ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #252 : (สปอย Danganronpa) จุนโกะ โหด เลว ดี !???

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 13.24K
      14
      25 ก.ย. 59

     

    สำหรับใครสับสนการเรียงลำดับเนื้อเรื่อง Dangan Ronpa ซึ่งมีหลายภาค ไม่ว่าจะเป็นนิยายและเกม (ส่วนมังงะนั้นไม่นับ) ดังนั้นจึงรวบรวม (เฉพาะเท่าที่มีในตอนนี้ )

    Dangan Ronpa Kirigir – เป็นนิยาย (ยังไม่มีลิขสิทธิ์ในไทย มี 2 เล่มจบ) เป็นช่วงทึ่คิริกิรินางเอกยังไมได้เข้าโรงเรียนฆาตกร และไม่ได้เจอนาเอกิ โดยเนื้อหาเป็นเรื่องของเธอเป็นนักสืบดาวรุ่งอยู่

    Dangan Ronpa/Zero Characters เป็นนิยาย  (ยังไม่มีลิขสิทธิ์ในไทย มี 2 เล่มจบ) โดยเนื้อหาหลักๆ คือจุนโกะได้ทำการยึดโรงเรียน กำจัดคนที่เกี่ยวข้องที่มาขัดขวางจนหมด รวมไปถึงทดลองล้างความทรงจำกับ.......

                    Dangan Ronpa: Academy of Hope and High School Students of Despair – เป็นเกมภาคแรกและภาคหลักของ Dangan Ronpa ซึ่งพระเอกคือนาเอกิที่ต้องมาเล่นเกมหาฆาตกรอยู่ในหมู่เพื่อน โดยมีหมีสองสีเป็นเจ้าภาพ

    Dangan Ronpa IF –เป็นนิยาย ซึ่งเป็นโลกคู่ขนานไม่ผิดนัก โดยเนื้อหาเริ่มต้นจากฉากมุคุโร่ (ที่ปลอมตัวเป็นจุนโกะ) กำลังโดนหอกแหลมจำนวนมากทิ่งแทง หากแต่เธอไม่ตาย เพราะนาเอกิช่วยเอาไว้ แต่นาเอกิได้รับบาดเจ็บแทน

                    Zettai Zetsubou Shoujo - Dangan Ronpa Another Episode –เป็นเกมที่คั่นระหว่างภาคแรกและภาคสอง โดยเนื้อหาเกี่ยวข้องกับน้องสาวของนาเอกิที่รอดชีวิตจากภัยพิบัติความสิ้นหวัง และต่อสู้กับหมีสองสีเพื่อเอาชีวิตรอดและตามหาพี่ชาย (เนื้อหายังไม่เปิดเผยแน่ชัด)

    Super Dangan Ronpa 2: Farewell Despair Academy เป็นเกมภาค 2 ซึ่งเนื้อหาสืบเนื่องมาจากภาคแรก ซึ่งเปลี่ยนตัวเอกและสถานที่จากโรงเรียน มาเป็นเกาะทางใต้แทน  (ปัจจุบันกำลังรอประกาศทำเป็นอนิเมะอย่างเป็นทางการเท่านั้น)


               Danganronpa หลังจากที่เขียนถึงตัวละครที่ชื่อไมโซโนะไว้ที่ http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=125456&chapter=249 ไปแล้ว

    Danganronpa แม้ว่าเกมจะมีตัวละครมากมาย แต่เพราะการออกแบบและนิสัยทำให้ตัวละครนั้นมีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร หลายคนคงอวยพระเอก (นาเอกิ) และนางเอก (คิริกิ) แล้ว ยังมีอีกหนึ่งในตัวละครหนึ่งที่นิสัยค่อนข้างแปลกประหลาด หลายคนอาจไม่ได้สังเกต เพราะตัวละครที่ว่าก็คือ “เอโนะชิมะ จุนโกะ”

     

     

    เอโนะชิมะ จุนโกะ (Enoshima Junko)

     

                    เอโนะชิมะ จุนโกะอาจเป็นตัวละครที่หลายคนไม่จดจำในตอนแรก (หากใครไม่อ่านสปอยมาหรือเดาได้แล้ว) เพราะเธอถูกฆ่าตายอย่างรวดเร็วแทบไม่มีบทด้วยซ้ำ  อย่างไรก็ตาม หลังจากเนื้อเรื่องดำเนินเรื่องจนถึงช่วงไคแม็กซ์ในช่วงท้ายเปิดเผยว่า จุนโกะ นั้นยังมีชีวิตอยู่ ซ้ำเธอยังลาสต์บอสอีกด้วย โดยเธอเรียกตนเองว่า สุดยอดนักเรียนมัธยมปลายแห่งความสิ้นหวัง!!

                   เรื่องของจุนโกะนั้นค่อนข้างซับซ้อนมากกว่าหลายคนคิดเอาไว้ จุนโกะถือว่าเป็นตัวละครที่เรียกว่าเป็นลาสต์บอสของ Danganronpa ทั้งสองภาค (ในขณะนี้) ฉากหน้าเป็นสุดยอดนักเรียนมัธยมปลายแฟชั่น หากแต่ฉากหลังจริงๆ แล้วเธอเป็นผู้ก่อตั้ง สุดยอดโรงเรียนปลายแห่งความสิ้นหวัง” ( Super High School Level Despair) องค์กรที่สร้างความสิ้นหวังแก่มนุษย์ชาติ และเป็นคนบงการหมีสองสีบีบบังคับให้เพื่อนของเธอฆ่ากันเองในเกมแห่งความตาย

                   จุนโกะค่อนข้างเป็นตัวละครที่แปลกประหลาด ประหลาดจนผมเองก็ไม่สามารถตีความกับการกระทำของเธอได้ (นอกเสียจากนิยามคำว่า บ้า”)  อย่างแรกเลยคือจุนโกะนั้นค่อนข้างแตกต่างจากผู้บงการเกมแห่งความตายจากการ์ตูน (และนิยายหลายเรื่อง) หลายเรื่อง เพราะปกติแล้วผู้บงการเกมแห่งความตายส่วนใหญ่แล้วมักมีประวัติชีวิตในอดีตที่เลวร้าย มีความทุกข์ทางจิตใจ แต่สำหรับจุนโกะแล้วเธอออกไปทางโรคจิตบริสุทธิ์เสียมากกว่า เธอเป็นแบบนี้ไม่ได้เกิดจากการเลี้ยงดูของครอบครัว หรือสภาพแวดล้อมใดๆ ทั้งสิ้น

