คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #36 : Kiss X Sis รักวุ่นวายของพี่สาวฝาแฝด
ผมรู้จักการ์ตูน Kiss X Sisเรื่องนี้จากคนในเอ็มคนหนึ่ง(ปัจจุบันโดนบล็อกไปแล้ว) เขาบอกว่าการ์ตูนนี้มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม และแรงมาก
ผมเปิดดูภาพกูเกิ้ล ผมจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมการ์ตูนนี้ถึงเนื้อหาไม่เหมาะสม เนื่องจากคนเขียนการ์ตูนเรื่องนี้คือโบว ไดทามะ(Bow Ditama) ผู้วาดการ์ตูนแนวเลิฟคอมมาดี้ที่สอดแทรกเรื่องเครียดๆ และฉากเซอร์วิสเต็มจอ
ก่อนที่ผมรู้จัก Kiss X Sis ผมรู้จักผลงานของนักเขียนคนนี้ตอนมัธยม แต่ก็ไม่ได้ติดตามผลงานของเขามากนัก เพราะว่าช่วงนั้นผมมองเรื่องเปลือยและเรื่องผิดศีลธรรมเป็นสิ่งน่ารังเกียจอยู่ พอไปเจอผลงานการ์ตูนของเขาในเรื่อง มาโฮโระ สาวน้อยออโตเมติคส์(Mahoromatic)เล่มแรกแล้วผมเลิกอ่านทันที
มาโฮโระ สาวน้อยออโตเมติคส์ของเด็กสาวที่เป็นหุ่นยนต์ลับสุดยอดที่แข็งแกร่งที่สุดขององค์กรแห่งหนึ่งที่ใช้ต่อต้านมนุษย์ต่างดาว แต่เนื่องจากเธอถูกใช้งานมากเกินไปจนทำให้ร่างกายรับสภาพไม่ไหวจนต้องถูกปลดประจำการ โดยเธอได้ใช้เวลาที่เหลือนี้เป็นสาวใช้มิซาโตะพระเอกผู้แสนอ่อนแอและขี้เหงาและเรื่องวุ่นๆ ก็ตามมา
ฉากการ์ตูนเรื่องนี้ที่ผมอึ้งคือฉากตอนเริ่มเรื่องที่รถประจำทางที่มิซาโตะโดยสารถูกโจรกระจอกจี้ และสั่งให้สาวๆ ในรถเปลือยผ้า (ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ คนแก่) และเช่นเคยโจรกระจอกที่ว่านั้นก็โดนสาวใช้(เปลือย)อัดจนเละไปหยอดน้ำต้มที่โรงพยาบาลเรียบร้อยตามประสาเลิฟคอมมาดี้ผสมแอ็คชั่น ทำให้ฉากนี้เป็นที่โจษจันในเวลาต่อมาว่ามันเหมาะสมต่อเยาวชนหรือไม่
ผมได้ดูเล่มนี้แค่เล่มแรก ที่สำนักพิมพ์สยามเป็นคนพิมพ์และจัดจำหน่าย 7 จบ แต่ผมอ่านเล่มแรกเท่านั้น ส่วนเล่มหลังๆ ไม่รู้เป็นยังไง คงหนักกว่าเล่มแรกใช่เปล่า(ใครรู้ช่วยบอกหน่อย)
ผลงานต่อมาของโบว ไดทามะคือเรื่อง สาวเอ๋อไฟแรงสูง! (Fight Ippatsu! Juuden-chan!!) เรื่องนี้ไม่ค่อยมีฉากโป๊มากนัก แต่อ่านแล้วไม่รู้สึกดีเท่าที่ควร แม้เนื้อเรื่องนำเสนออะไรที่แปลกใหม่อยู่เยอะ โดยเนื้อเรื่องได้ว่าบนโลกเรามีมิติคู่ขนานอยู่โลกหนึ่งที่มีองค์กรหนึ่งที่มีหน้าที่ฝึกฝนสาวๆ ที่เรียกว่า “หนูประจุไฟ” ที่ทำหน้าที่ชาร์จไฟฟ้าให้กับคนที่เป็นโรคซึมเศร้าหายเครียด(มีหลายระดับ เช่น ซึมเฉยๆ ซึมปานกลาง เก็บตัว และอยากฆ่าตัวตาย) ได้มีแรงฉัดสู้ชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง และนางเอกชื่อ “ปลั๊ก” เป็นหนึ่งในสมาชิกองค์กรนั้น
ปลั๊กเป็นพนักงานที่ไม่ได้เรื่องเท่าไหร่นัก ทำงานที่ไรมีแต่ล้มเหลว ชาร์สคนมีแต่แย่กับทรุด จนถูกหัวหน้าแผนกด่าบ่อยๆ จนกระทั้งวันหนึ่งเธอไปเจอพระเอกหนุ่มมหาลัยกล้ามเป็นมัด นาม “เซ็นโตะ” ที่ครอบครัวมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นพ่อที่เป็นโรคบ้างาน น้องสาวที่ห่วงพี่ชายจนเกิดความเครียด ซึ่งปลั๊กก็ไปช่วยครอบครัวนี้
