ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I'm not Playboy ผมไม่ได้เจ้าชู้ [END] [Rewrite]

    ลำดับตอนที่ #2 : หน่วงเดย์ของคุณหมีคนดี [Rewrite]

    • อัปเดตล่าสุด 19 ส.ค. 64


     

    บุหรี่มันไม่ดีต่อสุขภาพก็ยังจะชอบสูบ

    ข้างซองก็เขียนโทษไว้อยู่แล้วทำไมไม่จำนะหมี

    "ฟู่ววววววววววว ขาวโพลนไปหมด" ผมยกมือปัดควันที่ลอยฟุ้งอยู่เต็มอ่างอาบน้ำ คือตอนนี้นอนแช่น้ำอยู่ไง ละก็สูบบุหรี่ ฟังเพลงเศร้า ชีวิตเข้าสู่โหมดดราม่าอย่างเต็มที่ เดี๋ยวต้องเขียนโพสอิทแปะไว้บนหัวเตียงว่า....

     

    'หน่วงเดย์ของคุณหมีคนดี'

     

    ฮืออออ ร้องไห้แป๊บ

    ผมเขี่ยขี้บุหรี่ทิ้งก่อนจะยกขึ้นมาสูบใหม่ มันเป็นแบบนี้วนเวียนมาหลายมวนแล้ว สูบหนักมากจนในห้องน้ำเต็มไปด้วยควัน แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะขาดออกซิเจนนะครับ เพราะว่าผมเปิดพัดลมระบายอากาศตลอด ตอนแรกห้องน้ำนี้ไม่มีพัดลมระบายอากาศหรอก แต่ว่าเพราะผมสูบบุหรี่ในนี้บ่อย พี่เสือถึงสั่งคนให้มาติดพัดลมไว้ให้เพราะเขากลัวว่าผมจะขาดอากาศตาย

    เป็นห่วงน้องจริงๆ

    พี่เสือเป็นพี่ชายเพียงคนเดียวของผม พี่ชายที่เป็นพี่ชายแท้ๆ มีสายเลือดเดียวกัน โตมาด้วยกัน คนส่วนมากไม่ค่อยรู้หรอกว่าเราเป็นพี่น้องกัน พี่เสือแก่กว่าผม 4 ปี ตอนนี้เรียนอยู่คณะแพทย์ฯ ปี 5 แล้วครับ ที่ผมรู้จักพี่หมอพลก็เป็นเพราะว่าเขาเป็นเพื่อนของพี่เสือนั่นแหละ พี่ของผมหล่อและโซฮอตมากเลยนะ

    ที่สำคัญคือนางยังโสด

    เป็นที่หมายปองสุดๆ

    ผมว่าที่พี่เสือยังไม่มีใครเพราะเจ้าตัวเอาเวลาส่วนนั้นมาตามดูแลผมนี่แหละ ความจริงเรื่องที่ผมสูบบุหรี่ นางก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นะ แต่ก็ยอมตามใจอยู่ดี ผมยังจำตอนที่ตัวเองเริ่มสูบบุหรี่ได้เลย ครั้งแรกคือตอนขึ้นม.5 แล้วก็เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ มีช่วงนึงผมคิดจะเลิกสูบแต่สุดท้ายแล้วก็กลับมาสูบอีก เหตุผลเพราะ....

    คนในรูปนี้ไง

    ผมหยิบกรอบรูปของพี่ขันที่วางอยู่ใกล้ๆ อ่างมาดู รูปนี้ผมแอบถ่ายไว้เมื่อนานมามากแล้ว เมื่อก่อนถ้าเจ้าตัวเผลอมาเห็นว่าผมแอบถ่ายอยู่เขาจะยิ้มให้กล้องด้วยล่ะ ซึ่งแม่งโคตรต่างกับตอนนี้เลย คิดแล้วเศร้า

    พ่นควันใส่หน้าแม่ง

    ฟู่วววว

    "เริ่มสูบบุหรี่ก็เพราะคุณ คิดจะเลิกสูบก็เพราะคุณ กลับมาติดอีกรอบก็เพราะคุณ....เพราะคุณคนเดียวเลยให้ตายสิ"

    ครืดดดด....ครืดดดด

    ผมวางกรอบรูปพี่ขันไว้ที่เดิมก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย "ว่าไงพี่กล้วย"

    (ตกลงคืนนี้มึงจะไปกี่โมง)

    " 2 ทุ่มก็ได้พี่"

    (หน้ามึงสิไอ้หมี อีก 3 นาทีจะ 2 ทุ่มอยู่ละ)

    "จริงอะ งั้น 3 ทุ่มละกัน" นี่ผมแช่น้ำนานขนาดนี้เลยเหรอวะ แช่ตั้งแต่ 6 โมงยัน 2 ทุ่ม เหลือจะเชื่อเลยหมี ผิวเปื่อยหมดละมั้ง

    (เออ งั้นเจอกัน 3 ทุ่มที่จันทร์เจ้า อย่าเลทล่ะ ว่าแต่มึงอยู่ไหนเนี่ยะ)

    "อยู่คอนโดฯ พี่เสือ กำลังแช่น้ำและก็รมควันตัวเองอยู่"

    (เพราะงี้นี่เองถึงได้หลงเวลา มึงนี่มันบัดซบจริงๆ )

    "อย่าว่าน้อง เอาเป็นว่าเดี๋ยวเจอกันนะพี่ หมีขึ้นจากอ่างละ"

    (เออ แล้วเจอกัน)

    "ค้าบบบบ" ผมขานรับก่อนจะกดวางสายแล้วลุกออกจากอ่างพร้อมกับเอาผ้าเช็ดตัวมาพันไว้รอบเอว

