ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #290 : มัดตราสังข์ อ่าน "กวน ก๊วนกลับบ้าน" ให้จบ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.85K
      4
      16 ก.ค. 60

    เนื่องจากช่วงนี้ผมใจสั่นเมื่อทราบว่า บันทึกกิจกรรมสมาคมคนรักเกมของผมกับอิจิโนะ หนึ่งในไลท์โนเวลที่ผมโคตรตอวย (ไลท์โนเวลที่มีลิขสิทธิ์ปัจจุบันที่ผมอวย มีไม่กี่เรื่อง ประกอบด้วย รักนายคุราตะ, สหายรักศัตรูหัวใจ (ยังไม่ได้เขียนถึง) และชมรมเกมอิจิโนะนี่แหละ) ก็ถึงคราวจบในเล่ม 11 แล้ว ที่สั่นไม่ใช่ใจหายเพราะจบ หากเป็นเพราะผมกลัวจบวิน (เป็นหนึ่งในฉากจบที่ผมกลัวที่สุด) เพราะเป็นช่วงพิธีจบการศึกษาของพวกพระเอก ซึ่งถือว่าอิจิโนะตัวเอกของเรื่องมีบทเด่นที่สุด (พร้อมกันนั้น หน้าแรกของเล่ม 11 ผมไม่เห็นตัวละครสาวๆ ปรากฏอยู่เลย)

    เอาเถอะกว่าจะรู้ตอนจบ ถึงตอนนั้นผมก็คงแก่ลงพอสมควร (หากรักพิมพ์วางแผงไม่ต่อเนื่องสม่ำเสมอนะ) และได้แต่หวังว่าคนแต่งจะจบให้คุ้มค่าสมกับที่หลายคนติดตามมา (ซึ่งผมก็เชื่อใจคนแต่งมากเหมือนผลงานครั้งก่อนๆ)   เพราะผมไม่อยากเห็นน้ำตาผู้หญิงที่ผิดหวัง การแยกจากเลยพับผ่า (แต่อย่างน้อยก็มีตัวอย่างเหมือนกันว่าพิธีจบการศึกษาบางครั้งก็มีการจบฮาเร็มได้เหมือนกัน)

    ช่วงนี้ผมก็เลยพยายามปล่อยวางอะไรสักหน่อย คิดมากไปผมจะหงอกเต็มหัว ด้วยการมัดตราสังข์อ่านนิยายแนวฮาเร็มอีกเรื่อง และเชื่อหรือไม่ว่านิยายไลท์โนเวลเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องแรกๆ ที่จบแบบฮาเร็ม แอปปี้ของนายแปลในไทยในตอนนี้ ประหลาดใจจริงๆ

     

     

    กวน ก๊วนกลับบ้าน (Shinmeikai Road Grass)

     

    A Plus เป็นค่ายพิมพ์ไลท์โนเวลที่ทำให้ผมน้ำตาตกหลายรอบ และยังคงฝันร้ายจนถึงปัจจุบัน (และเคยร้องไห้บ่นกับแม่บ้าน จนแม่บ้าน งง ว่ามันบ่าอะไรว่ะ) แต่อย่างไรก็ตาม กวน ก๊วนกลับบ้าน (Shinmeikai Road Grass) เป็นผลงานผู้แต่ง โทโทยาสุ ฮิงะ ภาพประกอบ สึบาชิ นั้นทำให้ผมผมเริ่มมองเอ-เพลสในด้านบวกยิ่งขึ้น

    Shinmeikai Road Grass เป็นเรื่องราวของเคดะ โทกาชิหนุ่มธรรมดาที่มีอดีตแสนรันทด (ตรงไหน?) คือมีบ้านอยู่ติดกับโรงเรียนมาตั้งแต่ชั้นประถมยันมัธยมต้น จนเป็นเหตุทำให้เขาไม่เคยมีโอกาสลิ้มรสชาติความสนุกสนานของชีวิตหลังเลิกเรียนเลย ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงเลือกเข้าเรียนต่อมัธยมปลายในโรงเรียนที่อยู่ห่างไกลจากบ้านซะเลย เพื่อหวังว่าจะใช้ชีวิตหลังเลิกเรียนแบบชาวบ้านได้เสียที

    และวันแรกเขาได้แวะไปที่ห้างสรรพสินค้าก่อนกลับบ้าน ที่นั้นเขาก็พบสามสาว สามแบบ สามสไตล์ที่อยู่โรงเรียนเดียวกัน (แต่คนละห้อง) ซึ่งประกอบไปด้วย

    - คิราระ จิโตเสะ หรือ หลายคนอาจเรียกเธอว่า โยโซระ (ชมรมไร้เพื่อน) เวอร์ชั่นคนดี เพราะรูปร่างหน้าตาเหมือนมากๆ (ผมยาว , สวย และเก่ง) แต่นิสัยของเธอนั้นไม่ได้ไร้พิษภัย  แต่มีข้อเสียคือ เป็นคนขี้กลัว ขี้กังวลไปหมดทุกเรื่อง  โดยเป็นเพื่อนก๊วนกลับบ้านคนแรกที่โทกาชิเจอ (แน่นอนว่าตอนหลังก็ชอบโทกาชิ) แม้เธอจะเหมือนนางเอก (เพราะมีบทสำคัญในเรื่อง) แต่ก็ไม่ใช่นางเอกเสียทีเดียว (?) เพราะโดนสาวอื่นขโมยซีนอยู่เรื่อย

    -มาริโมะ ทันเกะ เพื่อนก๊วนกลับบ้านคนที่สอง เป็นคนสวย เก่ง ฉลาด กล้าได้กล้าเสีย อีกทั้งยังหน้าอกใหญ่ และเป็นคนฮอตของโรงเรียนเพราะเป็นดีเจรายการวิทยุตอนเที่ยง และมักเป็นจุดศูนย์กลางของกลุ่ม และมักมีกิจกรรมใหม่ๆ ให้แก่ก๊วนกลับบ้านอยู่เสมอ ภายหลังชอบโทกาชิ

