คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #301 : Magazine Mystery Reportage การ์ตูนตลกที่ไม่ได้ตั้งใจให้ตลก
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป จนกึงปัจจุบันการ์ตูนซีเรียสเรื่องนี้กลับกลายเป็นการ์ตูนตลก คลายเครียด ไม่น่าเชื่อ เด็กรุ่นใหม่อาจรู้จักบ้างจากมุกล้อเลียนที่ออกมา แน่นอนว่ามุกตลกล้อเลียนนี้มีที่มาน่าสนใจ เพราะมัน
Magazine Mystery Reportage (ดักแก่)
Magazine Mystery Reportage มีชื่อไทยว่า “MMR ปรากฏการณ์พลิกโลก” แต่งโดยยูกิ อิชิงากิ((1990-1999) ทั้งหมด 13 เล่มจบ ได้ลิขสิทธิ์โดยวิบูลย์กิจ ตีพิมพ์เมื่อปี
MMR มาจากคำว่า “รายงานนิตยสารลึกลับ” (Magazine Mystery Reportage) จัดตั้งขึ้นโดยกองบรรณาธิการของโชเนน แมกกาซีน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสืบสวน และค้นหาความจริงของเรื่องลึกลับต่างๆ ที่ผู้อ่านส่งจดหมายมาเล่าให้ฟัง
สมาชิกในกลุ่ม MMR ประกอบด้วย คิบายาชิ (หัวหน้ากลุ่ม) และสมาชิกอีก 3 คนคือ โทมารุ, อิเคดะ, ทานากะ ซึ่งบางทีก็จะมีสมาชิกชั่วคราวอื่น ๆ ปนเข้ามาด้วย (ทั้ง 4 คนในกลุ่มนั้นมีตัวตนจริง ๆ)
โดยตอนแรกๆ ที่สมาชิกในกลุ่มสืบหาตามล่าหาความจริงนั้น ส่วนมากจะเป็นเรื่องมนุษย์ต่างดาว เช่น วงข้าวสาลีลึกลับ, สัตว์ในฟาร์มถูกชำแหละ ที่ปรากฏในญี่ปุ่น (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเกิดในญี่ปุ่นจริงๆหรือเปล่า) ดำเนินเรื่องคล้ายๆ กับซีรีย์ละคร X-Files เพราะมีเรื่องทฤษฏีล่าสุด (ในเวลานั้น) และข้อสันนิษฐานทฤษฏีสมตบคิดอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้เนื้อหาดูสมจริงมากขึ้น (เพราะทฤษฏีอยู่พื้นฐานความจริง)
และนอกจากนี้ยังมีเรื่อง พลังจิต, การระลึกชาติ, เรื่องผีๆ จากทางบ้าน ทำให้อ่านแล้วแอบขนลุกไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้เป็นตำนาน อยู่ในช่วงหลังๆ (ประมาณเล่ม 2 เป็นต้นไป) ซึ่งเหล่าสมาชิกในกลุ่มได้พยายามถอดความหมายที่แท้จริงของโคลงคำทำนายนอสตราดามุส นักทำนายอนาคตชื่อดังของฝรั่งเศส
นอตราดรามุส ใน MMR ทำอย่างกับเปิดตัวเป็นบอสใหญ่
ก่อนจะพูดถึงเนื้อหาการ์ตูน ก็ขอพูดเรื่องของนอตราดรามุส (Nostredame) พอสังเขป นอตราดรามุสมีชื่อเต็มๆ ว่า มิเชล เดอ นอสเตรอดัม (Michelde Nostredame) คือผู้ได้รับการขนานนามจากชาวโลกว่า " ราชาโหรโลก " แต่โดยทั่วไปคนรู้จักเขาในชื่อที่เป็นภาษาลาตินว่า " นอสตราดามุส" เเกิดเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ.1503 ในแซงค์ เรมี เดอ โปรวองซ์ ประเทศฝรั่งเศส
