คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #42 : Utawarerumono บทเรียนของเหล่าผู้นำ...
ครั้งแรกที่ผมเห็นการ์ตูนเรื่องนี้จากช่องเคเบิล รายการช่องการ์ตูนที่มีคนแนะนำการ์ตูนเรื่องนี้ ผมคิดในใจ “พระเอกไม่น่ารักว่ะ นางเอกโหล่ถ้าไม่มีหูหมานี้มันคงไม่ดังมั้ง” แล้วก็ได้ฟังเพลงเปิด “โอ้ย เพลงเพราะจัง ดูสักหน่อยไม่เป็นไรมั้ง ดูแบบเฉียดๆ”
แต่แล้วผลของการดูเฉียดๆ ของผมนั้นกลับกลายเป็นความลุ่มหลงไปซะได้!!.....สุดยอดมากครับ!!
Utawarerumono
แนว ผจญภัย, แฟนตาซี, สงคราม, คอมมาดี้(??)
(ปล. มีสปอย ใครไม่เคยดูการ์ตูนกรุณาอย่าอ่าน ให้ไปดูก่อนค่อยอ่านจะได้อรรถรสขึ้น)
ดูอมิเนชั่นที่ http://video.mthai.com/player.php?id=18M1184321775M0
Shizukani otozureru Ironaki sekai
Subete no toki wo tome Nemuri ni tsuku
(ในความเงียบงัน โลกไร้สีสันใด กลับผันคล้อยเคลื่อนมาเยือนเรา
ปวงกาลเวลา นิ่งงันจนสิ้นไป นิทราหลับใหลอ่อนล้า)
Kanashimi yorokobi wo Atsumete hito wa
Nagareshi toki no naka Yasuragi miru
(ปวงชนทั้งผอง ตระกองความเศร้าโศก และสุขสันต์ไว้ในรอยจำ
เฝ้าใฝ่มองตาม อย่างสงบร่ำไป ภายในกระแสแห่งกาล)
Umare iki kieteyuku Hito no sadame no naka
Daremo mina sora no hoshi ni Kasukana negai takusu
กำเนิดและดำเนิน คงอยู่ก่อนจากลา หลวมรวมในกระแสชะตาผองชน
ไม่ว่าใครก็ล้วน ส่งมอบความปรารถนา แม้นเล็กน้อยให้ดวงดารา บนฟาก ฟ้า
Hizokani kagayakeru Manten no hoshi
Chihei no kanata e to Nagare kieru
ในความเงียบงัน อันดาวทั่วนภา ส่งประกายแสงพร่างพราว ตา
แล้วคลาไคลลับ กลับอันตรธานไป ข้ามฟากแผ่นฟ้า
Utawarerumono ครั้งแรกเป็นเกมคอมพิวเตอร์แนววิชวลโนเวล(ดำเนินเรื่องโต้ตอบกับตัวละครต่าง ๆ)ที่สร้างโดยลีฟ ออกจำหน่ายครั้งแรกเมื่อ 26 เมษายน 2002 โดนเกมในเวอร์ชันแรกเป็นเกมสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ต่อมาได้มีการออกเกมเวอร์ชันสำหรับเครื่องเพลย์สเตชัน 2 เมื่อ 26 ตุลาคม 2006 (18+ (PC) 15+ (PS2) 15+ (PSP)) และได้มีการนำเนื้อเรื่องมาเขียนเป็นหนังสือการ์ตูนวาดโดยอาโร ชิมาคุสะ จำนวน 2 เล่ม และภาพยนตร์การ์ตูนโทรทัศน์ผลิตโดย Oriental Light and Magic กำกับโดย โทโมกิ โคบายาชิ จำนวน 26 ตอน ออกฉาย 3 เมษายน 25 กันยายน 2006
ซึ่งแน่นอนเรื่องที่จะเอามาคุยในครั้งนี้คืออมิเนชั่นนั้นเอง ภาพสวยมากๆ ครับ คุณภาพนี้คับแก้วจริงๆ ฉากในสนามรบใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิกซะด้วย
Utawarerumono ถ้าแปลภาษาอังกฤษตรงๆ จะแปลว่า ผู้ขับขานชั่วนิรันดร์ แต่กระนั้นก็มีหลายชื่อเรียกเหมือนกัน เช่น กองทัพสนมถล่มปฐพี(เพราะว่าในการ์ตูนเรื่องนี้ผู้หญิงเก่งกว่าผู้ชายและมีอิทธิพลพอสมควร เหอๆ), มหาสงครามชิงพิภพ
แต่สำหรับผมแล้วผมอยากเรียกว่า “การตัดสินใจของผู้นำ” มากกว่า แล้วทำไมถึงตั้งชื่อแบบนั้น ก่อนอื่นก็ขอแนะนำตัวละครเล็กๆ น้อยๆ ก่อนดีกว่า
ฮาคุโอโระ(Hakuoro) พระเอกของเรื่องที่ครั้งแรกผมดูถูกว่า “พระเอกไม่น่ารัก” พล็อตพระเอกความจำเสื่อมหรือมาจากโลกอื่นนี้เห็นกันเกลื่อนจนเอียนไปข้าง เนื่องจากนี้ยังออกแบบดาษมากๆ ทรงผมเชยๆ และสวมหน้ากากปีศาจอีกจนนึกว่ามันจะเป็นตัวโกงหรือเปล่า แต่พอมาดูการ์ตูนแล้ว โอ้......เขาช่างเท่เหลือเกิน มาดเป็นผู้นำ ที่มากไปด้วยความสามารถ เก่งวรยุทธนิดๆ หน่อยๆ มีความเป็นผู้ใหญ่(เอ๋อเป็นบางครั้ง) ที่สำคัญไม่หื่น(ในเกมส์มักถูกผู้หญิงจับกด เหอๆ) ไม่มีความจำว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหน อายุเท่าไหร่? แต่คนรอบข้างไม่สนเรื่องนี้กลับกันทุกคนต่างเชื่อใจเขาเต็มที่ มองเอรูรูเป็นแค่น้องสาวคนหนึ่ง มีอาวุธเป็นพัดเหล็ก(อย่าดูถูกไปพัดเหล็กเป็นหนึ่งในอาวุธของจีนทีเดียวนะ)
เอรูรู(Elulu) นางเอกของเรื่อง เป็นนางเอกที่น่าเหลือเชื่อมาก เพราะเธอไม่มีพลังพิเศษอะไรสักอย่าง (แต่ชอบไปสนามรบเหลือเกิน) เป็นสาวน้อยที่จิตใจอ่อนโยน เข้มแข็ง ใสซื่อ เป็นคนพบพระเอกนอนสลบอยู่ในป่าและช่วยชีวิตไว้(ความจริงคุณเธอรู้ตัวจริงพระเอกมานานแล้วด้วยว่าเขาเป็นใคร แต่กระนั้นเธอก็ไม่นึกรังเกียจเขาเลย) บทบาทของเธอนั้นส่วนมากมักเป็นคนปลอบโยนพระเอกประจำ เวลาเขามีปัญหาที่แก้ไม่ตก เธออาศัยอยู่กับคุณยายและน้องสาวในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง
ตอนแรกผมดูถูกเลยครับ ว่านางเอกไม่เซ็กซี่อ่ะ ก็หนูเเกใส่เสื้อซะปิดบังไปทั่วเลย แต่แล้วก็เปลี่ยนใจด้วยกริยาที่แสดงออกแล้วการการกระทำของเธอนี้ช่างน่ารักเหลือจะกล่าว