การ์ตูนเรื่องนี้มีฉากเซอร์วิสเยอะก็จริง แต่เป็นระดับที่เด็กอายุ 13-15 ดูได้ แต่ฉากที่ผมไม่ชอบใจเลยคือฉากที่พระเอกใช้ไม้เบสบอลหวด “ปลั๊ก” ที่เปรียบเสมือนผู้ชายใช้กำลังแก่ผู้สาว( แต่เพื่อนของปลัก อเลสต้า ดันชอบซะงั้นเพราะเจ๊แกเป็นมาโซ) ส่วนเนื้อเรื่องก็นำเสนอความเครียดของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น โอตากุที่โดนผู้หญิงรังเกียจ, โรนิน(คำเรียกเด็กซิวญี่ปุ่น)ที่ผิดหวังจากการสอบมหาลัยในฝัน, เด็กเก็บตัวที่หวาดกลัวการไปโรงเรียน เป็นต้น และยังสอดแทรก ความสุขการทำงานระหว่างพนักงานไม่ได้เรื่องอย่างปลั๊กและพนักงานดีเด่นอเลสต้าเข้าไปด้วย
เรื่องนี้ไม่มีลิขสิทธิ์ในไทย แต่โอกาสจะมีได้(อาจตั้งเรตประมาณ 16) ผมอ่านของสำนักพิมพ์ Pig ที่พิมพ์ออกมา 3 เล่ม(อ่านเท่านี้แหละ หลังๆ ก็ไม่ได้อ่าน)
ผมไม่ได้อ่านผลงานของโบว ไดทามะหลายปี จนกระทั้งล่าสุดในวันที่ 10 ตุลาคม ปีนี้แหละ ผมก็โยมโฉมการ์ตูนเรื่อง Kiss X Sis
Kiss X Sis
ดาวโหลดใน http://berzerkger.exteen.com/20081231/manga-kiss-x-sis-thai
Kiss X Sis เป็นเรื่องราวระหว่างพี่-น้อง(ไม่)ร่วมสายเลือด เมื่อพ่อของพระเอกแต่งงานกับแม่คนใหม่ที่มีลูกสาวฝาแฝดติดมาด้วย ซึ่งแม่ใหม่คนนี้เป็นคนดี ครอบครัวอบอุ่น หากแต่ลูกสาวนี้เจ้ากรรมดันมาหลงรักลูกพ่อ(คนใหม่)ชนิดที่เรียกว่าเกินกว่าพี่น้อง....โอ๊ว แถมเหล่าลูกสาว(ฝาแฝด)ต่างปฏิบัติการลวนลามพระเอกของเราทุกวี่ทุกวันจนถึงขั้นล่วงเกินทางเพศ เรื่องราวรักสามเศร้า(??)จะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น ก็ทวงๆ คนแปลในบล็อกให้แปลเร็วๆ หน่อยละครับ(เหอๆ)
แนะนำตัวละครนิดๆ หน่อย
สุมิโนะ เคย์ตะ พระเอกของเรา แตกต่างจากพระเอกสองเรื่องแรกโดยสิ้นเชิง จากเรื่องแรกเป็นพระเอกอ่อนแอขี้เหงา เรื่องสองพระเอกเข้มแข็ง มาเรื่องที่สามมาเป็นพระเอกอ่อนแอและเข้มแข็งผสมกัน เป็นลูกชายคนเล็กของบ้าน ที่เหล่าพี่สาวรักสุดชีวิต(พ่อแม่ดันเห็นดีซะงั้น) แต่ปกติเป็นคนร่าเริงจึงไม่คิดอะไรมาก แค่มองว่าพี่สาวทั้งคู่ยั่วแกล้งเขาเหมือนเป็นของเล่นมากกว่า แต่ลึกๆ แล้วเคย์ตะก็รักเหล่าพี่สาวทั้งสองคน
สุมิโนเอะ อาโกะ แฝดคนพี่เป็นกุลสตรี(เหรอ) เก่งเรื่องงานการเรือน ทำอาหารเก่ง เรียนดี และเป็นคณะกรรมการนักเรียน แต่หลายครั้งๆ มักสติหลุดและปล่อยเอ๋ออยู่เรื่อย ถ้าเป็นเรื่องเคย์ตะเจ๊ทุ่มสุดตัว เพื่อความรัก มองริโกะแฝดคนน้องเป็นคู่แข่ง แต่เธอก็รักริโกะมากเช่นกัน
สุมิโนเอะ ริโกะ แฝดคนน้อง สาวขรึมขวัญใจเฮียคนเขียน พูดน้อยแต่ทำ(??)มาก รุกแต่ละที พระเอกแทบเก็บอารมณ์(หื่น)ไม่อยู่ ทำอาหารไม่เก่ง แต่เรื่องใช้กำลังเก่งนัก(ในหลายๆ ความหมาย) รักเคย์ตะชนิดทุ่มสุดตัว มองอาโกะแฝดคนพี่เป็นคู่แข่ง แต่เธอก็รักอาโกะมากเช่นกัน
ตัวละครหลักมีแค่นี้แหละครับ หลังๆ อาจมีประมาณ 2- 3 ตัว แต่ก็ไม่ใส่ใจมากเท่าไหร่ เพราะเนื้อหาสำคัญคือฉากอิโรติก(??) ของพี่สาวฝาแฝดที่แสดงความรักน้องชายชนิดเรียกว่าคนอ่านมาดู ออกอาการหื่นทันที
