ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I'm not Playboy ผมไม่ได้เจ้าชู้ [END] [Rewrite]

    ลำดับตอนที่ #5 : เหตุผลหรือว่าแถ [Rewrite]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 15.77K
      657
      29 ส.ค. 64


    "ยืนให้มันดีดีสิวะ"

    "มันเมื่อย"

    "มึงไม่ต้องมาบ่นเลยไอ้จิน ยืนดีดีเดี๋ยวนี้"

    "เร็วๆ ไอ้จิน มึงแม่งมัวแต่ลีลา"

    "เออไอ้สัส เดี๋ยวกูให้แม่มึงมาด่าให้หรอก"

    "ทำไมมีแต่คนบ่นกูวะ"

    "เร็วๆ สิโว้ยยยยยยยยยยย" ขืนยังมัวแต่เล่นกันอยู่แบบนี้กูจะแดกหัวมึงแล้วนะ

    หึ้ยยย.ย.ย.....มันน่าหงุดหงิดนัก

    ผมจัดท่าทางไอ้จินให้มันยืนแบบชาวบ้านเขา ดูเหมือนในบรรดาหลีดฯ ทั้งหมด มันจะเป็นคนเดียวเลยที่ปัญหาเยอะมากกว่าคนอื่น นี่ถ้าไอ้เป้อยู่ด้วยนะมันคงกระทืบไอ้บ้านี่ไปละ ดีว่ามันไปยกกลอง ตอนนี้ก็เกือบบ่าย 3 แล้วครับ ซ้อมมาจะชั่วโมงแม่งยังวนเวียนอยู่ตรงเซ็ตอัพเนี่ยะ ปวดจิตกับไอ้พวกนี้มาก แค่ยืนให้มันดูมั่นคงนี่มันยากตรงไหนวะ

    เฮ้อ....

    หนักใจ

    วันนี้เป็นวันซ้อมวันแรกซึ่งดูจากทรงแล้วก็น่าจะได้แค่เซ็ตอัพ แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวหลังจากวันนี้ผมจะต้องอัพสกิลความโหดขึ้นมา พวกมันจะได้ไม่งอแงเวลาซ้อม ท่าเริ่มต้นที่ผมคิดเนี่ยะก็จะเริ่มจากเซ็ตอัพก่อนคือเอามือไพล่หลังครับ จังหวะนี้ก็จะอิงไปตามเสียงกลอง เดี๋ยวต้องคิดอีกทีว่าจะเอายังไงต่อ ผมเลือกเพลงที่จะใช้เต้นมาแล้ว รับรองว่ามันจะต้องสนุกมากแน่ๆ

    คนดูนะที่สนุกไม่ใช่พวกผม

    ฮุกกกก..ก....

    "กลองมาละหมี" ไอ้ยะเอ่ยบอก

    ผมหันไปมองก็พบร่างสูงของเพื่อนรักเดินแบกกลองมา แต่ไม่ได้มีมันคนเดียวที่แบกมาครับ กลองอีกลูกอยู่ในมือของพี่รหัสผม ถ้าจำตารางไม่ผิดมันน่าจะมีเรียนนี่หว่า ทำไมถึงโผล่มาได้วะ

    "กูให้มึงไปเอาแค่กลองมานะ มึงจะเอาพี่เตอร์ติดมาทำไม"

    "มีปัญหารึไงมึง" คนโดนพาดพิงส่งสายตาดุๆ ให้ "กูโตแล้วกูจะไปไหนก็ได้"

    "ไม่มีเรียนรึไง"

    "อาจารย์มาเลท ตอนนี้กูยังว่างอยู่" พี่เตอร์บอกก่อนจะนั่งประกอบกลองให้

    ผมพยักหน้ารับเบาๆ "เออเป้ มึงช่วยสอนเซ็ตอัพให้ไอ้พวกนี้หน่อยดิ โดยเฉพาะไอ้จิน สอนให้หนักๆ "

    "อะไรวะหมี กูออกจะทำตัวดี"

    "เงียบไปเลยมึงอะ" ผมมองค้อนใส่มันก่อนจะเดินมาอยู่ข้างๆ พี่เตอร์ "พี่เตอร์ตีกลองเป็นไหม"

    "ถามทำไมวะ"

    "ก็ยังหาคนตีกลองให้ไม่ได้ ถ้าพี่ตีเป็นว่าจะยืมตัวมาตีให้หน่อย"

    "กูตีไม่เป็น"

    "ทำไมตีไม่เป็นวะ กลองทอมตีง่ายจะตาย" ผมหยิบไม้กลองมาก่อนจะเริ่มตีเป็นจังหวะให้มันดู

    นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องไปเป็นหลีดฯ นะ ผมคงจะตีกลองให้ไปแล้ว ผมไม่รู้เลยว่าจะเอาใครมาตีกลองให้ดี คือไอ้ที่ตีกลองเป็นมันก็ไม่ว่างไง จะให้สอนพี่เตอร์ก็ไม่รู้ว่ามันจะตีเป็นชาตินี้หรือว่าชาติไหน แถมเพลงที่ผมเลือกมามันต้องตีเป็นหลายจังหวะซะด้วย ก็คงต้องพึ่งคนที่เชี่ยวในด้านนี้สักหน่อย ไม่งั้นก็คงตีไม่ได้แน่ๆ

    เอาใครดีนะ

    "มือมึงไปโดนอะไรมา" พี่เตอร์คว้ามือผมที่มีพลาสเตอร์แปะปิดอยู่ "เป็นอะไร"

    "อ๋อ มันเผลอไปโดนปลายบุหรี่น่ะ ไม่เป็นอะไรมากหรอก"

