ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I'm not Playboy ผมไม่ได้เจ้าชู้ [END] [Rewrite]

    ลำดับตอนที่ #1 : ต้นไม้กินคน [Rewrite]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 28.97K
      858
      16 ส.ค. 64


    “อื้ออออ....พี่ขัน"

    “อา....”

    ​.

    .

    “พี่ขัน!!!”

    แฮ่ก...หืมมมม

    ฝันเหรอวะ

    โถ่ ฝันถึงวันนั้นอีกแล้ว

    ผมซับเหงื่อที่หน้าเบาๆ โอ้โหฝันแค่นี้เหงื่อไหลท่วมตัวขนาดนี้ แค่คิดว่าต้องไปอาบน้ำใหม่ก็แย่มากอะ คือนี่ขี้เกียจไง โถ่ววววววววววว ผมเอื้อมมือไปหยิบกรอบรูปของผู้ชายคนนึง คนที่ผมแอบชอบมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมฯ

    พี่ขันนะพี่ขัน

    ทำไมต้องมาเข้าฝันกันด้วย

    หมีไม่เข้าใจเล้ยยยยยยยยยยย

    “ตี 4 ไม่ต้องนอนละ” ผมมองนาฬิกาบนหัวเตียงอย่างละเหี่ยใจ พี่ขันไม่น่ามาเข้าฝันผมเลยว่ะ

    ผมชื่อ 'หมี' ครับ หมีที่เป็นหมีอะ ที่กินปลาแซลม่อน กินแมวน้ำ แล้วก็กินน้ำผึ้งอะ นั่นคือผมเอง ผมเป็นนักศึกษาประจำคณะนิเทศศาสตร์ ตอนนี้อยู่ปี 1 อายุ 19 ปี

    มีใครอยากจะรู้อะไรอีกไหม

    ผมเป็นคนที่มีคนรู้จักเยอะมากและผมก็รู้จักชาวบ้านเยอะมาก คือเรียนสายข่าวไง การที่รู้จักคนมากมายหลายประเภทมันก็เป็นประโยชน์นะครับสำหรับเวลาที่จะสืบเรื่องชาวบ้านชาวช่องอย่างเงี้ยะ ไม่มีอะไรที่หมีคนนี้จะไม่รู้อะบอกเลย และอีกประโยชน์นึงของการที่เรามีคนรู้จักเยอะก็คือเวลาที่เราตื่นมากลางดึกแล้วเคว้งคว้างต้องการใครสักคน เราก็สามารถไปสิงอยู่กับคนๆ นั้นได้

    อย่างเช่น....

    “ฮัลโหลพี่กล้วย หมีไปหาพี่ได้ไหม”

    (กี่โมงแล้วเนี่ยะไอ้เชี่ยหมี บ้านไม่มีนาฬิการึไงไอ้สัส)

    “บ้านมีนาฬิกา แต่แบบ เฮ้อ นะ ให้ไปหาหน่อย”

    จิตตกจะตายห่าอยู่แล้ว

    (เออ ซื้อข้าวเข้ามาให้กูด้วย)

    “อะไร พี่จะกินข้าวตอนตี 4 เนี่ยนะ”

    (ถ้ามึงไม่ซื้อมามึงก็ไม่ต้องมา)

    “เดี๋ยวซื้อเข้าไปให้เลย 3 กล่อง เปิดบ้านรอน้องละกัน แค่นี้แหละ” ผมกดวางสายก่อนจะหยิบกุญแจรถแล้วเดินออกมาจากห้อง

    หอผมอยู่ค่อนข้างไกลจากมหา'ลัยนะครับ ในกลุ่มเนี่ยะหอผมอยู่ไกลที่สุดแต่ก็เป็นหอที่กว้างที่สุดเหมือนกัน เหมาะมากเวลาที่จะมาสุมหัวทำงานกันทั้งแก๊งค์ แก๊งค์ผมคือแก๊งค์ท่านประธาน มีกันอยู่ 7 คน ถ้าคิดในแนวของกองทัพที่จะยึดโลกนี่ไอ้ปั้นมันจะเป็นรปภ.ประจำฐานทัพเพราะมันต้องรับหน้าก่อนทุกอย่าง ไอ้หนมคือผู้บัญชาการสูงสุดเพราะไม่ว่ามันจะสั่งอะไรทุกคนก็ย่อมทำตามเสมอ

    ท่านหนมของเรานี่ยิ่งใหญ่นะครับ

    ต่อมาคือไอ้เป้ ไอ้โหดนี่สมควรจะไปเป็นรองผู้บัญชาการเพราะมันมีอำนาจรองมาจากไอ้หนม ส่วนไอ้ภีมมันเป็นทหารที่เดินลาดตะเวนจนอดหลับอดนอนน่ะครับ นอกจากมันจะง่วงทั้งวันผมไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรมากกว่านั้นเลย มาต่อที่ไอ้เผือก รายนี้ควรไปอยู่หน่วยลอบสังหาร มันเป็นคนนิ่งๆ เงียบๆ ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา แต่มันโหดมากเลยนะผมโดนมันไล่เตะบ่อยๆ ด้วย อีกคนนึงคือไอ้ไผ่ มันออกจะเอ๋อๆ พูดอะไรไม่ค่อยจะรู้เรื่องสักเท่าไหร่มันควรไปเป็นหมาเดินลาดตะเวนพร้อมไอ้ภีม

    ตำแหน่งนี้แหละเหมาะกับมันที่สุดแล้ว

    ส่วนผมแน่นอนว่าต้องอยู่หน่วยข่าวกรองเพราะรู้เรื่องชาวบ้านมากที่สุด อยากรู้เรื่องใครทำอะไรที่ไหนให้มาถามผม ผมรู้จักคนเยอะแบบนี้มาตั้งแต่สมัยมัธยมแล้วครับ โรงเรียนของผมเนี่ยะมันจะมีชมรมหนังสือพิมพ์ไง ผมก็ต้องติดต่อคนโน่นคนนี้ไปเรื่อยแต่เมื่อก่อนนี่ยากหน่อยเพราะผมโคตรเห่ยเลย ฟันก็เหยินสิวก็เต็มหน้า แถมสายตาสั้นชิบหายจนต้องใส่แว่นหนาๆ ตัวก็แห้งๆ คือแบบมีดีอย่างเดียวคือผิวขาว

