คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #312 : ไม่นะ Boomtown Commix บูมทาวน์!!
สิ่งที่คนอ่านการ์ตูนชาวไทยมักใจหายที่สุด คือการปิดตัวของสำนักพิมพ์ (ลิขสิทธิ์) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าธุรกิจขายหนังสือญี่ปุ่นลิขสิทธิ์จากญี่ปุ่นนั้นค่อนข้างเป็นธุรกิจที่ทำกำไรยาก และต้องรับมือปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ตลาด, ผู้บริโภค, ราคาลิขสิทธ์การ์ตูนที่ (โครต) แพง, กฎหมายการเซ็นเซอร์ รวมไปถึงการรับมือของสื่ออินเทอร์เน็ตที่หลายคนนิยมดูการ์ตูนในเน็ตมากกว่า สิ่งเหล่านี้ทำให้ตลาดการ์ตูนญี่ปุ่นในไทยเริ่มซบเซาถดถอย
หลายสำนักพิมพ์ก็เริ่มมีปัญหาเรื่องการเงิน และการออกหนังสือเล่มต่อที่ทิ้งช่วง (และโครตดอง) ไม่ว่าจะเป็นสำนักพิมพ์เนชั่น (ผมตาม หนุ่มนักข่าวหัวเห็ดกับมิสไซง่อน) และวิบูลย์กิจ (เทพมังกรเจดดองยาว) และล่าสุดเร็วๆ นี้สุดใจหายสำนักพิมพ์ Boomtown Commix – บูมทาวน์ที่เริ่มมีปัญหาเรื่องการเงิน และเริ่มเก็บสินค้าออกจากแผงหนังสือการ์ตูนไทยไปเสียแล้ว
Boomtown Commix – บูมทาวน์
จากที่ผมค้นข้อมูล Boomtown Commix – บูมทาวน์ ปรากฏตัวครั้งแรกในเฟซบุ้คเมื่อเดือนมิถุนายน2013 ความจริงแล้วไม่ใช่สำนักพิมพ์ที่พึ่งหัดกิจการสิ่งพิมพ์เพราะจากข้อมูลบอกว่า Boomtown Commix มีเจ้าของเดียวกับสำนักพิมพ์ Inlove สำนักพิมพ์ที่เน้นขายนิยายรัก
หลังจากนั้น Boomtown Commix – บูมทาวน์ ก็เปิดตัวว่าเป็นสำนักพิมพ์การ์ตูนญี่ปุ่น มีการสร้างมาสคอตน่ารักให้กับร้าน และเริ่มเปิดตัวลิขสิทธิ์แล้วถือว่าเป็นที่ฮือฮ่าพอสมควร เพราะหาดูรายชื่อการ์ตูนสำนักพิมพ์นี้ก็มีเรื่อง ชีวิตป่วนรักของสาวมอนสเตอร์, รับน้องกระต่ายสักแก้วมั้ยคะ Is the order a rabbit? , ฮิเมะโกโตะ จนหลายคนมองว่าสำนักพิมพ์พยายามเจาะตลาดโอตาคุ (อย่างไรก็ตาม ผมคนหนึ่งมองว่าสำนักพิมพ์นี้ไม่ได้ขายโอตาคุอย่างที่หลายคนคิด ซึ่งผมจะอธิบายเหตุผลในเนื้อหาถัดไป)
แต่อนิจจาทุนนิยมมันช่างโหดร้ายยิ่งนัก Boomtown Commix – บูมทาวน์ อยู่ในยุทธจักรแผงหนังสือการ์ตูนไทยไม่ถึงปี สำนักพิมพ์ก็เรียกเก็บสินค้า หน้าเพจก็ไม่มีการอัฟอะไรอีก (อัพครั้งสุดท้าย 9 กันยายน) พร้อมกับข่าวลือว่ายอดขายหนังสือต่ำมาก จนค่ายนี้ไม่ทำต่อแล้ว หลังจากนั้นก็หายสาบสูญไปจากวงการ..... ขนาดงานสัปดาห์หนังสือก็ไม่มีสำนักพิมพ์นี้ออกงาน
