ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #367 : (ดูการ์ตูนตามกระแส) One Punch Man เทพเจ้าแมรี่ซู

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.29K
      7
      26 พ.ย. 58

    บทความนี้การ์ตูนที่ผมจะเขียนถึงคือ One Punch Man ซึ่งเป็นการ์ตูนที่ฮิตในตอนนี้ ความจริงการ์ตูนเรื่องนี้ผมไม่คิดจะอ่านจะดูด้วยซ้ำ แต่ด้วยเหตุผลหนึ่งผมก็เปิดไปดูจนได้ และดูเรื่อยๆ  ประกอบกับตอนนี้ไม่มีการ์ตูนใหม่ๆ ที่จะเอามาเขียนถึงสักหน่อย เลยขอหยิบเรื่องนี้เขียนตามกระแส (หรือทวนกระแสก็ไม่รู้) ละกัน

     

    One Punch Man

     

                    One Punch Man แปลง่าวๆ คือ “หนึ่งหมัดแมน” หรือจะเอาเท่ๆ ก็ “หมัดเดียวก็เดี๊ยงแมน” วันพั้นช์แมน" เป็นผลงานร่วมของ ONE(ผู้แต่งเรื่อง) และ ยูสึเกะ มุราตะ(ผู้วาด Eyeshield21)

                    เท่าที่ดูข้อมูลคร่าวๆ (ขอบอกว่าผมไม่ได้อ่านการ์ตูนเรื่องนี้จริงจัง) ตอนแรก  One Punch Man เป็นผลงานที่ ONE (นามปากกา) ได้เขียนมาระยะหนึ่งแล้ว โดยตอนแรกเขียนลงเว็บไซต์ส่วนตัว (การ์ตูนเว็บ?)  ให้ทุกคนอ่านกันฟรีๆ ตั้งแต่เป็น 2009 แต่ลายเส้นเหมือนเขียนในกระดาษทด จนมุราตะได้เอามารีเมควาดใหม่ลงใน Young Jump Web Comics  (2012) ให้เป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น  และมีฉบับรวมเล่มวางแผงขายที่ญี่ปุ่น (ลิขสิทธิ์ของบริษัทชูเอย์ฉะ) และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว จนมียอดขายถึง 7,900,000 จนถูกนำไปทำเป็นอนิเมะ และฮิตในฝั่งตะวันตกมาก โดยลิขสิทธิ์ในประเทศไทยคือ daisuk

    One Punch Man เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองสมมุติหนึ่งชื่อ Z-city ซึ่งเมืองแห่งนี้มักเกิดภัยพิบัติมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การรุกรานของสัตว์ประหลาด อาชญากรที่มีพลังวิเศษ สร้างความวุ่นวายไปทั่ว (เอาง่ายๆ นึกถึงก็อตแฮมละกัน) และพระเอกคือ ไซตามะ ผู้ชายว่างงานที่มาเป็นฮีโร่เพราะงานอดิเรก หากเขานั้นแข็งแกร่งมากเกินไป  ทำให้สามารถโค่นเหล่าร้ายได้ภายในหมัดเดียว จนเป็นเหตุทำให้ไซตามะเบื่อพลังของเขา และพยายามหาศัตรูที่แข็งแกร่งสูสีกับเขา แต่หายังไงก็ไม่เจอ

    ในระหว่างนั้นเขาก็ได้พบเพื่อนใหม่ ศัตรู และลูกศิษย์ของตนเองเป็นไซบอร์กชื่อจีนอส และได้สมัครเป็นฮีโร่ของสมาคมฮีโร่เพื่อชื่อเสียง หากแต่ระดับที่เขาได้นั้นเป็นระดับ C ซึ่งเป็นอันดับของฮีโร่ธรรมดา แน่นอนว่ามันไม่เหมาะสมกับไซตามะเลย แม้ว่าไซตามะจะพยายาม (หรือเปล่า?) เพื่อให้คนอื่นยอมรับ แต่คนส่วนใหญ่กลับมาเขาด้านลบ เพราะไม่ว่ารูปร่าง, เครื่องแต่งกายดูแล้วเหมือนคนธรรมดา เจ้าโล้น กวนโอ๊ยมากกว่า แถมบางคนยังด่าไซตามะเป็นฮีโร่เก๊อีกต่างหาก และเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อนั้นสามารถติดตามได้ในการ์ตูนเรื่องนี้

     

     

    ลายเส้นแรกๆ ของ One Punch Man

    (เอาตรงๆ นะ ผมอวยลายเส้นแรกมากกว่า ลายเส้นได้ใจดี)

