คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #427 : (เฮ้ยจริงหรือ!?) ชุดว่ายน้ำโรงเรียนและบลูมเมอร์ในตำนาน!??
ก่อนอื่น อาจจะช้าไปสักนิด แต่ก็ขอเริ่มต้นว่า “สวัสดีปีใหม่” ครับ แม้ว่าปีนี้ ก็คงไม่แตกต่างจากปีก่อนๆ สักเท่าไหร่ ที่คงจะมีเรื่องช็อกโลกอะไรสักอย่าง ทั้งดี ก็ไม่ดี แต่ถึงอย่างนั้นก็ขอให้ชีวิตท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยปัญหาเหมือนเช่นทุกวัน หรือดีขึ้นกว่าเดิมนะครับ (ส่วนตัวผมก็ยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิมแหละ)
สำหรับบทความนี้ ก็ขอคิโม่ยอีกแล้ว และจะเขียนเรื่องที่ไม่ค่อยมีใครเขียนกัน นั้นคือความงามของชุดว่ายน้ำโรงเรียนและบลูมเมอร์ ชุดในตำนานในการ์ตูนญี่ปุ่น ที่ชีวิตจริงไม่มีทางได้เห็นชุดแบบนี้แล้ว (นอกจากคนกล้าแต่งในงานคอสเพลย์)
เห็นผมเป็นแบบนี้นะครับ ผมค่อนข้างให้ความสำคัญกับการแต่งกายของตัวละครนะครับ (แม้ตัวเองจะแต่งกายไม่ได้เรื่องก็เถอะ) เรียกได้ว่าหากเรื่องไหนเครื่องแต่งกายตัวละครแย่ รุงรังนี้ ผมแทบให้ติดลบ และไม่ดูเลย
สำหรับผมแล้ว มีสองเครื่องแบบแต่งกายที่ผมไม่ชอบสุดๆ คือเครื่องแบบในโรงเรียนแฟนตาซีที่มีโบว์ใหญ่ๆ และกระโปรงฟูฟ่อง เห็นแล้วมันดูรุ่มร่ามไม่มีความเป็นชุดนักเรียนเสียเลย กับชุดต่อสู้ที่น้อยชิ้น จนไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าเป็นชุด ดูจะเป็นที่ปิดบังจุดสงวนด้วยซ้ำ ดูแล้วมันไม่มีเซนต์เลยพบฝ่า
การแต่งกายของตัวละคร คอสตูม (Costume) มีความสำคัญเสมอ ไม่ว่าจะเป็นชุดในชีวิตประจำวัน ชุดนักเรียน ชุดทำงาน ชุดต่อสู้ ฯลฯ ล้วนมีส่วนทำให้การ์ตูนเรื่องนี้ดูโดดเด่นน่าจดจำมากขึ้น และเชื่อผมเถอะ นอกจากการออกแบบตัวละครแล้ว ชุดนี้แหละคือสิ่งที่ส่งเสริมให้ตัวละครโดดเด่นมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของชุดต่อสู้ ผมได้พูดถึงไปบ้างแล้ว ในบทความก่อน หากแต่ในบทความนี้เราจะเน้นสองชุดในตำนาน ที่เชื่อว่าหลายคนคุ้มตาดี แม้จะเห็นในการ์ตูนเยอะมาก แต่ในชีวิตจริงไม่เคยเห็น เพราะไม่มีอีกแล้ว มันก็คือ ชุดว่ายน้ำและบลูมเมอร์นั้นเอง