    กว่าจะมาเป็นคุณหมีทุกวันนี้ได้นี่สาหัสมากนะครับ

    ผมดัดฟันตั้งแต่อายุ 13 อะ ถอดเหล็กก่อนจะเข้ามหา'ลัย ตอนนี้ก็ใส่รีเทนเนอร์อยู่ ถ้าฟันล้มนี่ชิบหายเลยนะ ผมจะไม่กลับไปเป็นคนพูดไม่ชัดอีกแล้วครับ เอาจริงๆ ผมเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองเพราะผมชอบรุ่นพี่คนนึงนั่นแหละ ตอนที่เจอครั้งแรกผมอยู่ม.2 ส่วนเขาอยู่ม.4 เป็นนักบาสฯ ของคณะสีผมเอง ผมมีโอกาสไปสัมภาษณ์เขาเพื่อลงหนังสือพิมพ์โรงเรียน พี่เขาเท่มากเลยนะ และก็มีคนชื่นชอบเยอะมากๆ เลยด้วย

    คนๆ นั้นก็คือ พี่ขัน

    คิดแบบขำๆ ความรักของผมที่มีให้เขานี่มันยาวนานจริงๆ เลย ตั้ง 7 ปีแน่ะ ตอนมัธยมฯ ผมได้แต่แอบเอาน้ำ เอาขนมไปแขวนไว้หน้าล็อกเกอร์เจ้าตัวโดยมีพี่กล้วยเป็นคนช่วยดูต้นทางให้ โมเม้นท์สมัยนั้นนี่ดีจริงๆ เลยครับ แต่พอขึ้นมหา'ลัยมันก็ทำแบบนั้นไม่ค่อยได้แล้วล่ะ หลายๆ อย่างมันไม่ค่อยเอื้ออำนวยสักเท่าไหร่ คิดถึงเรื่องพวกนี้ทีไรทำไมมันเจ็บแปล๊บๆ ที่หัวใจตลอดเลยวะ

    ไม่เข้าใจเลย

    ผมขับรถมาจอดหน้าเซเว่นฯ ใกล้คอนโดฯ ของพี่กล้วย ตอนที่ผมโทรหา เสียงของพี่มันก็ดูเหมือนคนที่ยังไม่ได้นอน ไม่มีอาการงัวเงียเลยอะ อาจจะนั่งทำงานอยู่ก็ได้มั้ง พี่กล้วยเนี่ยะเป็นคนเก่งมากเลยนะ มีกิจการร้านตัดผมเป็นของตัวเองทั้งๆ ที่ยังเรียนอยู่ พี่มันเรียนสินกำปี 3 ผมกับพี่กล้วยเนี่ยะสนิทกันมาก สนิทในแบบที่มองตาก็รู้ใจแตะไหล่ก็รู้กัน แต่กับพี่จ๊อบนี่ถึงจะสนิทยังไงก็มองตาไม่รู้ใจอะครับ

    มองเข้าไปก็เห็นแต่ความมึนงงสับสน

    พี่จ๊อบมันเป็นเพื่อนพี่กล้วย คือมิตรภาพของเราสามคนมันเริ่มมาตั้งแต่สมัยมัธยมฯ คือพี่กล้วยมันเป็นประธานชมรมหนังสือพิมพ์ไง พี่จ๊อบเป็นรองประธานส่วนผมเป็นเบ๊ นี่ก็เข้าปีที่ 8 แล้วครับที่รู้จักกันมา โคตรเป็นมิตรภาพที่ยืนยาว

    “เอาข้าวอะไรดีวะ” ผมเดินมาหยุดอยู่หน้าตู้ข้าว “พี่กล้วยชอบข้าวผัดกุ้งสินะ”

    “มาทำไรแถวนี้วะหมี”

    ผมหันมองไปตามเสียง “เอ้า พี่เตอร์ ยังไม่ตายอีกหรอ”

    “ปากดีนะมึง กูถามว่ามึงมาทำอะไร”

    “มาซักผ้ามั้งพี่”

    “ไหนตะกร้าผ้ามึง”

    “นี่โง่จริงหรือแกล้งโง่อะ”

    “กูรับมุขควายๆ ของมึงต่างหาก” พี่เตอร์เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ “มึงหิวข้าวตอนตี 4 หรอ”

    “ใช่ แล้วนี่พี่มาทำอะไร”

    “มาซักผ้า”

    “ผ่างงงง มุขนี้หมีเล่นไปแล้วนะพี่เตอร์” ขี้ก็อปจริงๆ แค่มุกกากๆ ก็คิดเองไม่ได้

    ตะจอก

    ผมแอบด่าพี่เตอร์ในใจ มือก็หยิบกล่องข้าวผัดกุ้งใส่ลงตะกร้า 3 กล่อง ก่อนจะเดินไปหยิบน้ำหยิบขนมใส่ตะกร้าไปเรื่อย พี่เตอร์ก็เดินตามมาพลางหยิบขนมแบบที่ผมเลือกใส่ตะกร้าของตัวเอง ผมคิดว่ามันตั้งใจจะกวนประสาทแล้วให้ผมหันไปด่า แต่ว่าจะไม่เป็นไปอย่างที่มันคิดบอกเลย คิดจะวางแผนกับคนอย่างหมีนี่มันยังเร็วไป 10 ปีพี่เตอร์เอ๊ย

    “หมี”

    “อะไร”

    “ไม่ด่ากูหน่อยหรอ”

    ผมหันไปมอง “โรคจิตป่ะพี่”

    “เปล่า กูคิดว่ามันแปลกๆ อะถ้ามึงไม่ด่ากู”

    “พี่นี่มันบ้าจริงๆ ว่าแต่พี่มาเซเว่นฯ ทำไมตอนตี 4 วะ”

    “กูก็หิวข้าวเหมือนมึงอะ”

    ผมพยักหน้ารับคำ “อย่างนี้นี่เอง เออแล้วพรุ่งนี้มีเรียนป้ะ”

