ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    || Short Fiction TVXQ! -YUNHO- Seme & Uke ||

    ลำดับตอนที่ #3 : The Series ; คุณแฟน & ตัวร้ายกาจ Part 1 : เวลามึงเขินก็น่ารักดีนะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 429
      0
      19 เม.ย. 55



    New_day_____by_aoao2-d4gfo8h_large





    The Series ; คุณแฟน & ตัวร้ายกาจ
     

    Part 1 ; เวลามึงเขินก็น่ารักดีนะ

    Pairing ; Siwon X Yunho           

    Genre ; Romance – Drama

    Rate ; PG -15

    Warning ;  ฟิคเรื่องนี้เป็นคู่วอนยุน หรือยุนโฮอุเคะ รับไม่ได้กรุณากดปิด :X

                      อาจมีคำหยาบและภาษาที่ไม่เหมาะสมบ้างนะจ๊ะนะจ๊ะ  xDDD

    Song ; 7 years Of Love By Kyhyun
    Theme ;  :)  Shalunla






    ร่างสูงโปร่งของชองยุนโฮนอนทอดตัวอยู่บนเตียงนอนหลังใหญ่กลางห้องหรู แขนข้างหนึ่งยกขึ้นก่ายหน้าผากพร้อมกับนัยน์ตาเรียวที่ปิดลงสนิท กลีบปากซีดพ่นลมร้อนที่ดูจะร้อนกว่าปกติเพราะพิษไข้



    เกลียดชะมัดเวลาที่ไม่สบายเนี่ย

     

    ความทรงจำในอดีตค่อยๆผุดขึ้นมาตอกย้ำความเป็นจริงในครั้งก่อน

     



    ยุนโฮหลับตาลงอีกครั้ง ความคิดและภาพความทรงจำที่ตีกันวุ่นวายทำให้อาการปวดหัวเริ่มจะรุมเร้า เปลือกตาบางปิดลงก่อนจะจมเข้าสู่ห้วงนิทรา......

     

     

     

     

     

             
                        เสียงดนตรีแผดดังลั่นระหว่างที่เชวซีวอนกำลังขับรถอยู่ มือหนาเอื้อมไปคว้าเครื่องมือสื่อสารขนาดเล็กที่กำลังแผดเสียงรบกวนสมาธิในการขับรถของเค้าขึ้นมากดรับ แต่ไม่ทันจะได้พูดอะไร เสียงจากคนปลายสายก็ดังขัดขึ้นซะก่อน

     

    ซีวอน..มึงช่วยไปดูน้องชายกูที่ห้องหน่อยได้ไหมวะ? เห็นเมื่อวานไม่ค่อยสบาย เสียงทุ้มที่ติดจะหวานนิดๆเอ่ยถามเชิงขอร้องแกมบังคับ(?)

     

    “...อะไรของมึงเนี่ย? อย่างไอ้ยุนเนี่ยนะไม่สบาย กูล่ะเชื่อเลยจริงๆ?

     

    ทำไม น้องกูก็เป็นคนนะเว้ย จะป่วยไม่ได้เหรอไงวะ ไม่รู้ล่ะ ยังไงมึงก็ต้องไปดูยุนโฮแทนกูด้วย ถ้ากูไปถามมันแล้วบอกว่ามึงไม่ได้ไปนะ หึ...มึงตาย! แค่นี้ล่ะ ขอบใจ

     

    เฮ้ยยๆ ไอ้แจ ไอ้แจจุงวางสายไปซะแล้ว

     

    ซีวอนถอนหายใจก่อนจะโยนโทรศัพท์ไปบนเบาะข้างคนขับ.. ร่างสูงส่ายหน้าอย่างเซ็งๆก่อนจะหมุนพวงมาลัยเปลี่ยนทิศทางให้ไปยังคอนโดของยุนโฮแทน

     

     

    วันนี้ก็ไม่ได้มีงานอะไรอยู่แล้ว  ไปหน่อยก็ไม่เสียหายอะไรนี่หว่า

     

            

                       รถยุโรปคันหรูตามประสาผู้ดีมีเงินจอดสนิทหน้าคอนโดสูงซึ่งเป็นจุดหมาย ขายาวก้าวลงจากประตูรถ รีบเดินตรงดิ่งไปภายในตัวอาคาร กดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นที่ต้องการ

     

     

    ติ๊งประตูลิฟต์เปิดออกช้าๆ พร้อมกับร่างสูงๆที่ก้าวลอดช่องว่างออกมา เร่งเดินให้ไปถึงห้องของยุนโฮ

     

    ริมฝีปากหยักยกยิ้มเมื่อถึงหน้าประตู  มือหนายกขึ้นเคาะประตูห้องสองสามครั้ง แล้วดึงคีย์การ์ดที่อยู่ในกระเป๋าขึ้นเสียบ ผลักประตูเข้าไปในห้อง

    ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเคาะประตูเพื่ออะไร  แต่ก็ทำแบบนี้จนชินแล้วนี่หว่า...