    เดี๋ยวต้องรีบแต่งตัวแล้วก็ไปที่ร้านครับ เพราะถ้าพี่กล้วยไปถึงก่อนเนี่ยะ มันจะด่าผม ที่นัดกันกินเหล้าวันนี้มีแค่ผม พี่กล้วย และก็พี่จ๊อบ ไปกันสามคนนี่แหละ มีน้อยแต่ร้อยเปอร์ เดี๋ยวก็ไปเจอคนรู้จักที่ร้านเหล้าอีกเยอะ คืนนี้ผมน่าจะได้เหล้าฟรีจากเอฟซีมากินบ้างแหละ

    มันก็มักจะเป็นแบบนี้ตลอด

    ร้านที่นัดกันวันนี้คือร้านจันทร์เจ้าครับ เป็นร้านประจำของผมเลยก็ว่าได้ พี่จันทร์เจ้าที่เป็นเจ้าของร้านเนี่ยะค่อนข้างที่จะสนิทกับผมในระดับนึงเลยแหละ พี่เจ้าเป็นหนึ่งในคนที่เคยบอกว่าชอบผม แต่ว่าผมก็ปฏิเสธเขาไปแล้วล่ะ ตอนนั้นบอกไปว่ามีคนที่ตัวเองชอบอยู่แล้ว พี่เขาก็เข้าใจนะแล้วก็บอกว่าเขาจะยังชอบผมต่อไป จะเตรียมมุขไว้หยอดจนกว่าผมจะใจอ่อน

    มีความพยายามสุดๆ

    หลังจากที่แต่งตัวเสร็จผมก็เดินออกมาจากห้องตัวเอง พบร่างสูงของพี่เสือยืนพิงโซฟารออยู่ แต่งตัวด้วยชุดนอนตั้งแต่หัวค่ำแบบนี้ก็คงจะไม่ได้ออกไปไหน ผมฉีกยิ้มแฉ่งให้พี่ชายสุดที่รัก เจ้าตัวไล่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะอ้าแขนออก พอเห็นแบบนั้นผมจึงเดินเข้าไปกอด กอดแบบแนบแน่นเลยเอ้า กลิ่นพี่เสือตอนอาบน้ำใหม่ๆ นี่โคตรหอม

    สูดเข้าไป

    "หนูจะไปไหน"

    ผมผละออกก่อนจะยิ้มหวานให้ "เค้าจะไปจันทร์เจ้า เค้านัดพี่กล้วยพี่จ๊อบไว้แล้ว"

    "ไปกินเหล้าอีกแล้วเหรอ" คนตรงหน้าทำหน้าบึ้งทันที "ตัวเองเป็นแพนิคนะ กินเหล้าแล้วอาการมันจะกำเริบเอาได้ง่ายๆ ก็รู้อยู่"

    "เค้า....กินเบียร์แทนก็ได้"

    "น้องหมี"

    ผมเอาหน้าซบไหล่กว้างนั่น "อย่าทำเสียงดุสิ เอาเป็นว่าเค้าจะกินน้อยๆ พี่เสือจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงดีไหม"

    "ยังไงพี่ก็เป็นห่วงอยู่ดี" เจ้าตัวบอกเสียงอ่อนพลางยกมือขึ้นลูบหัวผม

    "จะดูแลตัวเองดีดีครับ"

    "ถ้าขับรถกลับไม่ไหวก็โทรมา เดี๋ยวพี่จะไปรับ"

    "โอเคได้" ผมคลายกอดก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าผ้า

    "มีเงินใช้รึเปล่า"

    ผมพยักหน้ารับ "ที่พี่ให้มาเค้ายังใช้ไม่หมดเลย ถ้าหมดเดี๋ยวขอเอง เค้าไปละนะ"

    "ขับรถดีดีล่ะ"

    "ค้าบบบบ" ผมยิ้มหวานให้พี่เสือก่อนจะเดินออกมา

    เนี่ยะ ความเทคแคร์ดูแลนี้ใครได้ไปต้องเป็นคนที่โชคดีที่สุดในสามโลกอะ พี่เสือเขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กเลยนะ สรรพนามที่เราใช้เรียกกันมันก็เป็นแบบนี้ตั้งนานมากแล้ว ตอนเด็กๆ ผมติดเขามากกว่านี้อีก โตมาก็เพลาลงไปบ้าง ทุกคนต้องมีชีวิตส่วนตัวไงครับ ตั้งแต่ที่พี่เสือเข้ามหา'ลัยก็เรียนหนักแทบเป็นบ้า

    เห็นแล้วสงสาร

    เอาเป็นว่าพักเรื่องพี่เสือไว้ก่อนละกัน ตอนนี้เราต้องรีบไปร้านจันทร์เจ้า ความจริงถ้าไม่แถว่าจะไปกินเหล้า ป่านนี้ผมน่าจะยังคงแช่อยู่ในอ่างแล้วรมควันตัวเองต่อก็ได้ บางทีก็แอบสงสารปอด เฮ้อ....อดทนไว้หน่อยนะคุณปอด เดี๋ยวจะพยายามเลิกให้ได้ไวที่สุดละกันนะ อาจจะ 5 ปี หรือ 10 ปี

    ถึงตอนนั้นคงจะตายแล้วล่ะ

    ฮืออ.อ.อ.อ....เศร้า

    ผมยกมือทำเป็นปาดน้ำตาก่อนจะปลดล็อกรถฮอนด้าแจ๊สสีดำเพื่อนยาก ตอนแรกที่ซื้อก็กะจะเอาสีแดงแหละแต่ปะป๊าบอกว่าแสบตาเกินไป และถ้าปะป๊าแสบตาเนี่ยะเขาก็จะไม่ซื้อให้ ผมก็เลยต้องยอมเอาคันสีดำแทน แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ เพราะของที่อยู่ในรถทุกอย่างมันเป็นสีแดง เอาจริงๆ ของใช้ของผมมันเป็นสีแดงซะส่วนใหญ่