การ์ตูนเรื่องนี้ไม่มีทางเข้าไปไทยแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้ามันเข้าไทยนี้ จะสงสัยเลยว่ามันรอดจากฝ่ายเซ็นเซอร์จอมโหดของไทยได้ไง
จุดขายการ์ตูนเรื่องนี้คือฝาแฝดและฉากเซอร์วิสที่สุดๆ ชนิดที่เรียกว่าติดเรต และเรียกความตะลึงแก่คนดูได้ทันทีที่เห็น ความจริงแล้วตัวละครประเภทฝาแฝดนั้นไม่ได้แปลกใหม่มากนัก ปรากฏตัวในการ์ตูนทุกแนวเกือบทุกเรื่องเพียงแต่ว่าส่วนใหญ่แล้วมักเป็นพวกตัวละครรองๆ ไม่ได้สำคัญมากนัก (เป็นตัวแถมนั้นแหละ)
เปิดฉากตอนแรกออกมาเป็นฉากที่พระเอกนอนอยู่บนเตียงท่ามกลางเหล่าพี่สาว ซึ่งฉากนี้ก็มีอยู่ในเลิฟคอมมาดี้ (โดยเฉพาะ Love to Ru ประจำ) และตื่นขึ้นก็เจอฉากเซอร์วิสเรียกอารมณ์โดยน้องสาวต่างจูปปากน้องชายกันท้วนหน้า
พระเอกเคย์ตะนั้นกำลังเรียนอยู่มัธยมต้นและกำลังอยู่ในช่วงสอบขึ้นมัธยมปลายพอดี ตอกแรกเคย์ตะกำลังลังเลจะเรียนที่เดียวกับพี่สาวเรียนดีหรือเปล่า เนื่องจากโรงเรียนที่พี่สาวสองคนเรียนนั้นเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงสำหรับเด็กเรียนดีเท่านั้น ผิดกับเคย์ตะที่การเรียนของเขาไม่ค่อยดีเลย แต่เมื่อเคย์ตะโดนพี่สาวอ้อนนิดๆ เคย์ตะจึงตัดสินใจอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบมัธยมปลายแบบจริงๆ จังๆ
ผมดูการ์ตูนในช่วงนี้ผมเลยสงสัย ว่าการศึกษาของญี่ปุ่นทำไมจริงจังหนักหนา แค่พระเอกสอบเข้ามัธยมปลายทำไมถึงเครียดมากถึงเพียงนี้ เพื่อที่จะรู้ผมไปห้องสมุดและไปหาหนังสือเกี่ยวกับญี่ปุ่นดู สิ่งที่ได้เกี่ยวกับการศึกษาของญี่ปุ่นมีดังต่อไปนี้
หลังญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง อเมริกายึดครองญี่ปุ่น มีการเปลี่ยนแปลงการเรียนการสอนของญี่ปุ่น มีการลดการศึกษาเพื่อสร้างชนชั้นผู้นำน้อยลง มาเป็นการศึกษาแบบเสรีมากขึ้นจนในเวลานานญี่ปุ่นก็กลายเป็นชาติที่มีการศึกษาที่สูงของโลกชาติหนึ่ง เด็กทุกคนได้เรียนจนถึงมัธยมต้น เด็กที่เรียนมัธยมปลายก็มีเพิ่มอย่างรวดเร็ว โดยการศึกษาไม่ได้วัดจำนวนปีที่เรียน แต่วัดความเข้มข้นกับการเรียน ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ญี่ปุ่นมีความทัดเทียมกับชาติตะวันตก ในด้านเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในศตวรรษที่ 18 แม้ด้านภาษาจะไม่ดีนัก แต่ด้านคณิตศาสตร์นั้นระดับโลกเลยทีเดียว
คนญี่ปุ่นนั้นเคร่งครัดการเรียนอย่างมากๆ เด็กๆ ต้องทำการบ้านตั้งแต่ประถม เด็กเกือบทุกคนในวัยนี้ต้องเรียนพิเศษเข้าโรงเรียนกวดวิชาตอนเย็น พ่อแม่ก็จะโอ๋ลูกมากถ้าเด็กเรียนดี และจะโมโหมากหากได้ยินเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวกับการศึกษาของเด็กที่รัฐบาลเสนอ(เช่น ลูกเสือ ชมรมกีฬา) ถึงขั้นประท้วงหรือการสัมภาษณ์ทางทีวีอย่างยิ่งยวด
เชื่อหรือไม่จำนวนโรงเรียนกวดวิชาญี่ปุ่นนั้นมีมากกว่าจำนวนโรงเรียนประถม และโรงเรียนมัธยมรวมกันเสียอีก เนื่องจากพ่อแม่ได้ให้ความสำคัญในการเตรียมตัวบุตรเพื่อสอบแข่งขัน ทุกครอบครัวจะเอาจริงเอาจังเอาใจเด็กให้ความสะดวกทุกอย่าง จนเด็กมีความกดดันมาก จนถึงขั้นเรียกการสอบว่า “การสอบนรก” จึงไม่น่าแปลกใจมีสถิตเด็กนักเรียนญี่ปุ่นมักฆ่าตัวตายเพราะผิดหวังการสอบมีจำนวนมากขึ้นทุกที
