ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #510 : Tensei shitara Slime Datta Ken เกิดใหม่เป็นสไลม์เทพ

    • อัปเดตล่าสุด 29 พ.ย. 61


    สมัยที่ตรุกีมีการเปิดการแปลนิยายสมัครเล่นใหม่ๆ นั้น มีนิยายเน็ต จากเว็บ มาเป็นนักเขียนนิยายกันเถอะ ที่พวกเขาแต่งนิยายเป็นแค่งานอดิเรก ที่เรารู้จักกันไม่กี่เรื่อง  เช่น เกิดชาตินี้พี่ต้องเทพ, สมานโฟน, ดันเจี้ยนคู่ขนาน (บางเรื่องที่ได้รับความนิยมก็หยุดกลางคันก็มี)  ส่วนเรื่องที่ไม่มีการแปลในตรุกี (หรือแปลไม่กี่ตอน) แต่พูดถึงกันเยอะ ก็มี เกิดใหม่เป็นก็อบลิน

    ตอนแรกๆ นิยายเน็ตเหล่านี้พูดถึงในวงเล็กๆ เท่านั้น ไม่ค่อยรู้จักกว้างขวางมากนัก จนกระทั่งหลายคนรู้จักสิ่งที่เรียกไลท์โนเสวล และพบว่านิยายเน็ตเหล่านั้นเอามาทำเป็นไลท์โนเวลได้ (แม้ภายหลังรูแปบบเล่มไลท์โนเวลจะใหญ่ขึ้นก็เถอะ) ทำให้หลายคนรู้จักนิยายเน็ตมากขึ้น จนปัจจุบันนิยายเน็ตกลายเป็นสิ่งที่เรารู้กันมากขึ้น และนิยามนิยายเน็ตที่รู้คือ สกิลโกง, ฮาเร็ม, พระเอกเทพ และต่างโลก เพราะเป็นพล็อตที่ได้รับความนิยมมากที่สุด (ส่วนแนวทางการดำเนินเรื่อง  หลักๆ ก็มี ทำเควสเพิ่มเลเวล, สร้างเมือง, ทำสงคราม)

    ด้วยความดัง ทำให้มีนิยายเน็ตบางเรื่องทำอนิเมะ ตอนนี้ก็มี โอเวอร์ลอร์ด, บันทึกสงครามของยัยทาเนีย, สมานโฟนต่างโลก และเดธมาร์ช (ความจริงมีเรื่องอื่นๆ อีก แต่เอาแค่รู้จักกันดีไปก่อน) ซึ่งล้วนเป็นนิยายที่ดังมาในเน็ต ซึ่งเมื่อดัดแปลงเป็นอนิเมะบางเรื่องก็ดี และบางเรื่องก็ไม่ดี ให้คนด่ากัน

    และในซีซั่น Fall 2018 ก็มีอนิเมะนิยายเน็ตต่างโลกอีกเรื่องในชื่อ  Tensei shitara Slime Datta Ken .ซึ่งก็ได้รับคำชมพอสมควร บางคนบอกว่าดีกว่าสามารถโฟน กับเดธมาร์ชแบบไม่เห็นฝุ่น หลายเจ้าชม หากแต่สำหรับผมแล้ว ขอบอกว่า การรีวิวครั้งนี้อาจแตกต่างจากเจ้าอื่นๆ สักหน่อย.....

     


    Tensei shitara Slime Datta Ken

     

    Tensei shitara Slime Datta Ken . (หรือชื่อไทยเกิดใหม่ทั้งทีก็เป็นสไลม์ไปซะแล้ว)  เป็นอนิเมะดัดแปลงจากนิยายที่เคยเป็นนิยายเน็ต แต่งเรื่องโดย: Fuse ภาพ: Mitz Vah ทีวีอนิเมะ Tensei Shitara Slime Datta Ken ผลิตโดยบริษัท 8bit มี 24 ตอนจบ