    เหมือนไอ้หนมที่ใช้แต่ของสีเหลืองอะ

    อารมณ์เดียวกัน

    พูดถึงท่านขนมแล้วก็รู้สึกอยากจะเบ้ปาก เมื่อก่อนตอนที่มันยังไม่มีแฟน ผมชอบไปนอนที่หอมันบ่อยๆ นะ แต่พอมีแฟนเท่านั้นแหละ คุณหมีคนดีนี่เคว้งคว้างเลย คือหอเพื่อนคนอื่นมันไม่ได้เข้าไปนอนง่ายๆ เหมือนของเพื่อนหนมไงครับ พักหลังมานี้ที่ผมฝันร้ายบ่อยๆ ก็มักจะไปหาพี่กล้วยหรือพี่จ๊อบแทน ถ้าไปหาพี่กล้วยก็อาจจะเจอพี่พลบ้างเป็นบางวัน

    ชีวิตหมีนี่ต้องขนาดนี้ไหมวะ

    หลังจากที่ขับรถมาสักพักก็มาถึงร้านจันทร์เจ้าแล้วครับ เวลาเกือบ 3 ทุ่มนี่กำลังคึกครื้นเลยแหละ ผมเอารถไปจอดก่อนจะลากสังขารตัวเองเดินเข้ามาในร้าน เจอคนโน้นคนนี้ทักทายอยู่เรื่อยๆ ผมก็ยิ้มแป้นไปตลอดทาง โซนโต๊ะที่ผมจองกับพี่ฉายไว้คือวีไอพีที่อยู่ด้านใน นั่งแถวนี้ก็จะได้เห็นเวทีเล่นดนตรีได้ใกล้ๆ

    "มาแล้วเหรอ....หมี"

    ผมหันไปตามเสียงก็พบกับคุณเจ้าของร้านสุดหล่อ "สวัสดีครับพี่เจ้า หมีมาแล้ว"

    "มาคนเดียวเหรอ หรือยังไง" พี่เจ้าหันไปทางเคาน์เตอร์บาร์ "ไอ้เช มึงเอาเบียร์มาให้หมีโปรนึงซิ"

    "ขอบคุณนะครับ"

    "ไม่เป็นไร ปลอบใจ" พี่เจ้ายกมือขยี้หัวผมเบาๆ "ถึงมันจะไม่สนใจหมี แต่พี่ก็อยากให้รู้ไว้นะว่ายังมีคนที่สนใจหมีอยู่ตรงนี้หนึ่งคน"

    "ฮ่าๆ ๆ ๆ ค้าบบบบ เอาจริงๆ ถ้าเดินออกไปข้างนอกก็จะเจออีกหลายคน"

    "นั่นสินะ เป็นหนุ่มฮอตหนิ"

    "เบียร์มาแล้วครับพี่หมี" ไอ้เชบอกเสียงทะเล้นก่อนจะวางเบียร์ไว้บนโต๊ะผม

    "ขอบใจ"

    "ครับผม ว่าแต่พี่หมีมาคนเดียวเหรอ"

    "เดี๋ยวพี่กล้วยกับพี่จ๊อบมา" ผมยกขวดเบียร์ขึ้นกระดก อื้มม.ม.ม....ขมปั้ด ความขมนี้ได้แต่ใดมาวะ

    "พี่จ๊อบมาด้วยเหรอ งุ้ยยย ดีใจอะ" ไอ้เชอมยิ้มก่อนจะยืนบิดไปบิดมา

    น่าถีบให้ไปติดเคาน์เตอร์บาร์จริงๆ

    ไอ้เชมันปลื้มพี่จ๊อบครับ ปลื้มมาตั้งแต่สมัยมัธยมฯ เหมือนผมที่แอบปลื้มพี่ขัน ตอนนี้ไอ้เด็กเปรตนี่เรียนอยู่ม.6 ละ เชื่อได้เลยว่าเวลาเข้ามหา'ลัยเนี่ยะ มันต้องเข้าสินกำแน่นอน เพราะพี่จ๊อบเรียนอยู่คณะนั้นไง ผมกับไอ้เชสนิทกันในระดับนึงเลยนะแบบรู้ไส้รู้พุงกันพอสมควร ผมอะหมั่นไส้มัน เวลาเห็นแม่งเหมือนเห็นตัวเองในอดีต

    หึ้ยยย...ย...มันน่าตบนัก

    "เบื่อความแรดของมึงจริงไอ้เช ไปทำงานได้ละ" พี่เจ้าดันไอ้เด็กเปรตให้ไปทำงานก่อนจะหันมายิ้มหวานให้ผม "ตามสบายนะหมี มีอะไรก็เรียกได้เลย พี่ทำงานก่อน"

    "ครับพี่เจ้า" ผมยิ้มรับก่อนจะยกเบียร์ขึ้นมากระดกพลางกวาดสายตามองผู้คนในร้าน

    ผมชอบการนั่งสอดส่องมองชาวบ้านชาวช่องคุยกันนะ มันเป็นเหมือนการหาข่าวผ่านจากการมอง ใครมีซัมติงหรือว่าใครมีปัญหากันผมก็มักจะรู้ก่อนชาวบ้านตลอด ผมเป็นคนที่มองสายตาคนอื่นออก มองแล้วรู้ว่าเขารู้สึกอะไรยังไง แต่บางทีการที่เรามองตาแล้วรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ทันทีมันก็ไม่ดีอยู่อย่างนึงเพราะว่าสายตาของคนที่ไม่ชอบเรามันจะทิ่มแทงใจให้รู้สึกเจ็บปวด