นอตราดรามุสเป็นเด็กฉลาดถึงขั้นอัจฉริยะ เก่งทั้งภาษาลาติน ภาษากรีก ภาษาฮิบรู คณิตศาสตร์, แพทย์ และแน่นอนคือโหราศาสตร์ การพยากรณ์ ที่สร้างชื่อให้กับนอตราดรามุสในเวลาต่อมา
จุดเริ่มต้นที่ทำให้นอสตราดามุสโด่งดังนั้นมาจาก เขาเป็นตัวตั้งตัวตีในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของกาฬโรค ซึ่งเป็นโรคที่ชาวยุโรปต่างหวาดกลัวในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16
หลังจากนั้นนอสตราดามุสก็มีชื่อเรื่องเป็นนักพยากรณ์ที่แม่นยำ โดยส่วนมากมาจากตำนานเรื่องเล่า โดยเขาได้เขียนหนังสือโคลงทำนายต่างๆ หลายเล่ม ซึ่งส่วนมากจะเป็นโคลงกำกวมให้แต่ละคนตีความกันเองว่ามันหมายถึงอะไร
หนังสือของนอสตราดามุสได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง จนที่เป็นโปรดปรานของเชื้อพระวงศ์ของฝรั่งเศส และแน่นอนเขาได้ทำนายกษัตริย์ฝรั่งเศสพระเจ้าอังรีที่ 2 เอาไว้ว่า "สิงห์หนุ่มจะชนะสิงห์เฒ่าในการประลองยุทธ์ สิงห์หนุ่มจะตะปบถูกตาสิงห์เฒ่าแตก สิงห์หนุ่มจะถูกล้อมจับไปขังในกรงทอง สิงห์ เฒ่าจะได้รับบาดเจ็บเสียชีวิตด้วยความทุกข์ทรมานยิ่ง"ซึ่งโครงบทนี้หมายถึงการสิ้นพระชนม์พระเจ้าอังรีที่ 2 และต่อมาก็เป็นจริงตามคำทำนาย
หลังจากนั้นนอสตราดามุสก็ทำนายดวงชะตาของประเทศฝรั่งเศสถูกต้องหลายครั้ง เขาก็สิ้นลม ทิ้งโครงทำนายเอาไว้ ให้โด่งดังหลายศตวรรษ เพราะหลายโครงนอกเหนือทำนายดวงชะตากรรมประเทศฝรั่งเศสแล้ว เขายังทำนายเหตุการณ์สำคัญของยุโรปด้วย และมันไม่ได้เกิดในสองสามปีข้างหน้า หรือเฉพาะยุคกลาง แต่เป็นศตวรรษหน้า โลกปัจจุบันถึงจะเกิดตามคำทำนาย
โดยคำทำนายดังๆ ของนอสตาดามุส เป็นต้นว่า การปฏิวัติฝรั่งเศส, การกล่าวถึงพระเจ้าเฮนรีที่สองแห่งฝรั่งเศส, ไฟไหม้ครั้งใหญ่กรุงลอนดอน (1666), การเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง ฯลฯ
ส่วนใหญ่แล้วโคลงของนอสตราดามุสจะตรงหรือไม่ตรงขึ้นอยู่กับแต่ละคนจะตีความยังไง บางคนอาจตีความหมายอย่างหนึ่ง บางคนก็ตีความอีกอย่างหนึ่ง เป็นต้นว่า ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งฝ่ายอักษะนาซีได้ตีความคำทำนายนอสตราดามุสว่าฝ่ายอักษะจะมีชัย ส่วนฝ่ายพันธมิตรเองก็ตีความฝ่ายฝ่ายตนก็ชัยชนะตามคำทำนายของนอสตราดามุสเช่นกัน
ในช่วงศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะช่วงเวลาใกล้ถึงปี 2000 คำทำนายของนอสตาดามุสได้ฮิตมาก เพราะมีโครงบทหนึ่งได้อ้างว่าโลกจะพบหายนะเมื่อถึงปี 2000 (ตีความคาดกันเอง) โดยคำทำนายกล่าวว่า โลกจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ซึนามิ เหตุการณ์ที่อุกกาบาตจะพุ่งชนโลก รวมไปถึงสงครามโลกครั้งที่ 2