หลายๆ คนมักบอกว่า ฮาคุโอโระกับเอรูรูเป็นพระเอกและนางเอกที่ไม่เหมาะสมกันสักนิด ดูยังไงก็พ่อลูกชัดๆ ซึ่งสำหรับผมแล้วผมคิดว่านี้เป็นแนวคิดที่แปลกใหม่พอสมควร เพราะว่าทั้งสองมีความรักตามประสาคนในครอบครัวที่ห่วงใยซึ่งกันและกัน ซึ่งเวลาที่ฮาคุโอโระมีปัญหาสับสนเกี่ยวกับอดีตที่เขาคิดว่าครั้งหนึ่งเขาทำบาปที่เกินยากที่จะอภัย เขามักแสดงความอ่อนแอแบบเด็กๆ ต่อหน้าเอรูรูเสมอ และเอรูรูมักปลอบเขาเสมอ แสดงให้เห็นว่านี้คือการแสดงความรักอย่างหนึ่ง
อารูรู(Aruruu) น้องสาวของเอรูรู ภายนอกดูเป็นเด็กเงียบ ขี้อาย แต่ความจริงเป็นคนขี้เหงา รักสัตว์และธรรมชาติ ฟังภาษาสัตว์รู้เรื่อง เรียกฮาคุโอโระว่า “พ่อ” เวลาไปจะไปไหนมักขี่หลังเสือขาวประจำ
ซึสุคุรุ(Tusukuru) ยายของเอรูรูและอารูรู เป็นคนใจดีแต่เวลาโกรธขึ้นมานี้น่ากลัว เป็นหมอยา, หัวหน้าหมู่บ้าน เป็นที่เคารพของชาวบ้านด้วย และเธอเป็นต้นเหตุการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกในเรื่องนี้
คามิว(Kamya) เป็นน้องสาวอุลทรี้และเจ้าหญิงชนเผ่ามีปีกที่ใช้เวทมนต์ได้ แต่เธอพิเศษกว่าคนอื่นตรงที่ปีกเธอเป็นสีดำ ทำให้คนในประเทศปฏิบัติต่อเธออย่างพิเศษ ทั้งๆ ที่เธอเหงา อยากมีเพื่อน นิสียร่าเริงเข้ากับทุกคนได้ง่าย มักอยู่กับอารูรูประจำ (ทั้งๆ ที่เป็นตัวละครนิยม แต่บทของเธอน้อยจัดและบทคุณเธอดันมาสำคัญตอนท้ายเรื่อง)
อุลทรี้(Urutori) พี่สาวของคามิวและเจ้าหญิงชนเผ่ามีปีกที่ใช้เวทมนต์ได้ เป็นภูตเจริญสัมพันธ์ไมตรีประจำประเทศพระเอก มีนิสัยอ่อนโยนและรักเด็ก(นางงามเรอะ) และเป็นเพื่อนดื่มเหล้ากับคารูร่าประจำ
คารูร่า(Karura) หญิงนักฆ่าผู้ลึกลับจากประเทศนาทุงคุง เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้ แต่พลังและวรยุทธร้ายกาจกว่าผู้ชายเสียอีก เป็นคนสบายๆ ชอบดื่มเหล้าสาเกบนหอคอยสังเกตการณ์ แต่กระนั้นเธอก็มีบุคลิกความเป็นผู้ใหญ่ที่เหมือนจะมีประสบการณ์ชีวิตมากที่สุดในตัวละครเกือบทั้งหมดในเรื่อง มีเอกลักษณ์ตรงที่โซ่ตรวนทาสที่คอขนาดใหญ่ มีอาวุธคือดาบยักษ์ ที่สำคัญเป็นตัวละครที่z,ชอบเป็นพิเศษ!!(เพราะเก่ง......มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ ไม่หลงลาภยศชื่อเสียง และชอบฉากจับกดพระเอก เหอๆ)
โทวกะ(Touka) ภายนอกเหมือนผู้ชาย แต่ความจริงเป็นผู้หญิง เป็นทหารรับจ้างที่มีความยุติธรรมสูง ฝีมือวรยุทธ์เก่งกาจ แต่เรื่องมันสมองนี้ระดับเอ๋อ เคยเป็นศัตรูกับพระเอกเพราะเรื่องเข้าใจผิด ภายหลังเปลี่ยนใจมาเป็นองค์รักษ์สุดเก่งให้พระเอกแทน ส่วนใหญ่มักโดนคารูร่าแกล้งประจำ
โอโบระ(Oboro) พี่ชายของยุสุระ เคยเป็นโจรคุณธรรมมาก่อน มีนิสัยโมโหง่าย และห่วงน้องสาวมากๆ ในตอนแรกไม่ชอบพระเอกเท่าไหร่ แต่หลังๆ ก็เริ่มนับถือพระเอกและเรียกพระเอกว่า “พี่” มีอาวุธคือดาบคู่ เก่งพอสมควร(แต่เห็นพี่แก่สู้กับใครพี่แกมักแพ้หมด)
ยูสุระ(Yuzuha) น้องสาวของโอโบระ ที่ขี้โรคและตาบอดมาตั้งแต่เด็ก เป็นคนเงียบๆ เข้ากันได้ดีกับอารูรูและคามิว ไม่ค่อยมีบทบาทเท่าไหร่ ส่วนใหญ่มักได้บท พูดเรื่องสบายๆ กับพระเอกอ่ะนะ
โดริกับกุระ(Dorii&Guraa) พี่น้องฝาแฝดลูกน้องของโอโบโระที่หน้าตาเหมือนอย่างกับแกะ ต่างตรงที่สีเสื้อเท่านั้น ปกติมักอยู่กับโอโบโระประจำ เรียกพระเอกว่าพี่(บทน้อยอีกราย) มีอาวุธคือธนู(แล้วไม่รู้ว่าเป็นเพศอะไรกันแน่ ชายหรือหญิงก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆเวอรชั่นเกมส์เป็นผู้ชาย ส่วนอมิเนชั่นไม่แน่ใจ แต่พอเห็นฉากนอนกับโอโบระนี้.......ถ้าสองคนนี้เป็นผู้ชาย แสดงว่าฉากนี้ Y สิเนี้ย)
เบนาวี่และคุโร(Benawi & Kurou)หัวหน้าและรองหัวหน้าซามูไรของอดีตจักรพรรดิ เคยเป็นศัตรูของพระเอกมาก่อน แต่ต่อมาก็เปลี่ยนใจเป็นแม่ทัพคนสนิทที่วางใจได้ของพระเอก
แนะนำแค่นี้แหละครับ เดี๋ยวจะแนะนำคนคนอื่นๆ ระหว่างที่โม้ไปเรื่อยๆ ตอนแรกผมก็นึกว่าการ์ตูนเรื่องนี้จะเป็นแนวผจญภัยบ้าพลังแฟนตาซีแบบดราก้อนบอล แต่เมื่อดูแล้วกลับผิดคาด เพราะดันเป็นแนวสงครามแฟนตาซีซะนี้อืม..แฟนตาซีก็จริง แต่ฉากสงครามสมจริงดีครับ มันเหมือนสงครามยุคโบราณ(หลังๆ เริ่มมีเวทย์มนต์,หุ่นยนต์) เพราะโลกของการ์ตูนเรื่องนี้ยังเป็นยุคที่ยังไม่รู้จักดินปืนและจรวด..มิน่าล่ะเพราะแนวสงครามนี้เองถึงตัวละครเยอะ แม้ตัวละครเยอะ แต่ก็ทำสนุกมากๆ ครับ ดูแล้วอบอุ่นด้วย(เดี่ยวจะมาบอกว่าอบอุ่นยังไง) ส่วนเนื้อเรื่องการ์ตูนก็มีอะไรให้คิดหลายๆ อย่าง ที่เด่นที่สุดคือหัวข้อที่ผมจะมาพูดคุยนั้นคือ “การตัดสินใจของผู้นำ”นั้นเอง
ผู้นำในที่นี้ไม่ได้มีแค่ตัวพระเอกเรื่องนี้เท่านั้น หากแต่เป็นผู้นำหลายๆ คนในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าเมือง, จักรพรรดิ ที่แต่ละคนมีการตัดสินผิด, ถูกต่างกันออกไป ซึ่งการตัดสินใจแต่ละครั้งก็นำมาซึ้งชีวิตคนนับล้าน!!
