คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #56 : Ubel Blatt หนุ่มน้อยหน้าตาย ตะลุยแดนทรราช
เบอร์เซิร์ก(Berserk) เป็นการ์ตูนครั้งหนึ่งที่โด่งดังมาก ที่ทำให้เหล่าสาวกการ์ตูนไทยได้รู้จักคำว่าดาร์คแฟนตาซี (Dark Fantasy)
เบอร์เซิร์กเปิดฉากได้ฉีกแนวแฟนตาซีไปจนเสียสิ้น เพราะแฟนตาซีนั้นส่วนใหญ่จะเน้นตลกและความสดใสไร้มลพิษ แต่ภาพของเบอร์เซิร์กนั้นเต็มไปด้วยความรุนแรง บ้าคลั่ง เซ็กส์ และการแก้แค้นของนักดาบที่ชื่อว่ากัซ ที่ต้องแกว่งดาบเพื่อต่อกรสิ่งที่มนุษย์ทั่วไปไม่สามารถต่อกรได้นั้นคือ “พระเจ้า”
เบอร์เซิร์ธเป็นผลงานของเคนทาโร่ มิอุระ ซึ่งผลงานนี้มียอดขายถล่มทลายมาก จนพิมพ์ออกมาหลายเล่ม และเมื่อหลายเล่มเข้าเริ่มมีคำว่า “ออกทะเล” บังเกิด ออกทะเลในภาษาโลกออนไลน์หมายถึง การเบี่ยงประเด็นไปเรื่อยๆ ซึ่งภาพลักษณ์เบอร์เซิร์กเปลี่ยนจนแฟนๆ ยากที่จะให้อภัย กัซนักรบที่บ้าคลั่งกลายเป็นนักรบที่หมดสภาพที่ดูเยือกเย็นไม่แกว่งดาบบ้าเลือดอีกแล้ว เขาไม่สนใจจะแก้แค้น “พระเจ้า” มุ่งหวังจะหาที่สงบๆ นอนตายตาหลับลูกเดียว และที่สะเทือนใจกว่านั้นหนังสือเล่มต่อๆ มาของเบอร์เซิร์กก็เริ่มออกมาวางแผงนานขึ้น นานขึ้น จาก 3 เดือน ไป 1 ปี บางเล่มทิ้งช่วง จนหลายคนลืมไปแล้วว่ายังมีการ์ตูนเรื่องนี้วางแผงในไทย
ในขณะที่เบอร์เซิร์คออกทะเลออกดาวพลูโตไปจนถึงดาวนาเม็ก การรอเล่มต่อของเบอร์เซิร์ธของเหล่าแฟนๆ กลับกลายเป็นความสิ้นหวัง หดหู่ แทนที่จะตื่นเต้น จดจ่อ ว่าเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อ บางคนถึงกับภาวนาว่า “อย่าให้เนื้อเรื่องออกทะเลมากกว่าเลย แล้วจะถวายส่วนบุญไปให้”
หลายคนสิ้นหวังกับการรอคอยเบอร์เซิร์ก แต่บางคนไม่สิ้นหวังตามไปด้วย พวกเขาได้หาการ์ตูนประเภทดาร์คแฟนตาซีสามารถเทียบเคียงกับเบอร์เซิร์กให้ได้ แต่กระนั้นการหาการ์ตูนประเภทนั้นมันช่างยากเหลือเกิน สาเหตุหลักๆ คือ เนื้อหาค่อนข้างซ้ำซาก วนเวียนเกี่ยวกับความแค้น อีกทั้งความรุนแรงและเซ็กส์ส่งผลให้จบลงอย่างรวดเร็ว(ไม่ก็โดนแบน)
การ์ตูนที่พอจะเทียบกับเท่าที่เห็นพอมีก็ มีดที่ 13 ผลงานของนักเขียนไทย แต่ส่วนผสมนั้นดูเหมือนนักอ่านการ์ตูนหลายคนไม่ค่อยชอบมากนัก อีกทั้งออกทะเลไม่น้อยกว่าเบอร์เซิร์ก
จนกระทั้งในปีนี้เอง ก็มีการ์ตูนดาร์คแฟนตาซีเรื่องหนึ่งออกมาวางแผงที่ตลาดในไทย ซึ่งผมดูแล้วมีส่วนคล้ายเบอร์เซิร์กอยู่มาก แต่ความสนุกน่าติดตามนั้นการ์ตูนเรื่องนี้ไม่แพ้เบอร์เซิร์กแน่นอน
Ubel Blatt
ดาร์คแฟนตาซี, ผจญภัย, แอ็คชั่น, ดราม่า, NC+18
ดูตัวอย่างได้ที่ http://www.onemanga.com/Ubel_Blatt/
ก่อนจะพูดถึงการ์ตูนเรื่องนี้ ขอฝากไปบอกพวกผู้ใหญ่ในไทยนะครับ ว่าหากเจอหนังสือเรื่องนี้แล้วอ่านดู อย่าได้ทำการแบนเหมือนเรื่องกันซึเลยครับ(กันซึแบนผมไม่ว่า) แม้เนื้อหาอาจจะมีความรุนแรง เซ็กต์ เหล่าตัวละครหญิงที่นุ่งน้อยห่มน้อย แต่สิ่งที่การ์ตูนเรื่องนี้สอนนั้นน่าคิดเหลือเกิน หากเราเอาเนื้อหาไปเปรียบเทียบสถานการณ์การเมืองในช่วงนี้ จะพบว่าเนื้อหาคล้ายกันอย่างน่าประหลาด ซึ่งการ์ตูนเรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ดีเลยว่าการใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหานั้น ส่งผลให้เกิดอะไรขึ้น ความรุนแรงส่งผลเสียต่อทั้งสองฝ่าย จนยากที่จะแก้ไข อีกทั้งแม้จะแบนในเน็ตยังอยู่นะครับ ดังนั้นพวกผู้ใหญ่จงเปิดใจยอมรับ และหากผู้ปกครองคนไหนเห็นลูกๆ ท่านๆ อ่านการ์ตูนเรื่องนี้ก็ควรชี้แจงบุตรหลานท่านว่าการ์ตูนเรื่องนี้สอนอะไรไว้ด้วยจะเป็นการดีที่สุด(โครตกลัวจริงๆ ว่าการ์ตูนเรื่องนี้จะโดนแบนไหม เอาใจช่วยว่าอย่าฮิตละกัน ถ้าฮิตนี้มีหวังโดนแน่ๆ)
และขอเตือนผู้อ่านอีก อย่าได้อ่านการ์ตูนเรื่องนี้หวังจะเห็นพระเอกสอยผู้หญิง(เหมือนกับผม ฮ่าๆ) หรือเอาแต่ดูบิกีนีกางเกงในสาวๆ ในเรื่อง หรือดูแต่ฉากฆ่าๆ เอามันอย่างเดียว จงดูอย่างมีสติ ดูแบบลึกๆ ว่ามันสอนอะไรเรา
การ์ตูนเรื่องนี้เป็นผลงานของ Etorouji Shiono ตีพิมพ์ในนิตยสาร เผยแพร่เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2009 ปัจจุบันออกแล้ว 10 เล่ม ยังไม่จบ และเป็นอีกไม่กี่การ์ตูนที่ถูกตีพิมพ์เป็นภาษาฝรั่งเศส ได้รับเลือกอยู่ใน 15 รายการการ์ตูนสำหรับฝรั่งเศส(ลำดับที่ 11)
นักเขียนคนนี้มีผลงานเยอะจริงๆ ครับๆ เริ่มจากการ์ตูนสั้นเรื่อง Vampire Wing (??) การ์ตูนสั้นเรื่องราวของเด็กผู้ชายธรรมดาที่กำลังโดนสาวสวยแวมไพร์ผู้พิทักษ์โลกจับกด!??