     

    One Punch Man เป็นตัวอย่างชั้นดี ที่แสดงให้เห็นว่าการ์ตูนอ่านในเว็บกำลังมาแรง ซึ่งตอนแรกๆ นั้น One Punch Man เป็นการ์ตูนเว็บฝีมือของ One  (หากใครอยากเห็นลายเส้นแรกๆ ลองค้นในกูเกิ้ลเอานะครับ)  หากใครไม่รู้จัก ผมก็ขอยกเรื่อง Mob Psycho 100 Manga (ลิขสิทธิ์ของสยาม ในชื่อ ม็อบไซโค 100 คนพลังจิต) ที่นี้คุ้นยัง เพราะการ์ตูนทั้งสองเรื่องเขียนโดยผลงานคนเขียนคนเดียวกันครับ (ถ้าว่างผมอาจมาพูดเรื่อง Mob Psycho 100 Manga ให้ซึ้งต้นฉบับ One เลยนะครับ)

    หลายคนรู้จักคนวาดมุราตะกันดีอยู่แล้ว แต่ผมขอพูดถึง One ดีกว่า คือผมเป็นคนหนึ่งที่ติดตาม Mob Psycho 100 Manga จนถึงตอนล่าสุดเลยนะครับ ถ้าถามว่ามันสนุกไหม อืม.... คืออย่างที่บอกว่าตอนแรกลายเส้น One Punch Man โครตกาก Mob Psycho 100 Manga ก็กากยิ่งกว่านั้น ชนิดว่าใครที่ดูการ์ตูนเรื่องนี้ครั้งแรก สิ่งที่คิดคือ ลายเส้นโครตกาก เหมือนเด็กอนุบาลวาด ตัวละครหญิงไม่โมเอะ เนื้อเรื่องก็โครตสูตร แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีหลายคนที่ตามการ์ตูนเรื่องนี้นะครับ อารมณ์ประมาณว่า ในเมื่อมิ่งกล้าวาด ฉันก็กล้าตาม

    ความจริงตัวการ์ตูนก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นครับ เคยได้ยินนักเขียนการ์ตูนบางคนเคยพูดว่า “ฉันไม่ได้ขายลายเส้น แต่ขายไอเดียเฟ้ย” แน่นอนว่า Mob Psycho 100 Manga ก็มีดีอยู่บ้าง ตรงไอเดียการเล่าเรื่องราวชีวิตประจำวันของตัวเอก ก่อนที่จะเริ่มขยายเรื่องให้กว้างขึ้น ส่วนลายเส้นจากห่วยๆ คนอ่านบางคนกลับชอบครับ คือ กรูเบื่อลายเส้นสวยเวอร์ แต่เนื้อเรื่องโครตสูตรสำเร็จน่าเบื่อ ดูการ์ตูนม็อบดีกว่า ลายเส้นห้วยได้ใจ มีเอกลักษณ์ ฉากต่อสู้มันๆ (แม้ลายเส้นจะห่วยก็ตาม) ดี ผลคือ Mob Psycho 100 Manga ตอนนี้ก็ออกรวมเล่มหลายเล่มแล้วครับ ถือว่าประสบความสำเร็จตามคาดสำหรับการ์ตูนลายเส้นที่หลายคนดูถูกว่าห่วย

      จะว่าไปตัวเอกม็อบ (พระเอก Mob Psycho 100 Manga) ก็เหมือนไซตามะนั้นแหละครับ คือเป็นคนที่มีพลังอำนาจที่มากมายมหาศาล แต่ใช้อำนาจไม่เป็น ม็อบไม่ได้เป็นพระเอกสไปเดอร์แมนที่ยึดคำขวัญ “พลังที่ยิ่งใหญ่ ย่อมมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน” เลยแม้แต่น้อย สำหรับม็อบมองว่าพลังมหาศาลทำให้ชีวิตของเขายุ่งยากด้วยซ้ำ เพราะใครๆ ก็อยากหลอกใช้ม็อบ ส่วนม็อบเองถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากใช้พลังนี้สักเท่าไหร่ เลยเก็บพลัง แล้วเป็นเด็กมัธยมปลายดีกว่า (เอาเป็นว่าเดี๋ยวนอกเรื่อง ผมขอเก็บเล่าเรื่องม็อบไว้ที่หลังนะครับ)