    “มีดิ แต่เรียนบ่าย มึงอะมีเรียนรึเปล่า”

    “มีเรียนเช้า” ผมบอกก่อนจะเดินมาจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ “เวฟครับ”

    “แยกเป็น 2 ถุงครับ” พี่เตอร์เดินมาจ่ายเงินเคาน์เตอร์ข้างๆ

    ผมเหลือบมองร่างสูงของพี่รหัสสุดหล่อของตัวเอง พี่เตอร์มันหล่อนะครับ แต่มันชอบแกล้งผมอะ แถมยังกวนตีนด้วย เจอที่ไหนก็ชอบหาเรื่องมาแกล้งได้ตลอด ไม่สงสารน้องบ้างรึไงนะ พี่เตอร์นี่เป็นหนึ่งในผู้ชายที่ชอบผมด้วยนะ ชอบแบบจะจับทำเมียอะ ไม่คิดอยากจะเป็นเมียบ้างเหรอ นี่พร้อมเป็นผัวให้เลยนะถ้าแบบนั้นน่ะ

    ทำไมชอบคิดว่าจะกดคนอย่างหมีได้ง่ายๆ กัน

    ผมยังจำวันที่เตอร์มาบอกชอบผมได้เลย มันเป็นเรื่องตั้งแต่เมื่อเทอมซัมเมอร์ละ และช่วงนั้นก็ไม่ได้มีแค่พี่เตอร์คนเดียวนะที่มาบอกชอบผม นี่กลายเป็นหมีคนฮอตเลย มีทั้งผู้หญิงผู้ชายที่เข้าหา กับผู้หญิงนี่ก็พอเข้าใจ แต่พวกผู้ชายที่เข้าหาเนี่ยะ ก็ไม่รู้ว่าแม่งคิดอะไรกันอยู่ แล้วก็ชอบคิดว่าจะยัดเยียดตำแหน่งเมียให้

    แม่งไม่ได้ดูตัวกูเลยนะ

    ผมไม่ใช่ผู้ชายตัวเล็ก หน้าไม่ได้ติดหวานเหมือนไอ้ไผ่หรือขนม นี่ค่อนข้างมั่นหน้าว่าตัวเองหล่อมากด้วย อีกอย่างผมเนี่ยะสูง 181 เซ็นฯ เลยนะ ตัวก็ไม่ได้บางเว่อร์ด้วยเพราะตั้งแต่ช่วงม.5 ผมก็เริ่มออกกำลังกายอย่างจริงจัง กล้ามเนื้อนี่แน่นไปหมดอะ เคยคิดด้วยนะว่าการที่พี่ขันจำผมไม่ได้มันเป็นเพราะแบบนี้รึเปล่า

    คิดถึงพี่ขันอีกละ

    "บ้าชิบ" ผมสบถเบาๆ ก่อนจะหยิบเงินจ่ายให้พนักงานและรับของมา

    "ไอ้หมี"

    "ว่าไงพี่"

    "พรุ่งนี้ก็ตั้งใจเรียนล่ะ"

    ผมพยักหน้ารับก่อนจะยิ้มแฉ่งให้ "พี่ก็เหมือนกัน หมีไปละ"

    "เออ ขับรถดีดี"

    "ครับ" ผมรับคำก่อนจะหิ้วของเดินออกมาแล้วยัดทุกอย่างใส่รถ

    รู้สึกง่วงจัง

    ผมส่ายหัวแรงๆ เพื่อเรียกสติก่อนจะออกรถ ป่านนี้พี่กล้วยแม่งหลับไปแล้วมั้ง พี่มันเป็นคนที่หลับลึกมากเลยนะ หลับแบบถ้ามีไฟไหม้ก็โดนไฟครอกตายแน่นอน เป็นคนหลับลึกไม่พอเสือกปลุกยากอีกต่างหาก ผมเคยเอาฉาบมาตีข้างหูมันยังไม่ตื่นเลย แต่มันจะมีคนๆ นึงที่ปลุกมันได้อย่างง่ายแค่เพราะกระซิบเบาๆ ข้างหู

    น่าหมั่นไส้มากอะ

    ผมเลี้ยวรถเข้ามาจอดใต้คอนโดฯ พี่กล้วยก่อนจะหยิบของทั้งหมดแล้วเดินเข้าไปด้านใน นี่ก็ตี 4 ครึ่งกว่าๆ แล้วครับ  ในคอนโดฯ นี่อย่างเงียบ แต่มันก็ไม่แปลกหรอกนะ ถ้ามีอะไรที่แปลกก็คงจะเป็นผมนี่แหละที่เข้ามายืนเด๋ออยู่ในลิฟต์แล้วไม่ยอมกดเลือกชั้น

    ก็ว่าทำไมแม่งไม่ไป

    "นอนน้อยเกินไปแล้วมั้งหมีเอ้ย" ผมกดลิฟต์ไปชั้น 7 ก่อนจะยืนเด๋อรอ พอประตูลิฟต์เปิดผมก็เดินดิ่งไปห้องสุดท้ายของทางเดินทันทีแล้วกดกริ่งเรียก

    ปิ๊งป่อง

    หมีมาแล้วนะพี่กล้วย

    หลังจากนั้นไม่นานประตูก็ถูกเปิดออกโดยร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีดำ ดวงตาคมนั่นมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมเองก็มองพี่มันไม่ต่างกัน คนตรงหน้ามีแค่ผ้าเช็ดตัวที่พันรอบเอวไว้ พันไว้แบบหมิ่นเหม่ด้วยนะ กระตุกนิดเดียวก็หลุดแล้วมั้งน่ะ สังเกตอีกอย่างคือบนไหล่หนาๆ นั่นเต็มไปด้วยรอยข่วนกับรอยจูบ

    พี่กล้วยมันเป็นคนทำแน่ๆ

    "ทำไมแก้ผ้ามาต้อนรับหมีแบบนี้ล่ะพี่พล"

    "มึงนั่นแหละ โผล่มาทำไมตอนนี้" พี่พลบ่นอย่างหงุดหงิด "น่าทุบชะมัด"

