ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #269 : 10 สิ่งที่ผมชอบใน Sora no Otoshimono (ตั้งแต่ต้นจนจบ)

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.พ. 58


    บทความ Sora no Otoshimono ที่ผมเขียนเอาไว้

    http://writer.dek-d.com/cammy/story/viewlongc.php?id=125456&chapter=50

    http://writer.dek-d.com/cammy/story/viewlongc.php?id=125456&chapter=122

     

    ในที่สุดการ์ตูนมังงะแนวฮาเร็มที่ผมติดตามมาโดยตลอดเรื่อง Sora no Otoshimono ก็ได้อวสานจบลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในเดือนมกราคม 2014 ที่ผ่านมา

    Sora no Otoshimono อาจไม่ใช่แนวฮาเร็มที่โด่งดัง ระเบิด อวยโหด หรือเป็นแนวฮาเร็มที่เน้นความรักชายหญิงมากนัก อนิเมะอาจมีตำหนิ มังงะอาจไม่ได้ดีเลิศ แต่กระนั้นก็เป็นการ์ตูนฮาเร็มที่ผมชอบ ชอบมาก ชอบที่สุด และติดตามมาโดยตลอด (ติดตามตั้งแต่ได้ดูอนิเมะเมื่อปี 2009)

    Sora no Otoshimono  หรือ “Heaven's Lost Property (หรือแปลไทยง่าวๆ “สิ่งมีค่าที่หายไปจากสวรรค์” เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นแนวดราม่า, แฟนตาซี, ฮาเร็ม, ตลก และโรแมนติกเขียนโดยซูจี มินาซูกิ (Suu Minazuki) เปิดตัวในนิตยสาร Ace (นิตยสารรายเดือนของญี่ปุ่น) วาดตั้งแต่ปี 2007 พึ่งจบในวันที่ 26 มกราคม 2014 (รวม 18 เล่ม) ซึ่งระยะยาวนานถึง 8 ปี

     ในไทย มังงะ Sora no Otoshimono ได้รับลิขสิทธิ์โดยสำนักพิมพ์บงกต ในชื่อ “อลวนสุดป่วน นางฟ้าตัวยุ่ง” ต่อมามังงะก็ถูกสร้างเป็นอนิเมะในปี 2009 และซีซั่นสองในปี 2010 หลังจากนั้นก็มีภาพยนตร์ Sora no Otoshimono the Movie: The Angeloid of Clockwork และภาคสุดท้าย Sora no Otoshimono Final: Eternal My Master  นอกจากนี้ยังมีนิยายและเกมตามมา

    เนื้อเรื่อง Sora no Otoshimono ได้กล่าวถึงพระเอก “ซากุราอิ โทโมกิ” ได้นักเรียนมัธยมต้นอายุ 14 ปี แสนธรรมดา ผู้ถือคติ สิ่งดีที่สุดคือความสงบสุขผู้ซึ่งไม่ต้องการอะไรมากกว่าชีวิตที่สงบสุขและเงียบสงบ แต่อนิจจารอบตัวเขากับมีแต่คนนิสัยแปลกๆ เป็นต้นว่า “มิสิกิ โซฮาระ” เพื่อนสมัยเด็กจอมเฉาะหัว, “เอชิโร่ สึงาตะ” รุ่นพี่สติเพี้ยน และ “ศัทสึคิทาเนะ มิคาโกะ” ประธานจอมซาดิสต์ ที่มาวุ่นวายกับชีวิตของเขาอยู่เสมอ

    อย่างไรก็ตามชีวิตที่แสนประหลาดก็ได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อโทโมกิเริ่มรู้ตัวว่าเขากลายเป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องราว เริ่มจากหลายวันที่ผ่านมานี้มักฝันถึงผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งที่มีปีกขนาดใหญ่อยู่ด้านหลังมาขอร้องให้เขาช่วยอยู่บ่อยๆ แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักเธอ แต่รู้สึกว่าเขารู้จักเธอมานานแล้ว และเธอให้สำคัญต่อเขามาก หากแต่ระหว่างที่เขานึกได้ จะต้องมีท้องฟ้าพรากเธอจากไปเสมอ (มุกหญิงในฝันคือเพื่อนสมัยเด็กยังคงเอามาใช้ได้ผลเสมอ) และเมื่อเขาตื่นขึ้นมาเขากับจำหน้าเธอไม่ได้ แถมเขายังร้องไห้โดยไม่รู้สาเหตุอีกต่างหาก

