คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #288 : จะไปรบหรือจะไปประกวดคอสเพลย์!? (เรื่องชุดการแต่งกายหญิงแสนโมเอะ)
เมื่อปี 1907 นักกีฬาว่ายน้ำหญิงคนหนึ่งชื่อแอนเน็ตต์ เคลเลอร์ (Annette Kellerman) ชาวออสเตรเลีย ได้มาเยือนอเมริกา และเธอถูกจับกุมในข้อหากระทำอนาจารต่อหน้าสาธารณชน เพราะเธอใส่ชุดว่ายน้ำในที่ชายหาดต่อหน้าสาธารณะชน!?
แอนเน็ตต์ เคลเลอร์ในชุดว่ายน้ำชิ้นเดียวของเธอ
คำถาม มันแปลกยังไงเหรอ? แปลกตรงสมัยก่อนชุดว่ายน้ำสมัยก่อนไม่ได้เหมือนชุดว่ายน้ำปัจจุบัน เพราะชุดว่ายน้ำของเธอนั้นเป็นชุดว่ายน้ำรัดรูปสีดำชิ้นเดียวปกปิดร่างกายเกือบหมด มีเพียง เปิดเผยเนื้อหนังเพียงแค่แขน ขา และลำคอเท่านั้น ซึ่งหากเป็นสมัยนี้ชุดว่ายน้ำเธอไม่มีความเซ็กซี่แม้แต่น้อย (ไม่ทำให้อารมณ์ของผู้ชายขึ้นด้วยซ้ำ) หากแต่สมัยก่อนนั้น ตำรวจเห็นว่ามันเปิดเผยรูปร่างภายในมากเกินไป จนเธอถูกจับนั้นเอง
และนี่คือชุดว่ายน้ำสมัยก่อน ซึ่งค่านิยมของมนุษย์เรามองเห็นเป็นแบบนั้น ก่อนที่ชุดว่ายน้ำจะแตกสาขา ออกมาหลายรูปแบบ เพื่อสนุกในการเล่นน้ำ ไม่ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการว่ายน้ำอีกต่อไป โดยเฉพาะชุดว่ายน้ำของผู้หญิงน่ารัก เซ็กซี่ และโชว์เนื้อหนังมังสามากขึ้น (จนชุดว่ายน้ำบางชุดเหมือนไม่ได้ใส่อะไร ปกปิดเพียงแค่ของสงวนของผู้หญิงเท่านั้น เช่น ชุดว่ายน้ำบราซิลเป็นต้น)
รูปแบบชุดว่ายน้ำที่โด่งดังที่สุดคงจะเป็นบิกินีบิกินี หรือ ทูพีซ (bikini, two-piece) (แน่นอนยังไม่พูดถึงชุดว่ายน้ำสปอต และชุดว่ายน้ำโรงเรียนที่มีความฮิตไม่แพ้กันในโลกการ์ตูนญี่ปุ่น) คือชุดว่ายน้ำของสตรี ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ ส่วนปิดครึ่งบน (คล้ายบรา) และส่วนปิดครึ่งล่าง ในแต่ละยี่ห้อนั้นมีรูปทรงแตกต่างกันไป (แน่นอนสำหรับหลายคนชอบบิกินีแบบผูกเชือกเป็นพิเศษ)
ชุดเลโอตาร์ด (leotard)
นอกจากนี้ยังมีชุดที่คล้ายๆ ชุดว่ายน้ำ และรัดรูปเหมือนกัน เพียงแต่วัตถุประสงค์ของมันไม่ใช่ว่ายน้ำแต่อย่างใด นั้นคือชุดเลโอตาร์ด (leotard) เป็นชุดรัดรูปแนบเนื้อ (ที่ส่วนมากเว้าสูง หรือชุดรัดรูปที่เป็นชิ้นเดียวยาวตั้งแต่คอ คลุมลำตัว แต่ไม่มีส่วนปกคลุมขา) ที่พวกเล่นละครสัตว์มักนิยมสวม ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นชุดยิมนาสติก (กายกรรม, นักเต้นบัลเล่ต์, สเก็ต, นักกีฬา และนักแสดง) ซึ่งชุดดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ให้คนที่สวมเคลื่อนไหวได้สะดวกและแสดงสรีระ(โดยเฉพาะเพศหญิง) เต็มที่
ทำไมผมถึงพูดเรื่องชุดว่ายน้ำ และเลโอตาร์ดน่ะเหรอ แน่นอนมันเกี่ยวกับสิ่งที่ผมจะพูดในเรื่องเกี่ยวกับการ์ตูนญี่ปุ่นแน่นอน เพราะไม่ว่าจะเป็นชุดว่ายน้ำ, ลีโอทาร์ด, ชุดรัดรูป อะไรก็ตาม ถือว่าเป็นชุดที่พบเห็นบ่อยมากในการ์ตูนญี่ปุ่น เพราะชุดว่ายน้ำและชุดลีโอทาร์ดถือว่าเป็นชุดแห่งเวทมนต์มนต์ที่ดึงความโมเอะในตัวละครหญิงของญี่ปุ่นเลยทีเดียว
แน่นอนว่าเรามักเห็นตัวละครหญิงใส่ชุดว่ายน้ำในคาบเรียนว่ายน้ำ หรือไปเที่ยวทะเล (หากสุดยอดรูทฮาเร็มจะต้องในห้องน้ำบ้านพระเอกที่ตัวละครหญิงใส่ชุดว่ายน้ำขัดขี้ใคร่ตามตัวพระเอก) หรือชุดเลโอตาร์ดก็เป็นโรงยิม แต่อย่างไรก็ตามมีการ์ตูนหลายเรื่องที่
K. Miyuko คอสเป็นอิโนริจนผู้ชายหลายคนหลงใหล