แน่นอนหลายตนเชื่อคำทำนายนอสตราดามุสมาก เพราะช่วงเวลาดังกล่าวโลกก็อยู่ในสถาวะไม่ค่อยดีมากนัก โดยเฉพาะปัญหา Y2K ทำให้โลกจดใจจ่อว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความกลัวของคนทั้งโลก (และผมยอมรับว่าสมัยก่อนผมก็กลัวเหมือนกัน) ปรากฏว่าเมื่อถึงปี 2000 ก็ไม่เกิดหายนะตามคำทำนายของนอตราดามุสเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นปัญหา Y2K ที่กลายเป็นอุปทานหมู่ก็แก้ไขอย่างง่ายดายไม่มีอะไรเกิดขึ้น อุกาบาตจะพุ่งชนโลกก็ปรากฏว่ามันลอยผ่านโลกไป สงครามโลกครั้งที่สามก็ไม่เกิดขึ้น หายนะอะไรก็ไม่มีสักอย่าง
แน่นอนเมื่อปี 2000 ไม่เกิดอะไรขึ้น คำทำนายของนอตราดามุสก็ถูกลืมไปในทันที อย่างไรก็ตาม หลังปี 2000 โลกเกิดเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น เหตุการณ์ 9/11, สหรัฐบุกอีรัก, สึนามิถล่มเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และนั้นเองเรื่องคำทำนายของนอตราดามุสก็กลับมาอีกครั้ง โดยคราวนี้มีคนออกมาเปรียบเทียบโครงนอตราดามุสว่าตรงกับเหตุการณ์สำคัญของโลกหลังปี 2000 หลายเหตุการณ์ (แล้วโลกหายนะปี 2000 ไม่ยักออกมาพูดถึง) และบอกว่าปี 2012 คราวนี้แหละโลกจะประสบหายนะตามคำทำนายของนอตราดามุสอีก
ในช่วงปี 2012 ถือว่าเป็นอีกช่วงที่โลกอยู่สภาวะไม่สู้ดีนัก เพราะมีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้ชาวโลกหลายคนคิดว่าโลกจะประสบหายนะในอนาคต และนั้นทำให้คำทำนายของนอตราดามุส (ที่ตีความเอาเอง) ดังขึ้นมาอีก จนหลายคนลืมคำทำนายปี 2000 ว่าผิดพลาดไปเสียสนิท
แต่อนิจจา เมื่อโลกถึงปี 2012 ก็ไม่เกิดอะไรขึ้นอีก แม้โลกจะอยู่ในสถาวะสงครามกลางเมือง และการก่อการร้าย แต่โลกก็ยังสงบสุขอยู่เหมือนเดิม และแน่นอนว่าคำทำนายของนอตราดามุสผิดอีกครั้ง (เพราะการตีความของใครบางคน) และนอกจากคำทำนายของนอตราดามุสจะผิดพลาดแล้ว นักทำนายคนอื่นๆ ที่จะบอกว่าโลกจะหายนะในปี 2012 ก็พลาดไปด้วย จนกลายเป็นตัวตลกของโลกไปโดยบริยาย
แน่นอนว่าคำทำนายของนอตราดามุสก็ยังไม่จบเพียงเท่านี้แน่นอน ก็รอวันที่โลกจะเกิดอะไรที่ส่อแววหายนะอีก เมื่อนั้นก็จะมีคนออกมาตีความโคลงทำนายของนอตราดามุส โดยไม่สนเลยว่าทั้งปี 2000, 2012 ที่อ้างนักหนาว่าจะหายนะ
สรุปคือ หากมีคำทำนายอ้างถึงหายนะของโลกในอนาคตก็มักได้รับความสนใจมาโดยตลอด โดยไม่สนว่ามันจะตรงหรือไม่ตรงเพียงใด และชื่อของนอตราดามุสก็ยังคงขายได้อีกนานเท่านาน
ปี 1999 ทำให้หลายคนคลั่งมาแล้ว
กลับมาที่เรื่อง Magazine Mystery Reportage ต่อ ผมจำได้แม่นเลย ตอนที่การ์ตูนเรื่องนี้ออกใหม่ๆ (รวมเล่ม Kc.WEEKLY ของวิบูลย์กิจ รายสัปดาห์) ช่วงนั้นโลกกำลังตื่นกลัวกับหายนะโลกปี 2000 พอดี ข่าว สารคดีต่างยกคำทำนายของนอตราดามุส (รวมไปถึงศาสนาต่างๆ ก็อ้างนิมิตคำทำนายของตนด้วย) ทำให้ผม (ซึ่งตอนนั้นยังเป็นเด็กประถมอยู่เลย) ค่อนข้างเชื่อเหล่านี้ และกลัวถึงขึ้นสมองเลยทีเดียว ว่าโลกที่เราอยู่ทุกวันนี้จะพบหายนะหรือไม่