    -ซากิ ฟุราโนะ หรือ ซาคิปโปะ นักเรียนหญิงมัธยมปลายร่างเล็กเหมือนเด็กประถม มีนิสัยร่าเริงเหมือนเด็ก และชอบพูด อุเมี๊ยวนำหน้าก่อนทักทายคนอื่น อยู่ชมถ่ายภาพ และกว่าจะรู้ว่าเธอชอบโทกาชิอีกคนก็ตอนท้ายเล่มสุดท้ายโน่นแหละ

     เมื่อเขาและพวกเธอรู้จักกันก็ได้สนิทกัน และแล้วทุกวันที่กลับบ้านเขาและพวกเธอจะทำกิจกรรมตอนกลับบ้านด้วยกัน เช่น คุยเรื่องเรื่อยเปื่อย, แวะสระว่ายน้ำ ไปจนถึงเล่มเกมกัน ชีวิตหลังเลิกเรียนที่แสนจะซาบซ่า (และฮาเร็ม) ของโทกาชิก็ได้เริ่มต้นขึ้น

     

     

    เล่ม 1 โยโซระกลับชาติมาเกิด

     

    A Plus ถือว่าเป็นสำนักพิมพ์ (ค่าย) ไลท์โนเวลอันดับต้นๆ ของไทย ซึ่งมีเอกลักษณ์แตกต่างจากสำนักพิมพ์อื่นๆ ในช่วงแรก เพราะส่วนใหญ่ไลท์โนเวลที่ซื้อลิขสิทธิ์มาจะไม่ใช่ไลท์โนเวลเรื่องดัง (หากเปรียบเทียบกับหลายค่าย) ทำให้ไลท์โนเวลส่วนใหญ่มีไม่กี่เล่มจบ (ก๊วนกลับบ้านเองมีเพียง 5 เล่มจบ) จึงเหมาะกับสำหรับผู้ไม่ชอบการรอคอยยาวนานมากนัก  อีกทั้งส่วนใหญ่ไลท์โนเวลสำนักพิมพ์นี้เล่มใหม่ค่อนข้างรวดเร็ว สม่ำเสมอ ไม่ดองเหมือนบางสำนักพิมพ์ 

    และหลายคนบอกว่านิยายหลายเรื่องแม้ว่าไม่ดังแต่เนื้อหานั้นสนุกไม่แพ้เรื่องที่ดังเสียอีก (อย่างก๊วนกลับบ้านเองถือว่าเป็นหนึ่งที่เนื้อหาสนุกมากอีกเรื่องหนึ่ง)

    อย่างไรก็ตาม ช่วงหลังๆ ค่ายนี้มักสร้างเซอร์ไพส์หลายครั้ง เพราะมีการซื้อลิขสิทธิ์ไลท์โนเวลเรื่องดัง หรือว่าซื้อเรื่องที่พึ่งเป็นอนิเมะไม่นาน เป็นต้นว่า  To aru majutsu no index , เจ้านี่เหรอซอมบี้  รวมทั้งการคว้าโนเวลอย่าง No Game No Life ที่พึ่งเป็นอนิเมะไม่นานด้วย

    หลายคนบอกว่าค่าย A Plus แปลนิยายค่อนข้างสนุก เพราะใช้สำนวนพิถีพิถัน แต่จากความเห็นของผมแล้ว ค่ายนี้ไม่ค่อยมีลูกเล่นตัวอักษรมากนัก ไม่เหมือนของค่ายรักพิมพ์ ที่มีทั้ง ตัวหนา ตัวเอียง ตัวใหญ่ ดูแล้วน่าตื่นตาตื่นใจกว่า (แถมมีผ้าคั่นหนังสือติดมาด้วยอีกต่างหาก)

    สรุปคือ ผมอวยค่ายรักพิมพ์นั้นแหละ เพราะค่ายรักพิมพ์มีแนวฮาเร็มเยอะดี (แถมเรื่องที่อวยอยู่รักพิมพ์ทั้งสิ้น)

    อย่างที่ผมว่าไว้ตอนต้น ค่าย A Plus ทำผมซ้ำใจกับนิยายสองเรื่อง มื้อลับๆ กับคุณแพะ และ ห้องชมรมไม่กลับบ้าน มาแล้ว โดยเฉพาะเรื่องแรกหลายคนพร้อมใจกันผิดหวังตอนจบเป็นแถบๆ ส่วนเรื่องที่สอง  ไม่รู้สินะ ผมไม่ชอบนิยายแนวฮาเร็มที่มีการแยกจากและวินสักเท่าไหร่ (ขอร้องเถอะแต่งแนวฮาเร็มก็จบฮาเร็มเถอะนะ) และผมเสียหน้าในการวิจารณ์เรื่องนี้มาก (ที่สุดในชีวิต) ด้วย

     กวนก๊วนกลับบ้าน ก็เช่นกัน ตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้สักนิด เรื่องอะไรว่ะไม่รู้จัก?”, “เกิดมาพึ่งได้ยินชื่อ” (เวลานั้น A Plus ยังเป็นค่ายใหม่อยู่เลย) พอดีเวลานั้นผมไปเที่ยวห้างบิ๊กซีที่เชียงใหม่ กำลังรพ่อมารับ เลยต้องซื้อหนังสืออ่านฆ่าเวลา ประกอบกับเห็นปกนิยายเรื่องนี้ หน้าตานางเอกที่แสนจะเหมือนโยโซระจากชมรมคนไร้เพื่อนเหลือเกิน พร้อมกับชื่อนิยายก๊วนกลับบ้านนี้พลางให้นึกถึงจริงๆ ว่าทั้งสองเรื่องนี้มีส่วนคล้ายกันหรือเปล่า? ดังนั้นจึงซื้อมาเพื่อหวังว่ามันจะสนุก และตลกเหมือนชมรมไร้เพื่อน

    แต่เชื่อหรือเปล่าครับ ตอนที่ผมอ่านเล่มแรกๆ ของนิยายเรื่องนี้ ผมหลับคาห้าง!!