เอาตรงๆ ผมค่อนข้างใจหายกับข่าวนี้เหมือนกัน เพราะผมก็เป็นหนึ่งที่ซื้อการ์ตูนจากค่ายนี้หลายเรื่อง ด้วยเหตุผลว่ามีหลายเรื่องที่โดนใจ และผมก็ยินดีที่จะอุดหนุนซื้อของลิขสิทธิ์สำนักพิมพ์อยู่แล้ว และหากข่าวนี้จริง (และน่าจะจริง) หากสำนักพิมพ์นี้ปิดตัว ลิขสิทธิ์ที่ซื้อมาหลายเรื่องเท่ากับเป็นหมั่นทันที (โชคดีที่ส่วนใหญ่เป็นเล่ม 1 เกือบหมด)
การหายสาบสูญแบบกะทันหัน Boomtown Commix – บูมทาวน์ แสดงถึงความโหดร้ายตลาดการ์ตูนญี่ปุ่นของไทยเรากำลังประสบปัญหาซบเซา ไม่ว่าจะเป็นสำนักพิมพ์ใหญ่ๆ และเก่าแก่อย่างเนชั่นและวิบูลย์กิจก็มีปัญหาเรื่องยอดขาย (และเสียงตำหนิคุณภาพหนังสือ) เช่นเดียวกัน
ตอนนี้เราก็ไม่รู้ว่าสำนักพิมพ์ปิดตัวจริงหรือไม่ หรือยอดขายเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่า มีหลายสาเหตุที่ Boomtown Commix – บูมทาวน์ ไม่สามารถครองใจนักอ่านการ์ตูนได้ และเกิดปัญหาชนิดล้มเจ็บหนักในเวลาไม่ถึงหนึ่งปีเท่านั้น โดยสาเหตุที่ว่าก็เป็นปัญหาเดิมๆ ที่เราไม่เห็นบ่อยๆ เป็นต้นว่า
-ขาดการประชาสัมพันธ์ รู้กันเพียงแค่วงแคบๆ แม้ว่าในเพจบุ๊คจะมีคนเข้ามาติดตามมากกว่า 80,000 คน แต่มันก็ได้บอกว่าพวกเขาจะซื้อหนังสือ และจะช่วยกระจายข่าว
-แผงที่วางสินค้าน้อย ไม่มีพื้นที่กระจายสินค้า โดยเฉพาะในต่างจังหวัด คนอยากได้ต้องซื้อทางอินเทอร์เน็ตเท่านั้น
-ราคาหนังสือแพงไป เฉลี่ยเล่มละ 65 บาท ทั้งๆ ที่รูปเล่มจำนวนหน้าเท่ากับหนังสือของค่ายอื่น (ส่วนคนที่บอกว่ารูปเล่มเล็กกว่าค่ายอื่นนั้น ผมตอบว่าไม่เป็นความจริง เพราะผมเปรียบเทียบแล้ว ขนาดเท่ากับสยาม และวิบูลย์กิจ ของเซ็นซูนั้นมีรูปเล่มที่ใหญ่กว่า) สาเหตุที่แพงเพราะกระดาษที่ใช้พิมพ์เป็นกระดาษอย่างดี และมีหน้าสี
-เศรษฐกิจฝืดเคือง เงินในกระเป๋าไม่สามารถซื้อหนังสือการ์ตูนเล่มหนึ่งได้
-การเข้ามาของอินเทอร์เน็ตที่สามารถอ่านมังงะได้ก่อนใคร อีกทั้งมีคนแปลแบบแบ่งปันอีกต่างหาก ทำให้บางคนไม่จำเป็นต้องซื้อหนังสืออีก เพราะรู้เนื้อหาอยู่แล้ว
-เน้นหนังสือการ์ตูนอย่างเดียว ไม่มีไลท์โนเวล
-และสุดท้าย สำคัญมากก็คือการ์ตูน Boomtown Commix – บูมทาวน์ ยังไม่ได้ดึงดูดพอ ที่จะทำให้คนสนใจซื้อได้
ลิขสิทธิ์ล่าสุดของ Boomtown Commix – บูมทาวน์!! (ที่เราไม่ได้เห็นวางแผงเพราะเลิกเสียก่อน) จะเห็นได้ชัดว่าสำนักพิมพ์นี้ไม่ได้เน้นโมเอะอย่างเดียว แต่เน้นหลายๆ แนวด้วย (แม้อาจไม่มากนัก)