เมื่อเปิดดูตอนที่ 1 ของการ์ตูนอมิเนชั่น เริ่มเรื่องเราได้มองเห็นภาพโลกแฟนตาซีในการ์ตูนเรื่องนี้ เป็นโลกที่เต็มไปด้วยป่าไม้นานาพรรณ เหล่าสิ่งมีชีวิตที่รูปร่างคล้ายมนุษย์เราเพียงแต่พวกเขามีหูมีหางของสัตว์ต่างๆ (หูกระต่าย, หูนก, หูหมา) ที่เรียกตัวเองว่า “มนุษย์” ได้อยู่อาศัยแบบพออยู่พอกินและอิสระสงบสุข โดยแบ่งเป็นหมู่บ้าน, ดินแดน, ประเทศ หลายพื้นที่หลายแห่ง แต่ความสงบสุขนี้เป็นแค่เปลือกนอกเท่านั้น เนื่องจากความแตกต่างระหว่างเชื้อชาติ และการหาผลประโยชน์ส่วนตนของผู้นำในแต่ละประเทศ ทำให้หลายพื้นที่เกิดสงครามไม่หยุดไม่หยุ่น เกิดการกบฏ เกิดการนองเลือด ผู้คนล้มตายจำนวนมาก จนเรียกได้ว่านี้เป็นกลียุคอย่างแท้จริง
จนกระทั้งวันหนึ่ง เรื่องก็ตัดไปที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย และนางเอกหรือหญิงสาวตัวเล็กผู้หนึ่งนาม “เอรูรู” ได้พบชายลึกลับแปลกหน้าคนหนึ่งที่มีไม่มีหูและหางเหมือนตน เขาสวมหน้ากากปีศาจที่ไม่มีวันถอดออกได้(จนจบเรื่องก็ไม่สามารถถอดออก เลยไม่เห็นหน้าจริงสักที) ได้รับบาดเจ็บและนอนสลบกลางป่าข้างทาง
ด้วยความมีน้ำใจตามประสาชาวชนบท แม้เขาจะแปลกอย่างไรชีวิตคนก็ย่อมสำคัญกว่า เอรูรูได้แบกชายลึกลับแปลกหน้าคนนี้ไปรักษาตัวที่บ้านของตน โดยมียายซึ่งเป็นหมอยาประจำหมู่บ้าน(แต่ชื่อเสียงโด่งดังร่ำลือไปทั้งทวีป)รักษาจนหาย และเมื่อชายลึกลับคนนี้ตื่นขึ้นมา เขาก็พบสภาพแวดล้อมที่เขาไม่คุ้นเคย ชาวบ้านที่แปลกประหลาดที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน เสมือนกับว่าตนเป็นคนของมิติอื่น อีกทั้งเขาก็ได้สูญเสียความทรงจำของเขาทั้งหมดจำไม่ได้แม้กระทั้งชื่อของตนเอง
แต่กระนั้นเอรูรูกับยายและคนในหมู่บ้าน ก็ไม่ได้รังเกียจชายลึกลับที่ไร้ที่มาที่ไปคนนี้แต่อย่างใด ซ้ำยังปฏิบัติดูแลชายลึกลับคนนี้เสมือนเป็นคนในครอบครัวของตนเอง และชายลึกลับคนนี้ก็ซาบซึ่งบุญคุณของครอบครัวของเอรูรูกับคนในหมู่บ้านมากและคิดในใจว่าจะตอบแทนช่วยเหลือทุกอย่างเท่าที่ตนจะทำให้ได้ถ้ามีโอกาส
และแล้วยังไม่ทันที่หายจากความซาบซึ้งสังคมชนบทที่แบ่งบันน้ำใจ ชายลึกลับก็ได้เห็นสภาพโดยรวมของดินแดนแห่งนี้ ที่นี้ปกครองโดยผู้นำที่ไม่ได้เรื่อง เอาแต่ผลประโยชน์มาใส่ตน เก็บภาษีขึ้นราคาส่วยที่มากเกินควร ทำให้ชาวบ้านเดือนร้อนกันถ้วนหน้า แม้กระทั้งนูวานกิที่เคยเป็นเพื่อนวัยเด็กของเอรูรูที่เคยเป็นคนจิตใจดีมาก่อน ยังกลายเป็นคนเลว ใช้อิทธิพลบาตรใหญ่รังแกผู้อ่อนแอ หลงไหลอำนาจเพราะเป็นลูกชายเจ้าเมือง
ชายลึกลับได้เห็นเรื่องราวของโลกนี้อย่างเข้าใจ แต่เขาพยายามไม่ทำตัวเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้มากนัก เนื่องจากเขาเป็นคนนอก สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้คือปกป้องครอบครัวของเอรูรูเท่านั้น
แต่แล้วในวันนั้นเอง เหตุการณ์ที่ เรียกว่า “การตัดสินใจของ ผู้นำ” ก็เกิดขึ้น เมื่อนูวานกิมือบอนคนนั้นไปลบหลู่ราชาป่าไม้มุทิคาปะซึ่งเป็นเสือยักษ์เข้า ทำให้เทพโกรธและออกอาละวาดฆ่าและทำร้ายผู้คนในหมู่บ้าน แม้ชาวบ้านหลายคนพยายามต่อสู้แต่ก็ไม่สามารถทำร้ายราชาป่าไม้ตนนี้ได้เลย จนพวกชาวบ้านสิ้นหวัง หวาดกลัวไม่กล้าทำงาน และรอความตายไปวันๆ
ในขณะที่ชาวบ้านทั้งหลายกำลังสับสนสิ้นหวังนั้นเอง ชายลึกลับคนนั้นก็เข้ามาออกความเห็นให้ฆ่าราชาป่าไม้ตนนี้ซะ เพื่อตัดปัญหานี้ แต่ชาวบ้านไม่เชื่อมือชายลึกลับว่าจะเอาได้ ชายลึกลับจึงอาสาว่าจะเป็นเหยื่อล่อให้ แม้ตนจะตายก็ไม่เกี่ยวกับคนในหมู่บ้าน