     

     

    ใครจะเชื่อล่ะว่าคาแร็คเตอร์แบบนี้คือลาสต์บอส

     

                    นอกจากนี้คาแร็คเตอร์ของจุนโกะ (ไม่ว่านิสัยหรือการแต่งตัว) ค่อนข้างแตกต่างจากลาสต์บอสจอมบงการเกมแห่งความตายเป็นอย่างมาก เพราะพูดถึงจอมบงการเกมแห่งความตายก็จะเป็นพวกอัจฉริยะน่ากลัว เยือกเย็น มีคาแร็คเตอร์เป็นผู้นำ แต่จุนโกะออกไปในทางลูกบ้ามากกว่า และคาแร็คเตอร์ของเธอในตอนแรกหากให้พูดตรงๆ ว่าคาแร็คเตอร์ของเธอเป็นสาวใจกล้าที่สมควรตายตั้งแต่แรกอย่างยิ่ง 

                    ดูเหมือนจุนโกะเปรียบเทียบ (ล้อเลียน) ตนเองเหมือน ดิโอ แบรนโด จากเรื่อง  เห็นได้จากตอนปรากฏตัวจุนโกะโพสท่าเหมือนดิโอ มีบางฉากมีบางประโยชน์ที่เธอพูดคล้ายๆ ว่า “เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์” รั่วแบบปืนกล ซึ่งประโยคเด็ดของดิโอ

                   เราแทบไม่รู้ประวัติชีวิตของจุนโกะ รู้แต่ว่าจุนโกะนั้นเริ่มต้นอาชีพเป็นนางแบบ (เป็นความใฝ่ฝันตั้งแต่เด็ก)  ด้วยพรสวรรค์ ความสวยทำให้เธอกลายเป็นไอดอล โด่งดังอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นขวัญใจของประชาชน ทางด้านนิสัยของเธอนั้นเป็นคนฟุ่มเฟือย รักสวยรักงาม แต่เป็นคนกระตือรือร้นชอบลองสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ

                   อย่างไรก็ตาม จุนโกะนั้นมีด้านมืดอย่างหนึ่งที่น่ากลัว คือเธอเป็นคนเป็นอารมณ์แปรปรวนหลายขั้ว เห็นได้จากในเกม จุนโกะมีหลากหลายอารมณ์มาก เรียกได้ว่าเธอบ้าก็ว่าได้ คือเธอเปลี่ยนอารมณ์บ่อยมาก เดี๋ยวก็โมโห เดี๋ยวก็หัวเราะ เดี๋ยวก็ทำตัวน่ารัก เดี๋ยวก็เศร้า ไม่รู้ว่าทำไมจุนโกะถึงเป็นแบบนี้ อาจเป็นเพราะเก็บกด เครียดจากการงานก็ไม่รู้ จุนโกะเป็นทุกข์จมอยู่กับความสิ้นหวัง จนความสิ้นหวังได้กลายเป็นอารมณ์ที่สนุกของเธอชอบ

                   แม้จุนโกะบ้า แต่จุนโกะก็ไม่ได้โง่ จุนโกะฉลาดทีเดียว จากที่เราเห็นในเกม (และอนิเมะ) เห็นว่าจุนโกะเก่งคอมพิวเตอร์สามารถควบคุมหมีสองสี (แต่จุนโกะไม่ได้อัจฉริยะเรื่องโปรแกรมเมอร์ เพราะเธอแพ้ให้กับ AI ของฟูจิซากิ จิฮิโระ) อีกทั้งยังมีศิลปะการจูงใจคน (สาวกองค์กรของเธอเทิดทูนบูชาดั่งศาสดา) สามารถใช้งานคนอื่นอย่างเชี่ยวชาญและหากหมดประโยชน์เมื่อไหร่ จุนโกะจะหักหลังแบบเลือดเย็นแม้แต่พี่สาวแท้ๆ ที่เทิดทูนตนเองก็ไม่ล่ะเว้น และนอกจากนี้จุนโกะยังดึงด้านมืดของคนอื่นออกมาได้อย่างง่ายดาย

     หากให้จุนโกะเทียบตัวละครจอมวายร้ายสักตัว ผมนึกถึง “โจ๊กเกอร์” จากเรื่อง Batman เสียด้วยซ้ำ ความบ้าของจุนโกะหากเทียบกับโจ๊กเกอร์ คือเป็นคนที่เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องสนุกโดยเฉพาะความตาย ความกลัว ความโกลาหล และชอบสร้างความปั่นป่วน ความชั่วร้ายนี้แหละคือความเหมือนกันระหว่างจุนโกะและโจ๊กเกอร์

    จุนโกชอบความสิ้นหวัง เพราะคิดว่ามันสนุก อย่างที่เธอพูดต่อหน้าพวกนาเอกิว่า "เธอเป็นแบบนี้ตั้งแต่ออกท้องพ่อท้องแม่แล้ว"  เธอชอบความสิ้นหวังมากๆ   อยากแบ่งปันความสนุกนี้ให้แก่โลกใบนี้บ้าง เธอเลยก่อตั้งองค์กร “สุดยอดโรงเรียนปลายแห่งความสิ้นหวัง” (SuperHigh School Level Despair) องค์กรที่มีเป้าหมายคือให้โลกเกิดความสิ้นหวัง (บทบาทองค์กรนี้จะโดดเด่นในเกมภาคที่ 2 ซึ่งผมไม่ขอพูดถึงน่ะครับ)

     

     

    จุนโกะและพี่สาว

     