-ส่วนเหตุผลที่บางคนบอกว่าการ์ตูนเรื่องนี้ขายพวกโอตาคุยุคใหม่ เพราะคิดว่า “ของทำมาเพื่อโอตาคุจะต้องขายดี” มันเป็นมายาคติ ผลคือล้มเหลว ตรงจุดนี้ผมก็ขอคำตอบสำนักพิมพ์นี้ไม่ได้ขายโมเอะ หรือเน้นฐานะโอตาคุอย่างที่หลายคนคิดเอาไว้ หากเราดูหนังสือการ์ตูนที่เป็นลิขสิทธิ์สำนักพิมพ์นี้ จะเห็นได้ชัดว่าหลายเรื่องไม่ได้ขายโมเอะ
ก่อนอื่น เรามานิยามคำว่า “โมเอะ” กับ “ขายพวกโอตาคุ” เสียก่อน คำว่าโมเอะนั้นคือ “ความรักความชอบเสน่ห์หาต่อตัวละครในการ์ตูนญี่ปุ่น มังงะ อนิเมะ หรือวีดีโอเกม” แต่อย่างไรก็ตาม เรามักนึกตัวละครหญิงที่วาดเพื่อให้คนหลงใหลเสียงมากกว่า ด้วยใส่ความน่ารัก เช่น ทวินเทล เป็นเด็กวัยกระเตาะ หรือเนื้อเรื่องที่เน้นชีวิตประจำวัน
ปัจจุบัน “มายาคติ” นี้ขายได้ครับ เห็นได้จากสยาม ซึ่งก็มีแนวโมเอะหลายเล่ม ไม่ว่าจะเป็น “เคอง”, “ลักกี้สตาร์” ไปจนถึงการ์ตูนหลายเรื่องที่มีเนื้อหาชีวิตประจำวันที่แสนสุขสรรค์ แนวแบบนี้ไม่ได้ขายโมเอะ หรือขายโอตาคุ ผมยอมรับว่าผมชอบแนวนี้ค่อนข้างมาก เพราะอ่านแล้วคลายเครียด การหยุดเรื่องหนักๆ มาดูเรื่องเบาสมอง และอีกอย่างคือตัวละครหญิงก็มีลักษณะที่ค่อนข้างโดดเด่น
โมเอะนั้นมีอยู่ทุกแห่งในการ์ตูนญี่ปุ่นแหละ เพราะตัวละครหญิงที่น่ารัก ตาโต คนอวย ก็ถือว่าโมเอะแล้ว หากไม่ต้องการโอเอะ คุณจะต้องดูการ์ตูนที่สมจริง ตัวละครหญิงสมจริงเห็นตีนกานั้นแหละ ถึงจะใช่
เพียงแต่ว่าจะขายแต่แนวเดียว โมเอะอย่างเดียวก็ถือว่าไม่ใช่ บ้านเรายังเป็นดินแดนของ “ลัทธิจัมป์” เราต้องเปิดทางเลือกให้หลากหลายแก่คนชอบอย่างอื่นด้วย อย่างรักพิมพ์เองก็เริ่มเจาะตลาด “ยาโอย”, “ยูริ” บ้างแล้ว จากผลงานลิขสิทธ์ที่ผ่านมา
ส่วน “ขายพวกโอตาคุ” ก่อนอื่นเรามาดูรสนิยมของโอตาคุว่าต้องการอะไร คือตรรกะไทยๆ (หรือแม้แต่คนญี่ปุ่นเอง) ที่มักคิดว่าโอตาคุนั้นชอบแต่แนวโมเอะอย่างเดียว ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วโอตาคุนั้นมีหลายสาย โอตาคุเองก็อ่านการ์ตูนหลายแนว อย่างผมเองก็ไม่ได้อ่านการ์ตูนแนวโมเอะชีวิตประจำวันไปเสียหมด
ความจริงแล้วสำนักพิมพ์นี้พยายามจะลิขสิทธิ์หลายหลากหลายแนวเหมือนกัน และเมื่อดูหนังสือที่ค่ายนี้ Boomtown Commix – บูมทาวน์!! ดู จะพบชัดเจนว่าสำนักพิมพ์นี้เน้นการ์ตูนแนว 4 ช่องจบ!!