    เนื้อเรื่องกล่าวถึงมิคามิ ซาโตรุ  หนุ่มโสด ไม่เคยมีแฟน วัย 37 ปี ถูกแทงตายเพราะช่วยเพื่อนจากคนร้าย เขาได้เกิดใหม่ในต่างโลกด้วยร่างของสไลม์ ได้พบมังกร เวรุโดร่า ผู้ถูกผนึกมาร่วม 3 ร้อยปีและรู้ว่าเขามาจากต่างโลก ด้วยความเบื่อหน่ายในชีวิตจึงยอมเป็นเพื่อนกับสไลม์ ตั้งชื่อให้เขาริมุรุและให้เขากลืนตนเข้าไปในร่าง ด้วย2 ความสามารถ นักล่าที่ทำให้เขาสามารถชิงความสามารถของผู้ถูกกลืน และ ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทำให้เขาเข้าใจเรื่องราวในโลกใหม่ ส่งผลให้เขาพัฒนาเป็นสไลม์ที่น่าเกรงขามต่อเหล่ามอนสเตอร์ทั่วไป จนกลายเป็นปีศาจที่ยิ่งใหญ่ในภายหลัง

    ไลท์โนเวลแนวแฟนตาซี Tensei shitara Slime Datta Ken (เกิดใหม่ทั้งทีก็เป็นสไลม์ไปซะแล้วเคยเป็นหนึ่งในเรื่องที่ตีพิมพในเว็บไซต์ Shousetsuka ni Narou  (เว็บไซต์เขียนนิยายออนไลน์ที่เปิดโอกาสให้นักเขียนอิสระมาลงผลงานของตน) ช่วงปี 2013-2016 ผลงานการแต่งของ Fuse วาดภาพประกอบโดย Mitz Vah

    เกิดใหม่เป็นสไลม์ถือว่าเป็นนิยายเน็ตต่างโลกที่บ้านเราคุ้นมากที่สุด โดยเฉพาะบอร์ดตรุกี เพราะสมัยก่อนเป็นนิยายที่พูดถึงกันแรกๆ พร้อมกับเกิดใหม่เป็นก็อบลิน, กับดันเจี้ยนคู่ขนาน เนื่องจากความแปลกใหม่ที่เกิดใหม่เป็นสไลม์สิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอในแฟนตาซีและเทพขึ้นมาซะอย่างงั้น

     

     

     

    เกิดใหม่เป็นสไลม์เทพถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกถึงมานานแล้ว ตั้งแต่เป็นนิยาย และยังไม่มีลิขสิทธ์ในไทยด้วยซ้ำ ถือว่าเป็นอนิเมะแรกๆ ที่มีการพูดถึงในเว็บตรุกี ด้วยเนื้อหาที่น่าสนใจ และดูแปลกใหม่ เพราะการเกิดใหม่เป็นสไลม์ยังไม่ค่อยได้เห็นมานัก (แต่เดียวนี้มีเกิดใหม่เป็นสไลม์หลายเรื่องแล้วก็ตาม)

    ความจริงตัวอนิเมะแทบไม่ต้องพูดถึงก็ได้ เพราะทำถึง 24 ตอน ทำให้เนื้อหาของเรื่องเก็บรายละเอียดในนิยายได้ดี และการวิจารณ์ก็ออกมาดี เป็นอีกเรื่องอนิเมะซีซั่นนี้ได้แนะนำให้ดู

    แต่ในขณะเดียวกันเกิดใหม่เป็นสไลม์นั้นก็เป็นนิยายที่ผมผูกพันน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับนิยายสมานโฟนเสียอีก

    คำถามต่อมาเพราะอะไรเหรอ ซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่ผมอยากเขียนในบทความนี้นะ

    ก่อนอื่น ผมก็เห็นนิยายที่เริ่มมีการแต่งพล็อตเดียวกับเกิดใหม่เป็นสไลม์เทพ แน่นอนมันเป็นเรื่อปงกติ ก็มีเรื่องไม่ดังบ้าง ไม่ดังบ้าง มีทั้งไทย และเทศ แต่ส่วนหนึ่งการดำเนินเรื่องประเภทนี้ เป็นแนวที่ผมดูน้อยที่สุด