(ดูเรื่อง Vampire Wing ได้ที่ http://manga.animea.net/vampire-wing-chapter-1-page-1.html)
ผลงานต่อมาก็ Necossas:Six (2003) เล่มเดียวจบ คอมมาดี้สาวๆ หูแมวป่วนโลก กำจัดเหล่าร้าย ปกป้องคนดี ที่ออกแนวฮ่าหลุดโลก มากๆ แต่สาวๆ เหล่านี้ไม่มีที่อยู่ เลยไปอาศัยยึดบ้านพระเอก(หนุ่มน้อยแว่นตาธรรมดา)ซะเลย
(ดูเรื่อง Necossas:Six ได้ที่ http://mangahelpers.com/downloads/read-online/20523/7)
ตามด้วยเรื่อง Extra Existence (2006) เล่มเดียวจบ อันนี้ดราม่าหน่อย เกี่ยวกับเด็กหนุ่มที่มีพลังวิเศษปกป้องโลกจากสัตว์ประหลาด ซึ่งโลกแทบถูกทำลายจนไม่เหลือเค้าโครงแล้ว
(ดูตัวอย่างเรื่อง Extra Existence ได้ที่ http://manga.animea.net/extra-existence-chapter-1-page-7.html)
อีกเรื่องที่ฮ่าไม่แพ้กัน คือเรื่อง Brocken Blood จับหนุ่มหน้าสาว(ซวย)เป็นสาวน้อยเวทมนต์ต่อกรกับเหล่าร้าย(ที่สุดแสนจะติ๊งต๊อง) เรื่องนี้ฮ่ามากๆ การันตีครับ ปัจจุบันออกสี่เล่มแล้ว สำนักพิมพ์ทั้งหลายในไทยโปรดซื้อลิขสิทธิ์ด่วน!!
(ดูตัวอย่างเรื่อง Brocken Bloodได้ที่ http://rancrosider.exteen.com/series-brocken-blood)
ล่าสุดดูเหมือนกำลังทำการ์ตูนใหม่เรื่อง Change H (2009) แต่จนบัดนี้ยังไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องนี้แต่อย่างใด
ดูเหมือนว่าการ์ตูนที่ผ่านมาของนักเขียนคนนี้จะมีแต่การ์ตูนแนวฮ่าๆ คลายเครียดแทบทั้งสิ้นเลยนะครับ แต่แล้วคนเขียนได้เปลี่ยนแนวจากเรื่องฮ่าๆ กลายเป็นดราม่า(โหดเลือดสาดกระจาย)ในเรื่อง Ubel Blatt ซึ่งฉีดแนวก่อนหน้าของนักเขียนคนนี้มากๆ แถมทำออกมาดีเสียด้วย (ตัวละครในเรื่อง Ubel Blatt มีหลายตัวคล้ายจาก Brocken Blood มาก)
การ์ตูนเรื่อง Ubel Blatt ได้ลิขสิทธิ์ในไทยโดยสำนักพิมพ์สยาม ในชื่อ “ดาบคลั่งทวงแค้น” และผมอยากกราบสยามงามๆ สักรอบ เนื่องจากไม่มีอักษรศิลธรรมโรคจิตบังตาแต่อย่างใด เราได้เห็นภาพความยิ่งใหญ่ของการ์ตูนเรื่องนี้อย่างเต็มตา โดยไม่ขัดอารมณ์แต่อย่างใด
การ์ตูน Ubel Blatt ของสยามนั้น แปลกอยู่สักหน่อย เพราะว่ามันตีพิมพ์เล่ม 0 (เล่มเดียวจบ) ก่อนที่จะตีพิมพ์เล่ม 1 ซึ่งอาจเป็นเพราะต้นฉบับที่ให้มานั้นเว้นช่วงไปนาน สำนักพิมพ์เลยตีพิมพ์เป็นเล่ม 0 ไปก่อน ซึ่งหากใครไม่ได้อ่านเล่ม 0 อาจมี งง เล็กน้อยถ้าได้อ่านเล่ม 1 ก่อน แถมจะหาเล่ม 0 อ่านก็คงยาก เพราะตอนนี้ในไทยไม่มีขายและหายากไปเรียบร้อยแล้ว เพราะมีฉากที่ไม่ดีไม่งามเท่าไหร่ แต่ไม่เป็นไรเว็บที่ผมขึ้นหัวข้อไว้นั้นมีตอนที่อยู่เล่ม 0 แน่นอน(แม้จะเป็นภาษาอังกฤษก็เถอะ)
ส่วนเนื้อเรื่องในการ์ตูน Ubel Blatt เป็นเรื่องราวของพระเอกมากด้วยปริศนานาม “เคนท์เซล” โลกที่พระเอกอยู่นั้นเป็นโลกจินตนาการสมัยยุคกลาง ที่เต็มไปด้วยสงคราม ทรราชครองเมือง คนแข็งแกร่งรังแกของคนอ่อนแอ คนดีไม่ก้าวหน้า คนชั่วเจริญหน้าที่การงาน การแบ่งเชื้อชาติ การสังหารหมู่เผ่าพันธุ์ การเมืองร้อนฉ่า บ้านเมืองไม่สงบสุข ฯลฯ เรียกได้ว่ากวียุคอย่างแท้จริง
ตอนแรกเคนท์เซลปรากฏตัวที่ชายแดน หลายคนที่เห็นเขาต่างบอกว่าเป็นเด็กหนุ่มที่ดูใสซื่อ แต่ดูแล้วน่าประหลาด เขามีดวงตาสีแดงฉาด หูแหลมยาวเหมือนหูผี จะว่าเป็นเผ่าเอลฟ์ก็ไม่เต็มปาก เพราะลักษณะไม่เหมือนเลย ดังนั้นคนที่เห็นเขาจึงเรียกว่า “อมมนุษย์” แทน และจุดเด่นที่เห็นได้ชัดที่สุดคือแผลเป็นขนาดใหญ่ที่ดวงตาซ้ายของเขา
หากใครที่เห็นพระเอกเคนท์เซลเป็นหนุ่มน้อยธรรมดาและประมาทละก็ คนที่ดูถูกเหล่านั้นคงดับดิ้นลงอย่างง่ายดายโดยไม่ทันได้จับดาบ หากเมื่อใดที่เห็นเคนท์เซลความอยุติธรรม พวกโจร พวกทรราช คนแข็งแกร่งรังแกคนอ่อนแอกว่าอยู่ตรงหน้า เขาจะฆ่าคนเหล่านั้นด้วยฝีมือดาบที่เก่งเกินมนุษย์อย่างง่ายดาย ต่อให้มาเป็นกองทัพก็ไม่หวั่น เรียกได้ฝีมือของเคนท์เซลเสมือนกับเทพสงครามมาจุติลงมาเกิดจริงๆ
จุดมุ่งหมายของเคนท์เซลมีเพียงอย่างเดียวคือการสังหารกลุ่มบุคคลหนึ่ง ที่เรียกตัวเองว่า 7 ผู้กล้า ซึ่งอดีตเมื่อยี่สิบปีก่อนนั้นเขาและเจ็ดคนเหล่านั้นเคยเป็นเพื่อนมาก่อน ซึ่งตอนนั้นจักรพรรดิได้ส่งเขาซึ่งอดีตเคยเป็นคนและเป็นนักดาบที่เก่งที่สุดในอาณาจักรไปทำภารกิจสำคัญบางอย่างร่วมกับเพื่อนอีกสิบสามคน(รวมเป็นสิบสี่คน) สามคนตายระหว่างทาง(พลีชีพเพื่อชาติ) และเจ็คคนขี้ขลาดหนีไประหว่างทางทำภารกิจเหลือ แต่สี่คนที่ต้องเดินทางทำภารกิจจนสำเร็จกลับมาแบบโชกเลือดและเหนื่อยล้า
ระหว่างทางที่สี่คน(รวมทั้งเคนท์เซล)กลับนั้น พวกเขาก็พบเจ็ดคนที่หนีไประหว่างทำภารกิจมาดักอยู่ตรงหน้า พวกเขาทั้งเจ็ดคนรวมหัวดันทำร้ายสี่คนที่เดินกลับนั้นเพื่อเอาความชอบ แม้ทั้งสี่คนนั้นจะมีวรยุทธที่เก่งกาจกว่าเจ็ดคนแท้ๆ หากแต่เพราะการทำภารกิจทำให้พวกเขาเหนื่อยล้าทั้งกายและใจจนถูกตายอย่างง่านดาย ส่วนเคนท์เซลนั้นโดนหนักเพราะโดนเจ็ดคนใช้ดาบกระหน่ำแทงอย่างบ้าคลั่งจนเกิดบาดแผลนับไม่ถ้วน ควักไส้ควักตาตัดแขนขา แล้วร่วงลงจากหน้าผา(หนังจีนเรอะ!!)