ขอเริ่มจากชุดว่ายน้ำโรงเรียน ( School Swimsuit) หรือ Sukumizu ตามวิกีพีเดียได้ให้ความหมายว่า เป็นชุดว่ายน้ำสำหรับนักเรียน ในชั่วโมงว่ายน้ำ ของญี่ปุ่น โดยของผู้ชายนั้นจะสวมแค่กางเกงว่ายน้ำโทนสีเขียวเข้ม (สาเหตุที่เป็นสีเขียวเข้ม ก็เพื่อให้เวลาเปียกน้ำจะไม่โปร่งใสจนเห็นผิวด้านใน ดังนั้นแล้ว เราจะไม่เห็นชุดว่ายน้ำโรงเรียนสีขาวในโลกแห่งความจริง ยกเว้นหนังโผ๊) ส่วนผู้หญิงจะสวมชุดว่ายน้ำแบบ One-Piece Swimsuit (ชิ้นเดียว) หรือชุดว่ายน้ำสองชิ้น และท่อนบนจะเป็นเหมือนเสื้อกล้าม ซึ่งเสื้อผ้าเหล่านี้จะมีส่วนผสมของเส้นใยสังเคราะห์ เช่น ไนลอน และโพลีเอสเตอร์ (แน่นอนว่าชุดว่ายน้ำโรงเรียนหญิงเป็นชุดที่รู้จักมาที่สุด และคุ้นเคยที่สุดสำหรับคอการ์ตูน)
ชุดว่ายน้ำโรงเรียน เริ่มโผล่ออกมาในช่วงปี 1950 เป็นช่วงเวลาที่ไนลอนได้กลายเป็นส่วนประกอบหลักในชุดว่ายน้ำเพราะความยืดหยุ่นเป็นพิเศษ และเริ่มผลิตจำนวนมาก จนกลายเป็นธุรกิจที่ร่ำรวย
ชุดว่ายน้ำโรงเรียนของผู้หญิงนั้นมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง (จจากข้อมูล มีกถึง 5 รูปแบบที่เห็นกัน ประกอบด้วย “old-old type”, “old type”, the “new type”, the “competition type” และ the “spats type”.) และนอกจากนี้ชุดว่ายน้ำแต่ละโรงเรียนก็ไม่เหมือนกัน แต่ชุดที่เราเห็นมากที่สุด หลักๆ คือ old-old type”, “old type” (ไม่ขอลงรายละเอียดมาก เพราะชีวิตจริงไม่เคยเห็นของจริง และไม่เคยสัมผัส)
แบบ old หรือรูปแบบกระโปรง เป็นชุดชิ้นเดียว มีตะเข็บอยู่ด้านข้างซ้ายและขวาเพื่อความยืนหยุ่นของหน้าอก และบั่นท้ายจะมีลักษณะเหมือนตัว U คว่ำลง (แต่ด้านหน้ายังเว้าสูงเล็กน้อย และมี
แบบ old-old จะเป็นแบบชุดว่ายน้ำสองชิ้น ที่ท่อนบนจะแอบเหมือนกระโปรง
และ new type เริ่มมีเว้นสูงเล็กน้อย พร้อมมีรอยตะเข็บแนวตั้ง ระหว่างด้านข้างของชุด ดูเป็นแบบชุดว่ายน้ำมาตรฐานเล็กน้อย แต่สีก็ยังสีน้ำเงินเข้มอยู่ดี
ไม่ว่าจะเป็นแบบใด จุดเด่นของชุดว่ายน้ำของโรงเรียนก็ยังคงเป็นสีฟ้าเข้ม และป้ายชื่อที่ดินด้านของชุดว่ายน้ำ บริเวณหน้าอก ก็เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องอธิบายมากความ ว่ามันคือชุดว่ายน้ำโรงเรียน