    ซีวอนคลำหาสวิตซ์ไฟแล้วกดเปิดอย่างคุ้นเคย

     

     

     

    ห้องเงียบสนิท... สงสัยยุนโฮมันคงไม่สบายอย่างที่ไอ้แจมันบอกจริงๆ

     

    สายตาคมกวาดมองไปทั่วห้องแต่ก็ไม่พบร่างของคนที่มองหาเลย สุดท้ายถึงได้ตัดสินใจเดินตรงไปที่ส่วนในสุดของห้อง

     

    ห้องนอน

     

    ขายาวหยุดอยู่หน้าประตูห้อง เลื่อนมือไปจับลูกบิดประตูแล้วหมุนอย่างเบามือ

    เป็นอย่างที่คิดยุนโฮไม่ชอบล็อกห้องทั้งๆที่แจจุงเองก็เตือนนักเตือนหนา

    แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ เค้าจะได้ไม่ต้องวุ่นวาย หึๆ

    ร่างสูงก้าวไปหาคนที่กำลังหลับสนิท ทรุดตัวนั่งลงข้างๆก่อนจะต้องหลุดยิ้มน้อยๆ

     

    เวลาหลับ ก็....น่ารักดีเหมือนกันนะ ยุนโฮเนี่ย.

     

    มือหนาวางแปะลงบนแก้มขาวเบาๆ แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อรับรู้ได้ถึงอุณหภูมิที่ร้อนผิดปกติของอีกฝ่าย

     

    เป็นไข้เหรอ

     

    ซีวอนขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ  ก่อนจะรีบก้าวเข้าห้องน้ำคว้าเอาผ้าขนหนูผืนเล็กกับอ่างใบน้อยที่ใส่น้ำจนเกือบเต็มออกมาด้วย

     

    มือหนาบิดผ้าที่ชุ่มน้ำเบาๆแล้วค่อยๆบรรจงเช็ดตัวให้ยุนโฮอย่างเบามือ  เสียงครางอื้อดังเบาๆในลำคอขาว ก่อนร่างที่กำลังหลับสนิทจะเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ

     

    ซีวอน...คนถูกเรียกเหลือบตาขึ้นมอง เผยรอยยิ้มจางๆให้ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเช็ดตัวต่อ

     

    “...อื้อ มึงมาได้ไงเนี่ย?” เอ่ยถามอย่างสงสัย  ยุนโฮยันตัวขึ้นจากที่นอนแล้วนั่งพิงกับหัวเตียงแทน

     

    เช็ดตัวยังไม่เสร็จ.เอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะทำท่าเหมือนจะกดตัวยุนโฮให้ลงไปนอนอีกครั้ง แต่..กลายเป็นเจ้าตัวที่ส่ายหน้าปฏิเสธเอง

     

    ไม่ต้องเช็ดตัวหรอก เป็นแค่หวัดธรรมดาเอง ไข้ก็ไม่ได้สูงมากซักหน่อย.. “

     

    “....”

     

    ยังไม่ตอบกูเลยนะ  ว่ามาได้ยังไง?” นัยน์ตาเรียวจ้องร่างสูงกว่าอย่างคาดคั้น


    ไม่เห็นยาก..ก็ขับรถมาที่คอนโดมึง เดินเข้ามาเรื่อยๆจนถึงห้องมึง พอใจยัง?” ยักคิ้วให้ทีนึงจนคนป่วยอดจะหมั่นไส้เล็กๆไม่ได้

     

    กวนตีน ตลอดเลยนะมึงอ่ะ..

     

    ความสุขกู..คือการกวนตีนมึง ฮ่าๆหัวเราะเป็นการตบท้าย ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง

    สักพักถึงได้ออกมาพร้อมกับเสียงทุ้มที่เอ่ยถามเพราะเป็นห่วง

     

    “..ยุนโฮ.. เมื่อวานไปทำอะไรมาถึงไม่สบาย หืมม?” ร่างสูงเดินเข้ามาหา ก่อนทรุดนั่งลงข้างๆ

     

    ตากฝนมานิดหน่อยน่ะ ช่วงนี้เครียดหลายเรื่องด้วยมั้ง นอนไม่พอด้วยแหละ เจอฝนนิดๆหน่อยก็ไม่สบายซะแล้ว ดูอ่อนแอเนอะ?..” พูดเอื่อยๆก่อนจะพลิกกายลงนอนบนตักของเพื่อนสนิท

     

    “....”

     

     

    ขอบใจนะ..จู่ยุนโฮก็พูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ

     

    หืม อะไร อยู่ดีๆมาขอบคุณกู เป็นไข้แล้วเพี้ยนเหรอไง

     

    เปล่า พูดจริงๆ มึงรู้ไหม สมัยก่อนเวลาที่กูไม่สบาย มันทรมานมากเลย... ไม่มีใครอยู่ด้วย ไม่มีใครสนใจ นอนร้องไห้ทุกคืนเหมือนเด็กโง่ๆคนหนึ่ง ยังจำได้เลยว่าตอนประมาณ 11 ขวบ โรคกะเพรากำเริบแต่..ไม่มีใครคิดจะสนใจ ถ้าเกิดวันนั้นพี่แจจุงไม่เข้ามาหาที่ห้อง กูอาจจะ..ตายไปแล้วก็ได้  ท้ายประโยคช้อนตาขึ้นมองคนที่เสียสละตักให้หนุนนอน ริมฝีปากซีดยิ้มบางๆอย่างเหนื่อยอ่อน

     

    ยุนโฮ...เอ่ยเรียกชื่อเพื่อนเสียงเบาหวิว ถึงเค้ากับยุนโฮจะได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทแต่เรื่องส่วนตัวแบบนี้ เค้าเองก็ไม่ค่อยจะรู้นัก

     

    มือหนาลูบศีรษะทุยเบาๆอย่างปลอบโยน 

     

    “...ปวดหัวมั้ย? เดี๋ยวไปเอายาให้เสียงทุ้มถามอย่างห่วงใย ครู่หนึ่งที่ซีวอนเห็นว่าเงาสะท้อนในดวงตาคู่นั้นดูเศร้าสร้อย

     

    ยุนโฮไม่ตอบ เพียงแต่ส่ายหน้าท่าเดียว

     