    "โดนมาเมื่อไหร่"

    "หลายวันก่อนแล้ว" ผมดึงมือออกมาจากมือพี่เตอร์ก่อนจะเลิกคิ้วมองคนตรงหน้า "แน่ะ เป็นห่วงน้องล่ะสิ"

    "ก็ต้องเป็นห่วงสิวะ มึงนี่ก็หน้าโง่ ทำยังไงให้โดนบุหรี่จี้มือได้"

    ถ้าพี่ขันไม่ล้มทับก็ไม่โดนหรอกโว้ยยยย

    พูดถึงพี่ขันละคิดถึงจัง

    ผมเหลือบมองสายตาคมๆ ของพี่เตอร์ก่อนจะยิ้มแฉ่งให้ "เอาน่า ชีวิตคนเราจะมีเรื่องเจ็บปวดบ้างก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย สีสันออก"

    "เหรอ"

    "อย่าเหรอแบบนั้นสิวะพี่ เออ พรุ่งนี้หมีอยากกินขนมอะ"

    "แล้วบอกกูทำไม"

    "หิวขนมแล้วบอกพี่รหัสก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกแล้วนี่" ผมยิ้มหวานให้พี่เตอร์ ฉีกยิ้มขนาดนี้คือมันต้องได้ขนมแล้วไหมล่ะ

    ถ้าไม่ได้ก็จะงอนมากๆ

    "มึงนี่แม่ง....กูไปเรียนละ ตั้งใจซ้อมล่ะ"

    "พี่ก็ตั้งใจเรียนนะ" หลังจากที่ผมบอกแบบนั้น พี่มันก็พยักหน้ารับก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินขึ้นตึกไป

    ดีใจจัง....พรุ่งนี้จะมีขนมให้กินฟรีแล้วครับ

    ผมลองตีกลองไปตามจังหวะเพลงที่ตัวเองเลือกมา พลางมองไปทางเพื่อนๆ ที่ซ้อมเซ็ตอัพกัน ไอ้เป้ดูหัวร้อนกับไอ้จินมาก แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ถ้ามันซัดกันเดี๋ยวไอ้โจ้กับไอ้โจ๊กก็เป็นคนห้ามเองอะ จะว่าไปพวกตัวท็อปของสาขาโฆษณานี่ก็เบ้าหน้าไม่ธรรมดาเลยนะ รูปร่างก็ดี ผิวก็ดี ผมชอบผิวไอ้โจ๊กนะ ถึงจะสีแทนแต่มันก็ช่างเนียนเหลือเกิน

    เป็นผิวที่น่าแดก

    แต่คนที่น่าแดกทั้งตัวน่าจะเป็นไอ้โจ้ แก้มย้วยๆ ขาวอมชมพูนั่นโคตรน่ากัด ในบรรดาเพื่อนๆ มันตัวเล็กที่สุดละ ถ้ามายืนหลบอยู่ด้านหลังผมก็มิดอะ มันตัวเล็กไปหรือผมตัวใหญ่เกินวะ ช่างเถอะ เอาเป็นว่ามันน่ารักมากก็แล้วกัน ส่วนไอ้จินนั้นเราจะปล่อยมันไปครับ จะไม่มีการพูดถึงไอ้บ้านี่แต่อย่างใด

    รำคาญ

    ป่านนี้แก๊งค์ท่านประธานน่าจะนั่งทำพร็อพสแตนด์กันอยู่ จะว่าไปก็เหลือเวลาอีกแป๊บๆ เดี๋ยวก็กีฬาสีแล้วนะเนี่ย ผมแอบเอาน้ำเปล่าไปแขวนไว้ที่ล็อกเกอร์พี่ขันทุกวันเลย ช่วงนี้เขาซ้อมบาสฯ อยู่ครับ เดี๋ยวจะแข่งวันมะรืนนี้แหละ

    ผมจะต้องแอบไปเชียร์เงียบๆ

    เมื่อหลายวันก่อนที่ผมฝันร้ายมากๆ แล้วไปกินติมมืดมันเป็นวันที่โคตรโชคดีอะ ผมได้เจอพี่ขันที่นั่นด้วย แต่การเจอนี่ก็ทำให้เจ็บตัวนิดหน่อย

    แม่งต้องเป็นแผลเป็นแน่ๆ

    พี่ขันเขาเดินมาชนตอนที่ผมกำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ แรงชนก็ทำให้เขาล้มมาทับ มือผมก็ดันไปโดนบุหรี่พอดี โคตรแสบ เหมือนโดนดุด้วยว่าถ้าไม่ถือบุหรี่ไว้ก็ไม่โดนหรอก แล้วพี่ขันก็บอกว่าถ้าเลิกสูบก็ดีนะ เท่านั้นแหละ ผมนี่ทิ้งบุหรี่ไปทั้งซองเลย เนี่ยะ เป็นอีกครั้งที่คิดจะเลิกสูบบุหรี่เพราะพี่ขัน ผมก็หวังว่าการเลิกสูบครั้งนี้มันจะสำเร็จไปได้ด้วยดี

    ก็ได้แค่หวังแหละวะ

    คืนที่เจอกันที่ติมมืดมันทำให้ผมรู้สึกแฮปปี้อยู่ไม่น้อยเลยนะ นี่ยังจำเสียงที่เขาบอกฝันดีได้อยู่เลย ผมไม่คิดว่าคนอย่างพี่ขันจะพูดคำนั้นกับผมด้วยซ้ำ ไหนจะเรื่องให้รีบกลับหอมานอนอีก คือเป็นคำธรรมดาที่ดีต่อใจมากเว่อร์อะ เป็นไปได้ก็อยากจะได้ยินแบบนี้ไปทุกวัน

    ขนาดยังไม่ได้หลับยังฝันได้เพ้อเจ้อขนาดนี้

    ฮุกกก.ก..ก.....