อย่างไรก็ตาม ความจริงแล้ว นอกเหนือจากชุดว่ายน้ำแล้ว ยังมีหมวกอาบน้ำที่ใช้ครอบหัวของผู้หญิงเพื่อไม่ให้เส้นผมเปียกม้า แต่เนื่องจากหมวกอาบน้ำไม่มีความโมเอะเลย ทำให้สื่อบันเทิงจึงตัดอุปกรณ์นี้ออกไป เหลือแต่ชุดว่ายน้ำแบบเดียวเท่านั้น
สำหรับการ์ตูนญี่ปุ่นหลายเรื่องแล้ว ชุดว่ายน้ำโรงเรียน ถือว่าเป็นชุดที่ขาดไม่ได้ เป็นสิ่งสำคัญมากๆ เพราะถือว่าเป็นสิ่งทำให้เกิดแฟนเซอร์วิส และตัวละครโมเอะ ที่จะส่งเสริมให้ตัวละครโดดเด่นมากขึ้น โดยเฉพาะตัวละครที่เป็นเด็กผู้หญิง ที่ไม่บรรลุนิติภาวะ เด็กผู้หญิงที่ตัวเล็กๆ จะเหมาะสำหรับชุดว่ายน้ำมาก การใส่ชุดนี้ยิ่งเพิ่มความน่ารัก ความโมเอะเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ชุดว่ายน้ำ ยังกลายเป็นมุกตลก ให้แอบขำๆ อีกด้วย เป็นต้นว่าตัวละครที่อยู่มัธยมปลาย หรือเป็นผู้ใหญ่แล้ว มาสวมชุดว่ายน้ำโรงเรียนที่ไม่เหมาะกับอายุตนเอง ก็ทำให้ดูตลก เพราะดูยังไงก็ไม่เหมาะสมกันเลย ก็ช่วยให้ตลกและดูเป็นแฟนเซอร์วิสมากขึ้น หรือตัวละครบางคนเป็นผู้หญิงที่อายุมากหากแต่มีรูปร่างและหน้าตาเหมือนเด็กประถมที่มักวืดอีกครั้งเวลาโดนคนอื่นจับสวมชุดว่ายน้ำโรงเรียน
(บางตัวละครหญิงที่สวมใส่ชุดว่ายน้ำ แต่ไม่ได้อยู่โรงเรียนมัธยมก็มี)
และนอกจากเราเห็นชุดว่ายน้ำจากคาบเรียนว่ายน้ำ หรือสระว่ายน้ำแล้ว เรายังเห็นชุดว่ายน้ำโรงเรียนรูปแบบการต่อสู้ กล่าวคือพวกผู้หญิงใช้ชุดว่ายน้ำเป็นเครื่องแบบต่อสู้ในสนามรบ แถมสนามรบที่ว่า มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับน้ำเลย เป็นต้นว่า นินจาในชุดว่ายน้ำโรงเรียน, ชุดว่ายน้ำบินบนเวหา จนบางคนแอบสงสัยว่าทำไมมันต้องเป็นชุดว่ายน้ำ? ทั้งๆ ที่ไม่เห็นใช้ว่ายน้ำเลย หรือบางเรื่องที่เป็นแนวแฟนตาซี เราจะเห็นตัวละครบางคนใส่ชุดว่ายน้ำโรงเรียนไปไหนมาไหนราวกับเป็นชุดประจำตัวไปแล้ว (ทั้งๆ ที่ไม่ได้ใส่ว่ายน้ำเลย) หากจะหาคำตอบละก็ ไม่มี นอกจากจะบอกว่ามันเป็นแฟนเซอร์วิสเท่านั้นเอง (แต่ถ้าจะให้จริงจัง ก็ตอบว่า ชุดว่ายน้ำกระชับร่างกาย ทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้สะดวก เสมือนไม่ได้ใส่อะไร...)