    จุนโกะมีพี่สาวฝาแฝดอยู่คนหนึ่งชื่อ “มุคุโร่” (ไม่เหมือนน้องสาวตรงที่นมแบนกว่า และหน้ามีฝ้า ผมบ็อบสีดำ และมือขวามีรอยสักรูปหมาป่า “Fenrir” อันเป็นสัญลักษณ์ทหารรับจ้างที่เธอสังกัด) เก่งทั้งกายและสมอง แต่มุคุโร่เป็นคนเงียบๆ พูดกับคนอื่นไม่เก่ง (ในขณะที่น้องสาวพูดเป็นต่อยหอย)  

    แน่นอนเช่นกันว่าไม่มีข้อมูลมากนักว่าสองพี่น้องถูกเลี้ยงดูอย่างไรถึงได้เป็นแบบนี้ แต่ที่แน่ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างจุนโกะและพี่สาวนั้น ไม่ได้เป็นแบบพี่น้องรักใคร่ จุนโกะไม่ได้รักพี่สาว ซ้ำยังมองพี่สาวเป็นเพียงแค่เครื่องมือที่หากหมดประโยชน์ก็จะกำจัดทิ้งอย่างไร้เยื่อใย ในขณะที่มุคุโร่รักและให้ความเคารพต่อน้องสาวมาก ทำตามคำสั่งทุกอย่างตามที่น้องสาวสั่ง แต่สิ่งที่ทำไม่ใช่ต้องการความสิ้นหวังตามจุดประสงค์ของน้องสาว เพียงแต่อยากให้น้องสาวรักตน ให้ความสำคัญกับตนมากเท่านั้น (พูดง่ายๆ เหมือนโจ๊กเกอร์กับควีนยังไงบอกไม่ถูก)  

    ในระหว่างที่จุนโกะและพรรคพวกกำลังดำเนินแผนการของตนอย่างเงียบๆ ช่วงเวลาเดียวกันนั้น จิน คิริกิริ (พ่อของคิริกิ) ได้ก่อตั้ง คิโบกามิ “สุดยอดสถาบันการศึกษาแห่งความหวัง” (ซึ่งเขาเป็นอาจารย์ใหญ่) โรงเรียนมัธยมปลายกินนอนพิเศษ ที่ไม่ได้มีไว้ให้นักเรียนทั่วไปเข้าเรียน หากแต่จะทำการคัดเลือกนักเรียนสุดยอดเชี่ยวชาญในสาขานั้นๆ เข้าเรียน  ซึ่งใครที่เข้ามาเรียนจะได้รับประกันว่าหากจบไปก็จะประสบความสำเร็จในอนาคต และนักเรียนที่เข้าเรียนจะได้รับชื่อ “สุดยอดนักเรียนมัธยมปลาย” และต่อด้วยความสามารถพิเศษของนักเรียนคนนั้นขึ้นต้น

    ตอนแรกโรงเรียนแห่งนี้คือการรวบรวมนักเรียนที่มีพรสวรรค์ หากแต่ปีถัดมาเกิดสิ่งที่เรียกว่า "ภัยพิบัติแห่งความสิ้นหวัง" ที่คนบนโลกฆ่าตัวตายและฆ่ากันเอง ซึ่งทั้งหมดเป็นฝีมือของจุนโกะและน้องสาว (และสาวก) ทำให้จุดประสงค์เปลี่ยนไปคือการปิดตายโรงเรียน และปกป้องนักเรียนที่มีพรสวรรค์ จากโลกภายนอกที่แสนเลวร้าย และหวังว่าในอนาคตนักเรียนเหล่านี้จะสามารถแก้ไขโลกที่สิ้นหวังนี้ให้กลับมามีความหวังได้

    อย่างไรก็ตาม ครูใหญ่ไม่ได้คิดไว้ว่าหนึ่งในบรรดานักเรียนที่ได้รับเลือกนั้นมีต้นเหตุอยู่ด้วยนั้นคือจุนโกะและพี่สาวของเธอ จุนโกะได้รับชื่อ “สุดยอดนักเรียนมัธยมปลายนางแบบแฟชั่น”, ส่วนมุคุโร่ได้รับชื่อ “สุดยอดนักเรียนมัธยมปลายทหารรับจ้าง” ที่นั้นเธอก็พบกลุ่มเพื่อนสุดยอดในสาขาต่างๆ และเธอกับพี่สาวก็ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมาพักหนึ่ง ทั้งเรียน ทั้งเล่น ทั้งทำกิจกรรม นานถึงสองปี

    หากแต่ จุนโกะไม่ได้ต้องการชีวิตมัธยมปลายที่แสนสงบสุขแบบนี้แต่อย่างใด สิ่งที่เธอต้องการคือความสิ้นหวัง  และเธอก็มองเห็นที่จะสร้างโลกแห่งความสิ้นหวังในแบบของเธอ นั้นเองเมื่อมีโอกาสจุนโกะและพี่สาวก็จัดการควบคุมโรงเรียนทั้งหมด เปลี่ยนโมโมะคุมะ (หมีสองสี) ที่ตอนแรกเป็นหุ่นรักษาความปลอดภัยในโรงเรียน มาเป็นพวกของเธอ และจัดการฆ่าจิน คิริกิริอย่างโหดเหี้ยม

    เนื้อหาที่จุนโกะทำอย่างไรถึงยึดโรงเรียนรวมไปถึงการล้างสมอง อยู่ในนิยาย Dangan Ronpa/Zero ซึ่งเนื้อหาเป็นเรื่องราวเกิดขึ้นก่อน Dangan Ronpa  โดยนิยายนี้แสดงถึงความฉลาดน่ากลัวและความบ้าของจุนโกะได้เป็นอย่างดี ทั้งหลอกใช้คนอื่น หมดประโยชน์ก็ฆ่าทิ้ง รวมทั้งเอาตัวเองมาทดสอบการทดลองลบความจำอีกด้วย

                หลังจากจุนโกะจัดการกับคุณครูใหญ่ของโรงเรียนไปแล้ว เธอก็เริ่มเกิดความคิดที่จะจัดเกมแห่งความตายขึ้น อันเป็นที่มาของ Dangan Ronpa   (คงอยากให้สิ้นหวังทั่วทุกแห่งทั้งข้างนอกและข้างในโรงเรียนด้วย)

     

    จุนโกะโพสท่าของดีโอ

     

