ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #41 : Shintaro kago โหด โรคจิต วิตถาร และเข้าใจยาก!!

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 26.43K
      7
      18 ก.พ. 53


                    จริงอยู่ที่ผมชอบเรื่องฆาตกร แต่ใช่ว่าผมจะชอบหนังแนวฆาตกรสักหน่อย เห็นแบบนี้ผมกลัวพวกหนังเลือดสาดนะครับ เห็นเลือดแล้วจะเป็นลม และหนังแนวไล่ล่านี้ไม่ค่อยจะได้ไอเดียหรือแนวคิดสักเท่าไหร่ แต่คนในเอ็มนี้ชอบถามจังว่า “สิงหาสับนี้สนุกไหม”, “ชอบเจสันภาคไหนมากที่สุด”

                    จะบ้าตายตรูไม่ชอบแนวนี้เฟ้ย!!

                    นอกเรื่องไปนาน กลับมาที่บทความนี้ต่อ นับลองว่าคุณไม่เคยเห็นการ์ตูนเรื่องนี้แน่นอน ผมเองก็พึ่งเคยเห็นเมื่อวานนี้เอง และพึ่งอ่านแค่ 3 เรื่อง อ่านแล้วแทบอยากอาเจียน จิตตก สยอง ฯลฯ โหดกว่าการ์ตูนทุกเรื่องที่ผมเคยดูมาชั่วชีวิต

     


    Shintaro kago (ชื่อคนวาด)

    แนว Japanese guro manga

     

                    การ์ตูนเรื่องนี้คนในเอ็มมาแนะนำผมเองครับ เออ...เขาที่แนะนำเขาไม่ได้เป็นแฟนผลงานอะไรผมเลยนะครับ และคนๆ ผมก็รู้จักมานานในฐานะคนรู้จักกัน และผมก็วิจารณ์นิยายเขา และเรามักแลกเปลี่ยนเรื่องการ์ตูนอยู่บ่อยๆ ส่วนใหญ่การ์ตูนของเขามักเป็นแนวเฉพาะทางจริงๆ คือโหดก็โหดสุดๆ ไปเลย วิตถารก็วิตถารสุดๆ

                    Shintaro kago ก็คือหนึ่งในนั้น

                    ตอนแรกที่เห็นภาพผมก็นึกว่าเป็นการ์ตูนสยองขวัญธรรมดา(เพราะมันปนมากับผลงานของอิโต้ จุนจิ) แต่เมื่อพิจารณาหลายเรื่องก็พบว่ามันน่าสะอิดสะเอียนและน่ารังเกียจ เต็มไปด้วยความรุนแรง เซ็กต์และวิตถาร ระดับโรคจิตเกินความเป็นจริงอย่างรุนแรง ความคิดว่ามันเป็นการ์ตูนสยองขวัญหายเกลี้ยง ความรู้สึกแรกคือมันเกินกว่า GURO ด้วยซ้ำ (หมวด GURO เป็นการ์ตูนแนวโรคจิต เลือดสาดชนิดไม่เปลืองสีแดง เลือดเต็มจอ ไส้ทะลัก หัวกระจุย วิตถาร กินเนื้อคน ฯลฯ คนอ่านจะต้องอายุ 18 ขึ้นไป)

                    การ์ตูนนี้ทุกเรื่องเป็นเรื่องสั้นโดยจะมีชื่อคนเขียนลงท้าย คนเขียนคนนี้คือ ชินทาโร่ เคโกะ(Shintaro kago) ซึ่งผมก็ไม่รู้จักคนเขียนคนนี้มาก่อนเลย แต่หลังจากดูการ์ตูนของเขาครั้งแรกขอบอกว่า

                    “โรคจิตสุดๆ เกิดมาไม่เคยเห็นการ์ตูนเรื่องไหนโรคจิตเท่าเรื่องนี้อีกแล้ว!!

                    “มันไม่ใช้การ์ตูนสยองขวัญกระจอกธรรมดา !!

                    ตอนแรกผมกะว่าจะเอาการ์ตูนเรื่องอสูรรับใช้กับยัยศูนย์สนิทมาเล่าสักหน่อย แต่บังเอิญอ่านการ์ตูนของ Shintaro kago เกิดอาการสมองปั่นป่วน คันไม้คันมืออยากจะเขียน ผมจึงเอาเรื่องนำมาเสนอให้คนอ่านได้รู้ว่ามีการ์ตูนนี้อยู่จริง!!

                    เท่าที่ผมดูวีพีมีเดียประวัติของชินทาโร่ เคโกะมีไม่มากนัก เท่าที่รู้บอกว่า เขาเกิดปี 1969 ที่โตเกียว และเขามีผลงานมังงะครั้งแรกในปี 1988 ในนิตยสาร COMICBOX

                    งานสไตน์ของชินทาโร่ เคโกะถูกเรียกว่า “ภาวะจิตเสื่อมบกพร่องสมัยใหม่(fashionable paranoia)” ได้รับกล่าวขวัญอย่างมากว่าเป็นผลงานแนวจิตเสื่อมที่น่าจับตามอง(แต่ผมไม่กล้ามองอ่ะ)  ส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องเรื่องเพศ ร่างกายมนุษย์ และความรุนแรง วิตถาร โรคจิต ตลก(โหด) และมีประเด็นจิกกัดสังคมพอสมควร(กัดเจ็บมากๆ) โดยรวมแล้วเป็นการ์ตูนคัลต์ที่จำกัดเฉพาะกลุ่มจริงๆ ผลงานที่สร้างชื่อของเขานั้นก็มี “สินค้าพิเศษเกี่ยวกับสมอง(Super-Conductive Brains Parataxis)”,จุดเด่นลูกเล่นของงานเขียนเขานั้นเป็นการเล่นช่องที่แฝงด้วยปริศนาว่ามันต้องการนำเสนออะไรกันแน่ เพราะเนื้อหาเข้าใจยากมาก ก่อนที่จะจบแบบ งง (ทุกเรื่อง ทุกตอน)