    ไม่เอา. ไม่กินยา... มันขม

     

    อ่า ทำเป็นเด็กไปได้ ไม่กินยาแล้วมันจะหายไหมล่ะ

     

    ซีวอน..เอ่ยเสียงอ่อนอย่างออดอ้อน แต่ก็ไม่ได้ผล

     

    ร่างสูงลุกขึ้นจากเตียงนอน ทิ้งอีกคนไว้เบื้องหลัง

     

    เชว ซีวอนเสียงเบสเอ่ยดังลั่น จนคนที่ก้าวเท้านำไปต้องหยุดชะงัก  ช่วงขาเรียวรีบก้าวลงจากเตียง  แต่...เดินไปได้ไม่ถึงสามก้าวร่างทั้งร่างก็ทรุดลงกับพื้น  มือเรียวยกขึ้นกุมศีรษะ คิ้วเรียวขมวดแน่นอย่างเจ็บปวด

     

    ยุนโฮ!” ร่างสูงรีบก้าวเข้ามาหาร่างที่ทรุดนั่งอยู่  สองแขนกอดปลอบอย่างห่วงใย  ก่อนจะช้อนร่างยุนโฮให้ไปนอนบนเตียงเหมือนเดิม

     

    จะรีบลุกทำไม  เดี๋ยวก็วูบไปอีกหรอก พูดจบก็เดินออกจากห้องเพื่อไปหยิบยาแก้ปวดมาให้

    ผ่านไปไม่นานซีวอนก็เดินหลับมาที่ห้องอีกครั้ง ประตูบานสวยแง้มออกเล็กน้อยก่อนร่างสูงจะเดินมานั่งข้างๆยุนโฮ พร้อมกับมือที่ถือแก้วน้ำกับยาเม็ดเล็กๆสีขาวติดมาด้วย

     

    ใบหน้าเรียวได้รูปหันหนีทันทีเมื่อเหลือบเห็นยาในมือหนา



    กินซะ ไม่กินก็ไม่หาย ไอ้แจรู้เข้า คงเอากูตายแน่ ฮ่าๆ เอ่ยติดตลกแต่ก็ไม่ทำให้ยุนโฮรู้สึกดีขึ้นซักเท่าไหร่

     

    “.....”เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบซีวอนก็ยิ่งยื่นมือเข้ามาใกล้คนที่นั่งอยู่บนเตียงมากขึ้น

     


    อย่าทำแบบนี้เลย...กูกินไม่ได้จริงๆอย่าบังคับกันได้ไหม? ซีวอน..  ท้ายประโยคช้อนตาขึ้นมองเจ้าของชื่ออย่างขอร้อง

     

    เฮ้อชีวอนถอนหายใจเบาๆ เพราะความดื้อดึงของเพื่อนสนิท
     

    ไม่กินก็ไม่กิน โตขนาดนี้แล้วยังดื้อเหมือนเด็กไม่มีผิด ร่างสูงส่ายหน้าอย่างปลงๆ มือหนาวางแก้วน้ำกับยาเม็ดเล็กไว้ที่หัวเตียง ก่อนจะหันมาพูดกับยุนโฮอีกครั้ง

     

    ไม่กินยาก็นอนซะ เผื่อจะได้ดีขึ้น พูดจบก็เตรียมตัวจะหันหลังเดินออกจากห้อง แต่กลับถูกอีกฝ่ายดึงข้อมือไว้ก่อน


    อยู่กับกูนะ...ยุนโฮเอ่ยเบาๆ นัยน์ตาคู่เรียวที่ดูแวบเดียวก็รู้ว่ากำลังเว้าวอนเค้าอยู่

     

    มือหนาส่งขึ้นขยี้หัวทุยเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว ไม่กินยาแล้วยังอ้อนอีกนะ...

     

    ทำไมถึงขี้อ้อนจัง..หืม

     

    คนป่วย..เค้าต้องการความเอาใจใส่ไม่รู้เหรอไง

     

    อ่ะๆ โอเคดูแลเอาใจใส่ซีวอนยกยิ้ม ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงข้างๆ

     

    ริมฝีปากอิ่มยิ้มบางๆอย่างอุ่นใจ

     

    อย่างน้อยซีวอนก็ยังอยู่ข้างๆเขา...

      


              

     

    เข็มนาฬิกาหมุนผ่านไปเรื่อยๆ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่ายุนโฮจะตื่น

     

    สงสัยคงจะเพลียมากสินะ

     

    ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆอย่างเอ็นดู ยื่นมือขึ้นลูบดวงหน้าได้รูปเบาๆ กลีบปากซีดเผยอขึ้นน้อยๆเพื่อหายใจ


    น่ารักซะจริงๆเลยเหอะ

     

     

    นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้มองเพื่อนคนนี้ใกล้ๆ นานจนเค้าเองก็จำไม่ได้แล้วเหมือนกัน

    เหมือนตกอยู่ในภวังค์ ราวมีแรงดึงดูด ซีวอนค่อยๆเคลื่อนใบหน้าเข้าหาคนที่หลับสนิท เรียวปากหยักประทับจูบบนกลีบปากอิ่มของอีกคนแผ่วเบา


    ลืมหมดสิ้นว่าเค้ากับยุนโฮเป็นเพื่อนกัน

     

    เค้า..ไม่ผิดใช่ไหม..

     

    ชายหนุ่มบดเบียดกลีบปากอิ่มอย่างเอาแต่ใจ รสหวานละมุนที่ได้สัมผัสยากแก่การผละจาก

     

    อาจไม่นุ่มอย่างเยลลี่ แต่ความรู้สึกที่ได้ช่างแตกต่าง

     

    ติดใจในรสสัมผัสแบบนี้ซะแล้วสิ...

