ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #459 : Kemono Friends สัตว์โลกเมากาว!??

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.1K
      8
      11 ต.ค. 60

    เรื่องมีอยู่ว่าช่วงปลายปี 2016-2017 มีการประกาศสร้างอนิเมะการ์ตูนเรื่อง Kemono Friends คนไทยถึงกับ งง ว่ามันคือเรื่องอะไร จนมาอ่านข้อมูลก็รู้ว่าเป็นอนิเมะจากเกมมือถือ (สมาร์ตโฟน)

    Kemono Friends คือเกม RPG บนระบบสมาร์ตโฟนพัฒนาโดย Nexon โดยเปิดให้บริการมาตั้งแต่16 มีนาคม 2015 ในรูปแบบเล่นได้ฟรี และผู้เล่นสวมบทบาทเป็นอวตารของมนุษย์ที่พบตัวเองมาอยู่ในโลกจาปารีปาร์คที่เป็นโลกที่เหล่าสัตว์ทั้งหลายได้กลายเป็นหญิงสาว  และมันก็กำลังถูกสิ่งมีชีวิตปริศนาที่ชื่อเซรูลีนรุกราน และด้วยการช่วยเหลือของมิราอิและเพื่อนๆ ทำให้ผู้เล่นสามารถรับพวกสาวน้อยสัตว์ที่เรียกว่า “เฟรนด์” เข้ามาร่วมปาร์ตี้เพื่อช่วยต่อสู้ได้

    เนื่องจากไม่เคยเล่นเกม แต่เท่าที่ดูจากคลิปวีดีโอ ก็คงไม่มีอะไรแปลกใหม่แต่อย่างใด ระบบเกมก็คงเป็นแนว RPG ทั่วไปในเกมมือถือ คือหาตัวละครเก่งๆ (อาจมาจากการสุ่มกาซ่า) ตัวไหนดาวเยอะตัวนั้นก็เทพ จากนั้นก็มาปั้น แล้วพอเก่งก็มาจัดกลุ่มตัวละคร (ได้ 5 ตัง รวมตัวละครสบทบจากผู้เล่นคนอื่นอีกหนึ่งตัว) จากนั้นก็ไม่ต้องทำอะไรมาก เลือกไปที่ด่าน สู้กับพวกศัตรูที่อยู่ในด่าน หากตัวละครไหนเกจท่าไม้ตายเต็มก็กดใช้ท่าไม้ตาย ชนะบอสที่อยู่ท้ายฉากก็จบ

    ตอนประกาศอนิเมะเรื่องนี้ตอนแรกๆ คนไทยอย่างเราก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่ แถมในซีซั่นนั้นก็มีอนิเมะน่าสนใจหลายเรื่องให้ได้ดูกันไม่หวาดไม่ไหว เรียกได้ว่า Kemono Friends เป็นอนิเมะตัวสำรอง ทางเลือกระดับ 3 คือ ดูอนิเมะที่ตั้งใจสองเรื่องก่อน หากว่างจริงๆ ก็จะดูอนิเมะนี้

    แถมปกติแล้วอนิเมะจากเกมมือถือเองที่ผ่านมา มันก็ไม่ได้เด่นอะไรมากนัก บางคนบอกว่าเป็นอนิเมะที่ทำแบบขอไปทีด้วยซ้ำ ทำขึ้นเพื่อขายสินค้า โปรโมทเกมให้มันน่าสนใจขึ้น  Kemono Friends ก็คงไม่แตกต่างอะไรนัก

    ซ้ำร้าย ยิ่งกว่าร้ายกว่านั้นในเดือนพฤศจิกายน 2016 มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าเกมดังกล่าสวได้ถูกนำออกจากร้าน แอนดรอยด์และ iOS App Store แม้จะมีซีรีส์อะนิเมะที่กำลังจะฉายเดือนมกราคม 2017 ก็ตาม

    ผลจากเกมถอดออกก็คือ คนไทยบางคนแอบหัวเราะชอบใจ (อารมณ์แบบว่าเป็นข่าวตลกด้วยซ้ำ) บางคนบอกว่าแบบนี้อนิเมะจะไปรอดเรอะ แถมชื่อสตูดิโอที่ทำแทบไม่เคยได้ยิน ชื่ออะไรนะ สตูดิโอYAOYOROZU แทบไม่ได้ยินชื่อมาก่อน ผู้อำนวยการสร้าง (Director-ผู้กำกับ) ก็เป็น Tatsuki  ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะไม่มีใครรู้จักเลย


     

    Kemono Friends



    หากไม่ผิดพลาด ความจริงแล้ว  ก่อนเป็นอนิเมะ Kemono Friends  ก็ดังเงียบๆ อยู่แล้ว เนื่องจากตัวละครที่เป็นผลงานจาก โยชิซากิ มิเนะ ผู้วาด เคโรโระ เป็นคนออกแบบ (ซึ่งก็ไม่แปลกที่เหล่าตัวละครจากเคโรโระโผล่มาในผลงานเกมเคโมโนด้วยเช่นกัน)