                    

                    ชินทาโร่มักบรรยายผลงานของเขาเสมอว่า เป็น “อุจจาระ” เขาเคยจัดงานนิทรรศการเสนอผลงานของเขาเมื่อ 4 เมษายน ปี 2006 ชื่อนิทรรศการว่า “นิทรรศการเงื่อนไงที่ไม่สุขอนามัย(Unsanitary Condition Exhibition)”และในเดือนเดียวกันเขาก็มีโครงการสร้างภาพยนตร์เรื่อง “งานรื่นเริงฟิล์มอุจจาระ("Shit Film Festival")” และ 15 กันยายน เขาก็จัดแกลอรี่ที่โตเกียวในชื่องานว่า "งานรื่นเริงซึ่งผิดหลักอนามัยในเย็นค่ำคืน(Unsanitary Festival in the Cool of the Night)"

                    โดยผลงานของชินทาโร่นั้นทุกเรื่องเป็นการ์ตูนสั้น 16-20 หน้าจบ เรื่องที่ดังๆ ก็เช่น ส่องแสง! เอเซียตะวันออกสุดยิ่งใหญ่ความรุ่งเรื่องในรูปทรงกลม(Shine! Greater East Asia Co-Prosperity Sphere), การเต้นรำ! ราชวงค์วังเครมลิน (Dance! Kremlin Palace), อาโกะเด็กผู้หญิง 16 ขวบ (Aiko, the 16 year old girl), รักสงบของทุกสิ่ง (Everything's Peaceful), งานศพใหญ่ (The Big Funeral), สมุดโน็ตของฆาตกรและการฆ่า(Notebook of Murder and Killing), ละครตลกชั่วร้ายหน้าสถานี (Atrocious Comedy in Front of the Station), แผนการสุขภาพ (Health Plan), แมกกาซีนสำหรับคนผิดปกติ(Eccentric People Magazine), ถนนภาวะจิตหวาดระแวง(Paranoia Street),เกินมนุษย์ธรรมดา(Superhuman), ลวงตาทันทีทันใด(Sudden Delusion), ฝันโรงงานของเล่น(Dream Toy's Factory), ทำให้ถูกต้องบิดเบือนปรารถนาทางเพศ(Correct Perverted Sexual Desires)

                    นอกจากนั้นยังมีผลงานอีกมากส่วนใหญ่จะเป็นแนวใต้ดิน ซึ่งถือว่าเป็นข้อดีอยู่อย่างคือ เจ้าตัวสามารถถ่ายทอดไอเดียเต็มที่กับผลงานโดยไม่ต้องสนพวกบรรณาธิการตามมาออกความเห็น

                    ก่อนที่ผมจะเขียนการ์ตูนเรื่องนี้ผมได้ให้คนในเอ็ม 4 คน อ่านการ์ตูนของเขาดู มีคนให้ความเห็นว่าลายเส้นเขาไม่ได้งามเลิศ แต่ดูแล้ว สบายๆ สะอาดตา แต่เนื้อหาเครียดโหดๆ สุดๆ ส่วนใหญ่แล้วลงความเห็น ไม่ชอบใจ รับไม่ได้ ดูแค่ครึ่งเรื่องแทบลมจับ มีฉากเซ็กต์วิตถารมากเกินไปจนเกินพอดี  แต่ก็ชมว่าเขาวาดผู้หญิงได้น่ารัก แต่วาดคนรัก(พระเอก)เป็นผู้ชายที่อัปลักษณ์มากๆ

                    โดยรวมๆ การ์ตูนของชินทาโร่จะประกอบด้วยสิ่งเหล่านี้

                    -ผลงานของผู้เขียนมีเนื้อหาเข้าใจยากมากๆ จบแบบ งง ทุกตอน ดังนั้นเป็นการยากมากว่าจะเล่าเรื่องเหล่านี้ด้วยภาษาเขียนยังไงดี

                    -มีฉากรุนแรงระดับ MAX ไม่ว่าจะเป็นวิธีฆ่าที่โหดเหี้ยมอำมหิตพิสดาร มีทั้งเลือด อุจจาระ ปัสสาวะ เครื่องใน เราจะเห็นสิ่งเหล่านี้ทุกตอน

                    -มีฉากเซ็กต์เกือบทุกตอน มีทั้งแบบธรรมดาไปจนถึงวิตถาร(ผมก็ไม่ชอบ ขอบอกว่าถ้าตัดฉากเหล่านี้ออกการ์ตูนของชินทาโร่จะน่าอ่านมาก)

                    -ส่วนใหญ่เนื้อหาแต่ละตอน ไม่ค่อยให้เกียรติผู้หญิง เพศหญิงในการ์ตูนของชินทาโร่จะเป็นเครื่องสนองตัณหา การเหยียดเพศ เหยื่อของความวิตถารสารพัด และมักลงเอยด้วยการตายที่อนาถ

                    -เนื้อหาสุดโรคจิต สะอิดสะเอียน จนอยากจะอ้วก

                    -เนื้อหาหลายเรื่องมีประเด็นจิกกัดสังคม(แต่มองไม่ค่อยออกเท่าไหร่)

                    -เนื้อหาแปลกประหลาด ไม่ถูกคอคนไทย

                    -อายุคนอ่านควรอายุ 18 ขึ้นไป ทางที่ดีควรอายุ 25 ไปเลย ขนาดผมอ่านแทบอยากอ้วกให้ได้

                    แต่เชื่อหรือไม่ที่ญี่ปุ่นมีคนนิยมผลงานของเขามากที่เดียว นอกจากนั้นยังเป็นภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศสอีกด้วย!!