    คือ.......ผมยอมรับนะ ว่าเกิดใหม่เป็นสไลม์มันดี มีเนื้อหาดี แต่ในขณะเดียวกันในแง่นิยายเน็ตแล้ว เกิดใหม่เป็นสไลม์ยังคงมีเนื้อหาแบบนิยายเน็ตอยู่ดี

    ก่อนอื่นขออธิบายนิยามคำว่านิยายเน็ตของผมก่อน ขออธิบายก่อนว่าเกิดใหม่เป็นสไลม์เป็นนิยายที่ถ้าถามคนอื่นๆ ว่าสนุกไหม คนอื่นๆ ก็คงให้คะแนนดี แต่สำหรับผมแล้วผมให้ระดับกลางๆ นะ ขอบอกว่าผมอ่านนิยายทั้งแบบเน็ตแปลในตรุกี, แบบตีพิมพ์เป็นเล่ม และเป็นมังงะ แถมอ่านมังงะภาคเสริมตอนสไลม์สร้างเมืองได้สำเร็จด้วย เรียกว่าผมดูเรื่องนี้ทุกรูปแบบ แต่ความคิดของผมคือ มันก็นิยายเน็ตอยู่ดี

    คำว่า “มีความเป็นนิยายเน็ตคืออะไร” อธิบายยากเหมือนกัน คือแบบอ่านก็รู้ว่ามันคือนิยายเน็ต ดูก็รู้ว่าคนแต่งแต่งในเน็ต โดยมีหลายเหตุผลที่มีความรู้สึกแบบนั้น อย่างแรก คือมันเป็นการเล่าเรื่องที่พยายามเอาสิ่งยากๆ ออกไป

     ผมขอยกประโยคหนึ่งของคนใกล้ๆ นี้ละกัน คนนี้มีความคิดเห็นเดียวกับผม คือตอนแรกๆ ที่ผมเห็นชื่อคำว่าเกิดใหม่เป็นสไลม์ สิ่งที่ผมคิดคือ มันน่าสนใจ ที่น้อยนักจะเห็นพล็อตที่พระเอกเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอที่สุดในเกม RPG อยากรู้ว่าพระเอกจะใช้ชีวิตยังไงในรูปแบบสไลม์ จะเอาตัวรอดยังไง จะเก่งกาจยังไง แต่สิ่งที่ช่วงเริ่มต้น เอาตรงๆ นะแอบผิดหวัง

    คือความลำบากเป็นสไลม์ของพระเอกจบลงช่วงสั้นๆ หลังจากได้เจอมังกรเทพ  และก็ได้สกิลโกงเทพมาตั้งแต่ต้น นี้แหละคือสิ่งที่โครตน่าเสียดาย ผมก็นึกว่าจะได้เห็นความเป็นสไลม์ ได้เห็นการดิ้นรน มันเหมือนจู่ๆ คนที่จู่ๆ ก็มีสูตรโกงตั้งแต่เริ่มต้น ทำอะไรก็ดีไปหมด  มันจึงขาดการเติบโต ขาดการใช้ชีวิต ไม่เหมือนยัยบ้าสงครามทาเนีย รายนั้นแสดงให้เห็นถึงชีวิตคนจริงๆ

    น่าเสียดายที่ตัวนิยายแล้ว ก็ไม่ได้ใช้คำว่าสไลม์ได้เต็มที่ แต่เน้นมอนเทพหรือจอมมารที่อยู่ร่างสไลม์เท่านั้น จนทำให้เกิดความรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องเป็นสไลม์ก็ได้ ที่เป็นสไลม์ก็เพราะการใช้ดูดกลืน การคล้ายของที่เก็บไว้ในมิติ และมีประโยชน์ตรงขายความน่ารักน่ากอดในร่างสไลม์เท่านั้นล่ะ(ใช้เป็นที่รองนม)  หลังๆพระเอกได้ร่างคนก็ต่อสู้ในร่างคนซะส่วนใหญ่

