ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #178 : Gyo (OVA) ปลามรณะที่ไม่มีกลิ่นเหม็น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 11.59K
      2
      24 เม.ย. 55


                    ก่อนหน้าที่ผมจะไปเชียงใหม่ ผมได้ดูอนิเมะเรื่อง “Gyo” อนิเมะที่สร้างจากมังงะสุดยอดของจุนจิ อิโต้ที่หลายคนรู้จักกันดีในชื่อ ปลามรณะ  หลังจากที่ดูจบนี้ ผมเงียบไปพักใหญ่ กำลังหาทางอธิบายว่า ทำไมการกลับมาของ ปลามรณะในครั้งนี้ไม่สร้างความประทับใจผมนัก


     

    Gyo

    สยองขวัญ, ไซไฟ, ไซเน็น

     

    Gyo เป็นการ์ตูนสยองขวัญซึ่งเป็นมังงะวาดโดยปรมาจารย์จุนจิ อิโต้ เขียนขึ้นในปี 2001-2002 จำนวน 2 เล่มจบ (มีตอนสั้น 2 เรื่องแถม) ส่วนในไทยได้ลิขสิทธิโดยเนชั่น ซึ่งเป็นแนวหายนะที่ผสมกับความสยองขวัญของจินจุ อิโต้ที่โด่งดังจนปัจจุบัน และเมื่อเวลาผ่านไปหลายปี จนกระทั้งวันที่ 15 กุมภาพันธ์ อนิเมะ OVA ปลามรณะก็ถูกนำมาเผยแพร่โดน ซึ่งถือว่าผลงานมังงะเรื่องแรกๆ จุนจิ อิโต้ที่ถูกสร้างเป็นอนิเมะ

    ถ้าจะนิยามการ์ตูน ปลามรณะของจุนจิ อิโต้ล่ะก็ ประโยคที่ว่า เป็นการ์ตูนที่เหม็นที่สุดในโลกเพราะทั้งเรื่องการ์ตูนได้ใช้สิ่งที่ว่า กลิ่นเหม็นของคนตาย สื่อคนอ่านได้รับรู้ถึงกลิ่นนั้นได้อย่างน่าพิศวง เสมือนว่าได้กลิ่นเหม็นเน่าของซากศพโชยในขณะที่อ่านมังงะขึ้นมาจริงๆ

     
                   พล็อตเรื่อง ปลามรณะ เป็นแนวคิดที่เริ่มต้นด้วยการปรากฏตัวของสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งที่ไร้ที่มาที่ไป โดยรูปร่างของมันเหมือนปลาทะเลที่ตายแล้วถูกเชื่อมต่อโดยมีเครื่องจักรประหลาดมี 4 ขา ซึ่งทำให้มันมีชีวิต สามารถขึ้นบนบกเคลื่อนไหวไปมาได้อย่างรวดเร็ว โดยตอนแรกสัตว์ประหลาดดังกล่าวปรากฏออกมาเป็นปลาขนาดเล็ก แต่ภายหลังก็มีสัตว์ทะเลแปลกๆ ขนาดใหญ่ขึ้นมาบนบกมากขึ้นหลายตา เช่น ปลาฉลาม, ปลาหมึก หรือแม้แต่ปลาวาฬ
     

    จุดเด่นของปลาประหลาดดังกล่าวคือมันมีกลิ่นเหม็นมาก กลิ่นเหม็นเหมือนคนตาย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าปลาดังกล่าวความจริงคือเป็นซากปลาที่ตายนานแล้ว โดยมันถูกเชื่อมต่อโดยเครื่องจักรประหลาดแมงมุมโลหะ 4 ขาทำการรัดอยู่ด้านบน โดยเครื่องจักรดังกล่าวจะฉีดไวรัสที่ทำให้เกิดการเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็วและเกิดก๊าซเหม็นจำนวนมากภายในร่างกาย และมันจะเคลื่อนไหวได้โดยใช้ก๊าซดังกล่าวเป็นพลังงานขับเคลื่อน หากก๊าซที่เป็นพลังงานหมดลง ร่างสิ่งมีชีวิตที่เป็นก๊าซพลังงานจะระเบิดและสลายไป ทำให้เครื่องจักรต้องรีบหาซากสิ่งมีชีวิตใหม่มาเชื่อมต่อเติมพลังงานต่อไป (ทั้งซากที่ตายแล้วหรือมีชีวิตอยู่) นอกจากนี้มันยังพ่นก๊าซที่มีไวรัสไปในอากาศไปพร้อมๆ กันได้อีกด้วย