     

     

    อื้อเสียงครางในลำคอของยุนโฮเป็นตัวฉุดอารมณ์ของซีวอนให้หลุดจากภวังค์ ใบหน้าคมคายรีบผละออกจากดวงหน้าขาวอย่างเสียดาย


    อึก แม่ฮะ อย่าทิ้งผมไป..ฮืออ..อย่าทิ้งผม..แม่...............เสียงเบสทุ้มละเมอเพราะพิษไข้แขนเรียวกวาดสะเปะสะปะขึ้นไปบนอากาศราวกับต้องการไขว้คว้าอะไรบางอย่างไว้

     

    ฮึกยุนโฮสะดุ้งตื่น น้ำใสเอ่อคลอรอบนัยน์ตาเรียวอย่างหวาดกลัว

     

    คนสูงกว่ารีบขยับตัวขึ้นไปนั่งบนเตียงข้างๆ วาดแขนเรียวโอบกอดอีกฝ่ายไว้

     

    เป็นอะไรไป ?”

     

    “...................”

     

    เงียบอีกแล้ว...

     

    ซีวอนถอนหายใจเบาๆ เงียบแบบนี้แล้วเค้าจะรู้ไหมล่ะว่าเป็นอะไร ชายหนุ่มตั้งท่าจะลุกเดินออกไปจากห้อง คิดเองเออเองว่าถ้าปล่อยให้ยุนโฮอยู่คนเดียวเงียบๆจะดีกว่า

     

    ฮึก ..อย่าไปเสียงสั่นพร่าเอ่ยวอนขอเบาๆ

     

    “.. ถามอะไรก็ไม่ตอบ ทำไมถึงเป็นแบบนี้น้ำเสียงเริ่มไม่พอใจเล็กๆ ถึงจะรู้ว่ายุนโฮไม่ค่อยสบายอยู่ แต่ปกติก็ไม่เห็นจะเป็นแบบนี้แล้ววันนี้เกิดเป็นอะไรขึ้นมาอีก

     

    ซีวอน...ยุนโฮเอ่ยครางชื่อเพื่อนเบาๆ ใบหน้าเรียวหันหนีไปอีกทางก่อนจะปล่อยให้น้ำตาค่อยๆไหล

     

    ทำไมถึงได้รู้สึกน้อยใจนะ..

     

    ไม่พูดแบบนี้.. กูจะไปแล้วนะ มึงก็รู้กูไม่ชอบคนที่มีอะไรก็เอาแต่เก็บเงียบ.ยุนโฮ คนตัวสูงลุกขึ้นยืนพร้อมกับก้าวเดินออกห่างจากยุนโฮไปเรื่อยๆ

     

    อย่าไป..ได้โปรดซีวอนชะงักหยุดนิ่ง เมื่อได้ยินเสียงแผ่วเบาขอร้องอย่างที่ไม่เคยเป็น แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจก้าวเดินไปอยู่ดี

     

     ดูเหมือนจะใจร้าย แต่ทำไงได้นิสัยเค้าก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ไม่ชอบคนที่เอาแต่เงียบ ถึงจะเป็นเพื่อนสนิทก็เถอะ..

     

    ไปแล้ว.. จากไปอีกแล้ว..ไม่เหลือใครอีกแล้ว...

     

    ยุนโฮถดตัวลงนอนบนเตียงเหมือนเดิม ปิดเปลือกตาลงปล่อยให้หยาดน้ำตารินไหลงช้าๆ

     

    เค้ามันงี่เง่าสินะ คนเอาแต่ใจ มีอะไรก็ไม่พูดทั้งๆที่ก็รู้ว่าซีวอนนิสัยแบบไหน แล้วคราวนี้ยังจะมาเรียกร้องอะไรได้อีก จริงไหม?...

     

    ริมฝีปากอิ่มซีดยกยิ้มจางๆอย่างสมเพชตัวเอง

    เมื่อก่อนก็เคยเป็นแบบนี้.. ถูกทิ้งไว้คนเดียวตอนที่ไม่สบาย

    ไม่เหลือใคร..แบบนี้..

     

    หยาดน้ำตารินไหลอาบแก้มตอบซีดของคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงไม่หยุด

    เสียงสะอื้นเบาๆดังลอดจากริมฝีปากอิ่ม มือทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่น

     

    ทำไมนะ ทำไม ชองยุนโฮ ถึงได้อ่อนแอแบบนี้

     

     

     

     

     

                    หลังจากก้าวเดินออกจากห้องนอนของยุนโฮแล้ว ซีวอนก็เดินมานั่งบนโซฟากลางบ้าน

    ลึกๆแล้วเค้าเองก็รู้สึกผิดที่ทิ้งยุนโฮไว้แบบนั้น แต่ว่า....

     

     

    ช่างมันเหอะ

     

    ตัวเค้าเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตนกำลังคิดอะไรกันอยู่แน่ ใจหนึ่งก็เป็นห่วงคนที่อยู่คนเดียวในห้อง แต่อีกใจก็เหนื่อยที่จะพูดกับยุนโฮเหมือนกัน

     

    ไม่รู้สิ เหมือนยุนโฮจะไม่ค่อยสนใจความห่วงใยของเค้าเท่าไหร่...

    รู้สึกน้อยใจล่ะมั้ง...

     

    ร่างสูงยกมือขึ้นทึ้งหัวตัวเองอย่างไม่เข้าใจ..