    "ทุบไม่ได้นะ พี่เป็นหมอจะทำร้ายคนไม่ได้ ว่าแต่ให้หมีเข้าห้องได้รึยัง ของมันหนักอะ"

    "เข้ามา" พี่พลเดินนำเข้าไป ผมก็เดินตามเขามาต้อยๆ ก่อนจะเอาของที่ซื้อมาวางไว้ที่โต๊ะ ได้ยินเสียงดังมาจากห้องน้ำด้วย พี่กล้วยคงจะอาบน้ำอยู่ล่ะมั้ง นี่ถ้าผมไม่มาสองคนนี้ต้องฟัดกันถึงเช้าแน่

    ขอโทษที่มาขัดจังหวะละกันนะครับ

    พี่กล้วยเดินออกมาจากห้องน้ำ "อ่าว มึงมาแล้วหรอ"

    "เห็นไหมล่ะ"

    "กวนส้นตีน ออกจากห้องกูไปเลยป่ะ" เจ้าของห้องเอ่ยเสียงฉุน

    ผมยิ้มแฉ่งให้ "น้องล้อเล่นหน่า เนี่ยะ หมีซื้อข้าวผัดกุ้งของโปรดมาให้พี่ด้วยนะ"

    "เออทำดีมาก" พี่มันเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าถุงข้าวก่อนจะหันไปหาพี่พล "พี่พลจะกินข้าวเลยไหมครับ"

    "ความจริงพี่ควรได้กินกล้วยนะ ไม่ใช่กินข้าว"

    ได้ยินแล้วอยากจะแหมยาวๆ

    ผมเบ้ปากใส่ "ก่อนหน้าหมีจะมาก็น่าจะกินไปหลายรอบแล้วไหมพี่พล"

    "รู้มาก" พี่พลมองค้อนใส่ผมก่อนจะเดินไปวอแวพี่กล้วย

    ผมนั่งเท้าคางมองคู่รักยืนคลอเคลียกัน พี่พลกับพี่กล้วยนี่คบกันมานานแล้วนะ นี่ก็จะ 3 ปีแล้วมั้ง ตอนที่ตามจีบกันแม่งเป็นอะไรที่น่ารำคาญลูกตามาก คิดดูสภาพของเด็กแพทย์ฯ สวมกาวน์มาตามวอแวเด็กมัธยมเงี้ยะ ตอนแรกพี่กล้วยบอกว่าไม่สนหรอก ไม่เอาหรอก พี่หมอพลไม่ใช่สเป็ก

    ตัดภาพมาดูที่ปัจจุบัน

    "มึงจะแดกข้าวด้วยไหมหมี"

    "ไม่เอาอะพี่ พี่กินกันเลยเถอะ หมีง่วงนอนมากกว่า" ผมบอกก่อนจะทิ้งตัวนอนลงบนโซฟา

    พี่พลหันมอง "ทำไมมึงไม่นอนที่ห้องตัวเองวะหมี"

    "นอนคนเดียวแล้วมันชอบฝันร้ายน่ะพี่พล แล้วถ้าตื่นมากลางดึกเนี่ยะก็จะนอนต่อไม่ได้ ดีไม่ดีบางคืนเป็นแพนิคด้วยซ้ำ โคตรแย่"

    "มึงได้กินยาอยู่ตลอดใช่ไหมหมี"

    "ก็กิน...." บ้าง ถ้าไม่ลืมก็กิน

    "รู้ใช่ไหมว่าเค้าให้กินยาติดต่อกันน่ะ"

    "รู้สิครับ นี่ก็กินติดกันนะ เออพี่กล้วย ปลุกหมีด้วยนะมีเรียนเช้าน่ะ"

    "เออ นอนไป"

    "ค้าบบบบ" ผมเอาหมอนอีกใบมาบังตาตัวเองไว้ก่อนจะคิดอะไรเรื่อยเปื่อย

    ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่อาการนอนไม่หลับเพราะฝันร้ายนี้จะหายไปสักที มันแย่นะครับ แย่แบบแย่มากๆ ช่วงหลายเดือนมานี้มันเริ่มหนักมากขึ้นเรื่อยๆ หนักมากจนผมเริ่มมีอาการป่วย ผมเป็นแพนิคก็เพราะแบบนี้ ไม่ชอบเวลาที่อาการป่วยกำเริบเลย มันไม่ได้หนักหนาแต่ว่ามันน่ารำคาญ หลายครั้งที่แพนิคส่งผลต่อการใช้ชีวิตของผม

    น่าเบื่อชิบ

    ก็ยังหวังว่าตัวเองจะหายดีกลับไปเป็นคุณหมีคนเดิมที่แข็งแกร่ง ช่วงนี้ผมอ่อนแอผิดปกติจนเพื่อนๆ ดูออก ไม่อยากให้เพื่อนรู้ถึงสิ่งผมกำลังเจอเลยครับ ไม่อยากให้พวกมันต้องมาเป็นห่วง ตอนนี้ผมยังทนไหวอยู่ ไว้วันไหนที่ทนไม่ไหวจริงๆ ค่อยเล่าให้พวกมันฟัง ส่วนวันนี้....

    ผมควรนอนสักพัก



    "เข้าใจไหมครับนักศึกษา"

    ถ้าบอกว่าไม่เข้าใจจะโกรธไหมครับอาจารย์

    "ทำไมมึงทำหน้าแบบนั้นวะหมี" กูบอกไปมึงก็ไม่เข้าใจกูหรอกหนม

    ผมยิ้มแฉ่งพลางชูสองนิ้วให้เพื่อนรัก "ไม่มีอะไรหรอกมึง"

    "เบื่อมึงอะหมี"

    "ทำไมอะไผ่"

    "ชอบโกหก" คนพูดเบ้ปากใส่ก่อนจะเก็บของเข้ากระเป๋า "ผิดศีล"

    จึกไหมหมีจึกไหม

    "มึงนี่ปากคอเราะร้ายเหมือนกันนะไอ้เอ๋อ" ผมส่งสายตาเหี้ยมๆ ไปให้มัน นี่ถ้าไม่ติดมึงเด็กพี่ฉายนะกูโบกหัวทิ่มละ