    ต่อมา และวันหนึ่งเมือง “เมืองโซระมิ” เมืองบ้านนอกที่โทโมกิและเพื่อนอาศัยอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีหลุมดำประหลาดปรากฏตัว และ และชีวิตของเขาก็ยุ่งเหยิงอีกครั้งเมื่อเขาพบสิ่งมีชีวิตลึกลับไม่สามารถระบุได้ว่ามันคืออะไร หล่นมาจากหลุมดำบนท้องฟ้า ปรากฏว่าสิ่งที่หล่นมาเป็นสิ่งมีชีวิตเป็นผู้หญิงสวยมีปีกนาม “อิคารอส  เธอเรียกโทโมกิว่า มาสเตอร์ เธอมาที่นี้เพื่อเป็นข้ารับใช้เขา?? และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด

     

     

    Sora no Otoshimono ฮาเร็มของโทโมกิแม้จะขาดบอสลับคนหนึ่งก็เถอะ  (ไม่มีคู่รองเจือปน)

     

    ถ้าถามว่าผมชอบการ์ตูนเรื่องนี้เพราะอะไร หากตอบแบบใช้คำศัพท์ของผม Sora no Otoshimono เป็น “ฮาเร็มที่บริสุทธิ์” ที่ สร้างอารมณ์หลากหลายที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นหัวเราะ มุกตลกที่บ้าบอ ทะลึ่ง ติ๊งต๊อง ไปจนถึงโรแมนติกดูแล้วซาบซ่า ปัญหาความรัก ทุกข์ ความกังวล ความเศร้า ความตาย และดราม่าแบบไม่เกรงใจคนอ่าน บวกกับเนื้อเรื่องและปริศนาให้ได้ติดตาม การผูกเรื่องที่สนุก  นำไปสู่ตอนจบก็มีความสุขกันถ้วนหน้า

    นอกจากนี้ Sora no Otoshimono ได้สร้างตัวละครผู้หญิงที่ไม่เหมือนฮาเร็มเรื่องอื่นๆ  ปกติแล้วฮาเร็มเรื่องอื่นๆ ผู้หญิงจะเหนือกว่าพระเอกทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาดี, เก่งด้านกำลังกาย, สมองเป็นเลิศ แต่การ์ตูนเรื่องนี้เหนือกว่านั้น คือเหนือจริงๆ เพราะผู้หญิงในเรื่องนี้เหนือมนุษย์ ไม่ใช่มนุษย์ (โยโซระก็ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา) คือมีพละกำลังมหาศาล มีพลังสามรถขยี้โลกได้อย่างง่ายดาย (โยโซระมีสกิลแฝด เฉาะวินาศ และกระเป๋าโดเรมอน) แต่ทั้งหมดกลับชอบผู้ชายคนเดียวกัน ชายคนที่ว่าเป็นชายที่แสนไม่ได้เรื่อง นาม “โทโมกิ ซากุราอิ

    ตลอด 7-8 ปีที่ผ่านมา โทโมกิและฮาเร็มของเขา (รวมไปถึงคนดู) ต้องผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย และด้วยความฟิน (มีความสุขในตอนจบ) ผมเลยขอเอา 10 ฉาก-เหตุการณ์ที่น่าประทับใจที่ติดอยู่ในความทรงจำของผม มาเรียบเรียงสรุปในแบบของผม ว่าอะไรที่ทำให้ผมชอบ Sora no Otoshimono

     

     

    หนึ่งในฉากที่ผมชอบในเรื่อง

     