    เป็นอะไรของแกเนี่ย เชวซีวอน?

    แต่ก่อนที่จะคิดมากไปกว่านี้ เสียงโทรศัพท์เครื่องหรูก็ดังขัดขึ้นซะก่อน

    มือหนาเอื้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา สายตามองไปที่ชื่อหมายเลขที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอ ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆอย่างเหนื่อยหน่าย

     

    แจจุงอีกแล้ว...

     

    ฮัลโหล..มีอะไรอีกล่ะ?” เสียงทุ้มว่าอย่างไม่สบอารมณ์

     

    นี่! พูดกับเพื่อนทำไมต้องใช้เสียงแบบนั้นด้วย ..กูแก่กว่ามึงอีกนะ .เสียงหวานตวาดแหวเข้าให้

     

    “.โทษทีๆ มีอะไรก็ว่ามา

     

    เออ ยุนโฮเป็นยังไงมั้ง?” คำถามที่ทำให้ร่างสูงต้องสะอึก ก็ในเมื่อเค้าเป็นคนทิ้งยุนโฮไว้ในห้องนี่นา

     

    ก..ก็.มีไข้นิดหน่อย เดี๋ยวก็หายแหละ มึงไม่ต้องเป็นห่วงนักหรอก เอ่ยตะกุกตะกัก

     

    งั้นเหรอ? อย่างนั้นก็ดี ยังไงก็ขอบใจแล้วกันนะเว้ย

     

    อืม แค่นี้นะร่างสูงตัดสายทิ้ง

     

     

     

     

    น้ำตาเหือดแห้งเหลือเพียงคราบน้ำตาจางๆบนใบหน้า

    ทั้งเสียใจ ทั้งเหนื่อย เจ็บปวด และอ้างว้าง...ไม่รู้จะบรรยายออกมาเป็นความรู้สึกอย่างไร

    ร่างสูงโปร่งยันตัวขึ้นอย่างลำบาก  ใช้หลังมือปาดน้ำตาลวกๆ

    อยู่ในห้องนี้ต่อไป... ร้องไห้ต่อไป..ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาอยู่ดี.

     

    รังแต่จะทำให้บางคนสมเพชมากขึ้น...

    แต่แล้ว..

     

    ยุนโฮนิ่วหน้าอย่างเจ็บปวด มือเรียวถูกเลื่อนมากุมที่หน้าท้องแน่น อาการจุกเสียดบวกกันปวดมวนในท้อง ทำให้เค้าทรมานเหลือเกิน...

     

    โรคกะเพราะกำเริบอีกแล้วสิ..

     

    ร่างสูงผ่อนลมหายใจเบาๆ อย่างตั้งสติ พยายามลุกขึ้นทรงตัวให้ได้แต่ยิ่งดูเหมือนจะทำให้อาการปวดทำร้ายเค้ามากขึ้น

     

    น้ำตาที่เพิ่งแห้งเริ่มปริ่มที่ขอบตา

     

    มันปวดมาก ปวดซะจนแทบหายใจไม่ออก

     

    อึก มืออีกข้างยกขึ้นปิดริมฝีปากแน่นเมื่อรู้สึกได้ถึงอาหารที่ทานไปตั้งแต่เมื่อวานใกล้จะถูกขย้อนออกมา

     

    คลื่นไส้ชะมัด

     

    ร่างที่แทบจะไร้เรี่ยวแรงผุดลุกขึ้นยืนก่อนจะรีบวิ่งตรงไปห้องน้ำภายในตัวห้อง

    ร่างทั้งร่างทรุดลงกับพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบ พลางโก่งคออาเจียนเอาทั้งอาหารของเมื่อวานและน้ำย่อยขมๆ ออกมาจนหมด

     

    มือเรียวเกาะขอบชักโครกแน่น เส้นเลือดปูดโปนอย่างเห็นได้ชัด

     

    เสียงอาเจียนดังลั่นห้องน้ำกว้าง  บ่งบอกให้รู้ว่าตอนนี้ยุนโฮกำลังทรมานแค่ไหน  น้ำหยดใสไหลพรากจากขอบตาเรียว

     

    อาเจียนออกมาจนรู้สึกแสบท้องไปหมด คงเพราะวันนี้ทั้งวันยังไม่ได้ทานอะไรด้วยล่ะมั้งเลยทำให้อาการหนักแบบนี้

     

    อ่ะ ..อึก..อ้วกก..  ร่างสูงค่อยๆเคลื่อนตัวพิงกับผนังห้องน้ำอย่างอ่อนล้า ใบหน้าเรียวซีดขาวจนน่ากลัว  ถ้ามีใครมาเห็นเค้าในสภาพนี้คงได้วิ่งหนีเป็นแน่

     


    ยุนโฮนั่งนิ่งอยู่สองนาน ไม่ใช่ไม่อยากลุกแต่มันไม่มีแรงต่างหากล่ะ

    ดวงตาบวมช้ำแดงก่ำยังมีน้ำตาไหลไม่หยุด

    อยากจะ...ยื่นมือขึ้นไปปาดน้ำตาแล้วลุกขึ้นยืนอีกครั้ง

    แต่มันทำไม่ได้จริงๆ....

     





    นัยน์ตาคมเหลือบขึ้นมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ริมห้อง คิ้วยาวขมวดขึ้นจนแทบจะชนกัน

     

    ตีสี่แล้ว.. 

     

    ซีวอนยกมือขึ้นปิดปากหาว พลางลุกขึ้นยืนตั้งใจจะไปหายุนโฮที่ห้องซะหน่อย

    ตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างแล้ว...