    จากการสันนิษฐานเชื่อว่าที่มาของเครื่องจักรประหลาดดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่กองทัพญี่ปุ่นได้ค้นคว้าอาวุธเชื้อโรค ที่ได้ค้นพบโรคประหลาดชนิดหนึ่งในโอกินาว่าที่สามารถผลิตก๊าซเหม็นเน่าจากซากศพคนตายได้ จึงพยายามผลิตอาวุธจำนวนมากเพื่อเปลี่ยนกระแสของสงคราม หากแต่เรือบรรทุกต้นแบบเครื่องจักรดังกล่าวถูกเครื่องบินข้าศึกโจมตีจนเรือจมเสียก่อน ทำให้มันไม่ได้ถูกนำมาใช้จริงในสงคราม

    อย่างไรก็ตาม แม้จะพอทราบที่มาของเครื่องจักรดังกล่าว แต่ปัญหาก็ตามมาคือ เพราะเหตุใดมันถึงพึ่งขึ้นบกโจมตีมนุษย์เอาตอนนี้ ทั้งๆ ที่สงครามโลกครั้งที่ 2 มันจบไปนานแล้ว ดังนั้นทำให้หลายคนเชื่อว่าเครื่องจักรดังกล่าวอาจไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น บางทีมันอาจเพิ่มจำนวนด้วยการสร้างพวกเดียวกันจากโลหะที่เป็นเรือรบที่จมอยู่ใต้น้ำและรอเวลาที่มันมีจำนวนมากพอที่จะบุกรุกบนพื้นโลกก็เป็นได้ และก๊าซเหม็นที่ปล่อยออกมาอาจไม่ใช่ก๊าซธรรมดา มันอาจมีชีวิต ซึ่งปริศนาดังกล่าวยังคงยังไม่ได้รับการเฉลยว่า แท้ที่จริงแล้วตัวจริงของเครื่องจักรประหลาดดังกล่าวคืออะไรกันแน่

      

    ในมังงะต้นฉบับเดิม เนื้อเรื่องของปลามรณะเริ่มต้นขึ้น เมื่อพระเอกชื่อ ทาดาชิและคู่หมั่นชื่อ คาโอริได้ไปเที่ยวฮันนีมูนในโอกินาว่า โดยใช้บ้านพักตากอากาศของลุงที่เป็นนักวิทยาศาสตร์เป็นที่ค้างคืน และที่นั้นเขาก็พบสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ปลามรณะ ทำให้ทั้งคู่พยายามวิ่งหนีสิ่งมีชีวิตดังกล่าวสุดชีวิต และพยายามขอความช่วยเหลือจากลุงของเขาซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงในการหาวิธีรับมือกับปลามรณะดังกล่าว ต่อมา คาโอริ ก็ได้ติดเชื้อและทำให้ร่างกายของเธอบวมขึ้นอย่างน่าเกลียดและมีกลิ่นเหม็น ด้วยเหตุนี้ทำให้เธอเกิดความคิดที่ว่าตัวของเธออัปลักษณ์ไม่สวยงามทำให้ทาดาชิไม่หลงรักเธอ อย่างไรก็ตามทาดาชิก็ยังคงรักเธอและพยายามช่วยเหลือเธอ แต่สุดท้ายคาโอริก็ตายไปจากเหตุการณ์ดังกล่าว ส่วนทาดาชิก็เป็นตัวละครหลักคนเดียวที่รอดชีวิตจากสถานการณ์ปลามรณะบุกโลกได้เนื่องจากมีภูมิคุ้มกัน และได้รวมกลุ่มนักศึกษาวิทยาลัยพยายามมีชีวิตอยู่เพื่อกอบกู้โลกต่อไป

    มังงะปลามรณะของจินจิ อิโต้นั้น เป็นมังงะที่หลายคนชื่นชอบในสมัยนั้น ชนิดที่เรียกว่าอ่านแล้วสนุกจนวางไม่ลง และเมื่อหยิบอ่านอีกทีก็ไม่มีวันเบื่อ เพราะคนเขียนนำอะไรที่แปลกประหลาดใจใส่เข้าไปในมังงะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินเรื่องต้องรอดที่หนีกันเกือบทั้งเรื่อง ตัวละครโรคจิต สีหน้าตัวละครที่ได้อารมณ์ (ตามฉบับอิโต้ จุนจิ) การออกแบบปลาประหลาดที่ขยะแขยง การสร้างที่มาที่มาที่ไปของปลามรณะที่ดูลึกลับ ที่จู่ๆ ปรากฏออกมาสร้างความวุ่นวายโดยไม่มีวัตถุประสงค์ใดๆ ทั้งสิ้น