    จุนโกะ ทำการปิดเข้าออกโรงเรียนทุกเส้นทาง (ความจริงมันปิดแต่แรกแล้ว)  และจัดการล้างสมองเพื่อนของเธอทั้ง 14 คน โดยให้ทุกคนจำได้แค่ว่าทั้งหมดไม่รู้จักกันมาก่อน และพึ่งเข้าโรงเรียน ก่อนถูกนำมากักขัง  โดยไม่รู้เรื่องราวก่อนหน้านี้แต่อย่างใด

                   เนื่องจากจุนโกะทำงานอยู่เบื้องหลัง และต้องควบคุมหมีสองสีที่เปรียบเสมือนตัวคุมเกม ทำให้ไม่สามารถเข้าไปปะปนกลุ่มเพื่อนของเธอได้ ดังนั้นเธอจึงสั่งให้มุคุโร่ปลอมเป็นเธอ แล้วเข้ามาในกลุ่มแทนที่เธอ ส่วนตัวตนมุคุโร่ก็จัดการลบตัวตนอีกไป ทำให้มีนักเรียนเพียง 15 คนเท่านั้น

     จุนโกะทำการควบคุมหมีสองสี จัดการอธิบายกฎกติกา หากใครอยากออกไปข้างนอกจะต้องฆ่าคนในกลุ่มเพื่อไม่ให้จับได้  นอกจากนี้เธอยังสร้างความวิตกกังวลและความหวาดระหว่างระหว่างกลุ่มเพื่อบีบให้พวกฆ่ากันเอง

    ระหว่างที่เล่นเกม จุนโกะก็ทำการถ่ายทอดอากาศสด จากภาพกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งทุกจุดในโรงเรียน (ยกเว้นห้องอาบน้ำ) ซึ่งเนื้อหาที่ออกอากาศนั้นทำให้ประชาชนตกอยู่สิ้นหวัง  และฆ่ากันเอง เกิดสงคราม ฆ่าตัวตาย ทำให้สภาพโลกภายนอกโรงเรียนเลวร้ายมาก  โดยที่กลุ่มพระเอกไม่รู้เลย

    ตามกฎของจอมบงการ หากอยู่ในกลุ่มของเรา เพื่อไม่ให้ตกเป็นผู้ต้องสงสัย จะต้องทำตัวเองให้ออกจากเกม ดังนั้นตัวตนของจุนโกะไม่จำเป็นต่อในกลุ่มอีกต่อไป อีกทั้งมุคุโร่ปลอมตัวเป็นจุนโกะมีหลายจุดที่ไม่เหมือนกัน (เช่นหน้าอกเล็กกว่า และหน้าเป็นฝ้า) หากอยู่นานวันแผนมีอันต้องแตกแน่นอน

    ความจริงไม่ใช่ครั้งแรกที่มุคุโร่ปลอมตัวเป็นจุนโกะ เพราะเธอปลอมเป็นน้องสาวมาแล้วในนิยาย Dangan/Zero

    ดังนั้นจุนโกะเลยสั่งให้มุคุโร่แตะหมีสองสีโดยบอกว่าเป็นการแสดง “ตัวอย่าง” ว่าหากใครทำร้ายหมีสองสีจะต้องถูกลงโทษ ตอนแรกมุคุโร่นึกว่าแค่ลงโทษเบาๆ หากแต่เมื่อแตะหมีต่อหน้ากลุ่มพระเอก เธอกลับถูกลงโทษด้วยการถูกหอกยาวหลายเล่มทะลุตัวเธออย่างไร้ความปราณี  มุคุโร่ตายด้วยความรู้สึกสับสนไม่คิดว่าน้องสาวจะฆ่าพี่สาวที่น่ารักอย่างเธอ  แต่จุนโกะไม่เสียใจที่พี่สาวตายเลยแม้แต่น้อย (เธอกลับอิจฉาที่น้องสาวตนเองตายอย่างสิ้นหวังสุดยอดด้วยซ้ำ) และสิ่งที่ตามมาคือทำให้กลุ่มพระเอกสนใจต่อกฎ หวาดกลัวต่อหมีสองสีทำให้ทุกคนเชื่อว่าทางทำอะไรไม่เข้าท่าอาจตายแบบไม่รู้ตัว อีกทั้งยังกำจัดตัวตนของจุนโกะ ไม่มีใครคิดว่าจุนโกะเป็นคนบงการเกม และกำจัดคนรู้เรื่องราวมากที่สุดนอกเหนือจากเธอด้วย ตอนนี้มีแต่เธอเท่านั้นที่คุมเกมอยู่แต่เพียงผู้เดียว  

    (แม้ Dangan Ronpa บทบาทของมุคุโร่จะสั้นๆ แต่ในนิยายของ Dangan Ronpa IF เธอเป็นนางเอก เป็นอีกภาคในโลกคู่ขนาน ซึ่งเธอรอดชีวิตมาได้จากการช่วยเหลือของนาเอกิ แต่นาเอกิถูกลูกหลงโดนเข็มแทงจนบาดเจ็บสาหัส และมุคุโร่พยายามช่วยเหลือนาเอกิและต่อต้านน้องสาว)

     

     

    จุนโกะไม่ใช่พวกนั่งโต๊ะ แต่เป็นพวกลุยๆ เมื่อทำสิ่งที่ไม่ถนัดเธอเลยพลาดอย่างจัง

     

    นี่คือเรื่องราวคร่าวๆ ของจุนโกะลาสต์บอสโรคจิต ซึ่งผมเขียนตั้งแต่ตอนแรกๆ แล้วว่าเธอเป็นตัวละครที่แปลกประหลาด แตกต่างไปจากพวกบงการเกมแห่งความตายทั้งหมด  ตัวตนของเธอเป็นแบบนี้เอง โดยที่ไม่ได้มีปัญหาครอบครัว หรือ สภาพแวดล้อมใดๆ ทั้งสิ้น เหมือนกับว่าจู่ๆ ก็มีความชั่วร้ายที่บริสุทธิ์เกิดขึ้นในจิตใจขึ้นมาเอง  สิ่งที่เธอทำลงไปก็ไม่ได้มีความเครียดแค้นสังคมหรืออุดมการณ์อะไรเลย หากแต่เป็นเธอ “สนุก” เท่านั้น