เมื่อไม่นานมานี้ในเว็บดราม่าจ่า ได้นำประเด็นเรื่อง “ให้เกียรติปู๋กูบ้าง!!” ซึ่งเป็นดราม่าในเพจหนึ่งได้มีการโพสรูปของ เค.มิโยโกะ (K. Miyuko) ซึ่งเป็นสาวคอสเพลย์ชื่อดังในวงการ ที่คอสเป็นนางเอกอิโนริจากเรื่อง Guilty Crown ในชุดเครื่องแต่งกายประจำตัวละครนี้ โดยแต่งชุดสูทเลโอตาร์ดสีแดง ซึ่งถือว่าเป็นชุดที่เผยเนื้อหนังพอสมควร เพราะมีการโชว์ร่องนม และเมื่อคอสจึงดูล่อแหลมพอสมควร
โดยคนโพส เค.มิโยโกะ คอสได้คอมเม้นว่า อยากจะเอาสาวคอสเพลย์นี้มากๆ ชุดของเธอนั้นดูดี อยากเอาอะไรบางอย่างไปถูร่องนม พูดง่ายๆ เห็นชุดเธอแล้วหื่นนั้นแหละ (ค่อนข้างคำหยาบ ลามกครับก็ตัดออก อยากจะอ่านเต็มๆ เอาหัวข้อดราม่าไปดูเว็บจ่าเอาน่ะครับ)
หลายคนก็เห็นด้วยกับคนโพส ต่างบอกว่าสาวคอสเพลย์แต่งตัวเซ็กซี่น่าเอามากๆ
อย่างไรก็ตาม ดราม่าก็เริ่มขึ้นเมื่อมีคนมาท้วงว่ากรุณาให้เกียรติเพศหญิงบ้าง ให้เกียรติแก่สาวคอสบ้าง ในสมองมีแต่เรื่องลามกหรือไง? ดูถูกเพศแม่ บลาฯลฯ
แต่หลายคนที่เข้าข้างคนโพสก็ตอบโต้ โดยบอกว่าความหื่นนั้นมันเป็นเรื่องปกติของผู้ชาย ชุดแบบนี้ชายใดเห็นแล้วไม่หื่นถือว่าไม่ใช่บุรุษเพศแต่อย่างใด (แต่ผมหื่นไม่ออกนอกหน้านะครับ)
แน่นอนว่าคนที่ฟังคนเข้าข้างคนโพสรูปได้เห็นเม้นแบบนี้ ก็โกรธ เพราะเป็นคำดูถูกวงการสาวคอสเพลย์ ว่าเป็นผู้หญิงชั้นต่ำ ก่อนที่จะบอกว่าสาวคอสเพลย์นั้นคอสเพราะรักในตัวการ์ตูนตัวนั้น ดังนั้นเราต้องแต่งกายให้เหมือนต้นฉบับให้มากที่สุด แสดงให้เห็นว่าเธอทุ่มเท สวมจุดวิญญาณของตัวละครในเรื่องเต็มที่ ไม่ใช่แต่งกายให้พวกผู้ชายเห็นแล้วหื่น (จุดประสงค์หลักๆ สาวคอสเพลย์นอกเหนือจากจะแต่งเพราะใจรักตัวการ์ตูนเรื่องนั้นๆ แล้ว พวกเธอก็อยากแจ้งเกิดเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโดยทั่วครับ ซึ่งก็หมายถึงงานต่างๆ เข้ามาด้วย ดังนั้นชุดของพวกเธอก็ออกไปทางล่อแหลมนิดหน่อย ให้เกิดความน่าสนใจด้วย)
หลังจากนั้นก็ดราม่า โต้กันไปมา จนออกทะเล จึงขอหยุดอยู่ตรงนี้ เพราะประเด็นที่ผมเขียนถึงไม่ใช่เรื่องวงการคอสเพลย์แต่อย่างใด แต่สิ่งที่เราเห็นเด่นชัดคือชุดตัวละครหญิงในการ์ตูนญี่ปุ่น (หรือแม้แต่วงการวีดีโอเกม) ไม่เพียงแต่อิโนริเท่านั้นที่แต่งชุดได้โมเอะเซ็กซี่ (ที่เน้นวัตถุประสงค์ที่ผู้ชายมาเห็นเกิดความต้องการทางเพศ) แบบนี้แน่นอน เพราะที่ผ่านมามีตัวละครหญิงมากมายที่แต่งกายในลักษณะแบบอิโนริ ซึ่งล้วนเป็นชุดที่สุดแสนเซ็กซี และโมเอะทั้งสิ้น (ต่อไปนี้ผมขอเรียกแค่ว่าโมเอะก็พอ) และที่สำคัญหลายชุดนั้นได้กลายเป็นเครื่องหมายประจำตัวของพวกเธอ เป็นที่รู้จักกันไปทั่ว
Sekai Seifuku Bouryaku no Zvezda
ยกตัวอย่างอนิเมะที่ผมพึ่งดูเมื่อต้นปี 2014 ที่ผ่านมา อย่างเรื่อง Sekai Seifuku Bouryaku no Zvezda ซึ่งเป็นแนวฮีโร่ ที่เป็นเรื่องของตัวร้ายสู้กับองค์กรฮีโร่ โดยมีโลกเป็นเดิมพัน โดยที่ตัวละครหญิงในเรื่องนั้นใส่ชุดที่สุดแสนโมเอะ จนดูไม่น่าเชื่อเลยว่านั้นเป็นจุดสำหรับการต่อสู้
Strike Witches แน่ใจหรือว่านี่คือชุดต่อสู้
ได้ถ้าจะเอาเรื่องดังๆ ที่เห็นภาพง่ายๆ ก็เรื่อง Strike Witches ที่การ์ตูนสาวน้อยมหัศจรรย์ต่อสู้ในสงครามกลางเวหา แทนจะให้ทหารชายมาสู้ กับต้องพึ่งผู้หญิงมากู้โลก แถมแต่ละนางก็แต่งชุดยังไงก็ไม่ใช่ทหาร ไม่ว่าจะเป็น ชุดว่ายน้ำโรงเรียน ใส่กางเกงในลายทาง (แต่ไม่ใช่กางโปรงทับ) แถมยังมีหูและหางสัตว์เข้าไปด้วยอีก
คำถาม? เห็นทหารหญิงปฏิบัติงานในสมรภูมิรบในเครื่องแต่งกายทหารเต็มอัตราศึกแล้วรู้สึกโมเอะหรือไม่?