ถ้าถามว่าเสน่ห์ชุดว่ายน้ำโรงเรียนมันอยู่ตรงไหน ถ้าจะให้ตอบแบบหื่นๆ คิโม่ย ก็ไล่ตั้งแต่ รอยตะเข็บ (เชื่อไหมว่ามันกระตุ้นอารมณ์มากเลยแหละ) ผสมกับรอยยับของชุด บวกกับสีน้ำเงินเข้มตัดกับสีผิว ส่วนเว้าสูงเล็กน้อย กับแก้มก้น ส่วนโค้งเว้าของผู้หญิงไม่บรรลุนิติภาวะ ซึ่งชุดว่ายน้ำโรงเรียนจะทำได้ดีกว่าชุดโรงเรียนอื่นๆ ในการนำเสนอตัวละครเด็กผู้หญิง
นอกจากนี้มันยังสื่อถึง ความไร้เดียงสา ความไม่บรรลุนิติภาวะ ความบริสุทธิ์ และยังรวมไปถึงความกล้าของผู้หญิงที่สวมใส่ชุดว่ายน้ำโรงเรียนด้วย ก็ไม่แปลกแต่อย่างใดที่ชุดว่ายน้ำโรงเรียนจะเป็นสุดยอดของแฟนเซอร์วิส
มันจึงกลายเป็นกฎเหล็กๆ เล็กๆ ในการ์ตูนญี่ปุ่น ว่า
- ผู้หญิงที่สวมชุดว่ายน้ำโรงเรียนจะต้องบริสุทธิ์ (เฉพาะสายสว่าง)
-หากพระเอกไปสระว่ายน้ำกับพวกสาวๆ หากอยากรู้ว่าคนไหนอายุน้อยที่สุดให้ดูชุดว่ายน้ำ หากคนไหนสวมชุดว่ายน้ำโรงเรียนคนนั้นอายุน้อยที่สุด (แม้ว่า บางเรื่องแหวกกฎ ให้ตลกก็เถอะ)
ถ้าจะถามว่าตัวละครหญิงคนใดใส่ชุดว่ายน้ำโรงเรียนเป็นคนแรก ผมก็ตอบไม่ได้ เพราะในยุคที่ชุดว่ายน้ำโรงเรียนเป็นเครื่องแบบชั่วโมงว่ายน้ำของญี่ปุ่นนั้น อนิเมะยังอยู่ในช่วงตั้งไข่อยู่เลย และเป็นแนวสำหรับเด็ก ไม่ก็นิทานเป็นหลักมากกว่า จนกระทั่งมายุคถึงเจ้าหนูอะตอม (1952) กับพ้องเพื่อน และสาวน้อยเวทมนต์ ก็น่าจะเริ่มมีตัวละครหญิงใส่ชุดว่ายน้ำโรงเรียนมาให้เห็นบ้างแล้ว
หลังจากรู้เรื่องคราวๆ ของชุดว่ายน้ำโรงเรียนมาแล้ว ก็ขอพูดถึงตัวละครหญิงในชุดว่ายน้ำโรงเรียนที่โดดเด่นบ้าง หรือเรียกได้ว่าเป็นตัวละครที่เกิดมาเพื่อใส่ชุดว่ายน้ำโรงเรียนก็ว่าได้
มิยาฟูจิ โยชิกะ (Miyafuji Yoshika)
หากเราจะพูดถึงตัวละครหญิงในชุดว่ายน้ำในการ์ตูนละก็ ชื่อของมิยาฟูจิ โยชิกะ จาก Strike Witches จะโดดเด่นเป็นอันดับต้นๆ แบบไม่ต้องสงสัย และถือว่าเป็นตัวละครที่ผมเริ่มสนใจในชุดว่ายน้ำโรงเรียนก็ว่าได้ (แต่มาคลั่งสุดๆ คือนิฟท์ในชุดว่ายน้ำสีขาว)
Strike Witches เปิดฉากตัวการเปิดตัวละครเด็กสาวที่ชื่อมิยาฟูจิ โนชิกะ สาวบ้านนอกผู้ร่าเริง ที่แต่งตัวประหลาดโครตๆ หรือใส่ชุดว่ายน้ำแล้วทับด้วยเสื้อกะลาสี (หรือเครื่องแบบนักเรียนหว่า?) พร้อมโดดเด่นการโชว์ก้นน้อยๆ ให้ดูอิ่มตา แต่เวลานั้นผมไม่ได้สนใจเรื่องนี้ พร้อมกับตั้งคำถามว่า “อะไรว่ะ!?”