การสอบนรก เริ่มตั้งแต่การเข้าเรียน คนญี่ปุ่นจะไม่แข่งขันกันอย่างเปิดเผยในเวลาเรียรน แต่จะแสดงความสามารถในการเรียนไม่น้อยหน้ากว่ากัน การสอบเข้ามัธยมปลายนั้นจะมีความเข้มข้นน้อยกว่า แต่จะไปหนักกับการเรียนมัธยมปลายซึ่งไม่ใช้การเรียนเพื่อเอาความรู้ แต่เตรียมตัวเข้ามหาลัยต่างหาก
ผมหาเรื่องราวการสอบมัธยมปลายของญี่ปุ่นไม่ได้ จึงขอเอาข้อมูลการสอบมหาลัยญี่ปุ่นแทน คือการสอบเข้ามหาลัยนั้นสอบกลางเดือนมกราคม โดยจะต้องสอบผ่านข้อเขียนเพื่อสอบเข้ามหาลัยรัฐให้ได้คะแนนดีในตอนแรก จากนั้นจะจึงสอบข้อสอบเฉพาะของมหาลัยของรัฐแต่ละแห่งอีกครั้ง แล้วเอาทั้งสองครั้งมารวมกันแล้วตัดสินในรอบสุดท้าย จึงจะได้เข้ามหาลัยในฝันได้หรือไม่
นักเรียนที่สอบเข้ามหาลัยไม่ได้ปีนี้ จะต้องไปเรียนกวดวิชาที่ญี่ปุ่นเรียกว่า “จูกุ” เพื่อสอบให้ได้ปีหน้า ส่วนชื่อเรียกนักเขียนเด็กซิวพวกนี้ว่า โรนิน ที่สมัยก่อนมีความหมายว่าซามูไรไร้เจ้านายสมัยศักดินานั้นเอง ส่วนพวกที่สอบเข้ามหาลัยได้การเรียนก็จะไม่เคร่งเครียดเหมือนตอนสอบเข้าอีกแล้ว
นักเรียนญี่ปุ่นส่วนมากมีค่านิยมอย่างหนึ่งคือ ใครที่มีความสามารถสอบเข้าโรงเรียนหรือมหาลัยที่มีชื่อเสียงได้ จะเป็นสิ่งชี้ซะตาชีวิตในการทำงานเลยทีเดียว
การทุ่มเทเกี่ยวกับการเรียนของญี่ปุ่นนักไม่ใช้เรื่องแปลกประหลาดแต่อย่างใด เนื่องจากผลบทบาทของสังคมที่กำหนดสถานภาพและหน้าที่ของบุคคลในสังคมนั้นใช้ระดับการศึกษาในการกำหนดมากกว่าความสามารถ อีกทั้งผู้นำญี่ปุ่นส่วนใหญ่นั้นมักจบมหาลัยที่มีชื่อเสียง ซึ่งผลการเรียนดีมาตลอด
แต่ในการ์ตูนเรื่อง Kiss X Sis นั้นพ่อแม่ของเคย์ตะไม่ได้กดดันอะไรลูกเลย และทั้งคู่ให้อิสระกับเคย์ตะเต็มที่ ผิดกับพี่สาวฝาแฝดของเคย์ตะที่เอาใจเคย์ตะสุดๆ อาโกะเปรียบเสมือนแม่ของเคย์ตะ(เนื่องจากเก่งงานบ้าน) ริโกะเปรียบเสมือนพ่อของเคย์ตะ(ปกป้อง) ดังนั้นพี่สาวจึงมีส่วนสำคัญที่ทำให้เคย์ตะกลับมาสู่การสอบเข้ามัธยมปลายของญี่ปุ่นแบบจริงๆ จัง ในที่สุด
Kiss X Sis เป็นการ์ตูนสูตรสำเร็จโดยแท้ แต่มันไม่ใช้สูตรสำเร็จของการ์ตูนคอมมาดี้นะสิ แต่มันเป็นสูตรสำเร็จของการ์ตูนเฮ็นไตนั้นเอง เพียงแต่ว่าไม่มีฉากร่วมเพศหรือฉากขัดศิลธรรมเฉยๆ เพียงแต่การดำเนินเรื่องเหมือนเท่านั้น
อย่างที่บอก การ์ตูนเรื่องนี้ไม่เหมาะแก่เด็กและเยาวชน แม้สองเรื่องก่อนหน้านั้นจะมีฉากเซอร์วิสแต่ก็ไม่มากเท่าเรื่องนี้ คนที่โหลดการ์ตูนเรื่องนี้ส่วนใหม่ มักโหลดเพราะอยากดูอะไรหื่นๆ เป็นหลัก มีน้อยคนนักที่จะอ่านเอาความรู้หรือเอาข้อคิด(แบบผม)
ดังนั้นผมจึงใช้บทความนี้มาเล่าๆ ให้ฟังว่าแต่ละตอนได้แฝงข้อคิดอะไรบ้าง(ในหนังสือการ์ตูน) แต่ก่อนจะเล่า เรามาเรียนรู้เรื่องแฝดก่อนดีไหมครับ ว่ามันทำไมจึงการเป็นตัวละครที่ได้รับความนิยมของโลกการ์ตูน มันมีเสน่ห์ตรงไหน??