หลายคนที่อ่านการ์ตูนญี่ปุ่นบ่อยๆ คงสงสัยว่าทำไมตัวละครหญิงในการ์ตูนหลายเรื่อง โดยเฉพาะแนวแฟนตาซี ไซไฟ เวลามีฉากต่อสู้ ฉากสนามรบ ต้องแต่งตัวด้วยชุดที่ดูแล้วไม่เหมาะแก่การต่อสู้เสียเลย ไม่ว่าจะเป็นชุดที่เหมือนบิกินี่, ชุดสาวน้อยจอมเวทย์, ขุดว่ายน้ำโรงเรียน, ชุดรัดรูป ฯลฯ ไปจนถึงชุดที่ดูแล้วเหมือนไม่ใช่สุด (เกือบเปลือยนั้นแหละ) ทำให้คนดูแล้วออกความเห็นว่ามันน่าจะทำให้ผู้ชายที่อยู่ทีมเดียวกัน หรือแม้แต่ศัตรูไม่มีกะจิตกะใจจะสู้ด้วยซ้ำ (เพราะมัวแต่จ้องสรีระของพวกเธอนั้นแหละ)
ในเว็บ Television Tropes & Idioms ได้อธิบายการแต่งกายในลักษณะนี้ว่า Stripperiffic มีความหมายว่าตัวละครที่ใส่ชุดเซ็กซี่ออกรบ ทั้งๆ ที่ชุดที่ว่าไม่เหมาะกับการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย
ปกติแนวการ์ตูนการ์ตูนญี่ปุ่นที่มีชุดลักษณะนี้ จะเจาะกลุ่มที่ผู้อ่านเป็นผู้ชายอายุประมาณวัยรุ่นหรือมากน้อย เเละมีทั้งจริงจัง และไม่จริงจัง มีเกือบทุกแนว เพราะการแต่งกายดังกล่าวลักษณะดังกล่าวกลายเป็นเรื่องปกติแล้วในการ์ตูนญี่ป่น
พูดถึงเครื่องแต่งกายต่อสู้ เรามักนึกถึงเกราะเหล็กหนาๆ ที่พวกนักรบอัศวินใส่ไว้ป้องกันอาวุธมีคมได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งการสวมเกราะต้องสวมตามจุดต่างๆ ของร่างกายอย่างมิดชิดเต็มอัตราศึก ทำให้ดูเหมือนเราสวมเกราะทั่วตัว
แม้แต่สมัยนี้ เวลาเราเห็นทหารปฏิบัติงานในพื้นที่สมรภูมิรบ เช่น สงครามอัฟกานีสถาน สงครามอีรัก ทหารไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงจะสวมเครื่องแบบทหาร สวมหมวก สวมถุงมือ สวมเสื้อเกราะ แบกกระเป๋าทหารใบใหญ่ และห้อยกระติกน้ำและซองกระซุน ดูพะรุงพะรังพิลึก แน่นอนว่าเราไม่รู้สึกอารมณ์ทางเพศแม้แต่น้อยหากทหารหญิงใส่ชุดดังกล่าว
แต่ในโลกการ์ตูนไม่ได้เป็นแบบนั้น เมื่อตัวละครหญิงหลายคนสวมชุดออกรบแบบไม่สนใจเรื่องกฎโลกแห่งความจริงแม้แต่น้อย เพราะการ์ตูนเรื่องหนึ่ง จำเป็นต้องหาเอกลักษณ์ที่ทำให้คนดูเกิดความสนใจ หันมาติดตามการ์ตูนเรื่องนั้นๆ และบางครั้งความสมจริงบางอย่างอย่าง จำเป็นต้องตัดออก หรือละเลยไป แน่นอนว่าชุดเกราะที่ดูหุ้มทั้งตัว ชุดทหารที่ดูพะรุงพะรังจำเป็นต้องตัดออก
ผมเคยได้ยินคำสอนเกี่ยวกับการวาดการ์ตูนว่า การออกแบบชุดของตัวละครนั้นถือว่าเป็นจุดตัดสินการ์ตูนเรื่องนั้นเลยว่าจะอยู่หรือจะไป แต่การออกแบบชุดบางครั้งไม่จำเป็นต้องสนความสมจริงเสมอไป (แล้วแต่แนว หรือเนื้อเรื่อง) เป็นต้นว่า ชุดนักเรียนหญิงจากการ์ตูนบางเรื่องที่ดูแล้วไม่น่าจะมีอยู่ในโลกความจริงเลยแม้แต่น้อย แน่นอนว่ารวมถึงชุดต่อสู้ด้วย
ถ้าไม่เชื่อดูกฎเหล็กอนิเมะ 100 ข้อ (100 Rules of Anime Physics) ตรงข้อที่ 34 ว่าด้วยเสื้อผ้าขอตัวละครในอนิเมะถูกกำหนดไว้ว่า “ตัวละครหญิงในอนิเมะจะต้องสวมใส่เสื้อผ้าที่น้อยชิ้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยไม่คำนึงถึงสังคม หรือหลักการวิทยาศาสตร์ใดๆ ทั้งสิ้น ว่าจะเหมาะสมหรือไม่ก็ตาม
ไม่หลักการวิทยาศาสตร์ยังไงน่ะหรือ? เป็นต้นว่า ตัวละครหญิงจะใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นโดยไม่รู้สึกหนาวกายเลยแม้แต่น้อย แต่ผ้าจะฉีกขาดง่ายมากเวลาต่อสู้ หรือจะเป็นตัวละครชายที่มักสวมเสื้อคลุมทั้งๆ ที่อากาศร้อนตับแลบๆ โดยไม่มีเหงื่ออกง่ายๆ แถมชายผ้าคลุมยังปลิวไสว ทั้งๆ ที่ไม่มีลมพัดเลย และมันคงทนมากๆ เพราะเวลาต่อสู้มันไม่ฉีกขาดเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่เปื้อนฝุ่นนิดเดียวเท่านั้น (วิทยาศาสตร์ไหมละ?)