    ยกตัวอย่างสายตาของพี่ขันเป็นต้น

    "จิ๊....หน่วงเฉยเลยว่ะ" ผมยกเบียร์ขึ้นจะซดอีก แต่มีมือเรียวมาแย่งขวดเบียร์ในมือผมไป "เบียร์นั่นของน้องนะพี่จ๊อบ"

    "กูจะแดก" ว่าแล้วก็ยกเบียร์ขึ้นซด แม่งขี้แย่งอะ ถ้าเมาเมื่อไหร่จะแอบหยิกแขนให้เป็นรอยจ้ำเขียวๆ เลยคอยดู

    "พี่นี่แม่ง...." ผมทำหน้ามุ่ยใส่พี่จ๊อบก่อนจะยิ้มแฉ่งให้พี่กล้วย "รอยที่คอนี่ชัดเชียวนะ"

    "อยากมีรอยที่ปากชัดๆ บ้างไหมล่ะ" พี่กล้วยยกยิ้มก่อนจะนั่งลงข้างผม แหม่ คำพูดคำจากับน้องนี่ไม่เคยจะอ่อนโยนหรอก ใช่ซี้นี่หมีไง ไม่ใช่พี่พลไง ใช่ซี้

    "ทำไมรุนแรง"

    "ทำไมกูต้องอ่อนโยนกับมึงล่ะ"

    "ใจร้ายตลอด" ผมเลื่อนมือหยิบเบียร์อีกขวดขึ้นมากระดก

    "ไม่มีใครใจร้ายสู้ไอ้ขันได้อีกแล้ว"

    "แค่กกก.ก.ก....แค่กก.ก.ก...." ผมยกมือขึ้นเช็ดปากทันทีที่สำลักเบียร์ แม่งขึ้นจมูกเลยนะเมื่อกี๊น่ะ

    พี่กล้วยยิ้มเยาะใส่ "อ่อนแอจริงนะมึง แค่พูดถึงชื่อมันก็สำลักแล้วเหรอวะ"

    "จะบอกเปล่าก็ไม่ได้สินะ"

    "มึงอย่าไปตอกย้ำมันสิวะกล้วย แค่นี้ก็ช้ำใจมาหลายปีละ"

    "มึงก็ดูน้องมึงสิ ขนาดช้ำใจมาหลายปียังไม่หลาบจำเลย" เอาเข้าไป ตอกย้ำกันเข้าไป เอาให้เต็มที่เลยนะพี่นะ

    เพราะจะยอมแค่วันนี้แหละ

    ผมยกเบียร์ขึ้นมาซดย้อมใจอีกรอบ เบียร์เย็นๆ ไม่ได้ทำให้ความหน่วงในใจหายไปเลยว่ะ สงสัยต้องใช้เหล้าช่วยเสริม พอคิดได้แบบนั้นผมก็กวักมือเรียกไอ้เชแล้วจัดแจงสั่งเหล้า โซดา น้ำแข็ง น้ำโค้ก เอามาแม่งให้หมด แดกไม่หมดไม่กลับนะเอาสิ วันนี้รู้สึกทำร้ายตัวเองหนักมากเลยนะ ทั้งรมควันเพื่อทำร้ายปอด กินเหล้าเพื่อทำร้ายตับ แต่ก็นะ....

    มีคนมาทำร้ายใจนี่หว่า

    ทำร้ายมาหลายปีด้วย

    "ทำหน้าเศร้าเกินไปแล้วนะไอ้หมี" พี่จ๊อบยื่นมือมาบีบแก้มผม "ไหวไหมเนี่ยะ"

    "ไหวสิพี่ นี่หมีคนแกร่งนะ มาจับหน้าน้องนี่มือเปื้อนมาป้ะเนี่ยะ เดี๋ยวเป็นสิว" ผมจับมือพี่มันออกก่อนจะยกมือถูหน้าตัวเอง

    "หวงจริงเลยนะหนังหน้ามึงเนี่ยะ ว่าแต่วันนี้มีอะไรเกิดขึ้นไหนเล่าให้กูฟังซิ"

    "เออ เล่าให้ฟังซิไอ้หมี อาการเป็นไงถึงได้ชวนพวกกูมาแดกเหล้า"

    "ก็เหมือนกับทุกวันอะพี่ แต่โทษพี่ขันไม่ได้ว่ะเพราะนี่เป็นคนสะเหล่อไปยุ่มย่ามกับเขาเอง"

    พี่กล้วยโขกหัวผม "มึงมันก็เจ็บไม่จำจริงๆ นั่นแหละว่ะหมี กูก็เข้าใจนะว่ามันเป็นความสุขของมึง แต่ว่าถ้าความทุกข์มันมากกว่ามึงก็น่าจะพอได้แล้วนะ"

    "เรื่องนี้กูเห็นด้วยกับไอ้กล้วยนะ ยิ่งมึงเป็นแบบนี้กูยิ่งรู้สึกเกลียดไอ้ขันเข้าไปใหญ่ กูไม่ชอบที่มันทำให้มึงเสียใจแบบนี้ กูไม่ชอบที่มันโง่ ไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักอย่าง" พี่จ๊อบเอ่ยออกมาอย่างหัวเสีย "ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมมึงไม่บอกความจริงทั้งหมดนั่นไป มันจะได้หายโง่สักที"

    "อยากบอกใจจะขาด แต่ไม่มีโอกาสนั้นเลยว่ะพี่ ถึงพวกพี่เป็นคนไปพูด พี่ขันก็ไม่เชื่ออยู่ดี เขาไม่เคยเชื่อใครอยู่แล้ว"