    ที่น่าชื่นชมคือเรื่องสยองขวัญบนโลกปลามรณะนั้นเป็น ธีมของเรื่องสเกลเป็นวงกว้างขนาดใหญ่ ซึ่งแตกต่างจากโลกในมังงะสยองขวัญต้องรอดทั่วๆ ไปที่เน้นในที่แคบๆ ตัดขาดโลกภายนอก ซึ่งการรุกรานของปลามรณะนั้นเริ่มจากบนเกาะเล็กๆ จากนั้นก็ขยายไปสู่เมือง ลุกลามไปทั่วประเทศและไปจนถึงทั่วโลกเพื่อสื่อว่ามันไม่มีทางหนีไม่มีทางรอดไม่ว่าจะหนีไปพื้นที่ใดก็ตาม นอกจากนี้ยังโดดเด่นคือตัวละครกับการเอาตัวรอดที่น่าตื่นเต้นตื่นตาตื่นใจ ผสมกับการดำเนินเรื่องที่เน้นความรักของชายหญิงและความผูกพันธ์เป็นหลัก และส่วนมากมักจบด้วยความโศกนาฏกรรมและการลาจากแบบไม่มีวันหวนกลับ ซึ่งถือว่าเป็นมังงะสยองขวัญที่ไม่ได้เน้นความน่ากลัวและขยะแขยงอย่างเดียว แต่เน้นความรู้สึกของมนุษย์ไปด้วย ไว้ว่าจะเป็นด้านมืดหรือด้านสว่าง

    และสิ่งที่ผมรู้สึกทึ่งกับปลามรณะมากที่สุด ก็คือ เป็นมังงะที่สื่อให้เห็นกลิ่นเหม็นของซากศพได้อย่างสมจริงสมจัง เสมือนหนึ่งกับว่าเราได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์จนได้กลิ่นเหม็นชนิดๆ จะๆ เต็มรูจมูกก็ว่าได้ แม้ว่าเราจะไม่เคยเห็นหรือได้กลิ่นของซากศพก็ตาม แต่ด้วยภาพวาดและมุมกล้องที่จุนจิ อิโต้เขียน วาดได้อย่างขยะแขยงสมจริง อย่างมีเอกลักษณ์ บางภาพชวนติดตา เช่น ศพขึ้นอืด ศพปลาที่ถูกตู้ทับจนเละเห็นกระดูก ไปจนถึงฉากบ้านเมืองที่เต็มไปด้วยกลิ่นของซากศพ ที่สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้คนอ่านทึ่งกับจิตนาการของจุนจิ อิโต้ทั้งสิ้น

    อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าผมจะชอบปลามรณะไปเสียทุกเรื่อง สิ่งที่ผมไม่ชอบช่วงหลังๆ ดูเหมือนคนเขียนจะมั่วไปสักหน่อย คือคนเขียนใส่ลูกบ้าเข้าไปเยอะ เช่น ฉากละครสัตว์ซากศพ ที่ดูแล้วไม่เข้ากับเนื้อเรื่องเอาเสียเลย แต่กระนั้นในส่วนฉากจบของเรื่องที่เมืองที่ล่มสลายดูแล้วมันช่วงได้อารมณ์ของแนวภาพยนตร์หายนะเสียจริง และสุดท้ายคนเขียนก็ไม่ลืมที่จะใส่แสงแห่งความหวังให้พระเอกยังมีชีวิตอยู่ต่อไปบ้าง แม้ว่าแสงดังกล่าวจะริบหรี่ก็ตาม

                    น่าแปลกแม้ว่าผลงานสยองขวัญจุนจิ อิโต้มากมายถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็น ก้นหอยมรณะ, โทมิโอะ หรือแม้แต่เรื่องสั้นอย่างฝันยาวและหุ่นไล่กาก็ยังถูกไปสร้างเป็นภาพยนตร์ แต่อนิเมะนั้นกลับไม่มีผลงานสร้างจากมังงะของจุนจิ อิโต้เลยแม้แต่น้อย (เท่าที่ผมหาข้อมูล) สาเหตุนั้นง่ายๆ คือมันเป็นการยากที่จะสร้างอนิเมะให้ตรงกับต้นฉบับมังงะของจุนจิ อิโต้ ไม่ว่าจะเป็นลายเส้นที่มีเอกลักษณ์ สีหน้าตัวละครที่โรคจิต และการสร้างบรรยากาศหลอนๆ แหวะๆ  ให้ครบรสชาติ