ชีวิตพิสดารของคู่แฝดที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน
-ความเชื่อในคนโบราณมีความหวาดกลัวและเคารพบูชาคู่แฝดมาก เนื่องจากเชื่อว่าแฝดมีพลังเหนือธรรมชาติและนำโชคลาภมาให้ หรือสามารถเปลี่ยนสภาพเป็นดินฟ้าอากาศมาให้ มีบางที่บ้างเหมือนกันที่มีความเชื่อด้านลบ แฝดคนหนึ่งจะต้องถูกฆ่าคนหนึ่ง หรือทั้งสองตั้งแต่เกิด
-แฝดแท้ เป็นฝาแฝดที่เหมือนกันทุกประการ เพศของเด็กก็จะเหมือนกันด้วย เพราะเกิดจากไข่ใบเดียวกันผสมกับอสุจิเซลล์เดียว ขณะที่เริ่มแบ่งตัวตามปกติเซลล์กลับแบ่งตัวแยกเป็น 2 กลุ่มแทน ซึ่งแต่ละกลุ่มเจริญเติบโต โดยฝังตัวอยู่ในมดลูก และพัฒนาเป็นทารกน้อย 2 คน เมื่อเวลาผ่านไป 9 เดือน ทารกที่มีโครโมโซม และยีนเหมือนกันทุกประการก็จะถือกำเนิดมา
-แฝดแท้มีความเหมือนกันทุกประการ แต่ใช้ว่านิสัยและกายภาพจะเหมือนกัน แม้แฝดจะมีพันธุ์กรรมดีเอ็นเอเหมือนกันก็ตาม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่เลี้ยงดู(ไม่ว่าอยู่ร่วมกันหรือแยกจากกันก็ตาม)
-พ่อแม่ที่มีชื่อเสียงที่มีลูกแฝดมีหลายคน เช่น โมฮัมหมัด อาลี(นักมวย), วิลเลียม เช็กสเปียร์(นักเขียนเรื่องโรมิโอกับจูเลียต), เมล กิ๊ปสัน(นักแสดง), มาร์กาเร็ต แธทเชอร์(อดิตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ) เป็นต้น
-แฝดในภาษาญี่ปุ่นเรียก Futago
-แฝดที่โด่งดังที่ในประวัติศาสตร์ของโลกคือ แฝดสยาม อิน และจัน ซึ่งเป็นแฝดที่หน้าตาคล้ายกันแต่ลำตัวติดกัน เมื่อปี 1811 ชื่อเสียงโด่งดังมากจากการเดินทางโชว์ตัวในละครสัตว์อเมริกาและยุโรป จนอายุ 28 ก็อำลาวงการและนำเงินก้อนหนึ่งมาทำฟาร์มในแคโรไลนาเหนือ ทั้งสองมีนิสัยต่างกันสุดขั้น คนหนึ่งเป็นคนรักการอ่านสุภาพ ส่วนอีกคนนั้นชอบวิวาทและชอบของมึนเมา ภายหลังทั้งคู่แต่งงานกับหญิงสาวสองคนที่เป็นพี่น้องกันคืออดิเลดและซาราห์ แอนน์ เยทส์ พวกเขามีบุตรธิดารวม 21 คน และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขจนสิ้นอายุไข ปัจจุบันครอบครัวตระกูลของอินจินยังอยู่ในอเมริกา
-ข้อมูลที่หลายๆ คนมักเข้าใจผิดคือแฝดที่เกิดก่อนจะแก่กว่า ความจริงคือไม่ว่าใครเกิดก่อนหลัง อายุย่อมเท่ากัน ทั้งนี้เพราะต่างปฏิสนธิในครรภ์พร้อมกัน
-ในการ์ตูนส่วนมากแฝดมักเป็นตัวละครรอง
-การ์ตูนที่มีแฝดผู้ชายมักมีฉากต่อยตีกันเสมอ
ฯลฯ
ตอนที่ 2 ตอนนี้มีฉากที่ตะลึงแก่คนอ่านที่สุดอยู่ในตอนท้ายเรื่อง เป็นตอนที่เคย์ตะเปลือยกายนอนแช่ที่อ่างน้ำร้อนญี่ปุ่น ทันใดนั้นเหล่าพี่สาวที่เป็นห่วงเคย์ตะเหลือเกิน กลัวไม่ได้รับความสะดวกสบายจากการอาบน้ำ เลยแก้ผ้าจะไปขัดหลังเคย์ตะ ระหว่างที่อีรุงตุนังนั้นเองทั้งสามพี่น้องเกิดหกล้มลงพื้นห้องน้ำและแล้วเคย์ตะก็รู้สึกตัวว่ามือเขาได้จับอะไรบางอย่างของพี่สาวริโกะเข้า(ไม่ขอบอกนะว่าเป็นอะไร) ฉากนี้เรียกเสียงฮื้อฮ่ามาก เรียกได้ว่ากำหนดเรตเพราะตอนนี้แหละ และถือว่าเป็นซ็อตที่หลายคนจดจำเลยว่า นี้คือการ์ตูน Kiss X Sis