    บังอาจมาห้าวกับท่านหมี

    ผมเก็บของใส่กระเป๋าก่อนจะนั่งมึนมองเพื่อนที่กำลังเก็บของเหมือนกัน เพิ่งเรียนคลาสสุดท้ายของวันนี้เสร็จครับ ตอนนี้ก็ประมาณบ่ายโมง วิชาที่เรียนเมื่อกี้คือวิชาอะไรวะ คือแบบ....เท่าที่นั่งฟังอาจารย์บรรยายเนี่ยะ ผมจับใจความไม่ได้เลยสักนิดเดียว หรือมันเป็นเพราะว่าเพิ่งเรียนคลาสนี้เป็นคลาสแรก

    ใช่ มันต้องใช่แน่ๆ

    ช่างแม่งเถอะ เดี๋ยวงงตรงไหนค่อยไปถามไอ้หนมเอา นี่เพิ่งเป็นวีคแรกของเทอม 2 ด้วย ผมขอทำตัวไร้สาระสักแปปละกันก่อนจะตั้งใจทำโน่นทำนี่อย่างจริงจัง เดี๋ยวต้องจัดการเรื่องกีฬาสีอีก คิดแล้วปวดหัวสัส ไอ้บ้าหนมไม่น่าเสนอชื่อผมไปเป็นหลีดฯ โจ๊กเลย นี่ต้องวุ่นวายหาคนมาเป็นหลีดฯ ด้วยเนี่ยะ

    แค่คิดก็ประสาทจะแดกแล้ว

    จิ๊....ทำไมขี้บ่นจังวะหมี

    "พวกมึงจะไปไหนกันต่ออะ" ไอ้ปั้นเอ่ยถาม

    "กูกับเป้จะกลับหออะแหละ"

    ผมหรี่ตามองพวกมัน "รีบกลับจังเลยนะ จะกลับไปแดกกันหรอ"

    "มึงนี่มันขี้เสือกจังเลยวะหมี" ไอ้เป้ไม่ว่าเปล่า มันเอาค้อนลมตีหัวผมด้วย แม่ง เรื่องใช้ความรุนแรงนี่เก่งนักนะมึง

    "อื้ออ.อ.อ....เพื่อนหมีเจ็บนะ"

    "สมน้ำหน้ามึง แล้วพวกมึงอ่ะไผ่ เผือก หนม จะไปไหน"

    "อ่าว ไม่ถามกูหรอ" นี่กูเพื่อนพวกมึงไง ฮัลโหลลลล

    "มึงจะไปไหนก็ไปกูไม่ได้อยากรู้" สิ้นเสียงไอ้ปั้นผมก็ยกมือทำเป็นปาดน้ำตาทันที ชีวิตมึงมันไม่น่าสนใจไงหมี ขนาดเพื่อนๆ ยังไม่สนใจอยากจะรู้เลย ใช่ซี้กูเป็นหมีไง ใช่ซี้!!!

    ดราม่าแม่ง

    "กูจะกลับหอแหละ"

    "อืม....กูก็เหมือนกัน"

    "ของกูเดี๋ยวไปซื้อของกับพี่ขุนอ่ะ"

    ผมหันขวับไปมองไอ้หนม "แหวะ เบื่อคนมีแฟน"

    "ก็หาสิวะไอ้ฟาย กูไปละเบื่อไอ้หมี" ไอ้หนมมันเบ้ปากใส่ผมก่อนจะหยิบกระเป๋าเดินออกไป ทำไมเบื่อเพื่อนหมีแบบนี้ล่า เพื่อนหมีผิดอะไร

    พอไอ้หนมเดินออกไปไอ้พวกที่เหลือก็เดินตามออกไปจนหมด หึ....ใช่สิ นั่นผู้มีอำนาจไง หมีคนธรรมดาจะไปสู้อะไรกับท่านขนมได้ คิดแล้วชอกช้ำใจชะมัด ผมหยิบกระเป๋าและเดินตามพวกมันออกมา เหล่าสหายก็แยกย้ายกระจัดกระจายกันไปคนละทาง แต่ละคนคงจะอยากรีบกลับไปพักผ่อนล่ะมั้งผมคิดว่า ไม่เป็นไร ให้พวกมันกลับกันไปเพราะว่าตัวผมเองก็มีเรื่องต้องไปทำเหมือนกัน

    เรื่องสำคัญซะด้วย

    ผมเดินมาจนถึงลานจอดรถหลังตึก ก่อนจะยัดตัวเองขึ้นรถเพื่อที่จะขับไปตึกวิศวะฯ เรื่องสำคัญที่ผมต้องไปทำนั่นก็คือการไปส่องพี่ขันครับ ผมมีตารางเรียนของเขาเพราะว่าไปสืบมา ตอนนี้เป็นช่วงพักก่อนจะเรียนต่อตอนบ่าย 3 แก๊งค์พี่ขันน่าจะวนเวียนอยู่แถวสวนหย่อม ผมกะว่าจะซื้อนมกับขนมไปห้อยไว้ที่ล็อกเกอร์ของเขา

    นึกถึงสมัยมัธยมฯ ขึ้นมาเฉยๆ เลยว่ะ

    ครืดดดด....ครืดดดด

    ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย "ฮัลโหล....ว่าไงพี่จ๊อบ"

    (อยู่ไหนวะ)

    "กำลังจะไปตึกวิศวะฯ มีอะไรป้ะพี่ แล้วนี่ไม่เรียนหรอ"

    (เรียนดิ กูแอบคุยกับมึงอยู่ใต้โต๊ะ)

    "ชีวิตนี่อนาถจริงๆ ว่ะ แล้วนี่โทรหาน้องมีอะไร แน่ะ คิดถึงน้องล่ะซี่"

    (มึงก็มั่นหน้าเนอะ)

    "คำพูดคำจานี่มัน....ไหนมีอะไรว่ามาซิ"

    (กูจะบอกมึงว่าถ้าอยากมาเก็บงานรอยสักอะ คืนพรุ่งนี้กูว่างนะ)

    "อ๋อ เออได้พี่ เดี๋ยวหมีบอกอีกทีละกัน"

    (เออแค่นี้แหละ กูเรียนละ ไอ้สัสกล้วยมึงจะเอาตีนถีบกูทำพ่อง.....)