    และนั่นทำให้ ตัวละครจาก Kemono Friends  ค่อนข้างน่ารัก มีเสน่ห์ โดดเด่น และมีตัวละครหลายตัวเป็นที่ถูกใจหลายคน เป็นต้นว่า เซอร์วิล (ซึ่งกลายเป็นนางเอกของซีรีย์นี้ไปแล้ว) หรือจะเป็น “เพนกวินจักรพรรดิ” กับก๊วนเพนกวินไอดอลที่ออกแบบได้ถูกอกถูกใจหลายคน ทำให้หลายคน (ที่เป็นแฟนเดนตาย รวมถึงผมที่ค่อนข้างชอบเพนกวินจักรกรรดิมาตั้งแต่อนิเมะจะออกแล้ว) ค่อนข้างคาดหวังเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน

    Kemono Friends ฉบับอนิเมะนั้นมีเนื้อหาแตกต่างจากเนื้อเรื่องในเกม โดยเริ่มต้นคือเซอร์วัส สัตว์สายพันธุ์แมวที่กลายเป็น เฟรนส์ (วิวัฒนาการร่างคล้ายมนุษย์)  ได้เจอกับสาวน้อยมนุษย์คนหนึ่งชื่อ คาบังจัง (คาบัง หมายถึงกระเป๋า) อยู่ในทุ่งสะวันน่า โดยคาบังจังนั้นไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหน เป็นเฟรนส์ของอะไร (ตอนนั้นทั้งคาบังและเซอร์วัสยังไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่า “มนุษย์”) และสิ่งสำคัญที่สุดคือเธออยากกลับบ้าน

    หลังจากพูดคุยกัน เซอร์วัสและคาบังจึงออกเดินทางค้นหาตัวตนของคาบังจัง โดยสถานที่เป้าหมายก็คือห้องสมุดสถานที่ๆรวบรวมองค์ความรู้ทั้งหมดของโลก  ทั้งคู่ได้เดินทางออกจากทุ่งสะวันน่า  ระหว่างเดินทาง คาบังก็ได้รู้ว่าที่ตนอยู่นั้น คือ   จาปารีปาร์ค สถานที่ๆเหมือนจะเป็นสวนสัตว์เปิดขนาดใหญ่ และพบกับเฟรนส์สัตว์สายพันธุ์ต่างๆนานาชนิดที่ยังคงลักษณะ นิสัย การใช้ชีวิตเหมือนตอนเป็นสัตว์

    ระหว่างทางทั้งคู่ได้พบกับ เซลูลีน สิ่งมีชีวิตประหลาดที่กลืนกินสรรพสิ่งสุดแกร่ง และนับเป็นศัตรูของพวกเฟรนส์ด้วย  พวกมันมีหลายขนาด ทั้งตัวเล็กที่ดูไม่เป็นพิษเป็นภัย กับตัวใหญ่ระดับบอสที่ร้ายกาจ แต่ถึงอย่างนั้นคาบังและเซอร์วัสก็สามารถผ่านมาได้

    จากนั้น ทั้งคู่ก็ได้พบกับหุ่นยนต์ไกด์นำเที่ยว “Lucky Beast “ หรือบอส ที่เหล่าเฟรนส์เรียกกัน  ซึ่งบอสสามารถพูดคุยตอบโต้กับคาบังจังเท่านั้น ไม่สามารถพูดคุยกับเฟรนส์ได้ ด้วยคำแนะนำของบอส ทำทั้งสองต้องหารถทัวร์ของจาปารีปาร์ค เพื่ออกเดินทาง เพราะว่าห้องสมุดอยู่ไกลเกินกว่าที่คิด และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งใหญ่ของคาบังและเซอร์วัส


     

    เมื่ออนิเมะออกมาก็ไปตามคาด กระแสความนิยมในตอนแรกถือว่าแย่มาก แล้วยังโดนวิจารณ์แง่ลบจากอนิเมชั่น 3D ทุนสร้างต่ำ ตัวละครไม่เนียนเลย ไม่มีความน่ารัก ภาพดูเผา คุณภาพต่ำ การเคลื่อนไหวแข็งๆ แถมเนื้อหาก็ดูจะธรรมดาไม่แปลกใหม่ด้วยซ้ำไป

    ก่อนที่จะพูดต่อขอนอกเรื่องหน่อย สำหรับวงการอนิเมะทุนต่ำ สาเหตุที่ Kemono Friends กลายเป็นอนิเมะทุนต่ำนี้มีข่าวลือว่า ตอนแรกอนิเมะนี้เป็นอนิเมะโปรโมตเกม แต่เกมดันแจ๊งไปก่อน ทำให้อนิเมะนี้เป็นโปรจคที่คาดว่าตายแล้ว ทำไปก็ขาดทุน ดังนั้น Kadokawa ซึ่งเป็นบริษัทที่ยักษ์ใหญ่ของสื่อบันเทิงญี่ปุ่น (อารมณ์เหมือน CP แห่งวงการอนิเมะญี่ปุ่นนั่นแหละ) ซึ่งเป็นผู้ให้ทุน จึงโยนไปให้ Yaoyorozu ทำด้วยทุนต่ำๆ เพื่อให้จบๆ ไป