    "ไอ้หมี!!!!"

    ผมหันมองไปตามเสียงก็พบกับหัวหน้าของสาขาโฆษณา "อุ๋ง...."

    "ที่รักกกกกกกกกกก" เสียงแหกปากของไอ้ยะดังลั่นขึ้นมาทันทีก่อนที่ตัวมันจะรีบปรี่เข้าไปหาคนที่เดินออกมาจากตึก

    อะไรมันจะขนาดนั้นวะ

    "อื้ออ.ออ....อะไรของมึงเนี่ยะยะ" ไอ้อุ๋งมันดันหน้าผัวตัวเองออก "ไปซ้อมโน่นไป จะมากอดกูทำไม"

    "ก็เค้าคิดถึงตัวนี่ครับ"

    "ไม่ต้องมาคิดถึงกูเลย ไปซ้อมได้แล้ว"

    "ตัวเองงงง"

    ไอ้อุ๋งมันเสยผมไอ้ยะขึ้นก่อนจะจุ๊บหน้าผากขาวนั่นดังจ๊วบ "ไปซ้อม"

    "ได้เลยครับผม" ว่าแล้วมันก็กลับไปซ้อมเหมือนเดิม แหม่ ว่าง่ายจริงซะนะมึง

    "ผัวมึงก็เชื่องดีเนอะ"

    "ไม่เชื่องก็ได้ไปนอนห้องน้ำอะดิ ว่าแต่มึงทำไรอยู่ ทำไมไม่ไปซ้อมกับพวกมันอะ มึงเป็นเฮดหนิ"

    "อ๋อ กูกำลังกังวลเรื่องคนที่จะมาตีกลองให้ว่ะ ยังหาคนไม่ได้เลยมึง"

    "ให้กูตีให้เปล่า กูตีได้นะกลองอะ"

    ผมส่งไม้กลองไปให้มัน "วันงานจริงมึงว่างรึเปล่า"

    "ว่างดิ เด็กในสาขากู รุ่นพี่เขาเอาไปช่วยฝ่ายสต๊าฟอะ แต่กูขี้เกียจ เดี๋ยวถ้าพี่ม่านถามกูจะบอกเค้าไปว่ามาตีกลองให้หลีดฯ โจ๊ก" ไอ้อุ๋งบอกก่อนจะเริ่มตีกลองเป็นจังหวะเพื่อวอร์มมือ

    ฟังจากสกิลการตีของมันนี่ก็ใช้ได้เลย โอเคเราได้มือกลองแล้วครับ คณะหลีดฯ โจ๊กของนิเทศฯ ปีนี้มันจะต้องเป็นที่น่าจับตามองมากแน่ๆ ตั้งแต่ตัวหลีดฯ ไปจนถึงมือกลอง ไอ้อุ๋งมันเป็นคนที่ออร่าจับมากที่สุดในกลุ่มมันแล้วนะ ตัวแม่งใหญ่พอๆ กับผมเลย จำได้ว่ารู้จักมันครั้งแรกที่ร้านจันทร์เจ้า มันเมาแล้วมาบ่นเรื่องไอ้ยะให้ฟัง ตอนนั้นผมก็งงๆ อยู่หรอกแต่สุดท้ายก็เป็นคนแบกมันไปส่งที่หอ

    นั่นแหละจุดเริ่มต้นของมิตรภาพ

    ช่างสวยงามซะนี่กระไร

    "เอออุ๋ง เดี๋ยวกูเอาเพลงที่จะเต้นมาให้มึงละกัน วันนี้เอาแค่ส่วนเซ็ตอัพก่อน"

    "โอเค ว่ามา"

    "ก็มันจะเป็นสเต็ป ตึ่ง โป๊ะ โป๊ะ โป๊ะ โป๊ะ ตึ่ง ตึ่ง โป๊ะ โป๊ะ โป๊ะ โป๊ะ ตึ่ง ตึ่ง โป๊ะ โป๊ะ โป๊ะ โป๊ะ ตึ่ง ตึ่ง CA!!! แบบนี้อะ 2 รอบ"

    "อ๋อ แบบนี้ใช่ไหม" มือเรียวตีกลองไปตามจังหวะที่ผมบอก "แล้วไงต่อ"

    "จนถึงตอนนี้พวกกูจะเดินมาตรงหน้าพอดี มึงก็ตีต่อด้วยจังหวะเดิมนั่นแหละ แต่เดี๋ยวมันจะเปลี่ยนคำเป็นว่าน่ารัก กูต้องไปเตี๊ยมกับทางสแตนด์ด้วย"

    "เก็ตตตต เพลงแรกนี่อะไร CAน่ารักเหรอ"

    "ใช่แล้ว เดี๋ยวตอนที่กูเอารายชื่อเพลงมาให้มึงอะ กูจะแทรกจังหวะไปให้เลยนะ มึงน่าจะเข้าใจอยู่แหละ"

    มันพยักหน้ารับเบาๆ "แล้วนี่จะซ้อมทุกวันหลังจากนี้เลยป้ะ กูได้เคลียร์ตารางงานให้"

    "ก็คงจะเป็นอย่างนั้นแหละมึง เหลือเวลาอีกแค่ 3 อาทิตย์เอง"

    "โอเค มึงลองซ้อมเซ็ตอัพพร้อมกลองเลยไหมล่ะ ได้รู้จังหวะ"