    "อะไรวะ" ผมมองจอโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายไปแล้ว พี่จ๊อบนี่ก็แปลกเนอะ คือเรื่องแค่นี้ไลน์มาบอกก็ได้

    มาแอบโทรมาทำไมวะ

    ผ่านไปได้สักพักผมก็ขับรถมาจอดแถวตึกวิศวะฯ ก่อนจะเดินไปที่ร้านค้าใกล้ๆ โรงอาหารเพื่อซื้อนมกับขนม ไม่รู้ว่าของที่ให้ไปทั้งหมดนั่นพี่ขันเอาไปกินหรือว่าเอาไปทิ้ง คือไม่เคยเห็นจังหวะว่าเขากินมันกับตาสักครั้งเลยไง แต่ช่างแม่ง จะเอาไปทำอะไรมันก็เรื่องของเขา ผมให้ไปแล้วมันก็คือของๆ เขาแหละนะ

    จะทำยังไงกับมันก็แล้วแต่ทูนหัวต้องการเลยจ้า

    หลังจากที่ได้ของแล้ว ผมก็เดินลัดเลาะเข้าไปในตึก ผ่านตรงไหนก็เจอคนรู้จักเป็นเบือ บางทีมันก็ลำบากเวลาที่เราจะแอบซุ่มมาเงียบๆ เหมือนกันนะ ผมเคยแอบมองพี่ขันอยู่หลังต้นไม้ละมีพี่คนนึงทักเลยว่า อ้าว ทำไรวะหมี แม่งเท่านั้นแหละ พี่ขันรู้เลยว่าผมแอบตามมองเขาอยู่ห่างๆ แล้วพอเจ้าตัวรู้แบบนั้นก็ยิ่งไม่ชอบผมเข้าไปใหญ่

    คงคิดว่าผมเป็นโรคจิตอะ

    ซึ่งนั่นก็อาจจะจริง

    ผมค่อยๆ แอบย่องเข้ามาในห้องล็อกเกอร์ของพวกปี 3 ฟีลโคตรสายลับเลย ต้องไม่ให้ใครเห็นนะครับเพราะว่าห้องล็อกเกอร์เนี่ยะไม่อนุญาตให้เด็กคณะอื่นเข้ามา ถ้าถูกจับได้จะโดนตัดคะแนนความประพฤติ ก่อนที่จะมีคนโผล่มาผมควรรีบเอาของไปห้อยไว้ที่ล็อกเกอร์พี่ขันก่อนดีกว่า

    "หมีเอาของมาให้พี่ขันนะ กินด้วยล่ะ" ผมจัดแจงแขวนของไว้หน้าล็อกเกอร์ 0021 ก่อนจะหมุนตัวกลับเพื่อจะเดินออกไป

    แอ๊ดดดด

    ชิบหายละ

    "เชี่ยยยย" ผมรีบวิ่งเข้าไปหลบอยู่ในซอกของล็อกเกอร์ด้านในสุด คือแบบมึงจะเข้ามาทำไมตอนนี้วะพี่ ให้กูออกไปก่อนไม่ได้เหรอ

    "มึงนี่ขี้ลืมจริงๆ เลยนะไอ้พีช วันหลังมึงลืมอีกกูไม่มาเอากับมึงจริงๆ ด้วย" พี่พีช....พี่พีชที่เรียนอุตสาหการแน่ๆ เลยว่ะ แล้วเสียงคนที่พูดนั่นถ้าผมจำไม่ผิดก็น่าจะเป็นพี่วิว

    "แน่ะ คำที่มึงพูดมันก็ตีได้หลายความหมายนะวิว"

    "ไม่ต้องมากามใส่กูเลยนะไอ้สัส มึงอะชอบหลุดออกมาแบบเนี้ยะ เดี๋ยวคนอื่นเค้าก็รู้หมด"

    "โอ๋ๆ ขอโทษนะครับ"

    "ไม่ต้องมาลูบหัวกูเลย"

    ผมค่อยๆ โผล่ตาออกไปแอบมอง เห็นออร่าสีชมพูรายล้อมอยู่รอบตัวทั้งคู่ เนี่ยะ มีซัมติงอะไรกันก็ไม่เคยจะบอกน้อง เดี๋ยวถ้าบังเอิญไปเจอจะต้องแซวหน่อยละ เรื่องที่แอบกิ๊กกันนี่คงยังไม่มีใครรู้สินะ

    "รีบๆ หยิบได้แล้ว ได้รีบไป"

    "ค้าบบบบ" พี่พีชรีบหยิบสมุดเลคเชอร์ออกมาจากล็อกเกอร์ "ไปกัน"

     "เออ" พี่วิวรีบเดินออกจากห้องโดยมีพี่พีชเดินตามไป ณ จุดๆ นี้ผมก็ควรรีบย่องตามพวกพี่มันออกไปก่อนที่จะมีคนเข้ามาอีก ผมรีบก้าวเท้าออกมาด้านนอกก่อนจะหันมองซ้ายมองขวา

    เฮ้อ....รอดแล้ว

    พอออกมาจากห้องล็อกเกอร์ได้อย่างปลอดภัย ผมก็รีบเดินมุ่งหน้าไปยังสวนหย่อมทันที คือช่วงเวลาว่างเนี่ยะ แก๊งค์ว้ากเกอร์ก็จะกบดานกันอยู่ที่สวนหย่อม เป็นแบบนี้ทุกวันด้วยนะครับ พี่ขันเป็นคนที่ชอบต้นไม้มาก เขาเคยให้สัมภาษณ์ไว้ในหนังสือพิมพ์โรงเรียนตั้งแต่สมัยโน้น นึกแล้วก็ตลกตัวเองเหมือนกันนะ อะไรที่เป็นเรื่องของพี่ขันผมจำได้ทุกอย่าง แต่อะไรที่เป็นเรื่องทฤษฎีที่ต้องเรียนไม่เคยจำได้สักอย่าง