                    
                    ก่อนจะพูดถึงเนื้อหาการ์ตูนของชินทาโร่ เคโกะต่อ ผมขอเล่าเรื่อง”คัลต์”ก่อนนะครับ เพราะมีหลายคนมักเข้าใจผิดว่าหนังคัลต์เป็นหนังฆาตกรโหด

                    หากเราเปิดพจนานุกรมจะพบว่า cult : n. แปลว่า “การบูชาถึงระดับคลั่งไคล้ในลัทธิทางศาสนาซึ่งยังไม่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง”

                    คำว่าคัลต์นั้นรู้จักกันดีในวงการ หนัง ที่หมายถึงหนังคัลต์นั้นแหละ โดยหมายถึง หนังที่เมื่อออกฉายแล้วสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายส่วนมากเป็นด้านลบและหนังเจ๊ง แต่หนังดันไปโดนใจคนดูบางกลุ่มอย่างรุนแรงถึงขั้นลุ่มหลง โดยหนังคัลต์จะมีแต่หนังเกรดบีหรือแนวรุนแรงเสมอไป อาจเป็นแนวอินดี้ คอมมาดี้ และมีผู้กำกับหลายคนจงใจทำหนังตัวเองเป็นหนังคัลต์ด้วย

                    ส่วนแนวนั้นโดยมากมักเป็นหนังทุนต่ำ โปรดักชั่นไม่สมประกอบ หนังคัลท์มักเล่าเรื่องแปลกๆเพี้ยนๆ ตัวหนังมักว่าด้วยเรื่องพฤติกรรมผิดมนุษย์ หรือ เรื่องเหลือเชื่อ หรือโลกประหลาดบิดเบี้ยว อย่างเช่น กระเทยมนุษย์ต่างดาวโรคจิต( rocky horror picture show) กะเทยมหาภัย(pink flamingoes) ผีแม่ลูก (ju-on) โดยมีส่วนประกอบคือมักเป็นหนังที่มีลีลา-ลูกเล่น-ลักษณะบางอย่างซึ่งแปลกประหลาด หลุดโลก เช่น พล็อตเวอร์ๆ ฉากฉูดฉาดไม่สนใจความสมจริง, คนทำหนังโนเนมไร้ฝีมือ, หนังที่สร้างแบบห่วยๆ แต่ดันดูสนุกมาก, และไม่จำกัดแนว และคนที่ชอบก็อยู่กลุ่มเดียวหรือเฉพาะกลุ่มเท่านั้น ซึ่งนอกจากหนังแล้วคำว่าคัลต์ยังถูกนำไปใช้เป็นในสื่ออื่นๆ เช่น นิตยสาร, การ์ตูน อีกด้วย

                    แต่หลายคนไม่รู้และเข้าใจผิดมาก คือคิดว่าหนังคัลต์เป็นแนวฆาตกรโหด ฆ่าแบบไร้เหตุผล เลือดสาด จำพวกสิงหาสับ ขอบอกว่าเป็นการใช้ความหมายที่ผิด จงเปลี่ยนความคิดซะ!! เพราะหนังคัลต์หลายเรื่องไม่ใช่หนังฆาตกรโรคจิต

                    
                   เอาละกับมาที่การ์ตูนของชินทาโร่ต่อ  ต่อไปนี้ผมจะยกเรื่องการ์ตูนที่ชินทาโร่วาดไว้บางส่วน และพยายามเขียนให้อ่านเข้าใจง่ายมากที่สุดแล้วตามสมองของผม เนื่องจากมันเป็นภาษาอังกฤษ ผมจึงเดาเนื้อเรื่องจากภาพ จะแปลก็ได้ แต่ปัญหาคือผมไม่อยากแปลมันสักเท่าไหร่เพราะภาพมันสะอิดสะเอียนไม่ชวนให้อยากแปลเลย เอาเป็นว่าผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยมานะที่นี้ด้วยครับ

                    ผลงานที่จะเอามาเล่า อยู่ในเว็บดังต่อไปนี้(ความจริงยังมีอีกมากแต่ผมไม่อยากให้คนอ่านเท่าไหร่)

                    http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2009/01/A7472818/A7472818.html

                    http://pics.livejournal.com/kc_anathema/gallery/0006dpp2

                    Safety Hit(การตีอย่างปลอดภัย) 16 หน้าจบ

                    

                    (อ่านได้ที่ http://pics.livejournal.com/kc_anathema/gallery/00089s8b คนดูต้องอายุ +18)

                    ตอนนี้ถือได้ว่าผมดูรู้เรื่องมากที่สุดแล้ว น่าแปลกดีที่ผมดูรู้เรื่อง เพราะว่าในเว็บพันทิปเขาบอกว่าจบแบบ งง แต่ผมดันไม่ งง เนื่องจากผมได้ทำการแปลและได้เก็บไปคิดถึงหนึ่งวันเต็มๆจนกระทั้งเข้าใจสิ่งที่เขานำเสนอ(ไม่รู้จะตรงใจคนเขียนหรือเปล่าหว่า)