ตอนนี้แหละครับ ที่ชายลึกลับคนนี้ได้ฉายแสงความเป็นผู้นำ คนที่จะเป็นผู้นำนั้นจะต้องมีความสามารถเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่สลับซับซ้อน สามารถนำพาลูกน้องผ่านพ้นในสภาพที่สิ้นหวังได้ ชายลึกลับมีการวางแผน แบ่งงานจัดการได้อย่างมีระเบียบเรียบร้อย และคนเป็นผู้นำไม่ควรเก่งแต่ปาก ต้องลงมือทำงานเพื่อให้ลูกน้องได้เห็นและเชื่อใจคนที่จะเป็นผู้นำอย่างสนิทใจ
ชายลึกลับคนนิ้อาสาเป็นเหยื่อล่อ และผลสุดท้ายก็สามารถฆ่ามุทิคาปะได้สำเร็จ และเมื่อทำสำเร็จชายลึกลับคนนี้ก็ได้ยกย่องจากชาวบ้านและยอมรับชายลึกลับคนนี้เป็นคนของหมู่บ้านแห่งนี้อย่างเชื่อใจกันและกัน ทั้งยายของเอรูรูก็ตั้งชื่อชายลึกลับคนนี้โดยชื่อใหม่ว่า “ฮารุโอโระ” ซึ่งเป็นชื่อพ่อของเอรูรู เสมือนกับว่ายายยอมรับชายลึกลับคนนี้เป็นสมาชิกครอบครัวอย่างเป็นทางการ
เหตุการณ์แรก ผมดูแล้วคิดในใจว่า “เออ...ทำแบบนี้จะดีแล้วเหรอ??” อย่างน้อยมุทิคาปะตัวนี้ชาวบ้านเคารพมากๆ กราบไว้ การที่ฮารุโอโระฆ่ามุทิคาปะ เสมือนกลับว่าทำให้ชาวบ้านเลิกนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่เกรงกลัวในธรรมชาติ เห็นมุทิคาปะเป็นเพียงแค่สัตว์ร้ายตัวหนึ่งเท่านั้น แต่กระนั้นหากพระเอกไม่ทำชาวบ้านเหล่านี้ก็มีความเชื่อผิดๆ ต่อไป ไม่สามารถดำเนินชีวิตแบบปกติได้ สัตว์ร้ายก็จะทำร้ายคน ทำให้มีคนตาย ต่อไปเรื่อยๆ หากไม่ฆ่าเขา เขาก็จะฆ่าเรา ดังนั้นการตัดสินใจครั้งนี้ของผู้นำจริงถูกต้องหากมองในแง่ผลดีและผลเสียที่ตามมา
จากนั้นเราก็เห็นฮารุโอโระแสดงบุคลิกผู้นำอะไรหลายๆ อย่าง เขามีบุคลิกน่านับถือ ทำตัวอยู่ในศิลธรรม มีความรู้ในการเรื่องต่างๆ เขาสอนชาวบ้านให้รู้จักปุ๋ย และชอบช่วยเหลือชาวบ้าน จนเป็นที่รักของคนในหมู่บ้านในที่สุด จนคนดูอย่างเรานึกสงสัยว่าอดีตเขาเป็นใครกันแน่ ทำไมเขาถึงฉลาดและมาดผู้นำขนาดนี้
เกือบลืม......เอรูรูมีน้องสาวคนหนึ่งชื่ออารูรู เป็นสาวน้องสาวชื่อ “อารูรู” ซึ่งดูภายนอกแล้วเหมือนเป็นเด็กเงียบ ขี้กลัว ไม่ค่อยเข้ากับคนอื่น ซึ่งในตอนแรกอารูรูไม่เปิดใจยอมรับฮาคุโอโระสักเท่าไหร่ แต่เมื่อผ่านไปเด็กสาวคนนี้ก็รู้ถึงความอบอุ่นในความเป็นผู้ใหญ่ของฮารุโอโระจึงยอมรับในตัวฮาคุโระว่าเป็น “คุณพ่อ”
ฮารุโอโระมักพูดอยู่เสมอว่า “จะไม่ฆ่าใครอีกแล้ว” และเขานับถือยายของเอรูรูซึ่งเป็นหัวหน้าหมู่บ้านแห่งนี้และเห็นด้วยในเรื่อง “ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน” เขาตั้งน่าตั้งตาทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งนี้ไปวันๆ เนื้อเรื่องก็น่าจะจบแบบอยู่อบอุ่นตามประสาครอบครัวอยู่หรอก หากแต่การ์ตูนนี้มันแนวสงคราม ดังนั้นเหตุการณ์ที่เรียกว่า “การตัดสินใจของ ผู้นำ” ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
เรื่องของเรื่องคือยายของอารูรูเป็นคนดีจริงๆ ให้การช่วยเหลือทุกคนไม่ว่าจะอยู่ฐานะหรือสถานสภาพใด ดังนั้นในจำนวนเหล่านี้มี คนป่วยซึ่งเป็นลูกสาวของจอมโจรโอโบโร่ที่ชอบออกอาละวาดปล้นคนรวบแจกจ่ายคนจนรวมอยู่ด้วย และเมื่อข่าวนี้รู้ถึงหูซาซันเต้(Sasante)เจ้าเมืองนี้เข้า เลยยกทัพมาหาเรื่องคนในหมู่บ้านและเกิดมีปากเสียกับครอบครัวของอารูรู และทหารเกิดไปพลันมือเอาดาบฟันยายของอารูรูเข้า จนทนพิษบาดแผลไม่ไหวและตายในเวลาต่อมา
หลังจากยายของเอรูรูและอารูรูเสียชีวิต ฮารุโอโระจึงกลายเป็นผู้ปกครองของเอรูรูและอารูรูโดยปริยาย ส่วนชาวบ้านซึ่งกำลังโกรธแค้นกับการกระทำของชาวเมือง แต่ขอให้ฮารุโอโระเป็นหัวหน้าหมู่บ้านให้ตัดสินใจว่าต่อไปนี้จะทำอย่างไรต่อไป ซึ่งฮารุโอโระเองตอนนั้นก็สับสน คิดแค่ว่าตนยอมรับกับเหตุการณ์นี้ไม่ได้เช่นกันบวกกับได้ยินข่าวว่าจอมโจรคุณธรรมโอโบโร่โดนเจ้าเมืองจับ เขาจึงตัดสินใจรวมพลของคนในหมู่บ้านบุกไปฆ่าซาซันเต้ที่บ้านพัก.....
