ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #511 : 10 ดราม่าที่เกี่ยวกับการ์ตูนญี่ปุ่นประจำปี 2018

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.9K
      46
      12 ม.ค. 62

                    ปี 2018 ก็มีดราม่าในวงการการ์ตูนญี่ปุ่นเยอะพอสมควร  แน่นอนมันก็มีเรื่องดีๆ แต่คนเราชอบจดจำสิ่งที่ไม่ดีมากกว่า และมันกว่า  แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องดราม่าเกี่ยวกัอนิเมะมากกว่า และบ้านเราเองก็มีดราม่าเกี่ยวการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งด้วย ซึ่งมีอะไรบ้าง ผมก็รวบรวมตามที่คิดเอาไว้ ดังต่อไปนี้

     

                    10.เผาจนดราม่า


    Ore ga Suki nano wa Imouto dakedo Imouto ja nai  เป็นอนิเมะจากไลท์โนเวล ผลงานของ Ebisu Seiji (ถือว่าเป็นหน้าใหม่ในวงการ) และวาดโดย Gintarou โดยอนิเมะผลิตโดยบริษัท NAZ และ Magia Doraglier 

    เนื้อเรื่องกล่าวถึงนากามิ ยู หนุ่มมัธยมปลาย ฝันอยากเป็นนักเขียนไลท์โนเวล แต่ตกรอบแรก จนกระทั่ง สึซึกะ น้องสาวที่สมบูรณ์แบบที่แอบคลั่งพี่ชายสุดๆ และเอาความคลั่งนี้ใส่ลงนิยาย แล้วเอาไปประกวด ปรากฏว่าเธอได้ชนะการประกวดไลท์โนเวล เดบิวด้วยผลงานแนวน้องสาวชอบพี่ชาย จนเกิดเรื่องวุ่นวายตามมา

    เรียกว่าเป็นอนิเมะที่พูดถึงมากในปี 2018 ไม่ใช่ว่ามันสุดยอดอะไรหรอก แต่เป็นเรื่องของงานเผา ใชข่อนิเมะเรื่องอื่นเผา  เพียงแต่เรื่องนี้สร้างจากนิยายที่กำลังดัง ประกอบกับงานเผาอยู่ในระดับน่าเกลียดมาก ตอนแรกๆ งานภาพดีอยู่ แต่ตอนหลังงานภาพแย่ลงถึงขั้นน่าเกลียดอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าตัวละครบิดเบี้ยว ผิดเพี้ยน งานหยาบจนเป็นดราม่า  จนมีบางคนเอาจุดผิดพลาดต่างๆ ทำเป็นคลิปในยูทูปให้เห็นเลยทีเดียว ใครได้ดูคลิปถึงขั้นปวดหัวก็ว่าได้ พร้อมข่าวลือว่าอนิเมะเรื่องนี้มีทีมงานทำไม่พอ (อีกกระแสหนึ่งบอกว่ามีผู้พัฒนาคนเดียวเท่านั้น) หรือไม่ก็ทีมงานโอดว่า พวกเราไม่ไหวแล้วจ้า 

    เรียกได้ว่าอนิเมะตอนแรกทำดี ดูแล้วอมยิ้ม แต่พอตอนต่อไปกลายเป็นหัวร้อนซะงั้น จนกลายเป็นอนิเมะ Sakuga Houkai (แปลว่า อนิเมวิบัติ) ที่หมายถึงอนิเมะงานห่วยหรือเผาเสียจนน่าเกลียดไปในที่สุด

    9.ดราม่าเพราะสงครามและเชื้อชาติ

                  

               เรื่องมีอยู่ว่า มีการประกาศอนิเมะใหม่เรื่อNidome no Jinsei Wo Isekai de (เริ่มชีวิตใหม่ครั้งที่สองในต่างโลก) ที่ดัดแปลงจาก นิยายต่างโลก ออนไลน์ของ MINE ซึ่งตัวนิยายตีพิมพ์ไปแล้ว 18 เล่ม (ยังไม่จบ) และมีการสร้างเป็นมังงะ ที่ขายดีพอสมควร (นิยายก็ติดอันดับขายดีเหมือนกัน) จึงไม่แปลกแต่อย่างใดที่จะมีโครงการจะทำเป็นอนิเมะฉายภายในปี 2018-2019 ประกาศตัวผู้กำกับและคนพากย์เรียบร้อย

    Nidome no Jinsei wo Isekai de เนื้อหาโดยภาพรวมไปแตกต่างอะไรจากนิยายต่างโลกทั่วไปมากนัก โดยกล่าวถึงพระเอกที่ชื่อ คุนุกิ เรนยะที่เสียชีวิตในขณะที่อายุ 94 ปี หากแต่โลกแห่งความตายเขาได้พบกับเทพธิดา แล้วให้เขาเกิดใหม่ในต่างโลกแฟนตาซี

    จากนั้นก็ตามประสาสูตรต่างโลก พระเอกก็ผจญภัยกับสองสาว เป็นนักผจญภัย ทำเควส ปราบมอน ตีพวกปีศาจ ไปเจอนักผจญภัยเกรียนๆ โชว์วิชาดาบเทพๆ ฯลฯ

    ประเด็นคือมันเริ่มมีดราม่าเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2018 มีบทความหนึ่งในหนังสือพิมพ์จีนได้ตีพิมพ์ว่า นิยายเรื่องนี้กำลังตอกย้ำโศกนาฏกรรมของคนจีน