                     ถ้าจะทำความเข้าใจการ์ตูนในตอนนี้ ก่อนอื่นเราต้องแบ่งเป็น 2 เหตุการณ์ครับ และ 2 เหตุการณ์นี้จะมาบรรจบกันในตอนจบ โดยสองเหตุการณ์ที่ว่าชายตอนต้นเรื่องและศึกเบสบอล(โหด)

                    
                    เปิดฉากออกมาจะเห็นชายที่สวมชุดเบสบอลกำลังซ้อมหวดลมอยู่ก่อนที่จะหยุดไปเพราะเขาคิดว่าฝีมือเขาเริ่มจะตกและแย่ลง ในขณะที่เขาสิ้นหวังข้างๆ มีภรรยาได้พูดกำลังใจให้เขาสู้ต่อไป ดูๆ แล้วช่างอบอุ่นเหลือเกินสำหรับช่องนี้ ก่อนที่ช่องถัดมาตัดมาที่ชายสองคนในชุดพนังงานบริษัทกำลังพูดถึงศึกบิ๊กแมกซ์เบสบอลที่ใหญ่ที่สุดที่พวกเขาตั้งตารอ

                    
                    จากนั้นเปิดหน้าที่สองเราก็พบการแข่งขันเบสบอล แต่แทนที่จะแข่งในโดมกับกลายเป็นการแข่งขันในทางเดินเท้าท่ามกลางฝูงชนที่กำลังเดินไปมาโดยมีสกอร์บอร์ดบอกคะแนนตั้งอยู่บนตึกระฟ้า จากนั้นเราก็เห็นฉากโหด แทนที่นักเบสบอลจะแข่งแบบธรรมดา กลับใช้ไม้เบสบอลตีหัวคู่แข่งจนหัวเบะเลือดสาดกระจาย คู่แข่งตายหนึ่งคนสกอร์ก็บวกหนึ่งแต้ม จากนั้นฝ่ายคู่แข่งใช้ลูกเบสบอลปาหัวฝ่ายตรงข้ามจนหน้าแหกคะแนนก็ตีเสมอเป็นหนึ่งต่อหนึ่ง โดยมีผู้ชมหลายคนที่แต่งตัวเหมือนพนักงานบริษัททำมือชูสองข้างบนฟ้าแบบเงียบๆ ไม่ส่งเสียง ก่อนที่จะลดมือลงและไม่ส่งเสียงสักเอะ

                    จากนั้นก็ตัดฉากมาที่เชียร์รีดเดอร์สาวๆ กับกองเชียร์ที่เป็นนักศึกษา แต่แทนที่จะตั้งแต่เชียร์เบสบอล กลับกลายเป็นนักศึกษาต่อยเชียร์ลีดเดอร์สาวที่หน้าตาไม่ดีอย่างเลือดเย็น ส่วนเชียร์รีดเดอร์ที่หน้าตาดีจะโดนข่มขื่นทำอนาถจาร ในขณะที่สนามแข่งขันกลายเป็นสงครามฆ่ากันระหว่างสองทีมเบสบอล ก่อนที่จะลุกลามกลายเป็นว่าพวกที่ใส่ชุดเบสบอลไล่ฟาดคนเดินทางจนหัวแบะเลือดสาดไปทั่ว

                   
                    กลับมาที่ชายตอนต้นเรื่อง กลับกลายเป็นว่าเขาไม่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันศึกเบสบอลเลย เพราะสิ่งที่เขาฝึกซ้อมตอนแรกนั้นไม่ใช้เกี่ยวกับการแข่งขัน หากเป็นงานที่เขาทำหน้าที่เป็นเพชรฆาตใช้ไม้เบสบอลลงดาบแก่คนที่ทำฮาราคารีต่างหาก หากฝีมือตอนนี้เขาเสื่อมลง เพราะคนทำฮาราคีไม่ได้ตายจากการลงดาบแรกของเขา ทำให้เขาต้องตีด้วยไม้เบสบอลหลายที่กว่าที่คนทำฮาราคารีจะตายคาที่

                    ชายตอนต้นเรื่องกลับจากงาน เขาระบายอารมณ์เรื่องงานใส่ภรรยาด้วยความรุนแรง ก่อนที่จะลงมือข่มขื่นภรรยาของตน และฉากวิปริตก็ออกมาเมื่อไอ้นั้นเขากลายเป็นไม้เบสบอล และเขาก็ใช้ไม้เบสบอลมีเซ็กต์กับภรรยา จนกระทั้งเขารับไม่ได้ในตอนท้ายจนต้องหนีออกจากบ้าน

                    
                    กลับมาที่การแข่งขันศึกเบสบอล(โหด) ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มค่ำ ผู้คนเริ่มกลับบ้าน แต่การแข่งขันยังไม่จบ เพราะทีมเบสบอลตามไปตีหัวคนถึงในบ้าน แม้แต่ตอนเช้าการแข่งขันก็ไม่เลิกเพราะทีมเบสบอส(โหด)ยังใช้ไม้เบสบอลไล่ตีฝูงจนที่กำลังไปทำงานและกำลังไปโรงเรียนอย่างเมามัน และถ้าผู้เล่นคนไหนตีหัวคนได้ตีที่สุดจะได้รับคำชมเชยและดอกไม้จากมาสคอต