                   

    อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น 10 ปี ต่อมา (นับจากเขียนผลงานมังงะ ปลามรณะจบ) อนิเมะเรื่องแรกที่ดัดแปลงจากมังงะของจุนจิ อิโต้ (หากข้อมูลผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย) ก็ได้เกิดขึ้นนั่นคือ ปลามรณะ โดยค่าย (สตูดิโอผู้สร้าง Fate / Zero)   แน่นอนว่าอนิเมะดังกล่าวได้รับความสนใจแก่คอสยองขวัญไม่มากก็ไม่น้อย โดยเฉพาะเหล่าแฟนของจุนจิ อิโต้ที่ต้องการอยากดูว่าอนิเมะปลามรณะเรื่องนี้จะทำได้อย่างน่าประทับใจ ตรงกับต้นฉบับ (หรืออารมณ์) ของจุนจิ อิโต้ขนาดไหน

    แน่นอนว่าผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบผลงานของจุนจิ อิโต้ และเมิ่อเปิดดูอนิเมะ ปลามรณะ ผมก็ตั้งความหวังไว้ค่อนข้างสูงว่ามันจะออกมาดีและสามารถสร้างความประทับใจให้แก่ผมได้บ้าง โดยอนิเมชั่นดังกล่าวมีความยาวประมาณ 1ชั่วโมงกับอีก 10 นาที ถือได้ว่าเป็นอนิเมะค่อนข้างสั้น

    และเมื่อผมดูอนิเมะจบผมก็ถอดหายใจไปพักใหญ่ พร้อมกับความคิดแล่นในสมองว่า สงสัยการกลับมาของปลามรณะครั้งนี้ดูจะไม่ประทับใจใครต่อใครหลายคนเสียแล้ว

    โอเค เรื่องการดัดแปลงเนื้อเรื่องใหม่นั้นไม่เถียง เพราะ อนิเมะ ปลามรณะนั้นแตกต่างจากภาคมังงะโดยสิ้นเชิง (แม้ว่ามีบางช่วงจะมีเนื้อเรื่องของมังงะสอดแทรกอยู่ก็ตาม) ไม่ว่าจะเป็นการสลับบทบาทและเปลี่ยนนิสัยตัวละคร การเพิ่มตัวละครใหม่ๆ เข้ามา (รวมไปถึงการเปลี่ยนเนื้อหาดำเนินเรื่องไปด้วย) เพื่อให้มีเนื้อหาน่าติดตามและลุ้นจนจบมากขึ้น ซึ่งหากทำตรงกับมังงะมากเกินไปดูจะน่าเบื่อและคนอื่นรู้อยู่แล้วว่าตอนจบแต่อย่างใด โดยอนิเมะตัวละครหลักไม่ใช่ ทาดาชิอีกต่อไป หากแต่เป็นแฟนของเขา คาโอริแทน (เดาความคิดของผู้กำกับ คงอยากให้ตัวละครหญิงเป็นตัวดำเนินเรื่องมากกว่าจะเป็นผู้ชาย เพราะน่าดูกว่ามั้ง)

    เรื่องราวของ ปลามรณะฉบับอนิเมะนั้นเริ่มต้นขึ้นเมื่อผู้หญิงสาวคนประกอบด้วยคาโอริ (นางเอก), เอริกะ, อากิ ได้ไปเที่ยวโอกินาว่าเพื่อฉลองหลังจบการศึกษาจากมหาลัย (ส่วนทาดาชิกำลังทำงานอยู่ที่โตเกียว) ระหว่างที่ทั้งสามมาถึงบ้านพักที่เป็นของลุงทาดาชิ พวกเธอก็ได้พบกลิ่นเหม็นรุนแรงเหมือนซากศพลึกลับโชยเต็มบ้าน และทันใดนั้นก็มีอะไรบางอย่างวิ่งผ่านหน้าพวกเธอไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้คาโอริต้องจัดการมันด้วยการเอาโต๊ะเบียดกระแทกมันจนสิ่งมีชีวิตนั้นเละเป็นกล้วยปิ้ง และเมื่อมันหยุดการเคลื่อนไหวลง สามสาวก็รู้สึกแปลกประหลาดกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเธอ

    ปลามีขา?