และเคยมีคำกล่าวไว้ว่า “หากผู้ชายแต่งตัวแบบมิดชิดจะดูสุภาพ หากผู้หญิงแต่งน้อยน้อยชิ้นจะดูมีสเน่ห์” และนั้นเองจึงเป็นหลักการการออกแบบชุดต่อสู้ที่ดูแล้วโมเอะขึ้น จะต้องเป็นชุดที่สามารถจับกลุ่มผู้ดูที่เป็นผู้ชายได้ โดยใช้สเน่ห์ของผู้หญิงให้เป็นประโยชน์ ชุดที่ว่าจะต้องดึงสเน่ห์ของตัวละครให้แสดงความโมเอะมากที่สุด
คำถามต่อมา ทำไมสนามรบจึงเป็นที่เหมาะแก่โชว์ชุดโมเอะของพวกเธอ สาเหตุง่ายๆ คือสนามรบเป็นฉากที่ดีที่สุดที่จะดึงสเน่ห์ของตัวละครหญิงได้มากที่สุด ภายใต้ “แฟน เซอร์วิส" แสดงความเย้ายวนทางเพศหญิง เพื่อปลุกใจผู้ชาย ซึ่งการแต่งกายแบบนี้ถือว่าเป็นแฟน เซอร์วิสอันแสนฉลาดอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะเซอร์วิสได้ตลอดเวลา แม้จะไม่เย้ายวนทางเพศโดยตรง หรือไม่เข้ากับเนื้อเรื่องก็ตาม แต่ก็ยังมีมุมมองดีๆ เวลามีอยากต่อสู้ เมื่อเธอทำการต่อสู้กับศัตรู มุมกล้องจะซูมให้เห็นอะไรดีๆ ตลอด อย่างเรื่อง Strike Witches เวลาต่อสู้ไป ได้เห็นของอะไรดีๆ ไป (เช่นมุมกล้องโฟกัสเห็นกางเกงในเวลาตัวละครบินบนฟ้า ซูมภาพกระเด้งหน้าอก หรือไม่ก็เห็นขาอ่อน ถูกใจชายนักแล) จนกลายเป็นจุดขายและใช้บ่อยเกินไปด้วยซ้ำ
ใช่ว่าโลกแห่งความจริงนั้นจะไม่มีผู้หญิงอยู่ในสนามรบ และสวมชุดที่ดูแล้วไม่เหมาะแก่การรบเลย ที่ดังและรู้จักกันมากที่สุดคือ เผ่าหญิงดุอเมซอน (Amazon) เป็นชนเผ่าที่เป็นเราคุ้นเคยกับตำนานกรีกและโรมันเป็นช้านาน ซึ่งเป็นเผ่าที่มีแต่นักรบหญิง เชื่อว่าอยู่แถวเอเชีย ไม่ก็แถวทวีปแอฟริกาเหนือว่ากันว่ามีความเก่งกายเทียบเท่าผู้ชาย เวลาออกรบ หนังสัตว์ และเผยให้ร่างกายเกือบเปลือย คือส่วนใหญ่จะเปลีอยไหล่ขวา เผยให้หน้าอกขวา (ถ้าถนัดซ้ายก็เปลือยด้านซ้ายแทน) เพื่อให้ยิงธนุสะดวก
กลับมาที่เรื่องการ์ตูนต่อ เท่าที่ผมรู้ ที่มาการแต่งตัวละครลักษณะ Stripperiffic การ์ตูนญี่ปุ่นไม่น่าจะเป็นผู้เริ่มต้นแน่นอน เชื่อว่าญี่ปุ่นน่าจะได้รับอิทธิพลของการ์ตูนคอมมิคอเมริกา ที่สมัยก่อนนั้นได้สร้างตัวละครหญิงแต่งกายในลักษณะที่ดูเซ็กซี่ ทั้งๆ ที่เป็นชุดต่อสู้
สมัยก่อนนั้นบทบาทผู้หญิงในการ์ตูนอเมริกันค่อนข้างมีน้อย เพราะเวลานั้นการ์ตูนอเมริกันนิยมแนวฮีโร่อเมริกันที่เป็นผู้ชายกล้ามใหญ่ๆ (และใส่ชุดดูแล้วไม่เหมาะแก่การต่อสู้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นซุปเปอร์แมน หรือแบ็ทแมน ที่ตอนแรกๆ ทั้งสองใส่ชุดรัดรูปแบบที่ใช้ในนักแสดงละครสัตว์)
ส่วนใหญ่แล้วตัวละครหญิงในการ์ตูนอเมริกันสมัยก่อน จะเป็นคนที่ค่อนข้างสวย หน้าอกอวบอั๋น หุ่นเย้ายวน แต่บทบาทนางเอกนั้นจะออกมาในลักษณะคนธรรมดาที่รู้ความลับพระเอก และเป็นตัวละครที่มักโดนผู้ร้ายจับแล้วพระเอกต้องไปช่วยเสมอ แต่ตอนนั้นยังไม่มีฮีโร่หญิงยังไม่ปรากฏเท่าที่ควร