แต่น่าเหลือเชื่อหลังจากเคนท์เซลหล่นลงหน้าผา ปรากฏว่าเขาไม่ตาย แต่กระนั้นเขาก็มีบาดเจ็บสาหัสจนแทบไม่รอด หากแต่เกิดเหตุการณ์หนึ่งเมื่อเขารวมร่วงกับอมมนุษย์(ภูต??)ตนหนึ่ง(อุสตร้าแมนเรอะ!!) เขาก็รอดมาได้ แต่กว่าที่จะขยับตัวและกลับมาเป็นปกติอีกครั้งก็กินเวลาไป 20 ปี
และเมื่อเขาขยับตัวได้และออกสู่โลกภายนอก เขาก็พบว่าร่างของเขาเปลี่ยนไปกลายเป็นเด็กหนุ่มตัวเล็กๆ อีกครั้ง แต่นั้นก็ไม่ตกใจเท่าเมื่อเขารู้ว่าบัดนี้โลกได้เปลี่ยนไปเยอะ พวกเจ็ดคนที่ทรยศเขาและพรรคพวก ได้ถูกขนามนามเจ็ดผู้กล้า และเจ็ดคนเหล่านั้นต่างเป็นใหญ่เป็นโตกันทั่วหน้า ใช้อิทธิพลเสวยความสุขแก่ตัวเอง สร้างภาพเป็นคนดีต่อหน้าประชาชน จนประชาชนต่างยกย่องเป็นนักบุญไม่ปาน แต่เบื้องหลังเจ็ดผู้กล้านั้นเต็มไปด้วย เรื่องผิดศิลธรรมอย่างร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็น การสังหารหมู่, หื่นกามราคะ, ก่อสงคราม เพื่ออำนาจและความเป็นใหญ่ แม้เบื้องหลังมันจะโหดร้ายอย่างไร ผู้เกี่ยวข้องก็ไม่ต่อต้าน กลับตามน้ำให้พวกเจ็ดผู้กล้ากระทำชั่วต่อไปไม่สิ้นสุด เพราะว่าเจ็ดผู้กล้าคือศูนย์รวมเครื่องยึดเหนียวของประชาชนที่ต่างรักและศรัทธา หากเจ็ดผู้กล้าเป็นอะไรไป การล่มสลายของอาณาจักรนี้บังเกิดขึ้นแน่
ส่วนสี่ผู้กล้าตัวจริง(รวมทั้งเคนท์เซล) กลับถูกตีตราหาว่าคนทรยศ ในชื่อ "พลทวนทรยศ" เสมือนกับตัวเสนียดจัญไร ให้ประชาชนถ่มน้ำลายสาปแช่งทุกสารทิศไม่ป่าน แถมยังกลายเป็นข้ออ้างให้พวกกบฏเอาชื่อไปใช้เพื่อก่อกรรมทำเข็นให้ชาวบ้านเดือดร้อนอีก
เคนท์เซลแทบรับไม่ได้กับความจริงที่อยู่ตรงหน้า ดังนั้นเขาจึงปฏิญาณกับตัวเองว่าจะสังหารเจ็ดผู้กล้าจอมหลอกลวงนั้นให้สิ้น เพื่อที่จะกู้ชื่อเสียงสี่ผู้กล้าที่ถูกเรียกว่าสี่คนทรยศให้จงได้ แม้เขาจะเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกเขาก็จะทำ และแล้วการแก้แค้นของเด็กชายตัวเล็กๆ คนหนึ่ง(กับผู้ร่วมอุดมการณ์เพียงหยิบมือ) ที่กำลังจะกลายเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกก็ได้เริ่มต้นขึ้น เขาจะทำสำเร็จได้หรือไม่ ก็ติดตามต่อในหนังสือเอาเอง!!
เคนท์เซล(Koinzell) อดีตหนึ่งในสี่ผู้กล้าแท้จริงที่โดนเจ็ดผู้กล้าปลอมหักหลัง จนกลายเป็นหนุ่มน้อยลูกครึ่งอมมนุษย์(ภูต??)ภายนอกเหมือนเด็ก(แนวโซตะ) แต่ความจริงอายุปาไป 50 ปีแล้ว(เดาเอา) ชอบทำหน้าตายเสมือนมองโลกในแง่ร้าย เยือกเย็น มีประสบการณ์โชกโชน(ในหลายๆ ความหมาย) และดูเหมือนโหดเหี้ยม แต่ความจริงเป็นคนรักความยุติธรรม เห็นใครโดนรังแกไม่ได้ต้องเข้าไปช่วย มีเป้าหมายคือฆ่าเจ็ดผู้กล้าเพื่อกู้ชื่อเสียงตนและเพื่อนกลับคืนมา ซึ่งหากใครมาขวางทางเขาละก็จะฆ่าเรียบ มีฝีมือดาบร้ายกาจ มีท่าไม้ตายปล่อยดาบดำขนาดใหญ่ที่เหมือนมีชีวิตได้ที่ข้อมือด้านขวาแต่หากใช้แล้วเจ้าตัวจะหมดพลังอย่างรวดเร็วและอาจสลบ แต่สามารถคืนชีพได้หากต้องแสงจันทร์(รวมไปถึงเพิ่มพลังด้วย) และหากร่างกายจวนเจียนบาดเจ็บสาหัสจะกลายร่างเป็นภูตที่มีพลังร้ายกาจ เรียกได้ว่าเป็นพระเอกที่เทพไปเสียทุกอย่าง และด้วยความรูปร่างเด็ก(แนวโซตะ) จึงมักโดนสาวๆ ในเรื่องชอบจับกดอยู่บ่อยๆ อีกทั้งเจ้าตัวก็หื่นไม่แพ้กัน(ฮ่า)
แอชรีท(Ascheriit) เคนท์เซลสมัยยังเป็นคนธรรมดา อดีตเด็กกำพร้า ที่มีนิสัยนิสัยใสซื่อ มองโลกในแง่ดี รักเพื่อน เชื่อใจเพื่อน มีพรสวรรค์ในการใช้ดาบตั้งแต่เล็ก และเป็นหนึ่งในสี่สิบผู้รับเลือกโดยจักรพรรดิเพื่อทำภารกิจสำคัญของอาณาจักร และเขายังเป็นหนี่งในสี่ผู้กล้าที่แท้จริงที่ทำภารกิจสำเร็จก่อนที่จะโดนทรยศโดยเจ็ดผู้กล้าตัวปลอม และเป็นเหตุทำให้เขาสูญเสียร่างกายในที่สุด
ตัวรวมๆ หากเปรียบเทียบกับกัซในเรื่องเบอร์เซิร์ก จะพบว่ามีส่วนแตกต่างอย่างมากครับ เริ่มจากกัซในเรื่องเบอร์เซิร์กนั้นจะมีประสงค์เดียวกับเคนท์เซลแก้แค้นแทนเพื่อนที่โดนคนไว้ใจหักหลัง แต่ว่าสิ่งที่กั๊ซ(คนธรรมดา)แก้แค้นคือ “พระเจ้า” แต่สำหรับเคนท์เซล(ภูต??)สิ่งที่แก้แค้นคือ “คนธรรมดา” อีกทั้งนโยบายแก้แค้นของคนทั้งคู่แตกต่างด้วย กัซจะเฉยเมยหากพบเห็นคนเดือดร้อนคายต่อหน้าต่อตาตายก็ช่างหัวมัน แต่เคนท์เซลทนไม่ได้หรอกที่คนที่กำลังจะถูกฆ่าต่อหน้าแล้วไม่ช่วย และทั้งคู่เก่งเหมือนกัน แต่ของกั๊ซจะเก่งแบบบ้าระห่ำเสียมากกว่า(แต่หลังๆ ทำออกทะเลหมด) แต่สิ่งที่เหมือนกันคือทั้งคู่หื่นเหมือนกัน(ฮ่า)