    ยอมรับเลยว่าความรู้สึกแรกๆ ที่อ่านแอบผิดหวังพอสมควร หลายคนก็คิดแบบนั้นเหมือนกันกับผมด้วยซ้ำ  เพราะผมคิดว่า มันจะเป็นการ์ตูนตลกฮ่าแตกลั่นห้าง เน้นตัวละครปล่อยมุกโหดๆ กัดกันแบบโยโซระกับเซนะชมรมไร้เพื่อน  

    แต่ปรากฏว่าไม่เป็นอย่างที่คิด

    ก๊วนกลับบ้าน เป็นนิยายตลก, โรแมนติก, การดำเนินเรื่องแบบเนิ่บๆ ช้าๆ ให้อารมณ์หลังเลิกเรียนแบบประทับใจ มากกว่าที่จะขายความรั่ว

    ตลกในที่นี้ อย่าเอาไปเปรียบชมรมไร้เพื่อน เพราะมันคนละเรื่อง ในขณะที่ชมรมไร้เพื่อนมีธีมกิจกรรมชมรมที่น่าสลดใจ กิจกรรมชมรมที่ไม่น่าจดจำ (ล้มเหลว) และการใช้คาแร็คเตอร์จุดเด่นตัวละครมาเล่นอย่างมีเอกลักษณ์จนน่าจดจำ

     แต่ก๊วนกลับบ้านนั้นมีธีมที่แตกต่างกัน เพราะเป็นการสร้างกิจกรรมหลังเลิกเรียนที่ประทับใจ ส่วนตลกนั้นเป็นตลกแบบหัวเราะหึๆ แม้ว่าตัวละครจะมีจุดเด่น อย่างจิโตเสะขี้กลัว, ทันเกะมั่นใจตัวเอง, ซาคิปโปะร่าเริงเหมือนเด็กผู้ชาย ทั้งสามสาวเป็นเพื่อนกัน ที่ไม่เคยทะเลาะ จิกกัดกัน แม้แต่น้อย มุกที่ใช้ เป็นมุกเบาๆ ไม่ได้หลุดโลก จนดูน่าเบื่อด้วยซ้ำ (มุกตลกไม่ได้ฮ่ามากครับ ประกอบกับการบรรยายที่ไม่ได้ช่วยให้ฮ่าสักเท่าไหร่หรอก)

    ลืมไปว่าการบรรยายที่ใช้ในนิยายเรื่องนี้ จะใช้การบรรยายมุมมองบุคคลที่หนึ่งแต่ที่แปลกก็คือพระเอกไม่ได้เป็นคนเดียวเท่านั้นที่เป็นคนบรรยายเสมอไปหากแต่บางช่วง (โดยเฉพาะช่วงท้ายๆ) ก็มีทั้งการบรรยายโดยใช้มุมมองคนอื่นๆ เช่นจิโตสะ, เทนเกะ และตัวละครอื่นๆ เข้ามาด้วย

    และทั้งเรื่อง ตัวละครก็มีแค่กลุ่มตัวเอง ชาย 1 หญิง 3 นี้แหละ(อย่างไรก็ตาม เล่ม 4-5 ก็มีการเพิ่มตัวละครเข้ามาอีก 2 คน)

    สำหรับการดำเนินเรื่องเล่มแรก หากใครชอบก็อ่านแบบเพลินๆ (แต่ยังไม่สุดยอด)หรือคนไม่ชอบเลยก็คงเลิกอ่าน เพราะเนื้อหาจะเป็นโทนช่วงเวลาหลังเลิกเรียนทำกิจกรรมแตกต่างกันไปในแต่ละวัน ซึ่งเนื้อหาแต่ละตอนค่อนข้างจะยาว เน้นการคุยๆ เป็นหลัก เนิ่บๆ จนแทบไม่มีจุดแปลกใหม่อะไรและผสมกับความโรแมนติกเล็กน้อย แต่ยังไม่มีความรักๆ มาเกี่ยวข้อง (แม้จะมีแนวฮาเร็มก็ตาม)

    อย่างไรก็ตาม ไม่นานนักเล่ม 2 การวางแผง แม้จะผิดหวังเล่มแรกนิดหน่อย แต่ผมก็ซื้อมาอ่านสำหรับเล่มสองแม้ช่วงแรกๆ ของเล่ม 2 ผมจะไม่ได้อ่าน (เพราะยังคงเนิ่บคุยเหมือนเดิม) แต่ช่วงหลังๆผมอ่านครับ เล่มสองเริ่มน่าสนใจ ตรงที่ตัวละครหญิงสองคน จิโตสะและเทนเกะเริ่มชอบพระเอกแล้ว ซึ่งเทนเกะได้ให้เหตุผลว่าโทกาชิเป็นผู้ชายอยู่แล้วรู้สึกอบอุ่น

    แน่นอนว่าการที่ผู้ชายกลับบ้านกับผู้หญิงน่ารัก 3 คน มันก็เทพสิครับ

    ก๊วนกลับบ้านในช่วง 1-2 เป็นนิยายให้เรารู้สึกดีๆ กับช่วงเวลาหลังเลิกเรียน หากเราอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นบ่อยๆ ก็จะพบมันเป็นช่วงเวลาที่พบเห็นบ่อยที่สุด (อาจมากกว่า ช่วงพักกลางวัน, ระหว่างเรียน ด้วยซ้ำ) และมักมีเหตุการณ์สำคัญมากมายรอตัวเอกอยู่บ่อยครั้ง  (เจอสัตว์ประหลาดข้างทางบ้างละ, ไปเดทบ้างละ ไปจนถึงเล่นในสวนสาธารณะแล้วเจอสาวน้อยข้ามมิติ)

    แน่นอนว่าช่วงกลับบ้าน ถือว่าเป็นช่วงที่มีความสุขสำหรับนักเรียน  ที่ทั้งวันตั้งแต่เช้า-เย็นมีแต่ความเครียด น่าเบื่อจากการเรียน และการทำกิจกรรมต่างๆ  แน่นอนหลังเลิกเรียนก็เหมือนการปลดปล่อยอะไรหลายอย่าง ทำให้รู้สึกสดชื่น แน่นอนว่าถือว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดในโรงเรียนก็ว่าได้