เจ้าเมืองซาซันเต้ที่เห็นชาวบ้านที่บุกเข้าที่พักหมายจะฆ่าตนก็ตกใจและโกรธ เขาพูดประโยคหนึ่งก่อนที่จะโดนฮารุโอโระฆ่าว่า “นี้พวกเจ้าทำเรื่องพวกนี้ขึ้นเพราะทำเพื่อยัยแก่ที่ใกล้ลงโลงอย่างงั้นเรอะ!?”
สิ่งที่ชาวบ้านพวกนี้ ต้องการ ไม่ใช้การแก้แค้นแลกชีวิตเจ้าเมืองกับยัยแก่ที่ใกล้ลงโลง พวกเขารู้ดีต่อให้ฆ่าเจ้าเมืองก็ไม่ได้ช่วยให้หญิงแก่ฟื้นคืนชีพแต่อย่างใด แต่สิ่งที่เขาต้องการคือความ “ยุติธรรม” เจ้าเมืองคนนี้ตัดสินใจผิดตั้งแต่แรกเลย หลังจากที่ทหารของเจ้าเมืองฟันหญิงแก่ แทนที่จะจับตัวทหารคนนั้นมาลงโทษ หรือขอโทษต่อชาวบ้านอย่างจริงใจ จัดยา จัดคนดูแลให้ รับผิดชอบเรื่องค่าใช่จ่ายทุกอย่าง แต่ปรากฏว่าเจ้าเมืองไม่ทำ กลับกลายเป็นทำเรื่องร้ายๆ แบบนี้แล้วไม่รับผิดชอบ เห็นคนดังในหมู่บ้านโดนดาบฟันกลับหนีหาย แล้วเอาแต่พูดว่า “ตูไม่รู้เรื่อง ตูไม่ได้ทำเว้ย” และนี้คือการตัดสินใจของผู้นำที่ผิดๆ คนที่จะเป็นผู้นำนั้นต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อเห็นลูกน้องทำผิด ทำเรื่องไม่ดี ควรดุด่าว่ากล่าว ไม่ควรให้ท้ายลูกน้อง และอย่าโยนความผิดให้ผู้อื่น เพราะมันจะส่งผลเสียตามมาในที่สุด
ด้านฮารุโอโระก็ตัดสินใจเรื่องนี้พลาดเหมือนกัน เมื่อ หญิงชราตายไป ชาวบ้านที่ไม่มีสิทธิเรียกร้องความยุติธรรมได้ก็กลับกลายเป็นความแค้น สถานการณ์นี้ทำให้ฮาคุโระคล้อยตามอย่างง่ายดาย แทนที่จะไกล่เกลี่ยงอย่างสันติกลับกลายเป็นว่าใช้ความรุนแรงแทน ซึ่งฝ่ายเจ้าเมืองเองนั้นความจริงแล้วลึกๆ ก็เป็นฝ่ายผิด เพราะอดีตยายของเอรูรูก็เคยรักษาริดสีดวงทวารให้ตน อีกทั้งนูวานกิเองก็ไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นและอยากขอโทษแก่ผู้คนเหมือนกัน หากความคิดนี้ก็สายไปเสีย ส่งผลให้เขาสูญเสียพ่อ และเพิ่มความแค้นแก่เขาให้จงเกลียดจงชังฮารุโอโระมากยิ่งขึ้น
หลังจากเหตุกาณ์นี้สงบ ฮารุโอโระก็รู้สึกตัวว่า “เออ...ทำแบบนี้จะดีแล้วเหรอ??”เขาได้ทำให้สองฝ่ายบาดเจ็บและล้มตายเพราะการตัดสินใจของเขาแท้ๆ อีกทั้งเขามารู้ที่หลังว่าเจ้าเมืองซาซันเต้มีพี่ชายเป็นถึงจักรพรรดิอินคาระ(Inkara)ซึ่งปกครองประเทศนี้ ถ้าจักรพรรดิรู้เรื่องน้องชายตายเข้าคงส่งทหารมาทัพใหญ่แก้แค้น ฆ่าชาวบ้านและฮารุโอโระหมดแน่
แต่ฮารุโอโระไม่หนีปัญหา แม้เขาจะรู้ว่าการตัดสินใจของเขาครั้งนี้พลาด เขายังแสดงความเป็นผู้นำ รวบรวมชาวบ้าน จัดตั้งฝึกฝนทหาร วางกลยุทธ์ เพื่อเตรียมรับมือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ตอนแรกเขาคิดว่าแค่จะตั้งรับเฉยๆ แต่กลายเป็นว่ายิ่งนานวันชาวบ้านจากหมู่บ้านโดยรอบก็พากันเข้ามารวมกลุ่มของฮารุโอโระ และต่างออกความเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ควรจะกำจัดจักรพรรดิอินคาระไปเสียที
มีฉากนี้ที่แสนประทับใจ ฮารุโอะเริ่มเผยความอ่อนแอให้เห็น เขารู้ดีว่านี้เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด เขาซบตัวลงตรงหน้าเอรูรู และเอรูรูก็ปลอบใจเขาด้วยการร้องเพลงเพราะๆ เพลงหนึ่งที่ฟังแล้วจับใจ(ถ้าแปล)
เพลงนี้มีชื่อว่า Sadame ชะตาลิขิต ทำนองคล้ายเพลงกล่อมเด็ก โดยหากแปลความหมายจะพบว่าหมายถึง ทุกชีวิตล้วนมีเกิดแก่เจ็บตาย
(ฟังได้ที่ http://www.youtube.com/watch?v=jqYpOhuWPyM)
และแล้วสงครามกลางเมืองก็เริ่มขึ้น เพราะความตายของหญิงชราคนเดียวแท้ๆ ในโลกแห่งความจริงสงครามก็เกิดขึ้นเพราะจุดเริ่มต้นเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ ทั้งสิ้น อย่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่จุดเริ่มต้นการตายของพระชนม์อาร์คดุยค ฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ หรือเหตุการณ์คดี ร็อดนีย์คิง(Rodney King) ที่ชายผิวดำซึ่งชื่อว่ารอดนี่ย์ คิงก์ที่ถูกนายตำรวจแอลเอผิวขาวกว่า 20 นาย รุมตีเขาจนสลบเหมือด ได้ความโกรธแค้นจากคนผิวดำทั่วอเมริกาเป็นอย่างมาก คนผิวดำต่างพากันออกมาพังร้านและเผารถของคนผิวขาวและทำลายข้างของราชการ ส่งให้การจราจลในครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตถึง 54 คน บาดเจ็บกว่า 2,000 ราย เกิดคดีวางเพลิง 3,600 คดี มีตึกที่ถล่มลงมา 1,100 ตึก ประเมินค่าความเสียหายอยู่ที่แปดร้อยล้านถึงหนึ่งพันล้านดอลล่าร์