อาโตะ(Ato) นางเอก(??) องค์หญิงที่สามของตระกูลคูซาลุนด์(Kusharundo) ที่เคนท์เซลพบที่ชายแดน ในขณะที่เธอบุกเดี่ยวช่วยพี่ชายคุราโตะ(Kurako) ที่ถูกจับตัวจากฝ่ายศัตรูในขณะสู้รบในสงคราม และเคนท์เซลอาสาจะช่วยพี่ชายของเธอแต่ปรากฏว่าพี่ชายของอาโกะถูกทำให้กลายสภาพเป็นสัตว์ประหลาดไปเสียแล้ว ทำให้เคนท์เซลเลยจำใจฆ่าพี่ของอาโตะจนเป็นเหตุทำให้อาโตะเข้าใจผิด ทำให้เธอดำรงชีวิตอยู่เพื่อล้างแค้นเคนท์เซล(ชุดล้างแค้นเธอช่างถูกใจป๋าเหลือเกิน...) และพบอีกครั้งที่พรมแดน แต่เธอก็ล้มเหลวเพราะเธอมีทักษะฝีมือดาบต่ำกว่า ต่อมาหลังจากเธอได้อยู่กับเคนท์เซลก็ได้ล่วงรู้ความจริง รวมไปถึงจุดประสงค์การล้างแค้นเจ็ดผู้กล้า ทำให้เธอเลิกคิดแก้แค้น และปัจจุบันเธอได้ร่วมทางกับเคนท์เซลเพื่อติดตามดู(และช่วย)การแก้แค้นของเขา มีนิสัยมุทะลุ และพยายามช่วยเคนท์เซลแต่ดูเหมือนฝีมือเธอยังต้องฝึกอีกมากทำให้เธอมักเสียท่าแก่ศัตรูอยู่บ่อยครั้ง(เคนท์เซลต้องช่วยทุกครั้งไป) ภายหลังเธอได้กลายเป็นลูกครึ่งภูต(??)เหมือนเคนท์เซล
พีพี(Peepi) นางเอก(??) เด็กหญิงเผ่าเอลฟ์(Elven) และผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากหมู่บ้านชายแดนที่คนในหมู่บ้านโดนสังหารหมู่(ดูเหมือนว่าการ์ตูนเรื่องนี้เผ่าเอลฟ์จะเป็นที่รังเกียจของคนธรรมดา) เธอพยายามผ่านพรมแดนที่แบ่งอาณาจักรกอล์มบาส์และชายแดนทางชายแดนตะวันออกของแคว้นโมแรน เพื่อไปหาชีวิตที่ดีกว่าจากฝั่งตรงข้าม(โดยหารู้ไหมว่าฝั่งตรงข้ามนรกยิ่งกว่า)โดยการแอบขึ้นเกวียน แต่ปรากฏว่าถูกจับได้และเกือบจะถูกลงโทษ หากแต่โดนเคนท์เซลช่วยเอาไว้ พร้อมได้ชื่อใหม่ว่าพีพี(ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้ชื่อนี้สักหน่อย แต่กลายเป็นว่าชื่อพีพีกลายเป็นชื่อคนอื่นชอบเรียกเจ้าตัวซะงั้น จนบัดนี้ชื่อจริงของเธอก็ยังไม่เปิดเผย) เธอเป็นหนึ่งคนที่เข้าใจตัวเคนท์เซล พยายามปกป้องและช่วยทำประโยชน์แก่เขา เป็นหนึ่งในคนร่วมทางกับเคนท์เซล เป็นเด็กผู้หญิงที่มีนิสัยร่าเริง มีพรสวรรค์เรื่องมายากล และส่วนใหญ่คนอื่นมักเห็นเธอในชุดนุ่งน้อยห่มน้อย ทั้งๆ ที่ตัวเธอไม่ชอบเสียเลย(โดนจับแต่ง)
วิด(Vid) อดีตโจรและเป็นข้ารับใช้ตระกูลคูซาลุนด์ ต้องการข้ามผพรมแดนที่แบ่งอาณาจักรกอล์มบาส์และชายแดนทางชายแดนตะวันออกของแคว้นโมแรน เพื่อช่วยเหลือธิดาของคนสามของตระกูลคูซาลุนด์ที่เขาเป็นทำหน้าที่เป็นองค์รักษ์จากเงื่อมมือแลนด์กราฟหนึ่งในเจ็ดผู้กล้า เป็นเพื่อนกับอัลเทีย และคนช่วยเหลือเคนท์เซลข้ามพรมแดน หลังจากทำลายเหตุการณ์แลนด์กราฟตาย และได้ช่วยเหลือธิดาคนที่สามของตระกูลคูซาลุนด์ออกมาได้ เขาจึงขอแยกทางกับเคนท์เซลเพื่อพาองค์หญิงกลับประเทศบ้านเกิด แต่เขาสัญญาว่าเขาจะร่วมมือและตอบแทนเคนท์เซลในวันข้างหน้า
อัลเทีย(Altea) นักลักลอบข้ามพรมแดนที่แบ่งอาณาจักรกอล์มบาส์และชายแดนทางชายแดนตะวันออกของแคว้นโมแรน โดยทำอาชีพโรงเตี๊ยมบังหน้า เป็นเพื่อนสนิทกับวิด และชื่นชอบในตัวเคนท์เซล หลังจากมีเพศสัมพันธ์กับเคนท์เซลและล่วงรู้ความจริงของเจ็ดผู้กล้าเข้า เธอเลยร่วมเดินทางกับเคนท์เซลด้วย และบทบาทของเธอจะกลายเป็นผู้นำในอนาคตเพื่อต่อสู้กับเจ็ดผู้กล้า
เจ็ดผู้กล้า(Seven Heroes) เจ็ดคนที่ทรยศต่อสี่ผู้กล้าที่แท้จริง และเอาความดีความชอบมาไว้กับตัวทั้งหมด ปัจจุบันกลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลต่ออาณาจักรทั้งปวง เบื้องหน้าเหมือนเป็นผู้นำที่เป็นคนดี หากแต่เบื้องหลังเต็มไปด้วยความชั่ว กามราคะ, ทะเยอทะยาน, ละโมบ กอบโกยผลประโยชน์ต่างๆ เรียกได้ว่าทรราชชัดๆ แต่ลูกน้องนั้นให้ความเคารพสูงส่งเหลือเกิน(รวมทั้งประชาชนด้วย) ในอดีตนั้นแต่ละคนมีฐานะอาชีพที่แตกต่างกัน บางคนเป็นอดีตโจรภูเขา บางคนเป็นพ่อค้า แต่สิ่งที่เหมือนกันคือฝีมือวรยุทธ์ทุกคนนั้นกากสุดๆ ที่พอจะเป็นเรื่องเป็นราวได้ก็เกล็น(Glenn)อดีตเพื่อนรักของเคนท์เซลที่พอจะมีหลักการและหลักธรรมนิดๆ หน่อยๆ และทั้งเจ็ดคนนี้คือเป้าหมายการแก้แค้นของเคนท์เซล
ชเตมเวลห์(Schtemwolech) อดีตโจรภูเขาที่หนึ่งในเจ็ดผู้กล้า ที่ปกครองป้อมปราการชายแดน เบื้องหน้าเหมือนคนใจบุญที่หาที่อยู่อาศัยให้พวกอมมนุษย์หากแต่เบื้องหลังคือการสังหารหมู่ การนำตัวอมมนุษย์ไปทดลองเพื่อสร้างอาวุธและเเสวงหาความเป็นอมตะ เหมือนจะเก่งวรยุทธ์แต่ความจริงฝีมือดาบกากมากๆ แม้กระทั้งจะตายยังเอาผู้หญิงเป็นโล่ ทุเรศจนหยดสุดท้ายจริงๆ และเขาเป็นผู้กล้าคนแรกที่ถูกเคนท์เซลสังหารโหด
ตัวละครอื่นๆ ติดตามเอาเองนะครับ
ดาร์คแฟนตาซี (Dark Fantasy) เป็นอีกหนึ่งในประเภทของแฟนตาซีที่มีโทนของความสยองขวัญผสมอยู่ในเนื้อหา ทำให้เกิดเนื้อหาที่น่ากลัวและเกินจินตนาการ แต่กระนั้นยังคงรูปแบบ องค์ประกอบทั่วไปของแฟนตาซี ไม่ว่าจะมีเวทย์มนตร์ ตำนาน สัตว์ประหลาด หรือพลังวิเศษต่างๆ