    ปลารูปร่างแปลกประหลาดที่มีกลิ่นเหม็นรุนแรง ไร้ที่มาที่ไป อย่างไรก็ตามแม้ว่าปลาประหลาดนั้นจะมีรูปร่างพิลึกขนาดไหน แต่ทั้งหมดก็ทำเป็นไม่สนใจ ก่อนที่คาโอริจะนำมันใส่ถุงและทิ้งขยะให้พ้นหูพ้นตา โดยที่สามสาวไม่รู้เลยว่านี่คือจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมหายนะที่ทำลายชีวิตของสามสาวไปตลอดกาล

      

    การดำเนินเรื่องราว ปลามรณะถูกแบ่งเป็น 2 มุมมอง 2 ความสัมพันธ์ ซึ่งปกติแล้วมังงะของอิโต้ จุนจิไม่นิยมนำมาใช้ในการเล่าเรื่องในเรื่องยาว เพราะเน้นการดำเนินเรื่องโดยใช้มุมมองบุคคลเดียวตลอดทั้งเรื่องมากกว่า

    มุมมองแรกเป็นของคาโอริหญิงสาวที่ยึดมั่นในความรัก (อีกทั้งยังเข้มแข็ง บึก ทึก ขนาดโดนกระแทกจนแทบหลังหัก เธอยังลุกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น) ที่เธอได้ลาเพื่อนสองคน กลับไปโตเกียวเพื่อตามหาทาดาชิคู่หมั่นของเธอ เพราะเธอนึกเป็นห่วงเขาว่าเขาจะเป็นอะไร เพราะทาดาชิขาดการติดต่อเธอไป ในเวลาเดียวกับที่ฝูงปลามรณะกำลังบุกโจมตีโตเกียวจนกลายเป็นเมืองแห่งความตายและกลิ่นเหม็นไปทั่ว และระหว่างทางเธอก็ได้เจอกับ ชิราคาวะ” (พระเอกตัวจริง) ตากล้องอิสระที่อยู่ในได้ฟังเรื่องราวของคาโอริและได้ร่วมผจญภัยกับคาโอริเพราะอยากทราบความจริงเกี่ยวกับ ปลามรณะ

    คาโอรินั้นดูเหมือนจะแตกต่างจากมังงะฉบับเดิมของจุนจิ อิโต้เป็นอย่างมาก เพราะมังงะ ภาพของคาโอริจะเป็นผู้หญิงที่ขี้กลัว ขี้กังวล เกลียดกลิ่นเหม็น แต่ทาดาชิก็ไม่ได้รังเกียจเธอแต่อย่างใด พยายามเอาใจ และเมื่อเธอกลายเป็นซากศพขี้อืดเธอก็กลายเป็นคนขี้หึ่ง เห็นพระเอกจับมือผู้ช่วยลุงของเขาเป็นไม่ได้ ต้องกระแทกเข้าใส่ตลอด แต่สุดท้ายทั้งสองก็ได้คืนดีกัน แม้ว่าจะเป็นช่วงสั้นๆ แต่ผมเชื่อว่าหลายคนต้องเห็นใจไม่มากไม่น้อยกับการจากไปของคาโอริ

                    นิสัยของคาโอริในภาคอนิเมะนั้น เห็นได้ชัดเลยว่ามาจากนิสัยนางเอก ดาวมรณะรามิล่าการ์ตูนเรื่องยาวอีกเรื่องของจุนจิ อิโต้ (ที่เนื้อหาสุดยอดมาก) นอกจากนั้นการดำเนินเรื่องยังคล้ายๆ กัน คือคู่หมั่นของคาโอริตาย และการได้พบตัวเอกชายระหว่างทาง และทั้งคู่ก็ได้กลายเป็นเพื่อนร่วมทาง ผจญภัยร่วมกันในเวลาต่อมา