                    
                    กลับมาที่ชายต้นเรื่องต่อเขากลับมาบ้าน ก็พบภรรยากำลังทำฮาราคีรี คว้านท้องเลือดไหลอย่างทรมาน เธอบอกว่าทำให้สามีเดือดร้อนและเธอก็มีชู้ เธอไม่อยากให้สามีต้องอับอายขายหน้า เลยคว้านท้องตัวเองเพื่อไถ่โทษโดยขอให้สามีลงดาบ(ไม้เบสบอล) สามีซึ่งตอนนี้ฝีมือไม่ได้เรื่องพยายามตั้งมั่นสมาธิเพื่อให้ลงดาบ(ไม้เบสบอล)ทีเดียวเพื่อให้ภรรยาตายทันที ผลปรากฏว่าเขาทำสำเร็จ ฝีมือเขากลับมาดีอีกครั้ง แต่ไม่ทันทีเขาจะดีใจเขากับกลายเป็นเหยื่อทีมเบสบอลในศึกเบสบอลโหดจนหัวเบะตายอีกราย

                    และสองช่องสุดท้ายเป็นกลุ่มผู้ชมหลายคนที่แต่งตัวเหมือนพนักงานบริษัททำมือชูสองข้างบนฟ้าแบบเงียบๆ ไม่ส่งเสียง ก่อนที่จะลดมือลงและไม่ส่งเสียงสักเอะเช่นเคย.........

                    
                   หลังจากที่อ่าน ดูตัวอย่างแล้วใช่เปล่าครับ หลายคนอาจคิดว่านี้มันการ์ตูนบ้าอะไรเนี้ย คนเขียนบรรยายมั่วเปล่า ทำไมอ่านไม่รู้เรื่องเนี้ย โหย นี้ผมบรรยายชนิดหน้าต่อหน้าเลยนะครับ นี้แหละครับสไตน์คนเขียน คือมันเป็นการ์ตูนที่หลุดโลก ใช้มุกที่เกินสามัญสำนึกของเรา อย่างเบสบอลที่เราคิดเสมอว่าต้องเล่นที่โดมกลับกลายเป็นที่สาธารณะกลางฝูงชน การทำคาราคีรีควรใช้ดาบญี่ปุ่นกลับกลายเป็นไม้เบสบอลแทน และเพิ่มฉากโหดหลายๆ อย่างเข้าไป จนเป็นการ์ตูนของชินทาโร่ เคโกะขึ้นมา

                    ตอนนี้ถ้ามาคิดดูๆ นี้ได้ข้อคิดเยอะนะครับ(ตัดฉากลามกไปซะ) คือความไม่มั่นใจในการทำงาน คนญี่ปุ่นเวลาที่อยู่วัยกลางวันและทำงานเวลานานๆ ก็จะเริ่มรู้สึกแหละครับว่าความสุขในการทำงานของตนลดน้อยถอยลง กลัวโดนรุ่นน้องหรือพนักงานใหม่แย่งตำแหน่ง จนตนต้องโดนบริษัทไล่ออกเพราะฝีมือตก ทำให้พนักงานวัยกลางวันแก้ปัญหานี้ไม่ตกจนต้องหันมาใช้กำลังความรุนแรงในครอบครัวแทน หรือบ่อยปะละเลยภรรยา หันมาทุ่มเทกับงาน จนภรรยาเหงาและมีชู้ ทั้งๆ ที่ฝ่ายภรรยานั้นต้องคอยปลอบใจและให้กำลังสามีเวลาที่กำลังทุกข์แท้ๆ กว่าจะเข้าใจกันก็สายไปเสียแล้ว เหมือนตอนจบของการ์ตูนเรื่องนี้แหละ

                    ส่วนศึกเบสบอล(โหด)มันก็เปรียบเสมือน ชีวิตที่เสมือนกับเกมส์ขนาดใหญ่ มีการแข่งขัน หักหลัง แทงข้างหลัง ผลการประกอบการก็เหมือนคะแนน แม้จะทำเรื่องผิดศิลธรรมทำให้คนอื่นเดือดร้อนก็ต้องทำเพื่อชีวิตการงานที่ดีขึ้น แม้แต่อยู่ในบ้านเกมส์ก็ยังไม่จบ เพราะครอบครัวก็เหมือนกับเกมส์ที่ต้องรักษาน้ำใจซึ่งกันแล้วกัน หากพลาดขึ้นมาชีวิตของเราก็พังพินาศ โดยปราศจากคนสนใจ กลับกันคนรอบข้าง(ในการ์ตูนคือคนดูเบสบอล)ต่างสะใจ ทับถม ชีวิตที่พังพินาศของคุณ ก่อนที่จะเลิกสนใจคุณในที่สุด

                    ที่น่าสนใจคือในการ์ตูนตอนนี้ได้นำเรื่องเซ็ปปุกุและเบสบอลใส่ลงไปด้วย เซ็ปปุกุหรือฮาราคีรี เป็นการฆ่าตัวตายโดยการคว้านท้อง ในยุคซามูไร ของประเทศญี่ปุ่น โดยใช้มีดสั้นแทงที่หน้าท้องใต้เอวขวา แล้วกรีดมาทางซ้ายแล้ว ดึงมีดขึ้นข้างบน ซึ่งเป็นการเปิดเยื่อบุช่องท้องแล้วตัดลำไส้ให้ขาด การตายด้วยวิธีนี้ เชื่อว่าเป็นการตายอย่างมีเกียรติที่สุด เพราะแสดงความกล้าหาญและพิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการบังคับจิตใจของตนเอง ส่วนเบสบอลนั้นก็เป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมของฯญี่ปุ่นอยู่แล้ว นอกจากนั้นมันเป็นมากกว่าเกมส์ มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี เกียรติ์ยศ ที่ถึงกับฆ่าแกงกันได้ และนอกจากนั้นไม้เบสบอลยังเป็นอาวุธที่คนร้ายมักนำมาใช่ก่อเหตุร้ายในสังคมญี่ปุ่นอยู่บ่อยๆ  