หลังจากที่อ่าน ผมนี้ทึ่งกับเด็กไทยจริงๆ ที่สามารถดูการ์ตูนเรื่องนี้ โดยไม่ง้อว่าจะมาไทยหรือไม่ เดี๋ยวนี้อะไรก็เปลี่ยนไป การหาการ์ตูนเรื่องหนึ่งง่ายเหมือนดั่งปอกกล้วยเข้าปาก
ในอดีตการ์ตูนญี่ปุ่นได้สร้างความหวาดกลัวต่อสังคมไทยอย่างมาก เนื่องจากวัฒนธรรมทางเพศของญี่ปุ่นนั้นแตกต่างจากไทยโดยสิ้นเชิง เรื่องเพศของไทยนั้นปกปิด แต่ของญี่ปุ่นนั้นเปิดเผย(หรือออกมาเชิงสัญลักษณ์) และความแตกต่างนี้ทำให้เกิด 3 สิ่งตามคือ คืออักษรศิลธรรม จำกัดอายุ และแบน
ในสมัยก่อนการ์ตูนที่เข้าข่ายกระบวนการเซ็นเซอร์ของไทยนั้นมีหลายเรื่อง เช่นโดเรมอนเคยมีประเด็นเซ็นเซอร์หรือตัดฉากตอนชิสุกะอาบน้ำ. ชินจังตอนโชว์ช้างน้อย, หรือฉากพ่อชินจังเปลือย(ผมเห็นฉากนั้นมาแล้ว โดนตัดไปเฉยเลยที่ช่อง 3)
ทั้งสองเรื่องนี้คนเขียนตายแล้ว แต่กระนั้นการ์ตูนเรื่องต่อๆ มายังคงเข้ามาไทยและกองเซ็นเซอร์ยังคงจับตาดูอย่างต่อเนื่อง อย่างกรณีการ์ตูนเรื่องกันซึเป็นเรื่องราวเกี่ยวการเล่นเกมส์ฆ่ามนุษย์ต่างดาวในอีกมิติหนึ่งที่เต็มไปด้วยฉากสยอง, รุนแรง และเซ็กต์อย่างโจ่งแจ้ง จนถูกแบน แต่กระนั้นในเว็บบางเว็บยังคงมีการแปลไทยทำให้นักอ่านการ์ตูนอย่างเราๆ ได้เสพย์ อ่านต่อเนื่องอยู่
หรือเรื่องคอบรา เห่าสายฟ้า ผลงานของบูอิจิ เทราซาวา ที่เป็นแนวไซไฟตะลุยจักรวาล ที่มีสาวๆ นุ่มน้อยห่มน้อยประกอบฉากมากมายจนเห็นหัวนมและพื้นที่หวงห้าม และเมื่อมีการตีพิมพ์แบบลิขสิทธิ์ มีการจำกัดความว่า + 18 คือห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 เด็ดขาด เรื่องนี้ได้สร้างเสียงหัวเราะคอการ์ตูนไทยอย่างมากพร้อมกับคำดูถูกว่า “ผู้ใหญ่คิดแค่นี้เหรอ?”
ต่อมาคืออักษรศิลธรรม เรื่องที่สร้างความหยุดหงิดกับผมคือเรื่อง To Love Ru ทั้งๆ ที่ไม่มีลิขสิทธิ์แท้ๆ แต่กับมีอักษรศีลธรรม ปิดบังชนิดที่เรียกว่า ทำลายลายเส้นของนักเขียนอย่างไม่น่าให้อภัย ทั้งๆ ที่ฉากปิดบังนั้นเป็นเพียงแค่เหล่าๆ สาวๆ ใส่ชุดว่ายน้ำเท่านั้น
แน่นอนเสียงตอบกับผู้ใหญ่กองเซ็นเซอร์บ้านเราต่างตอบว่าพวกเขาทำแบบนี้ เพราะถ้าเยาวชนไปอ่านการ์ตูนเห็นฉากเหล่านี้เข้า จะทำตามแบบอย่าง อันนี้ก็น่าแปลก เนื่องจากผมเคยเห็นสารคดีสถานพินิจฯ เห็นเด็กมีคดีอาชญาแต่ละคน ดูแล้วไม่น่าจะใช้นักอ่านการ์ตูนเลยสักนิด จนเกิดคำถามที่ว่าผู้ใหญ่โทษการ์ตูนอยู่ฝ่ายเดียวใช่หรือเปล่า?