อย่างไรก็ตาม ในที่สุดก็มีสาวตัวเอกหญิงที่มีความเก่งไม่แพ้ผู้ชายคนได้ แม้ว่าช่วงแรกๆ ตัวเอกหญิงจะไม่มีพลังพิเศษแต่อย่างใด จนกระทั่งการปรากฏตัวของวันเดอร์วูแมนหรือสาวน้อยมหัศจรรย์ ซึ่งเป็นตัวละครการ์ตูนจาก ดีซีคอมมิกส์ เป็นหญิงสาวเผ่าอเมซอนจากดินแดนอเมซอน ที่ปรากฏอยู่ในเทพปกรณัมกรีก ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1941 จากการออกแบบของ William Moulton Marston ฮีโร่ผู้หญิงจึงเป็นที่รู้จักและโด่งดัง
ภาพของวันเดอร์ วูแมนนั้นจนบัดนี้ก็ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย คือเป็นภาพของผู้หญิงที่ดูแข็งแกร่ง ต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ความรัก ความสงบสุข และความเท่าเทียมกันทางเพศ ครั้งแรกเธอปรากฏตัวโดยสวมกระโปรง ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นสวมชุดมีสีแดง กางเกง (เหมือนกางเกงใน) น้ำเงินลายจุดรูปดาวสีขาว คล้ายธงชาติสหรัฐอเมริกาที่ดูทะมัดทะแมงขึ้น (ชุดของเธอเป็นชุดมวยปล้ำ ส่วนกางเกงนั้นมีที่มาจากเธอเป็นตัวแทนของสหรัฐอเมริกาที่ต่อสู้กับพวกอักษะนาซี)
พอมาถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ทรัพยากรกระดาษเป็นที่ขาดแคลน ทำให้เรื่องของฮีโร่หยุดไปพักหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามการ์ตูนอเมริกันก็ยังคงตีพิมพ์ โดยเป็นการ์ตูนสำหรับทหารอเมริกันได้อ่าน โดยมีภาพผู้หญิงที่เซ็กซี่ในชุดนุ่มน้อยห่มน้อยให้ทหารมีกำลังใจและคลายความเหงามากขึ้น และเมื่อสงครามสงบการ์ตูนแนวฮีโร่ก็กลับมาอีกครั้ง และตัวละครฮีโร่หญิงก็ตามมาอีกมากมาย เหมือนที่เราเห็นในปัจจุบัน
ที่นี้มาดูชุดต่อสู้แสนโมเอะของตัวละครหญิงในการ์ตูนญี่ปุ่น (และการ์ตูนอเมริกันก็มีเช่นกัน) กันบ้าง สำหรับชุดการแต่งกายสำหรับต่อสู้ของตัวละครหญิงนั้น ค่อนข้างมีหลายแบบ ขึ้นอยู่กับแนว บางชุดก็เป็นเอกลักษณ์สำหรับตัวละครนั้นๆ หรือบางชุดเป็นเอกลักษณ์สำหรับแนว (เช่น สาวน้อยจอมเวทย์, สงครามแฟนตาซียุคกลาง, นินจาหญิง เป็นต้น) แม้ว่าไม่ถูกหลักการวิทยาศาสตร์หรือความถูกต้องก็ตาม แต่บางชุดก็อธิบายว่าทำไมตัวละครถึงแต่งแบบนี้นั้นเอาไว้ด้วย
ชุดสปายรัดรูป (Spy catsuit) เป็นชุดที่เรามักเห็นบ่อยๆ ในการ์ตูนแนวสายลับหญิง ไม่ก็นักฆ่าหญิง หรือภาพยนตร์ที่มีตัวละครเป็นสายลับหญิงพราวสเน่ห์ (เช่น เจมส์ บอนด์ 007) ที่ทั้งสวยและเก่ง มีทั้งลีลากายกรรม ศิลปะการต่อสู้ ซึ่งเวลาปฏิบัติงาน (โดยเฉพาะภารกิจแทรกซึมในฐานทัพแหล่งกบดานของฝ่ายศัตรู) พวกเธอจะสวมชุดหนัง (หรือยาง?) รัดรูปสีดำดูเงางาม และมีซิปเดียวอยู่ด้านหน้า ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันวายสายลับหญิงจริงๆ เขาแต่งชุดยังไงกัน แต่ชุดนี้ในเรื่องอธิบายว่ามันคล่องตัว เคลื่อนไหวได้สะดวก ปีนป่าย หรือว่ายน้ำได้อย่างสบาย แต่ปัญหาคือสายลับหญิงบางคนสวมรองเท้าส้นสูง!?