    อย่างที่บอกเอาไว้ตอนต้นว่าหากเทียบตัวตนหนึ่ง จุนโกะเหมือนกับโจ๊กเกอร์ ที่แสดงโดยฮีธ เลดเจอร์ จากภาพยนตร์เรื่องแบทแมน (เวอร์ชั่น The Dark Knight) เป็นคนที่มีตรรกะสุดกู่ที่คิดว่าตนเองเหนือกว่าใครทั้งหมด  ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะประสบความสำเร็จทุกครั้ง ไม่มีใครหยุดเธอได้ แต่น่าเสียดายสิ่งที่ทำมีแต่เรื่องชั่วๆ ที่ขาดความเป็นมนุษย์ บงการคนอื่นทำสิ่งที่เลวร้าย

    ที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งคือจุนโกะไม่ใช่พวกนั่งสุขสบายดูคนชิบหายคนอื่นอย่างเดียว เธอเป็นพวกสายลุย จัดการอะไรก็จัดการด้วยตนเอง แต่แผนการของเธอหลายครั้งเป็นแบบกล้าได้กล้าเสีย ออกไปทางลูกบ้า ที่เสี่ยงมาก หากผิดพลาดขึ้นมามีอันล้มเหลวถึงขั้นหายนะ หากแต่ที่ผ่านมาเธอสำเร็จได้เพราะความโชคดีและมีคนคอยช่วยเหลือให้สำเร็จลุล่วงตามแผนเท่านั้น

    และด้วยความหลงตัวเอง และความกล้าได้กล้าเสียโดยไม่คิดหน้าคิดหลังนี้เอง ทำให้จุนโกะผิดพลาดจนถึงขั้นหายนะในเวลาต่อมา

    ที่ผ่านมาจุนโกะทำตัวเป็นเงามืดบงการหมีสองสี ทำการสร้างความสิ้นหวัง บีบให้เพื่อนฆ่ากันเองเพื่อความบันเทิงของตนเอง จนประสบความสำเร็จมาตลอด ช่วงเวลานี้จุนโกะลำพองตนสุดๆ ว่าหากเธอทำอะไรต้องสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์

    จนกระทั่งถึงเวลากลุ่มพระเอกรอดชีวิตเหลือ 6 คน และ 6 คนที่ว่าไม่มีทางทีจะก่อคดีเพื่อให้ตนเองรอด และนั้นเองทำให้จุนโกะต้องออกมาสร้างความหวาดระแวงกลุ่มเหมือนครั้งก่อนๆ  คราวนี้เธอเลือกหมากเป็น หญิงบึก “โอกามิ ซากุระ” ด้วยการขู่ว่าเธอจะต้องก่อคดีฆ่าเพื่อนคนใดคนหนึ่งในกลุ่มเพื่อแลกกับชีวิตตัวประกันที่เป็นครอบครัวของเธอ

    ตอนแรกจุนโกะคิดว่าโอกามิจะฆ่าใครสักคนตามแผนของเธอที่วางไว้ หากแต่กลายเป็นว่าโอกามิกลับเสียสละตนเองเพื่อเตือนสติเพื่อนทุกคนในกลุ่มว่า “ทุกคนคือเพื่อนกัน ควรไว้เนื้อเชื่อใจกัน”  การเสียสละของโอกามินั้นทำให้เพื่อนในกลุ่มเลิกหวาดระแวงซึ่งกันและกัน และเริ่มเปลี่ยนจุดประสงค์ใหม่นั้นคือการหาตัวตนที่แท้จริงของผู้บงการ แทนที่จะฆ่าคนอื่นเพื่อเอาตัวรอด

    สิ่งที่จุนโกะพลาดคือเธอไม่รู้จักมนุษย์ดีพอ คิดว่ามนุษย์เป็นเหมือนกันหมด ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัว ทำทุกอย่างเพื่อนตนเองรอด แต่กลายเป็นว่าท่ามกลางมนุษย์เหล่านี้ยังมีพวกหนึ่งที่มีจิตใจดีงาม ที่พร้อมเสียสละตนเองเพื่อคนอื่นอยู่

    สังคมนี้ไม่ได้มีแต่คนเห็นแก่ตัวไปเสียหมด

    เหมือนอย่างโจ๊กเกอร์ The Dark Knight ในตอนท้ายเรื่อง โจ๊กเกอร์ ได้วางระเบิดไว้บนเรือสองลำ ลำหนึ่งเป็นเรือขนย้ายนักโทษจากเรือนจำ และอีกเรือนมีประชาชนผู้อพยพ โดยเรือลำไหนที่กดสวิทซ์ระเบิดเรืออีกลำได้ก่อนก็จะรอด สิ่งที่โจ๊กเกอร์ทำคือต้องการให้ชาวเมืองหมดศรัทธาในความดีงามนั่นเอง แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีเรือลำไหนยอมกดระเบิดเลย แสดงให้เห็นว่าชาวเมืองยังมีความศรัทธาความดีงามหลงเหลืออยู่  การดึงด้านมืดของโจ๊กเกอร์นั้นไม่ประสบความสำเร็จเสมอไป

     

    จุนโกะทำแบบนี้แต่แรกก็ชนะไปนานแล้ว!?

     

    (อีกทั้งจากที่ผ่านมา คดีฆาตกรรมเกิดขึ้นเพราะมันเป็นกลไกของมนุษย์ ครั้งแรกเกิดจากจิตใจที่อ่อนแอรับไม่ได้ของใครบางคน, คดีที่สองเกิดจากความโกรธและอับอาย, คดีที่สามเกิดจากความโลภ ซึ่งทั้งหมดจุนโกะไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรมากมาย เพียงแค่หว่านเม็ดแห่งความหวาดระแวงเท่านั้น แต่คดีที่สามเกิดจากบังคับขู่เข็น และพอดีคนถูกบังคับไม่ทำตาม ซ้ำยังทำเรื่องทำให้จุนโกะปวดหัวในเวลาต่อมา)