    เรื่องเริ่มลุกลามขึ้นเมื่อสมาชิก Twitter นามว่า SonmiChina ได้อธิบายว่า พระเอกเรื่องนี้ก่อนมาเกิดใหม่ เขาเคยเป็นทหารที่เคยไปรบสงครามโลกครั้งที่สอง เขาฆ่าคนกว่า 3,000 คนด้วยดาบญี่ปุ่น ระหว่างปี 1937-1945 ก่อนที่ เขาก็ได้เกิดใหม่เป็นเด็กหนุ่มวัย 18 ปีที่ต่างโลก

    (ในบทความหนังสือพิมพ์จีน โยงไปว่า สมมุติว่าเรื่องในนิยายเกิดปี 2014 (ปีเดียวที่นิยายออกมาตอนแรก) พระเอกอายุ 94 ปี เอามาลบ พระเอกจะเกิดปี 1920 และบวกอีก 15 คืออายุทหารไปรบสงครามโลกครั้งที่สอง ก็จะได้ปี 1935 ซึ่งเป็นปีที่กองทัพญี่ปุ่นเริ่มรุกรานประเทศจีนแล้ว)

    อย่างที่บอกคือ ตัวพระเอกไม่รู้หรอกว่าชาติที่แล้วเขาเคยเป็นอะไร เพราะเทพธิดาได้ลบความทรงจำชาติก่อนไปหมดแล้ว สิ่งที่พระเอกทำได้คือสัญชาติญาณตนเอง ซึ่งสไตล์การต่อสู้พระเอกเรื่องนี้คือใช้ดาบฟัง ถึงเลือดถึงเนื้อ มีความสุขในการต่อสู้ แถมมีนิสัยซาดิสต์หน่อยๆ ถ้าศัตรู (ที่ไม่ใช่ทคน) ทำเกรียนมใส่ พระเอกจะฟันตัดแขนตัดขา ให้ศัตรูลิ้มรสความหวาดกลัวสุดขีดก่อนที่จะฆ่าด้วย

    อย่างไรก็ตาม ประวัติชาติก่อนของพระเอกก็ถูกเอามาเฉลย ในตอนที่พระเอกทำเควสแห่งหนึ่ง และสู้กับปีศาจตัวแรกได้อยู่สูสี แล้วเทพธิดาก็เฉลยว่าสาเหตุที่พระเอกเก่งการต่อสู้นั้น เพราะชาติที่แล้วเขาเคยเป็นทหารญี่ปุ่นต่อสู้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 และฆ่าคนหลายร้อยคน 

    แม้ว่าไม่มีการระบุว่าพระเอกไปรบส่วนใดของประเทศจีน เพราะทหารญี่ปุ่นยึดหลายเมืองมาก แต่ก็มีการโยงให้พระเอกไปที่นานกิง ซึ่งเห็นเหตุการณ์สังหารหมู่ที่เลวร้ายในประวัติศาสตร์จีน แถมมันดราม่าง่ายสุด 

    (มีการสังเกตเรื่องจำนวนคนที่พระเอกฆ่า โดยพระเอกฆ่าคนไป 912 คน ก่อน และเมื่อสงครามเริ่มก็วเพิ่มเป็น 3,712 ในระหว่างสงคราม เมื่อแยกตัวเลขออกมาคือเลข 9, 37 กับ 12 ซึ่งคล้องกับวันที่ 9 ธันวาคม 1937 ซึ่งฃวันที่ทหารญี่ปุ่นล้อมนานกิงก่อนจะบุกเข้าไป) 

    บวกกับความชื่นชอบการต่อสู้ ความซาดิสต์ของพระเอกทำให้รู้สึกแย่ไปด้วย (ปกติตัวเอกที่มีประวัติเคยรบสงครามโลกครั้งที่ 2 จะไม่ได้รู้สึกชื่นชอบสนามรบมากนัก)

    ต่อมา มีการขุด Twitter ของ MINE คนแต่งนิยาย ก็พบข้อความที่แสดงถึงเกลียดชังต่อประเทศจีน โดยเขาได้กล่าวว่าประเทศจีนเป็น ประเทศแห่งความบกพร่องและ ประเทศแมลงคราวนี้แหละ ดราม่าก็เข้มข้นขึ้น คนแต่งไม่มีสิทธิที่จะแก้ตัว จนต้องออกมาขอโทษ ทำให้อนิเมะ, มังงะ และนิยายหยุดไปพักใหญ่ (แต่รู้สึกจะกลับมาภายหลัง แค่แก้เนื้อหาใหม่ เพราะมังงะตอนใหม่ก็ออกแล้ว)

    เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งดราม่าที่น่าจดจำประจำปี 2018 มาก

     

    8. ดราม่าตั้งแต่ไม่ฉาย


    เอาตรงๆ ว่าเป็นดราม่าที่ลากยาวตั้งแต่ปี 2017 จนมาถึงปี 2018 ก็ยังคงดราม่าไม่เลิก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็กลายเป็นอนิเมะที่หลายคนตั้งตาดู ทั้งแบบคาดหวัง และรอซ้ำเติม กับ Kemono Friends to Get Season 2! ที่จะมาในปี 2019 

    ตอนภาคแรกของ Kemono Friends ประกาศจะสร้างนั้น บางคนแอบหัวเราะชอบใจ เกมพึ่งปิดบริการไป อนิเมะจะไปรอดเรอะ แถมชื่อสตูดิโอที่ทำแทบไม่เคยได้ยิน ชื่ออะไรนะ ผู้ผลิตอนิเม Yaoyorozuผู้อำนวยการสร้าง (Director-ผู้กำกับ) ก็เป็นทัตสึกิ (Tatsuki) ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะไม่มีใครรู้จักเลย