    อย่างที่เรารู้กันว่าปัจจุบันคนทำอนิเมะนั้นกำลังเป็นอาชีพขาดแคลนในญี่ปุ่น เพราะงานหนัก แต่ผลตอบแทนน้อย แถมก็ต้องใช้ฝีมือสูง ทำให้คนเริ่มไปหางานง่ายๆ เงินดีๆ ทำมากกว่า ผลคือ Yaoyorozu ซึ่งมีผลงานก่อนไม่มากนัก และไม่ค่อยมีชื่อเสียงอะไร ไม่มีเงินจ้างอะไรมากมายเพราะทุนต่ำ จึงจำเป็นต้องใช้ภาพ GC ในการทำอนิเมะเรื่องนี้ทั้งเรื่อง

    ปกติแล้วพื้นฐานการทำอนิเมะส่วนใหญ่ จะเป็นภาพแบบ 2 มิติ (2D) ที่สร้างขึ้นด้วยการวาดมือล้วน ๆ ซึ่งแน่นอนว่า การจะวาดภาพนิ่งให้เคลื่อนไหวได้ ย่อมหมายถึงการวาดภาพนิ่งหลาย ๆ ภาพ โดยที่แต่ละภาพนั้น ตัวละครมีการเคลื่อนไหวทีละเล็กทีละน้อย เมื่อนำทุกภาพมาเรียงต่อกัน เราก็จะสามารถสร้างภาพเคลื่อนไหวได้ และนั้นทำให้เสียเวลา และทุนมหาศาล กว่าจะทำอนิเมะสำหรับหนึ่งตอนสำเร็จ

    หากแต่ถ้าใช้CG  คอมพิวเตอร์กราฟิก  (computer graphics) อะไรก็ง่ายขึ้น เพียงแค่วาดทำโมเดล การเคลื่อนไหวก็สามารถทำได้ง่ายๆ ทำให้วิธีประหยัดค่าใช้จ่ายมาก

    CG นั้นเริ่มเข้ามีบทบาทในอนิเมะญี่ปุ่นนานแล้ว ตอนแรกๆ ก็ใช้ในจุดที่ซับซ้อน อย่างพวกยานพาหนะจำพวกรถถัง เรือรบ  ตัวประกอบเข้าฉาก หลังๆ ก็เริ่มใช้ CG ทั้งเรื่อง ซึ่ง Kemono Friends ใช้ CG ตลอดทั้งเรื่องเพื่อลดต้นทุน

                    อย่างไรก็ตาม หลายคน ไม่ว่าจะเป็นคนดู หรือผู้กำกับอนิเมะบางท่าน ไม่ค่อยชื่นชอบ CG มากนัก เพราะการเคลื่อนไหวที่แข็ง เคลื่อนไหวไม่เป็นธรรมชาติ

    Kemono Friends ก็เช่นกัน เพราะตอนแรกๆ ไม่มีใครชอบอนิเมะเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย ด้วยการใช้ CG มาทำตัวละคร ทำให้ตัวละครที่ครั้งหนึ่งคนวาดกบเคโรโระมาออกแบบ (ที่ขึ้นชื่อเป็นคนออกแบบสาวน้อยน่ารัก เซ็กซี่)  กลับกลายเป็น CG ที่ไม่มีเสน่ห์เลย

    บางคนก็เย้ยว่าไปดูมังงะดีกว่า ภาพสวยกว่าอนิเมะเยอะก็มี

    ดังนั้น หลังจากที่ผมดูตอนแรก ผมก็ไม่ได้ตามอนิเมะเรื่องนี้เลย ปกติแล้วผมค่อนข้างให้ความสำคัญกับตัวละครนะ (ประมาณว่าถ้าตัวละครน่าอวย ความน่าติดตามจะเพิ่มขึ้น) แม้เรื่องนี้จะชอบเพนกวินจักรพรรดิ แต่เธอก็ไม่ใช่นางเอก (กว่าจะออกนานพอดู) แถมลายเส้นแบบนี้ก็ยากให้ผมสนใจได้

    คือ...มันเป็นเรื่องปกติ สำหรับคนที่จะดูการ์ตูน ซีรีย์เรื่องหนึ่ง ที่จะตัดสินใจดูตอนแรกหรือไม่นั้น ตอนที่ 1 หรือตอนเริ่มต้นนั้นจะต้องดีมาก ให้ความรู้สึกอยากติดตาม  อีกทั้งเนื้อหาก็ยังมีจุดด้อยตรงตอนแรกที่เน้นการรู้จักตัวละครมากกว่าจะเพิ่มเนื้อหาให้ติดตาม ตามสไตล์สาวน้อยโมเอะอย่แล้ว (จะมีเด่นก็สาวน้อยกับรถถัง สาวน้อยเวทย์ต่อสู้นี้แหละที่เปิดตอนได้น่าสนใจจนอยากติดตามมาก)

    นอกจากนี้ซีซั่นต้นปี 2017 มีอนิเมะหลายเรื่องที่แนวคล้ายๆ กัน (คือหญิงล้วน) ที่มีความนิยมเทียบเคียง ต่อสู้ได้เลย อย่าง นางฟ้าขี้เกียจเอย เมดมังกรเอย ซึ่งจนถึงตอนนี้เรื่องเหล่านี้ก็ยังคงมีกระแส คนติดตามต่อ (ในมังงะ) ด้วย (แม้จะไม่ได้ดังเปรี้ยง แต่มันก็เป็นอนิเมะที่มีคุณภาพ ตัวละครขายได้)  ทำให้มีหลายคนเอามาเทียบกัน ซึ่ง Kemono Friends ด้อยเรื่องลายเส้น และเนื้อหาเหมือนจะขายโฆษณาเกมด้วยซ้ำ (แม้เกมจะเจ๊งก็เถอะ) จนหลายคนคิดว่าเป็นอนิเมะทำขำๆ

    จนผมไม่ได้สนใจ จึงดร็อปไป...........