                    ดูเหมือนว่าการ์ตูนเรื่องนี้นอกจากจะเน้นหายนะและความตื่นเต้นแล้ว ดูเหมือนจะเน้นสภาพจิตใจของคาโอริไปด้วย กล่าวคือแม้ภายนอกคาโอริจะดูเข้มแข็ง แต่ความจริงแล้วเธอก็มีอีกด้านหนึ่งที่อ่อนแอ แม้เธอไม่ได้เกลียดกลิ่นเหม็นเหมือนคาโอริในมังงะ แต่สำหรับกลิ่นเหม็นแล้ว คาโอริมักนึกถึงมันในวันที่สูญเสียคุณพ่ออันเป็นที่รักของเธอไป  ทำให้ทาดาชิคู่หมั่นของเธอต้องปลอบใจเธอตลอดเวลา จนกลายเป็นว่าเขาเป็นสิ่งเดียวที่ยึดเหนียวจิตใจของคาโอริ จึงไม่แปลกแต่อย่างใดเมื่อเธอคิดถึงทาดาชิเมื่อใดเธอมักสติหลุดทุกที

                    ตรงจุดนี้แสดงให้เห็นว่าอนิเมะพยายามเรน้นความสัมพันธ์ระหว่างคาโอริกับทาดาชิมากขึ้น เพราะในมังงะนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นไม่ได้เน้นสักเท่าไร่ เพราะจุนจิ อิโต้เน้นเรื่องความวิปริตที่ทาดาชิเจอมากกว่า อย่างไรก็ตาม แม้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเวลาน้อย หรือทาดาชิไม่ค่อยมีบทหรือเปล่า ทำไมฉากจากลาระหว่างคาโอริและทาดาชินั้นผมไม่รู้สึกมีอารมณ์ร่วมสักเท่าไหร่

                    และเพราะความยึดมั่นความรักของคาโอรินั้นเอง กลายเป็นสิ่งที่คนดูค่อนข้างหงุดหงิดกับเธอไม่น้อย (อย่างน้อยก็ผมคนหนึ่ง) เมื่อเธอวิ่งพล่านตามหาทาดาชิทั่วเมืองโตเกียวโดยไม่สนอันตราย และในขณะเดียวกันเธอกลับไม่มองคนข้างหลัง  เริ่มจากเธอทิ้งอากิไว้กับเอริกะที่อยู่เบื้องหลัง ทั้งๆ ที่เธอน่าจะรู้ว่าอากิและเอริกะนั้นทั้งสองไม่ถูกกัน ส่งผลทำให้ความสัมพันธ์ของอากิและเอริกะต้องสิ้นสุดลงพร้อมกับโศกนาฏกรรมแห่งความตาย นอกจากนี้เพราะการขาดสติคาโอริตามหาทาดาชินี้เองก็ได้ทำให้ชิราคาวะต้องช่วยเหลือเธอบ่อยครั้งจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แม้ว่าตอนแรกเขาจะอาสาตามคาโอริเพราะว่าหวังประโยชน์ในการเขียนข่าวของเขา  แต่กระนั้นก็มีหลายฉากที่เขาแมนเต็มร้อย ช่วยเหลือคาโอริรอดพ้นจากอันตรายตลอด พร้อมทั้งยังต้องปลอบใจให้คาโอริมีชีวิตอยู่ และในขณะที่ตัวเองเพราะช่วยเหลือคาโอรินี้เองทำให้เขาต้องติดเชื้อปลามรณะแบบไม่มีทางแก้ไข

    น่าเสียดายในฉากทั้งสองจากลา ฉากการ์ตูนน่าจะมีอะไรโรแมนติกระหว่างคาโอริกับชิราคาวะสักนิด ในฐานะที่ทั้งคู่ร่วมผจญภัยเสียงตายมาตั้งแต่ต้นจนจบ

                      

                    มุมมองที่ 2 เป็นมุมมองความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนคือ อากิและเอริกะ ซึ่งทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทของคาโอริ เชื่อว่าการที่อนิเมะแทรกเรื่องอากิและเอริกะเข้ามา เนื่องจากทั้งสองเป็นตัวแทนนิสัยเสียของคาโอริในฉบับมังงะ กล่าคือเอริกะเป็นสาวฮอต รักสวยรักงาม ห่วงรูปลักษณ์ตัวเอง โปรยหนุ่มๆ ไปทั่ว นิสัยเอาแต่ใจ เห็นแก่ตัว ชอบพูดจาทำร้ายจิตใจคนอื่น ส่วนอากิ เป็นยัยหมูแว่นที่จืดชืด ขี้ระแวง ขี้กลัว เอาแต่กิน เกลียดกลิ่นเหม็น (มีความรู้สึกรับกลิ่นไวเหมือนเอริกะฉบับมังงะ) มักโดนเอริกะพูดจากลับเธอไม่ดีอยู่บ่อยๆ เรียกทั้งสองมีนิสัยต่างกันสุดขั้ว ไม่ถูกกันอย่างรุนแรง หาก ไม่มีคาโอริอยู่ในกลุ่มด้วย ทั้งสองแทบไม่ญาติดีต่อกัน