    จนเมื่ออนิเมะออกมา ตอนแรกๆ กระแสถือว่าแย่มาก แล้วยังโดนวิจารณ์แง่ลบจากอนิเมชั่น 3D ทุนสร้างต่ำ ตัวละครไม่เนียนเลย ไม่มีความน่ารัก ภาพดูเผา คุณภาพต่ำ การเคลื่อนไหวแข็งๆ แถมเนื้อหาก็ดูจะธรรมดาไม่แปลกใหม่ด้วยซ้ำไป บางคนก็เย้ยว่าไปดูมังงะดีกว่า ภาพสวยกว่าอนิเมะเยอะก็มี

    กระทั่งอนิเมะดำเนินไปเรื่อยๆ เสียงบ่นกลับกลายเป็นเสียงชม หลายคนเริ่มมาคิดได้ว่า เนื้อเรื่องอนิเมะเรื่องนี้มันโครตเจ๋งสัสๆ กราฟฟิกที่บอกว่าโครตห่วยกลับมามีเสน่ห์ เสียงพากย์ที่โนเนมก็กลายเป็นติดหู สุโค่ยทาโนชี๊!!!รู้สึกชอบซะงั้น กลายเป็นอนิเมะดังพลุแตก และโดยเฉพาะผู้กำกับก็ยิ่งโดนชมเป็นพิเศษว่า สาเหตุอนิเมะเรื่องนี้เจ๋ง ก็มันสมองทีมผู้กำกับล้วนๆ

    และด้วยความประสบความสำเร็จนั้นเอง นำมาซึ่งดราม่าในภายหลัง เมื่อเครือใหญ่ Kadokawa ได้วางแผนจะทำภาคสองตามสไตล์ตีเหล็กต้องตีขณะยังร้อนๆ เพียงแต่คราวนี้โปรเจคนี้จะไม่ได้อยู่ในมือของ ผู้ผลิตอนิเม Yaoyorozu อีกแล้ว ส่วนผู้กำกับทัตสึกิก็ไม่ได้มาคุม และได้ Kimura Ryuichi ผู้กำกับคนใหม่มาแทน เอาง่ายๆ คือ ไม่เห็นหัวผู้กำกับและทีมงานภาคแรก (แต่เห็นว่าทีมงานภาคแรกยังอยู่)นะ ที่พยายามอย่างหนักจนสามารถทำให้อนิเมะโด่งดังแม้แต่น้อย

    ผลการปลดผู้กำกับ ทำให้เกิดกระแสดราม่าในโลกโซเซียล เหล่าแฟนๆ ซีรีย์ต่างรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากๆ จนเกลียดกระแสความเกลียดชังต่อ Kadokawa จนทำให้เครือใหญ่ต้องให้นักพากย์ออกมาขอโทษแฟนๆ แทน แต่เหล่าแฟนๆ ก็ยังโมโหอยู่ดี และมีบางคนจะบอยคอต Kadokawa (แต่ก็คงทำไมได้) 

    และนั้นทำให้ความเกลียด ความแค้น เลยมาลงที่ Kemono Friends 2 แทน ที่หลายคนรอซ้ำเติม ทั้งๆ ที่อนิเมะแค่ปล่อยตัวอย่าง PV ใหม่ออกมาในยูทูปก็โดน dislike มากมายมหาศาล บ่บอกว่าพวกเขาไม่ปลื้มอนิเมะซีซั่นสองนี้ ทั้งๆ ที่ จากตัวอย่างกราฟฟิกดีขึ้น พร้อมกับเม้นคำว่า No tatsuki no tanoshii! แปลว่า ไม่มีทัตสึกิไม่รุ่ง 

    ต่อมาก็มีดราม่าเกี่ยวกับประกาศรับสมัครสาวๆอายุ 16 - 20 ปีมาพากย์เสียงตัวละครก็ดราม่าอีก เพราะมีบังคับกรอกสัดส่วนขนาดหน้าอกในใบสมัครด้วย นั้นแสดงให้เห็นว่าคนพากย์อนิเมะเรื่องนี้จำเป็นต้องหน้าตาดี ออกงานได้ด้วย

    แล้วดราม่าอีก เมื่อโดน อดีตผู้กำกับ Kemono Friends แฉ ว่าโดนเอาสคริปต์ไปใช้โดยไม่บอกกล่าวเลยสักครั้ง จนคนเกี่ยวข้องต้องออกมาขอโทษ

    เมื่อดราม่ามากขึ้นทุกวัน ตัวผู้กำกับซีซั่นสองก็ออกมาบอกว่า เขาก็ยังคงเคารพเนื้อหาภาคแรก และต้องการสานต่ออยากให้เรื่องราวดูผ่อนคลายแต่ก็มีความลึกลับอยู่

    และล่าสุดก็มีการเปิดเผยตัวละคร ฝั่งมนุษย์ที่มาแทนคาบังจัง เป็นเด็กสาวที่ชื่อคิวรุรุ ยิ่งทำให้หลายคนโกรธเข้าไปใหญ่ ซะอย่างงั้น


    7. เรื่องของศาสนา


    วามจริงดราม่าอันนี้เกิดจากความไม่เข้าใจ ว่าญี่ปุ่นมองพระพุทธเจ้าแตกต่างจากบ้านเรา และมันก็เกิดขึ้นแค่ในประเทศไทย ช่วงนั้นผมโครตเบื่อว่า ไทยแดนกระลาเอย ชาวพุดโครตๆ ไม่มีศาสนาบ้างละ คือ.... จะดีไม่ดี มันเป็นเรื่องของบุคคล ไม่ใช่ตัวศาสนา อย่าเอาตัวเราเป็นเครื่องบรรทัดฐาน

    เรื่องเกิดขึ้นเมื่อ Saint Young Men ประกาศทำซีรีย์คนแสดง หลังจากมังงะประสบความสำเร็ 