พูดถึงดาร์คแฟนตาซี สิ่งที่ต้องคิดถึงคือ “สีดำ” จะให้เป็นสีอื่นๆ อย่างเหลือง ชมพู ก็ไม่เข้ากันแน่ อย่างเรื่องเบอร์เซิร์กกัซยังได้รับฉายาเลยว่านักรบเกราะดำ ส่วนเรื่อง Ubel Blatt พระเอกของเรายังได้รับฉายา “นักรบดาบดำ” หรือตัวละครบางตัวในนิยายที่ดังๆ ก็เช่น ดาร์คเวเดอร์(มันแฟนตาซีตรงไหนว่ะ). หรือพวกพ่อมดดำ เป็นต้น สีดำเป็นสีแห่งความมืด เป็นสัญลักษณ์ลึกลับน่ากลัว ความมีอำนาจ เมื่อใช้สีดำกับภาพ ภาพจะออกมาแนวโทนมืดๆ น่ากลัว ซึ่งเป็นตัวส่งเสริมดาร์ธแฟนตาซีมากยิ่งขึ้น
หัวใจหลักของแฟนตาซี หากมีการพูดถึงคงเป็นเป็นฉาก เลือด การรบ การฟัน ที่จำเป็นต้องนำมาใส่ เสมือนกับว่าจะเป็นกฎแฟนตาซีไปเสียแล้ว ขนาดแฟนตาซีเยาวชนอย่าง แฮรี่ พอตเตอร์และนาเนียก็ยังมีฉากการฆ่าฟันกันเลย
นี้แหละคือภาพรวมดาร์ธแฟนตาซี แม้จะมีหลักการที่เหมือนๆ กัน แต่ใช้ว่ามันจะน่าเบื่อเสมอไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการวางปม วางโครงเรื่อง วางจินตนาการว่าจะทำให้คนอ่าน คนชมสนุกหรือไม่ แต่ก็ไม่ควรเพิ่มฉากที่โหดเซ็กต์จนเกินงาม เพราะมันจะกลายเป็นดาร์ธแฟนตาซีที่ไร้สมองไร้พลังอย่างยิ่ง
ความสนุกของการ์ตูนเรื่อง Ubel Blatt นี้ไม่ใช้การพัฒนาความสามารถและจิตใจของพระเอก ไม่มีการเก็บเกี่ยวเลเวลจากการต่อสู้(ฝึกพิเศษ) ไม่ได้เรียงลำดับการจัดการคนเลวทั้ง7 ตามลำดับความเก่ง เหมือนนารูโตะหรือดราก้อนบอลแต่อย่างใด เพราะพระเอกเคนท์เซลนั้นเก่งเทพและเจนโลกสุดๆ อยู่แล้ว อีกทั้งผู้กล้าทั้ง 7 ก็ไม่ได้เทพด้วย แถมฝีมือห่วยกะโหลกสุดๆ เพราะอดีตเป็นเพียงคนทรยศที่ขี้ขลาดหนีภารกิจเท่านั้น ดังนั้นความสนุกคือการวางโครงเรื่อง ที่พระเอกต้องไปไล่จัดการผู้กล้าทั้ง 7 คน แต่ว่ากว่าจะจัดการแต่ละคนได้ พระเอกต้องก้าวข้ามศพคนที่ขวางไม่ให้ถึงตัว 7 ผู้กล้า ไม่ว่าจะเป็นทหาร ขุนนาง นักบวช ประชาชน หรือผู้อยู่ใต้การปกครองของเหล่า 7 ผู้กล้า ที่แต่ละคนมีนิสัยและอุดมการณ์ที่แตกต่างกัน
-บางคนรู้ความจริงว่าเจ้านายชาติชั่วเลวทรามและเป็นผู้กล้าตัวปลอม แต่กระนั้นก็ตามน้ำ เอาใจประจบเจ้านายโดยไม่คิดหนีหายแต่อย่างใด เพราะบุคคลกลุ่มนี้ก็เลวพอๆ กับเจ้านาย สำหรับบุคคลเหล่านั้นเปรียบเจ้านายเสมือนถุงเงินถุงทองที่นำมาซึ่งอำนาจและความยิ่งใหญ่แก่พวกเขา ดังนั้นใครที่คิดฆ่าเจ้านายของพวกเขาก็เท่ากับขัดผลประโยชน์ของพวกเขาไปด้วย สิ่งเหล่านี้ไม่แตกต่างอะไรกับโลกแห่งความจริงที่สังคมบางกลุ่มที่เอาแต่ผลประโยชน์ใส่ตน รักพวกพ้องแบบผิดๆ เลย
-บางคนรู้ความจริงว่าเจ้านายชาติชั่วเลวทรามและเป็นผู้กล้าตัวปลอม แต่กระนั้นก็จำใจจงรักภักดีต่อไป ไม่ใช้เพราะหน้ามืดตามั่วเหมือนกลุ่มแรก แม้พวกเขาจะอยู่ฝ่ายตัวร้าย แต่ก็ทำเพื่อประชาชน เพราะพวกเขารู้ดีว่า 7 ผู้กล้าสิ่งยึดเหนียวประเทศนี้ ประเทศมั่งคงอยู่ได้เพราะศรัทธา หากผู้กล้าเหล่านี้เป็นอะไรไปประเทศนี้ล่มแน่ และสงครามนองเลือดจะเกิดขึ้นอีกครั้ง พวกเขาจำเป็นต้องขัดขวางคนที่คิดจะฆ่าเจ้านายของตน ซึ่งบุคคลนี้ได้สร้างปัญหากับเคนท์เซล เพราะเขามีหลักการว่าไม่ฆ่าคนดี ส่วนมากเขาจะพยายามต่อสู้โดยไม่ให้อีกฝ่ายตายมากกว่า
สิ่งเหล่านี้เคนท์เซลรู้ดี จากเหตุการณ์ที่เขาพลาดในการฆ่า 7 ผู้กล้าครั้งแรก(เกล็น) ที่เขาเห็นประชาชนรายล้อมตัวต่างเทิดทูน 7 ผู้กล้าดั่งพระเจ้าไม่ปาน หากเขาถลำลึกจะแก้แค้นไปเรื่อยๆ สักวันเขาต้องฆ่าผู้ร่วมอุดมการณ์และประชาชนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ที่มาขวางการแก้แค้นของเขาแน่นอน ดังนั้นนี้จึงเป็นโจทย์ให้เคนท์เซลต้องแก้ว่าเขาจะทำอย่างไรในการทำลายกำแพงศรัทธาเหล่านั้น
คำตอบคือหาผู้ร่วมอุดมการณ์ นี้ไม่ใช้ศึกของเขาเพียงคนเดียวอีกแล้ว นี้เป็นปัญหาของคนทั้งประเทศทั้งอาณาจักรที่ต้องแก้ไข เคนท์เซลไม่ได้แกว่งดาบบ้าคลั่งเพียงลำพังคนเดียว เพราะระหว่างทางที่เคนท์เซลเดินทางเขายังช่วยเหลือคนที่สิ้นหวังกับสภาพบ้านเมือง ผู้เคราะห์ร้ายในสงครามเพราะเหล่า 7 ผู้กล้า เคนท์เซลได้แสดงให้คนเหล่านี้ได้เห็นถึงความเป็นฮีโร่ที่แท้จริง ที่ไม่ได้เอาแต่สร้างภาพ แต่ต้องทำมากกว่าพูดด้วย ส่งผลให้เคนท์เซลมีเพื่อนและมีผู้ร่วมอุดมการณ์ไม่หลงใหลในอำนาจและชื่อเสียง มองความจริงที่อยู่ตรงหน้า และเปิดศึกกับ 7 ผู้กล้าตัวปลอมร่วมกับเคนท์เซล