    พูดง่ายๆ ตอนนั้นจุนโกะยิ้มไม่ออกเลยทีเดียว  แผนการทั้งหมดที่ทำไว้เริ่มผิดพลาด หมากที่วางเอาไว้ไม่ทำตามที่เธอคิด เกมเริ่มไม่เดิม ชนิดที่เรียกว่าตันไปไหนมาไหนไม่ได้เลยทีเดียว

                   ความผิดพลาดของจุนโกะอีกหนึ่งอย่างก็คือการปล่อยนาเอกิ และคิริกิริ อยู่รอดจนถึงบัดนี้ นาเอกิเป็นคนฉลาดมีไหวพริบ เป็นจุดศูนย์กลางที่ทำให้ไขคดีสำเร็จทุกครั้ง และที่สำคัญเป็นคนที่มีจิตใจดีงามทำให้ทุกคนในกลุ่มรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ส่วนคิริกิเป็นคนฉลาด หาหลักฐานเก่ง ซึ่งจุนโกะน่าจะสังเกตแล้วว่าหากปล่อยทั้งคู่ต่อไป สักวันหนึ่งแผนการของเธอจูกขัดขวางแน่นอน จุนโกะน่าจะกำจัดนาเอกิและคิริกิริเพื่อตัดปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆ แต่จุนโกะไม่ทำ พอคิดได้ พอจะทำก็กลายเป็นว่ามันสายไป

                    จุนโกะไม่ใช่คนที่ละเอียดอ่อนมากนัก เห็นได้จากการตั้งกล้องวงจนปิด จุนโกะไม่ได้ติดตั้งหมดทุกจุดในโรงเรียน (มีห้องอาบน้ำที่จุนโกะลืมติดตั้ง และห้องครูใหญ่ที่จุนโกะคิดว่าไม่สำคัญเพราะมันล็อกปิดตายเอาไว้ ซึ่งสองจุดนี้กลายเป็นว่าเป็นช่องว่างที่มีส่วนให้พวกพระเอกรอดชีวิตในเวลาต่อมา)

                    และความผิดพลาดอย่างร้ายกาจที่สุดของจุนโกะก็คือการทำลายกฎของตนเองที่ตนเองตั้งขึ้น ที่ผ่านมาหากวายร้ายคนไหนที่แหกกฎ ทำลายกฎของตนเองตั้งขึ้น เล่นนอกเกม ย่อมทำให้ตนพบหายนะในเวลาต่อมา

    การทำลายกฎครั้งแรกของจุนโกะเกิดจากความวู่วาม ล้วนๆ เมื่อเธอคิดฆ่านาเอกิ แต่กลายเป็นว่าล้มเหลว ทำให้เธอทำลายกฎของตนเองด้วยการร่วมเล่นเกมทั้งๆ ที่ผ่านมาเป็นผู้ดูตลอด โดยใช้ศพของน้องสาวของตนเองหรือมุคุโร่มาอำพราง ซึ่งเป็นคดีสุดท้ายของเกม

    การทำลายกฎครั้งที่สองของจุนโกะ เมื่อถึงการสอบสวน จุนโกะทำสิ่งที่น่าเกลียด คือการไม่บอกข้อมูลละเอียดเกี่ยวกับคดีว่าศพตายเมื่อไหร่ รวมไปถึงบิดเบือนสาเหตุการตาย  และพยายามให้เกมจบเร็วๆ ด้วยส่งให้นาเอกิสู่ความตาย แต่ระหว่างการลงโทษในนาทีสุดท้ายนาเอกิได้รอดตายอย่างปาฏิหาริย์ และนี้คือความผิดพลาดของจุนโกะที่ไม่ตรวจสอบรายละเอียดอีก

     

    รอยยิ้มสุดท้ายของจุนโกะ

     

    และแล้วจุนโกะก็ผิดพลาดอีกครั้ง และครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายและเป็นครั้งแย่เลวร้ายที่สุด หลังจากนาเอกิรอดตาย ก็มีการขอให้ไขคดีของมุคุโร่อีกครั้งเป็นครั้งที่ 2 คราวนี้นอกจากจุนโกะจะทำลายกฎตนเองแล้ว ยังทำเหมือนกับตนเองเป็นต่อด้วยการเปิดทุกห้องทุกจุดในโรงเรียนทั้งหมด (ยกเว้นทางออก) เหมือนกับบอกว่าจ้างให้เอ็งไขคดีนี้ไม่ได้หรอก” ทั้งๆ ที่จุนโกะไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้  เพราะมันเหมือนเป็นการใบ้แบบสุดฤทธิ์สุดเดช (เธอแบบว่าแฟร์ๆ แต่ผมว่ามันเกินแฟร์แล้ว)

     นอกจากนั้น ยังไม่พอ จุนโกะยังทำหลักฐานมากมายประเคนให้พวกพระเอก เป็นต้นว่า ถ่ายภาพของนาเอกิและเพื่อนๆ ที่ถ่ายไว้เมื่อสองปีก่อนที่จะถูกลบความทรงจำ ซึ่งเป็นคำใบ้ชนิดที่ว่าหากคิดกันดีๆ ก็ไขปริศนาในโรงเรียนนี้ทั้งหมด)แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้พระเอกนาเอกิสามารถไขความลับคดีอำพรางการตายของมุคุโร่ และทำให้จุนโกะออกจากเงามืดในที่สุด

    ไม่รู้ว่าสิ่งที่จุนโกะทำแบบนี้เพราะลำพองเกินไปหรือบ้ากันแน่  บางทีอาจเป็นเพราะจุนโกะเป็นคนมีอารมณ์เอาแน่เอานอนไม่ได้ นิสัยที่ขี้เบื่อ อยากให้เกมออกมาเร็วๆ ไขคดีเร็วๆ หรือไม่ก็เธอคงน็อตหลุดมาตั้งนานแล้ว พอมีอะไรที่ไม่เป็นไปตามความต้องการนิดหน่อย เธอก็ทำอะไรไม่เป็น เกิดอาการบ้าหลุดโลก  ประกอบกับตนเองเบื่อที่จะอยู่แบบไม่มีใครเห็นเป็นเวลานาน อยากเปิดตัวโชว์ต่อหน้าคนอื่นๆ บ้าง