    มือหนาบิดลูกบิดประตูอย่างเงียบเชียบ ไม่อยากให้คนในห้องตื่น

    แต่....กลับผิดคาดเมื่อคนที่ควรจะนอนอยู่บนเตียงกับหายไป

     

    ยุนโฮไปไหน?.


    ใบหน้าคมคายเริ่มแสดงออกถึงความเครียด เมื่อไม่เห็นเพื่อนสนิท

    ขายาวๆรีบก้าวเดินไปทั่วห้องนอนกว้างขวาง

    ทั้งมุมส่วนตัว  มุมอ่านหนังสือ แต่กลับ ....

     

    ไม่มี.

     

    นัยน์ตาคมปราดมองไปทั่ว ก่อนจะสะดุดอยู่ที่ประตูห้องน้ำด้านในสุดของห้อง

     

    เร็วเท่าความคิด ซีวอนเร่งก้าวเดินไปที่ห้องน้ำแล้ว

     

    ดวงตาเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจเมื่อเห็นสภาพของคนที่ได้ชื่อว่าเพื่อนสนิท

     

    ร่างสูงรีบถลาเข้าหายุนโฮ สองแขนสั่นเทาคว้าเอาร่างอ่อนแรงเข้ามากอดไว้แน่น มือข้างหนึ่งยกขึ้นลูบแผ่นหลังชื้นเหงื่ออย่างปลอบโยน ริมฝีปากก็เอาแต่พึมพำคำว่า ขอโทษซ้ำไปซ้ำมา

     

    แต่ดูเหมือนคำว่า ขอโทษ คงจะช่วยอะไรได้ไม่มากนัก...

     

    ยุนโฮนั่งนิ่งยอมให้คนตัวโตกว่ากอดอยู่แบบนั้น.. สองแขนเรียวตกลู่ข้างลำตัว แทบจะไม่มีแรงแม้แต่จะขยับมือ

    ซีวอนเองก็เงียบ... ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าคนในอ้อมกอดคงอยากจะเข้าไปพักในห้องมากกว่า  ไม่ต้องรอให้เสียเวลาร่างสูงช้อนตัวอีกฝ่ายขึ้น รีบก้าวขาเดินตรงไปห้องนอน

     

     

     

    ชายหนุ่มค่อยๆวางร่างยุนโฮลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา จัดแจงห่มผ้าห่มให้อย่างดี ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา

     

    ขอโทษนะใบหน้าหล่อคมก้มหนีสายตาเรียวที่มองมา ตอนนี้ไม่กล้าจะสบตาคู่นั้นได้เลย

    ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบเมื่อไม่มีใครเปิดปากพูดขึ้นมาอีก

     

    เดี๋ยวไปชงโกโก้มาให้นะ จะได้อุ่นๆท้อง เสียงทุ้มของซีวอนเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ

    แต่..

     

    ถ้าจะเดินมาเพื่อพูดว่าขอโทษ แล้วหนีหน้ากันไปแบบนี้.. ไม่ต้องกลับมาเลยดีกว่าไหม?”ท้ายประโยคเงยหน้าขึ้นสบตาคนที่กำลังจะก้าวเดินออกไปตรงๆ

     

    ยุน...โพูดยังไม่ทันจบก็โดนอีกฝ่ายชิงพูดขึ้นก่อน

     

    กูไม่ได้น่ารัก เป็นผู้ชายเอาแต่ใจ โกหกตัวเองบ่อยๆ มีอะไรก็ไม่ยอมพูด ถ้ารับไม่ได้ก็เดินกลับไปซะ ไม่ต้องกลับมาอีก ไม่ต้องมาล้อเล่นกับความรู้สึกแบบนี้

     

    กูไม่ได้ล้อเล่น กูขอโทษ

     

    ขอโทษแล้วมันได้อะไรขึ้นมา ห๊ะ? ขอโทษแล้วมันหายเจ็บไหม ไม่เบื่อเหรอ พูดได้แค่คำว่าขอโทษเหรอไง      เชวซีวอน!!

     

    ไม่ได้หมายความแบบนั้น เฮ้อ..

     

    ไม่ใช่แบบนั้นแล้วแบบไหน บอกมาสิ บอกมา!” ตะโกนเสียงดังลั่นอย่างเจ็บปวด น้ำสีใสไหลอาบแก้มขาวเป็นสาย

     

    ร่างสูงเดินเข้าหาคนที่นั่งอยู่บนเตียง ทรุดตัวลงนั่งข้างๆแล้วดึงเข้ามากอดไว้แน่น มือข้างหนึ่งลูบแผ่นหลังกว้างที่สั่นเทาอย่างปลอบโยน กดจมูกเบาๆที่ข้างขมับขาว

     

    อึก.. กูเหนื่อยนะ..ฮึก เหนื่อยมาก..ไม่รู้ทำไม.. เอ่ยเสียงอู้อี้อย่างอ่อนแรง เปลือกตาบางค่อยๆปิดลงช้าๆ

     

    ปิดการรับรู้ทั้งหมด..ลง

     

    ซีวอนผละตัวออกจากยุนโฮ เมื่อรับรู้ถึงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ประคองร่างบอบช้ำให้นอนลงอย่างแผ่วเบา มือหนาลูบดวงหน้าอิดโรยช้าๆ

     

    ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา ไม่เคยเห็นยุนโฮร้องไห้ขนาดนี้

     

    ไม่เคยเห็นวันไหนที่เจ้าตัวเผยความอ่อนแอให้เห็น

     

    ไม่เคยเลย...