    "เออ เอาเลยก็ได้" ผมบอกก่อนจะเดินมาสมทบกับพวกเพื่อนๆ ที่ซ้อมเซ็ตอัพอยู่ "พวกมึงทุกคนครับ เดี๋ยวเราจะลองฟังเสียงกลองแล้วทำท่าที่ซ้อมเมื่อกี๊ให้ตรงตามจังหวะนะ"

    "กูยังจำไม่ได้เลย" เสียงบ่นงุ้งงิ้งดังออกมาจากปากไอ้จินแต่ผมหาสนไม่ ต้องรีบซ้อมครับเพราะว่ามีมิชชั่นที่ต้องไปทำต่อตอนเย็น

    เมื่อวานพี่กล้วยมันสั่งผมว่าให้เอาของไปให้เพื่อนที่ตึกวิศวะฯ หน่อย แน่นอนว่าเพื่อนมันเนี่ยะผมรู้จักแน่นอน ของที่เอาไปให้มันคือตุ๊กตาแมวสีขาวขนฟู มันน่ารักนะแต่ก็น่าหมั่นไส้มากเหมือนกัน ผมแอบบีบแก้มไปหลายรอบละ เนี่ยะ เดี๋ยวถ้าเอาตุ๊กตาไปส่งเสร็จ ผมก็จะเอาน้ำไปแขวนไว้ให้พี่ขันแล้วก็กลับหอนอน

    เท่านี้ก็เสร็จสิ้นมิชชั่น

    "เอาแขนไพล่หลังสิวะไอ้จิน!!!"

    มันจะได้เรื่องไหมวะวันนี้

     

     

    ***

     

     

    ตึกวิศวกรรมศาสตร์

    ผมถือตุ๊กตาแมวเดินเข้ามาในอาณาบริเวณตึกวิศวะฯ พลางสอดส่องหาตัวคนเจ้าของมัน ตอนนี้ก็ 5 โมงเย็นแล้วครับ พวกเด็กวิศวะฯ กำลังเดินกันให้ว่อนเลย บ้างก็ซ้อมหลีดฯ บ้างก็นั่งทำพร็อพกัน งืมมมม คือเด็กแม่งเยอะฉิบหายแบบนี้แล้วคุณหมีคนดีจะหาเจอไหมเนี่ย

    อา....ร้องไห้แป๊บ

    "ไอ้หมี!!!!"

    เหมือนโชคจะเข้าข้างแฮะ

    "พี่อาร์มมมม" ผมหันมองไปตามเสียง ก็พบร่างสูงที่กำลังถือแผ่นโฟมแผ่นใหญ่เดินเข้ามาหา

    "มาทำอะไรที่นี่วะ"

    "พี่กล้วยฝากเอาตุ๊กตามาให้พี่น่ะ"

    "อ๋อเออ กูฝากมันซื้อ มึงไปที่โต๊ะกูก่อนดิ เดี๋ยวกูฝากเงินไปให้ไอ้กล้วยมัน" ว่าแล้วพี่มันก็เดินนำผมไปที่โต๊ะทันที

    เหล่าสหายของพี่อาร์มนั้นผมก็รู้จักทุกคน พี่พวกนี้เขาเรียนอุตสาหการปี 3 ครับ ก็จะไม่ได้สนิทกับพวกแก๊งค์พี่ขันสักเท่าไหร่ แต่พวกพี่อาร์มนี่ถือว่าเป็นตัวท็อปของสาขาเลยนะ

    "อ้าวไอ้หมี"

    "สวัสดีนะพี่ๆ " ผมยกมือไหว้ไปทั่วทั้งโต๊ะ "ทำอะไรกันอะ"

    "ทำพร็อพพาเหรด ทำไมเหมือนไม่ได้เจอมึงนานเลยวะ" พี่ปูนเอ่ยถามก่อนจะหยิบถุงเยลลี่ส่งมาให้ผม

    "ขอบคุณครับ เอาจริงๆ หมีมาแถวนี้บ่อยนะพี่ พวกพี่แค่ไม่เจอเอง"

    "ก็อาจจะจริงของมึง พวกกูนี่ช่วงนี้หลบกันอยู่แถวซอกตึกโน่น"

    ผมมองตาโตทันที "ทำไรอะ แอบทำตัวเกเรกันเหรอพี่กี้"

    "เกเรก็แย่ละ ก็ซุ่มทำพร็อพนี่แหละ มึงเอากรรไกรมาให้กูซิมิกซ์"

    "อ๋อ....เหนื่อยเนอะ เนี่ยะ ของหมีอะปีนี้ก็ไปเป็นหลีดฯ โจ๊ก"

    "เห้ยจริงดิ เดี๋ยวพวกกูรอดู เต้นดีพี่มีหนมปี๊บให้"

    ผมทำหน้ามุ่ยใส่พี่อาร์ม "ถ้าให้เงินเป็นปี๊บก็จะดีใจมากกว่านะ"

    "ฮ่าๆ ๆ ๆ คิ้ววววท์" มือเรียวเลื่อนมาขยี้หัวผมก่อนจะไล่มาบีบแก้มต่อ "ว่างวันไหนบอกบ้างดิ อยากพาไปกินชาบูด้วยกัน"

    "คงจะเป็นหลังกีฬาสีนั่นแหละพี่ เดี๋ยวหมีไลน์บอก" หลังจากที่ผมบอกแบบนั้นพี่อาร์มมันก็พยักหน้ารับก่อนจะหยิบเงินค่าตุ๊กตาส่งมาให้