ดังนั้นใครที่คิดจะเขียนนิยายแฟนตาซี หรือวางให้พระเอกมันโครตเก่งตั้งแต่แรก จงอย่าเขียนให้มันเก่งตั้งแต่ต้นจนจบ ควรเขียนแฝงจิตใจของมนุษย์ลงไปด้วย ควรวางปมขัดแย้งที่จำเป็นต้องเลือกสองทางเอาไว้ และทำโครงดำเนินเรื่องให้ผู้อ่านคาดเดาไม่ได้ว่าจะเป็นอย่างไรด้วย นี้แหละคือสิ่งที่ทำให้นิยายสนุก
สิ่งที่สุดยอดอีกอย่างในการ์ตูนเรื่องนี้ คือการวาง 7 ผู้กล้าและเหล่าคนเลวได้โฉดชั่วเหลือเกิน แม้ฝีมือจะกาก แต่เหล่าหัวหน้าคนเลวเหล่านี้ได้แสดงความชั่วครบสูตรจนแทบได้โล่ ทำให้คนอ่านเหม็นขี้หน้าได้เป็นอย่างดีจริงๆ ไล่ตั้งแต่เล่ม 0 หัวหน้าโจรที่ข่มขืนผู้หญิงและเอาผู้หญิงไปให้ม้าข่มขืน, หัวหน้านักบวชที่อ้างแต่ศรัทธาแต่เบื้องหลังเต็มไปด้วยความละโมบจนชาวเมืองเหม็นต่างขี้หน้า แต่เลวมหาเลวคือ 7 ผู้กล้า อย่างแลนด์เกรฟ ที่คนเขียนนำเรื่องอารยันนาซีมาใช้ การสื่อให้เห็นเผ่าเอลฟ์เสมือนชาวยิวที่เป็นกลายเป็นหนูทดลองของแลนด์เกรฟโดยมีลูกน้องให้ท้าย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผิดศิลธรรมอย่างร้ายแรง และเป็นที่เกลียดชังอยู่แล้วสำหรับคนทั่วไป แม้จะเป็นการ์ตูนก็อดไม่ได้ที่จะเหมือนตัวละครที่เอาเรื่องผิดศิลธรรมเหล่านี้มาใช้อย่างน่าตาเฉย จนต้องเอาใจช่วยพระเอกเคนท์เซลหยุดวีรเวรของเหล่าร้ายให้ได้อย่าให้มันก่อกรรมทำชั่วได้อีก
แต่ใช่ว่าเหล่าผู้กล้าทั้ง 7 จะเลวมหาเลวตั้งแต่เกิด เพราะในเรื่องมีการย้อนอดีตด้วยว่าครั้งหนึ่ง 7 ผู้กล้านั้นก็เคยเป็นคนดีอยู่บ้าง หากแต่จิตใจดีงามเหล่านี้ก็ได้เปลี่ยนเพราะความหลงใหลในอำนาจและชื่อเสียง ทำให้ขาดการยับยั้งชั่งใจ จากคนดีกลายเป็นคนเลว อุดมการณ์ผุพัง ไม่ต่างอะไรกับนักการเมืองในโลกแห่งความจริงบางคนที่ปากบอกทำเพื่อประชาชนแต่พอรับเลือกมาแล้วก็เป็นอีกอย่าง
แม้จะมีอำนาจ แต่ใช่ว่าจะมีความสุขเสมอไป อย่างที่เห็นว่ามีผู้กล้าบางคนหวาดกลัวความตาย บางคนเป็นบ้า อำนาจและเงินมีเยอะก็จริงอ่ะ แต่เวลากินอาหารแต่ละทีก็ไม่อร่อยเลย เวลาจะนอนก็นอนไม่หลับสนิท วันดีคืนดีก็ฝันร้ายอีกว่าคนที่เราฆ่าจะมาแก้แค้นและฆ่าเราตายคามือ เพราะว่าบาปของพวกเขามันไม่ได้หายไหน มันอยู่ในใจของพวกเขานั้นแหละ จึงไม่แปลกที่พวก 7 ผู้กล้าบางคนจะหวาดกลัวและเป็นบ้าขึ้นมา
และจุดสนุกที่สนุกก็มาถึงเมื่อ เมื่อฉากไคล์เม็กซ์ เมื่อ 7 ผู้กล้าได้พบพระเอกอีกครั้ง บางคนพยายามจะสู้แต่ก็สู้ไม่ได้ บางคนก้มกราบไหว้ขอให้พระเอกไว้ชีวิตอย่างไม่อายฟ้าดิน และเมื่อรู้ความจริงว่าพระเอกคือคนที่ตนฆ่าเมื่อ 20 ปี ก่อนก็อึ้งแต่ไม่สำนึกผิดสักนิด และพระเอกก็ฆ่าโหด 7 ผู้กล้า ไม่มีใครเสียใจของเหล่าร้ายนี้เลย แถมยังสะใจอีก ในขณะที่เบอร์เซิร์กออกดาวพลูโตทำลายความหวังคนอ่านที่อยากจะเห็นกัซต่อยกรีฟีสสักครั้ง
ฝากถึงคนที่จะแต่งนิยาย นี้แหละครับคือตัวอย่างการวางตัวละครที่เป็นเหล่าร้ายตัวโกง ไม่ใช่ว่าวางพล็อดเอาแต่ครองโลกท่าเดียว เป็นจอมมาร เป็นจอมปีศาจที่มีพลังอำนาจวิเศษล้นฟ้าดิน มันน่าเบื่อครับ ตัวละครมิติแบนๆ แบบนี้ ลองมาดูเหล่าร้ายในเรื่อง Ubel Blatt ดูสิ ที่แต่ละแทบไม่มีพลังวรยุทธ์อะไรเลย แต่กับทำให้หลายคนเกลียดได้ เป็นเพราะการวางปม วางมิติ จนทำให้เราอินตัวละครเหล่าร้ายนี้ได้ นี้แหละคือการวางบทของตัวละครตัวโก่งที่ดีและถูกต้อง
อ่านการ์ตูนเรื่อง Ubel Blatt รู้สึกตะหงิกใจอดเปรียบเทียบกับโลกเผด็จการทรราชในโลกแห่งความจริงไม่ได้ มาเล่มแรก(เล่ม 1 ภาษาไทย)ในเมืองพรมแดนที่ปรากฏกำแพงขนาดยักษ์ที่หลายคนเรียกว่า “ทวนพันเล่ม” ที่ผู้คนพยายามต่างพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อไปยังฝั่งตรงข้ามเพื่อชีวิตที่ดีกว่า ซึ่งหากถูกจับได้ว่าแอบลักลอบเข้าไปจะถูกลงโทษสถานตายสถานเดียว มันช่างคล้ายกำแพงเบอร์ลินที่แบ่งโลกเสรีกับโลกคอมมิวนิสต์ให้แยกจากกัน ที่ชาวเยอรมันตะวันออกต่างพยายามข้ามไปยังเยอรมันตะวันตกเหลือเกิน ทำให้โลกในการ์ตูนเรื่องนี้เสมือนกับโลกเผด็จการขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็นรกไปเสียหมด หลายคนเชื่อว่าฝั่งตรงข้ามมีชีวิตที่ดีกว่ารออยู่ แต่ปรากฏว่ามันไม่เป็นอย่างที่คิด
การสร้างภาพและการปกครองของเหล่า 7 ผู้กล้ายิ่งเหมือนผู้นำเกาหลีเหนือที่ทำการโฆษณาชวนเชื่อ ล้างสมองประชาชน ให้ประชาชนเห็นผู้นำว่าเป็นดั่งทุกๆ สิ่ง มีความสามารถเก่งกาจรอบด้านถ้าไม่มีผู้นำประเทศจะล่มสลาย ผู้นำคือเจ้าชีวิตของเรา การกระทำหรือตัดสินใจต่างๆ ของท่านผู้นำล้วนเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แม้จะดำเนินนโยบายผิดพลาดเพียงใดก็ตาม จะโกง จะกินบ้านกินเมือง จะเอาเงินไปบำรุงสุขก็ไม่มีใครว่า ตรูจะทำสักอย่างมีอะไรไหม!?