    ต่อมา เมื่อเวลาผ่านไป หลังจากฉายไปประมาณ 4 ตอน  ผมก็เริ่มได้เห็นคนอวยอนิเมะเรื่องนี้ บางคนชมด้วยซ้ำว่าแม้จะต่ำแต่ดีกว่าอนิเมะทุนสูงบางเรื่อง ส่งผลให้ความนิยมเพิ่มขึ้นขึ้น

    จากตอนแรกๆ อนิเมะโดนกดคะแนนโครตจะต่ำ ห่วยแตก แต่เมื่อถึงกลางตอน อนิเมะเริ่มมีคะนนดีขึ้น จนตอนนี้มันกลายเป็นอนิเมะขึ้นหิ้งของใครหลายคนไปแล้ว

     หลายคนบอกว่าเป็นอนิเมะเมากาว เริ่มกลายเป็นกระแส มีโดจินมากขึ้น  เพจดังหลายเพจ (ที่เป็นเพจเกี่ยวกับคนวาดการ์ตูน หรือข่าวการ์ตูน) เจ้าของเพจก็เริ่มเอามาพูดถึงว่าอวยเรื่องนี้มาก

    จากนั้นก็มีกระแสแปลกๆ อีก เป็นต้นว่า ข่าวนกเพนกวินตัวจริงๆ เกิดตกหลุมรักสแตนท์ตัวละครเพนกวินจากเรื่อง Kemono Friends  ก็เพิ่มความน่าสนใจอนิเมะเข้าไปใหญ่

    ยิ่งตอนดราม่าไล่ทีมงานออก ก็ ยิ่งทำให้ผมอยากรู้เข้าไปใหญ่ว่าอนิเมะเรื่องนี้มีดีที่ตรงไหน ทำไมถึงเรียกว่าเมากาว ทำไมหลายคนติดกัน ทั้งๆ ที่ตัวภาพเองก็ไม่ได้สวยงามอะไรเลย

    ผมจึงเปิดดูอีกครั้ง....


     

                    ในตอนที่ 1-5 หรืออาจเป็นเกือบทุกตอน โดยภาพรวมยังคงคอนเซปต์การ์ตูนโมเอะ ผสมกับการผจญภัย กล่าวคือ คอมบังกับเซอร์วัสเดินทางไปทั่วจาปารีปาร์ค จากทุ่งสะวันน่า ไปยังป่าดงดิบ ข้ามแม่น้ำ ขึ้นภูเขา ข้ามทะเลทราย ฯลฯ ระหว่างทางก็เจอเฟรนส์คนอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นมิตรแก่ผู้มาเยือน บางตัวก็ช่วยเหลือเราอย่างมีน้ำใจ (ตามสไตล์ตัวละครโมเอะ) และยังเจออุปสรรค์บ้าง เช่น เส้นทางขาด  (ซึ่งเจ้าตัวเซลูลีนนั้นตั้งแต่ตอนที่ 1 มันก็หายไปพักใหญ่ไปเลย) แต่ด้วยคาบังจังเป็นมนุษย์ แม้จะไม่มีพละกำลังหรือความสามารถพิเศษเหมือนสัตว์อื่นๆ แต่มนุษย์มีสิ่งที่เรียกว่า “มันสมอง” มีความฉลาด ซึ่งคาบังใช้ความฉลาดนั้นแก้ปัญหาจนสำเร็จลุล่วงได้

                    สิ่งเหล่านี้คอนเซปต์การ์ตูนแนวโมเอะ คือยังคงเน้นตัวละครสาวน่ารัก

                    แม้ตอนนี้ (1-4) ยังไม่มีอะไรพิเศษ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมกลับคำพูด ก็คือ ตัวละครเฟรนส์ในเรื่องนี้โครต “น่ารัก” คือตอนแรกผมดูถูกลายเส้นกากๆ แต่หลังๆ เริ่มปรับตัวได้ (ภายในสองตอน) จากนั้นก็เริ่มเห็นความน่ารักของตัวละคร ทั้งนิสัยดี จิตใจดี เข้มแข็ง อ่อนโยน รอยยิ้ม ทำอะไรก็น่ารักไปหมด เพียงแค่บท และการแสดงออก มันจึงไม่ต้องพึ่งลายเส้นแต่อย่างใด

                    ใครจะเชื่อละว่า GC กากๆ จะทำให้ตัวละครน่ารักได้

                    สิ่งหนึ่งที่ผมชอบ คือ แม้เรื่องนี้พยายามให้เฟรนส์ปรากฏตัวให้มากที่สุด (จนเกือบจะครบเลยแหละ) แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ทำให้บทเละ แต่อย่างใด บางตัวก็ออกมาแบบแว่บๆ บางตัวก็มีบทบาทหนึ่งตอน แต่ก็เป็นหนึ่งตอนที่นำเสนอที่คุ้มค่า (เชื่อเถอะเพียงแค่ตอนเดียวก็ทำให้หลายคนตกหลุมรักเฟรนส์หลายตัวเลยทีเดียว) ในขณะที่คาบังจังก็มีปฏิสัมพันธ์กับเฟรนส์คนอื่นๆ เฟรนส์บางตัวมีเรื่องเดือดร้อน หรือมีกิจกรรมต่างๆ ให้เข้าร่วม  มันก็สื่อถึงมนุษย์ที่เป็นเพื่อนกับสัตว์ป่าด้วย