                    

                    Mr. Urashima เป็นเรื่องราวของชายวัย 24 ปีคนหนึ่งที่หน้าตาปัญญาอ่อนแต่รักเต่าเป็นชีวิตจิตใจ รักมากจนกลายเป็นกลายเป็นบ้า เพราะเขามักตอบโต้ด้วยวิธีการรุนแรงหากเขาเห็นใครรังแกเต่า เช่น เผาร้านขายอาหารทำจากเนื้อเต่า ฆ่าผู้หญิงที่เลี้ยงเต่าไม่ถูกวิธีโดยการจับเธอเปลือยผ้าแล้วจับห้อยให้หัวเธอกระแทกพื้น(ให้คอหดเหมือนเต่า) ระเบิดสวนสัตว์น้ำเพื่อพาเต่าทะเลไปปล่อย ตีหัวคนขายอุปกรณ์เลี้ยงเต่า ฯลฯ

                    จนกระทั้งวันหนึ่งเขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งโดนจิ๊กโก๋หลายคนรุมข่มขืน ทีแรกเขาไม่ช่วยเพราะเธอไม่ใช้เต่า จนกระทั้งเขาเห็นบัตรประจำตัวที่ชื่อเธอเขียนว่า “น้องเต่า” เขาเลยจัดการฆ่าจิ๊กโก๋ และผู้หญิงคนนี้ซาบซึ้งน้ำใจชายคนนี้มาก เลยคบเป็นแฟนและได้เสียกัน

                    จุดเริ่มต้นความวิปริตอยู่ตรงนี้แหละ เมื่อในขณะที่ชายคนนั้นกำลังจู๋จี๋กัน ก็พบว่ามีเต่าโผล่มาจากรูทวารของเธอ(อ้วก) ตอนแรกชายคนนั้นตกใจมากๆ แต่เมื่อทราบเรื่องราวที่ผู้หญิงคนนั้น พูดว่า เครื่องในร่างกายของเธอนั้นได้กลายเป็นเต่า และเธอจะต้องแพร่พันธุ์เต่านี้ โดยการให้เธอเอาเต่าที่อยู่ในทวาร(ทั้ง 7)ไปแพร่ในร่างกายผู้อื่น(ทั้งจูบ, มีเพศสัมพันธ์)

                    
                     ฝ่ายผู้ชายแทนที่ได้ยินจะโกรธกลับชอบ เพราะเขารักเต่า ยินดีให้เต่าอยู่ร่างกายของเขา(ซะงั้น) และเมื่อแยกกับแฟน ชายคนนั้นก็เอาเต่าไปแพร่พันธุ์กับผู้หญิงไปทั่ว(มีเพศสัมพันธ์กันนั้นแหละ) จนกระทั้งไปมีเพศสัมพันธ์กับหญิงบริการคนหนึ่งก็พบว่าที่ทวารของเธอมีเครื่องในที่เป็นปลาอยู่ก่อนแล้ว และปลาตัวนี้ดันโผล่จากรูกินเต่าที่โผล่จากรูทวารเขา  ชายคนนั้นโกรธมากเลยจับเธอมัดกับขื่อและปล่อยแมลงหลายตัวเข้าไปในรูทวารให้มันกัดกินเครื่องในของเธอจนตายสยอง ก่อนชายคนนั้นจะหลบหนีและเปลี่ยนเครื่องในของเขาโดยมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่นโดยสิ่งที่ออกจากรูทวารของเธอนั้นเป็นคน(บรรยาย งง  หรือเปล่านี้)

                    
                   หลังจากที่อ่าน วิปริตมากตอนนี้ แต่ให้ข้อคิดสองอย่าง คือการรักอะไรมากเกินไปมันจะไปดี เพราะยิ่งรักจะกลายเป็นการหมกมุ่นทำให้เกิดผลร้ายในอนาคตได้ นอกจากนี้ยังเห็นว่าคือเดี๋ยวนี้คนญี่ปุ่นชอบมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงไม่เลือกหน้า มากกว่าคบหาแบบสามีและภรรยา ทำให้เกิดโรคภัยถามหา เช่นโรคเอดส์ โรคเรื้องรังต่างๆ ดังนั้น การ์ตูนนี้อาจเตือนๆ เรื่องการคบหาและการมีเพศสัมพันธ์ให้ปลอดภัยจะดีกว่า ก่อนที่จะสายเกินไป

                    Punctures

                    

                    http://pics.livejournal.com/kc_anathema/gallery/0007kw1p

                    ชายคนหนึ่งตื่นขึ้นในตอนเช้าและพบว่า มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้น เมื่อเขาพบว่ามีรูโพiงเล็กๆ โผล่ออกมาทุกที มีทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก มันโผล่ไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นบนพื้นดิน บนเพดาน ถุงยาง หรือแม้แต่ในร่างกายคนก็ปรากฏออกมาให้เห็น แต่น่าประหลาดใจที่คนเหล่านี้ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับสิ่งแปลกประหลาดเหล่านี้ ซ้ำยังเดินทางปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมบางคนชอบที่จะมีรูอยู่รอบตัวด้วยเพราะมันสะดวกอะไรหลายๆ อย่าง