หากมีคนต่อต้านเหล่า 7 ผู้กล้า แต่จะเอาอะไรไปสู้ มีด เสียม จอบ เหรอ? ในขณะที่ 7 ผู้กล้ามีทหารเป็นกองทัพ ยิ่งมีอาวุธร้ายแรงชนิดเรียกว่าสามารถถล่มโลกได้ เช่น ยานรบ, ปืนใหญ่อนุภาพสูง ก็พล่านนึกถึงพวกเกาหลีเหนือที่มีอาวุธนิวเคลียร์ไม่มีผิดเพี้ยน ใครที่บังอาจตั้งตัวเป็นศัตรูคิดต่อต้านต้องม้วยไม่ก็ดับอนาถ แม้จะไม่มีใครต่อต้าน แต่วันใดวันหนึ่งเหล่า 7 ผู้กล้าเกิดเกิดบ้าคลั่งเสียสติขึ้นมาก็ใช้อาวุธโจมตีชาวเมืองของตัวเองขึ้นมา มันก็ไม่ต่างอะไรโลกแห่งความจริงที่หลายฝ่ายกังวลว่าหากผู้นำในประเทศที่มีนิวเคลียร์เหล่านั้นเกิดบ้าขึ้นมา สงครามจะเกิดขึ้นหรือไม่ ผู้คนจะล้มตายไปเท่าไหร่
ยิ่งภาพปืนใหญ่อนุภาพสูงที่ป้อมปราการของแลนด์เกรฟ ที่ใช้พลังงานจากพลังชีวิตของอมมนุษย์มาเป็นกระสุน เมื่อใช้หมดร่างก็เหี่ยวตาย มันยิ่งตอบย้ำถึงการสร้างนิวเคลียร์เกาหลีเหนือเข้าไปอีก เมื่อการสร้างนิวเคลียร์เกาหลีใช้แรงงานประชาชนของตัวเองมาสร้างโดยไม่สนใจสิทธิมนุษย์ชน ใช้ให้ทำงานหนักจนตายเหมือนกับว่าชีวิตของผู้คนเหล่านั้นไม่มีค่าอะไรเลย
ทั้งหมดนี้คือเผด็จการแบบเบ็ดเสร็จ ผู้นำมีอำนาจสูงสุด ใช้อำนาจเด็ดขาดเพียงคนเดียว และพยายามสร้างอุดมการณ์ขึ้นมา ควบคุมอำนาจทางการทหารการเมือง เศรษฐกิจและสังคมตกอยู่ภายใต้การสอดส่องแบะควบคุมโดยรัฐ มีการลงโทษผู้กระทำผิด พยายามสร้างภาพ ความสำนึกให้ประชาชนเคารพ จนกลายเป็นอาณาจักรแห่งความหวาดกลัวในที่สุด
เคนท์เซลจึงกลายเป็นตัวแทนของลัทธิเสียงค่อนข้างน้อยแต่ทรงพลังในสังคมของโลกเผด็จการที่ต้องการออกมาเรียกร้องสิทธิของตนบ้าง แต่คนเดียวนั้นสังคมไม่ค่อยได้ตอบสนองเท่าใดนักอีกทั้งยังกลายเป็นอาชญากรต่อต้านรัฐที่สมควรกำจัดทิ้ง สิ่งที่จะทำให้สังคมมาสนใจเขานั้นก็คือ ความรุนแรง แต่ความรุนแรงใช่ว่าจะแก้ปัญหาทุกอย่าง อย่างที่เห็นในการ์ตูนหลังจากเคนท์เซลฆ่า 7 ผู้กล้าคนแรกได้ แต่กระนั้นมันก็ไม่ได้ช่วยให้เปลี่ยนแนวคิดของประชาชนเลย หลังจากผู้กล้าแรกตายประชาชนยังให้การนับถือและยกย่องยิ่งกว่าเดิมเสียอีก คิดๆ แล้วฉากนี้นึกถึงการเมืองในประเทศหนึ่งขึ้นมาจนได้ ที่ใช้ความรุนแรงในการขับไล่รัฐบาลจนเป็นเหตุให้บ้านเมืองเดือดร้อนในขณะนี้
แน่นอนแม้พระเอกเคนท์เซลจะเถื่อนและรุนแรง แต่หลายคนเลือกเชียร์เคนท์เซลแน่นอน เพราะหลายคนไม่ชอบระบบเผด็จการ ที่มันเป็นการปกครองที่ล้าสมัย ที่ล่มสลายจนโลกเราปัจจุบันเหลือไม่กี่ประเทศที่ปกครองแบบนี้อยู่
ต่อไปคือสิ่งที่หลายคนต่างบ่นๆ ว่าการ์ตูนนี้มีฉากเซ็กต์ด้วย โดยพระเอกเคนท์เซลงเรามักโดนผู้หญิงจับกด จนมีบางคนเอยคำว่า “โซตะคอนขึ้นมา”
โซตะคอน(Shotacon) หรือเรียกสั้นๆ ว่าโซตะ( Shota) เป็นศัพท์แสลงของญี่ปุ่นที่ตรงข้ามกับโลลิคอน หมายถึง ฝ่ายหญิงที่มีอายุมากกว่าชอบเด็กชายอายุน้อยกว่า และฝ่ายชายนั้นจะต้องเป็นเด็กชายที่ดูใสซื่อ ตัวเล็ก น่ารัก
คำว่าโซตะคอนนี้มักใช้ในวงการการ์ตูนไม่ว่าจะเป็นด้านสว่างรักกุ๊กกิ๊ก โรแมนติก, อีโรติก หรือไปจนถึงแบบอนาจารอย่างชัดเจน ซึ่งสำหรับญี่ปุ่นแล้วมักนำตัวละครโซตะที่เป็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ น่ารัก ลักษณะแบบนี้ใส่ในตัวการ์ตูนแต่ละเรื่องด้วย อีกทั้งยังเพื่อความเป็นโมโอะ(น่ารัก) โดยการเพิ่มสถานะ เช่น เป็นนักฆ่า, น้องชาย, รุ่นน้อง, เจ้าชาย, น้องชาย, ผู้กล้า ฯลฯ
ส่วนที่มาของคำนี้ เดิมทีแสลงมาจากคำว่า โชทาโร่(Shotaro) เด็กชายวัย 12 ปี เป็นตัวละครในเรื่อง Tetsujin 28-go หรือชื่อไทยที่เรารู้จักกันดีคือ เท็ตสึจิน หุ่นเหล็กหมายเลข 28 การ์ตูนญี่ปุ่นคลาสสิกของมิตสึเทรุ โยโกยามา โดยเนื้อหาเกี่ยวกับการต่อสู้ของหุ่นยนต์ยักษ์ที่จะเทตสึจินโดยมีโชทาโร่ควบคุม