โดยตัวละครดังๆ ที่สวมชุดแบบนี้ก็มี แบล๊ค วิโดว์ (จากการ์ตูนมาเวล) หรือตัวละครจากเรื่อง Gantz (อันนี้ก็มีเหตุผลว่าเป็นชุดบอดี้พิเศษ) และตัวละครหญิงที่แนวคาแร็คเตอร์เป็นสาวพราวสเน่ห์ที่มักสวมชุดนี้เวลาเวลาขับขี่มอเตอร์ไซต์ด้วยความเร็วสูง เป็นต้น
จอมเวทย์สาวน้อยในชุดเกราะบิกีนี่ จากเรื่อง isekai Koryaku Preparation
ลายเส้นคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ที่เป็นเรื่องโครตฮาเร็มจบวินมอเตอร์ไซต์อะไรนี้แหละ (ยังไม่หายเจ็บใจ)
ชุดเกราะบิกินี่ ถือว่าเป็นหนึ่งในชุดเก่าแก่ของโลก (ปานนั้นเชียว) ในวงการการ์ตูน ไม่เพียงแค่ญี่ปุ่นเท่านั้น ในวงการ์ตูนอเมริกันก็พบเห็นบ่อยครั้งมาก
แม้ภายนอกชุดเกราะบิกินีจะดูเหมือนพลังป้องกันต่ำ แต่บางเรื่องก็มีอธิบายแล้วว่าเกราะมีการร่ายเวทมนต์หรือทำพิธีกรรมบางอย่างเอาไว้ ให้ผู้สวมชุดเราะบิกีนี่มันสามารถป้องกันอันตรายจากอาวุธหนักได้ (ซึ่งตลอดทั้งเรื่องเราก็ไม่เห็นสาวใส่เกราะบิกินีใดๆ ที่เลือดตกยางออกในการสู้รบเลยแม้แต่น้อย) และนอกจากนี้ยังมีพลังที่ทำให้ผู้ใส่ทนทุกสภาพอากาศ ไม่ร้อน ไม่เย็น ไม่หนาว ทำให้สามารถเดินกลางแดน กลางหิมะได้อย่างสบาย
ตัวละครหญิงดังๆ ที่ใส่ชุดเกราะบิกินี่ ก็เช่น ลีน่าและน้องสาว จาก Queen's Blade, เรค ซอนย่า จาก Red Sonja ซอนย่า ราชินีแดนเถื่อน (เป็นคู่ขนานของโคแนน คนเถื่อน), นางเอกแคมป์ เบลลี่ จาก The Sacred Blacksmith
ชุดสูทจากเรื่อง Evangelion
ชุดสูท (ชุดยาง แต่ผมเรียกบอดี้สูท!?) เป็นชุดที่พบมากในการ์ตูนแนวขับหุ่นยนตร์ ที่ไม่ว่าหญิง หรือชาย จะสวมชุดสูทก่อนที่จะขับหุ่นยนต์ โดยชุดทำจากยางรัดรูป กระชับรูป คล้ายกับชุดนักดำน้ำ หรือ เหมือนชุดนักบินอวกาศ แต่ไม่ได้เทะทะ โดยชุดนี้ระบุว่าทำให้ผู้สวมใส่สามารถอยู่ในทุกสภาพอากาศที่ไม่ว่าจะเป็นใต้น้ำ บนอวกาศ ได้อย่างสบาย แม้ชุดสูทนี้จะเป็นชุดรัดรูปทั้งตัว และมีลวดลายเหมือนกลไก ซึ่งเมื่อตัวละครผู้หญิงที่สวมชุดนี้หัวใจชายแทบคลั่ง เพราะมีส่วนลายเว้าสูง (แต่ไม่โชว์เนื้อหนังของขา) และเซ็กซี่ ในขณะที่บางสูทเหมือนชุดว่ายน้ำ ไม่ก็เลโอตาร์ดที่มีส่วนเว้าสูงมากกว่า
ชุดสูทที่ดังๆ ก็เช่น เรย์กับอาสึกะในปลั๊กสูท (Plugsuit) จาก Evangelion, หรือผู้หญิง ในชุดสูท จากกัมดั้ม ไปจนถึงชุดสูทจาก ชุดสูทจากเรื่อง Shinkon Gattai Godannar
นากิ จินโนจาก Makai Tenshi Jiburiru
ชุดว่ายน้ำโรงเรียน หนึ่งในเอกลักษณ์โดดเด่นของการ์ตูนญี่ปุ่น แม้ว่าสมัยนี้ชุดว่ายน้ำโรงเรียนของญี่ปุ่น อาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละโรงเรียน แต่ชุดว่ายน้ำของเด็กสาวแบบวันพีชแนบเนื้อ ไม่โชว์สะดือ สีกรมท่าแบบมาตรฐาน กลายเป็นชุดที่เราเห็นค่อนข้างบ่อยมาก
แม้ว่าชุดว่ายน้ำโรงเรียนจะใช้สำหรับว่ายน้ำ ฉากเซอร์วิสที่พวกหนุ่มสามารถเห็นพวกเธอในชั่วโมงว่ายน้ำก็ตาม แต่บางเรื่อง ชุดว่ายน้ำได้กลายเป็นเครื่องแบบต่อสู้สำหรับสาวๆ โดยที่ไม่มีใครกระจิตใจสงสัยแม้แต่น้อย โดยเครื่องแบบต่อสู้ชุดว่ายน้ำ มักพบใน แนวสาวน้อยเวทมนต์ ผู้สวมใส่จะเป็นเด็กสาวน่ารัก ไร้เดียงสา ซึ่งบางครั้งมีการเพิ่มเครื่องสวมใส่เข้าไปด้วย เป็นต้นว่าสวมถุงมือ สวมถุงเท้า เครื่องแบบแต่งกายเหมือนสาวน้อยเวทมนต์ เป็นต้น