กลับมาที่การ์ตูนเรื่องนี้ต่อ โชคดีจักรพรรดิประเทศอินคาระนี้เป็นคนโง่เขลา เบาปัญญา ทำผิดพลาดตั้งแต่แรกต้น จักรพรรดินี้ไม่สนใจบริหารบ้านเมือง ไม่รู้จักใช้คน จักรพรรดิแต่งตั้งนูวานกิที่แทบไม่มีความรู้ในพิชัยสงครามเป็นหัวหน้าทหารปราบกลุ่มกบฏ ซึ่งแทนที่จะยกทัพทั้งหมดไปปราบกบฏที่นำโดยฮารุโอโระตรงๆ กลับกลายนูวานกิได้ใช้อำนาจ(ผสมกับความแค้นจนกลายเป็นบ้า) จัดการถล่มหมู่บ้านโดยรอบแทน เพราะคิดว่าจะสร้างความหวาดกลัวแก่ชาวบ้านโดยรวมได้ แต่กลับตรงข้ามเพราะชาวบ้านทั้งหมดต่างรับสภาพไม่ไหว ต่างพากันรวมตัวกันเข้าฝ่ายฮารุโอโระแทน กลับกลายเป็นว่ากองกำลังที่ยิ่งใหญ่จนฝ่ายทหารของจักรพรรดิต้านทานไม่ไหว
ด้านฝ่ายจักรพรรดิอินคาระ คนที่พอไปวัดไปวาได้ และรู้วิธีการแก้ปัญหานี้คือเบนาวีหัวหน้าซามูไร(แต่อาวุธดันเป็นทวน) ที่ซื่อสัตย์ แม้จักรพรรดิซึ่งเป็นเจ้านายของตนเป็นคนไม่เอาไหน แต่กระนั้นเขาก็ไม่ทรยศหักหลังแต่อย่างใด อีกทั้งยังเตือนจักรพรรดิหลายครั้งในประโยคที่น่าคิดว่า
“รากฐานสำคัญของจักรพรรดิเกิดขึ้นจากประชาชน เมื่อปราศจากประชาชนแล้ว ก็ไม่มีจักรพรรดิได้ แล้วมันจะไม่มีจักรพรรดิวันพรุ่งนี้ หากท่านกำจัดประชาชนไปหมด”
แต่จักรพรรดิอินคาระนั้นโง่เขลาเบาปัญญาเหลือเกิน ไม่เข้าใจในประโยคนี้ กลับกลายว่ามองเบนาวีเป็นคนอวดดีไป เลยลงโทษโดยลดยศเบนาวีและส่งตัวเขาเข้าคุก หมดสิทธิที่แก้ไขปัญหาเรื่องกบฏชาวบ้านในที่สุด
“เออ...ทำแบบนี้จะดีแล้วเหรอ??”จักรพรรดิอินคาระ คนจะเป็นผู้นำนั้นควรจะยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น เอาใจเขาใส่ใจเรา รับฟังทุกความคิดเห็น ผู้นำก็คือคนธรรมดา ใช่ว่าความคิดของตนเองถูกหมด การที่มีลูกน้อง คนที่อยู่ใต้อาณัติมีไว้เพื่อเตือนสติ ช่วยออกความเห็น แต่การกระทำของจักรพรรดิอินคาระกลับกลายเป็นว่าทำเรื่องเล็กๆ ให้ใหญ่ขึ้นแทน ถือได้ว่าเป็นผู้นำที่ตัดสินใจที่ผิดพลาดตั้งแต่ต้นยังจบ
ผลจากการตัดสินใจจักรพรรดิอินคาระ ทำให้สงครามกลางเมืองลุกลามขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ พวกทหารรับมือพวกกบฏที่นำโดยฮารุโอโระไม่ไหว ส่งผลให้จักรพรรดิอินคาระสูญสิ้นอำนาจ และตายในที่สุด
ทางด้านเบนาวีตอนแรกเขาตัดสินใจจะฆ่าตัวตายเพื่อจะรับใช้จักรพรรดิอินคาระในโลกหน้า แม้จักรพรรดิอินคาระจะเป็นผู้นำไม่เอาไหน แต่เขาเป็นลูกน้อง กินข้าวหลวง เป็นซามูไรก็ต้องรู้คุณคน หากแต่ระหว่างที่เบวานีจะฆ่าตัวตาย ก็ถูกฮารุโอโระห้ามไว้ พร้อมพูดเตือนสติว่า
“นายมีหน้าที่ต้องเฝ้าดูทุกสิ่งทุกอย่างจนถึงวินาทีสุดท้ายนะ อย่าคิดจะหนีสิ”
นับแต่นั้นเป็นต้นมา เบนาวีก็กลายเป็นข้ารับใช้คนสำคัญของฮารุโอโระ ซึ่งฮารุโอโระเองก็เป็นผู้นำที่ไม่ยึดติดเรื่องความแค้นส่วนตัว แม้ว่าเบนาวีจะเคยเป็นศัตรูในสนามรบมาก่อน แต่เขาก็พร้อมให้อภัย เพราะเขารู้ซึ่งถึงความสามารถงานด้านบริหารบ้านเมืองของเบนาวี ว่าจะมีประโยชน์กว่าหากเขามีชีวิตอยู่มากกว่าตาย
และแล้วฮารุโอโระก็ดำรงตำแหน่งจากหัวหน้าหมู่บ้าน, เจ้าเมือง, ผู้นำกบฏ มาเป็นเป็นจักรพรรดิของประเทศแทนอินคาระ และตั้งชื่อประเทศใหม่ว่าซึสุคุรุ ชื่อของยายของเอรูรูและอารูรู ที่เป็นเหตุของการเกิดสงครามครั้งนี้นั้นเอง
หลังดำรงตำแหน่ง ฮารุโอโระแม้ได้เป็นจักรพรรดิ แต่เขาก็ไม่ได้หลงชื่อเสียง, ยศและอำนาจแต่อย่างใด เขายังคงเป็นฮารุโอโระชายลึกลับที่เปี่ยมไปด้วยน้ำใจและความสง่างามเช่นเดิม เขาจัดการบริหารประเทศอย่างร่มเย็นและเป็นสุข เอาใจใส่ประชาชน ไม่ถือตัว เอาใจใส่งานบ้านเมือง ปฏิบัติตนกับประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน อีกทั้งยังรักเอรูรูและอารูรูเป็นคนในครอบครัวเหมือนเดิม
แต่ความสงบสุขนี้อยู่ไม่นาน เพราะฮารุโอโระรู้ดีว่า ซึสุคุรุนี้เป็นประเทศเล็กๆ อ่อนแอ ซึ่งกำลังตกเป็นเหยื่อกลื่นกินของประเทศที่ใหญ่กว่า และก็เป็นเช่นนี้จริงๆ เมื่อ ประเทศใหญ่กว่า กำลังพลมากกว่าอย่างซิเคริเพทิม ที่นำโดยจักรพรรดินิเว่(Niwe)ได้กระทำการอันหยาบคาย หาเรื่อง เปิดศึกกับฮารุโอโระเพื่อจะกลื่นกินประเทศนี้ในทันที
ฮารุโอโระเริ่มมองเห็นเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกนี้มากขึ้น ประเทศเหล่านี้ปกครองโดยผู้นำที่ไม่ได้เรื่อง มีแต่ความคิดที่จะรุกรานเพื่อหาผลประโยชน์แก่ตัวเอง แต่ฮารุโระก็ยังคงอดกลั้น ไม่โจมตีประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้ก่อน และยังคงทำได้เพียงแต่ตั้งรับเท่านั้น