    ปกติแล้วผมจะไม่ค่อยให้ใครได้แตะแก้มตัวเองมากนักนะครับยกเว้นแต่คนที่สนิทจริงๆ อย่างพี่อาร์มเนี่ยะ ผมก็รู้จักมาตั้งแต่สมัยมัธยมฯ ละ เราเรียนคนละโรงเรียนนะ แต่ชอบเอาอาหารไปให้แมวจรจัดที่สวนสาธารณะเดียวกัน พี่มันเป็นทาสแมว รักแมวมาก ด้วยความที่ผมเองก็เป็นคนรักสัตว์ไงก็เลยคุยกันถูกคอ เพราะแบบนี้แหละเราก็เลยสนิทกัน

    นี่ก็เป็นอีกหนึ่งมิตรภาพที่สวยงามของผม

    ปรบมืออออ

    แปะ แปะ แปะ แปะ

    "รีบไปไหนป้ะล่ะ อยู่กับพวกกูก่อนไหม"

    "อยู่แป๊บนึงก็ได้ เดี๋ยวสัก 6 โมงหมีค่อยไป" ผมบอกก่อนจะนั่งลง "มีอะไรให้ช่วยทำป้ะ"

    พี่มิกซ์ส่งโฟมกับคัตเตอร์มาให้ผมทันที "ตัดโฟม"

    "โอเคเลย....เรื่องตัดโฟมนี่ขอให้บอก"

    แม่งตัดไม่เคยจะตรง

    ฮุกก.ก.ก.....

     

    [บันทึกพิเศษ : ขัน]

     

    ทำไมมันรู้สึกหัวร้อนแบบนี้วะ

    หงุดหงิดอีกต่างหาก

    จิ๊....บ้าชิบ

    ผมยืนดูดน้ำแดงอยู่ตรงเยื้องๆ ตู้กดน้ำ สายตาก็จับจ้องไปที่พวกเด็กอุตสาหการที่นั่งทำพร็อพกันอยู่ ปกติแล้วผมไม่ใช่พวกมายืนสังเกตชาวบ้านชาวช่องแบบนี้หรอกนะ แต่มันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมเห็นแล้วรู้สึกหงุดหงิด ในกลุ่มที่นั่งกันอยู่นั่น มีคนนึงที่สวมเสื้อแจ็คเก็ตของคณะนิเทศฯ ซึ่งถ้าผมจำไม่ผิดมันคือ....

    ไอ้หมี

    เป็นมันอีกแล้ว

    ผมไม่ได้รู้จักเด็กอุตสาหการกลุ่มนี้มากเท่าไหร่ ที่รู้ๆ คือเป็นตัวท็อปของสาขา ในกลุ่มนั้นมันจะมีคนนึงที่หน้าตาดีมากๆ ซึ่งตอนนี้ไอ้คนนั้นกำลังบีบแก้มขาวๆ ของไอ้หมีอยู่ เท่าที่ผมยืนมองมาสักพักนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่แก้มขาวนั่นโดนบีบนะ

    หึ้ยย.ย....หมั่นไส้จังวะ

    นึกย้อนกลับไปเมื่อหลายวันก่อนที่ผมไปเจอมันที่ร้านติมมืด วันนั้นมันก็มากับผู้ชายอีกคน แต่พอมาวันนี้มันก็มาอยู่กับผู้ชายอีกคน จะสับรางเก่งไปไหนวะ ไม่กลัวรถไฟจะชนกันบ้างรึไง คนประเภทเนี้ยะ....ผมเกลียดที่สุดเลย

    พวกเจ้าชู้หลายใจ

    น่าสงสารผู้ชายที่มาพัวพันกับมันจริงๆ

    "ทำไรอยู่วะขัน"

    ผมสะดุ้งตามเสียงนั่น หันกลับมาก็เจอกับไอ้แช่มที่ยืนอยู่ "ตกใจนะไอ้สัส"

    "แหม พ่อหนุ่มขวัญอ่อน ว่าแต่มึงมาทำอะไรตรงนี้วะ แล้วมองใครอยู่" มันชะเง้อคอมองตาม

    "ไม่มีอะไรหรอกหน่า กูแค่ยืนกินน้ำ"

    "เหรออออ นั่นไอ้หมีหนิ"

    "เออ น้องรักมึงอะ" ผมเบ้ปากใส่ "สงสัยจะหลงตึกมา"

    ไอ้แช่มหันขวับมองผม "เป็นห่าไรถึงต้องแซะมัน มึงนี่ก็บ้า"

    "จิ๊....กูไม่เข้าใจเลยว่ะแช่ม วันที่เราไปติมมืดกันอะ วันนั้นกูก็เจอมันมากับผู้ชายอีกคน พอมาวันนี้กูก็เจอมันอยู่กับผู้ชายอีกคน มันทำแบบนี้ได้ไงวะ ไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ" ผมบ่นอย่างหัวเสีย ก็ไม่เข้าใจตัวเองหรอกว่าทำไมต้องหงุดหงิดอะไรถึงขนาดนี้ แต่แม่งก็ห้ามไม่ให้คิดไม่ได้จริงๆ อะ

    "มึงใจเย็นๆ ก่อนนะเพื่อนรัก จะโมโหอะไร"

    "ก็กูไม่เข้าใจอะ"

    "วันที่ไปติมมืดไอ้หมีมันไปกับไอ้จ๊อบ"

    "จ๊อบไหนวะ มึงรู้จักด้วยเหรอ"

    มันพยักหน้ารับเบาๆ "ก็เจอที่ร้านเหล้าบ่อย มันเป็นพี่ที่สนิทกับไอ้หมี ก็รุ่นเดียวกับเรานี่แหละแต่เรียนอยู่สินกำ ส่วนไอ้ที่อยู่ตรงนั้นก็คือไอ้อาร์มเด็กไออีปี 3 ไง ก็คงสนิทกับไอ้หมีนั่นแหละ"