                    แต่ชายคนนั้นรู้สึกเครียดอย่างมากกับการเปลี่ยนแปลงนี้ จนกระทั้งวันที่เขาทำการบ้านกับภรรยา เขาก็พบว่านาผืนน้อยของเธอเป็นรูโพรงขนาดใหญ่ ทำให้เขารับสภาพนี้ไม่ได้เขาเลยฆ่าตัวตายโดยเอาน้ำมันราดตัวและจุดไฟเผา จนไฟครอบตายสยอง ปล่อยให้ภรรยาของเขาเป็นม่าย ต่อมาภรรยาเขาได้แฟนใหม่ เป็นนักวิทยาศาสตร์(หรือเปล่า?) ที่เขามีวิธีแก้ไขโพรงรูเหล่านี้โดยเขาใช้สารพิเศษอุดรูดังกล่าว และเมื่อเขาปิ๊งกับภรรยาของชายที่ฆ่าตัวตาย เขาเลยเอาสารพิเศษอุดรูนาผืนน้อยของเธออีกครั้ง แต่แล้วเช้าวันต่อมาเขากับพบว่าตัวเธอมีแต่โพรงอยู่ทั่วตัวเสียแล้ว

                    
                     หลังจากที่อ่าน ตอนนี้ไม่วิปริตเท่าไหร่ ส่วนข้อคิดคือ การเปลี่ยนแปลง มีคนหลายคนไม่สามารถยอมรับการเปลี่ยนแปลงรูโพรง(สังคมได้) ทั้งๆ ที่โลกเรานั้นไม่หยุดหมุน มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เช่นการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย ด้านสังคม ด้านจิตใจ บางคนยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ สามารถปรับตัวได้ และมีชีวิตที่ปกติ ในขณะที่บางคนไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ และพยายามคงสภาพให้ได้มากที่สุด โดยบางคนอาจใช้วิธีการรุนแรงเพื่อต่อต้านการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น จนเกิดผลเสียตามมาในที่สุด

                   Drunkard Condo Syndrome

                   

                    http://pics.livejournal.com/kc_anathema/gallery/0008fcft?page=1

                    สำหรับตอนนี้ไม่รู้จะบรรยายยังไงดี เพราะมันมั่วมาก มันไม่ค่อยโหดแต่เซ็กต์เยอะ ประมาณว่าเข้าห้องผิด โดยการ์ตูนสมมุติว่าเกิดทุกคนเข้าห้องของตัวเองผิด และในห้องนั้นมีภรรยาไม่ใช้ของเรา(ของคนอื่นนั้นแหละ) มาต้อนรับอะไรจะเกิดขึ้น ดังนั้นตอนนี้เลยสลับกันอย่างซุปเปอร์ งง ตอนแรกๆ ก็ปกติธรรดา เปิดฉากออกมาแม่บ้านกำลังทำอาหารรอสามีกลับบ้าน(อพาร์เมนต์เป็นห้องๆ) และเมื่อได้ยินเสียงกริ๊งเรียกเธอนึกว่าสามีกลับบ้าน เปิดประตูออกมาปรากฏว่าเป็นชายแปลกหน้าที่เข้าใจผิดว่านี้เป็นบ้าน(ห้อง)ของตัวเองและคิดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นภรรยาเขา เลยจัดการข่มขื่น และมุกแบบนี้กลายเป็นบรรทัดฐานในหน้าต่อๆ ไป เพียงแต่คู่แต่ละหน้าจะเริ่มวิปริตตามลำดับ เช่น ผู้หญิงธรรมดา+ชายชอบซาดิสต์, ผู้หญิงชอบซาดิสต์+ฆาตกรโรคจิต, ผู้หญิงที่ยอมเป็นเหยื่อฆาตกรโรคจิต(หั่นตัวเองเป็นอาหารให้ฆาตกรกิน)+ชายวัยกลางคน, หญิงวัยกลางคัน+ชายซาดิสต์, หญิงธรรมดา+ผี??, หญิงที่มีอวัยวะเพศอยู่ที่ตา+ชายธรรมดา, หญิงเปลือยกายใส่นวมนักมวย+ชายทุบตัวตุ่น(ทุบหัวเธอจนหัวและ), มนุษย์ต่างดาว+คน มีการล้อเลียนโนบิตะ โดเรมอนด้วย(ซึ่งมันไม่ตลกเลย) นอกจากนี้คนเข้าห้องผิดเริ่มผิดมนุษย์มานามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น นักดับเพลิง ยมทูต เทพเจ้า(อะไรสักอย่าง) ฯลฯ

                    
                     สำหรับการ์ตูนของคนเขียนคนนี้หากดูดีๆ ก็ได้คติสอนใจเยอะ แต่น่าเสียดาย คติสอนใจนี้กลับโดนความโหด เซ็กต์ และการฆ่าโหดที่ไร้เหตุผล และพิสดารเพื่อสนองตัณหาสันดานดิบลึกๆ ของเราบดบังมากเกินไป  ทำให้กลับกลายเป็นจุดเด่นของการ์ตูนเรื่องนี้ไปบริยาย อีกทั้งผมไม่รู้ว่าคนเขียนตั้งใจเขียนหรือไม่ตั้งใจกันแน่ ที่ทำให้เนื้อหาออกมาตั้งแต่ต้น งง และจบแบบ งง ชนิดที่ว่าดูภาพเฉยๆ ก็ดูไม่ออกมาเขาต้องการนำเสนออะไรกันแน่ เหมือนกับว่าคนเขียนคิดอะไรก็วาด ใช้มุกสดๆ โดยไม่ต้องวางพล็อต ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้ไม่สากลไป