    เมื่อไขคดีการตายของมุคุโร่ตายกระจ่างแล้ว จุนโกะก็เหลือไพ่ใบสุดท้าย  คือการเปลี่ยนกฎอีกครั้ง (สรุปคือเป็นจอมบงการที่เปลี่ยนกฎไปเรื่อยมากที่สุดเท่าที่ผมเห็นมา) โดยจุนโกะเล่าความลับของโรงเรียนนี้ทั้งหมด พร้อมกับบอกว่าตอนนี้ความหวังของพวกพระเอกที่ผ่านมามันสิ้นหวังไปนานแล้ว ความหวังที่ออกไปข้างนอกนั้นมันไม่มีความหมายอะไรอีก เพราะข้างนอกเต็มไปด้วยอันตราย มีแต่ความตายและความสิ้นหวัง ดังนั้นการอยู่แต่ในโรงเรียนตลอดกาลถือว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้

    ดังนั้นจุนโกะได้ให้ทางเลือกกับทุกคนสุดท้ายด้วยการให้ทุกคนโหวตว่าจะขังตนเองอยู่ที่นี้ต่อไป (ความสิ้นหวัง) หรือจะออกไปข้างนอกที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังไปตายเอาดาบหน้า (ความหวัง)

    เหล่าเพื่อนของนาเอกิเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เพราะพวกเขาสูญเสียหมด ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว, เพื่อน, บ้าน, หน้าที่การงาน พวกเขาไม่มีที่ให้กลับแล้ว และตอนแรกทุกคนจะเลือกขังตนเองอยู่ในโรงเรียนนี้ตลอดไปก็ไม่เลวเหมือนกัน

    มีเพียงนาเอกิได้ออกมาตอบโต้จุนโกะ ซ้ำยังพูดเตือนสติทุกคนว่าอย่าลืมความตั้งใจที่ตนเองต้องการออกไปจากที่นี้ เพราะอย่าลืมว่าพวกเขาต้องสืบทอดความหวังของเพื่อนที่ตายไปแล้วด้วย และนั้นเองทำให้ทุกคนเข้าข้างนาเอกิและทั้งหมดก็เลือกอยากออกไปข้างนอก เป็นอันว่าจุนโกะแพ้อย่างราบคาบ แผนการที่ดำเนินไว้สองปีล้มเหลวไม่เป็นท่า

    อย่างไรตามจุนโกะก็ไม่สะทกสะทาน เธอดีใจด้วยซ้ำที่ผลออกมาเป็นเช่นนี้ เพราะแผนที่เธอดำเนินไปสองปีล้มเหลวก็ถือว่าเป็นความสิ้นหวังสูงสุดที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน

    และแล้วจุนโกะก็จัดการลงโทษตนเองตามกฎของเกม ตามที่เธอลั่นวาจาเอาไว้ แม้ว่านาเอกิจะห้ามเธอว่าไม่ต้องการให้เธอตาย จุนโกะกลับโมโหซ้ำบอกว่านี้คือสิ่งที่เธอปรารถนามาโดยตลอดนั้นคือการตายอย่างสิ้นหวัง ความตายไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับจุนโกะ เพราะเธอไม่มีความหวังอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว

     เวลานั้น นาเอกิไม่สามารถพูดโน้มนาวใจจุนโกะได้เลย ภาพของจุนโกะเวลานั้นกลายเป็นผู้หญิงที่มีจิตวิปริต ดี๊ด๊าอยากลิ่มลองรสชาติแห่งความตายครั้งแรกและครั้งสุดท้าย นิสัยแบบเธอไม่ฟังใครแน่นอน และแล้วจุนโกะก็จัดการลงโทษตนเองด้วยการประหาร “Super Duper Nasty Torture” (เป็นการประหารที่รวมการประหารทั้งหมดก่อนหน้าที่) และในขณะที่จุนโกะจะถูกบดขี้เธอกอดตุ๊กตาหมีสองสี ใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุขและภาคภูมิใจ ก่อนที่จะมองด้านบน และแล้วร่างของเธอก็ถูกบดขยี้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

     

     นาเอกิอดฮาเร็ม

     

    Dangan Ronpa จบลงด้วยความรู้สึกมากมาย ทั้งโหด มัน ฮ่า สุข เศร้า สมหวังและข้อคิดสอนใจ แม้ตัวละครจะมีมากมาย แต่ทุกคนล้วนโดดเด่นมีสิ่งที่นำมาวิเคราะห์เต็มไปหมด รวมไปถึงจุนโกะ แม้ว่าเธอจะออกมาตอนท้ายๆ (ไม่นับจุนโกะตัวปลอมที่ตายตอนแรก) แต่ความจริงเธออยู่กับพวกพระเอกตลอดในรูปของหมีสองสี ที่หมีสองสีโรคจิตติ๊งต๊องยังไง จุนโกะก็เป็นอย่างนั้น เดี๋ยวเศร้า เดี๋ยวแบ๊ว เดี๋ยวบ้า เดี๋ยวขี้โมโห ดูแล้วไม่มีเค้าโครงว่าเธออัจฉริยะอะไรเลยแม้แต่น้อย

    จุนโกะอาจสอบตกในการเป็นผู้บงการแห่งความตายแบบไม่น่าให้อภัย ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนกฎตนเองไปเรื่อย นิสัยขี้เบื่อ ไม่ยอมทำตามแผน ชอบนอกลู่นอกทาง พอเจออะไรที่ไม่เป็นตามแผน ก็น็อตหลุด ทำอะไรไม่เป็น

    แต่ในขณะเดียวกัน มองอีกแง่ความจริงแล้วจไม่มีใครเกลียดจุนโกะลง  ซ้ำมองอีกด้านจุนโกะเหมือนป่วยหรือเธอดูน่าสงสารเสียด้วยซ้ำ ตอนที่จุนโกะโดนประหารทุกคนก็เงียบและอดไม่ได้ที่จะเศร้าไปด้วย (แต่จุนโกะพอใจแบบนี้แล้วนี้น่า)


    คำถามต่อมาคือที่ผมสงสัยคือ  ทำไมจุนโกะถึงปล่อยนาเอกิรอดหลายครั้ง ทั้งๆ ที่เธอพบว่าเขาคือตัวปัญหา