    "ใจคอจะสนิทกับทุกคนเลยเหรอวะ เกินไปป้ะ"

    "มึงเป็นไรเนี่ยะ หึงอ๋อ"

    ผมหันมองหน้าคนพูดทันที "หึงบ้าหึงบออะไรของมึง คนอย่างกูเนี่ยนะจะหึงมัน ตลกละ กูไม่ได้รักมันซะหน่อย กูก็แค่ไม่ชอบป้ะวะ ทำไมต้องรู้จักคนเยอะแยะแบบนั้นอะ แล้วจำเป็นต้องสนิทกับทุกคนแบบนี้เลยเหรอ หัวเนี่ยะยอมให้ขยี้ได้ยังไง ไหนจะแก้มนั่นอีก ยอมให้คนอื่นบีบแบบนั้นมันก็ไม่ใช่ไหมล่ะ หึ้ยย...ย.ย....น่าหงุดหงิดชิบหาย"

    "อันนี้ให้เหตุผลหรือว่าแถ"

    "ไอ้แช่มมมม!!!"

    มือเรียวยกขึ้นมาบีบแก้มผมเข้าด้วยกันจนปากจู๋ "ฟังเพื่อนแช่มนะขันเพื่อนรัก ไอ้ที่มึงเป็นๆ อยู่เนี่ยะ มันเรียกว่าอาการหวง....ชิบหายยยย"

    "ไม่ใช่!!!"

    "ส่วนเนี่ยเรียกอาการปากแข็ง" ไอ้แช่มมันลดมือลงก่อนจะทำหน้ามุ่ยใส่ผม "มึงลองตั้งสติแล้วถามตัวเองดูว่าเป็นอะไรกันแน่ ปากบอกไม่ชอบ แต่เวลาเห็นมันอยู่กับคนอื่นก็ทำมาเป็นหมึดหมัด เอาน้ำสักสามถังไหมดับความหัวร้อน"

    "จิ๊....พอเลิก เลิกคุยเรื่องนี้ กลับไปซ้อมดีกว่า"

    "เปลี่ยนเรื่องเก่ง"

    "มึงอยากตายไหม ถ้ายังไม่อยากตายก็ตามมาซ้อมได้แล้ว" ผมทำหน้าเหี้ยมใส่มันก่อนจะเดินนำกลับมาที่สนามบาสฯ

    ตอนแรกก็ว่าหงุดหงิดมากแล้วนะ พอยิ่งไอ้แช่มพูดแบบนั้นออกมาผมยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเดิมอีกให้ตายสิ อะไรทำให้มันคิดว่าที่ผมเป็นแบบนี้เพราะผมหึงไอ้เด็กบ้านั่นวะ ตลกชะมัด ใจผมยังเป็นของน้องแว่นเหมือนเดิม และมันก็จะไม่มีวันเปลี่ยนด้วย ผมก็แค่ไม่ชอบที่มีคนเจ้าชู้แบบนั้นมาวนเวียนอยู่รอบๆ ตัวเท่านั้นเอง

    นี่ต่างหากคือเหตุผลจริงๆ

    ผมหยิบลูกบาสฯ ขึ้นมาก่อนจะไปเริ่มซ้อมต่อกับกลุ่มเพื่อน ต้องมีสมาธิหน่อยครับเพราะมีแข่งนัดแรกวันมะรืนนี้ วิศวะฯ จะต้องได้แชมป์เหมือนกับปีก่อนๆ จะปล่อยให้พลาดไม่ได้จริงๆ คณะที่ผมต้องแข่งด้วยนัดแรกก็เป็นสายแข็งอย่างเกษตรฯ เพราะงั้นต้องยิ่งตั้งใจซ้อมให้มากๆ

    จะประมาทไม่ได้เลย

    โป๊กกกก

    "โอ๊ยยยย" ผมยกมือขึ้นกุมหัวตัวเองทันที "ใครมันปาลูกบาสฯ ใส่หัวกูวะ"

    "ไอ้แช่ม"

    "ไอ้เล"

    "ไอ้เฌอ"

    "ไอ้ฉาย"

    "ไอ้พวกเชี่ย!!! อย่าหนีนะมึ้งงงงงงงงงงง"

     

    ***

     

    ห้องล็อกเกอร์

    ผมเดินกุมหัวตัวเองเข้ามาในห้องล็อกเกอร์ เจ็บชิบ มีเพื่อนแบบพวกแม่งนี่ประสาทจะแดก เก่งกันจริงๆ เลยเรื่องแกล้งผมเนี่ยะ ไม่รู้ว่ามันสนุกอะไรกัน เนี่ยะ มันน่าจะเอาเวลาที่แกล้งผมไปตั้งใจซ้อม ถ้าวันแข่งใครเล่นไม่ได้เรื่องนะ ผมจะไล่บ้องหูเรียงตัวเลย

    หมั่นไส้

    ตอนนี้เป็นเวลาประมาณทุ่มกว่าๆ แต่ในตึกก็ยังคึกคักพอตัวเลย ก็นะ มันต้องรีบทำพร็อพหนิ อีก 3 อาทิตย์ก็เป็นวันกีฬาสีละ ฝ่ายสต๊าฟของสแตนด์อ้อนวอนมาว่าให้ผมโผล่ไปทำหน้าเหี้ยมใส่น้องๆ หน่อยมันจะได้ตั้งใจซ้อมกัน ไม่เข้าใจว่าทำไมเวลาแบบนี้ถึงชอบคิดถึงหน้าผมกัน นี่หน้าโหดขนาดนั้นเลยเหรอวะ

    ควรจะดีใจถูกไหม

    ผมเดินมาถึงล็อกเกอร์ของตัวเองแต่ก็ต้องสะดุดตากับถุงอะไรบางอย่างที่แขวนไว้ด้านหน้า มันไม่ได้เป็นแค่วันนี้นะครับ แต่มันมีถุงแบบนี้มาแขวนไว้ให้แบบนี้หลายวันแล้ว

    ถุงใส่ขวดน้ำเปล่าเนี่ยะ

    "ของใครวะ" ผมพึมพำกับตัวเองอย่างสงสัย น้ำที่ได้มาทุกขวดผมไม่เคยกินเลยนะ เก็บไว้ในล็อกเกอร์เนี่ยะ อยากรู้จริงๆ ว่าใครเป็นคนเอามาแขวน

    หืมมมม....