และที่สุดยอดแห่งความโมเอะคือชุดว่ายน้ำโรงเรียนสีขาว เพราะดูแล้วน่ารักมาก นอกจากนี้ชุดว่ายน้ำโรงเรียนยังมีส่วนผสมอย่างลงตัวกับเกราะหุ่นยนต์ (ซึ่งสวมเฉพาะแขนและขา แต่ไม่ทับทั้งตัวเพราะมันจะไม่เห็นชุดว่ายน้ำ) และยังมีการจับคู่กับชุดเซเลอร์ (ชุดนักเรียนหญิงญี่ปุ่นปกกะลาสี) หากเอาเสื้อนักเรียนเซเลอร์มาใส่ทับชุดว่ายน้ำ โดยไม่ใส่กระโปรงจะยิ่งเพิ่มโมโอะเป็นหลายเท่าตัว และเพิ่มอีกคือใส่หูและหางสัตว์อย่างหูหมา แมว กระต่ายไปด้วย (ซึ่งใครก็ไม่รู้กล่าวไว้
สำหรับ นักสู้สาวที่ใส่ชุดว่ายน้ำออกรบ (ส่วนมากเป็นเด็กประถม หรืออายุน้อย) เช่น มิยาฟูจิ โยชิกะ และ ซากาโมโตะ มิโอะ จาก Strike Witches, นัตสึมิ จาก Keroro Gunsou (บางครั้งเราจะเห็นนัตสึมิใส่ชุดว่ายน้ำผสมกับเกราะรบ "Powered 723") และคิโนโมโตะ ซากุระ จาก Card Captor Sakura (มีอยู่ตอนหนึ่งที่ซากุระใส่ชุดคอสกางเกงว่ายน้ำผสมกับชุดเสื้อคลุมจอมเวทย์)
ฟรานเชสกา ลูคคีนี จาก Strike Witches
โชว์กางเกงใน ปกติแล้วตัวละครชายเวลามีฉากล้ำๆ โชว์กางกงในทำให้หลายคนเสียสายตา หากแต่เมื่อตัวละครหญิงโชว์ฉากกางเกงใน หลายคนบอกว่าอาหารต่อ (แฟน เซอร์วิส) ซะงั้น แม้ว่าเราจะไม่เห็นชุดโชว์กางเกงในมากนัก แต่ก็มีอยู่จริง ปกติแล้วสำหรับการ์ตูนญี่ปุ่นแล้วกางเกงในผู้หญิง ถือว่าเป็นสุดยอดเซอน์วิส ที่มักออกมาแบบแวบๆ ซึ่งต้องรอฉากจำพวก พระเอกเปิดผิดห้องเห็นตัวละครในสภาพเหลือแค่กางใน (เพราะกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า), สาวหกล้มเห็นกางเกงใน, โดนเปิดกระโปรงเป็นต้น
แต่ชุดโชว์กางเกงในที่ว่าโชว์เซอร์วิสตลอดเวลา โดยชุดที่ว่าคือชุดพวกชุดนักเรียน, เครื่องแบบทหาร, สาวน้อยจอมเวทย์ โอเคเห็นทั่วๆ ไป แต่ที่แตกต่างคือตัวละครจะสวมชุดที่ว่าเฉพาะส่วนบนเท่านั้น ส่วนช่วงล่างเธอไม่ได้ใส่กระโปรงหรือกางเกงเลย หรือใส่กระโปรงแล้วแต่ก็มีแหวกกลาง หรือมีอะไรบางอย่างเห็นกางเกงในด้านในอย่างเห็นชัดเจน ซึ่งกางเกงก็น่ารัก ชุดมีโบว์ กางเกงในลายทาง หรือแบบผูกเชือกด้านข้างเป็นต้น
ส่วนมากตัวละครที่แต่งกายลักษณะดังกล่าวจะเป็นเด็กประถม นิสัยร่าเริง ไม่ก็ขี้อาย เช่น ชิมาคาเสะ จาก (เห็นจีสตริงชัดเจน), สาวๆ จาก Strike Witches (ซึ่งหลายคนใส่เสื้อท่อนบนแต่ไม่ชอบใส่ท่อนล่าง)
แคมมี่ (ในชุด Zero) ขวัญใจของคนเขียนบทความ
เลโอตาร์ด สำหรับชุดนี้ถือว่าเป็นชุดที่ได้รับความนิยมอย่างยาวนานก็ว่าได้ โดยเฉพาะในการ์ตูนคอมมิคอเมริกาที่ฮีโร่ทั้งชายและหญิงที่สมัยก่อนเรามักเห็นเหล่าฮีโร่ที่นี้แต่งชุดรัดรูปเหมือนละครสัตว์ ไม่ว่าจะเป็น แบทแมน, ซุปเปอร์แมน
ส่วนฮีโร่หญิงที่ใส่ชุดเลโอตาร์ดก็เช่น วันเดอร์ วูแมน (ออกไปทางชุดมวยปล้ำ), พาวเวอร์เกิร์ล, ไซร็อค ฯลฯ โดยมีการกำกับบอกเอาไว้ว่าชุดนี้เป็นชุดพาวเวอร์ ใส่แล้วไม่ขาดง่ายๆ แม้จะโดนความร้อน ความเย็น แรงฉีดขาดอะไรก็ตาม อีกทั้งสวมแล้วยังได้พละกำลังและความสามารถพิเศษเพิ่มขึ้น หรือไม่ก็สามารถควบคุมพลังพิเศษได้อีกด้วย (แม้จะดูเซ็กซี่ไปหน่อยก็เถอะ) ยกตัวอย่างเช่น ชี-ฮัลค์ (เป็นลูกพี่ลูกน้องของมนุษย์เขียวจอมพลัง ใส่ชุดเลโอตาร์ดพิเศษ แม้จะขยายร่างเสื้อก็ไม่ฉีดขาดแม้แต่น้อย)
นอกจากนี้ยังเครื่องแต่งกาย Stripperiffic อื่นๆ อีกมาก ซึ่งก็มีทั้งแบบโมเอะน่ารัก หรือแบบเซ็กซี่ ไม่ว่าจะเป็น