    Saint Young Men เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นแนวคอเมดี้ ของ ฮิการุ นากามูระ (Hikaru Nakamura ) โดยเนื้อหาได้กล่าวถึงศาสดาของโลก อย่างพระเยซูคริสต์ และพระพุทธเจ้า ที่ทั้งสองเป็นเพื่อนกัน และอยากมาพักผ่อนในโลกมนุษย์ แล้วทั้งสองเลือกที่ญี่ปุ่น จากนั้นก็ไปเช่าห้องในอพาร์ทเมนท์แถวชานเมืองโตเกียว แม้ว่าทั้งสองจะพยายามซ่อนอัตลักษณ์ของตนเอง แต่ก็มีหลายช่วงที่ทำให้ทั้งสองหลุดออกมา ให้คนภายนอกต้องประหลาดใจ (รวมไปถึงความขำของคนดู)

    ที่นี้มันดราม่าว่าผู้กล่าวว่าการ์ตูนเรื่อง Saint Young Men ลบหลู่พระศาสดาอย่างรุนแรง และได้มีการทำหนังสือร้องเรียนไปยังกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศให้ทำการยับยั้งการเผยแพร่การ์ตูนเรื่องนี้ผ่านทางสื่อออนไลน์ เว็บไซต์ และเฟซบุ๊ค รวมทั้งส่งเรื่องให้ทางกระทรวงต่างประเทศช่วยจัดการดำเนินเรื่องต่อด้วย แต่ผลคือกระทรวงไม่บ้าจี้ตาม ตอบแค่อ้อมๆ ว่าจะไปถามทางญี่ปุ่นให้ แล้วก็จบลงเงียบๆ

    ที่ผ่านมาไทยเราค่อนข้างอ่อนไหวประเด็นศาสนาค่อนข้างมาก ขนาดภาพยนตร์การ์ตูนพระพุทธเจ้าของโอซามุ ที่เปลี่ยนเนื้อหาให้เจ้าชายเจ้าชายสิทธัตถะเก่อนออกบวชเคยผ่านด้านมืดของชีวิตอะไรบ้าง ก็โดนดราม่า กว่าจะเอามาฉายได้ รวมถึงภาพยนตร์ต่างๆ ก็มีดราม่าเลือกฉากไม่งามของพระสงฆ์จนต้องตัดออก แล้วคนก็มาดราม่าว่าทีพระตุ๊ด พระเกย์ทำไมไม่ไปจับ (คนละหน้าที่เว้ย) 

    อย่างไรก็ตาม หากมองอีกมุมมองหนึ่ง Saint Young Men เป็นการ์ตูนตลก ที่ไม่เครียด ซึ่งไม่ใช่การ์ตูนเชิงล้อเลียนศาสนาแรงๆ แต่การ์ตูนเล่นกับสิ่งที่ต่างจากที่เราคิดเอาไว้ ภายใต้คอนเซ็ป คือ ศาสดาเดินดิน” 

    คือ... ปกติเรารู้จักสองศาสดาจากตำราเรียน สิ่งที่เราวาดฝัน จิตนาการ หลักๆ มาจากสื่อต่างๆ ทำให้เราทราบว่าพระเยซูกับพระพุทธเจ้าจะเป็นสองบุคคลที่คนทั่วโลกนับถือ มีบุคลิกน่าเคารพ มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ มีความเป็นอยู่เรียบง่าย และทั้งสองรักความสงบ ไม่หลงใหลในกิเลส นี่คือภาพลักษณ์ที่คนทั่วโลกจดจำ 

    แต่....ตัวการ์ตูน ได้เปลี่ยนทั้งสองศาสดา ให้ต่างจากที่เราคิด คือ ไม่ได้เชิงล้อเลียนตลกหยาบมากเกินไป คือยังตรงกับสิ่งที่เราคิดในกรอบอยู่ แต่คนแต่งได้แอบเจาะกรอบเล็กน้อย คือพยายามปรับให้เข้ากับสังคมปัจจุบัน กลายเป็นว่า พระเยซูในการ์ตูนเรืองนี้เป็นคนไฮเปอร์ พระเยซูค่อนข้างไฮเปอร์ รักทุกคน ชื่นชอบช็อปปิ้ง ในขณะที่พระพุทธเจ้าค่อนข้างเป็นคนที่ตรงกันข้ามกับพระเยซู เป็นคนที่จิตใจสงบ ประหยัด และชอบมังงะ แถมชอบปล่อยมุกตลก (แถมมุกตลกบางอย่างก็แอบล้อทางกายภาพของพระองค์) 

    ทั้งสองศาสดามีชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย เช่าห้องในห้องเช่าที่เก่า โทรมๆ ไม่ได้ฟุ่งเฟ้อ (ใช้เงินจากสาวกในสวรรค์) และต้องการที่จะใช้ชีวิตเหมือนคนญี่ปุ่น และท่องเที่ยว ศึกษาวัฒนธรรมต่างๆ 

    ตัวการ์ตูนแสดงให้เห็นว่าสองศาสดาโลก คือมนุษย์เดินดินคนหนึ่ง 


    6. ชะตากรรมของอาเช่


    Overlord III ตอนที่ 7-8 น่าจะเป็นตอนที่หลายคนพูดถึงกันเยอะเกี่ยวกับ ชะตากรรมของอาเช่

    ต้องเข้าใจว่าช่วงหลังๆ นิยาย Overlord งานดรอปลงไปเยอะ ซีซั่น 3 เอง ฉากที่หลายคนคาดหวังก็ทำออกมาหนักไปทางแย่ CG แข็งมาก ดังนั้นเรื่องของอาเช่จึงเป็นส่วนที่สนุกของเรื่องนี้แล้ว