     

     

             

     



                       

     

     

                     แสงอาทิตย์สีส้มอ่อนลอดผ่านผ้าม่านที่ปลิวไสว  ร่างสูงที่หลับอยู่ข้างๆยุนโฮค่อยปรือตาขึ้น กะพริบตาเล็กน้อยปรับสายตาให้คุ้นชินก่อนจะเบนหน้าหันมองไปที่ริมหน้าต่างห้องแทน

    ท้องฟ้าวันนี้ช่างสดใส แดดอ่อนทอให้ความอบอุ่น

     

    เปลือกตาบางค่อยๆเปิดออกช้าๆก่อนจะกะพริบสองสามทีเพื่อปรับสายตาให้คุ้นชินกับภาพตรงหน้า

     

    เช้าแล้วเหรอ..

     

    ใบหน้าเรียวหันไปด้านข้างก่อนจะหรี่ตาลงอย่างสงสัยเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนนอนฟุบอยู่ข้างๆเตียง

     

    ยุนโฮดันตัวลุกขึ้นพิงกับหัวเตียง  เบนสายตาให้มองออกไปนอกหน้าต่างแทน ริมฝีปากอิ่มยิ้มบางๆพลางนึกย้อนไปเมื่อวาน เขายังจำได้ดีว่าเผลอพูดอะไรออกไปและมันคงทำให้คนข้างๆเขาเหนื่อยใจไม่น้อย

     

    ร่างสูงลุกขึ้นจากเตียงนุ่ม สวมสลิปเปอร์ที่ถอดวางไว้ข้างเตียงก่อนก้าวเท้าเดินไปหยิบผ้าห่มผืนบางคลุมตัวให้ซีวอนที่กำลังหลับสนิท

    มือเรียวคว้าเอาผ้าขนหนูที่แขวนไว้พาดบ่าแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

     

    หวังว่าสายน้ำเย็นๆจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นได้

           

               

                   ขาเรียวก้าวยาวๆออกจากห้องน้ำหลังจากที่จัดการทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว เดินเรื่อยๆจนไปหยุดอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้า จัดการเปิดมันออกแล้วควานหาเสื้อที่ต้องการ  และตอนนั้นเองที่สายตาคมกวาดมองไปเห็นเสื้อที่แขวนอยู่ริมสุดของตู้ คิ้วสวยเลิกขึ้นอย่างสงสัยก่อนจะคว้าเอาเสื้อตัวนั้นออกมา ยุนโฮหลุดยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นเสื้อที่คว้าเอามาเต็มๆตา

     

    เสื้อเสว็ตเตอร์คอกว้างยาวจนคลุมถึงสะโพกสีฟ้าอ่อน

     

    ดูหวานแหววซะเกินกว่าที่ชองยุนโฮจะกล้าซื้อแต่ก็มาอยู่ในตู้เขาจนได้เนื่องจากพี่ชายคนสวยอย่างคิมแจจุงเป็นคนซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา  คิดแล้วก็อดจะยิ้มไม่ได้ พี่แจจุงก็จริงๆเลย รู้อยู่ว่าเขาไม่ได้นิยมใส่เสื้อแบบนี้ก็ยังอุตส่าห์ซื้อมาให้ใส่แต่แล้วก็เก็บอยู่ในตู้เหมือนเดิม จนเขาเองก็ลืมไปแล้วเหมือนกัน

     

    ยุนโฮตั้งใจจะเก็บเสื้อตัวนี้เข้าที่เดิม แต่เหมือนมีอะไรมาดลใจให้เค้ายืนถือเสื้อค้างไว้แบบนั้น ดวงตาเรียวก้มมองของในมือ หัวสมองครุ่นคิดว่าจะใส่มันดีไหม ..สุดท้ายก็ตัดสินใจจะลองใส่ดูสักครั้ง ไหนๆก็หยิบออกมาแล้ว

     

     

     

     


    อืมเสียงทุ้มครางในลำคอเบาๆก่อนจะเปิดเปลือกตาหนาขึ้น หรี่ตาลงเมื่อรู้สึกว่ามีแสงมาแยงตา มือหนายกขึ้นปิดปากหาวเบาๆ ก่อนจะต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อตื่นขึ้นมาไม่เห็นเพื่อนสนิทอยู่ภายในห้องนอน

    ความรู้สึกเดิมเหมือนเมื่อตอนที่เค้าทิ้งยุนโฮไว้หวนกลับมา จนทำให้ร่างสูงรีบลุกขึ้นยืนไล่สายตามองไปทั่วห้องนอนกว้าง แต่...

     

    ก็ไม่พบ.. แม้แต่เงา

     

    ซีวอนขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด มือก็เร่งบิดลูกประตูออก เสียงทุ้มเอ่ยดังลั่นอย่างใจเสีย

     

    ยุนโฮ!!!

    ใบหน้าเรียวหันขวับตามเสียงเรียก 

     

    มีอะไร ไม่เห็นต้องพูดเรียกเสียงดังขนาดนั้นก็ได้คนถูกเรียกตะโกนกลับมา ยุนโฮส่ายหัวน้อยๆอย่างขบขัน

     

    ร่างสูงรีบก้าวเท้าเดินหาต้นเสียงจนในที่สุดก็มาถึงจุดหมาย

    สองขานิ่งค้างราวกับต้องมนตร์ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ซีวอนต้องยกมือขึ้นขยี้ตาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองว่านี่เป็นเรื่องจริง

     