    ดังนั้นผมจึงมองว่าการใช้สิ่งที่เรียกว่าสกลิ เป็นสิ่งที่คนแต่งพยายามหลีกเลี่ยงรายละเอียดซับซ้อนการบรรยายเท่านั้น ถ้าจะเล่าเรื่องกายภาพสไลม์ การเคลื่อนไหวของสไลม์ มันก็คงเป็นสิ่งที่ยาก ก็เหมือน อย่างเกิดใหม่เป็นแมงมุม สุดท้ายแม้จะมีเรื่องความยากลำบากการเอาตัวรอดของแมงมุมอยู่บ้าง แต่สิ่งที่เรียกสกิล ทำให้ลดความยุ่งยากการบรรยายลง แต่ในขณะกลับทำให้กลายเป็นสิ่งกลางๆ ที่ผมไม่ชอบอยู่ดี


     

    สิ่งที่ผมเสียดายมีอีกอย่างก็คือ ชาติที่แล้วของพระเอกเป็นตาลุงที่ไร้คู่ ไร้แฟน แต่พอเกิดใหม่เป็นสไลม์นิสัยไม่เหมือนตาลุงสักเท่าไหร่ เหมือนเด็กวัยรุ่นมากกว่า คือถ้าเป็นโอเวอร์ลอร์ด หรือทาเนีย ก็ยังคงมีความเป็นตาลุงอยู่ มันสนุกที่เราทาเนียแสดงนิสัยแบบผู้ใหญ่ภายใต้ร่ายกายที่ตัวเล็กเมื่อเด็กสาว เราได้เห็นกระรอกเมื่ออยู่ในพื้นที่ส่วนตัวก็หลุดคาแร็คเตอร์พนักงานบริษัทขี้เกรงใจให้ได้เห็น แต่สไลม์กลับไม่มีเรื่องแบบนี้เลยแม้แต่น้อย

    เอาง่ายๆ นะ คือไม่จำเป็นต้องเล่าเรื่องชาติที่แล้วของพระเอกหรอก เพราะมันแทบไม่จำเป็นเลย ในเมื่อพระเอกไม่ติดนิสัยความเป็นตาลุงจากชาติก่อน มันเหมือนตัวละครที่เกิดใหม่ มีความรู้แบบ OP  สกิลโกงให้ความสะดวก


    อีกหนึ่งอย่างที่หลายคนอาจไม่ตระหนักมากนัก เพราะนิยายเน็ตส่วนใหญ่จะการดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ขาดหายไป นั้นคือเรื่องราวของตัวละคร

                    อธิบายยากอีก คืองี้นะ  ปกติผมอ่านนิยายไลท์โนเวล จำพวกคอเมดี้ หรือจะเป็นแนวอื่นๆ ที่แต่งโดยนักเขียนมืออาชีพ ยกตัวอย่างเห็นชัดๆ คือจอมมารเดียโบก็ได้ เราจะเห็นว่านิยายเดียโฐที่แต่งโดยนักเขียนมืออาชีพ แม้จะมีพล็อตต่างโลก เกิดใหม่เหมือนกัน แต่ทิศทางการดำเนินเรื่องแตกต่างจากนิยายเน็ตอย่างเห็นได้ชัด เพราะจะเน้นการทำความรู้จักกับตัวละครมากกว่า ยกตัวอย่างจอมมารเดียโบ ที่เราจะเห็นทิศทางดำเนินเนื้อเรื่องไม่ได้มุ่งเน้นการเก็บเลเวล  เก็บค่าประสบการณ์เหมือนนิยายต่างโลกเรื่องอื่นๆ แต่กลับมุ่งเน้นการทำความรู้จักตัวละครในโลกแฟนตาซี ไม่ว่าจะเป็น หัวหน้ากิลด์ (หนูต่าย), สาวๆ ทั้งสองในฮาเร็มว่าพวกเธอเป็นใคร มาจากไหน มีปมอะไร การดำเนินเนื้อเรื่องเหตุการณ์ที่พระเอกเจอจะเป็นเรื่องของสาวๆ ในฮาเร็มของเรา