    ส่วนหนึ่งที่ One Punch Man  ประสบผลสำเร็จ  ก็คงเป็นฝีมือการวาดของ ยูสึเกะ มุราตะนักเขียนที่ได้รับความนิยมในบ้านเรา จากผลงานก่อนอย่าง Eyeshield21 การ์ตูนเกี่ยวกับอเมริกันฟุตบอล ที่เราสนุกไปกับมันได้ แม้บ้านเราจะไม่ได้ฮิตอเมริกันฟุตบอล และไม่อยากจำกติกากีฬาสักเท่าไหร่  หากแต่เพราะลายเส้นสวย โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ (ชนิดว่าใครมาเห็นลายเส้นก็รู้ทันทีว่าเป็นฝีมือของมุราตะ) รวมไปถึงเทคนิคการเล่าเรื่อง การแบ่งช่อง การใส่ลูกเล่น และที่สำคัญคือฉาก แอ็คชั่นที่สนุกมากๆ ที่ทำให้อเมริกันฟุตบอลดูน่าตื่นตาตื่นใจ มีการปะทะที่หนักหน่วงเหมือนต่อสู้กันจริงๆ

    ยูสึเกะ มุราตะก็เป็นนักเขียนการ์ตูนที่เป็นที่ยอมรับทั้งในญี่ปุ่น และตะวันตก เพราะมีหลายผลงานที่โกอินเตอร์อย่าง ออกแบบปกเกม Capcom, ปกคอมมิคสไปเดอร์แมน จนนักเขียนการ์ตูนด้วยกันถึงการชมว่าลายเส้นของมุราตะนั้นมีเอกลักษณะ เป็นงานศิลปะที่ไม่ได้ดูเพื่อสวย แต่ยังเล่าเรื่องราวอีกด้วย และโดดเด่นสุดๆ ตามความเห็นของผมคือเป็นนักวาดการ์ตูนที่วาดกล้ามเนื้อตัวละครได้อย่างสวยงาม ดูเท่ ดูดี ซึ่งก็ไม่แปลกที่เราได้เห็นเอกลักษณ์ของมุราตะปรากฏ One Punch Man อย่างเต็มเปี่ยม

      ง่ายๆ  One Punch Man มีสองเวอร์ชั่น นั้นคือของ One ที่ลายเส้นกล้าเล่น ดิบ เถื่อนอันเป็นเอกลักษณ์ และของมุราตะที่ลายเส้นสวยงาม กล้ามเป็นมัดๆ แต่ไม่ว่าของใครดีกว่าคน คนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้เรื่องนี้ต้องดูทั้งสองเวอร์ชั่น เพราะทุกสองเวอร์ชั่นล้วนสนุก ฉากต่อสู้อลังการ รวมไปถึงเรื่องราวที่น่าติดตามเป็นเท่าตัวด้วย

    อย่างที่หลายๆ คนรู้ว่า One Punch Man ในเวอร์ชั่นของมุราตะ พึ่งเป็นการ์ตูนที่ดังเป็นพลุแดง เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งก็มีหลายสาเหตุสาเหตุด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเอกลักษณ์ของลายเส้น ฉากแอ็กชั่นที่อลังการ ถึงขั้นระเบิดโลก ถล่มกระท่อม โลกาวินาศ ผสมกับเนื้อเรื่องของค่อนข้างเป็นสากล เกี่ยวกับฮีโร่ ตัวละครเท่ๆ ที่เข้าถึงคนทุกวัย

    ความจริงแล้วธีม (โลก)  One Punch Man ก็ไม่ได้แปลกใหม่สักเท่าใดนัก หากใครที่ติดตามการ์ตูนแนวฮีโร่ หรือดูพวกซีรีย์เซ็นไต, ตำรวจอวกาศ, อุลตร้าแมน, คาเมนไรเดอร์ ไปจนถึงการ์ตูนฮีโร่ไม่ว่าจะจริงจัง หรือแบบตลกคอเมดี้ (ซึ่งส่วนมากแนวๆ นี้ก็เน้นแนวตลกเสียด้วยสิ) เราจะพบเนื้อหาประมาณว่าโลกของเรา (โดยเฉพาะพื้นที่ญี่ปุ่น) เต็มไปด้วยภัยอันตราย เป็นเป้ารุกรานศัตรู  เมื่อมีศัตรูมาก ฮีโร่ก็มีมากตาม