    ตัวละครอาเช่ปรากฏครั้งแรกตอนที่ 6 อยู่ในกลุ่มนักผจญภัยระดับอาดามันไทต์เข้าร่วมภารกิจสำรวจสุสานนาซาริค โดยอาเช่เป็นจอมเวทย์ที่มีพรสวรรค์รับงานยากๆ หลายครั้งเพื่อเอาเงินไปให้คอรบครัวที่เป็นเศรษฐีที่ตอนนี้กำลังถังแตกใช้จ่ายเกินตัว โดยเธอหวังว่าจะได้เงินภารกิจใหญ่นี้ช่วยน้องสาวสองคนของเธอออกจากตระกูล

    แต่กลายเป็นว่าภารกิจนี้เป็นภารกิจสุดท้ายของอาเช่ สำหรับไอนซ์แล้วถือว่าเป็นสิ่งที่ยอมไม่ได้หากใครก็ตามที่บุกรุกสุสานต้องตายสถานเดียว และนั้นทำให้กลุ่มนักผจญภัยทั้งหลายต่างถูกมอนสเตอร์ประจำสุสานนาซาริคฆ่าตายทีละคน แถมกลุ่มของเธอยังเจอไอนซ์ พรรคพวกเห็นว่าสู้ไม่ได้จึงตั้งใจถ่วงเวลาที่ให้ อาเช่ หนีจากการต่อสู้เพื่อน้องสาว อาเช่ถูกล่าโดยแชลเชียร์ที่ได้รับคำสั่งจากไอนซ์ จนเธอไม่มีทางหนี และให้ฆ่าทันที ซึ่งถือเป็นความเมตตาของไอนซ์ที่ไม่ต้องทรมานเหมือนคนอื่น

    ในตอนใกล้จบก็มีการเปิดเผยว่าศพของอาเช่ถูกใช้ประโยชน์แก่นาซาริคยังไงบ้าง ไม่ว่าจะเป็น หลอดเสียงจากร่างของอาเช่ ใช้เป็นเสียงใหม่ของเอ็นโทมะส่วน ศีรษะใส่ให้แก่มอนสเตอร์ ส่วน แขน ไปทำเป็นเครื่องประดับ, หนัง ให้ เดมิเอร์จ และ พวกอันเดดกินซากที่เหลือ 

    และตอนท้ายเราจะเห็นน้องสาวอาเช่ที่รอพี่สาวกลับมา ซึ่งมันเป็นไม่ได้ แถมตอนหลังคนแต่งก็ออกมาบอกชะตากรรมของน้องสาวฝสแฝดอาเช่ว่า พออาเช่ไม่อยู่ ตระกูลของเธอก็ล่มสลาย และถูกขายใช้แรงงานหนัก และตายจากอุบัติเหตุจากงานที่ทำ

    เรื่องชะตากรรมของอาเช่เป็นสิ่งที่หลายคนพูดมากในซีซั่น 3 ของ Overlord III ซึ่งหลายคนวิจารณ์ว่าพระเอกใจร้าย ในขณะที่บางคนบอกว่านี่แหละคือสิ่งที่เรียกว่าจอมมาร

    ความจริงจะโทษคนแต่งก็ไม่เต็มปาก เพราะต้นฉบับเว็บอาเช่ไม่ได้ตาย แต่เป็นทาสเซ็กต์ของแชลเชียร์ (แม้เป็นทาสแต่สวัสดิการดีมาก ถึงขั้นตอนหลังอาเช่รับน้องสาวสองคนมาอยู่ด้วยกัน แอปปี้เลยทีเดียว) หากใครคิดภาพอาเช่ไม่ออกก็ให้ไปดูโดจิน

    อย่างไรก็ตาม ไม่รู้เพราะอะไร ต่อมาคนเขียนมีการเปิดโหวต ว่าจะมีการแก้บทอาเช่มีชีวิตต่อหรือไม่ ซึ่งปรากฏว่าผลโหวตของคนอ่านอยากให้อาเช่ตาย ซึ่งก็น่าจะเดาได้ว่าอยากให้ออกในรูปแบบนี้ เพราะคนอ่านก็อยากอ่านอะไรที่แตกต่างจากของเดิม หรือ เหมือนกรณีโจ๊กเกอร์ฆ่าโรบิน

    อีกทั้งมันเป็นเรื่องของความรู้สึกของจอมมาร ซึ่งไม่ได้มีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่ เป็นอันเดธทั้งกายและใจ เพียงแต่มีความทรงจำของมนุษย์อยู่บ้าง ที่กระรอกเองให้โอกาสแก่นักผจญภัยหลายครั้ง ทั้งวางทรัพย์สมบัติให้ตั้งแต่ปากทางเข้าสุสาน หากนักผจญภัยเอาไป ก็จะไม่ทำอะไร แต่กลายเป็นว่านักผจญภัยเกิดโลภมากเกินไป จึงเข้าไปในสุสานเพราะคิดว่าข้างในอาจมีของมีค่ากว่านี้อีก 

    และส่วนหนึ่งที่ผ่านมาหลายคนเห็นพระเอกฆ่าพวกคนชั่ว พวกที่อวดเก่งคิดว่าฝีมือของตนแน่ แต่ตอนหลังๆ พระเอกหันมาทำร้ายคนดีๆ เปิดฉากสังหารหมู่ จนขาดอารมณ์ช่วงแรกๆ หมด 

    อย่างไรก็ตาม เอาเข้าจริง ผมเองก็ไม่ได้เห็นดราม่าที่ว่า มันเถียงกันที่ไหน แต่เดาว่าน่าจะเป็นของฝรั่งซึ่งใครจะมองว่าเฉยๆ ก็แล้วแต่ สำหรับผมมันเป็นช่วงที่ดีที่สุดในซีซั่น 3 แล้วละมั้ง