    "แล้วมึงจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน" นานแค่ไหนเหรอ...งืมมมม

    "ไม่รู้ว่ะพี่ ใครเค้ารู้อนาคตกัน พอๆ เลิกดราม่าเหอะ เบียร์แม่งจืดหมดละเนี่ยะ" ผมหยิบเบียร์ขึ้นมาซดจนหมดขวดพลางยิ้มแฉ่งเพื่อบอกว่าตัวเองไม่เป็นไร

    ช่วงนี้หลายๆ อย่างมันหนักจริงแหละ หนักจนคีพลุคตัวเองไว้ไม่ได้ ฝืนยิ้มไม่ค่อยได้ เพื่อนๆ พี่ๆ นี่ดูออกกันหมดว่าผมไม่โอเค มันเป็นอะไรที่หลุดลุคสัสๆ ไม่ได้การ เดี๋ยวต้องฝึกสกิลความอดทนให้มากขึ้นไปอีก อย่างน้อยเพื่อนๆ ผมต้องไม่รู้เรื่องดาวน์ๆ พวกนี้ ไม่อยากให้พวกมันเป็นห่วงครับ โดยเฉพาะไอ้หนมเนี่ยะ ห้ามเด็ดขาดเลย เพราะถ้ารู้มันอาจจะไปเค้นโน่นนี่กับพี่ขันได้

    เขาอาจจะเกลียดผมหนักขึ้นไปอีก

    "ขออนุญาตเสิร์ฟครับ" เสียงของไอ้เชดังขึ้นก่อนที่มือเรียวของมันจะไล่หยิบขวดเหล้าในถาดมาวางไว้บนโต๊ะให้

    "ขอบใจ" ผมเหลือบมองพี่จ๊อบก่อนจะสลับไปมองไอ้เด็กเปรต แค่คำว่าขอบใจคำเดียวนี่ทำให้มึงแก้มแดงก่ำได้ขนาดนั้นเลยเหรอวะเช

    "แก้มแดงจนน่าหมั่นไส้ ไปไกลๆ ไป"

    คนโดนไล่ทำหน้ามุ่ยทันที "ทำไมไล่น้องแบบนั้นล่ะพี่หมี"

    "ก็มึงมันรกหูรกตา"

    "ใจร้าย....เออพี่หมี ว่างป้ะพี่ มีไรอยากให้ช่วยหน่อย พี่เจ้ารีเควสมา"

    ผมส่งเหล้าที่ชงเสร็จไปให้พี่กล้วย "รีเควสอะไรวะ"

    "พี่เจ้าอยากให้พี่ขึ้นร้องเพลงหน่อย สักเพลงก็ได้"

    ร้องเพลงเหรอวะ

    "เออ ไปร้องก็ดีนะหมี กูอยากฟัง" อยากฟังอะไรวะพี่จ๊อบ ไม่ถามสุขภาพจิตน้องตอนนี้เลยว่าเหมาะกับการร้องเพลงไหม

    พี่กล้วยยกเหล้าขึ้นซดจนหมดก่อนจะหยิบแบงค์พันส่งมาให้ผมสองใบ "อะ ค่าร้องเพลง"

    "เชรดดดด ป๋าจัด" ผมมองแบงค์พัน "นี่ต้องไปร้องจริงๆ เหรอ"

    "กูยัดเงินแล้ว มึงก็ต้องไปร้องสิ เร็วๆ อย่าให้กูต้องรอนาน"

    "เออ ก็ได้ รอฟังน้องละกัน" ผมบอกก่อนจะลุกแล้วเดินขึ้นไปบนเวที สายตาของคนในร้านมองมาเป็นทางเดียวเลยว่ะ มองไรกันวะ ไม่เคยเห็นหมีคนหล่อเหรอ

    ผมหยิบกีต้าร์ที่วางอยู่ขึ้นมาตั้งสาย ไอ้เชก็เช็กไมค์ให้ก่อนจะนั่งลงบนคาฮองที่อยู่ข้างๆ นึกถึงตอนมัธยมฯ เลยว่ะ ผมชอบนั่งเล่นกีต้าร์อยู่แถวๆ ห้องชมรม ไอ้เด็กเปรตก็จะมาเล่นคาฮองให้ ฟังดูอาจจะเป็นการอวยตัวเองไปหน่อยแต่ก็อยากจะบอกว่าคุณหมีคนดีคนนี้ร้องเพลงและก็เล่นกีต้าร์เก่งมากเลยนะครับ

    เหลือเชื่อใช่ไหมล่ะ

    เมื่อมัธยมฯ อะเล่นบ่อย แต่พอขึ้นมหา'ลัยมาผมก็ไม่ค่อยได้เล่นเพราะว่าเวลาที่เล่นดนตรีเนี่ยะ มักจะมีคนมาปลื้มผม เพราะเหตุนี้ นานๆ ถึงจะเล่นสักครั้ง แล้วแต่ว่าจะมีคนรีเควสมาหนักๆ ผมนั่งตั้งสายไปเรื่อย ตาก็มองผู้คนรอบร้าน เขาดูให้ความสนใจผมดีนะ คุณหมีหล่อล่ะสิ

    งื้ออ.อ.อ...เขินจรุมมมม

    "ทักทายชาวบ้านหน่อยไหมล่ะพี่" ไอ้เชกระซิบบอกข้างหูผม เออว่ะ ยังไม่ได้ทักทายชาวบ้านชาวช่องเลย

    "เออ แป๊บนึง" ผมจัดไมค์ให้อยู่ในองศาที่ถนัด "เทส....ได้ยินผมกันใช่ไหม"