    ริสแบนด์ของใคร

    ผมก้มหยิบริสแบนด์สีแดงที่มีลายล้อมรอบเขียนไว้ว่า Monsta X : Hyungwon มันคืออะไรวะ แต่ริสแบนด์เนี่ยะผมพอจำได้นะว่าใครเป็นเจ้าของ เพราะวันที่ผมล้มทับมันเนี่ยะ ผมเห็นเต็มๆ เลย

    ริสแบนด์เส้นนี้เป็นของไอ้หมี

    "แม่งเข้ามาได้ยังไงวะ"

    "ขันนนน"

    ผมหันไปตามเสียงก็พบกับไอ้แช่มที่เดินเข้ามา "อะไรวะ"

    "เสร็จยังอะ อ้าว มีน้ำแขวนไว้อีกแล้วเหรอ"

    "เออ" ผมเก็บริสแบนด์ใส่ไว้กระเป๋ากางเกงตัวเองก่อนจะเปิดล็อกเกอร์แล้วเอาน้ำใส่ไว้เหมือนกับขวดอื่นๆ "แล้วเพื่อนๆ เราอะ"

    "รออยู่ข้างนอกโน่น ถ้ามึงเสร็จแล้วก็ไปกันเถอะ หิวแล้วเนี่ย" มันบอกก่อนจะเดินออกไป ผมก็เดินตามหลังมันมา

    "นานจังวะขัน ทำไรนักหนา" ไอ้เฌอบ่นพร้อมกับทำหน้ามุ่ยใส่

    ผมยกมือขึ้นไปบีบแก้มมันแรงๆ "บ่นอะไรคะที่รัก หิวขนาดนั้นเลยหรอหืม"

    "เออหิว ไปได้แล้ว" มันปัดมือผมก่อนจะเดินนำไป

    "แหม ทีตัวเองบีบแก้มคนอื่นไม่เห็นจะคิดเยอะ ทีมีคนอื่นมาบีบแก้มน้องทำเป็นหงุดหงิด"

    "นี่เพื่อนกูไหมล่ะ" ผมตวัดสายตาดุๆ ไปให้ไอ้แช่ม

    มันเบ้ปากใส่ผมจนสุด "นั่นมันก็เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันไหมล่ะ มึงอะยิ่งพูดก็ยิ่งจนมุม แพ้ไปซะไป"

    "มึงน่ะหุบปากไปเลยไอ้แช่ม" ผมผลักมันจนเซก่อนจะเดินหนีมาอยู่ข้างเฌอแทน เดี๋ยวถ้าถึงทีผมซ้ำเติมมันนะ จะเอาให้แม่งไม่มีที่ยืนเลย

    แค้นนี้ต้องชำระ

    เดี๋ยวผมมีเรื่องต้องจัดการหลังจากวันนี้ด้วย ต้องไปที่ตึกนิเทศฯ ครับเพราะว่าต้องเอาของไปคืนคน ต้องแวะไปด่าไอ้หนมด้วยเพราะเมื่อวันที่ผมไปล้างบ่อปลาคาร์ฟแม่งถีบผมตกบ่อ ต่อหน้าเพื่อนมันทั้งกลุ่มเลย โคตรอับอาบขายขี้หน้า ทำแบบนี้กับขันคนโฉดซะได้

    หึ....เตรียมตัวเตรียมใจไว้เลยคณาณัฐ

     

    [จบบันทึกพิเศษ : ขัน]

     

    "มึงเลิกทำหน้าแบบนั้นสักทีเถอะหมี"

    "กูกำลังโซแซดอยู่นะ"

    "แล้วไปทำหายที่ไหน มึงได้ใส่รึเปล่าวันนี้"

    "กูใส่ทุกวันเลยนะหนม มึงน่าจะเห็นป้ะวะ ไม่รู้มันหลุดมือไปตอนไหน"

    "เอาน่ะมึง มันหายไปแล้วก็ต้องซื้อใหม่แหละวะ"

    ผมยกมือขึ้นทำเป็นปาดน้ำตา "ฮุกก.กก....."

    "เดี๋ยวกูชงน้ำแดงปลอบใจให้ละกัน" ไอ้หนมบอกก่อนจะลุกไปชงน้ำแดงให้ผม ถ้าเป็นเวลาปกติแน่นอนว่าผมต้องดีใจมาก แต่ตอนนี้มันดีใจไม่ออกจริงๆ อะ

    ทำริสแบนด์หายครับ

    ริสแบนด์ชื่อฮยองวอนด้วย

    ผมไม่รู้ว่าเผลอไปทำร่วงไว้ที่ไหน มันไม่น่าจะหลุดไปจากข้อมือผมได้อะเอาจริงๆ นึกไม่ออกด้วยว่าตัวเองถอดออกไปตอนไหน จิ๊....เซ็งอะ ถ้าสมมุติว่ามันไปร่วงที่ห้องล็อกเกอร์นี่น่าเป็นห่วงเลยนะ แต่ผมคิดว่าถ้าพี่ขันเป็นคนเจอ เขาก็ไม่น่าจะจำได้ หรือถ้าจำได้ก็....ช่างแม่งละกัน

    เราห้ามสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไม่ได้อยู่แล้ว

    เฮ้อ....