    ในการ์ตูนญี่ปุ่น ส่วนใหญ่เรามักจะเห็นตัวละครที่เป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลาย ใช้ชีวิตหลังเลิกเรียนแตกต่างกัน เช่น ชายหญิงรวมตัวกันไปร้องคาราโอเกะ, ไปเดท, ไปห้าง, ทำกิจกรรมชมรม หรือออกกำลังกาย

    ก๊วนกลับบ้าน เลม 1-2 จึงเน้นเรื่องชีวิตหลังเลิกเรียน ไม่ได้เน้นช่วงเวลาเรียนเลยแม้แต่น้อย กิจกรรมในช่วงหลังเลิกเรียนก็มี ไปชิมร้านอาหาร, ไปเดินห้าง, การละเล่น ไปจนถึงอีเวนท์ที่พบเห็นตอนกลับบ้าน เช่น ร่ม ซึ่งแน่นอนว่าไม่เจอสัตว์ประหลาด, เด็กสาวจากต่างมิติ หรือเหตุการณ์น่าตื่นเต้นแม้แต่น้อย

    แต่โดยภาพรวม เล่ม 2 ยังคงเหมือนเดิมครับคือชีวิตประจำวันหลังเลิกเรียนสงบสุข ลั๊นลาไปวันๆ และด้วยสาเหตุนี้เองทำให้ผมคิดว่าเนื้อหาก็คงไม่มีอะไรแปลกใหม่อะไร นักจึงมีความคิดที่จะไม่ติดตามต่อ และทำการดองยาวเรื่อยมา

    อย่างไรก็ตามเวลาของผมก็ผ่านไป 2ปีต่อ  ผมก็ไปอ่านกระทู้จากเว็บหนึ่ง ซึ่งเป็นสปอย กวนก๊วนกลับบ้าน เล่ม 4ก็พบว่าเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่ผมต่างจากผมคิดและนั้นเองทำให้ผมมีความคิดที่จะอ่าน 3 เล่มที่เหลือ

    ผลปรากฏว่า สิ่งที่มองด้านลบในตอนแรกละลายหายสิ้นครับ เมื่อพบว่าเล่ม 4-5ได้ดำเนินเรื่องที่แตกต่างจากความคิดผมในตอนแรกโดยสิ้นเชิงเมื่อพบว่านิยายเรื่องนี้ ไม่ใช่แนวฮาเร็ม สบาย ชีวิตประจำวันสงบสุขธรรมดา เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นเพียงบทนำเท่านั้น!!


     

    รุโมอิ (ซ้ายสุด) ตัวละครที่เพิ่มมาทีหลัง แต่ขโมยซีนซะงั้น

     

    ในเล่ม 3 แม้ว่าตอนต้นๆ จะเหมือนกับเล่ม 1-2 ด้วยอารมณ์เหมือนเดิม คือ เป็นช่วงเวลาหลังเลิกเรียน เนิ่บๆ ตลกนิดหน่อย สไตล์ชีวิตประจำวันอันสดใจ อบอุ่น เพียงแต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยก็คือ เริ่มมีฉากโรแมนติก การเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างพระเอกกับพวกสาวๆ แม้ว่าจะเน้นหนักตรงจิโตเสะก็ตาม แต่โดยภาพรวมในตอนต้นดูเหมือนว่าเนื้อหายังคงเหมือนไม่อะไรน่าสนใจ

    หากแต่แล้ว ในช่วงท้ายเรื่อง นิยายเรื่องนี้ก็ได้มีอะไรเซอร์ไพร์ เริ่มดำเนินไปในทิศทางแปลกๆ แตกต่างจากเล่ม 1-2 โดยสิ้นเชิง  เมื่อมีการเพิ่มตัวละครหลักหนึ่งคน และไม่ใช่ตัวละครธรรมดา

    ในเทศกาลงานวัด ก๊วนกลับบ้านได้ไปเที่ยวด้วยกัน จนกระทั่งโทกาชิได้อยู่กับจิโตเสะสองต่อสอง แน่นอนว่าทั้งสองได้ทำกิจกรรมงานเทศกาลร่วมกัน บรรยากาศเริ่มเป็นใจ และแล้วจิโตเสะก็ได้สารภาพรักกับโทกาชิ

     

    ในช่วงใกล้ท้ายเล่ม 1 จิโตเสะได้พูดถึงชื่อของคนหนึ่งที่ชื่อ “ท่านรุโมอิ”  ราวกับว่าจิโตเสะได้ให้ความสำคัญกับคนนี้มากๆ จนเรียกว่านับถือเลยก็ได้

    และเมื่อช่วงท้ายเล่ม จิโตเสะก็ได้เปิดใจกับโทกาชิว่า เธอมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งคือ “ท่านรุโมอิ” หรือ “มัทสึอิชิ รุโมอิ” สมัยเรียนมัธยมต้น หากแต่ต่อมาแยกจากกัน เธอหายตัวไป และจิโตสะพยายามตามหาเธอทุกโรงเรียน แต่ทุกโรงเรียนมัธยมไม่มีใครชื่อ “มิทสึอิชิ รุโมอิ” เลยแม้แต่น้อย ทุกวันนี้เธอยังตามหาเธออยู่ และเชื่อว่าสักวันเธอจะเจอตัวเธออีกครั้งในช่วงเวลาหลังกลับบ้าน

    แม้บทสนทนานี้จะเหมือนจะเป็นบทสนทนาธรรมดา ที่ไม่สำคัญอะไรมากนักนัก เพราะเล่ม 2 นั้น แทบไม่ได้กล่าวถึง “รุโมอิ” เลยแม้แต่น้อย แต่กลายเป็นว่าในเล่มที่ 3 รุโมอิก็ได้ปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่คาดฝัน

    ในเล่มที่ 3 นั้น ชื่อของ “รุโมอิ” ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อจิโตเสะเล่าเรื่อง “รุโมอิ” ให้โทกาชิฟังอีกครั้ง หากแต่ยิ่งฟังเรื่องของ “รุโมอิ” ยิ่งลึกลับกว่าเดิม เพราะเธอเหมือนวิญญาณมากกว่าที่จะเป็นคนธรรมดา เพราะที่ผ่านมาจิโ๖เสะไม่เคยเห็นรูปร่างหน้าตาของรุโมอิเลย หากแต่เธอได้ยินเสียงในกระแสจิตที่ผู้ส่งบอกว่า เธอคือรุโมอิเท่านั้น