ผมรู้สึกอย่างนี้จริงๆ คือ ทำไมนางเอกถึงใส่ชุดว่ายน้ำ ทั้งๆ ที่ทั้งเรื่องแทบไม่เห็นว่ายน้ำเลย แล้วทำไมต้องใส่ชุดว่ายน้ำบินเวหาด้วย (เรียกว่าไม่ได้สนฉากต่อสู้อะไรเลย สนใจเสื้อที่ตัวละครใส่มากกว่า) แถมจะหาคำตอบว่าทำไมตัวละครในเรื่องถึงแต่งกายแบบนี้ ก็คงไม่มีคำตอบ แถมหลายคนละไม่สนใจคำตอบด้วยซ้ำ
ถึงแม้จะเต็มไปด้วยคำถามมากมาย ว่าทำไมชุดตัวละครแต่งถึงเข้ากับเนื้อหามากๆ (ประชด) แต่ถึงอย่างนั้น เพราะเครื่องแต่งกายชุดว่ายน้ำโรงเรียนทับด้วยชุดกะลาสีนี้แหละที่ทำให้ Strike Witches โด่งดังในช่วงฉายใหม่ๆ และทำให้มีภาคแยก และอนิเมะแนวเดียวกันตามมาหลายเรื่อง พร้อมกับนิยามการแต่งตัวชุดว่ายน้ำโรงเรียนทับด้วยชุด (เสื้อ) นักเรียนหญิง เป็นเครื่องแบบโครตโมเอะแบบแรร์ในเวลาต่อมา
จินโน นากิ (Jinno Nagi)
แต่ถ้าถามสาวในชุดว่ายน้ำโรงเรียนที่ผมชอบมากที่สุด ขอตอบว่าไม่ใช่นิฟท์แต่อย่างใด เพราะผมชอบจินโน นากิ มากๆ (มากถึงขั้นซื้อหนังสือมังงะจากญี่ปุ่นมาบูชาเลยทีเดียว) ซึ่งจินโน นากิ มาจาก Makai Tenshi Jiburiru ซึ่งคุณเธอก็ไม่ได้แต่งชุดว่ายน้ำเพื่อมาว่ายน้ำแต่งอย่างใด หากแต่เป็นมันเป็นชุดต่อสู้ ที่โดดเด่นคือมันเป็นชุดว่ายน้ำสีขาว สวมผ้าพันคอยาว ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเทนตาเคิล จนเป็นที่ยอมรับสำหรับผมว่า มันเข้ากันเป็นอย่างมาก แถมมันเป็นชุดว่ายน้ำสีขาวมายาอีก อย่างนี้มันเทพประทานพรชัดๆ
พาสเทล (Pastel ink)
ประโยชน์อย่างหนึ่งของตัวละครชุดว่ายน้ำโรงเรียน ก็คือ การเอามาล่อโอตาคุซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีตัวละครที่ว่าติดได้เป็นอย่างดี และยังส่งเสริมการเรียนรู้สิ่งดีๆ ให้แก่ผู้บริโภค (โอตาคุ) ด้วย เป็นต้นว่า ซีรีย์ moetan ซึ่งเป็นบทเรียนภาษาอังกฤษที่มีการตีพิมพ์เพื่อให้โอตาคุศึกษาภาษาอังกฤษ โดยพาสเทล (pastel ink) มาสคอทประจำหนังสือมาสอนภาษาอังกฤษให้แก่นาโอะ-คุงเก็กมัธยมที่ขี้เกียจ (ความจริงแล้ว พาบเทลมีชื่อจริงว่า พาสเทล นิจิฮาระ เป็นเพื่อนสมัยเด็กของนาโอะ-คุงและไม่ได้เป็นโลลิ เพราะเธอมีอายุเท่ากับพระเอก)
ซุยเรน (Suiren)
หากจะพูดถึงตัวละครในชุดว่ายน้ำที่กระแสแรงตอนนี้ ก็มีซุยเรน จากโปเกมอนซัน-มูน ที่ใส่เสื้อทับชุดว่ายน้ำโรงเรียน แต่แฟนพีคชับเธอโชว์ชุดว่ายน้ำโรงเรียนกันท่วนหน้า จนกลายเป็นสาวน้อยในชดว่ายน้ำโรงเรียนที่ฮิตที่สุดในเวลานี้ไป จนหลายคนลืมเซรีน่าไปเลย ว่าเซรีน่าเป็นใครกัน (ว่ะ)
สาวเรือรบ Kantai Collection
อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีเหล่าสาวๆ ที่ยังคงเป็นกระแสแรงไม่ตก อย่าง ทีมสาวเรือดำน้ำจากเกมเว็บ Kantai Collection ที่ประกอบไปด้วย i-168 , i-19, i-401, i-58, u-511 , i-8, , maru-yu , ro-500, u-511 ซึ่งเกือบทั้งหมดใส่ชุดว่ายน้ำโรงเรียน แต่อย่างน้อยเวลาสู้รบจะอยู่ใต้น้ำ
แม้ว่าชุดว่ายน้ำโรงเรียนเป็นเรื่องปกติที่เราเห็นในอนิเมะ หากแต่ในโลกแห่งความจริงนั้น จากการสอบถามเด็กนักเรียนมัธยมต้น พบว่าสาวๆ เริ่มไม่อยากได้ชุดว่ายน้ำโรงเรียนแบบเดิม อยากจะให้เปลี่ยนชุดว่ายน้ำที่ไม่โชว์เนื้อหนังมากนัก เนื่องจากสภาพสังคมเปลี่ยนไป เหล่าผู้คนเริ่มให้ความสำคัญกับสรีระรูปร่างของตนเอง พวกผู้หญิงก็ไม่อยากให้คนอื่นมาเห็นรูปร่างสัดส่วน หรือโชว์เนื้อหนังของตน ทำให้เด็กที่อายที่จะใส่ชุดว่ายน้ำเปิดเดิมๆ นอกจากนี้ชุดว่ายน้ำโรงเรียนช่วงหลังๆ ปรากฏในการ์ตูนเซอร์วิส หนังโป๊ การ์ตูนโป๊ โดจินเป็นส่วนมาก ทำให้คนภายนอกมองว่าชุดเหล่านี้สื่อถึงเรื่องทางเพศด้วย
จนในที่สุดผู้เกี่ยวข้องก็ตอบรับผลตอบรับนี้ ด้วยการออกแบบชุดว่ายน้ำที่ไม่โชว์มากเกินไป เป็นอันปิดตำนานชุดว่ายน้ำโรงเรียนในโลกแห่งความจริงไปในที่สุด
จากชุดว่ายน้ำโรงเรียนในตำนาน ก็มาถึงอีกหนึ่งเครื่องแบบในตำนาน นั้นคือกางเกงพละบลูม่า หรือบลูมเมอร์ (Buruma หรือ Bloomers) ความจริงแล้วเจ้าเครื่องแต่งกายนี้ไม่ค่อนถูกนำมาใช้อย่างเป็นทางการมากนักผิดกับชุดว่ายน้ำโรงเรียน
ประวัติของกางเกงพละบลูมเมอร์นี้ค่อนข้างสั้น (อายุสั้น) กว่าชุดว่ายน้ำโรงเรียนมาก โดยมันเป็นเครื่องแบบที่โด่งดังในช่วงศตวรรษที่ 20 จากหนังสือประวัติความเป็นมาของกีฬาญี่ปุ่น ได้เขียนว่าบลูเมอร์ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องแบบชุดพละสำหรับผู้หญิงในวิชาพลศึกษาในปี 1903 โดยการออกแบบเพื่อให้สะดวกในการเคลื่อนไหว จากนั้นมันก็มีการเปลี่ยนลักษณะหลายครั้ง จนในที่สุดช่วงกลางศตวรรษที่ 1960 บลูเมอร์ก็ออกแบบให้แน่นกระชับ หรือเรียกว่าแบบ Pittari (แน่นกระชับ) ซึ่งต่อมามันก็เป็นเวอร์ชั่นที่โด่งดังมากที่สุดที่เราเห็นในการ์ตูนจนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม บลูมเมอร์ในตำนานนั้น ในชีวิตจริงไม่ค่อยมีใครปลื้มมากนัก อย่างไรก็คือมันทำให้เห็นกางเกงในข้างในง่าย ประกอบกับรูปร่างที่เว้าสูงจนเหมือนกางเกงในเผยเนื้อหนังมากกว่าเกินทำให้เด็กผู้หญิงอายที่จะใส่มัน อีกทั้งช่วงต้นศตวรรษที่ 1990 โรงเรียนหลายโรงเรียนก็เลือกที่จะให้เด็กผู้หญิงสวมกางเกงกีฬาขาสั้นแทน และนั้นทำให้บลูมเมอร์ก็หายสาบสูญไปในที่สุด