    เมื่อมีฮีโร่มาก องค์กรก็เกิดขึ้น เพื่อจัดระเบียบฮีโร่ โดยใช้คลาสมาเป็นตัวแบ่งหน้าที่ คลาส S ฮีโร่จะได้เป็นวีรบุรุษ ได้ภารกิจช่วยเหลือโลก เป็นที่ชื่นชอบของบรรดาผู้คน ชื่อเสียงหน้าที่การงานก็ตามมาก ส่วนฮีโร่คลาสต่ำ หรืรองลงมา ไม่ว่าจะ A, B, C ความดัง และความเก่งก็ลดหลั่น พร้อมกับภารกิจบ้านๆ ไปจนถึงบริการสังคมที่คนธรรมดาก็ทำเองได้ หากอยากได้คลาสสูงกว่านั้นก็ต้องทำผลงานให้เป็นที่ยอมรับ

    และเมื่อมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง การแบ่งชนชั้น ภาพพจน์ของฮีโร่ที่เรานึกถึงบุรุษผู้แข็งแกร่งที่ช่วยเหลือคนอ่อนแอก็ได้เปลี่ยนไป  ฮีโร่อิจฉากันเอง เลื่อยเก้าอี้กันและกัน  เห็นประโยชน์ส่วนตน มากกว่าสนใจคนเดือดร้อนอยู่ตรงหน้า

     

     

    Ratman

     

    โลกของ One Punch Man ก็คล้ายๆ กับการ์ตูน Ratman (ลิขสิทธิ์โดยสยาม) ที่ผมเคยพูดไปแล้ว ซึ่งตัวเอกของเรื่อง Ratman คือคาซึกิ ชูโตะ ที่เขาเป็นชอบคลั่งฮีโร่มากๆ และมักคิดว่าฮีโร่ทุกคนเป็นคนดี จนกระทั่งวันหนึ่งชูโตะค้นพบว่าฮีโร่ที่เขาเคยชื่นชมมากก่อนนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่เขาเห็น  เมื่อฮีโร่ที่เขาชื่นชอบนั้นกลับชอบดูถูกคนอื่น สนใจภารกิจมากกว่าช่วยเหลือผู้เดือดร้อนตรงหน้า ชอบใช้ความรุนแรง ซึ่งตอนแรกซูโตะแทบผิดหวังเกลียดฮีโร่คนดังกล่าวชนิดเข้าไส้ หากแต่จนกระทั่งวันหนึ่งเขากลับไปเห็นอีกมุมหนึ่งของซุปเปอร์คนนี้เขาแม้ว่าเขาจะไม่เป็นที่ชื่นชอบสำหรับคนอื่น แต่กระนั้นอีกมุมหนึ่งก็มีคนที่ต้องการเขา เพราะฮีโร่คนนี้เป็นแรงบันดาลใช้ในการสู้ชีวิตและเป็นบุคคลที่นับถือ ทำให้ชูโตะได้เรียนรู้ว่าฮีโร่ก็เหมือนมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องการชื่อเสียง และความทะเยอทะยาน อำนาจเงินการเสนอภาพลักษณ์ที่เกินจริงได้เปลี่ยนฮีโร่คนนั้นให้กลายเป็นแบบนี้ไป 

                    (ความจริงก็มีการ์ตูนแนวฮีโร่ที่คล้ายๆ กันที่หลายคนรู้จักกันดี คือ Tiger&Bunny  ซึ่งก็มีการแบ่งชั้นฮีโร่ ทำดีเพื่อหวังผลประโยชน์ หวังผลตอบแทน เพราะนอกจากจะต้องต่อสู้กับพวกอาชญากรแล้ว ก็ต้องโฆษณาตัวฮีโร่ให้เป็นที่นิยมชื่นชอบด้วย และคะแนนความนิยมก็จะมีการจัดอันดับเพิ่อ King of Heroes อีกต่างหาก )

    ไม่ว่าสังคม วงการใด ใดล้วนมีการแบ่งชนชั้นวรรณะ ตราบมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ตราบใดที่โลกเป็นทุนนิยม มันก็หนีไม่พ้น

    แน่นอนว่าการ์ตูนหลายเรื่องที่มีเนื้อหาการจัดลำดับชั้น แบ่งชั้นวรรณะ ก็จะต้องมีตัวเอกประเภทที่ไม่สนกฎเกณฑ์ แหมยังแหวกกฎเกณฑ์ และเปลี่ยนแปลงมัน โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว อย่าง  ไซตามะ  ตัวเอก One Punch Man ก็เช่นกัน

    ตัวเอกไซตามะนั้นเป็นเพียงคนธรรมดา ที่ชีวิตไม่ได้ดีโด่อะไร ไม่ว่าจะเป็นส่วนสูงน้ำหนัก หน้าตาก็เรียบง่ายๆ ตอนอยู่ชั้นมัธยมปลายก็เคยถูกไถตังค์อีกต่างหาก แม้ว่าเขาจะมีจิตใจดีงามเห็นคนเดือดร้อนอยู่ตรงหน้าก็ช่วยเหลือ แต่เพราะเขาอ่อนแอเกินไปทำให้เขาไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เลย