    "ได้ยินโว้ยยยยได้ยิน"

    "ผมก็ได้ยินเสียงพี่เหมือนกันครับพี่แช่ม" เสียงเขาคนเดียวกลบเสียงคนทั้งร้าน ผมมองเสียงนั้นก็เห็นว่าแก๊งค์ว้ากเกอร์เขานั่งกันอยู่เยื้องๆ กับโต๊ะผม ไร้วี่แววของพี่ขันจริงๆ ด้วยว่ะ

    คนจริงสัส บอกไม่มาคือไม่มา

    ยอมใจเลย

    "วันนี้มีคนรีเควสมาว่าอยากให้ร้องเพลงน่ะครับ ก็จะร้องให้ฟังแค่ 1 เพลง"

    "ทำไมไม่ร้องหลายๆ เพลงหน่อยล่ะคะน้องหมี" พี่แก้วที่เป็นดาวของคณะการบินฯ เมื่อปีก่อนพูดสวนขึ้นมา

    ผมยิ้มหวานให้เธอจนตาหยี "ถ้าร้องหลายเพลงแล้วมีคนมาหลงเสน่ห์ในเสียงผม มันจะแย่เอาน่ะครับ"

    "ฮิ้ววววววว.ว.ว......ว...."

    ฮิ้วไรวะ

    "เอาเพลงอะไรล่ะพี่"

    "เพลงเคลิ้มของ Slot Machine นะครับ" สิ้นเสียงของผมเสียงปรบมือก็ดังขึ้นรัวทั่วทั้งร้าน ผมเริ่มเกากีต้าร์ตามคอร์ดของเพลง ไอ้เชก็เริ่มเคาะคาฮองให้จังหวะ

    เพลงนี้นี่ตรงกับชีวิตตอนนี้สุด

     

    "รู้ดีเธอน่ะใจร้าย แต่ก็ไม่วายจะยอมรับ

    ก็รู้ดีเธอต้องผิดสัญญา แต่ก็รักเธอไม่รู้ทำไม

    เพียง....สบตาเธอ ใจดวงเดิม เคลิ้มลอยไป

     

    หัวใจดวงนี้ไม่หลาบจำเหมือนเดิมซ้ำๆ แล้วสะใจ

    หัวใจนี่มันงมงายตักเตือนไม่ยอมฟังกัน

    เหมือนโดนเท่านั้นยังไม่พอขอยอมเจ็บช้ำมันต่อไป

    หัวใจเจ้ากรรมนั้นไซร้เฝ้าคอยทำร้ายตัวเอง"

    [บันทึกพิเศษ : ขัน]

     

    เสียงใครวะคุ้นๆ

    แต่ช่างแม่งเถอะ

    ผมเดินไปหยิบของกินมาใส่ตะกร้า ตอนนี้พาตัวเองมาเซเว่นฯ ครับ ใกล้ๆ ร้านพี่เจ้าเลย จะว่าไปพวกเพื่อนๆ ผมก็อยู่กันในร้านนี่นะ ใจนึงอยากแวะเข้าไปหาแต่มันก็เป็นเพราะผมพูดออกไปแล้วว่าจะไม่ไป คนอย่างขันจะต้องไม่ทำอะไรที่เป็นการกลืนน้ำลายตัวเองเด็ดขาด

    ถึงแม้จะเคยกลืนมาหลายรอบแล้วก็เถอะ

    เอาจริงๆ พวกผมนัดกันมากินเหล้าเพื่อจะฉลองเปิดเทอม แต่เหตุผลที่ผมไม่มาเนี่ยะมันเป็นเพราะว่าไอ้หมีบอกว่ามันจะมา ผมไม่อยากเห็นหน้ามันอะ ถึงได้เลี่ยง ถึงแม้ว่ามันเป็นเพื่อนสนิทมากๆ ของไอ้หนมก็เถอะ ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงเป็นเพื่อนกันได้ ผมไม่ชอบเพื่อนของน้องตัวเองคนนี้เลยสักนิด

    เข้าขั้นเกลียดเลยก็ว่าได้

    ชื่อเสียงของไอ้หมีดังเข้าหูผมมาหลากหลายตั้งแต่ตอนเทอมซัมเมอร์ ยอมรับเลยว่าครั้งแรกที่ผมได้เห็นมันก็รู้สึกใจเต้นแรงอยู่ เพราะผิวขาวเนียนนั่นมันเหมือนกับน้องแว่นของผม คนที่ผมรักมาตลอด 4 ปี แต่มันก็เหมือนแค่ผิวอะ อย่างอื่นบนตัวมันไม่ได้ใกล้เคียงกับคนในใจผมเลย พอมารู้นิสัยแย่ๆ ของมันอีก

    นึกแล้วก็หงุดหงิด

    ผมไม่ชอบไอ้อาการเล่นหูเล่นตาพวกนั้น คนบ้าอะไรจะรู้จักทุกคนที่เดินสวนกันได้ เชื่อไหมว่าเพื่อนทั้งกลุ่มของผมรู้จักมันตั้งแต่วีคแรกของเทอมซัมเมอร์อะ แล้วมันไม่ใช่แค่เพื่อนๆ ผมไง คนอื่นอีก คนค่อนมหา'ลัยไม่มีใครไม่รู้จักไอ้หมี ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองนะว่าทำไมจะต้องหงุดหงิดห่าอะไรขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะความเป็นมันคือสิ่งที่ผมไม่ชอบ

    ท่าทางเจ้าชู้แบบนั้น

    "พี่ขัน"

    ผมหันมองตามเสียงเรียก "เพลน"

