เชี่ยยยย

    พูดกับผมด้วย!!!

    "ครับ...." ผมมองถุงเยลลี่ในมืออย่างปลื้มปริ่ม ในใจนี่อยากจะยิ้มปากบานมากแต่ว่าก็คีพลุคไว้ก่อน เดี๋ยวถ้าเขาไปเมื่อไหร่ผมจะยิ้มจนเหงือกแห้งเลยคอยดู

    ดีใจอะ

    นานๆ เขาจะยอมพูดด้วยสักครั้ง

    ผมเหลือบไปมองทางไอ้เพลน มันยืนมองมาอย่างไม่พอใจ หน้านี่ยับยู่ยี่ไปหมด พอเห็นแบบนั้นผมก็กระตุกยิ้มมุมปากใส่ มันทำท่าฟึดฟัดก่อนจะเดินพวกเพื่อนๆ มันไป เออไปได้ก็ดี ยืนทำตัวรกหูรกตาอยู่ได้ แลบลิ้นใส่ไล่หลังแม่ง

    แบร่บๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

    "มองไรวะขัน" เสียงทักของไอ้หนมทำให้ผมหันไปมองตาม ไม่ได้อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองเท่าไหร่นะแต่ว่า....

    เขามองผมว่ะ

    "เปล่า"

    "เปล่าอะไรวะ กูเห็นว่ามึงมองอยู่"

    "ช่างกูเถอะหน่า ไปละ....เบื่อมึง" สิ้นเสียงเขาก็เดินกลับไปทางเดิม

    ว้า....ไปซะละ

    ผมนั่งมองร่างสูงจนลับตาไป นี่ถ้าไม่ติดว่ามีปากเสียงกับพวกไอ้เพลนนะวันนี้จะเป็นลัคกี้เดย์ของผมมาก การที่พี่ขันมาที่ตึกคณะไม่ได้เกิดขึ้นได้บ่อยๆ การที่จะได้กินขนมที่พี่ขันซื้อมาก็ไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ เนี่ยะ ลัคกี้จริงๆ นั่นแหละ เดี๋ยวผมต้องเก็บซองขนมไว้นำโชคละ เผื่อวันอื่นๆ หลังจากนี้จะได้ลัคกี้บ้าง

    ครืดดดด....ครืดดดด

    ผมล้วงโทรศัพท์ออกมากดรับสาย "ว่าไงพี่แช่ม"

    (ไอ้ขันมันไปที่ตึกคณะมึงไหมหมี)

    "มาดิ....เขาเอาขนมมาให้เนี่ยะ"

    (อ๋อเออ มันแพ้เกมพระราชาอะ กูเป็นคนสั่งให้มันเอาไปให้เอง)

    "อ๋อ แล้วนี่โทรมาเพื่อจะเช็กเหรอพี่"

    (ก็ใช่ กูสั่งไปว่าให้ซื้อเยลลี่ 1 ซองไปให้มึงน่ะ)

    "เยลลี่ 1 ซองเหรอ" ผมมองซองเยลลี่ในถุงขนมที่มีเป็นสิบซอง "พี่แช่มสั่งครั้งแรกว่าอะไรนะ"

    (ครั้งแรกกูบอกให้มันซื้อเยลลี่ไปให้มึง 1 ซอง)

    "อาหะ....ก่อนจะสั่งรอบ 2 พี่ได้พูดอะไรกับเขาป้ะ"

    (ครั้งที่ 2 มันก็บ่นกูนะว่าทำไมต้องให้ซื้อแต่เยลลี่วะ กูก็เลยบอกว่ามึงชอบกินเท่านั้นแหละ)

    "งี้นี่เอง....หมีเข้าใจละพี่ พี่ขันเขาทำตามคำสั่งเป๊ะๆ ขอบคุณนะพี่แช่มที่ส่งเขามาให้หมีได้เห็นหน้าน่ะ"

    (เพื่อน้อง กูทำได้เสมอ เออแค่นี้ก่อนมันมาละ)

    "ค้าบบบบ" ผมกดวางสายก่อนจะหยิบเยลลี่ขึ้นมากินต่อ

    รู้สึกเขินยังไงไม่รู้ว่ะ

    สิ่งที่พี่แช่มบอกมันทำให้ผมรู้สึกดีนะครับ พี่ขันซื้อเยลลี่มาเป็นสิบถุงแค่เพราะรู้ว่าผมชอบกิน นี่ขอคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหม ได้แหละ นี่ลัคกี้เดย์ของคุณหมีคนดีไง ผมไม่รู้หรอกว่าเจตนาของพี่ขันคืออะไร ไม่มีใครรู้ใจพี่เขาได้อยู่แล้ว แต่ว่าสิ่งที่เขาทำวันนี้มันก็ช่วยฮีลให้ผมรู้สึกดีจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานได้เยอะเลย

    อยากให้เป็นแบบนี้ทุกวันจริงๆ

    แค่คิดก็มีความสุข

    "ไอ้หมีมันเป็นบ้าไปแล้วมึง"

    ปากดีจริงๆ เลยนะไอ้หนม

    ฝากไว้ก่อนเถอะ





    TBC

    สวัสดีค้าบ ชัลมาส่งขันหมีเวอร์ชั่นรีปริ้นท์แล้วฮะ

    หลายไปหลายวันไม่ได้เอามาลงเพราะว่าไม่ค่อยสบายคับ เดี๋ยวจะเร่งอัปให้นะค้าบ


    ติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaltreee หรือเพจ Fiction Yaoi Th

    #ผมไม่ได้เจ้าชู้ #ขันหมี

    ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านค้าบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×