คำตอบคือสังคมไทยไม่มีวิธีการจัดการเรื่องเซ็กต์อย่างได้ผลชะงัก เลยใส่ความการ์ตูนมากกว่า
กลับมาที่การ์ตูนเรื่อง Kiss X Sis แน่นอนมันเป็นการ์ตูน + 18 มีเนื้อหาไม่เครียด ไม่มีเซ็กต์ มีการนำเสนอประเด็นเรื่องเพศเชิงเรื่องล้อเล่น ตลก คอมมาดี้ ไม่จริงจัง ถ้าจะให้เปรียบเทียบก็นิยายอีโรติกเรื่องหนึ่ง(ไม่มีฉากเซ็กต์) แต่การ์ตูนก็คือการ์ตูน มันไม่ใช้ชีวิตจริง คนที่โหลดการ์ตูนเรื่องนี้อ่านแล้วใช่ว่าอยากทำกับพี่สาวสักหน่อย แค่โหลดมาดูเล่นๆ เฉยๆ อีกทั้งตัวการ์ตูนน่ารัก สาวขรึมริโกะน่ารัก บวกกับคนเขียนการ์ตูนเรื่องนี้เป็นคนดัง หลายคนชอบ อยากจะตามเก็บผลงานของเขามากกว่า อีกทั้งคนอ่านนั้นมีปัญญาอยู่แล้วรู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว
ตอนที่ 5 เป็นฉากประทับใจผมนะครับ เพราะเรื่องได้นำเสนอว่าทำไมอาโกะและริโกะถึงชอบเคย์ตะจนถึงขนาดเรียกได้ว่า “หลง” เลยทีเดียว เรื่องนี้ย้อนหลังไประหว่างที่สองสาวขึ้นมัธยมต้นและเคย์ตะก็เริ่มห่างเหินจากพี่สาว ทำให้สองพี่สาวงอนนิดๆ ที่น้องชายไม่รักตน เลยพยายามที่จะคบเพื่อนผู้ชายที่ไม่ใช้เคย์ตะดูบ้าง แต่จนแล้วจนร้องสองพี่น้องก็รู้ว่านี้ไม่ผู้ชายในอุดมคติของเธอทั้งสอง ระหว่างที่เธอกำลังสับสนนั้นเองสองพี่น้องก็แอบดูเคย์ตะที่โรงเรียน
..
หลังจากที่อ่าน มันก็เหมือนกับการเปลี่ยนแปลงความเจริญเติบโตของวัยรุ่นแหละครับ ฝ่ายชายเวลาเติบโตแล้วก็ไม่ค่อยให้คนอื่นช่วยเหลือหรอกครับกลับกันก็พยายามไม่ให้เป็นภาระของครอบครัวพยายามแสดงความเข้มเข็งให้เห็นและพยายามอยู่ห่างจากครอบครัว สาวฝ่ายหญิงแม้จะเติบโตอารมณ์ก็เหมือนๆ เดิม คือมองน้องชายเป็นเด็กที่ยังต้องการความช่วยเหลือ แม้อายุฝ่ายชายจะอายุเลยเกินเด็กแล้วก็ตาม
พูดง่ายๆ ตอนนี้ก็ใช้กฎของจิตวิทยามาใช้ในการดำเนินเรื่องครับ
ตอนที่ 6 พึ่งชมมาหยกๆ มาถึงก็เจอฉากไม่ดีต่อเด็กเยาวชนซะแล้ว เมื่อพระเอกเคย์ตะดื่มเหล้าเปลี่ยนนิสัย กลายเป็นคนลามกและเริ่มลวนลามพี่สาวอาโกะ ในวันคริสต์มาส
หลังจากที่อ่าน มุกนี้มีอยู่ในการ์ตูนหลายเรื่องจริงๆ เรื่องเหล้าเปลี่ยนนิสัยจากคนธรรมดากลายเป็นคนลามกนี้ แน่นอนสำหรับผมแล้วไม่ได้มองแค่นั้น ลักษณะของเคย์ตะในตอนนี้(หรือตอนอื่นๆ)เป็นแบบคนญี่ปุ่นทั่วๆ ไปคือการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น ชาวญี่ปุ่นส่วนมากหากอยู่ร่วมกับหมู่คณะจะดูเป็นคนนุ่มนวล น่าคบหาสมาคม และอ่อนโยน ไม่แสดงอาการอารมณ์โกรธหรือมีความรัก ยกเว้นเวลาเมาหรือขาดสติจริงๆ และด้วยการพยายามระงับอารมณ์นี้เองทำให้คนญี่ปุ่นยิ้มและดูเหมือนร่าเริงเสมอ และไม่ค่อยปฏิเสธอะไรแบบตรงๆ