    "มาทำอะไรแถวนี้เหรอครับ" ร่างเล็กเอ่ยถามผมก่อนจะหยิบขนมใส่ตะกร้าของตัวเองบ้าง "หิวตอนดึกเหรอ"

    "ก็....นิดหน่อย" ผมหยิบขนมใส่ตะกร้าก่อนจะเดินไปอีกโซน แอบเห็นว่าเพลนชะเง้อมองตามแต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร

    เพลนเป็นรุ่นน้องตั้งแต่สมัยมัธยมฯ ของผม ตอนนี้ก็เรียนอยู่คณะนิเทศฯ แต่คนละสาขากับขนม ที่ผมไม่ค่อยอยากจะคุยอะไรกับน้องมันมากเพราะว่ามันแอบชอบผม ชอบมานานแล้ว แต่ว่าผมไม่ได้ชอบมันอะ อีกฝ่ายก็น่ารักดีนะ ตัวเล็กๆ สูงแค่ไหล่ผมเอง หน้าหวาน เป็นแบบฉบับของผู้ชายน่ารักทั่วๆ ไปเลย ไม่รู้ว่าหน้ามืดอะไรมาชอบคนแบบผมได้

    ไม่เข้าใจเลยจริงๆ

    "ใจเย็นสิวะหมี จะรีบลากอะไรกูขนาดนั้น"

    "ก็มันว้อนทฺอะพี่เฌอ มาเร็ว"

    "มึงนี่มันจริงๆ เลยนะ"

    ผมชะเง้อหน้าตามเสียงก็เห็นไอ้เฌอกับไอ้หมีเดินวนไปวนอยู่แถวหน้าเคาน์เตอร์จ่ายเงิน ทำไมถึงมาอยู่ด้วยกันได้วะ มองจากตรงนี้ก็เห็นว่าไอ้เพื่อนรักของผมหยิบช็อกโกแลตวางไว้บนเคาน์เตอร์หลายชิ้นก่อนจะพูดอะไรบางอย่างกับพนักงาน ไอ้หมีก็ยืนยิ้มแฉ่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะส่งเงินให้เพื่อนรักของผม รู้ละว่าเมื่อกี๊ไอ้เฌอมันบอกอะไรเขาไป

    สั่งบุหรี่นี่เอง

    นี่ใช้เพื่อนกูซื้อบุหรี่เหรอวะ

    "เดินไปด่าดีไหมเนี่ยะ" ผมบ่นออกมาอย่างหัวเสีย เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมไปตบไอ้เฌอดีกว่า เอาให้หัวสั่น ยอมซื้อบุหรี่ให้มันได้ไง

    หลังจากที่พวกมันซื้อของเสร็จก็พากันเดินออกไปหยุดอยู่ที่หน้าร้าน ผมก็ขยับตัวมาหลบอยู่อีกฝั่งพลางชะเง้อคอมองเป็นระยะ มันยืนคุยอะไรกันอยู่ไม่รู้ด้านนอกนั่น หัวเราะคิกคักจนน่าหมั่นไส้ด้วย ช่างแม่ง เดี๋ยวค่อยจัดการไอ้เฌอพรุ่งนี้นั่นแหละ ผ่านไปได้สักแป๊บผมก็เดินมาจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ มันคงไปกันแล้วแหละ วันหลังผมจะไปเซเว่นฯ ที่อื่น จะได้ไม่ต้องมาเจอมัน

    เจอทีไรก็หัวร้อน

    " 453 บาทค่ะ"

    ผมยื่นเงินให้พนักงานก่อนจะรับของมา "ขอบคุณนะครับ" หลังจากนั้นก็หยิบถุงของเดินออกมาจากเซเว่นฯ แต่ก็ต้องชะงักเพราะได้ยินทะเลาะโหวกเหวก

    ไอ้หมีกับเพลนหนิ

    เกิดอะไรขึ้นวะ

    "อย่าปากดีให้มันมากนักหมี" เพลนเอ่ยเสียงต่ำพลางหมัดแน่น เนี่ยะขัน ถ้ามึงออกมาเร็วกว่านี้มึงก็รู้แล้วว่ามันทะเลาะอะไรกัน

    อย่างพลาด

    "มึงมากกว่าเพลนที่อย่าปากดีให้มาก แล้วไอ้นิสัยแขวะเก่งนี่ก็เลิกเถอะ ตรงนี้ไม่ได้มีผู้พิทักษ์มึงคอยตามปกป้องนะ" ไอ้หมียิ้มเยาะใส่ "เพราะฉะนั้น....อย่าห้าว"

    "ไอ้หมีมึง!!!"

    "ไปไกลๆ ไป รำคาญ" คนพูดเบ้ปากก่อนจะหันหนีเดินไปอีกฝั่ง ส่วนเพลนก็ได้แต่มองอย่างอาฆาตแล้วยอมเดินไปแต่โดยดี

    นึกว่าจะต่อยกันซะละ

    ผมแอบยืนมองไอ้หมีอยู่หลังบอร์ดโฆษณาของเซเว่นฯ ไอ้เฌอมันหายไปละสงสัยจะเข้าไปร้านแล้วนั่นแหละ ผมเพิ่งรู้เลยนะว่าไอ้หมีกับเพลนไม่ถูกกันเพราะว่าปกติแล้วไอ้หมีมันเข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดี พอมาเห็นแบบนี้ก็ชักอยากรู้ว่ามันทะเลาะกันเรื่องอะไร เดี๋ยวผมส่งไอ้แช่มไปสืบดีกว่า เรื่องชาวบ้านนี่มันชอบนักล่ะ

    "จิ๊....หงุดหงิดชะมัด" เสียงสบถดังออกมาจากปากบางนั่น มือเรียวหยิบบุหรี่ออกมาจากซองก่อนจะใช้ปากคาบไว้แล้วจุดไฟอีกฝั่ง