    2 มาตรฐานมากอะหมี

    ผมเดินมาเรื่อยๆ จนถึงบริเวณของสวนหย่อม พอเห็นพี่ขันที่นั่งอยู่ในศาลาไม้กลางสวนผมก็เปลี่ยนจากการเดินเป็นการคลานทันที คือแถวนี้มีแต่ต้นคริสติน่าที่พุ่มไม่ได้สูงมาก ขืนยังเดินเสนอหน้าอยู่เขาต้องเห็นผมแน่นอน และเชื่อได้เลยว่าถ้าพี่ขันเห็นผมเนี่ยะ เจ้าตัวก็คงจะหนีขึ้นตึกไปแน่ๆ

    ไม่เคยจะอ่อนโยนกับหมีเลยเอาจริงๆ

    ผมคลานมาจนหยุดอยู่หลังต้นพญาเสือโคร่งต้นใหญ่ ก่อนจะชะเง้อคอแอบมองพี่ขันที่นั่งคุยอะไรกับเพื่อนอยู่ในศาลา เคยสงสัยตัวเองเหมือนกันนะว่าทำไมจะต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยวะ แต่คำตอบมันก็คงเป็นเพราะอยากมองคนตรงหน้าโน้นล่ะมั้ง ถึงแม้ว่าจะได้มองจากที่ไกลๆ มาตลอดเลยก็ตามทีเถอะ

    อยากมีสักวันที่ได้จ้องหน้าใกล้ๆ

    เอาจริงๆ การได้มองพี่ขันวันละไม่กี่นาทีมันก็ทำให้ผมพอใจแล้วล่ะ ก็นะ ผมมีสิทธิ์ทำได้แค่นี้นี่นา พี่เขาไม่เคยเปลี่ยนนะครับตั้งแต่สมัยมัธยมฯ น่ะ เป็นยังไงก็คงเป็นอย่างนั้น มีเปลี่ยนก็น่าจะเป็นเรื่องที่จำผมไม่ได้นี่แหละ คิดเรื่องนี้ทีไรนี่น่าเศร้าชะมัด

    ฮุกก.ก.ก.....

    ปาดน้ำตาแปป

    หลังจากผมนั่งดราม่าได้ไม่นานเหล่าว้ากเกอร์ที่นั่งอยู่ในศาลาก็ออกมาหยุดอยู่เยื้องๆ แถวที่ผมหลบอยู่ ข้อดีคือเห็นได้ใกล้ แต่ข้อเสียคือเดี๋ยวเขาจะมาเจอผมไง โถ่ กลับไปนั่งที่เดิมได้ไหมเนี่ย

    "ขัน....กูมีอะไรอยากจะถาม" พี่แช่มหันมองพี่ขันที่ยืนอยู่ข้างๆ

    "อะไรวะ"

    "ต้นไม้เนี่ยะ มันเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต"

    "ถามเพื่อ...."

    คนถามทำหน้ามุ่ยใส่ "ถามก็ตอบสิวะ"

    "ก็ต้องมีชีวิตไง มึงไม่เคยเรียนมาหรอ"

    "เคยโว้ย แล้ว....ปกติเนี่ยะ สิ่งมีชีวิตมันต้องกินอาหารใช่ไหมล่ะ มึงรู้ไหมว่าต้นไม้กินอะไร"

    "ก็ต้องกินแร่ธาตุป้ะวะ"

    พี่แช่มส่ายหน้ารัวๆ "ไม่ใช่"

    "ถ้าไม่ใช่แล้วมันกินอะไรวะ"

    "กินคน"

    พลั่ก

    "โอ๊ยยยยยยยยยยย ไอ้เชี่ยแช่มมมม ไอ้เพื่อนเวร!!!!" เสียงด่าของคนที่โดนผลักเข้าพุ่มไม้ดังลั่นไปทั่วทั้งสวน ส่วนบรรดาชาวแก๊งค์ที่เหลือก็ยืนหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตายที่แกล้งพี่ขันได้

    โถ่ทูนหัวของหมี

    อยากเข้าไปช่วยพยุงออกมาก็ทำไม่ได้

    ผมได้แต่ยื่นหน้าเข้าไปดูในพุ่มไม้ เห็นเงารางๆ ขยับอยู่ในนั้น จังหวะพุ่งเข้ามาในพุ่มไม้นั่นพี่ขันต้องเจ็บมากแน่ๆ แค่เห็นผมยังเจ็บแทนเลย พุ่มต้นคริสติน่ามันต้องแหว่งเพราะเหตุการณ์เมื่อกี้ชัวร์ ถ้าลุงคนสวนเขารู้ว่าพวกแก๊งค์นี้เป็นทำเขาคงสาปแช่งอะ พุ่มไม้มันสวยอยู่ดีดีก็มาทำโพรงกระต่ายไปวันเดอร์แลนด์ซะได้

    พวกพี่นี่มันจริงๆ เลย

    พรึ่บ

    "เห้ยยยย"

    "เห้ยยยย" ผมผงะทันทีที่เห็นมือหนาแหวกต้นไม้ออกพร้อมกับโผล่หน้าออกมา ".....พี่ขัน"

    เชี่ยยยยแล้ว

    โดนผลักมาทางโน้นแต่ทำไมมาโผล่ออกทางนี้เล่า

    "เจออะไรวะขัน" พี่เฌอวิ่งนำเพื่อนๆ อ้อมมาทางที่ผมแอบอยู่ เออ มากันให้ครบองค์ประชุมเลยมา

    แถยังไงล่ะหมีจะแถยังไง

    "อ้าวไอ้หมี"

    พี่ฉายมองผมกับพี่ขันสลับกัน "ทำไมมึงมาอยู่ตรงนี้ได้วะ"

    "เอ่อ...." ผมลุกยืนขึ้นทันทีก่อนจะยิ้มแฉ่ง "คือ....หมีจะมาหาพี่นั่นแหละพี่ฉาย"

    "มาหากู มาหาทำไมวะ"

    "ก็....ก็จะฝากจองโต๊ะหน่อย เดี๋ยววันนี้จะไปกินเหล้า ก็แค่นี้แหละไม่มีอะไร"

    พี่ทะเลหรี่ตามองพลางยิ้มกริ่ม "ที่พูดมานั่นจะใช่เร้อ"