    จนกระทั่งวันหนึ่ง จุดเปลี่ยนของไซตามะก็มาถึง ในตอนนั้นไซตามะเป็นคนว่างงานที่วุ่นอยู่กับการหางาน ระหว่างที่เขาเดินตามถนนก็เห็นปีศาจปูยักษ์ Crabrante  พยายามที่จะทำร้ายเด็กๆ ตอนแรกเขาพยายามไม่สนใจ หากแต่จู่ๆ ไซตามะก็คึกอย่างช่วยเด็ก และเขาเกิดจัดการเจ้าปีศาจนั้นได้จริงๆ และนั้นทำให้ไซตามะเริ่มฝึกฝนเป็นฮีโร่ (โดยหารู้ไม่ว่าเด็กที่ไซตะมาช่วยนั้น ปู่ของเขาเป็นมหาเศรษฐี และเป็นสาเหตุให้มีการตั้งสมาคมฮีโร่เพื่อเป็นเกียรติแก่ชายที่เป็นฮีโร่พลเมืองดีที่ช่วยหลานเขาจากสัตว์ประหลาดทำร้าย)

    สามปีต่อมา ไซตามะก็เกิดการเปลี่ยนแปลง เมื่อจู่ๆ เขาก็กลายเป็นบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก (อาจจะจักรวาลด้วยซ้ำ) โดยไม่ทราบสาเหตุ รู้แต่ว่าเขาแค่ซิทอัพ 100 ครั้ง วิทพื้น 100 ครั้ง ลุกนั่งยอง 100 ครั้ง และวิ่ง 10 กม.ทุกวัน เป็นระยะเวลา 3 ปี เท่านั้น แถมการฝึกครั้งนั้นทำให้หัวล้านไม่มีเส้นผมอีกต่างหาก

     ไซตามะยังคงเป็นคนว่างงาน ไม่ได้คิดจะหางานทำ เอาแต่อ่านการ์ตูน เล่นเกม และซื้อของลดคาคาไปวันๆ

     

     

    แม้หน้าตาจะห่วย แต่ไซตามะกลับเป็นฮีโร่ที่โครตเทพ ที่เก่งมากเกินไป แม้ว่าตัวไซตามะไม่ได้มีพลังวิเศษอะไร แต่ไซตามะกลับมีความแข็งแกร่งทางกายภาพระดับสุดยอด ยอดขนาดเพียงแค่หมัดเดียว ต่อยทีเดียวของไซตามะก็สามารถทำให้ศัตรูตายคาที่ ร่างกายระเบิดตูมได้  ศัตรูที่ว่าไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประหลาด มนุษย์กลายพันธุ์ อุกาบาต ล้วนตายเพราะหมัดไซตามะหมัดเดียว

    นอกจากนี้ในด้านร่ายกายไซตามะล้วนยอดหมด ไม่ว่าจะเป็น ความเร็ว ชกเร็ว กระโดดสูง ทนต่อสภาพอากาศ อึด ถึก แทบไม่มีสิ่งใดเอาทำร้ายไซตามะจนบาดเจ็บสาหัสได้

    แน่นอนว่ามีฮีโร่ที่เก่งกาจมากมายบนโลก แต่เชื่อว่าคงไม่มีใครสามารถสู้ไซตามะได้ เพราะความเก่งของไซตามะนั้นมันเกิดสามัญสำนึกไปแล้ว และด้วยความกวน และความเก่งนี้เอง ทำให้บ้านเราและชาวตะวันตกถูกอกถูกใจ ว่ามิ่งหน้าห่วยแต่ทำไมเทพฟ่ะ แค่หมัดเดียวก็ชนะแล้ว ถึงขั้นเอามาแซวล้อเลียนมากมาย บ้านเราก็จบไซตามะต่อยหัวตัวละครเก่งๆ จนหัวระเบิดหลายศพ บางเจ้าก็แซวเจ้าโล้นไซตามะตบกับตัวละครเก่งๆ ในมาร์เวล เช่นต่อยโล่กัปตันอเมริกาแตก, ธานอสถุงมือเกรียมที่ว่าแน่ยังโดนตบคว่ำ