    เสียงพากย์เองก็ขอชม เท่าที่เห็นรายชื่อคนพากย์ (ซึ่งปกติผมก็ไม่ได้เรื่องมากเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่) จะพบว่าคนพากย์เกือบทั้งหมดหน้าใหม่เกือบยกชุด แต่คนพากย์ก็สามารถให้เสียงที่เข้ากับตัวละคร และเสียงอันมีเอกลักษณ์จนทำให้เราเข้าใจนิสัยตัวละครได้อย่างรวดเร็ว อันนี้ต้องชมจริงๆ (จนคนพากย์หลายคนมีชื่อเสียงหลังอนิเมะเรื่องนี้ฉายก็มี)

                    แน่นอนว่าภายใต้โลกที่ดูอ่อนโยน อบอุ่นนั้นมันมีอะไรเลวร้ายแอบแฝงอยู่ ภายหลังดูหลายตอน จะพบสิ่งที่ผู้ผลิตพยายามสอดแทรกอะไรต่างๆ มากมาย ในขณะที่คาบังจังไม่รู้ว่าตัวเองว่าเป็นมนุษย์ แต่ผู้ชมอย่างเราก็รู้อยู่แล้วว่า คาบังนั้นคือมนุษย์ แต่ปัญหาที่หลายคนอยากรู้ก็คือ แล้วเกิดอะไรขึ้นกับมนุษย์ชาติ? มนุษย์หายไปไหน ทำไมถึงมีแต่คาบังจัง และคาบังเอง (ซึ่งเป็นตัวแทนของคนดูนั่นแหละ) ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา แต่เป็นมนุษย์ที่เกิดจากหินสีรุ้งที่อยู่บนยอดเขา มันคืออะไรกันแน่?

                    ระหว่างการเดินทาง เราก็พบกับสิ่งต่างๆ มากมายที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น สิ่งก่อสร้างมนุษย์ที่ถูกทิ้งร้างเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักร เครื่องเล่น บ้าน (แม้เครื่องจักรจะถูกทิ้ง แต่มันก็ทำงานได้)  

                    มีอยู่ฉากหนึ่งที่นกช้อนหอยหงอนได้พูดว่า “ฉันร้องเพลงไม่ถนัดเลยเมื่อฉันอยู่ในร่างนี้” แม้คาบังจังจะไม่รู้สึกงะตงิดอะไร แต่คนชมอย่างเราก็เริ่มตั้งคำถามว่า “แล้วทำไมสัตว์ถึงกลายเป็นคน และทำไมต้องเพศหญิง ทำไมไม่มีเพศชายเลย?

                    สิ่งเหล่านี้คือความลับต่างๆ มากมายที่กระจัดกระจาย ไม่ได้เป็นการยัดเยียด ก่อนที่จะมารวมกัน ปะติดประต่อกัน จนหลายเป็นสิ่งที่หลายคนต้องตกใจในตอนท้าย


     

    แล้วโลกนี้เกิดขึ้นได้ยังไง?                                            

                    เนื้อหาอนิเมะก็ไม่ได้อธิบายตรงไปตรงมา (หรืออธิบายแล้วแต่ผมไม่เข้าใจก็ไม่รู้) ดังนั้นต่อไปนี้เป็นความคิดของผมนะครับ ถือว่าเนื้อหาโลกของอนิเมะเรื่องนี้ทำออกมาได้น่าสนใจ กระตุ้นให้มนุษย์รักสัตว์ รักธรรมชาติ เกลียดสงคราม ถือว่าเป็นการ์ตูนที่เหมาะสำหรับเด็กๆ มากๆ (และผู้ใหญ่ก็ดูดีด้วย)

                    มันเริ่มจากเรื่องง่ายๆ สาเหตุที่ไม่มีมนุษย์อยู่เลย ก็คือ มันเกิดสงครามล้างโลกขึ้น พวกมนุษย์มันหายไปหมดแล้วนั้นเอง สิ่งที่เหลือยู่มีเพียงแค่ซาก สิ่งของ สถานที่บ้างส่วนที่เหลืออยู่ของมนุษย์เท่านั้น ส่วนระยะเวลาที่เกิดเรื่องนี้ผมไม่แน่ใจว่ามันกี่ปี บางแหล่งบอกว่าล้างปี แต่ทำไมสิ่งก่อสร้างของมนุษย์ยังคงอยู่ หรือบางอย่างก็ใช้ได้ ส่วนตัวผมแล้ว น่าจะเวลาห่างกันไม่นานมากกว่า