ผมเป็นคนชอบเรื่องลึกลับ ค่อนข้างอิงกับการ์ตูนเรื่องนี้ทีเดียว เล่มแรๆ ก็เน้นเรื่องลึกลับ เช่น จานบิน พลังจิต ระลึกชาติ ทฤษฏีสมคบคิดเช่น เลข 666 ซาตานอยู่บาร์โค้ด เป็นต้น
เล่มที่ 2 เป็นต้นไปก็เริ่มเรื่องการถอดโครงของนอตราดามุส โดยเน้นเรื่องหายนะโลก โดยทฤษฏีนั้นส่วนใหญ่เป็นของพี่แว่นเก๊กหล่อคิบายาชิ ที่นอกเหนือจะถอดโครงแล้ว พี่แกทำนายความเป็นไปได้เกี่ยวกับหายนะโลกในอนาคตข้างหน้าอย่างจริงจัง (และสังเกตดีๆ ส่วนใหญ่มันโยงเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นทั้งสิ้น) เป็นต้นว่า
-วันที่ 21 มกราคม 1981 ผู้ช่วยรอดจะเกิดในประเทศญี่ปุ่น
-มนุษย์ต่างดาวเตือนมนุษย์โลก ด้วยการสร้างวงกลมลึกลับในวงข้าว
-ปี 1999 เกิดความขัดแย้งระหว่างญี่ปุ่นและอเมริกาก่อให้เกิดสงครามนิวเคลียร์
-หลังสงครามนิงเคลียร์ โลกจะปนเปื้อนกัมมันตรังสี มนุษย์จะกลายพันธุ์เพื่อความอยู่รอด
-ปี 1999 จุดบอดดวงอาทิตย์สอดคล้องทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นซบเซา
-ที่เส้นละติจูด 48 องศา ผ่านสหรัฐอเมริกา, เยอรมัน, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, จีน, รัสเซีย ผู้สร้างหายนะโลก ผู้ปลอมเป็นพระเยซูคริสต์จะเกิดขึ้นในประเทศเหล่านั้น และพยายามทำลายมนุษย์ชาติ
-กันยายน 2000 ดาวเคราะห์น้อย 4179 ทูทาทิส (4179 Toutatis) พุ่งเข้าชนโลก แต่มนุษย์ชาติไม่ได้ตั้งตัว เพราะรัฐบาลปิดข่าว (ปรากฏว่าไม่เป็นจริง เพราะดาวเคราะห์เฉียดโลกไป)
-ภูเขาไฟฟูจิระเบิด
-นักวิทยาศาสตร์บ้าได้ใช้อาวุธฆ่าล้างมนุษย์ชาติ
-ดวงจันทร์จะเป็นอาณานิคมใหม่
-หลุมโฮโซนไม่สามารถกันรังสีอัลตราไวโอเลตได้ ทำให้มนุษย์ชาติเสียชีวิตจำนวนมาก
-เกิดไวรัสใหม่ทำลายมนุษย์ชาติ
-มนุษย์ต่างดาวอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ต่างๆ พร้อมนำวิทยาการต่างดาวมาให้มนุษย์โลก
-มีการแอบฉีด นาโนบอตส์ (Nanobots เป็นหุ่นยนต์ขนาดเล็กจิ๋วมาก (ขนาดเล็กพอๆ เชื้อโรค) ที่นัก
วิทยาศาสตร์สร้างขึ้น เพื่อทำหน้าที่หลายอย่าง) เข้าไปในผู้นำของโลก เพื่อควบคุมจิตใจ
-มีองค์กรมืดควบคุมโลกอยู่เบื้องหลัง
ฯลฯ
นี่คือคำทำนายของโคบายาชิ จะเห็นช่วงหลังๆ เวอร์มาก จากตอนแรกๆ ถอดโคลงหายนะโลก มาตอนหลังทฤษฏีสมคบคิด ชนิดว่านักทำนายโลกและนักตั้งทฤษฏีสมคิดของจริงมาเห็นยังต้องอายไปเลย