    สิ่งที่ชอบ 10 โลกใบนี้ให้นายคนเดียว

    Sora no Otoshimono Ch.2 : Conquer หรือตอนที่ 2 ฉบับมังงะ (อนิเมะภาคแรกเป็นตอน 1)  เป็นหนึ่งในตอนที่ผมค่อนข้างชอบ แม้ว่าจะเป็นตอนต้น ๆ ของเรื่อง แต่ก็เป็นตอนที่เห็นอะไรหลายๆ อย่าง แม้เรื่องราวยังเต็มไปด้วยคำถามที่ไร้ที่มาที่ไป แต่คนแต่งเลือกที่จะไม่ตอบคำถามเหล่านี้ และใช้เทคนิคการเล่าเรื่องเฉพาะตัวดึงอารมณ์ของคนอ่าน จากตอนแรกอารมณ์ขันบ้าบอ ดราม่า ไปจนถึงโรแมนติกซาบซ่าในตอนท้าย จนลืมปริศนาสำคัญในเรื่องโดยสิ้นเชิง

    สำหรับเนื้อหาตอนนี้โทโมกิยังไม่รู้ที่มาที่ไปของสิ่งมีชีวิตปริศนา “ฮิคารอส” เลยว่าเธอมาจากไหน ทำไมเธอต้องเจาะจงมาหาเขา สิ่งที่โทโมกิรู้อย่างเดียวคือฮิคารอสมาเพื่อรับใช้เขาและสามารถขออะไรก็ตามตามเขาต้องการ

    โทโมกิจึงขอฮิคารอสด้วยความอยากแบบมนุษย์ทั่วไป ด้วยการเงิน ฮิคารอสก็จัดการเสกเงินแสนล้านมาให้โทโมกิได้อย่างง่ายดาย ด้วยการ์ดจาก “ซิแนปส์” (แน่นอนว่าเราไม่รู้รายละเอียดแน่นอนว่าซิแนปส์มันคืออะไร) เมื่อโทโมกิเห็นว่าขออะไรก็ได้ เขาก็ขอสิ่งที่ตอบสนองความต้องการจนพอใจเกือบหมด ก่อนที่จะพูดเล่นๆ กับฮิคารอสว่า ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการเหลือแค่การยึดครองโลกอย่างเดียวเท่านั้น

    เพราะคำพูดเล่นๆ ของโทโมกินั้นเองทำให้เกิดเรื่องขึ้น เช้าวันต่อมาโทโฒกิก็พบว่าตอนนี้เขาเป็นมนุษย์คนเดียวที่อยู่บนโลกกับฮิคารอส โดยฮิคารอสจัดการลบมนุษย์ที่ไม่ยอมรับเขาเป็นผู้ปกครอง และจะจัดการสร้างขึ้นใหม่ภายหลัง

    โทโมกิตกใจกับสิ่งที่เกิดตรงหน้า มนุษย์รอบๆ ตัวหายไปจนหมดสิ้น ยกเว้นตัวเขาคนเดียวในโลกใบนี้ เขาจึงขอร้องให้ฮิคารอสยกเลิกคำสั่งนี้

    ยกเลิกได้ไหม?”โทโมกิขอร้องฮิคารอส

    ฮิคารอสปฏิเสธ โดยบอกว่าคำสั่งออกมาแล้ว ยกเลิกไม่ได้

    โทโมกินั่งเศร้าในสวนสาธารณะโดยมีฮิคารอสอยู่ข้างๆ ฮิคารอสถามว่าจะให้เธอควรจะฆ่าตัวตายไหม เมื่อโทโมกิได้ยินก็พูดตอบรับ ฮิคารอสเลยสร้างปืนและกำลังจะยิงตนเอง แต่โทโมกิหยุดเธอแล้วบอกว่ามันเป็นเพียงแค่โจ๊กเท่านั้น แต่ฮิคารอสกลับพูดว่าไม่สามารถยกเลิกคำสั่งได้ โทโมกิจึงน้ำตานองหน้า พร้อมบอกว่ามันไม่ใช่ความผิดของเธอ แต่เป็นความผิดของเขาต่างหาก และขอร้องฮิคารอสว่าอย่าทิ้งเขาไว้คนเดียว จงอยู่ข้างๆ เขา