จักรพรรดิที่บุกตีฮารุโอโระนอกเหนือจากซิเคริเพทิม คือจักรพรรดิคุชชะ-เคชชะ(Orikakan) ซึ่งเป็นผู้นำที่ไม่ได้เรื่องเช่นกัน เพราะเขาเคลื่อนพลบุกโจมตีประเทศของฮารุโอโระเพียงเพื่อฆ่าฮารุโอโระคนเดียว โดยเขากล่าวหาว่าในอดีตนั้นฮารุโอโระเป็นน้องเขยและฆาตกรฆ่าน้องและหลานเขา เขาตัดสินใจนำทหารไปตายด้วยเรื่องส่วนตัว ทั้งๆ ที่ไม่มีหลักฐานว่าฮารุโอโระเป็นคนเดียวกับฆาตกรคนนั้นหรือเปล่า(ตอนหลังๆ จะพบว่ามีคนใส่หน้ากากแบบฮารุโอโระนี้โหล่มากๆ) และผลสุดท้ายก็รู้ว่าจักรพรรดิคุชชะ-เคชชะนั้นโดนหลอก ส่งผลให้สงครามครั้งนี้ไร้เหตุผลสิ้นดี ผู้คนล้มตายโดยใช่เหตุเพียงเพราะเหตุผลส่วนตัวของคนๆ เดียวแท้ๆ (อดีตแท้จริงของฮารุโอโระนั้นยิ่งใหญ่กว่าที่คิดเยอะ)
จักรพรรดิซิเคริเพทิม นิเว่ก็เช่นกัน แม้จะเป็นผู้นำอายุมาก แต่ความคิดนั้นไม่สมกับเป็นผู้นำเลย จักรพรรดิคนนี้มองประชาชนและทหารเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งเท่านั้น ตายไปก็ไร้ประโยชน์ อีกทั้งหาเหตุผลบุกโจมตีประเทศอื่นๆ ช่างไร้สาระสิ้นดี การศึกสงครามก็ไม่เรื่อง คิดแต่ว่าใช้กำลังทหารจำนวนอย่างเดียวไม่จำเป็นต้องวางแผน เผาเมืองตัวเองเพื่อให้พระเอกโกรธ ผลสุดท้ายก็พ่ายแพ้ราบคาบและตายอย่างอนาถ ทหารและประชาชนในประเทศของตนล้มตายจำนวนมาก เพราะผู้นำห่วยๆ คนนี้เพียงคนเดียว
ต่างจากฮารุโอโระแม้ว่าจะมีหลายครั้งที่ผู้นำอย่างเขาตัดสินใจผิดพลาด แต่เขาก็มีลูกน้องที่ช่วยเหลือ ในขณะเดียวกันฮารุโอโระก็ไม่ถือยศอันใด เขามองลูกน้องเหล่านั้นเสมือนหนึ่งเป็นครอบครัวเดียวกัน เวลาทานอาหารก็เชิญรับประทานด้วยกัน กินอาหารง่ายๆ ไม่หรูหรา พูดคุยโดยไม่ถือยศศักดิ์ ใครจะเรียกเขาว่าอะไรก็ไม่ใส่ใจ เวลารับคนช่วยงานก็ไม่ใส่ใจเรื่องอดีตหรือความแค้นส่วนตัว ส่งผลให้ต่อมาเขาก็ได้คนเก่งมารับใช้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสาวนักฆ่าที่อดีตเป็นปริศนานามคารูระ หรืออดีตคู่แค้นอย่างโทวกะที่ทั้งคู่เป็นนักรบสุดแกร่ง ฮารุโอโระใช้คนเหล่านี้โดยปราศจากความกังวลใจสงสัยเพราะเขายึดถือแนวคิดที่ว่า“ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”
สิ่งที่น่าชื่นชมในตัวฮารุโอโระอีกอย่างคือ เขามักเป็นคนนำทัพแนวหน้าทุกครั้ง ตามปกติแล้วสงครามมักใช้ผู้นำอยู่ด้านหลังของทัพ เพราะหากผู้นำเป็นอะไรก็หมายถึงประเทศนี้ต้องล่มสลายไปด้วย แต่ก็มีบางกรณียกเว้นเหมือนกัน คือสาเหตุที่ผู้นำเป็นทัพหน้าบ่บอกถึงความสำคัญของศึกสงครามครั้งนี้ เราจะถอยไม่ได้แล้ว
แต่ใช้ว่าพระเอกของเราจะทำถูกทุกเรื่อง สิ่งที่ขัดใจผมเล็กน้อย คือไม่รู้ว่าฮารุโอโระคิดอะไรอยู่ เพราะว่าเขาได้อนุญาติให้เอรูรูและอารูรูเข้าไปดูสภาพสนามรบด้วย เด็กทั้งสองเห็นภาพทหารทั้งสองฝ่ายใช้กำลังห่ำหั่นอย่างรุนแรงชนิดที่เรียกว่าจะๆ ตา เลือดสาดกระจายทั่วบริเวณ ร่างกายฉีดขาด เรื่องเหล่านี้ “เออ...ทำแบบนี้จะดีแล้วเหรอ??” ที่สมควรให้เด็กน้อยสองคนนี้เห็นความโหดร้ายของสงครามซึ่งไม่เหมาะกับกับเด็กสาวเลยสักนิด แต่ถ้าหากคิดแบบมีเหตุผล โดยดูจากยศฐานบรรดาศักดิ์แล้วเอรูรูและอารูรูก็คือทั้งสองเป็นเจ้าหญิงที่มีตำแหน่งเป็นถึงว่าที่ตำแหน่งจักรพรรดิในอนาคตหากฮารุโอโระเป็นอะไรไป หนึ่งในสองคนนี้ต้องดำรงตำแหน่งเป็นจักรพรรดิปกครองประเทศต่อไป ฮารุโอโระรู้ดีในเรื่องนี้จึงได้สั่งสอนให้เด็กสองคนได้เรียนรู้ความโหดร้ายของสงครามและพยายามหาวิธีใช้สันติมากกว่าจะใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา
หลังจากล้มจักรพรรดิซิเคริเพทิมมาได้ ประเทศต่อมาที่มาบุกรุกซึสุคุรุคือคุนเนคามุน นำโดยจักรพรรดิอารูริเนอุรุคะ คูยะ(Kuuya Amururineurika)ที่อายุยังน้อ ยความจริงประเทศนี้ไม่คิดจะลุกลานซึสุคุรุสักนิด เพราะจักรพรรดิองค์นี้ปรารถนาที่จะสร้างสันติ เป็นมิตรแก่ประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งมักปรึกษาเรื่องราวการบริหารประเทศกับฮารุโอโระประจำ หากแต่จักรพรรดิองค์นี้เป็นเพียงหุ่นเชิด ข้าราชการลูกน้องที่หวังแต่ลาภยศชื่อเสียงไม่เห็นหัวจักรพรรดิ เอาแต่ยุยงจักรพรรดิให้ลุลานประเทศเพื่อนบ้าน ควรใช้กำลังมากกว่าสันติ อีกทั้งประเทศเหล่านี้นับถือเทพต่างจากตน(ต่างศาสนา) ประกอบกับประเทศคุนเนคามุน นี้ตกเป็นเหยื่อของประเทศเพื่อนบ้านที่หวังจะได้สมบัติลับของประเทศคุนเนคามุน และด้วยสถานการณ์พาไปจักรพรรดิคูยะยอมกลื่นน้ำลายและตัดสินใจทำสงครามเพื่อรวบรวมประเทศให้เป็นหนึ่งในที่สุด