    ตอนแรกโทกาชิก็ไม่ค่อยเชื่อจิโตเสะเล่ามากนัก และโทกาชิไม่เลยว่านั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่ทำให้การดำเนินเรื่องนี้ผิดแปลกไปกว่าเดิม

    ในช่วงท้ายเล่ม 3 โทกาชิได้ไปเที่ยวงานเทศกาลฤดูร้อนกับก๊วนกลับบ้าน แน่นอนว่ามันน่าจะเป็นอีกตอนที่น่าจะเป็นสไตล์ชีวิตประจำวันอันสดใส อบอุ่น ความสุข  อีกทั้งยังมีฉากโรแมนติก โทกาชิและจิโตเสะ ที่เห็นชัดว่าจิโตเสะรักทากาชิ มันน่าจะเป็นช่วงเวลาดีๆ อีกช่วงหนึ่ง ตามสไตล์ก่อนหน้า

    หากแต่แล้ว ในช่วงท้ายเรื่อง นิยายเรื่องนี้ก็ได้มีอะไรเซอร์ไพร์ เริ่มดำเนินไปในทิศทางแปลกๆ แตกต่างจากเล่ม 1-2 โดยสิ้นเชิง 

    ในขณะที่บรรยากาศกำลังไปได้สวย จู่ๆ จิโตเสะก็มีท่าทีที่เปลี่ยนไป ราวกับเป็นคนละคน จนโทกาชิต้องเอ่ยคำว่า “เธอเป็นใคร?” แบบไม่ตั้งใจ

    จิโตเสะอีกคนยิ้ม แล้วพูดว่า “ฉันคือมิสึอิชิ รุโมอิ” เพื่อนของจิโตเสะ ที่จิโตเสะอยากจะเจอมาโดยตลอเด

    อย่างไรก็ตาม สำหรับโทกาชิแล้วรุโมอิที่เขาเห็นนั้น ไม่เหมือนอย่างที่เขาคิดไว้ แม้ว่าจิโตเสะจะบอกว่าเธอคือเพื่อนรัก แต่ความจริงแล้วเธอคือมารร้ายชัดๆ

    รุโมอิอ้างว่าเธอคือบุคลิกที่สองของจิโตเสะ และต้องการให้โทกาชิรักกับเธอ หากโทกาชิปฏิเสธ เธอจะใช้ร่างของจิโตเสะทำเรื่องเสื่อมเสีย แปดเปื้อน ชนิดที่เจ้าตัวรับไม่ได้ถึงขั้นไม่อยากมีชีวิตอยู่ก็ว่าได้

     แน่นอนว่าเมื่อโทกาชิได้ยินดังนั้น เขาก็รู้สึกโกรธรุโมอิ เขาไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลยเพราะรุโมอิอยู่ในร่างของจิโตเสะ

    และทันใดนั้นเอง รุโมอิก็ได้มาจูบโอกาชิ และนี่คือการจูบครั้งแรกของพระเอกในเรื่อง และเวลาเดียวกันนั้นเองทันเกะก็ได้เข้ามาเห็นภาพนี้พอดี ทันเกะที่แอบชอบโทกาชิเหมือนกัน ได้เห็นภาพดังกล่าวก็นึกว่าโทกาชินั้นรักจิโตเสะ เขาจูบเธอ แสดงว่าทั้งสองเป็นแฟนกัน

    แน่นอนว่าโทกาชิรู้ตัวดีกว่าทันเกะอยู่ตรงนั้น เขาพยายามอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ทันเกะได้หนีออกจากงานเทศกาลโดยไม่หันกลับไปอีกเลย  

    เล่ม 3 จบลงอย่างน่าตะลึง เพราะไม่ได้จบแบบโรแมนติกหรือความสุขเหมือนเล่มที่ผ่านมา แต่กลายเป็นดราม่าความรัก  เจ็บปวด รวมไปถึงการเปิดตัวจอมมารรุโมอิที่เหมือนจะเป็นประเด็นในเล่มที่ 4 และนั่นเองทำให้ก๊วนกลับบ้านกลายเป็นนิยายที่น่าติดตามมากขึ้น

    สำหรับเล่ม 4 ก๊วนกลับบ้านนี้ ค่อนข้างมีอารมณ์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นดราม่าแบบเครียดๆ (ไม่ถึงขั้นปวดตับ), โรแมนติก, ความอึดอัด, หดหู่, ไปจนถึงความวิปริต!! และจบลงด้วยความซาบซ่า!! ฮาเร็ม!!

    ผมเชื่อว่า ใครที่เบื่อเล่ม 1-2 เพราะคิดว่าเป็นนิยายที่ไม่แปลกใหม่อะไร  เนื้อหาเนิ่บๆ ไม่มีตัวร้าย ไม่มีบทเครียดๆ เนื้อหาจนชวนง่วงนี้ หากใครได้มาอ่านสปอยเล่ม 4 คงซื้อต่อแน่นอน เพราะต่อจากนี้นิยายเริ่มมีเนื้อหาที่น่าติดตามและเริ่มแปลกแหวกเส้นทางไป ซึ่งผมก็เช่นกัน หลังที่อ่านสปอยเล่ม 4 ก็ติดตามก๊วนกลับบ้านอีกครั้ง หลังจากร้างไปนาน


     

    เล่ม 4 เนื้อหาหดหู่ครับ อารมณ์ต่างจากอารมณ์ปกอย่างกับฟ้ากับเหว


                   สำหรับเล่มที่ 4 ยังคงเน้นเรื่องรุโมอิเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นโทรมาป่วนทันเกะ ว่าเป็นแฟนของโทกาชิ และห้ามมายุ่งกับโทกาชิอีก และนั้นทำให้ทันเกะเสียใจ และเกลียดจิโตเสะมาก