    เพื่อนสนิทของเค้าที่รู้จักกันมาร่วม 20 ปีกำลังอยู่ในชุดเสื้อเสว็ตเตอร์ตัวยาวตัวเดียว เผยให้เห็นท่อนขาเรียวเปลือยเปล่า ใบหน้าได้รูปนั้นแย้มยิ้มอย่างมีความสุขพร้อมกับมือเรียวที่กำลังปลิดใบกุหลาบทิ้งสำหรับจัดแจกัน

     

    สงสัยการที่ต้องมาดูแลคนป่วยครั้งนี้จะทำให้เค้าได้เห็นอีกด้านหนึ่งของยุนโฮซะแล้วสิ

     

    ยุนโฮวางดอกกุหลาบในมือลงอย่างเบามือก่อนจะหันหน้ามาหาซีวอน คิ้วสวยเลิกขึ้นน้อยๆเมื่อเห็นสายตาที่อีกคนมองมา

     

    มีอะไรเหรอ?” นัยน์ตาเรียวก้มลงมองตัวเองเพื่อตรวจดูว่ามีอะไรแปลกไปถึงทำให้ซีวอนจ้องเขาแบบนั้น

     

    ก็ไม่มีอะไรนิ ทำไมต้องจ้องแบบนั้นด้วย กูขนลุกนะ ฮ่าๆเอ่ยกลั้วหัวเราะก่อนจะหันไปตั้งหน้าตั้งตาสนใจดอกกุหลาบที่วางทิ้งไว้แทน

     

    ซีวอนที่ดูเหมือนจะเริ่มรู้สึกตัวหลังจากที่เจอยุนโฮในอีกด้านหนึ่งไปก็ค่อยขยับตัวเดินเข้ามาหาเพื่อนสนิท

     

    ปกติทำแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ เอ่ยถามพลางหยิบกุหลาบสีชมพูอ่อนดอกหนึ่งขึ้นมา

    ยุนโฮยิ้มจางๆก่อนจะแกล้งไปแย้งกุหลาบที่อยู่ในมือของซีวอนมา

     

    กุหลาบสีชมพูอ่อนแบบนี้ หมายถึงความรักอ่อนโยนที่มีความสุขโดยสมบูรณ์ เหมือนกับสีชมพูที่ดูอ่อนหวาน นุ่มนวล พวกผู้หญิงมักจะชอบสีนี้กันเอ่ยยิ้มๆ

     

    “...แล้วถ้ากุหลาบแดงล่ะ ใครๆก็ชอบจะซื้อให้กัน

     

    กุหลาบแดง หมายถึง ความรักและความปรารถนาดูร้อนแรง แต่ดอกกุหลาบสีแดงเข้มเหมือนไวน์แดงล่ะก็ ถ้าให้ผู้หญิงแล้วเขาคนนั้นรู้ความหมายอาจจะอายม้วนเลยก็ได้

     

    ทำไมล่ะพูดพลางหยิบดอกกุหลายสีตามที่ว่าขึ้นมาดู

     

    ก็มันแปลว่า คุณมีเสน่ห์งดงามเหลือเกินยังไงล่ะ... ให้ดอกกุหลาบสาวไปไม่รู้กี่คนต่อกี่คนนี่ไม่รู้ความหมายบ้างเลยเหรอไง?”

     

    อืม ไม่รู้ ใครจะมาบ้านั่งเปิดดูว่ากุหลาบแต่ล่ะแบบมีความหมายยังไง กูก็ซื้ออย่างที่เห็นว่ามันสวยดีก็เท่านั้นแหละ

     

    ไม่มีศิลปะแกล้งพูดประชดเพื่อนสนิทตัวเอง มือก็จัดกุหลาบใส่แจกันไปพลางๆ แต่แล้วใบหน้าเรียวที่เคยมีแต่รอยยิ้มอย่างสุขใจคงต้องเพิ่มรอยแดงๆของความเขินอายไปด้วยในเมื่อ...

     

    ถ้าอย่างนั้นคนมีศิลปะ รู้ความหมายของกุหลาบดีขนาดนี้ อยากจะได้ดอกกุหลาบแบบไหนล่ะครับ?” ซีวอนเลื่อนใบหน้าหล่อเข้ามาใกล้ก่อนจะกระซิบถามเสียงทุ้มข้างใบหูขาว ลมหายใจอุ่นรดที่ต้นคอทำให้คนถูกถามอดจะหน้าแดงเพราะความเขินอายไม่ได้

     

    ตลกและ! มึงถอยออกไปเลยนะ เล่นอะไรบ้าๆมือเรียวผลักอกแกร่งซะเต็มรัก ยุนโฮก้มหน้าหนีหลบสายตาคมของเพื่อนสนิทที่เริ่มทำให้เขารู้สึกหวั่นไหว แก้มขาวๆขึ้นสีระเรื่อซะจนคนมองยิ้มน้อยๆอย่างเอ็นดู

     

    คนตัวสูงกว่าส่งมือขึ้นหยิกแก้มขาวที่แดงเรื่อเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้คนที่หน้าแดงอยู่แล้วยิ่งแดงมากกว่าเดิม

     

     รู้ตัวไหม? ตอนมึงเขินก็น่ารักดีนะ




    To Be Con..

    ซุบซิบนินทา(?)

    เรากลับมาแล้ว..เพื่อรีไรท์นิดๆหน่อย กร๊าซซซซ คือตอนนี้เปลี่ยนชื่อเรื่องแล้วนะฮับเป็น
    The Series : คุณแฟน & ตัวร้ายกาจ เกร๋ใช่ปร้า? 5555555555 จะเอามาลงเรื่อยๆนะ
    เร็วบ้างช้าบ้างก็อย่าเพิ่งทิ้งกันนะ
    ;)  ไปละ          บ๊ายบาย.. :D



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×