    แต่อนิจจา แม้ว่าไซตามะจะเทพเพียงใด จะทำดีเพียงใด แต่ไม่มีใครสนใจเลย เพราะไซตามะ (ตอนแรก) ไม่ได้อยู่สมาคมฮีโร่ ไม่มีการโปรโมต โฆษณาตัวเอง ส่วนใหญ่ไซตามะเวลาจะสู้ศัตรูก็เพียงแค่เดินผ่านมาเห็น หรือไม่ก็ดูข่าวเหตุด่วนเหตุร้ายเท่านั้น

    พอลงทะเบียนฮีโร่ ก็ไม่เป็นที่ถูกใจหลายคน เพราะไซตามะดูหน้าห่วย ดูอ่อนแอ การแต่งกายก็ไร้รสนิยม หากเทียบกับฮีโร่ระดับ S ที่มีทั้งหล่อ บึก ดูแข็งแกร่งมีชาติตระกูลมากกว่า ทำให้ไซตามะมักถูกคนอื่นดูถูก จากฮีโร่ด้วยกันเอง แถมเวลาสู้กับศัตรู ก็ไม่มีใครเชื่อว่าไซตามะเก่ง คิดว่าเป็นแค่ฮีโร่หน้าด้านที่โผล่มาขโมยผลงานอีกต่างหาก

    (ส่วนหนึ่งไซตามะมันชอบทำกวนตีนต่อหน้าคนอื่นด้วยนะผมว่า)

     

     

    แม้ไม่เป็นที่ถูกใจหลายคน โดนชาวบ้านดูถูก บางครั้งก็โดนแย่งผลงาน แต่ไซตามะก็ไม่เคยโกรธแค้นอะไร แถมมีบางครั้งก็เคยยกผลงานของตนเองให้คนอื่นด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะเขาไม่ได้สนใจที่จะเป็นฮีโร่จริงๆ จัง ตามที่เขามักพูดตลอดว่า “งานอดิเรกเป็นงานฮีโร่” เท่านั้น หรือส่วนหนึ่งชีวิตของไซตามะเองก็ไม่เคยมีใครสรรเสริญ จึงเกิดความชาชินกับสังคมที่เห็นภาพลักษณ์ดีกว่าการกระทำก็เป็นได้

    เมื่อเราดูเรื่องของไซตามะ เราอาจต้องตั้งคำถามระหว่างการทำดี  ที่เราทำความดีเพื่ออะไร ระหว่างผลตอบแทน หรือทำเพียงเพราะความสุขใจ ไซตามะเลือกทำดีเพราะความสุขใจ ไม่เคยตัดพ้อว่าทำดีไม่ได้ดี  และยังคงทำสิ่งที่ตนเองคิดว่าถูกต่อไป แม้หลายคนจะไม่เคยเห็นค่าก็ตาม

    มีอยู่ครั้งหนึ่งในตอนที่อุกาบาตรยักษ์จะถล่มโลก ที่แม้แต่ฮีโร่คนอื่นๆ ไม่สามารถทำได้ แต่ไซตามะสามารถทำได้ ด้วยการต่อยหมัดเดียว หากแต่หมัดของไซตามะทำให้อุกาบาตรแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่น้อยที่ว่ามันก็มากพอทำให้เมืองเกิดความเสียหาย บ้านเมืองพังไปหลายหลัง จนชาวเมืองไม่มีที่อยู่  ชาวเมืองกลับต่อว่าไซตามะว่าอยากได้หน้า ล้วนไม่เจียม มันช่างแตกต่างจากเพราะซูเปอร์แมน, ก็อตซิล่า, สไปเดอร์แมนที่พังเมืองแล้วคนชื่นชอบ สรรเสริญ เพียงเพราะพวกเขาเท่เพราะดีกว่าซูเปอร์แมน, ก็อตซิล่า, สไปเดอร์แมนที่พังเมืองแล้วคนชื่นชอบ สรรเสริญ เพียงเพราะพวกเขาเท่ จนไซตามะหมดความอดทน แล้วตะโกนขึ้นว่า “ฉันไม่ได้อยากเป็นพระเอกเพราะอยากให้คนอื่นชมฉันโว้ย!! ฉันแค่อยากทำในสิ่งที่ฉันอยากทำเท่านั้นต่างหาก” เรียกได้ว่าใครได้ยินประโยคนี้ของไซตามะต้องมีอันต้องตบมือ