ไล่ตั้งแต่
-ชีวิตสามัญของคุณหนูไฮโซ P.S.Restart เล่ม 01
-ผีป่วนกวนสาวเปิ่น เล่ม 01
-รับน้องกระต่ายสักแก้วมั้ยคะ Is the order a rabbit? เล่ม 01
-รักนี้รส(ขนม)หวาน Gymmen! เล่ม 01
-ฮิเมะโกโตะ เล่ม 01
-โอกะจัง โลลิน่ายัก(ษ์) เล่ม 01
ทั้งหมดเป็นการ์ตูนแนว 4 ช่องจบ และไม่ใช่แนวโมเอะ เพราะอย่างน้อยเรื่อง รักนี้รส(ขนม)หวาน Gymmen! ไม่ได้ขายความโมเอะความน่ารักของตัวละครหญิงแม้แต่น้อย
แน่นอนหลายคนคงรู้เรื่องการ์ตูน 4 ช่องจบ ว่าเป็นการ์ตูนแก๊กตลกเบาๆ ที่ไม่ได้ฮ่าอะไรมากมาย ส่วนมากเน้นชีวิตประจำวัน จำพวกที่ทำงาน, โรงเรียน หรือเรื่องใกล้ตัวมาเล่น ตลกจะเป็นความน่ารักของตัวละครหญิง ตัวละครชายที่ตัดมุกหรือเปิ่นๆ มากกว่า ทำให้หลายคนมองเรื่องเป็นการ์ตูนโมเอะเบาสมองไป ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วการ์ตูน 4 ช่องจบบางเรื่องก็ไม่ได้ขายโมเอะ แต่เป็นการขายชีวิตประจำวันที่บางครั้งก็มีเรื่องสนุกสนานเหมือนกัน (เช่น เรื่องสาวออฟฟิค ยามาดะ) ซึ่งการ์ตูน 4 ช่องจบก็ใช่ว่าจะเป็นแนวขายดีมากนัก ดังนั้นการหากความหวังกับแนวนี้ก็กระไรอยู่
และนอกจากนี้การ์ตูนหลายเรื่องที่ลิขสิทธิ์นั้น ก็ไม่ได้ดังอะไรมากมายนัก ไม่มีการ์ตูนจัมป์ ที่ดูน่าดึงดูดอะไรมากนัก บางเรื่องนั้นพึ่งจะอยู่ระหว่างเล่ม 1-2 และบางเรื่องไม่ได้มีให้อ่านในอินเทอร์เน็ตอีกด้วย (จนผมใจหาย เพราะหากปิดจริงก็อารมณ์ค้างนาดู เพราะไม่รู้จะอ่านได้ที่ไหน)
ด้วยเหตุผลนี้ ผมไม่แปลกใจเลย ว่าสำนักพิมพ์ดังกล่าวไปไม่รอด ในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี
แม้ทั้งรู้ตั้งแต่แรก รู้ว่าสังหรณ์ใจว่าไปไม่รอด ผมก็ยังอุดหนุนสำนักพิมพ์นี้ เพราะมีการ์ตูนหลายเรื่องที่น่าสนใจ
ไม่รู้ว่าเมื่อสำนักพิมพ์ปิดตัวลง การ์ตูนที่ได้ลิขสิทธิ์มาจะเป็นยังไงต่อไป สำนักพิมพ์อื่น (สยาม, รักพิมพ์) จะซื้อลิขสิทธิ์เพื่อพิมพ์ต่อหรือไม่ ด้วยความอาลัย ต่อไปนี้ผมก็จะพูดถึงการ์ตูนที่น่าสนใจของสำนักพิมพ์นี้บ้างว่าอะไรบ้าง
Monster Musume no Iru Nichijou