-ชุดเมด พบเห็นบ่อยครั้งที่สาวใช้เมดนอกจากทำอาหารเก่งแล้ว ยังต่อสูเก่งอีกด้วย ซึ่งเครื่องแต่งกายเมดมีสองแบบ แบบกระโปรงใหญ่และปกปิดเนื้อหายมิดชิด กับแบบเซ็กซี่กระโปรงสั้น และเปิดเผยเนื้อหนังมากกว่า
-ชุดสาวน้อยจอมเวทย์ พบเห็นทั่วไป ส่วนมากออกไปทางน่ารัก กระโปรงปานๆ และมีโบว์ใหญ่ตรงกลางชุดเพื่อโดดเด่น และ (หากเซ็กซี่ ก็ต้องชุดว่ายน้ำ กับเลโอตาร์ท)
-ชุดเซเลอร์ ดังมาจากเซเลอร์มูน เป็นสาวน้อยแปลงร่างขจัดธรรม เหมือนกรณีสาวน้อยจอมเวทย์ แต่การแต่งกายจะแต่งกายแบบชุดเซเลอร์ กระโปรงสั้น เสื้อปกกะลาสีเหมือนชุดนักเรียนหญิงญี่ปุ่น เพียงแต่มีเครื่องประดับมากมายเสริมเข้าไป และส่วนมากเป็นเซ็ต หลายสี เพราะกลุ่มต้องมี 3-5 คนเพื่อเป็นแบบหนังขบวนการเซ็นไต
-ชุดนักเรียนหญิงญี่ปุ่น พบมากในแนวต่อสู้ต่อยตี และยิงแหลกลาน ตัวละครสาวคนนี้จะเก่ง และที่น่าสนใจคือพวกเธอรู้จักมุมกล้อง ที่ทำให้ไม่โชว์กางเกงในให้คนดูได้เห็น แม้กระโปรงสั้น หรือสู้กันดุเดือดแค่ไหนก็ตาม แต่อย่างไรก็ตาม เสื้อขาดง่ายมาก (เพราะชุดไม่คงทน)
-เดซี่ ดุ๊ค (Daisy Dukes) พบมากในแนวยิงแหลกลาน คือเดซี่ ดุ๊กคือกางเกงขาสั้น ที่นิยมในช่วง 1950 (ส่วนมากเป็นกางเกงยีนต์) สั้นไปจนเห็นขาอ่อนเกือบหมด และยังเว้าเกือบสูง ส่วนใหญ่ผู้หญิงห้าวๆ (ไม่เชิงทอมบอย แต่มีนิสัยห้าว ใจร้อน) มักสวมชุดนี้ยิงปืน เหรอผจญภัย
-ผ้าเตี่ยว พบว่าในตัวละครนินจาหญิง หรือผู้หญิงนักรบซามูไร มักใส่ชุดผ้าเตี่ยวเอาไว้ แทนกางเกงใน
-ชุดไม ชิรานุอิ ไม่รู้จะเรียกชุดนี้ว่ายังไงดี เลยเรียกชุดตามชื่อตัวละคร ไม ชิรานุอิ ตัวละครจากค่ายเกม SNK ที่โด่งดังกับการแต่งตัวแบบนี้ เป็นชุดคล้ายๆ นินจาหญิง แต่เซ็กซี่กว่า เน้นโชว์หน้าอก และต้นขา
-ไม่ใส่อะไรเลย คือเปลือยทั้งตัว แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีอะไรบางอย่างปกปิดของสงวนผู้หญิงเอาไว้ ตัวเปลือยเปล่า แต่คนเขียนไม่วาดสิ่งล่อแหลมของผู้หญิงเข้าไป
ฯลฯ ไม่ว่าจะเป็น กี่เพ้า, ชุดเกราะแฟตาซีที่มีความสวยงามมากกว่าจะไปออกรบ, ชุดเกราะขนาดใหญ่ที่ตัวเล็กๆ จะใส่ได้ เป็นต้น
ก็ต้องชมญี่ปุ่นอีก ที่มีการออกแบบแต่ละชุดเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอก และใช้เวลาอย่างยาวนาน กว่าที่จะได้ชุดที่หลายคนยอมรับ และสามารถดูแล้วไม่ขัดเนื้อเรื่อง (แม้ชุดจะไม่วิทยาศาสตร์ก็ตาม) และชุดเครื่องแต่งกายก็ได้เสริมเอกลักษณ์ของตัวละครให้มีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้นไปอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตัวละครจะหน้าตาน่ารัก ชุดการออกแบบก็น่ามองโดดเด่น แต่มันก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น การวางบทนั้นสำคัญยิ่งกว่า การออกแบบการแต่งกายตัวละครและหน้าตาตัวละครเสียอีก ในขณะที่หน้าตาละคร การแต่งกายสามารถออกแบบยังไงก็ตาม (แต่ต้องเข้ากับธีมเรื่องด้วย ว่าอยู่ในโลกไหน) แต่เรื่องความสมเหตุสมผลเนื้อเรื่องนั้นจำเป็นมากๆ เราไม่สามารถวางบทให้ออกมาแบบไม่มีเหตุผลรองรับ บทตัวละครกลวง มีบทแบบโผล่มาแบบผ่านๆ จู่ๆ ก็มา จู่ๆ ก็ผ่าน ตัวละครก็เยอะ แต่ไม่ค่อยมีบท ไม่มีความสำคัญต่อเนื้อเรื่อง เพราะหากมันนอกจากไม่ทำให้สนุกแล้ว ยังทำให้ตัวละครที่อุตสาห์ออกแบบมาเสียคุณค่าไปด้วย
ความคิดเห็น