ลักษณะนิสัยที่ว่านั้นเกิดมาจากคนญี่ปุ่นต้องอยู่อาศัยในที่แคบๆ แออัดมาช้านาน ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน บนรถๆฟ ที่โรงเรียน โดยเฉพาะที่บ้านที่ต้องอยู่หลายคนต้องรู้จักอดทนและเห็นอกเห็นใจกัน สภาพความเป้นอยู่นี้ได้บังคับให้คนญี่ปุ่นต้องสร้างนิสัยของความร่วมมือร่วมแรงกัน และหลีกเลี่ยงการโต้เถียงกัน จนเป็นเหตุให้คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับกลุ่มมากกว่าชาติอื่นๆ อย่างตะวันตก
เออ....มีข้อมูลเพิ่มอย่างหนึ่ง ผมอ่านการ์ตูนเรื่องพระเจ้าจอร์ดมันยอดมาก มีเรื่องหนึ่งที่นำเสนอเกี่ยวกับวันคริสต์มาส พบว่าวันคริสต์มาสนั้นเป็นวันเสียตัวของญี่ปุ่น(ของไทยก็วันลอยกระทง) แสดงให้เห็นว่าญี่ปุ่นนั้นรับวัฒนธรรมผิดๆ ในต่างประเทศมาใช้เหมือนกัน(อันนี้ผมไม่รู้นะ ดูการ์ตูนมา ใครมีเพื่อนเป็นญี่ปุ่นก็ช่วยไขๆ หน่อยก็ได้นะครับ)
ตอนที่ 20 เป็นตอนที่คอการ์ตูนเรื่องนี้พูดถึงมากที่สุด เมื่ออาจารย์พละที่นิสัยไม่ดี ทำการแบล็คเมล์เคย์ตะในวันปัจฉิมนิเทศ และสองพี่สาวเคย์ตะพยายามปกป้อง และแล้วอาจารย์พละได้ลวนลามสองพี่สาว(ต่อหน้าเคย์ตะ) เพื่อแลกกับไม่ให้แพร่พรายเรื่องนี้ออกไป.......
หลังจากที่อ่าน มุกอาจารย์พละหื่นนี้ถือได้ว่าเป็นปกติของการ์ตูนญี่ปุ่นเช่นเดียวกับฉากห้องอาบน้ำ นอกเหนือจากอาจารย์พละแล้วรู้ไหมมีตัวละครประเภทใดที่หื่นเช่นนี้บ้าง คำตอบคือ 1.ภารโรง, 2. อาจารย์วิทยาสตร์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นส่วนประกอบของการ์ตูนแนวเรต R-X จริงๆ และเนื้อเรื่องก็ไม่มีอะไรมากนั้นคือแบล็กเมล์ แต่ส่วนมากการแบล็กเมล์นั้นของเหล่าตัวละครหื่นเป็นเรื่องจิบจ๊อยมาก เช่น ขโมยของในโรงเรียน, เป็นเลสเบียน เป็นต้น ไม่รู้ญี่ปุ่นไปฝังใจกับอาชีพทั้งสามนี้หนักหนา ถึงได้วาดคาแร็คเตอร์แบบนี้
ตอนที่ 25 เป็นอีกตอนที่ผมชอบ เพราะแสดงให้ให้ว่าอาโกะและริโกะนั้นหลงรักเคย์ตะมากแค่ไหน เมื่ออาจารย์ประจำชั้นของเคย์ตะ(โรงเรียนใหม่) มาเตือนสาวสาวห้ามยุ่งกับเคย์ตะเพราะมันไม่ดีไม่งาม ก่อนคุณครูจะหลุดปากคำต้องห้ามสำหรับสองพี่น้องคือ “เคย์ตะเป็นคนเลว” เท่านี้แหละ เส้นควบคุมอารมณ์ของพี่น้องสองสาวก็ขาดสะบัดทันทีชนิดที่เรียกว่า “มันผู้ใดที่ว่าเคย์ตะ มันต้องตาย” ประมาณนั้น และแล้วเราก็เห็นฉากเด็กนักเรียนรังแกคุณครูชนิดเจ็บแสบ............
ฉากที่เหลือล่ะ การ์ตูนเรื่อง Kiss X Sis มีหลายฉากที่ไม่ดีไม่งามมากเหลือเกิน เช่น ฉากผู้หญิงปัสสาวะ, น้ำแตก(น้ำอะไร?),ฉากคุณครูคิดลึก, ฉากเลีย(เลียอะไร?), ฉากตอนไปอาบน้ำพุร้อนกลางแจ้ง(คงรู้นะว่าจะเจออะไรบ้าง) แต่ไม่มีประเด็นร่วมเพศเกี่ยวข้อง การ์ตูนแค่นำเสนอความรักของสองพี่น้องสองสาวที่รักน้องชายเกินเหตุ จนทำให้หลายๆ คนรอบข้างเข้าใจผิด คิดว่าเป็นความรักต้องห้าม(ความจริงแล้วคือไม่ใช้) แสดงให้เห็นว่าเวลาเราจะทำอะไรก็ไม่ควรประเจิดประเจ้อนักเพราะว่าสังคมญี่ปุ่นมักมองสิ่งที่เห็นข้างหน้าออกด้านลบโดยไม่ไตร่ตรองเสมอซะด้วยสิ
ขอบคุณที่อ่านครับ+ +
ความคิดเห็น