อย่างไรก็ตาม หลายคนที่อ่านการ์ตูนเรื่องนี้รู้สึกอิน นอกเหนือจากช่วงเวลาที่อ่านโลกกำลังอินกับหายนะโลกแล้ว นอกจากนี้ ภายในเรื่องดำเนินเรื่องราวได้น่าติดตามระดับหนึ่ง เหมือนกับว่าทีมงานในการ์ตูนมีอยู่จริง ข้อมูลแน่น ทฤษฏีข้อสันนิษฐานต่างๆ ในเรื่องก็สมจริงดี (สำหรับเด็กในเวลานั้นก็เลือกที่จะเชื่อ)
สีหน้าตัวละครเวอร์ๆ เวลาฟังพี่แว่นพูด (ยิ่งกว่าเห็นแม่ยายตาย)
นอกจากนี้ลายเส้นของการ์ตูนเรื่องนี้เป็นลายเส้นที่ดูจริงจังโดยเฉพาะพี่แว่นคิบายาชิเก็กหน้าหล่อเวลาพูดทฤษฏีของพี่แกแบบจริงๆ จังๆ ชนิดผู้เชี่ยวชาญวันสิ้นโลกมาเห็นคงอาย (ว่าทฤษฏีเอ็งไซไฟกว่าของตรูอีก) ประกอบกับสีหน้าลูกทีมทำหน้าตกใจเวลาได้ฟังทฤษฏีของคิบายาชิยิ่งกว่าเห็นแม่ยายตายต่อหน้า อย่างกับเชื่อว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง ยิ่งทำให้เรื่องนี้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้นไปอีก
เชื่อว่าหลายคนที่อ่านการ์ตูนเรื่องนี้ ก็คงรู้สึกตื่นเต้น แอบกลัว กังวล เชื่อเรื่องนี้จริงๆ จัง พูดง่ายๆ คำเตือนว่าเนื้อหาในเรื่องเป็นเรื่องสมมุติไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์จริง บุคคล และสถานที่ไม่ได้ช่วยอะไรแม้แต่น้อย เพราะเนื้อเรื่องการ์ตูนชวนให้เราเชื่อ มากกว่าให้เราคิดว่าเป็นเรื่องสมมุติขึ้น
การ์ตูน MMR จบลงในเล่มที่ 13 เมื่อปี 1999 ในคดีสุดท้ายของกลุ่ม MMR นั้น คิบายาชิกำลังสืบค้นเรื่องโครงการลับของรัฐบาล หากแต่ระหว่างนั้นคิบายาชิเกิดอาการไม่สบายจนเกิดเอาชีวิตไม่รอด ทางกลุ่มก็เชื่อว่า เป็นฝีมือของพวกที่ทำโครงการลับให้รัฐบาล ทำให้หัวหน้ากองบรรณาธิการ (ในขณะนั้น) คุณอิการาชิ (มีตัวตนจริงเช่นกัน) เห็นว่าการทำงานของพวก MMR ชักเลยเถิดจึงสั่งยุบกลุ่ม MMR ทุกคนก็ต้องยุบกลุ่มไป (ผมอ่านสปอย เพราะไม่ได้อ่านเล่มจบ ผิดถูกยังไงขออภัยมา ณ ที่นี้) เป็นอ่านปิดตำนานทฤษฏีหายนะโลกของคืบายาชิและลูกทีมไป
แน่นอน ตอนนั้นไม่มีใครคิดว่ามันเป็นการ์ตูนตลกแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นเวลาผ่านไป2- 3 ปี โลกเข้าสู่หลังปี 2000 หลายคนพบว่าโลกยังคงสงบสุขไม่ตรงกับคำทำนายของนอตราดรามุส ส่วนการ์ตูน MMR ก็ได้รับผลกระทบนี้เต็มๆ เพราะคำทำนายของคิบายาชิที่ตีความคำทำนายนอตราดรามุสที่อ้างประเทศญี่ปุ่นเป็นจุดศูนย์กลางของโลกก็ไม่ตรงสักข้อ แม้แต่ทฤษฏีไซไฟเหลือเชื่อของคิบายาชิ ก็ไม่มีใครเอามาพูดถึงเลยแม้แต่น้อย พูดง่ายๆ หน้าแตก หงายเงิบทั้งคู่
และนั้นเองทำให้การ์ตูน MMR กลายเป็นการ์ตูนตลกแบบไม่ได้ตั้งใจ หลังจากที่เราอ่านการ์ตูนเรื่องนี้แบบตื่นเต้นซีเรียสเข้มข้นแอบหวั่นๆ ว่าโลกแตกตอนแรกๆ เมื่อเวลาผ่านไปหลายปีเรากลับไปอ่านการ์ตูนเรื่องนี้อีกครั้งอารมณ์ความรู้สึกไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนตอนแรกๆ แต่กลับเป็นอารมณ์ขัน อารมณ์เหมือนบั่นทอนปัญญาพอๆ คุโรไมตี้ ถกแต่เรื่องโลกแตก