    ตอนนี้ผมอยู่ที่หอไอ้หนมครับ ด้วยความที่พี่ขุนยังไม่กลับมาก็เลยแวะมาวอแวเพื่อนรักสักหน่อย ตั้งแต่ที่พี่ขุนย้ายมาอยู่กับไอ้หนมก็เห็นได้ชัดว่าห้องมันสะอาดและเป็นระเบียบขึ้นมาก ผมว่าคงเป็นฝีมือพี่ขุนแหละ อย่างไอ้หนมนี่ไม่มีทางมาเก็บห้องแน่นอน เพราะแค่แต่งนิยายมันก็จะเป็นบ้าละ

    "อะน้ำแดงมึง" มือเรียวส่งแก้วน้ำแดงมาให้ "ห้ามทำหก"

    "มึงเห็นกูเป็นเด็กรึไง"

    "เออน่ะสิ ทำหกกูตบคว่ำจริงๆ ด้วย"

    ผมเบะปากใส่มัน "ทำไมถึงรุนแรงนักล่ะ"

    "ไม่อยากให้รุนแรงก็ห้ามทำหกไง เออว่าแต่มึงเถอะ ได้นอนบ้างไหมเนี่ยะ"

    "นอนสิวะ" ถึงจะนอนน้อยมากๆ ก็เถอะ

    "ก็ดี หัดดูแลตัวเองซะบ้าง คนเป็นห่วงมึงเยอะนะ"

    "ซึ้งใจจัง" ผมดูดน้ำแดงที่เพื่อนรักชงให้ "อื้ออ.อ.อ....อร่อย สนใจไปเป็นคนชงน้ำแดงประจำตัวกูไหม"

    "ไม่อะ เบื่อขี้หน้ามึง"

    "ใช่ซี้ กูไม่ใช่พี่ขุนไง ใช่ซี้" ผมยกมือขึ้นทำเป็นปาดน้ำตา ไอ้หนมมันก็มองผมนิ่งๆ

    "รำคาญ ไปไกลๆ ไป"

    "ไม่ไป" ผมบอกก่อนจะหันหนีไอ้หนม "โอ๊ยยยย มึงตีกูทำไมเนี่ย"

    "หมั่นไส้ นั่งเงียบๆ ไปกูจะแต่งนิยาย" เจ้าของห้องบอกก่อนจะเดินไปนั่งอยู่หลังโน้ตบุ๊กแล้วเริ่มพิมพ์นิยายต่อ

    โดนทิ้งแล้วคุณหมี

    ผมนั่งดูดน้ำแดงไปเรื่อยๆ ตาก็มองไอ้หนมไปด้วย จะว่าไปมันก็เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันนะตั้งแต่มีผัวเป็นตัวเป็นตนน่ะ เนี่ยะ เมื่อไหร่กุศลที่ผมคอยช่วยให้มันกับพี่ขุนได้กันจะช่วยมาดลบันดาลให้พี่ขันจำผมได้สักที เคยคิดเหมือนกันนะว่าถ้าเขาจำผมได้ขึ้นมาแล้วมันจะยังไงต่อ เขาจะเหมือนเดิมไหม

    ความรู้สึกที่มีจะเปลี่ยนไปรึเปล่า

    คิดแล้วปวดใจจริงๆ

    "อย่ามาทำหน้าเศร้าสิวะ มันเหมือนไม่ใช่มึงเลยนะ"

    "เห็นได้ยังไง"

    "ผ่านจอโน้ตบุ๊ก" ไอ้หนมหันกลับมามองผม "ถ้าไม่โอเคก็นอนกับกูก็ได้นะ เดี๋ยวกูให้พี่ขุนกลับไปนอนหอ"

    "เห้ยกูโอเคน่ะ มันก็แค่เหนื่อยๆ ว่ะหนม ช่วงนี้งานเยอะ"

    "มึงไม่ได้เหนื่อยเรื่องงานไงหมี แต่ช่างเถอะ ถ้ามึงว่าแบบนั้นกูก็จะเชื่อแบบนั้น ยังไงซะ คนที่รู้ดีที่สุดก็คือตัวมึงแหละนะ ไม่ไหวเมื่อไหร่ก็บอก เพื่อนๆ รอดูแลมึงอยู่ตลอด"

    "ขอบใจนะมึง"

    "ไม่เป็นไร....มึงเป็นเพื่อนกูหนิ"

    ฮุกกก.ก.ก....ซึ้งใจจัง

    "ฮือออออ.อ.อ.อ....ซึ้งง่ะ.....กูจะร้องห้ายยยย"

    "จะร้องก็ไปร้องในห้องน้ำโน่น อย่าเสียงดัง กูจะแต่งนิยาย"

    ยังไงนิยายก็สำคัญกว่ากูสินะ

    "ฮุกกก.ก.ก.....แงงงงงงงงงงงงงงงงงงง"

    "ไอ้หมี!!!! มึงนี่แม่งงงง"




    TBC

    สวัสดีค้าบ ชัลมาส่งขันหมีเวอร์ชั่นรีปริ้นท์แล้วฮะ

    เดี๋ยวจะมาส่งอีกนะค้าบบบบ


    ติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaltreee หรือเพจ Fiction Yaoi Th

    #ผมไม่ได้เจ้าชู้ #ขันหมี

    ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านค้าบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×