                    หลังจากเหตุการณ์โดนปลามรณะฉลามจู่โจม คาโอริไปตามหาทาดาชิที่โตเกียว โดยทิ้งอากิและเอริกะไว้เบื้องหลัง ทั้งๆ ที่อากิเหมือนอยากตามไปด้วย เพราะเธอไม่อยากจะอยู่กับเอริกะที่เคยทอดทิ้งเธอ และเมื่อคาโอริจากไป ไปความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนอากิและเอริกะเริ่มแตกหัก อากิเริ่มสะสมความเกลียดชังมากขึ้นทีล่ะเล็กทีล่ะน้อย อากิต้องทนฟังเสียงครวญครางของเอริกะที่พาหนุ่มเจ้าถิ่นสองคนมาร่วมรักร่วมกันบนเตียง ทั้งๆ ที่อาริกะรู้จักสองหนุ่มนั้นไม่ถึงวันด้วยซ้ำ

                    น่าแปลกใจที่อนิเมะที่มีฉากร่วมรักระหว่างเอริกะกับสองชายหนุ่มเจ้าถิ่นบนเตียงเดียวกัน (ฉากดังกล่าวแรงมากไม่ควรให้เด็กดู +18 ครับ) ซึ่งตรงจุดนี้ผมไม่ชอบอย่างแรง แม้ผมจะชอบหื่น แต่ก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เพราะผลงานของจุนจิ อิโต้ไม่เคยมีเรื่องเซ็กต์มาเกี่ยวข้อง ไม่มีฉากเซอร์วิส หรือฉากอย่างว่าบนเตียงแม้แต่น้อย ผลงานของจุนจิ อิโต้นั้นเหมาะทุกเพศทุกวัย ไม่เหมือนสยองขวัญสมัยนี้เอาแต่เรื่องเด็กมัธยมปลายเข้าว่า กระโปรงสั้นๆ เห็นกางเกงในเป็นฉากเซอร์วิสเป็นระยะ เอานมเด้งดึง เด้งดึง จนทะลัก คนอ่านเอียนเป็นแทบๆ คนเขียนจำเป็นต้องทำ เพราะไม่ทำก็ขายไม่ได้

                    และเมื่อเอริกะร่วมรักเสร็จ เธอก็พบตนติดไวรัสปลามรณะ ตัวเธอพองน่าเกลียดขึ้น มากขึ้น กลิ่นเหม็นขึ้น เธอพยายามขอความช่วยเหลืออากิ แต่อากิตอนนั้นตกใจกับสภาพของเอริกะอย่างสุดขีด บวกกับปมการเกียจชังเอริกะ ทำให้เธอได้ระบายอารมณ์โกรธด้วยการจัดการฆ่าเอริกะจนตายคามือ (ตรงฉากนี้ผมสะใจยัยสำส่อนเอริกะอย่างบอกไม่ถูก) ต่อมาเอริกะก็ฟื้นขึ้นมากลายเป็นมนุษย์เครื่องจักรมรณะก็ได้ไล่ต้อนอากิไปตายอย่างเลือดเย็น ตรงจุดนี้ แสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ของมนุษย์ช่างเปราะบาง หากแค้นกันก็จะแค้นกันชนิดไม่เผาผี ต้องฆ่ากันตายไปข้าง โดยไม่มีวันให้อภัยกัน สุดท้ายทั้งคู่ก็พบจุดจบอย่างโศกนาฏกรรมขยะแขยง เหตุเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวและความเกลียดซึ่งกันและกันนั่นเอง

                    อย่างไรก็ตามมุมมองของอากิและเอริกะนั้นไม่มีความสัมพันธ์ไม่เชื่อมต่อมุมมองของคาโอริแม้แต่น้อย กว่าที่คาโอริจะพบสองคนนั้นอีกครั้งก็ตอนท้ายเรื่อง เมื่อคาโอริได้เห็นเอริกะกับอากิอีกครั้งในสภาพที่ไม่ใช่มนุษย์อยู่รวมฝูงปลามรณะเพียงแค่แว่บเดียวเท่านั้น