    อย่างไรก็ตาม การทำดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ก็ใช่ว่าจะไร้ผลไปเสียทุกครั้ง เพราะบางครั้งผลของความดีก็กลับมาสู่ตัวของมันเอง อย่าง จีนอสฮีโร่ระดับ S ที่เห็นความเก่งกาจและความดีของไซตามะจนหากเป็นลูกศิษย์ไซตามะด้วยหัวใจ  ฮีโร่ระดับสองที่รู้แก่ใจว่าไซตามะเป็นผู้ช่วยเหลือทุกคนก็ขอบคุณด้วยใจ เป็นต้น

    นอกเหนือจากความเก่งกาจ บางครั้งไซตามะยังพูดคำคมจี้ใจดำคนอื่นเก่งได้อีกต่างหาก โดยเฉพาะพวกคนร้าย ศัตรูที่มักคิดโดยตลอดว่าพลังของตนนั้นแข็งแกร่งกว่าใคร ไม่มีใครหน้าไหนชนะได้ ตรูจะเกรียนยังไงก็ไม่มีใครสน หากเมื่อมาเจอของจริงอย่างไซตามะ แล้วพบว่าพลังที่เรียกว่าแข็งแกร่งของตนนั้นมันเป็นเพียงพลังของเด็กอมมือเท่านั้นเมื่อเทียบกับพลังที่ใหญ่กว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า ก่อนที่โดนไซตามะชก

    “ไอ้การที่มีพลังมากเกินไปนะ มันน่าเบื่อสุดๆ ใช่ไหมละ”

                    ดูเหมือนว่าไซตามะจะค่อนข้างเกลียดคนที่ชอบโอ้อวดความแข็งแกร่งและใช้กำลังสร้างความเดือดร้อนพอสมควร เพราะไซตามะอยู่ในสังคมที่คนอ่อนแอตกเป็นเหยื่อของคนแข็งแกร่งกว่า เมื่อไซตามะได้พลังที่แข็งแกร่งมาไว้ เขาก็พบว่ามันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย มันไม่ได้ช่วยทำให้เขาหางานได้ ไม่ช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตบยุงก็ยังไม่ตาย แถมเป็นตัวเรียกความวุ่นวายมาให้เขาอีกต่างหาก

     

     


    อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าการ์ตูนเรื่องนี้จะไม่มีข้อเสีย เพราะเป็นการ์ตูนเว็บ ดังนั้นการแบ่งช่อง การเล่าเรื่องราว หลายคนที่อ่านมังงะอาจไม่คุ้นเคยมากนัก เพราะบางตอนโชว์ฉากต่อสู้เต็มๆ หน้ากระดาษ ไปหลายแผ่น หลายหน้าจนจบตอนก็มี (ปกติการ์ตูนมังงะจะไม่นิยมการแบ่งช่องแบบนี้เพราะมันเปลือง)

    ที่สำคัญที่สุด เนื่องจากเป็นการ์ตูนเว็บ และไม่ใช่การ์ตูนรายสัปดาห์ แต่มันคือการ์ตูนรายสะดวก ประมาณว่ากว่าตอนใหม่จะมาอย่างนาน บางตอนก็ไม่กี่สัปดาห์ก็มา บางตอนก็เป็นเดือนๆ ก็มี แถมแต่ละตอนจำนวนหน้ากระดาษไม่เท่ากันอีก บางตอนก็ 15 แผ่น บางตอนก็ 10 แผ่น  บางตอนก็ 5 แผ่นก็มี (พอดีผมไม่ได้นับ คงประมาณนี้แหละ) เรียกได้ว่าคนอ่านหลายคนเซ็งในอารมณ์ เพราะอ่านแป๊ปเดียวก็จบตอนแล้ว อารมณ์ค้าง (แถมมันตัดตอนซะน่าติดตามอีกต่างหากว่าจะเป็นยังไงต่อ) ดังนั้นหากใครตามการ์ตูนเรื่องนี้ต้องอดทนสูงทีเดียว  ใครที่ตามตั้งแต่ตอนแรกนี้ถือว่าเป็นแฟนพันธุ์แท้อย่างแท้จริง

    และนอกจากนี้ใครที่เป็นติ่งฮีโร่พันธุ์แท้  อยากเห็นชุดแต่งกายฮีโร่เท่ ๆ ต้องทำใจ เพราะเรื่องนี้การแต่งกายตัวละครเด่นๆ ไม่ค่อยมีเลย (ส่วนหนึ่ง ONE เองไม่เน้นเรื่องการแต่งกายตัวละครสักเท่าไหร่) ตัวละครบึกสมองกล้ามเยอะโครต  ขนาดฮีโร่เกรด S แต่ละคน หน้าตาแต่ละคนเหมือนองค์กรชั่วร้ายมากกว่าคนดี  หากใช้คำว่า “ผู้มีพลังวิเศษ” มันจะเพราะกว่าฮีโร่เสียอีก