ชีวิตป่วนรักของสาวมอนสเตอร์ (ออกมาแค่เล่ม 01) Monster Musume no Iru Nichijou เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น แปลไทยว่า “ชีวิตประจำวันของสาวมอนสเตอร์” (Daily Life With A Monster Girl Manga) ผลงานของ Okayado โดยเป็นเรื่องของพระเอกชื่อ คุรุสุ คิมิฮิโตะ เป็นอาสาสมัคร (?) ในโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลสาวมอนเตอร์ไม่ว่าจะเป็น ลาเมีย, ฮาร์ปี้, เซนเทอร์ ฯลฯ อย่างสุขหรรษา
การ์ตูนสาวมอนสเตอร์อาจเป็นการ์ตูนที่ดังในประเทศญี่ปุ่นพอสมควร ส่วนบ้านเราก็มีการพูดถึงในอินเตอร์เน็ตอยู่ย่อยๆ เพราะเป็นแนวฮาเร็ม เกี่ยวกับสาวครึ่งมอนสเตอร์ที่ซาบซ่าระดับหนึ่ง แน่นอนว่าหลังจากสำนักพิมพ์นี้ได้ลิขสิทธิ์ก็มีคนพูดถึงสำนักพิมพ์นี้พอสมควร แต่อย่างไรก็ตาม ราคาหนังสือที่ออกมานั้นต้องหลายคนคิดหนัก ประกอบกับสายสาวมอนสเตอร์เป็นสายค่อนข้างเฉพาะในประเทศไทย บวกกับเรื่องนี้มีให้อ่านอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว ดังนั้นไม่รักกันจริงคงซื้อไม่ได้ (อีกทั้งเรื่องเซ็นเซอร์ที่หลายคนมักออกมาบ่นๆ นั้นการ์ตูนเรื่องนี้ถือว่าเซ็นเซอร์ที่พอรับได้ แต่ก็เถอะ ถ้าจะให้ดีมาก ไม่ต้องเซ็นเซอร์เลยดีกว่า)
Nekomusume Michikusa Nikki
บันทึกป่วนๆของสาวน้อยแมวเหมียว (ออกมาแค่เล่ม 01) หรือ Nekomusume Michikusa Nikki เป็นเรื่องราวของเหล่าบรรดาภูตผีปีศาจรวมทั้งคุโรนะ (สาวน้อยแมวเหมียว) ในเมืองชิบุกาคิ ซึ่งภูเขาล้อมรอบเอาไว้ ซึ่งเนื้อหาจะเน้นชีวิตประจำวันของพวกภูตปีศาจของญี่ปุ่นที่อยู่ใกล้กับมนุษย์กว่าที่คิด และสนุกสนาน แม้ว่าจะเป็นมังงะที่ได้รับคำชมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น แต่ด้วยลายเส้นค่อนข้างเที่หลายคนอาจมองว่าคนอ่านจะต้องเป็นเด็กประถท ทำให้เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงมากนักโดยส่วนตัวผมชอบเรื่องนี้นะครับ น้องแมวน่ารักดี และเนื้อหายังสอดแทรกคติธรรมอะไรหลายอย่างด้วย
นอกเหนือจากสองการ์ตูนแนะนำแล้ว สำนักพิมพ์นี้ยังมีการ์ตูนที่น่าสนใจหลายเรื่อง ซึ่งผมก็อ่านแล้วก็สนุกดี หากสำนักพิมพ์นี้ปิดตัวจริงๆ ผมก็รู้สึกใจหายกับการ์ตูนเหล่านี้พอสมควร ว่าจะมีโอกาสได้เห็นลิขสิทธิ์อยู่หรือเปล่า
ปริศนาลับสาวคัพ B (เล่ม 01) หรือ Emeth Meth เรื่องนี้ออกสูตรสำเร็จหน่อย ประมาทว่าพระเอกไปเจอสาวน้อยปริศนา กับโกเลน และมีศัตรูจ้องจะเล่นงาน (?) แต่ผมชอบเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะน้องคัพ B น่ารัก (เพื่อนสมัยเด็กเหมือนเจ้าหญิงสตาร์วอร์)