    ไม่ชอบคนสูบบุหรี่เลยว่ะ

    การสูบบุหรี่มันส่งผลเสียต่อร่างกายของคนสูบไม่พอ ควันที่ออกมายังทำร้ายคนอื่นอีก ผมยืนมองปากบางสีแดงระเรื่อนั่นพ่นควันสีขาวออกมาช้าๆ สายตาดูเหม่อลอย ดวงตาสีดำสนิทนั่นแฝงไปด้วยความเศร้า รอบตัวไอ้หมีตอนนี้ดูหม่นไปหมด ผมเบื่อตัวเองนะที่บอกว่าไม่ชอบมันแต่พอได้มาเจอเวลาที่มันเป็นแบบนี้ก็ชอบยืนมอง

    แม่งเป็นแบบนี้ตลอด

    ต้องยอมรับว่าไอ้เด็กบ้านี่มันมีเสน่ห์มาก สะดุดตาทุกอย่าง ทั้งหน้าตา ทั้งการแต่งตัว มันชอบสีแดงเหมือนกับผมเลย เสื้อผ้าที่มันใส่ก็มักจะเป็นสีแดงเสมอ

    วันนี้ก็เหมือนกัน

    "เฮ้อ....สรุปวันนี้ก็วันแย่ๆ สินะ" เจ้าตัวบ่นพึมพำก่อนจะทิ้งก้นบุหรี่แล้วแล้วเดินไปทางร้านพี่เจ้า เออดี ผมจะได้ออกไปจากจุดนี้ได้สักที

    เสียงประตูแม่งดังอยู่ได้เนี่ยะ ตื้ออออดืออออ

    ผมว่าตัวเองควรเลิกสนใจทุกอย่างแล้วเดินกลับหอไปนอนซะเพราะพรุ่งนี้เรียนเช้า เดี๋ยวต้องไลน์บอกเพื่อนๆ ด้วยว่าอย่าดื่มหนักจนมาเรียนกันไม่ไหว อาจจะมีขู่ไปเล็กๆ น้อยๆ ด้วยว่าถ้าไม่มาเรียนมีตบ ช่วงนี้กำลังยุ่งกับการเตรียมงานกีฬาสีด้วย พวกคณะกรรมการฯ นี่หัวปั่นมาก ตัวผมเองก็ต้องจัดการโน่นนี่ไหนจะต้องไปซ้อมบาสฯ อีกเพราะลงแข่งในงานกีฬาสี

    วิศวะฯ จะต้องชนะให้ได้

    ครืดดดด....ครืดดดด

    ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย "โลกแตกแล้วมั้งที่มึงโทรหากูก่อนเนี่ยะ"

    (แตกก็ดี มึงจะได้ตายๆ ไปซะ)

    "ปากดีนักนะไอ้เชี่ยหนม" เดี๋ยวกูจะไปด่าผัวมึงที่ไม่รู้จักสั่งสอนเมียให้พูดจาให้มันดีดี

    (บ่นมาก กูจะโทรมาบอกมึงว่า....อะไรวะ)

    "ไปนั่งตั้งสติก่อนไหมค่อยโทรมาหากูใหม่"

    (หนิ....อ๋อนึกออกละ แม่โทรมาบอกว่าอาทิตย์นี้เข้าไปขัดบ่อปลาคาร์ฟด้วย)

    "หน้าที่ไอ้เจิด"

    (อาทิตย์นี้เป็นหน้าที่มึงเพราะว่าไอ้เจิดไปค่ายกับที่โรงเรียน เข้าใจไหม)

    "งั้นก็หน้าที่มึง"

    (กูไม่ว่างหรอก ต้องทำพร้อพตกแต่งคัตเอาท์ มึงนั่นแหละทำ อีกอย่างแม่เป็นคนสั่งมาว่าให้มึงจัดการ ไม่พอใจก็ไปคุยกับแม่นะ)

    "เออ กูรู้แล้ว มีอะไรอีกไหม"

    (ไม่มี แค่นี้แหละไอ้พี่เชี่ย)

    "ไอ้สัสหนม" ผมมองหน้าจอที่ถูกตัดสายไปแล้ว ห่าเอ๊ย จะด่าก็ด่าไม่ทัน ไอ้น้องเวรนี่อย่าให้เจอหน้านะมึง

    จะทุบให้หัวแบะ

    เซ็งจริงๆ เลย วันหยุดนี้จะว่างก็ไม่ว่างไปซะแล้ว ละบ่อปลาคาร์ฟที่บ้านนี่อย่างใหญ่ ปลามีตั้งกี่สิบตัว ผมเคยคิดนะว่าแอบเอาไปทอดขายดีไหม ถ้าป๊ารู้ป๊าคงไล่ผมออกจากบ้านแน่นอนเพราะว่าเขารักปลาคาร์ฟมากกว่าสิ่งอื่นใด คิดละเศร้า เพราะงั้นรีบกลับหอไปนอนดีกว่า

    พรุ่งนี้มีเรื่องต้องทำอีกเยอะ

     

    [จบบันทึกพิเศษ : ขัน]




    TBC

    สวัสดีค้าบ ชัลมาส่งขันหมีเวอร์ชั่นรีปริ้นท์แล้วฮะ แต่เดี๋ยวจะอัปให้อีก 2 บทในวันนี้นะ ชดเชย 2 วันที่ไม่ได้ลงค้าบ

    เจอกันฮะ


    ติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaltreee หรือเพจ Fiction Yaoi Th

    #ผมไม่ได้เจ้าชู้ #ขันหมี

    ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านค้าบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×