การตัดสินใจผู้นำจักรพรรดิคูยะนั้นก่ำกึ่งระหว่างผลดีและผลเสีย ผลดีคือการทำให้ประเทศนี้ปลอดจากสงครามแน่นอนหากรวบรวมประเทศทั้งหมดได้ แต่ข้อเสียก็มีมากเช่นกันเพราะจะกลายเป็นว่าประเทศของตนได้กลายเป็นประเทศโดดเดี่ยว ขาดมิตรจะช่วยเหลืออีกต่อไป ส่งผลให้ประเทศศัตรูที่เหลือรุมกินโต๊ะ อีกทั้งถึงแม้จะรวมประเทศสำเร็จมาได้แต่นี้ก็เป็นเพียงความสงบชั่วคราวเท่านั้น เนื่องด้วยความแตกต่างระหว่างเชื้อชาติและศาสนาทำให้เกิดความไม่สงบหลายๆ จุด และจะเป็นเช่นนี้เรื่อยไป
ประเทศคุนเนคามุนก็เปรียบเสมือนอเมริกาแม้ว่าจะมีอาวุธร้ายกาจที่ทันสมัย แต่อย่างไรก็ไม่สามารถต้านทานศึกหลายด้านได้ ผลสุดท้ายจักรพรรดิคูยะทำพลาด สูญสิ้นทั้งอำนาจและประเทศทั้งหมด กลับกลายเป็นว่าประเทศซึสุคุรุรวบรวมประเทศเหล่านี้มาได้ทั้งหมด จนกลายเป็นประเทศใหญ่ จากจักรพรรดิฮารุโอโระกลายมาเป็นมหาจักรพรรดิฮารุโอโระในที่สุด
ศึกหลังๆ แม้ว่าจะเริ่มใส่ความเป็นบ้าพลังหลายๆ อย่างเช่นหุ่นยนต์ยักษ์ สัตว์ประหลาด และเวทมนต์เข้าไป แต่กระนั้นสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ช่วยให้ผมขัดใจแต่อย่างใด
ส่วนเรื่องอดีตของพระเอกนั้นผมไม่มีความคิดเห็น เพราะผมสังหรณ์ใจตั้งแต่แรกแล้วว่าพระเอกนั้นต้องมาจากโลกแห่งความจริงแน่แท้ มีการผสมเรื่องไซไฟเข้ามา สำหรับผมแล้วมันช่างใจหายนิดๆ กับการวางพล็อตอดีตที่ซับซ้อนของพระเอกเรื่องนี้ แต่ยังดีที่ช่วยในการนำเสนอการเห็นแก่ตัวของมนุษย์(หูกลม) ที่มองมนุษย์(หูสัตว์)ไปเพียงสัตว์ทดลอง คิดว่าตัวเองคือพระเจ้า ส่งผลให้เกิดความหายนะจนสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ในเวลาต่อมา
สุดท้าย ศัตรูที่ร้ายกาจในเรื่องนี้ คือ “ตัวเราเอง” นั้นเอง ตัวก่อเรื่องทั้งหมดนั้นคือฮารุโอโระอีกคนหนึ่ง ที่มีแต่ความแค้นและมองชีวิตคนเหมือนผักปลา ฮารุโอโระตัดสินใจในศึกสุดท้ายนี้โดยจัดการเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเอง
แต่ใช่ว่าโลกจะสงบโดยสิ้นเชิงหลังฮารุโอโระอีกคนหนึ่งหายจากโลกไปแล้ว สงครามก็ยังคงมีต่อไป ตราบเท่าที่มนุษย์ยังมีจิตใจที่โลภเห็นแก่ตัวอยู่ ดังนั้นสิ่งที่ประเทศที่ตอนนี้กลายเป็นประเทศใหญ่อย่างซึสุคุรุทำได้ในตอนนี้คือการสร้างสันติ พยายามทำตัวเป็นกลางและช่วยเหลือซึ่งกันแล้วกันจะดีกว่า
เสียดายตอนจบดันไปเหมือนหูแมวโหด การเสียสละของฮารุโอโระทำให้คนอย่างผมเกือบร้องไห้ และขัดใจ ทุกคนอุตส่าห์ร่วมกันฝ่าฟันร่วมทุกข์ร่วมสุขตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง น่าจะจบแบบแอปปี้หน่อย แต่สำหรับผมแล้วผมลืมตอน 26 ซึ่งเป็นตอนจบไปจนสิ้น ผมยึดถือภาค OVA พิเศษเป็นตอนจบอย่างแท้จริง คือตัวละครทั้งหมดกลับมารวมตัวกันเป็นครอบครัวพร้อมหน้าอีกครั้ง และปกครองประเทศอย่างสงบสุขแห่งนี้ ตราบนานเท่านาน
สรุป ถ้าตัดฉากจบตอนที่ 26 ออก สุดยอดไปเลยพี่น้อง!! ทั้งพล็อตและข้อคิด
-แม้ตัวละครบางตัวของฝ่ายฮารุโอโระบทจะน้อย แต่ก็ทำให้ผมอบอุ่น เสมือนว่าพวกเขาเป้นครอบครัวเดียวกัน จนมีความคิดไม่อยากให้ตัวละครฝ่ายพระเอกตายสักคน
-น่าดีใจอมิเนชั่นการ์ตูนเรื่องนี้ไม่มีฉากร่วมเพศแต่อย่างใด นางเอกและสาวๆ ในเรื่องบริสุทธิผุดผ่อง 100 เปอร์เซ็นต์(แต่ในกรณีโดริกับกุระนี้ไม่แน่ใจเท่าไหร่)
-ฉากที่ชอบคือฉากเซอร์วิตคือฉากคางูยะยั่วพระเอก, คามิวนอนบนเตียง และโดริกับกุระนอนบนเตียงกับโอโบระ
-เหล่าสาวๆ ในเรื่องเก่งกว่าผู้ชายเสียอีก ยุคนี้เป็นยุคชายหญิงเท่าเทียมกันแล้วนะจะบอกให้
-นอกจากเหล่าสาวๆ จะเก่งเรื่องวรยุทธ์และยังเป็นเพื่อนรู้ใจให้คำปรึกษาแก่พระเอกอีก แสดงให้เห็นบทบาทของเหล่าผู้หญิงในยามสงคราม
-แม้จะเป็นการ์ตูนแนวสงครามแต่ก็มีหลายๆ ตอนให้หายเครียดเหมือนกัน
-สงครามมีแต่ความสูญเสีย ไม่มีใครได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
ขอบคุณที่อ่านครับ จบแล้วครับ ตอนหน้าอสูรรับใช้กับยัยศูนย์สนิทแน่นอน!!
+ +
ความคิดเห็น