โอกะจัง โลลิน่ายัก(ษ์) (เล่ม 01) หรือ Ogre-chan เป็นการ์ตูนที่ผมชอบที่สุดของสำนักพิมพ์นี้ เป็นการ์ตูนตลก 4 ช่อง ชีวิตประจำวันของสาวๆ กับน้องยักษ์ น่ารักดี
บาลานซ์ โพลิซี Balance Policy เล่ม 01 Balance Policy ผลงานของโยชิโตมิ อากิฮิโตะ (Yoshitomi Akihito) ที่หลายคนได้เห็นมาบ้าง (เพราะมีแปลไทย) เป็นแนวเพื่อนกรูรักมิ่งว่ะ แต่เพื่อนที่ว่าเป็นชายถูกเปลี่ยนเป็นหญิง เป็นแนวรักแปลกๆ
ใกล้น้องสาวทีไร หัวใจรุ่มร้อน (เล่ม 01) หรือ Momoiro Meloik ไม่รู้จะให้ความคิดเห็นยังไงดี ก็ไม่ใช่แนวขายโมเอะหรอก แต่เป็นแนวตลกแบบแปลกๆ พี่ชายหน้าอย่างเถื่อนรักน้องสาว ส่วนน้องสาวก็อ่อนโลกอย่างหนัก
ฮิเมะโกโตะ (เล่ม 01) หรือ Himegoto เป็นการ์ตูนแนวสาวดุ้น ชายแต่งหญิง 4 ช่องจบ ที่พึ่งเป็นอนิเมะสั้นๆ ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ปกติผมก็ไม่ใช่สายแนวสาวดุ้นนะครับ
พี่ชายคะของับหน่อย (เล่ม 01) หรือ Mimiko Coming! เป็นการ์ตูนรักแนวบราคอน (พี่ชายก็น่าจะซิลคอนด้วย) แบบแปลกๆ ของญี่ปุ่นออกหลายเล่มอยู่
เจ้าปีศาจพันธุ์จิ๊กโก๋ (เล่ม 01) หรือ Yankee Quest แนวผู้กล้าหลงมาโลกต่างมติ เพียงแต่คราวนี้พระเอกเป็นจิ๊กโก๋เถื่อนๆ ความจริงผมไม่ได้ซื้อมาอ่านหรอก อ่านในเว็บ ตามความเห็นผมก็ พระเอกแนวจิ๋กโก๋
ฯลฯ
สรุป สำนักพิมพ์ ไม่ได้ผลิตเน้นการ์ตูนขายโอตากุอย่างที่หลายคนคิด เพราะพยายามทำหลายแนว แต่อย่างที่บอกคือปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ราคาหนังสือแพง, การกระจายสินค้า, การโฆษณาที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก, การ์ตูนยังไม่ได้ดึงดูดพอ การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคในวงการหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นที่เรื่องมากอะไรหลายๆ อย่าง (เซ็นเซอร์, การแปล) ผลเลยเป็นอย่างที่เห็น
แม้ว่าตอนนี้ยังไม่มีการยืนยันสถานะอย่างเป็นทางการ แต่จากข่าวที่สำนักพิมพ์เรียกเก็บสินค้า และมีปัญหาภายใน การยากจะบอกว่าสำนักพิมพ์นี้จะเปิดตัวอีกในอนาคต ซึ่งผมก็หวังว่าสำนักพิมพ์นี้จะทำกิจการต่อไป หรือไม่ก็สำนักพิมพ์อื่นๆ (สยาม, รักพิมพ์ หรือไม่ก็เซ็นซู) จะซื้อลิขสิทธิ์การ์ตูนดีๆ ของสำนักพิมพ์นี้ไปทำต่อนะครับ
ความคิดเห็น