    คำตอบนี้มีการเปิดเผยออกมาว่า ความจริงแล้วจุนโกะพบว่านาเอกิเป็นตัวปัญหาตั้งแต่เข้าเรียนด้วยซ้ำ แม้จะมีความคิดที่จะฆ่า แต่เธอก็ปล่อยไป ด้วยเหตุผลว่าขื่นไปสู้เธอก็แพ้อยู่ดี สู้ที่จะปล่อยเอาไว้และทำลายแผนการของเธอในอนาคตดีกว่า มันจะทำให้เธอเกิดความสิ้นหวังอย่างสุดยอด ซึ่งสิ่งเหล่านี้จุนโกะวิเคราะห์ฉากจบของตนเองไว้แล้ว ว่าสุดท้ายแผนของเธอต้องล้มเหลวแน่นอน


    แสดงให้เห็นว่าจุนโกะให้ความสำคัญกับนาเอกิไม่น้อย ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้ไม่น่าจะใช่คู่ปรับ ศัตรูธรรมดา

    หากจุนโกะเปรียบตนเองด้าน “มืด” นาเอกิคงเปรียบตนเองเป็นด้าน “สว่าง” ทั้งสองแม้จะเป็นคู่ปรับกัน แต่ยังไงก็ตัดกันไม่ขาด มีมืดก็ต้องมีสว่าง มีสิ้นหวังก็ต้องมีความหวัง และบางทีเชื่อว่าจุนโกะน่าจะมีด้านสว่างหลงเหลือ แม้จะน้อยนิดก็ตาม ในใจลึกๆ ของจุนโกะคงอยากหาใครมาช่วยเหลือ อยากให้ใครสักคนหยุดเธอ คนที่ว่าก็คือ “นาเอกิ” บางทีด้านดีของเธอพยายามที่จะช่วยเหลือนาเอกิและพรรคพวกช่วยหยุดด้านมืดของเธอสักที สองปีที่ผ่านมาเธอทุกข์ทรมานมาโดยตลอด และในที่สุดเธอก็สมหวัง

    มองอีกมุมหนึ่งจุนโกะรักเพื่อนมาก แต่การรักเพื่อนของเธอนั้นตรรกะของเธอค่อนข้างจะเพี้ยน เพราะว่าเธอคิดว่า "ความสิ้นหวัง" คือสิ่งที่ทุกคนต้องการ  ผลจึงกลายเป็นแบบนี้ แน่นอนว่าตอนสุดท้ายเธอจะตาย แต่ในด้านความรู้สึกแล้วถือว่าเป็นอีกเรื่องที่ผู้บงการจะชนะ เพราะเป็นไปตามจุดประสงค์ของตนที่วางเอาไว้ แม้ว่าพวกพระเอกจะรอดก็ตาม

    น่าเสียดาย หากนาเอกิกับจุนโกะได้เจอกันในสถานการณ์ที่ธรรมดากว่านี้ บางทีเราอาจได้เห็นคอมเมดี้ที่แสนชลมุนก็เป็นไปได้

     

     

    ฉากจบที่ไม่มีวันได้เห็น

     

    แม้มองผิวเผิน Dangan Ronpa จะใช้การดำเนินเรื่องแบบเกมเอาตัวรอด เกมแห่งความตาย สืบคดีฆาตกรรมที่เป็นพล็อต  หากมองอีกมุมหนึ่งสิ่งที่เกมต้องการนำเสนอน่าจะเป็นเรื่องของมิตรภาพเพื่อนพ้อง ความรักเพื่อน การร่วมทุกข์ร่วมสุข ซึ่งแนวคิดแบบนี้มีอยู่ในจัมป์อยู่แล้ว  เพียงแต่ถูกนำมานำเสนอให้ดูแปลกแหวกแนวเท่านั้น

    หลังจากที่จุนโกะตาย ไม่นานนาเอกิและพรรคพวกก็ได้ออกจากโรงเรียน สำหรับพวกเขาแล้วโรงเรียนแห่งนี้เต็มไปด้วยความทรงจำมากมาย แม้ว่าจะมีแต่เรื่องสิ้นหวัง เรื่องน่าเศร้า แต่ความเลวร้ายเหล่านี้พวกเขาก็ได้พบสิ่งหนึ่งที่มีค่า นั้นก็คือ “เพื่อน” ท่ามกลางความสิ้นหวัง เพื่อนตายทีละคน ตายทีละคน แต่ความสิ้นหวังเหล่านั้นได้เปลี่ยนเป็นพลังความหวัง พลังใจให้ก้าวเดินต่อไปในอนาคต  (จากสังคมเล็กๆ ไปสู่สังคมที่ใหญ่กว่า โหดร้ายกว่า) แม้ว่าอนาคตข้างหน้าจะดูสิ้นหวังกว่าในโรงเรียนหลายร้อยเท่า แต่พวกนาเอกิก็ยังคงมีความหวัง มีความเชื่อว่าหากเราเชื่อใจกันก็สามารถก้าวผ่านได้

    การต่อสู้ของพวกนาเอกิยังไม่จบ มันเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น....

     

    สุดท้ายนี้ขอลาด้วยประโยคท้ายเรื่องของตัวละครผู้รอดชีวิตจากความสิ้นหวัง

     

    “ไม่ว่าจะมีอะไรรอเราอยู่ โลกที่กว้างใหญ่ ไม่ใช่แค่โรงเรียน เพราะมันกว้างใหญ่กว่านี้มาก แต่ผมก็มั่นใจว่าความสิ้นหวังรอพวกเราอยู่ด้วย แต่ในขณะเดียวกันก็มีความสุข และทุกๆ อย่างอยู่รอบตัวเรา” by นาเอกิ

     

    “มองหาความหวัง ตามหาความหวัง และนี่สิคือความหวัง” by คิริกิริ

     

    “ถ้าไม่มีโดนัท เราก็ต้องสร้างมันเอง ใช้แป้งนิดหน่อย หากไม่มีแป้ง ก็ปลูกต้นข้าวสาลีเองเลยสิ” by   ฮาซาฮินะ (สาวน้อยว่ายน้ำ)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×