                    และที่น่ากลัวคือนอกเหนือจากมนุษย์แล้ว สัตว์ต่างๆ นาๆ ชนิดมันก็สูญพันธุ์ไปด้วย

                    ส่วนจาปารีปาร์คที่พวกคาบังอยู่นั้น มันไม่ใช่โลก เพราะมันเป็นเพียงเกาะเท่านั้น ซึ่งมันเป็นเกาะปาจารีเป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวและศึกษาเรียนรู้ชีวิตของสัตว์ต่างๆ แบ่งออกไปหลายพื้นที่ตามสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับสัตว์นั้นๆ  นอกจากนี้บนเกาะยังมีสวยสนุก สถานที่จำลองที่มีชื่อเสียงของโลกและสถานที่แห่งนี้ถูกดูแลโดยมิไร ที่เป็นไกด์ต้อนรับท่องเที่ยว

    (ปัญหาคือช่วงเวลาที่มนุษย์อยู่บนโลก เฟรนส์มันเกิดหรือยัง เพราะในมังงะจะพบว่า เฟรนส์อยู่ร่วมกับมนุษย์แล้ว แต่ผมเชื่อว่าครั้งหนึ่งมนุษย์เคยเป็นเพื่อนกับเฟรนส์ จนกระทั่งมนุษย์หายไป และเฟรนส์ก็เริ่มหลงๆ ลืมๆ กับมนุษย์แล้ว เห็นได้จากเฟรนส์ในเรื่องยังพูดถึงเรื่องของมนุษย์กันด้วย  ดังนั้นในบทความนี้ผมก็ขอใช้ข้อสันนิษฐานว่ามนุษย์เคยเป็นเพื่อนกับเฟรนส์นะครับ)

    ในช่วงเวลานั้นเอง เกาะแห่งนี้ได้เกิดกระบวนการแกนการสร้างสรรค์สรรพสิ่งที่แปลกประหลาด โดย จุดเริ่มต้นที่ แซนด์สตาร์ ก้อนผลึกปริศนาที่อยู่บนภูเขาไฟ ซึ่งมันไม่ได้มีแต่แรก มันอาจมาจากฟากฟ้า แล้วตกลงภูเขาไฟ จนกลายเป็นแซนด์สตาร์

    แม้แซนด์สตาร์จะลึกลับ แต่มันมีความสามารถที่พิเศษ หากเศษผลึกของแซนด์สตาร์สัมผัสเนื้อหนังของสัตว์ หรือแม้แต่ซากของสัตว์ (นั้นเองทำให้มีคำอธิบายว่าทำไมเฟรส์บางตัวเป็นสัตว์ในตำนานนั้นเอง)   จะทให้สัตว์นั้นจะวิวัฒนาการ กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใกล้เคียงมนุษย์ มีสองขา มีการสื่อสาร โดยการระเบิดแต่ละครั้งจะเกิดเฟรนส์ขึ้นมามากมาย  โดยครั้งแรกเซอร์วัสและเพื่อนๆ ก็ได้เกิดขึ้นมา ซึ่งมนุษย์เองก็ได้ทำการศึกษา รวมไปถึงได้เป็นเพื่อนกับพวกเธอ (ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ในภาคมังงะ Kemono Friends: Yokosou Japari Park e!)

    อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากการกำเนิดเซอร์วัสจากการปะทุครั้งที่หนึ่งแล้ว เซลูลีนก็ถือกำเนิดด้วย พวกมันกินมนุษย์  เซลูลีนนั้นเกิดจากแซนด์สตาร์มอบวิวัฒนาการให้กับสารอนินทรีย์ทำให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตขึ้นมา มันมีความคิดเพียงแค่ต้องกินสิ่งมีชีวิต (ต่อมาก็กินแซนด์สตาร์ที่อยู่ในร่างของเฟรนส์เพื่อคงตัวตนของมันเอาไว้ โดยแฟรนส์ที่ถูกมันกิน ก็จะกลายเป็นแซนด์สตาร์ อย่างไรก็ตาม หากแซนด์สตาร์ไม่หายไป มันก็มีโอกาสกลับมาเป็นแฟรนส์เหมือนเดิม เหมือนที่เคบังคืนสภาพในตอนจบนั้นเอง)

    แม้ตอนแรกๆ มนุษย์ยังพอควบคุมเซลูลีนได้บ้าง หากแต่การปะทุครั้งที่สองทำให้เกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ทำให้อุทยานกลายเป็นสถานที่อันตราย ทำให้มนุษย์บนเกาะต้องอพยพหายไปแล้ว จากนั้นมนุษย์ชาติก็หายไปจากประวัตศาสตร์

    อย่างไรก็ตาม เฟรนส์ก็ยังคงมีชีวิตในแบบของตน และเริ่มลืมเลือนเรื่องของมนุษย์ไปจนเกือบหมด จนกระทั่ง การปะทุครั้งที่สาม คาบังก็ถือกำเนิดขึ้นมาจากแซนด์สตาร์นั่นเอง (ในอนิเมะปะทะครั้งที่สาม และเชื่อว่าจะมีครั้งที่สี่อีก)

     

    เรื่องของคาบังนั้นจะว่าไปมันก็เหมือนการกำเนิดมนุษย์ชาติ จากเด็กสาวที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรสักอย่าง ทำอะไรไม่เป็นเลย ขึ้นต้นไม่ก็ไม่ได้ ไต่ผาหินก็ไม่ได้ แรงกระโดดก็ไม่มี มันก็เหมือนมนุษย์ชาติที่ตอนแรกไม่มีสมอง หากแต่เมื่อการเดินทางไกลมากขึ้นเรื่อยๆ คาบังก็เริ่มมีพัฒนาการที่น่าสนใจ เธอเริ่มสร้างเครื่องมืด เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ การแก้ปัญหา เช่นสร้างสะพาน สร้างบ้าน ที่พวกเฟรนส์ไม่สามารถทำได้  สิ่งเหล่านี้ทำให้คาบังโดดเด่นขึ้น