    อย่างไรก็ตาม เนื้อหายังเน้นชั่วโมงกลับบ้านเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าคราวนี้โทกาชิหนุ่มผู้ชื่นชอบกลับบ้าน ได้กลับบ้านกับรุโมอิ (ในร่างของจิโตเสะ) ตามลำพังสองต่อสอง ในช่วงเวลากลางคืน (จนเกือบเที่ยงคืน)

    โทกาชิเริ่มรู้สึกตัวตนของรุโมอิมากยิ่งขึ้น ว่าเธอไม่ใช่นางมารร้ายอย่างที่คิดเอาไว้ตอนแรก และเธอก็ไม่ใช่บุคลิกคนที่สองของจิโตเสะเมื่อโทกาชิพยายามคาดคั้นถามเธอว่า ตกลงแล้วเธอเป็นใครกันแน่ และนั่นเองทำให้รุโมอิจำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเธอ อันแสนเศร้า และหดหู่ เพราะสิ่งที่เธอทำทั้งหมดก็เพื่อปกป้องจิโตเสะ

    รุโมอิได้เล่าว่า ความจริงแล้ว ครั้งหนึ่งเธอเป็นเด็กสาวธรรมดา หากแต่ในระหว่างอยู่ชั้นประถมนั้น ในช่วงเวลากลับบ้านเธอถูกฆาตกรโรคจิตไล่แทง (ซึ่งภายหลังนั้นฆาตกรคนนี้ได้กลายเป็นฆาตกรต่อเนื่อง)  จนเธออาการสาหัส หากแต่ไม่ตาย แต่มันก็ทำให้เธอก็กลายเป็นคนป่วยในสภาพผัก (เจ้าหญิงนินทา) โดยที่จนบัดนี้ไม่มีทีท่าจะตื่น

    ระหว่างที่เธอหลับแบบเจ้าหญิงนินทานั้น ได้เกิดเรื่องไม่น่าเชื่อขึ้น เมื่อเธอสามารถถอดจิตเข้าไปยังสมองเด็กสาวที่ถูกฆาตกรต่อเนื่องจ้องเล่นงานได้ ซึ่งรุโมอิสามารถสื่อสาวพูดคุย และสามารถควบคุมร่างของเด็กสาวคนนั้นได้ ซึ่งที่ผ่านมาจิตของเธอเข้าไปยังสมองของผู้หญิง 4 คนรวมทั้งจิโตเสะ ซึ่งรุโมอิพยายามที่จะปกป้องพวกเธอจากฆาตกรที่ทีร้ายเธอมาตลอด

    แต่สุดท้ายรุโมอิก็ไม่สามารถปกป้องพวกเธอได้ ยกเว้นจิโตเสะ ทุกคนถูกฆ่าหมด และอีกนัยหนึ่งรุโมอิต้องพบความตายหลายครั้งในร่างของเด็กสาวคนอื่น เหลือเพียงจิโตเสะคนเดียวเท่านั้น ที่ฆาตกรไม่ได้ฆ่าเธอ และมันพยายามจ้องที่เล็งฆ่าจิโตเสะมาตลอด

    รุโมอิจึงจำเป็นต้องปกป้องจิโตเสะอีกครั้ง และสาเหตุที่รุโมอิใช้ร่างของจิโตเสะก็เพื่อทดสอบโทกาชิว่าเขาจะสามารถช่วยเหลือเธอปกป้องจิโตเสะได้หรือไม่ และเธอจำเป็นต้องให้จิโตเสะรับบทนางมารร้ายเพื่อกันทันเกะเพื่อไม่ให้ฆาตกรทำร้ายทันเกะอีกคน

                    แน่นอนว่าในมุมมองของโทกาชิ สงสารรุโมอิจับใจ  หลายปีที่ผ่านมารุโมอิพบแต่เรื่องร้ายๆ มามาก ช่วงเวลากลับบ้านแทนที่จะเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข กลับกลายเป็นช่วงเวลาฝันร้ายของรุโมอิ และผู้หญิงหลายคน เพราะฆาตกรต่อเนื่องเพียงคนเดียว

                    โทกาชิพยายามช่วยเหลือรุโมอิ ด้วยการแกล้งเป็นแฟนกับจิโตเสะ เพื่อกันทันเกะและซาคิปโปะ และทำให้คนทั้งโรงเรียนหันสนใจเพื่อไม่ให้ฆาตกรลงมือสะดวกด้วย นอกจากนี้โทกาชิพยายามตามหาตัวฆาตกร ซึ่งรุโมอิจำได้เพียงโครงร่างหน้าตาฆาตกรแบบคร่าวๆ เท่านั้น แต่โทกาชิยังเชื่อว่าฆาตกรน่าจะเป็นเด็กในโรงเรียนเดียวกับเขา

                    ในช่วงท้ายของนิยายเล่ม 4 มีเรื่องเซอร์ไพร์นิดหน่อย ตรงที่เรื่องราวได้เปิดเผยตัวฆาตกรต่อเนื่อง ตัวร้ายของเรื่อง นั่นคือรุ่นพี่ชื่อ “ฮิงาชิคางุระ โทมะ” ที่พึ่งย้ายมาใหม่ ทั้งๆ ที่หน้าตาดีและฉลาดเฉลียว แต่ความจริงแล้วจิตใจวิปริตสิ้นดี

                    ในช่วงท้ายเล่ม 4 มีการบรรยาย โดยมุมมองฆาตกรต่อเนื่อง ชนิดไล่ตั้งแต่ทำร้ายรุโมอิ ฆ่าเหยื่ออย่างละเอียดยิบ  ไล่ตั้งแต่ประวัติที่ดีเลิศ หน้าตาดี สาวๆ ต่างหลัง แต่สิ่งที่หมกมุ่นคือเรื่องเพศ ที่เชื่อว่าการสำเร็จความใคร่ด้วยการแทงผู้หญิงที่น่ารักนั้น มันเหมือนกับจุดสุดยอดแบบชักว่าว มีดเป็นตัวแทนของอวัยวะเพศสำหรับมัน การแทงผู้หญิงคือการมีเพศสัมพันธ์ มันชอบแทงเหยื่อสาวน้อยน่ารักในช่วงเวลากลับบ้านหลังเลิกเรียน และเมื่อฆ่าเหยื่อแล้วก็จะถ่ายรูปเก็บเอาไว้ในคอมเพื่อสำเร็จความใคร่ต่อไป ฆาตกรเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้คือความรัก เหยื่อที่เขาฆ่านั้นคือคนรักของตน