    "ใช่สิพี่" เชื่อหมีเถอะ ไม่รู้จะแถไปทางไหนต่อแล้ว

    "เออได้ เดี๋ยวกูจองไว้ให้ละกัน วันนี้พวกกูเองก็จะไปกินเหล้า" หลังจากที่พี่ฉายบอกผมก็พยักหน้ารับคำ

    "งั้นวันนี้....กูไม่ไปกินเหล้านะ" พี่ขันเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะลุกขึ้นปัดเศษใบไม้ที่ติดตามเนื้อตามตัวออก "อยู่ดีดีก็กินไม่ลง"

    อืม....ความปวดใจนี่มันคืออะไรวะ

    "อะไรวะขัน นัดกันไว้แล้วนะ" พี่แช่มบ่นอุบอิบ

    "ก็กูไม่อยากไป....เดี๋ยวเถอะนะมึงอะ ขึ้นตึกเมื่อไหร่เคลียร์กับกูยาวแน่" เจ้าตัวเอ่ยเสียงเหี้ยมก่อนจะรีบเดินออกไปจากสวนหย่อมทันที

    ผมได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างนั่น ทำได้แค่นี้จริงๆ ว่ะ นี่เกลียดผมถึงขนาดแค่ไปกินเหล้าร้านเดียวกันยังไม่ได้เลยเหรอวะ รู้สึกผิดเหมือนกันนะที่การแถของผมมันทำให้พี่ขันไม่ได้ไปกินเหล้ากับเพื่อนอะ

    เสียใจว่ะ

    ไม่น่าเลยหมี

    "ไม่เป็นไรนะมึง" พี่เฌอยกมือขึ้นแตะไหล่ผม "ไอ้ขันมันคงหงุดหงิดที่โดนต้นไม้แดกนั่นแหละ"

    "ใช่ มึงโอเคนะหมี" พี่แช่มเองก็ถามด้วยความเป็นห่วง

    ผมพยักหน้ารับก่อนจะยิ้มบาง "โอเคดิพี่เรื่องแค่นี้เอง คนอย่างหมีอะไม่เป็นไรอยู่แล้ว"

    "เออ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว" พี่ฉายยกมือขยี้หัวผม "คืนนี้มาที่ร้าน เดี๋ยวกูให้พี่เจ้าเลี้ยงเบียร์โปรนึงเลย"

    "ขอบคุณนะพี่ หมีว่าพวกพี่ขึ้นเรียนกันเถอะ ใกล้ได้เวลาแล้วอะ"

    "นั่นสินะ งั้นเจอกันคืนนี้แล้วกันไอ้หมี"

    "ได้เลย เอ่อ....ฝากบอกให้พี่ขันตั้งใจเรียนด้วยนะพี่"

    พี่ทะเลพยักหน้ารับคำ "เดี๋ยวกูจะพูดกรอกหูมันให้ละกัน"

    "ค้าบบบบ บ๊ายบายนะ" ผมยืนโบกมือให้จนพวกพี่เขาเดินลับไป อยากกลับไปนอนที่หอนะ แต่ขอนั่งดราม่าแบบนึงละกัน

    ผมทรุดตัวลงพิงต้นพญาเสือโคร่งก่อนจะหยิบดอกที่ร่วงอยู่ใกล้ๆ ขึ้นมาดู ผมไม่เข้าใจพี่ขันเลยครับ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาต้องเกลียดผมถึงขนาดนั้น ผมรู้อยู่หรอกว่าเขาไม่ชอบผมเพราะอะไร แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ความจริงเลยด้วยซ้ำ ผมอยากจะพูดให้เขาฟังนะ อยากอธิบายว่าสิ่งที่เขาคิดอยู่มันไม่ใช่ แต่จะพูดออกไปได้ยังไง....

    หน้าผมเขายังไม่อยากจะมองเลย

    ผมหวังมาตลอดว่าให้เขาจำผมได้ในสักวัน และก็กลับไปคุยกับผมด้วยรอยยิ้มได้เหมือนเมื่อก่อน วันนี้แม่งโคตรเฟลเลย เฟลตั้งแต่ฝันร้ายละ ไม่รู้ว่าพี่ขันจะฝันแบบเดียวกับผมบ้างรึเปล่าเพราะเหตุการณ์นั้นเราก็เจอมันมาพร้อมกัน ในขณะที่ผมต้องนอนฝันร้ายมาหลายปีเขาอาจจะนอนหลับฝันดีมาตลอดเลยก็ได้

    ชักดราม่าหนัก

    พอเลิกคิด....แม่งไม่สมเป็นหมีเลย

    "กลับหอไปรมควันตัวเองสักพักดีกว่า" พอคิดได้แบบนั้นผมก็ลุกขึ้นยืนแล้ววางดอกพญาเสือโคร่งไว้บนพุ่มดอกคริสติน่า "หวังว่าวันนี้คงจะไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้ละนะ"

    ก็....ได้แต่หวังจริงๆ









    TBC.

    สวัสดีค่ะชาลมาส่งขันหมีแล้วววววว ก็เบบี๋รอเรื่องนี้กันมานานเลยเนอะ บางคนรอตั้งแต่เดือน 11 โน่น ก็ตอนนี้ก็ได้ลงแล้วนะคะ ขอบคุณที่อดทนรอกันมาอย่างเนิ่นนานนะ เรื่องราวจากนี้จะเป็นยังไงก็ต้องรอติดตามกันไป

    ในช่วงแรกชาลจะลงติดกันหน่อยนะแต่อาจจะไม่ได้ลงทุกวัน เพราะว่าชาลแต่งไม่ทัน แต่จะไม่ให้เกิน 3 วันต่อ 1 บท ถ้าครบ 10 บทเมื่อไหร่ชาลจะลงอาทิตย์ละ 1 บททุกวันจันทร์นะ ถ้าใครเล่นทวิตเตอร์แล้วหวีดนิยายก็ขอให้ใช้ #ขันหมี เป็นแท้กหลักนะ

    ถ้าชอบก็กดไลค์ คอมเม้นต์เพื่อเป็นกำลังใจให้กันได้นะคะ สามารถติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis น้า

    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×