    5. นักวาดซามูไรพเนจรโดนจับข้อหามีสื่อลามกเด็กครอบครอง


    ปี 2018 เป็นปีที่นักเขียนการ์ตูนดังๆ หลายคนมีดราม่า และอาจกระทบกับคนอ่านหลายคนเหมือนกัน (หากคุณเสพผลงาน และดูนิสัยคนแต่งด้วย )

    ที่ดังคือเรื่องของ โนบุฮิโระ นิชิวากิ หรือ นามปากกาคือ วาสึกิ โนบุฮิโระ (Watsuki Nobuhiro) นักเขียนการ์ตูนวัย 47 ปี ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังจากผลงานการวาดซีรีส์การ์ตูนหลายเรื่อง (แต่ส่วนใหญ่โดนตัดจบ) โดยเฉพาะ ซามูไรพเนจร’ (รูโรนิ เคนชิน) และกำลังมีผลงาน"ซามูไรพเนจร ภาคฮอกไกโด" (Rurouni Kenshin: Meiji Kenkaku Romantan – Hokkaidou Hen)” ในนิตยสาร Jump SQ ของบริษัทชูเอฉะ ตั้งแต่ปี 2017 อยู่เวลานี้

    แม้ว่าซามูไรซามูไรพเนจร ถูกตีพิมพ์ในนิตยสารการ์ตูนจัมป์รายสัปดาห์ระหว่างปี 1994-1999 ตอนนี้ก็ยังคงดังอยู่ จากการสร้างภาพยนตร์คนแสดง และคนแต่งก็ทำภาคใหม่ออกไกโ

    อย่างไรก็ตาม ยังที่มังงะภาคใหม่ออกมาไม่นาน ก็มีเรื่องดราม่า เมื่อคนแต่งโดนจับกุมในข้อหาครอบครองภาพลามกอนาจารเด็ก ที่ตำรวจทำการบุกค้นในสำนักงาน และบ้านของนายวาสึกิ ซี่งประกอบด้วยแผ่นดีวีดีบรรจุวิดีโอภาพเปลือยของเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี ซึ่งไม่รู้มีจำนวนแค่ไหน แต่เท่าที่รู้สึกก็คงเยอะพอดู (ต้องเข้าใจว่า แม้ญี่ปุ่นมีธุรกิจ JAV แต่สื่อลามกเด็กถือว่าผิดกฎหมายอยู่)

    นายวาสึกิ ยอมรับข้อกล่าวหา และสารภาพกับเจ้าหน้าที่สืบสวนว่า เขามีความสนใจในภาพนู้ดของเด็กหญิงตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงราวๆ ชั้นมัธยมต้นปีที่ 2

    ผลการจับกุมคนแต่งซามูไรพเนจรทำให้สำนักพิมพ์หนยุดการเผยแพร่"ซามูไรพเนจร ภาคฮอกไกโด เอาไว้ชั่วคราว แม้บางคนอาจมองว่าต่อให้คนแต่งจะเป็นยังไงก็ช่าง ถ้าผลงานดีก็ติดตาม แต่ในทวิตเตอร์ญี่ปุ่นเองก็ร้อนแรงข่าวนี้น่าดู เพราะซามูไรพเนจรเป็นการ์ตูนที่เน้นคุณธรรม 

    อย่างไรก็ตาม ตามข่าวล่าสุด พบว่าผู้แต่งแค่โดนปรับ 200,000 เยน และได้กล่าวแสดงความเสียใจอย่างที่สุดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนจะกลับมาทำผลงานต่อ ซึ่งความรู้สึกของคนอ่านจะกลับมาเหมือนเดิมหรือไม่นั้น ก็ติดตามต่อไป

     

    4. ผลพวงจาก Darling in the FranXX ตอนที่ 14 ถึงขั้นขู่ฆ่ากันเลย


    Darling in the FranXX เป็นอนิเมะที่หายคนดูกัเยอะในปี 2018 เป็นแนวขับหุ่นที่ไม่เน้นการขับหุ่น!?? และหลายคนก็รู้ตอนจบแล้วก็จะดีหรือไม่ก็แล้วแต่คุณ (ส่วนผมไม่ได้ดู ขนาดมังงะยาบูกิก็ไม่ได้ดู)

    Darling in the FranXX คืออภิมหาโปรเจ็คของ Aniplex โดยเป็นเรื่องราวของอนาคตที่มนุษย์ต้องสู้กับสิ่งมีชีวิตลึกลับ โดยหุ่นยักษ์ และพระเอกชื่อฮิโระไม่ได้รับเลือกขับหุ่น หากแต่วันหนึ่งเธอก็เจอเด็กสาวลึกลับชื่อ ซีโร่ทรู

    อย่างไรก็ตามประเด็นดราม่ามันอยู่ตอนที่ 14 ที่เป็นประเด็นสั้นๆ แต่รุนแรงสำหรับใครหลายคน ประเด็นอยู่ที่ตัวละครที่ชื่ออิจิโกะที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กพระเอก ที่พยายามรั้งฮิโระไม่ให้ไปตามหาซีโร่ทู ด้วยการชิงจูบพร้อมสารภาพรักจนฮิโระหยุดตามซีโร่ทูไป การกระทำของอิจิโกะทำให้หลายคนไม่พอใจมาก เพราะอิจิโกะมาแทรกความรักระหว่างฮิโระกับซีโร่ทรู พร้มอมด่าว่าอิจิโกะแบบด้วยคำว่า Bitchigo (เป็นการผสมคำด่า Bitch + ชื่อตัวละครอิจิโกะ) ใช้กันอยู่ช่วงหนึ่ง บ้างก็แช่งให้ตัวละครอิจิโกะตายๆ ไปซะ (ซึ่งตอนนี้ซีโร่ทรูก็ยังไม่ได้ชอบฮิโระจริงๆ จังๆ ด้วยมั้ง)