ความจริงแล้วบลูมเมอร์ไม่ได้มีต้นกำเนิดญี่ปุ่นแต่อย่างใด มันเป็นแนวคิดมานาน ตั้งแต่9คนตะวันตกส่งเสริมการเล่นกีฬา โดยเฉพาะในหมู่ผู้หญิง ช่วงศตวรรษที่ 20 แม้ว่าช่วงแรกๆ กางเกงพละค่อนข้างปิดมิดชิด และอ อกไปทางกระโปรงยาวด้วยซ้ำ (เพราะสมัยก่อนพวกผู้หญิงไม่อยากให้เผยผิวหนังมังสาให้คนภายนอกได้เห็นมากนัก ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่สะดวกเลยที่จะเล่นเหล่านั้นจนเล่มมีความคิดที่จะให้พวกผู้หญิงสวมกางเกงขาสั้น
ส่วนที่มาของบลูมเมอร์นั้น เชื่อว่าเป็นชื่อมาจากผู้หญิงชื่อ อเมเลีย บลูมเมอร์ (Amelia Bloomer) ที่มีชีวิตอยู่ในช่วง 27 พฤษภาคม 1818-30 ธันวาคม 1894 ซึ่งเป็นนักเคลื่อนไหวทางสังคมสิทธิสตรี โดยเฉพาะการให้พวกผู้หญิงแต่งกายให้ดูมีเหตุผลมากขึ้น โดยเฉพาะการแต่งกายเล่นกีฬา แม้ว่าเธอจะไม่ได้ปฏิรูปการแต่งกายพละได้สำเร็จ แต่ชื่อของเธอก็ถูกนำมาตั้งพละบลูเมอร์เพราะเป็นคนแรกๆ ที่เริ่มต้นสนับสนุน ซึ่งกว่าที่เราจะเห็นผู้หญิงใส่กางเกงขาสั้นเล่นกีฬาก็ใช้เวลายาวนานพอสมควร
แบบของบลูมเมอร์ที่เราเห็นบ่อยๆ นั้นมีอยู่ 2 แบบ คือแบบแรกคือแบบกระชับ คือเป็นบลูเมอร์ที่รูปร่างเหมือนกางเกงใน มีรอยตะเข็บเย็บตรงเอวและขาทั้งสองที่ใส่ยางเพื่อให้แน่นกระชับ (ตรงจุดนี้แหละคือเสน่ห์ของบลูม่า) ทำจากใยสังเคราะห์มีสีน้ำเงินเข้ม (อีกสีก็สีแดง แต่หายากมาก) ส่วนเสื้อจะเป็นเสื้อแขนสั้นสีขาว มีป้ายชื่อติดตรงกลางหน้าอก ซึ่งเป็นแบบที่เราเห็นในการ์ตูนญี่ปุ่นมากที่สุด
อีกแบบคือบลูมเมอร์ในยุคแรกๆ ที่รูปร่างเหมือนกางเกงในฟักทอง แต่เสื้อยังคงเป็นเสื้อแขนสั้นสีขาว มีป้ายชื่อติดตรงกลางหน้าอก ซึ่งแบบนี้จะเห็นการ์ตูนญี่ปุ่นบางเรื่อง
แม้ว่ากางเกงบลูมเมอร์จะคล้ายกับชุดว่ายน้ำโรงเรียนว่ามันเป็นเครื่องแบบเซอร์วิส และความบริสุทธิ์ของเด็กสาวเหมือนกัน และล้มหายตายจากโลกแห่งความจริงไปนานแล้วก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นในแง่ความงาม มันอาจจะน้อยกว่าชุดว่ายน้ำโรงเรียนไปเล็กน้อย เพราะชุดว่ายน้ำนั้นเน้นความโมเอะทุกสัดส่วนร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นด้านล่างหรือด้านบน แต่ชุดบลูมเมอร์เน้นด้านล่าง กับก้นอย่างเดียว
นอกจากนี้ในแง่ชุดต่อสู้แล้ว บลูมเมอร์ก็ไม่ใช่เครื่องแบบประจำตัวสำหรับตัวละครหญิงที่เอามาใช้ต่อสู้บ่อยนัก ส่วนมากมักถูกไปใช้เป็นพวกชุดฝึกต่อสู้ ปรากฏเป็นบางฉากมากกว่า แต่ถ้าจะให้เป็นชุดต่อสู้ที่อยู่ตลอดทั้งเรื่องนั้นแทบไม่มี ดังนั้นแล้วชุดพละบลูมเมอร์ส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงแค่เครื่องแต่งกายบางฉากเท่านั้น น้อยมากจะมีตัวละครที่ใส่บลูมเมอร์ตลอดทั้งเรื่อง