    อย่างไรก็ตาม สุดท้ายในวันรุ่งขึ้นโทโมกิได้ตื่นขึ้นมาก็พบว่าโลกก็กลับมาเหมือนเดิม  เพราะฮิคารอสทำตามปรารถนาโทโมกิให้ความจริงว่านี้เป็นเพียงฝันร้าย  

    สำหรับตอนนี้เราได้เห็นอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับพระเอกโทโมกิ คือเป็นพระเอกที่ไหลตามเวลา ที่ไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลังมากนัก แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่โทโมกิยึดมั่นมาโดยตลอดก็คือการไม่เปลี่ยนแปลง อยากมีชีวิตที่แสนธรรมดา แม้ว่าเขาจะบ่นว่ารำคาญเพื่อนสมัยเด็ก “โซฮาระ” หากแต่เมื่อตอนวันที่ทุกคนหายไปจากโลก โทโมกินึกถึงโซฮาระเป็นคนแรก โทโมกิไม่รู้ตัวเลยว่าโซฮาระกลายเป็นส่วนหนึ่งชีวิตของ้ขาไปแล้ว ต่อให้เขาได้ทุกอย่างที่ต้องการ แต่จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อโลกที่เขาอยู่ไม่เป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป  ส่วนฮิคารอสมาตอนเรียกยังคงเป็นสาวคูลเดเระปริศนาที่ไร้ซึ้งจิตใจความเป็นมนุษย์ สิ่งที่ทำได้มีเพียงการรับใช้นายเท่านั้น ซึ่งตรงจุดนี้ถือว่าเป็นจุดสนุกที่สุดของเรื่องเมื่อฮิคารอสเริ่มมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น รวมไปถึงคูลเดเระแตก โดยผู้ชายที่ชื่อโทโมกินั้นเอง

    ก่อนจบตอน ผมชอบฉากหนึ่ง เป็นฉากที่โทโมกินั่งอยู่ใต้ต้นซากุระโดยมีฮิคารอสอยู่เคียงข้าง ในอนิเมะยิ่งชอบไปให้เพราะฮิคารอสเอาปีกโอบโทโมกิ ดูแล้วชอบจริงๆ แม้ว่าโทโมกิจะเป็นเจ้านายที่ไม่เอาไหน  ด้อยกว่าฮิคารอสในทุกเรื่อง แต่เนื้อหานั้นแสดงให้เห็นว่าโทโมกินี้แหละที่สมควรจะเป็นเจ้านายของฮิคารอส พร้อมกับปัญหาวุ่นวายเริ่มก่อตัวขึ้น และนั้นทำให้ผมตัดสินใจที่จะติดตามการ์ตูนเรื่องนี้อย่างจริงจังในที่สุด


                      ในช่วงเล่ม 1-4  ส่วนใหญ่ Sora no Otoshimono จะดำเนินเรื่องตลกบ้าบอ ผสมกับเอจจิเป็นส่วนมาก แต่ก็พอจับความได้ว่า  “ซิแนปส์” คือโลกลึกลับ (ทวีปใหม่) ที่อยู่บนท้องฟ้าเหนือเมืองโทโมกิอยู่ ที่นั้นยังมีผู้ปกครองที่แสนเกรียนและโหดร้ายนาม “ไมนอส”  หรือ “สกายมาสเตอร์”(ผมเรียกเกรียนมีปีก หน้าหล่อมีปีกตั้งนาน พึ่งรู้ชื่อจริงตอนการ์ตูนมันใกล้จบนี้แหละ) ไมนอสนั้นเดิมเป็นมาสเตอร์ของฮิคารอส (อัลฟ่า หรือราชินียูเรนัส)   ซึ่งฮิคารอสก็คือ “แองเจรอยด์” ที่เป็นเพียงอาวุธทำร้ายล้างมนุษย์เบื้องล่างมามากมาย ที่ไร้ซึ่งจิตใจ ที่มีหน้าที่รับใช้ผู้เป็นนายเท่านั้น และไมนอสเองก็เห็นฮิคารอสเป็นเพียงเครื่องมือเท่านั้น