    เอาตรงๆ สำหรับแนวรักๆ ก็ต้องมีอีเวนส์แบบนี้บ้าง สิ่งที่อิจิโกะถือว่าเป็นเรื่องปกติที่เธอจะรักใคร ชอบใครสักคน ก็อยากให้เขาสนใจ ต้องการให้เขารู้งว่าเราเป็นห่วง หากไม่ทำแบบนี้ก็จะไม่รู้ว่าเรารักเขา เราเป็นห่วงเขาจริงๆ ไม่ใช่การเสแสร้ง 

    มันสนุกตรงพระเอกแก้เกม แต่ส่วนใหญ่สุดท้ายก็เอานางเอกสัมปทานตอนท้ายอยู่ดีแหละ เรื่องปกติ ดูแนวนี้บ่อยแล้ว อย่างดีก็ "พวกเธอคือปีกของฉัน" จะโครตฟิน ตำนานกว่า 

    หลังจบตอนที่ 14 ก็เกิดเสียงแตก ดราม่าร้อนแรง ดราม่ากันเกิดขึ้นในตอนนั้นถึงขนาดมีการขู่ทำร้าย หรือขู่ฆ่าทั้งผู้กำกับ ผู้เขียนบท และลามไปจนถึงนักพากย์เลยด้วย

    อย่างไรก็ตาม หลังจากตอนที่ 14 เป็นต้นไป เนื้อหาก็ไม่ได้ร้องแรงอีก จนหลายคนเริ่มตำหนิอนิเมะว่าสนุกช่วงต้น ตอนหลังก็ไม่สนุกแล้วละ แนวรักสามเศร้า ชัดๆ ไม่เห็นมีหุ่นขับสู้กันมันๆ เลย จนถึงตอนจบ ก็จบลงไม่ปังหลายคนอีก (แต่หลายคนเริ่มชิน ทำใจ แนวขับหุ่นหลังๆ ชอบจบแบบนี้แหละ) 

    ก็กลายเป็นอนิเมะที่ไม่รู้จะได้กลายเป็นตำนานหรือเปล่า


                 3.  การตายที่น่าจดจำ (หรือเปล่า?)

                

                 อีกหนึ่งดราม่า ก็ไม่รู้นะ เอาเป็นว่าฉากสำคัญแห่งปี 2018 ละกัน ว่ามีการพูดถึงในต่างชาติและไทย และความจริงไม่อยากจะเขียนเรื่องนี้สักเท่าไหร่ แต่จำเป็นต้องเขียน ไม่งั้นจะเหมือนขาดอะไรบางอย่าง

    คนข้างๆ ผมบอกว่า การที่จะทำให้คนจะติดตามดูการ์ตูนสักเรื่อง จะต้องใส่ฉากที่ทำให้คนดูเกิดความรู้สึกกระแทกใจ ติดตา ติดความทรงจำ ยุบยับ รบกวนจิตใจ ในตอนแรกของการ์ตูน หากทำได้คนดูคนนั้นจะติดตามดูตั้งแต่ต้นจนจบ

    ก็อบลิน สเลเยอร์ คือหนึ่งในนั้น เรื่องราวของตัวพระเอกที่อดีตมีปมความแค้นเกี่ยวกับพวกก็อปลิน เลยมาเป็นก็อบลิน สเลเยอร์ที่ฆ่าแต่พวกก็อปลิ 

    และที่นี้อนิเมะที่มีการพูดถึงมากที่สุดกับเป็นตอนแรกของอนิเมะเรื่องนี้

    โดยฉากที่ว่านี้นักบวชนางเอกของเรื่อง ตอนแรกๆ เธอไปทำเควสร่วมกับปาร์ตี้มือใหม่ ประกอบไปด้วยหนุ่มนักดาบ, สาวเวทย์, สาวนักสู้ ในถ้ำก็อบลิน พร้อมดูถูกด้วยว่า แค่ก็อบลินแต่กลายเป็นว่านักดาบหนุ่มโดนก็อบลินฆ่า สาวเวทย์โดนก็อบลินเชือดคอ และสาวนักสู้โดนก็อบลินจับข่มขื่น และฉากสาวนักสู้โดนก็อยลินข่มขื่นนี้แหละคือฉากที่พูดถึงในปีนี้เลย คือเต็มไปด้วยความรุนแรง สื่อถึงเพศ ข่มขื่นชัดเจน (และมันทำให้ผมเกลียดเรื่องนี้ด้วย) 

    หลังจากอนิแมะตอนแรกออกฉาย ก็มีกระแสด้านบวก และด้านลบปะปนกัน ทั้งไทยและต่างประเทศ บางคนเสนอให้แบนเรื่องนี้ด้วยซ้ำ ก่อนที่คนจะพูดว่าแค่แรงตอนแรกน่า ตอนอื่นๆ ไม่เท่าไหร่ (ส่วนตัวผม มันก็ไม่ดีทั้งเรื่องแหละ.... และผมไม่สนับสนุนมีฉากข่มขืนทุกแนวนะ) 