    ตรงจุดนี้นิยายบรรยายได้ดีมาก เพราะได้อารมณ์เหมือนกับฆาตกรโรคจิตและชั่งช้าสันดานหยาบจริงๆ และไม่น่าเชื่อเลยว่านี่คือเรื่องเดียวกับก่อนหน้า

                    แน่นอนว่าฮิงาชิคางุระเล็งจิโตเสะเอาไว้ ชนิดว่าทั้งๆ ที่มันอยู่เมืองอื่น ก็ย้ายมาเรียนที่เดียวกับจิโตเสะเพื่อจ้องฆ่าเธอโดยเฉพาะ หากแต่ตอนนี้ฆาตกรได้แต่ดูลาดเลา เพราะจิโตเสะมักกลับบ้านพร้อมกับเพื่อนๆ และเขาก็มองโทกาชิเป็นคู่แข่งความรัก (มันคิดไปเอง)

                    ฮิงาชิคางุระได้เข้าไปตีสนิททันเกะ เพื่อที่จะให้มันเข้าใกล้จิโตเสะ (อีกทั้งหุ่นทันเกะน่าแทงมีดอีกด้วย) แต่ทันเกะไม่สนคนฮิงาชิคางุระสักไหร่ แต่ก็คิดจะใช้ประโยชน์ฮิงาชิคางุระเพื่อให้โทกาชิสนใจตนอีกครั้ง  และเมื่อโทกาชิเห็นหน้าฮิงาชิคางุระ โทกาชิก็รู้สึกได้ว่าฮิงาชิคางุระก็คือฆาตกรต่อเนื่องที่ทำร้ายรุโมอิ และฆ่าหญิงสาว 4 ศพแน่นอน และมันกำลังเล็งทันเกะ และซาคิปโปะเป็นเหยื่อของมัน

                    และนั่นเองทำให้โทกาชิตั้งใจปกป้องก๊วนกลับบ้านจากอันตราย ไม่ให้ฮิงาชิคางุระเข้าใกล้ ด้วยการตะโกนต่อหน้าทันเกะจนคนรอบข้างว่า

                    “ทันเกะอย่ากลับบ้านกับชายอื่นนอกจากผมได้ไหม ผมน่ะ ทั้งจิโตเสะ ทั้งทันเกะ และซาคิปโปะเป็นผู้หญิงของผม ผมจะไม่ยอมให้ผู้ชายคนอื่นแตะต้องหรอก!!

                    โทกาชิประกาศว่าจะฮาเร็ม ท่ามกลางความตกตะลึงคนทั้งโรงเรียน เป็นอันจบเล่ม 4 เอาไว้เท่านี้ จนหลายคนต้องติดตามต่อเล่ม 5 ซึ่งเป็นเล่มจบของนิยายเรื่องนี้

     

    เล่ม 5 คราวนี้ก็จบอย่างมีความสุขตรงตามหน้าปกสักที

     

    ผมคงไม่ขอเล่าเรื่องย่อของนิยาย ก๊วนกลับบ้านเล่ม 5 ซึ่งเป็นเล่มจบ แต่หากจะพูดถึงความรู้สึกของนิยายเล่ม 5 แล้วละก็ “ไม่ผิดหวัง”  

    ก๊วนกลับบ้าน เป็นอีกนิยายหนึ่งที่ทำให้หลายคนกลับไปคิด ว่าบางครั้งนิยายอาจไม่ได้ตัดสินในเล่มแรกๆ หรือเล่มสอง เพราะบางครั้งนิยายบางเล่มเนื้อหาจริงๆ จังจะเริ่มเล่มถัดมา อย่างก๊ซนกลับบ้านเป็นต้น ที่เล่ม 1-2 เนิ่บ แต่ความจริงแล้วเล่มต้นๆ คือการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพระเอกกับพวกสาวๆ ให้ตัวละครมีตัวมีตนขึ้น  เมื่อผ่านไปเล่ม 3-5 ก็จัดเต็มเรื่องราวที่แท้จริง

    สำหรับก๊วนกลับบ้าน เล่ม 5 ออกมาไม่นานหลังจากเล่มที่ 4 วางแผง (ในญี่ปุ่นกว่าเล่ม 5 ออกก็เกือบปี และคนญี่ปุ่นเองก็รออย่างจดจ่อเลยทีเดียว)

     ซึ่งนิยายเล่ม 5 มีราคาถึง 170 บาท เพราะมีจำนวนหน้ามากกว่า 300 หน้า ถึงจะหนากว่านิยายไลท์โนเวลทั่วๆ ไป แต่ขอบอกได้เลยว่าอ่านแล้ววางไม่ลง สนุก คุ้มค่าที่ติดตามมานาน เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นซาบซ่า ความหดหู่  ตื่นเต้น  ก่อนที่จะจบแบบมีความสุข และเซอร์ไพร์เล็กๆ กับฮาเร็มของโทกาชิ

    ไฮไลท์เรื่องนี้อาจอยู่ที่การเล่าประสบการณ์โหดร้ายของรุโมอิ กับการเผชิญหน้าระหว่างพระเอกกับฆาตกรต่อเนื่อง แต่ก็ตามสิ่งที่สุดยอดเรื่องนี้ที่สุดคือบทบาทของตัวละครหญิงคนอื่นๆ ในก๊วนกลับบ้านนั้นแสดงได้คุ้มค่ามากๆ  ไม่ว่าจะเป็น จิเสะ, ทันเกะ หรือแม้แต่ ซัปคาโปะ ชนิดว่าไม่มีใครด้อยกว่ากันเลย พูดง่ายๆ ว่าอ่านเล่ม 5 แล้วก็ชอบทุกตัวละคร (หญิง) ในเรื่องจริงๆ