                    หรือจะเป็นชมรมไร้เพื่อน ที่มีจุดเด่นตรงตัวละคร เรารู้สึกอินกับตัวละคร เพราะเราทราบสุดเด่นตัวละคร ในการเล่าเรื่องให้เรารู้จักตัวละครนั้น รู้จักนิสัย   มีปฏิสัมพันธ์กับตัวละคร ทำให้เรารู้สึกชอบตัวละครนั้น และมีความผูกพันด้วย อย่างโคบาโตะ ที่เนื้อเรื่องเล่าเรื่องของเธอแบบช้าๆ ให้เราทราบอย่างสองอย่าง และเมื่อสะสมมากๆ เข้าใจมากขึ้น เราก็รู้สึกชอบโคบาโตะไม่มากก็น้อย

                    แต่ทิศทางการดำเนินเรื่องนิยายเน็ต กลับไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเล่าตัวละครมากนัก อย่างฮาเร็ม 777 เราเทียบไม่รู้จักพระเอกเลยว่ามีความเป็นมายังไง มาจากไหน ครอบครัวเป็นยังไง สไลม์เองก็แทบไม่ได้เล่ารู้จักพระเอกสักเท่าไหร่ ทำให้โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยได้ผูกพันกับตัวเอกนายเน็ตมากนัก

                    นอกจากนี้ทิศทางการดำเนินเรื่องนิยายเน็ตส่วนมาก มุ่งเน้นภาพรวมมากกว่า เช่น สงครามาณาจักร เกิดเหตะบ้านเมือง อีเวนส์ปราบมอนที่รุกรานพื้นที่ น้อยมากที่จะมีเนื้อหาทำความรู้จักตัวละคร แม้จะเป็นตัวละคตรหลัก เราก็แทบไม่ได้อินกับคัวละครนั้น คือมันมี หรือไม่มีก็ได้ มันแทบไม่มิมิติเลย แม้จะมีเอกลักษณ์ หรือนิสัยก็ตาม แต่เนื้อเรื่องไม่ได้ให้เธอคนนี้เด่นมากก็ไม่ค่อยขึ้น

                    เอาง่าย   ๆ จอมมารสไลม์ แทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครมากนัก อย่างมิริน ตัวละครที่อวยที่สุดในเรื่อง ที่มีบทในเล่ม 3 ที่ผมอุตส่าห์ว่าจะได้เห็นเธอเป็นตัวละครหลักดำเนินเรื่องบทที่ 3 แต่สิ่งที่เห็นกลับพบว่าเนื้อหาแทบไม่ได้ให้ความสำคัญกับมิรินเลย


                    หากใครไม่รู้ จอมมารสไลม์ยังมีการเพิ่มตัวละครไม่มีในเน็ตสองคน (ก็อบโล กับน้องสาวหัวหน้าเผ่ายักษ์) แต่เอาเข้าจริงบทสองคนนี้ก็น้อยมากตามความรู้สึกผม

                    และนั้นทำให้ตัวละครจากนิยายเน็ต ไม่ค่อยทำให้ผูกพันมากนัก เพราะเราไม่รู้จักตัวละคร ไม่ได้เข้าใจชีวิตของตัวละครนั้น

                    จะว่าไปทิศทางการดำเนินเรื่องจอมมารสไลม์ก็ตามแนวสูตรต่างโลกที่เอามารวมกัน  คือนอกจากไม่เน้นเนื้อเรื่องของตัวละคร เน้นการดำเนินเรื่องภาพรวม ภาพรวมที่ว่าตอนแรกๆ เน้นการเพิ่มความแข็งแกร่งตนเอง พวกพ้อง จากนั้นก็การสร้างเมือง (แบบยูโทเปีย) และช่วงสุดท้ายก็มาช่วงการต่อสู้ สกิลโหดๆ ใส่เข้าไป จบลงด้วยความเทพของตัวละคร (และฉากต่อสู้ที่ว่าก็หลายหน้า)


    ดังนั้นใครจะหานางเอกเรื่องนี้อย่าหวังเลย ฮาเร็มก็ไม่ใช่ด้วยซ้ำ  รูทตัวละครต่างๆ ถือว่าเป็นจุดอ่อนเรื่องนี้ก็ว่าได้ มันจึงเป็นนิยายไว้ว่าจะในเน็ต และนิยายขายเป็นเล่ม ผมไม่ค่อยได้อินกับตัวละครอะไรเลย   แม้แต่สาวคนแรกที่สไลม์เจอ