                    อย่างในตอนแรก ที่เซอร์วัสได้พูดกับคาบังว่า เธอไม่ได้รังเกียจที่คาบังอ่อนแอ ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง เพราะเฟรนส์เองทุกตัวก็ใช่ว่าจะเก่งไปหมด ทุกตัวล้วนมีสิ่งที่โดดเด่นกว่าตัวเองอยู่ในตัว ขึ้นอยู่กับว่าเราเข้าใจตนเองเมื่อไหร่

                    มนุษย์ชาติเอง ก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่แต่แรก พวกเขาเคยตกเป็นเหยื่อของสัตว์ที่ดุร้าย จนกระทั่งพวกเขารู้จักไฟ ได้เรียนรู้การใช้เครื่องมืด ทำให้พวกเขาสามารถล่าสัตว์ สร้างบ้าน และสร้างสิ่งต่างๆ  จนมนุษย์เริ่มรู้จักเอาชีวิตรอด เริ่มเพิ่มจำนวน จนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่จุดสูงสุดของสัตว์ทั้งปวง

                    อย่างไรก็ตาม คาบังไม่ได้เป็นมนุษย์เลวๆ ที่กดหัวพวกสัตว์ให้มาอยู่ใต้ตีน เธอเป็นเพื่อนกับสัตว์ทุกชนิด  เพราะคาบังอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหล่าสัตว์สามัคคีเกื้อกูลกัน สัตว์กิเนื้อที่ดุร้ายกลายเป็นเพื่อนสัตว์กินพืช อาศัยอยู่ด้วยกัน (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอาหารพวกนี้กินอะไร) คาบังได้เรียนรู้สิ่งที่เรียกว่ามิตรภาพ

                    ตลอดระยะเวลาที่เดินทาง คาบังได้พบอุปสวรรค์ แล้วถูกช่วยเหลือโดยเฟรนส์ตัวอื่นๆ ทั้งๆ ที่เฟรนส์ตัวนั้นไม่รู้จักคาบังมาก่อน แต่พวกเขาก็ช่วยเหลืออย่างบริสุทธ์ใจไม่ได้หวังผลตอบแทน ส่วนคาบังเองก็ช่วยเหลือเฟรนส์ตัวอื่นที่เดือดร้อน เช่นกัน และสิ่งเหล่านั้นทำให้เกิดมิตรภาพ แม้จะไม่ได้ผลตอลบแทนในเชิงวัตถุ แต่ผลของมันนั้นใหญ่หลวงในอนาคต

                    มันดูเป็นตลกร้าย ที่ครั้งหนึ่งมนุษย์เคยกดสัตว์นานาชนิดจมดิน  จนเวลาผ่านไปหลายปี ในที่สุดมนุษย์ชาติก็ได้เป็นเพื่อนกับสัตว์เสียที แม้คาบังจะไม่ใช่มนุษย์ที่เรารู้จักก็ตาม

    ในโลกของจาปารีปาร์คที่ดูว้าเหว่ สิ่งก่อสร้างต่างๆ อยู่ในสภาพทรุดโทรม ล่มสลาย แต่มันกลับมีความอบอุ่น มิตรภาพ  น่าค้นหา

    ที่สำคัญคาบังกับสัตว์ล้วนเกิดในที่เดียวกัน เสมือนมนุษย์ชาติทั้งหมดล้วนมีแม่คนเดียวกัน (อีฟ)

    จึงเป็นการ์ตูนแนวโมเอะที่แฝงนัยยะของธรรมชาติลงไปได้อย่างแยบยล ถามว่ามันปวดตับไหมก็ตอบว่าไม่ ถามว่ามันแปลกใหม่ไหมก็ไม่อีก (ส่วนตัวผมให้ครึ่งหนึ่ง)  แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้อนิเมะเรื่องนี้ประสบความสำเร็จคือ “มันสนุก” แม้หลักการต่างๆ มันคือการ์ตูนแนวโมเอะ แต่มันก็เป็นแนวโมเอะที่ทำได้สุดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของมิตรภาพ เรื่องของตัวละครน่ารัก (แม้ลายเส้นไม่น่ารัก ก็สามารถทำให้น่ารักได้) การใส่เรื่องการผจญภัย ไปโน้นไปนี้  เรื่องตกใจในตอนท้ายตอน 11 ก็เรียกเรตติ้งสูง

    จากการ์ตูนซีรีย์ที่ตายแล้ว (ที่หลายคนบอกว่าเจ๊งแน่ๆ) แต่มันก็ฟื้นขึ้นเหมือนนกฟินิกซ์ จากกระแสปากปากปากของคนทั่วไป ได้ทำให้หลายคนสนใจอนิเมะมากขึ้น และเมื่อดูก็พบว่ามันสนุกเหมือนกับคนอื่นๆ ที่ชม และนั้นเองทำให้การ์ตูนเรื่องนี้ดัง


     