มุกบางอย่างไม่ได้ตั้งใจให้ตลก แม้การนำเสนอเหมือนจะจริงจังมีสารถ หากแต่เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งนั้นกลับกลายเป็นไร้สาระ จริงจังกลับกลายเป็นเวอร์ๆ อีกทั้งยังผิดพลาดชนิดหน้าแตกยับ จากซีเรียสกลับกลายเป็นบั่นทอนปัญญา นี่คือความโหดร้ายของวันเวลา ที่ทำให้ทฤษฏีเก่าไร้ค่าชนิดไม่ได้ผุดได้เกิด
การ์ตูน MMR ได้กลายเป็นการ์ตูนตลกด้วยเหตุนี้ ส่วนตัวละครอย่างคิบายาชิที่เก๊กหน้าหล่อยิ่งกว่าคินดะอิจิเวลาไขปริศนา ตอนแรกๆ อย่างเท่ อย่างหล่อ อย่างฉลาด (เพราะโยงไปได้) แต่พอหลังปี 2000 กลับกลายเป็นตัวตลกในวงการการ์ตูนไปเสียด้วย ด้วยประโยคสุดฮิตติดปาก “นอสตราดามุสน่ะ” พูดง่ายๆ อะไรเจอเรื่องอะไรพี่แกโยงเรื่องนอสตราดามุสหมด บางเรื่องไม่เห็นเกี่ยว แต่พี่แกต้องให้เกี่ยวจนได้ แถมเรื่องที่ว่าถึงขั้นทำให้มนุษย์โลกสูญพันธ์ไปเลย (เช่นคลื่นโทรศัพท์ทำลายมนุษย์ชาติ เป็นต้น)
หนึ่งในการล้อเลียน
ปัจจุบันก็การ์ตูนหลายเรื่อง เอามาพี่คิบายาชิไปล้อเลียนอย่างสนุกสนาน ส่วนใหญ่ที่ฮิตคือเรามักจะเห็นตัวละครในเรื่องทำท่าทำทางเหมือนคิบายาชิ ทำหน้าจริงจัง พูดทฤษฏี จนคนฟัง (ซึ่งเป็นตัวละครในเรื่องนั้นแหละ) ตกใจสุดขีด หากแต่ช่องถัดมาทฤษฏีที่ตัวละครเหล่านั้นพูดก็กลายเป็นทฤษฏีลมปากที่ไร้สาระว่างเปล่า และถูกลืมไปในที่สุด
ส่วนการ์ตูนเรื่องไหน เอา MMR มาล้อเลียนบ้างนั้น ผมก็จำไม่ค่อยได้ เอาเป็นว่าใครเห็นพี่คิบายาชิ ลายเส้น เห็นสีหน้าตัวละคร ที่เป็นเอกลักษณ์ นั้นแหละคือ MMR
หลังจากที่ MMR หายไปนานหลายปี จนกระทั่ง ช่วงใกล้ปี 2012 แก๊ง MMR ก็ปรากฏตัวอีก โดยคราวนี้พวกเขามาสืบเรื่อง อวสานโลกตามคำทำนายของชนเผ่ามายันกับวันหายนะโลก ซึ่งกำลังเป็นประเด็นถกเถียงร้อนแรงสำหรับโลกในเวลานี้ แต่อย่างไรก็ตามด้วยชื่อเสียงที่สะสมไว้ในอดีต (!?) และมุกเดิมๆ ทำให้ตัวเรื่องไม่ประสบความสำเร็จมากนัก แถมปี 2012 ก็ผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกต่างหาก ทำให้หน้าแตกอีกรอบ!!
อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่มนุษย์ยังคงกังวลเรื่องร้ายๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ความไม่แน่นอน คำทำนายเกี่ยวกับหายนะของโลกยังคงขายได้ สักวันแก๊ง MMR ก็คงปรากฏตัว พร้อมทฤษฏีสมคบคิด ทฤษฏีเวอร์ๆ ให้ทุกคนตกใจ (และหน้าแตกอีก) ต่อไป
เรื่องที่คุณไม่รู้
-(องค์กรที่เรียกว่า MMR ปัจจุบันมีอยู่จริงเพียงแต่สมาชิกไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ แต่มีความรู้เรื่องลึกลับอยู่มาก)
ความคิดเห็น