                    จนกระทั่งวันที่ฮิคารอสตกสู่โลกเบื้องล่าง และกลายเป็นมาสเตอร์โทโมกิ ไมนอสก็พยายามนำฮิคารอสกลับมายังโลกเบื้องบนอีกครั้ง จึงได้ส่งแองเจรอยด์รุ่นถัดมานาม “นิมฟ์” (เบต้า)  ลงไปโลกเบื้องล่าง และนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของมหาเทพซึเดเระ “นิมฟ์” ไปซะงั้น

     

     

    ไม่ได้ตัดแค่โซ่ แต่ยังตัดความเฮงซวยของไมนอสที่มีต่อนิมฟ์ด้วย

     

                    สิ่งที่ชอบ 9 วันที่ฟ้าใส

                    แน่นอนว่ามีหลายตอนที่ทำให้ผมหลงรักนิมพ์ อย่างที่หลายคนรู้ว่าผมชอบนิมพ์มาก ทั้งๆ ที่ตอนแรกนิมพ์ปรากฏตัวนั้นมาดั่งมารร้ายตัวน้อยๆ เกรดต่ำที่รังแกฮิคารอส จนกระทั่งวันที่นิมฟ์ได้มาอยู่บ้านของโทโมกิ และได้เห็นด้านอ่อนโยนของโทโมกิ และนั้นทำให้นิมฟ์เริ่มสับสนกับตนเองว่าตนจะเลือกอะไรระหว่างทำตามหน้าที่ หรือทำเพื่อตนเอง

                    ต้องชมผู้แต่ง คือสามารถสร้างตัวละครที่เหมือนจะไม่มีอะไร ให้กลายเป็นตัวละครที่หลายคนอวยได้ จากมารน้อยในตอนแรกๆ คนแต่งได้ใส่ความทรงจำดำมืดที่โหดร้าย ที่นิมพ์เป็นเพียงเครื่องเล่นของ “ไมนอส” เท่านั้น แม้นิมฟ์จะรังเกียจไมนอส แต่ก็ไม่สามารถขัดขืน เพราะแองเจรอยด์มีหน้าที่รับใช้เจ้านาย จนคนดูแอบลุ้นเอาใจช่วยว่านิมฟ์จะมีความสุขหรือไม่ เรียกได้ว่าในช่วงเล่ม 3 เห็นดราม่านิมฟ์ล้วนๆ

    จนกระทั่งถึง Sora no Otoshimono Ch.15 : Toy  (ในมังงะเป็นเล่ม 4 ส่วน อนิเมะเป็นภาคแรก ตอนที่ 13 จบภาค ) ตอนเป็นตอนที่แสดงเห็นความหล่อของโทโมกิที่สามารถปักธงฮิคารอสและนิมฟ์ในคราวเดียว แม้ว่าโทโมกิหน้าจะไม่หล่อ ตัวก็เตี้ย แต่ ด้วยการพูดประโยคเมพๆ ที่แม้จะยาวแต่ทำให้โทโมกิหล่ออย่างไม่น่าเชื่อ จนผมยกให้โทโมกิเป็นสุดยอดเจ้าพ่อฮาเร็มที่น้อยคนนักจะเทียบได้

    เรื่องของเรื่องคือเป็นตอนที่นิมฟ์ได้ขัดคำสั่ง “ไมนอส” เป็นครั้งแรก หันมาเป็นศัตรูเจ้านายตนเอง โดยไม่ยอมขายเพื่อน หากแต่ฮาร์ปี้กลับโดนฮาร์ปี้สองพี่น้อง แองเจรอยด์ด้วยกันที่ส่งมาโดยไมนอสเด็ดปีกอย่างโหดร้าย เสียงของนิมฟ์ร้องไห้ ทำให้คนดูสงสารนิมฟ์อย่างจับใจ อยากเข้าไปช่วยเธอเหลือเกิน