                    มาถึงตอนนี้ผมว่า คนที่อายุถึง-ไม่ถึง คงดูการ์ตูนของนักเขียนคนนี้ไปเรียบร้อยแล้ว ความจริงผมไม่พิสมัยการ์ตูนชนิดเลย แต่ผมจงใจลงตอนนี้เพื่อให้หลายคนเปิดหูเปิดตาว่ามีการ์ตูนแบบนี้จริงๆ ที่ญี่ปุ่น และโด่งดังพอสมควรเสียด้วย ซึ่งแน่แปลกตรงที่คนญี่ปุ่นกลับชอบการ์ตูนเรื่องนี้มาก ทั้งๆ ที่มีเนื้อหา วิปริต และเหยียดเพศ แทนที่จะออกมาต่อต้านเหมือนบางประเทศ ซึ่งหากมาคิดดูดีๆ บางทีสังคมญี่ปุ่นค่อนข้างจำกัดสิทธิผู้หญิงพอสมควร สมัยก่อนผู้หญิงญี่ปุ่นถูกจำกัดได้เพียงการเป็นแม่บ้านที่เรียบร้อยภายในบ้าน ในปี 1947 มีการกำหนดกฎหมายเกี่ยวกับการจำกัดผู้หญิงหลายอย่าง เช่นการห้ามให้สตรีออกไปทำงานในตอนกลางคืน หรือไม่เกิน 6 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ กฎหมายนี้แสดงให้เห็นว่าผู้ร่างกฎหมายเป็นคนแก่หัวโบราณ ที่ผูกขาดบทบาทบุรุษเพศ ขณะที่บทบาทสตรีในสังคมญี่ปุ่นถูกผลักอยู่ในพื้นที่แคบๆ หรือเพียงหลังฉากสังคมเท่านั้น แม้ปัจจุบันบทบาทของสตรีจะเริ่มมีมากในสังคมญี่ปุ่น แต่ลึกๆ แล้วบุรุษเพศคงมองเรื่องผู้หญิงเป็นแค่แม่บ้านอยู่ดี

                    ตอนเขียนการ์ตูนเรื่องนี้นึกถึงฆาตกรคนหนึ่งอิเซอิ ซากาวา (Issei Sagawa) 1981-?? ฆาตกรชาวญี่ปุ่น ที่ฆ่าข่มขืนแล้วกินศพนางรีนี่ ฮาร์ทธะเวลท์ มื่อวันที่ 11 มิถุนายน 1981 เขายิงหัวเธอด้วยปืน จากนั้นก็ข่มขืนศพอย่างเมามันก่อนจะแล่เนื้อเธอ ชำแหละ บางส่วนไว้กิน บางส่วนเก็บไว้ตู้เย็น โดยเขาทำอาหารจากเนื้อเธอหลายๆ อย่าง เช่น ซาซิมิ ซุปมิโซะ เทมปุระ ฯลฯ โดยเขาบอกว่าเนื้อส่วนก้นนั้นอร่อยมาก  เขาถูกจับได้เนื่องจากมีคนเห็นเขาทิ้งศพเธอไว้ข้างทาง แต่เนื่องจากเขาเป็นลูกคนรวย พ่อเลยมีเงินจ้างทนายเก่งๆ สู้คดี และเป็นผลสำเร็จ อิเซอิถูกตัดสินว่าบ้า เขาถูกส่งไปบำบัดจิตที่โรงพยาบาลบ้าฝรั่งเศส และพ่อก็วิ่งเต้นให้เขาถูกส่งตัวรักษาทางจิตต่อที่ญี่ปุ่น และบำบัดทางจิตเพียง 1 ปีกับอีก 2 เดือน เขาก็ถูกปล่อยตัวเป็นอิสระ โดยไม่ดำเนินคดีฐานฆ่าคนตายแต่อย่างใด

                    เมื่ออิเซอิถูกปล่อยตัวออกมา แทนที่จะถูกประณามจากสังคมญี่ปุ่น  กลับกลายเป็นว่าคนญี่ปุ่นเห็นเขาเป็นฮีโร่(ซะงั้น) ทำให้เขาได้งานหลายๆ อย่างตามมามากมายไม่ว่าจะเป็นนิยายที่เขาเอง 4 เล่ม คอล์มต่างๆ ในนิตยสาร นักชิมอาหารตามร้านอาหารหรูๆ และมีโอกาสแสดงภาพยนตร์โป๊เรื่อง Sisenjiyou no Aria หรือ The Bedroom และยังเป็นแรงบันดาลใจให้วง Stranglers แต่งเพลง la Folie(ปี 1991) เพลง “Too Much Blood”ของวงก้องโลกอย่าง Rolling Stones อีกด้วย และเขากลายเป็นฆาตกรกินคนรายเดียวของโลกที่ทำผิดแล้วไม่รับโทษทัณฑ์ใดๆ ทั้งจากฝรั่งเศสและญี่ปุ่น

                    นี้แสดงให้เห็นว่าคนญี่ปุ่นนั้นชอบเรื่องโรคจิต.....หรือเปล่าหนอ??+ +

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×