    ส่วนโทกาชิ เองก็แสดงความเป็นพระเอกมากๆ  ที่ปกป้องสาวๆ จากฆาตกรแบบสุดฤทธิ์สุดเดช แต่สิ่งที่สุดยอดคือ การที่โทกาชิแสดงให้ฆาตกรเห็นว่า เขาเหนือกว่าทุกด้าน โดยเฉพาะความรักที่มีแต่ให้กับพวกสาวๆ

    ฆาตกรคิดว่าความรักของเขาที่มีต่อพวกหญิงนั่นคือการมีเพศสัมพันธ์ การใช้มีดแทงคือความสุขของเขา แค่ความคิดนี้ถูกพังทลายยับเยินเมื่อพระเอกแสดงฆาตกรเห็นว่า ความสัมพันธ์ต่างเพศที่แท้จริง คือการเป็นเพื่อน ยอมรับข้อเสียของอีกฝ่าย แม้จะเป็นเพศตรงข้าม ก็สามารถเข้าใจได้ ทุกคนมีความสุข เขาก็มีความสุข

    พระเอกโทกาชินั้นมองผู้หญิงในก๊วนกลับบ้าน ไม่ใช่ในแง่เรื่องเซ็กต์ แบบชายหญิง แต่เขามองทุกคนเป็นเพื่อนที่สำคัญ ที่ขาดไม่ได้ หากไม่มีพวกเธอ เขาคงไม่มีประสบการณ์ที่กลับบ้านที่ดีทุกวันนี้  โทกาชิปกป้องพวกเธอ ชนิดว่ายอมแลกกับชีวิตของเขาเลย

    หากเราได้อ่านนิยายเล่ม 1-4 จะพบว่าโทกาชิแทบไม่มีข้อเสียอะไรเลย เขาเป็นพระเอกที่ดี เขาไม่เคยทำผู้หญิงร้องไห้เสียใจ  หรือแสดงความน่ารังเกียจให้เห็น มีอยู่ฉากหนึ่งที่ผมประทับใจกับโทกาชิมาก คือในตอน “คิดเดทแลนหลังเลิกเรียน” (บทที่ 4 เล่ม 2 ) โทกาชิต้องเล่นเกมจีบสาวกับกลุ่มสาวๆ ในก๊วนกลับบ้าน  ตามบทของทันเกะ ทั้งๆ ที่โทกาชิไม่มีเงินสำหรับเดทเลย เงินที่มีอยู่ตอนนี้เขาจะคิดซื้อร้องเท้าใหม่ แต่โทกาชิพยายามทำตัวไม่มีปัญหา พยายามมีส่วนร่วม ไม่บ่นเรื่องเงิน ในตอนท้ายโทกาชิก็ได้ใช้เงินที่ว่าเลี้ยงพวกสาวๆ เพราะเขาคิดว่าจะแสดง และสุดท้ายพวกสาวๆ ก็ตอบแทนน้ำใจของโทกาชิด้วยการช่วยออกเงินซื้อรองเท้าให้เป็นของขวัญกับเขา

    นี่คือสิ่งดีๆ ของการให้ หากเราทำดีให้แก่ใคร ความดีนี้ก็จะได้รับการตอบแทนในอนาคต

    สุดท้ายตอนจบของเรื่องหลายคนอาจตีความว่าจบค้างคา แต่สำหรับผมแล้วมันคือจบฮาเร็ม!! สาเหตุที่ผมคิดอย่างงั้นก็เพราะโทกาชิก็สามารถทำตามที่เขาลั่นวาจาเอาไว้ นั่นคือเขาชอบทั้ง จิโตเสะ, ทันเกะ และซัปคาโปะ (และรุโมอิ) เพียงแต่ความรู้สึกความรักของโทกาชินั้นคือเพื่อนคนสำคัญ เพื่อนที่เขายอมตายแทนได้ เพื่อให้พวกเธอปลอดภัย และใช้ชีวิตหลังกลับบ้านอย่างมีความสุข

    ผมคิดว่าตอนจบแบบนี้ เป็นตอนจบที่ดี คุ้มค่า  จบฮาเร็มไม่ใช่การแต่งงานหมู่เสมอไป แต่เป็นการจบที่แสดงให้เห็นว่าทุกคนมีความสุข และยังมีความหวังในความรักทุกคน อย่างน้อยพวกสาวๆ ก็สามารถเปิดเผยความในใจที่มีต่อโทกาชิหมดแล้ว  

    แน่นอนว่าในด้านความรักที่สาวๆ รักโทกาชินั้น อาจไม่ได้บทสรุปว่า สรุปแล้วโทกาชิรักใครที่สุดกันแน่ เพราะโทกาชิไม่ได้คิดพวกเธอเป็นแฟน แต่เป็นเพื่อน แต่กระนั้นพวกสาวๆ ก็ไม่ได้เร่งให้โทกาชิตอบคำถามนี้ เพราะหากโทกาชิรักใครคนหนึ่ง ก๊วนกลับบ้านคงพักยับเยินเป็นแน่ ดังนั้นพวกสาวๆ จึงคิดว่าให้ความสัมพันธ์แบบนี้เหมือนวันที่ผ่านมาจะดีกว่า

    ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้นิยายหลายเรื่องจบแบบนี้ครับ อย่างน้อยก็สามารถจิ้นต่อยอดอะไรได้ โดยเฉพาะ “ชมรมไร้เพื่อน” ผมว่าคงมีความสุขแน่ๆ ที่ได้เห็นตัวละครในเรื่องกลับบ้านด้วยกัน และทุกคนสนิทกันเป็นเพื่อนรักกัน ซึ่งผมก็ไม่รู้จะได้เห็นฉากจบที่ว่าหรือเปล่า

     

    สรุปแล้วก๊วนกลับบ้านเป็นนิยายที่สนุก ซาบซ่าอีกเรื่องหนึ่ง คุ้มค่าในการติดตาม มันอาจจะเนิ่บๆ ในช่วงแรก  แต่ถ้าช่วงหลังติดตามแบบวางไม่ลงเลยทีเดียว

     

     





     

     

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×