    การที่อนิเมะประสบความสำเร็จได้ก็ต้องชม สตูดิโอYAOYOROZU และ ผู้กำกับ  Tatsuki  ด้วยว่าพวกเขาได้เปลี่ยนอนิเมะที่หลายคนคิดว่าเจ๊ง คิดว่ามันไม่มีอะไรเลย คิดว่าพล็อตจะน่าเบื่อ กลายเป็นอนิเมะที่ดี และการเป็นกระแสได้ ด้วยมันสมองทีมผู้ผลิตล้วนๆ และที่ไม่น่าเชื่อคือทีมผู้ผลิตมีเพียง 10 คนเท่านั้น 

    สาเหตุหนึ่งที่อนิเมะประสบความสำเร็จก็เนื่องมาจาก ตัวเกมนั้นเจ๊ง ทำให้โปจโจคนี้คตายไปด้วย แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ได้ปล่อยให้ทีมผู้ผลิตสามารถใส่ไอเดียของพวกเขาเต็มที่ สิ่งสร้างสรรค์ สิ่งที่ต้องการที่ต้องการเล่า ต้องการจะสื่อเข้าไปในตัวอนิเมะ เห็นได้จากเนื้อเรื่องแตกต่างจากเกมมาก แถมมันกลายเป็นเนื้อเรื่องที่หลายคนยอมรับอีกต่างหาก

    Kemono Friends กลายเป็นอนิเมะประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง ยอดขาย BD ก็ติดอันดับหนึ่งเกินหมื่นแผ่น (หมื่นถือว่าประสบความสำเร็จ) ยังไม่รวมสิงค้าต่างๆ ก็ล้วนขายดีตามมา และนอกจากนี้ทำให้ผู้ผลิตเกมเองก็จะทำเกมซีรีย์นี้อีกครั้ง และมันก็ไม่ได้มีเกมเดียวด้วย

    และเมื่ออนิเมะประสบความสำเร็จ จากอนิเมะทุนต่ำ กลายเป็นกำไรสูง อนิเมะยังช่วยสร้างกระแสสวนสัตว์ญี่ปุ่นบูมขึ้นสวนสัตว์โทบุ ในจังหวัดไซตามะเ ป็นกิจกรรมพิเศษเพื่อดึงดูดแฟน ๆ ของอนิเมะเรื่องนี้เข้าสวนสัตว์ ด้วยการนำภาพแสตนด์ ของตัวละครในเรื่อง ไปติดหน้ากรงของสัตว์ที่เป็นต้นแบบกว่า 26 ตัว ผลคือได้ผลตอบรับที่ถล่มทลาย มียอดคนเข้าชมทะยานกว่า 2 แสนคน ช่วงวันหยุดเพียงแค.

                    จากนั้นก็มีข่าว เกรพคุง เพนกวินเพศชายอายุ 20 ปีแห่งสวนสัตว์โทบุ ที่เอาแต่มองแสตนด์เพนกวินฮัมโบลต์แบบไม่ยอมไปไหน ราวกลับเพรกวินตกหลุมรักสาว 2D แบบไม่ลืมหูลืมตา จนเป็นข่าวโด่งดังไปทั่ว สร้างความอมยิ้มแก่คนที่อ่านข่าว

    และด้วยความประสบความสำเร็จนั้นเอง นำมาซึ่งดราม่าในภายหลัง โดยทางเครือใหญ่ Kadokawa  ได้วางแผนจะทำภาคสอง ตามสไตล์เมื่อดังก็ต้องตีเหล็กขณะยังร้อนๆ เพียงแต่คราวนี้โปรเจคนี้จะไม่ได้อยู่ในมือของ YAOYOROZU อีกแล้ว ส่วนผู้กำกับ  Tatsuki   ก็ไม่ได้มาคุม เอาง่ายๆ คือทีมงานภาคแรกปลดยกชุด  เพื่อที่จะเอาโปรเจคภาคสองไปให้สตูดิโออื่นมาสานต่อ

    ผลการปลดผู้กำกับ ทำให้เกิดกระแสดราม่าในโลกโซเซียล เหล่าแฟนๆ ซีรีย์ต่างรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากๆ จนเกลียดกระแสความเกลียดชังต่อ Kadokawa   จรนทำให้เครือใหญ่ต้องให้นักพากย์ออกมาขอโทษแฟนๆ แทน

                    อันนี้ผมก็อยากให้มองเรื่องการตลาด มันเป็นเรื่องปกติของวงการ ในเมื่ออนิเมะประสบความสำเร็จ ใครๆ ก็อยากทำ อยากให้ขายดีมากขึ้น อยู่ในมือผู้ผลิตที่ดีกว่านี้ เพื่อให้ภาคต่อ ภาคสวยขึ้น การเคลื่อนไหวดีขึ้น คุณภาพดีขึ้นด้วย

     

    แน่นอนว่าสิ่งที่หลายคนกังวลว่าหากเปลี่ยนมือผู้ผลิต อนิเมะภาคต่อจะสู้ภาคแรกได้ไหม เนื้อหาจะต่อเนื่องกันไหม และความประทับใจจะมากน้อยเพียงใด ก็คงต้องติดตามว่า มันจะจบยังไง อนิเมะภาคสองจะเกิดหรือไม่ ใครจะสานต่อตำนานนี้กัน  ก็ต้องดูกันยาวๆ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×