                    บ่นเรื่องบทบาทตัวละครที่ผมไม่ค่อยอินประทับใจเท่าไหร่ (หนูมิรินของผมโผล่มานิดเดียว ทั้งๆ ที่เป็นตัวละครสำคัญในเรื่องแท้ๆ)  เอาเถอะก็แล้วแต่คนมอง 

                    ตัวนิยายหากชำแหละจริงๆ เนื้อหาหมดไปกับพระเอกลองสกิล การใส่ข้อมูลวกิลอย่างยาวให้ผู้อ่าน แต่เอาเข้าใจ  นิยายเน็ตมักจะมีการเพิ่มสกิลใหม่ ดีกว่าสกิลเก่า ทำให้สกิลเก่าตกลงไป และอธิบายสกิลใหม่อีก

    อีกส่วนที่เยอะไปเหมือนกัน ก็คือส่วนที่นิยายมักพูดถึงบ่อยที่สุดนั้นคือส่วนในการสร้างเมืองให้เจริญช้าๆ รวมไปถึงการเจรจา การผูกมิตรกับพันธมิตรคนอื่นๆ เห็นใครเดือดร้อนก็ช่วย ทำให้แต่ละเล่มมีตัวละครเยอะมาก

    หากมองแนวสร้างเมือง เอาเข้าจริงก็เป็นส่วนเอาไงดีละ มันเป็นแบบยูโทเปีย คืออะไรก็ดีไปหมด ปกติแนวสร้างเมือง สร้างองค์กร หาพันธมิตร เจอศัตรู มันจะต้องมีอุปสรรค์เล็กๆ น้อยๆ สมจริงบ้าง ตัวเอกก็ลองผิดลองถูกหลายครั้ง เช่น ปัญหาขาดแคลนทรัพยากร เจอปัญหาต่างเผ่าพันธุ์ไม่ลงรอยกัน การวิจัยวิทยาการใหม่ๆ  แต่นิยายสไลม์ทำอะไรเหมือนง่ายไปหมด แทบไม่มีอุปสรรค์ใดๆ ใช้ลูกน้องให้เหมาะกับงาน สิ่งๆ ต่างๆ ก็ใช้สกิลโกงพระเอกสร้างออกมา  ปัญหาขัดแย้งแก้โดยการบูชาพระเอกดั่งพระเจ้า จะใส่อะไรก็ทำตาม

     เอาตรงๆ มันกลายเป็นส่วนน่าเบื่อมากที่สุด มานั่งพูดคุยกับตัวละคร ดูสไลม์ไปๆ มาๆ หาตัวละครต่างๆ  คนโน้นคนนี้บ้าง ว่าตอนนี้ทำอะไรบ้าง มีอะไรพัฒนาบ้าง อย่างนั้นอย่างนี้

    ก็น่าเสียดายอยู่เหมือนกัน ว่าในเรื่องอุตส่าห์โปรยเรื่องชีวิตของเหล่ามอนสเตอร์ (ที่มีความรู้สึกนึกคิด) ที่ถูกพวกมนุษย์ดูถูก หรือพวกออร์คที่ประสบปัญหาขาดแคลนอาหาร แต่เรื่องเหล่านี้แก้ไขง่ายเกินไป ไม่ได้ขยี้เหมือนเรื่องอื่นๆ มากนัก

    แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะมีเรื่องหลายอย่างให้ติ แต่ มีจุดหนึ่งที่นิยายเรื่องนี้เด่นกว่าสมาโฟนและพระเอกซาตู้มาก ก็คือฉากตจ่อสู้

    ในเรื่องฉากต่อสู้นี้ ยอมรับว่ามันจุดแข็งเลยก็ว่าได้  ก็เพราะกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ในเล่มจะเน้นฉากต่อสู้ก็ว่าได้ นอกจากพระเอกแล้ว ก็ยังลูกน้องโชว์พลังเทพ จนทำให้เป็นจุดเด่นได้  ซึ่งบางทีเพราะฉากต่อสู้นี้แหละทำให้นิยายเน็ตเรื่องนี้เหมาะสำหรับทำอนิเมะ เพราะมีจุดให้ได้ลุ้น ให้แสดงถึงตัวพระเอกก็ไม่ได้เทพอะไรมาก และเจอศัตรูที่เก่งกว่า