เรื่องนี้โด่งดังมากที่ญี่ปุ่น(ในสมัยก่อน) และเนื่องด้วยตัวละครที่ชื่อโชทาโร่ ที่เป็นเด็ก แต่ความคิดและจิตใจนั้นค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่ ทำให้เหล่าแฟนๆ การ์ตูนชื่นชอบตัวละครในลักษณะนี้มาก ส่วนหนึ่งอาจเป็นเรื่องของญี่ปุ่นยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ประชากรผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ชายญี่ปุ่นส่วนใหญ่มีจำนวนน้อยมากในขณะนั้น เนื่องจากสาเหตุจากการตายในขณะรบ ดังนั้นภาระหนักจึงเป็นหน้าที่ของเยาวชนและเด็กที่ต้องเป็นกำลังหลักของชาติ ทำให้หลายคนชอบตัวละครเด็กที่มีความคิดเหมือนผู้ใหญ่ดังเช่น โชทาโร่ นั้นเอง
ตอนนั้นหลายคนยังเรียกตัวละครเด็กดังกล่าวว่า โชทาโร่อยู่(ก่อนที่จะแสลงมาเป็นโซตะคอนในเวลาต่อมา) และตัวละครนี้ก็เริ่มมีแนวคิดต่างๆ นำมาใช้ในการ์ตูนญี่ปุ่นมากมาย เช่น ตัวละครหน้าสวยเหมือนผู้หญิง(bishounen) และ(cuteness) น่ารัก-หมายถึงการวาดตัวละครแบบการ์ตูนโดยตัวละครที่เป็นเด็กตัวต้องเล็ก,หัวต้องโตและจมูกเล็ก
แนวคิดโซจะคอนเริ่มมีการพัฒนาการอย่างรวดเร็วโดยเห็นได้จากวรรณกรรมของเอโดงาวะ รัมโป (Edogawa Rampo) นักเขียนนิยายนักสืบชื่อดัง ที่ได้แต่งนิยายนักสืบที่ตัวเอกเป็นเด็กผู้ชายในชื่อ “จอมโจร 20 หน้า(Shonentanteidan) ที่เป็นกลุ่มเยาวชนนักสืบไขคดีลึกลับ(และมุกนี้โคนันก็เอามาใช้ด้วย)
บางครั้งโซตะคอนอาจมีการกลายพันธุ์ โดยเน้นเรื่องระหว่างชายกับชายมาเกี่ยวข้อง คือชายที่อายุมากกว่าหลงรักชายที่อายุน้อยกว่า ซึ่งนักจิตวิทยาญี่ปุ่นบอกว่าเป็นการแตกหน่อจากแนวคิดโลลิคอนนั้นเอง
นับจากนั้นเป็นต้นมาโซตะคอนก็เริ่มเข้ามามีบทบาทในอมิเนชั่นและหนังสือการ์ตูน(มังงะ) อย่างรวดเร็ว ถึงขั้นมีการจัดกลุ่มชุมนุมใจรักโซตะคอนขึ้นเมื่อปี 1995 จนกระทั้งถึงปัจจุบัน และเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั้งกลายเป็นวัฒนธรรมในการ์ตูนญี่ปุ่นในที่สุด โดยการ์ตูนที่เป็นโซตะคอนที่ดังๆ เนกิเมะ, ฮันเตอร์Xฮันเตอร์(อันนี้มันใช่เหรอ??), คาโนค่อน เป็นต้น
แต่หากการ์ตูนเรื่องใด มีฉากมีเพศสัมพันธ์กับเด็กผู้ชายนั้น จนจะเกินคำว่าโซตะคอน ดังนั้นจึงมีคำเพิ่มขึ้นมาคือ Pedophilia แปลว่าเฒ่าหัวงู หรือการมีเพศสัมพันธ์กับเด็กอายุน้อยกว่า ซึ่งส่วนใหญ่แล้วโซตะคอนนั้นจะเน้นแค่การแสดงความรักที่ลึกซึ้งใกล้ชิด โดยไม่มีฉากที่มีเพศสัมพันธ์
แล้วทำไมสังคมญี่ปุ่นถึงชาชินเรื่องเพศสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ ตอบคือญี่ปุ่นคือแหล่งผลิตอนาจารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ผลิตสื่อลามกมากกว่าสหรัฐอเมริกา
ในสมัยก่อนนั้นสังคมญี่ปุ่นค่อนข้างชาชินเรื่องเพศ เห็นได้จาก ผลงานศิลปะ, ตำนานญี่ปุ่นที่มักส่อเรื่องเพศทุกครั้ง(เหมือนตำนานกรีก) แม้ครั้งหนึ่งหลังจากบูรณะเมจิในครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 สื่อพิมพ์อนาจารถูกต่อต้านจากรัฐบาลอย่างหนักเนื่องจากถูกมองว้าสื่อเหล่านี้จะทำให้ล้าหลัง แต่กะนั้นสื่อลามกก็ยังคงอยู่โดยผลิตเป็นใต้ดิน
จากนั้นสื่อลามกก็ขยายตัวไปทั่วญี่ปุ่นจนถึงปัจจุบัน และเมื่อสื่อลามกเสรี ผลที่ตามมาคืออายุของนายแบบ.นางแบบเริ่มลดลงเรื่อยๆ และผิดศิลธรรมมากขึ้น จนรัฐบาลไม่สามารถจะควบคุมได้ สาเหตุเป็นเพราะชนโยบายของรัฐที่ไม่ได้กวาดขันสื่อลามกเท่าไหร่นักและญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ไม่ยอมออกกฎหมายห้ามครอบครองสื่อลามกเด็ก
ดังนั้นทำใจเถอะครับกับฉากเซ็กต์ในการ์ตูนเรื่องนี้ ทางที่ดีก็อ่านข้ามไปก็ได้ หรือไม่ก็อ่านการ์ตูนเรื่องอื่นๆ ก็ได้นะครับหากไม่ชอบฉากนี้
สรุปคือสาเหตุที่ชอบการ์ตูนเรื่องนี้ คือฉากต่อสู้ที่ดุเดือดและมัน เลือดสาดกระจายมาก ศัตรูมีเป็นร้อยแต่พระเอกมีคนเดียวก็สามารถเอาชนะได้เรียกว่าเก่งเกินมนุษย์จริงๆ อีกทั้งโดยส่วนตัวชอบอาโตะที่น่ารักสุดๆ ชุดและลีลาการต่อสู้ของเธอนี้ชวนมองๆ ชอบฉากอาโตะต่อสู้ร่วมกับเคนท์เซลมากๆ อีกทั้งอยากรู้ว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร จะจบแบบดีแอปปี้หรือไม่ มันจะออกทะเลกลายเป็นการ์ตูนดาษๆ หรือเปล่า และมันจะแบนบ้านเราหรือไม่ เรียกได้ว่าลุ้นทั้งเนื้อเรื่องในการ์ตูน ลุ้นทั้งการแบนไปด้วย ถือได้ว่าเป็นดาร์คแฟนตาซีอีกเรื่องที่น่ามองจนอยากแนะนำให้คอการ์ตูนหันมามองบ้างแล้วจะไม่ผิดหวัง
ความคิดเห็น