แต่ถึงอย่างนั้นบลูมเมอร์นั้น นอกจากตัวละครเด็กผู้หญิงวัยประถมใส่แล้ว ตัวละครหญิงที่วัยมากกว่านี้ก็ยังใส่บลูมเมอร์ขึ้นอีกด้วย โดยเฉพาะสาววัยมัธยมปลาย ที่เรามักเห็นเซอร์วิสบ่อยครั้ง ทำให้บลูมเมอร์ไม่ได้ถูกจำกัดเฉพาะเด็กประถมใส่แต่อย่างใด (เรียกว่าสาววัยใดมาใส่เหมาะหมด)
หากจะให้คิด แน่นอนว่ามีตัวละครหญิงหลายคนที่ใส่บลูทเมอร์โมเอะ ไม่ว่าจะเป็น นายาโตะ ยูกิ, โซริว อาสึกะ แรงก์เรย์, ฟุจิบายาชิ เคียว(Fujibayashi Kyou) ที่โดดเด่นมาก เมื่อใส่บลูมเมอร์ (โดยเฉพาะสองคนหลังใส่บลูมเมอร์สีแดง ซึ่งถือว่าเป็นสีที่หลายคนชอบมากที่สุด) แต่นั้นก็ไม่ใช่ชุดประจำตัว แค่โผล่มาบางอยากให้ชุ่มชื่นเท่านั้น
แต่ถ้าจะให้หาตัวละครหญิงที่ใส่บลูมเมอร์ตลอด ส่วนใหญ่ผมมักคิดถึงตัวละครในเกมมากกว่า อย่าง คาสุกาโนะ ซากุระ (Kasugano Sakura) จากสตรีทไฟเตอร์ ที่ใส่บลูมเมอร์สีแดงใต้กระโปรงแทนที่จะเป็นกางเกงใน
และอีกคน โคโนฮะ (Konoha) หนึ่งในตัวละครจากเกม Arcana Heart ซึ่งเป็นเกมต่อสู้ที่มีแต่พวกสาวๆ ออกไปทางไซไฟและแฟนตาซี และโคโนฮะเป็นนินจาที่ใส่ชุดบลูมเมอร์ ถือว่าเป็นตัวละครที่มีคนใช้บ่อยเหมือนกัน
ปัจจุบันบลูมเมอร์ในชีวิตจริงไม่มีเห็นแล้ว (นอกเสียจากกางเกงกีฬาหญิงที่ราเห็นบางรายการ) แต่ถึงอย่างนั้นบลูมเมอร์ในการ์ตูนยังไม่ล้มหายตายจากไปไหน เพราะถือว่าเป็นเซอร์วิสที่ขาดไม่ได้ และพวก AV ของญี่ปุ่นส่วนใหญ่บลูมเมอร์ถือว่าเป็นเครื่องกระตุ้นอารมณ์อย่างหนึ่ง (แม้นางแบบส่วนใหญ่ที่บลูมเมอร์หน้าตาจะไม่ให้ก็เถอะ)
ก็ไม่แปลกแต่อย่างใดที่หลายคนมองคนชอบชุดว่ายน้ำโรงเรียน และบลูมเมอร์ว่าเป็นพวกคิโม่ย เพราะทั้งสองชุดนั้นปัจจุบันกลายเป็นเครื่องกระตุ้นทางอารมณ์ (ทางเพศ) สำหรับพวกผู้ชาย เป็นเซอร์วิสที่ถูกยัดเยียดให้ใส่เข้าไปอนิเมะ แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่งมันก็เป็นเครื่องแบบที่ให้ตัวละครหญิงในเรื่องนั้นโดดเด่นมากขึ้น หากไม่มีเครื่องแบบเหล่านี้ ตัวละครหญิงหลายคนคงไม่เกิด (ขนาดนั้นเลย) และถือว่าเป็นสิ่งที่ทำให้การ์ตูนญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมไปทั่วโลกด้วย
สำหรับคนที่ชื่นชอบชุดว่ายน้ำโรงเรียนและบลูมเมอร์ก็ตจงภูมิใจ ยึดความรักนี้เอาไว้ แม้คนภายนอกจะมองยังไงก็อย่าได้สั่นคลอน จงเป็นคนกลุ่มน้อยที่แข็งแกร่งต่อไป
สำหรับเรื่องชุดว่ายน้ำโรงเรียน และบลูมเมอร์ก็ขอจจบเพียงเท่านี้ หากผิดพลาดตรงใดก็ขออภัยด้วย ครับ
ความคิดเห็น