    ใช่...... สาเหตุที่นิยายเรื่องนี้ แม้จะเป็นแนวต่างโลก เหมือนกัน แต่ได้คำชมมากกว่า ส่วนหนึ่งก็คือฉากต่อสู้นี้แหละ ที่ทำออกมาได้ลุ้น ได้สนุก มันจึงเป็นส่วนที่เหมาะสำหรับทำเป็นอนิเมะมาก ในขณะที่สามารถโฟนกับเรื่องพระเอกซาตู้มันแย่ที่ทำอะไรมันง่ายไปหมด ฉากต่อสู้ก็โกง จบไม่กี่นาที เนื้อเรื่องก็ไร้ซึ้งพลัง ความตื่นเต้น


             อย่างไรก็ตามเพราะฉากต่อสู้ใหญ่มามาท้ายๆ เล่ม นั้นหมายความว่าเนื้อเรื่องหลักจริงๆ ก็อยู่ตรงกลางเล่มโน้นแหละ ต้นเล่มจึงเน้นแบบชีวิตประจำวันในต่างโลกก็แบบนี้แหละ เสียมากกว่า

     

                    สิ่งที่ผมต้องการจะสื่อเกี่ยวกับสไลม์เทพเรื่องนี้ก็คือ แม้ว่าจะไม่ใช่นิยายที่เนื้อหาน่าติดตามอะไรมาก มีจุดบกพร่อง แต่สามารถเป็นอนิเมะที่ทำให้หลายคนชอบได้ เพราะส่วนหนึ่งเนื้อเรื่องมันมีส่วนผสมของสายต่อสู้อยู่ค่อนข้างมาก และทำออกมาดี  การต่อสู้ที่จริงจัง สมกับเป็นโลกแฟนตาซี การใส่พระเอกที่ไม่ใช่เพทเวอร์แบบสู้ไม่กี่ช่องชนะ แต่เป็นพระเอกที่บางครั้งต้องเจอกับคู่ต่อสู้ที่เทพกว่า

    เหมือนเรื่องทาเนียที่ตัวอนิเมะมีข้อบกพร่องแต่เพราะฉากต่อสู้ที่ทำได้ดี เสียงประกอบเหมือนอยู่สนามรบจริงๆ ทำให้หลายคนติดตามจนจบตอนไม่อยาก ในขณะที่โอเวอร์ลอร์ดเนื้อเรื่องถูกตัดทอรแล้ว คนยังด่าฉากสงครามทำได้ห่วย เผา ใช้ 3D แย่มาก กลายเป็นอนิเมะที่หลายคนผิดหวังไป

    อย่างไรก็ตาม เราจะว่าสมานโฟนล้มเหลวก็ไม่ได้ เพราะทุกวันนี้ผมยอมเสียเงินทุกวันเพื่ออ่านตอนไหมสมานโฟนในเว็บอยู่ สาเหตุคือมันเป็นนิยายที่เหมาะอยู่ในเน็ตมากกว่ามาเป็นอนิเมะ มันเป็นนิยายที่ดูแล้วสบายใจ อย่างน้อยก็ไม่มีเรื่องดราม่า และปัญหาทุกอย่างแก้ง่ายๆ ด้วยสกิลพระเอก

      

    แน่นอนว่าอนาคตเอง นิยายต่างโลกประเภทนี้อาจมีเยอะ (ส่วนแนวสมานโฟนคงจะเห็นน้อยลง) และคงเน้นฉากต่อสู้มากกว่า ซึ่งก็แล้วแต่คนดูว่าอิ่มตัวหรือยัง ส่วนตัวตัวผมแล้ว ตอนนี้ผมหลงใหล่นิยายต่างโลกที่มีเนื้อหากาวๆ (หลุดโลก ทำอะไรนอกกรอบมากกว่า) ซึ่งถ้าว่างๆ อาจจะหานิยายต่างโลกแปลกๆ แบบนี้มาแนะนำบ้างละกัน (ถ้ามันมีแปลไทยนะ)


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×