    ความจริงใครที่อ่านนิยายและมังงะก็ต้องรู้ว่ามันต้องมีฉากนี้อยู่แล้ว บางคนบอกว่ารอดูอนิเมะว่าฉากนี้จะตัดถอน หรือทำได้หดหู่หรือเปล่า เรียกว่าอนิเมะเรื่องนี้จะดีหรือไม่ดีก็ขึ้นอยู่กับฉากนี้ทีเดียว ส่วนฉบับมังงะเรียกว่าโหดมากเกือบทุกตอนนี่ต้องมีฉากเลือดสาด ไม่ก็สาวๆโดนก็อบลินปู้ยิ้ปู้ยำ

    ส่วนฉบับนิยายนี่ซอร์ฟกว่าฉบับมังงะ บางฉากคนเขียนก็อธิบายคร่าวๆ ให้คนอ่านใช้จินตนาการเติมความรุนแรงเอาเอง แต่ก็ยังมีฉากที่แรงอยู่ดี..ความจริง ผมอยากให้จัดเรตนิยายบ้านเรานะ 

    ปัจจุบันอนิเมะก็จัดอยู่ในระดับนิยม พร้อมกับมุก Meme สาวนักบวชพูดแบบหน้าตายว่า เดี๋ยวก็ชินค่ะเอ่อ.... ส่วนนักสู้สาวก็ถูกเอามาล้ออย่งสนุกสนาน (โครตน่าสงสารยังไงไม่รู้)


                      2 &1. ปีแห่งความซบเซาสิ่งพิมพ์และการปราบปรามละเมิดลิขสิทธิ์

                   

                   ปี 2018 ยังคงเต็มไปด้วยปีดราม่าเรื่องความซบเซาของวงการสิ่งพิมพ์ทั้งไทยและเทศ และนำมาซึ่งการจัดระเบียบลิขสิทธิ์ต่างๆ 

                      เอาเรื่องของบ้านเราก่อน อย่างที่ทราบกันว่าที่ผ่านมา ค่าการ์ตูนที่มีลิขสิทธิ์ใหญ่ๆ ใกล้ล้มสลาย ลิขสิทธิ์มังงะน้อยลง ตีพิมพ์น้อยลง เรื่องดังๆ ยังตีพิมพ์ก่อน ส่วนเรื่องไม่ดังดอง  แม้ว่าจะมีสำนักพิมพ์ใหม่เกิดขึ้น แต่ราคาหนังสือแพงขึ้นหลายเท่า ตอนนี้ราคา 60-120 อัฟ อย่างต่ำ

                    และการเกิดค่ายฟินิกซ์ที่หลายคนแทบร้องยี้ที่สุดคือราคาแพงมาก ทั้งนิยาย และมังงะ และคุณภาพการแปลไม่คุ้มกันเงิน รวมถึงการเกิดเว็บกวีบุ๊คที่ซื้อลิขสิทธิ์นิยายหลายเรื่องในเว็บนายท่าน ปัญหาคือหลายเรื่องคนนิยมอ่านกัน และเว็บกวีบุ๊คไม่ทำเป็นรวมเล่ม แต่ใช้วิธีจ่ายเงินเปิดล็อคตอนอ่านแทน ทำให้หลายคนไม่พอใจเป็นอย่างมาก

                          นอกจากนี้ยังมีดราม่า สาเหตุสำนักพิมพ์เริ่มซบเซา ด้วยการ้างสาเหตุว่าคนอ่านในอินเตอร์เน็ตไม่ยอมซื้อ  แต่ก็มีคนออกมาโต้ว่าเพราะสำนักพิมพ์เอาเรื่องดังก่อน ไม่ดังก็เอามาดอง ทำให้คนอ่านไม่มีทางเลือกต้องมาดูทางอินเทอร์เน็ต บางสำนักพิมพ์ก็ดันดันไปซื้อลิขสิทธ์เรื่องใหม่มาออกเล่ม 1 ไปเรื่อย ๆ แล้วเล่มสองไม่ออก ดองไว้ เพราะยอดขายไม่ดี ก็กลายเป็นเรื่องน่าปวดหัวไป และไม่รู้ว่าสำนักพิมพ์ไทยจะปรับตัวได้หรือไม่กับ โลกที่เปลี่ยนแปลงไปแบบนี้

                            ส่วนญี่ปุ่นเองก็มีดราม่าเรื่องการกวาดล้างเว็บการ์ตูนเถื่อน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้หลายสำนักพิมพ์การ์ตูนปิดกิจการ และสำนักพิมพ์สูญเสียรายได้เป็นจำนวนมากการ์ตูน จนนักเขียนการ์ตูนบางคนออกมาขอร้องว่าอย่าดูแต่เถื่อน ช่วยอุดหนุนรวมเล่มด้วย  ทางญี่ปุ่นเองก็พยายามกวาดเว็บแฟนซับหรือเว็บการ์ตูนเถื่อน ด้วยมาตรการขั้นเต็มขาด ทำให้มีเว็บปล่อยการ์ตูนแบบ RAW ผิดกฎหมายปิดหลายเว็บ ในหลายประเทศ อีกทั้งยังเปิดให้มาดูการ์ตูนแบบถูกลิขสิทธิ์แทน โดยที่จ่ายเงินไม่แพงเกินไป แต่ประเด็นคือคนไทยคงไม่ใช้บริการ เพราะเป็นซับญี่ปุ่นลุ้น อย่างมากก็มีซับอังกฤษ  

                        ล่าสุดไม่รู้ว่าเพราะผลกระทบนี้หรือเปล่าทำให้เว็บปล่อย RAW ที่ผมรู้จักหลายเว็บปิดตัวลง โดยเฉพาะเว็บเของกาหลี จนจอนนี้เหลือไม่กี่เว็บเท่านั้น ซึ่งก็ดูกันยาวๆ ว่าปี 2019 จะมีอะไรให้พูดถึงอีกหรือไม่


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×