                    ส่วนตัวละครหลักอื่นๆ ที่ปรากฏตัวในเรื่องนั้นทำได้ไม่ค่อยดีมากนัก ไม่ว่าจะเป็นทาดาชิพระเอกเต็มร้อยในภาคมังงะแต่พอมาอยู่อนิเมะกลับกลายเป็นตัวประกอบที่แสนจืดจาง แม้ขนาดฉากสุดท้ายที่จากคาโอริผมไม่รู้สึกมีอารมณ์ร่วมแม้แต่น้อย  เช่นเดียวกับลุงของทาดาชิที่ในมังงะเป็นอีกตัวที่โดดเด่นมาก แต่สำหรับอนิเมะเนื่องนี้บทบาทตัดทอนลงอย่างน่าใจหาย  และที่น่าเหลือเชื่อที่สุดคือการเพิ่มฉากละครสัตว์ซากศพเข้ามามันช่างไม่เข้าเรื่องอย่างรุนแรง ทั้งๆ ที่เนื้อหาการ์ตูนเปลี่ยนใหม่หมด ซึ่งฉากดังกล่าวไม่ต้องมีก็ได้ ตกลงคืออนิเมะ ปลามรณะเรื่องนี้มีตั้ความงใจลักษณ์เอกลักษณ์จุนจิ อิโต้มากน้อยขนาดไหน?

                      

                    ส่วนประเด็นที่ว่าทำไมผมต้องจั่วหัวข้อว่า ปลามรณะที่ไม่มีกลิ่นเหม็น เหตุผลง่ายๆ คือหลังจากที่ผมดูอนิเมะจบผมไม่รู้สึกถึงอารมณ์กลิ่นเหม็นของเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย ในมังงะจุนจิ อิโต้วาดได้ละเอียดมาก ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเน่าเปื่อย น้ำหนอง สีหน้าปลาตาย กระดูก ซึ่งหากดูภาพเหล่านี้นานๆ ก็จะรับรู้สึกถึงกลิ่นเหม็นได้อย่างไม่น่าเชื่อ ในขณะที่อนิเมะแม้การเคลื่อนไหวของปลามรณะจะใช้คอมพิวเตอร์ทำให้มีความสมจริง (แต่ลายเส้นช่างไม่มีความสะเอียดเสียเลย) และน่าขยะแขยง แต่กระนั้นการรับรู้ถึงกลิ่นเหม็นกลับทำได้ไม่ดีนัก เพราะว่าภาพไม่มีความละเอียด (เปรียบเทียบภาพปลาตายในมังงะและในอนิเมะที่ผมเอามาลงได้เลยว่าภาพไหนดีกว่ากัน) อีกทั้งอนิเมะยังดำเนินเรื่องรวดเร็ว และเน้นการเอาตัวรอด เน้นความอลังการของหนังหายนะภัยพิบัติมากเกินไป มากกว่าจะเน้นเรื่องความสะเอียดของลายเส้นและกลิ่นเหม็น ทำให้ผมไม่รู้สึกถึงกลิ่นเหม็นของอนิเมะมากนัก และการ์ตูนเหมือนพยายามจะทำนำความเป็นจุนจิ อิโต้มาใช้ ไม่ว่าจะเป็นสีหน้า หรือความเป็นโรคจิต แต่กระนั้นเห็นได้ชัดเลยว่ามีบางช่วงงานภาพเผา หน้าตาตัวละครบิดเบี้ยว

    อย่างไรก็ตามอนิเมะ “ปลามรณะ” เรื่องนี้ก็ไม่ได้แย่กว่าที่คิด เพราะดูสนุกลุ้นระทึกพอสมควร ตามแนวหายนะ อย่างน้อยฉากจบในเรื่องยังพอมีความหวังหลงเหลืออยู่บ้าง หากดูแบบไม่เปรียบเทียบรูปแบบของจุนจิ อิโต้ก็ถือว่าใช้ได้ เอาเป็นว่าใครยังไม่ได้ดูเรื่องนี้ ลองไปหาดูตามเว็บดูการ์ตูนทั่วไปล่ะกัน ก็สนุกใช้ได้ แต่ก็ไม่ถึงขั้นประทับใจน่ะ (ทั้งนี้ก็แล้วแต่ความรู้สึกของคนดูเองแหละว่ามีความคิดเหมือนผมหรือเปล่า?)

                   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×