    อย่างไรก็ตาม แม้เรื่องนี้จะมีแต่ตัวละครบึกๆ แต่ตัวละครหลักๆ ก็น่าอวย อย่างจีนอส และโซนิค เท่มิใช่น้อย แถมพวกสาวๆ ยังจิ้นวายสนุกสนานอีกต่างหาก ส่วนตัวละครหญิงน้อยโครต (ส่วนหนึ่ง ONE เองไม่นิยมตัวละครหญิงมากนัก และไม่ได้เขียนเรื่องรักใคร่ๆ ชายหญิงสักเท่าไหร่ด้วย) โชคดีที่มีพี่น้องพลังจิตที่น่าอวยพอที่น่าติดตามว่าเจ้าโล้นเจอคนพี่พลังจิตบ้านเมืองจะชิบหายวายป่วนขนาดไหน

    นอกจากนี้ยังมีอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวที่ผมดูการ์ตูนเรื่องนี้อีก คือ เพราะพระเอกมันเก่งเกินไป  มันจึงทำให้ไม่มีอารมณ์ลุ้นอะไรเลย เพราะไม่มีใครเก่งเทียบพระเอกได้ ผมว่าตั้งแต่ศึกมนุษย์ต่างดาวตาเดียวนี้มันที่สุดแล้ว คงหาศัตรูเทพๆ ที่ต่อกรไซตามะไม่ไหวแล้วละ (หากมี ก็คงจะต้องมีพลังทำลายดาวทั้งดวง และต้องเก่งตาเดียวอีก แต่ตอนนี้ยังหาศัตรูที่ว่าไม่เจอ หรือเจอ ก็คงแพ้ไซตามะอยู่ดี เพราะเนื้อเรื่องมันเป็นเช่นนี้)

    ก็ขอเข้าใจว่ามันเป็นมุกการ์ตูน แบบอารมณ์อุตส่าห์ออกแบบศัตรูเท่ๆ ดูเก่ง มีการปูเรื่องราว แต่พอเจอไซตามะก็จบไม่กี่หน้า สิ่งที่ปูเอาไว้มันก็ศูนย์เปล่าทั้งหมด แต่ในขณะเดียวกันมุกแบบนี้เมื่อใช้นานๆ มันก็เริ่มอิ่มตัว น่าเบื่อ เพราะรู้ยังไงเจอไซตามะเอ็งชะตาขาดแน่นอน ทำให้ช่วงหลังๆ จึงเน้นตัวละครรอง อย่างจีนอส หรือตัวละครฮีโร่ S คนอื่นๆ ซึ่งมันก็ไม่ใช่พระเอก และตัวละครมันไม่น่าอวยเลยแม้แต่น้อย ผมเชื่อว่าหลายคนอยากให้ไซตามะมาเจอมากกว่า มาดูตัวละครๆ ตีศัตรูหมดไปหลายตอนใช่เปล่าละ (อวยสาวๆ ผมก็ไม่ว่านะ)

    สรุปคือ One Punch Man เป็นการ์ตูนที่สนุกใช่ได้นะ แถมมันตอบโจทย์ความชอบของคนอ่านยุคปัจจุบัน ซึ่งกลุ่มที่ดูก็มีทั้งเด็ก ไปจนถึงผู้ใหญ่  เพราะเต็มไปด้วยฉากต่อสู้อลังการ ผสมกับตลก รวมไปถึงบรรดาสาวๆ ที่จิ้นวายสนุกสนาน (โดยเฉพาะไซตามะกับเจนอส) ที่โดมืดก็ยังมีให้เห็นอยู่บ้าง

    แม้ตอนแรกๆ One Punch Man เหมือนจะเป็นการ์ตูนตลกบ้าบอ ไร้เหตุผล พระเอกเก่ง จบในไม่กี่หน้า แต่ผมเชื่อว่ามันเป็นแค่ช่วงต้นๆ เท่านั้น เพราะเนื้อหาเริ่มสเกลใหญ่ขึ้น เพิ่มตัวละครใหม่มากขึ้น พร้อมกับสงครามในอนาคตข้างหน้า ซึ่งก็เป็นสูตรของ ONE ที่ใช้กับม็อบอยู่แล้ว และหากดูดีๆ มันก็สอดแทรกปรัชญาของฮีโร่เหมือนกัน


    สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านอ่านให้สนุกนะครับ








    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×