    อย่างไรก็ตาม ระหว่างนั้นพวกโทโมกิได้มาเห็นเข้าพอดี ระหว่างนั้นเองฮิคารอสได้เปิดเผยตัวว่าเป็นแองเจลอยด์อาวุธสังหารมนุษย์ที่ซึ่งโทโมกิเกลียด ที่เธอแอบปกปิดเขาไม่ให้รู้มาโดยตลอด

    โทโมกิได้ยินฮิคารอสแทนที่จะกลัว แต่เขากลับยิ้มแล้วก็พูดว่า “รู้มาตั้งนานแล้วล่ะ ที่ฉันไม่ชอบอาวุธน่ะ เพราะรู้สึกสงสารเธอต่างหาก เธออ่อนโยจะตาย เดี๋ยวก็เอ็นดูแตงโม เดี๋ยวก็ซื้อลูกเจี๊ยบมาเลี้ยง การที่คนแบบนั้นต้องเป็นนักฆ่ามาตั้งแต่เกิด ฉันว่ามันโหดร้ายเกินไป”

    “แต่ว่านะ ฮิคารอส ตอนนี้ฉันคิดแบบนี้  ดีจริงๆ ที่เธอเป็นอาวุธ เพราะแบบนี้พวกเราจึงช่วยเพื่อนได้” แม้ว่าภายนอกโทโมกิจะไม่สนรอบข้าง แต่ความจริงแล้วเขาให้ความสำคัญกับคนรอบข้างมาก ยิ่งเป็นคนใกล้ชิดโทโมกิก็ยิ่งให้ความสำคัญ ประโยคที่โทโมกิพูดออกมาคือความรู้สึกของเขาที่ได้อยู่กับฮิคารอสทุกวันนั้นเอง

    ฮิคารอสได้ฟังดังนั้นก็คูลเดเระแตก ร้องไห้ แต่ไม่ใช่เป็นการร้องไห้เพราะเสียใจ แต่เป็นการร้องไห้ด้วยความดีใจที่โทโมกิไม่ได้เกลียดตน ซ้ำยังเชื่อใจเธอ ให้ความสำคัญกับเธอ ก่อนที่จะปลดปล่อยพลังที่มีทั้งหมดพุ่งเข้าต่อสู้กับฮาร์ปี้สองพี่น้อง

    ระหว่างที่ฮิคารอสสู้กับฮาร์ปี้ พวกโทโมกิ (ในอนิเมะจะมีประธานในกลุ่มด้วย) ก็ตรงไปที่นิมฟ์และพยายามที่จะตัดโซ่เพื่อให้ แม้ว่ามันแทบเป็นไปไม่ได้เลย แต่สุดท้ายพวกโทโมกิก็สามารถตัดโซ่แห่งพันธะสัญญาของนิมพ์จนได้ เท่ากับว่าสายใยระหว่างนิมฟ์และไมนอสได้ขาดสะบั้นลงแล้ว

    สุดท้ายฮิคารอสก็สามารถขับไล่ฮาร์ปี้ไว้ได้ ส่วนนิมฟ์ก็ได้เป็นอิสระ สำหรับฮิคารอสและนิมฟ์แล้วมันเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองมีความสุขที่สุด ความมืดที่กังวลมาโดยตลอดได้สลายไปจนหมดสิ้น   ทำให้วันนี้ทั้งสองมองท้องฟ้าสวยกว่าวันที่ผ่านมา

    (ในอนิเมะก็ยิ่งฟิน เพราะว่าทั้งหมดยืนอยู่ใต้ต้นซากุระ โดยมีปีกของฮิคารอสโอบเอาไว้)

     

                    ต่อมาไมนอสได้พบว่าความฝันของโทโมกิได้เชื่อมเข้ากับซิแนปส์ (อันเป็นสาเหตุของสาวลึกลับที่ติดต่อทางความฝันของโทมิกิบ่อยๆ ในตอนต้นนั้นเอง) อันเป็นภัยร้ายสำหรับอนาคตข้างหน้า จึงได้ส่งแองเจรอยด์ “แอสเทรีย” (เดต้า) หรือ “ยัยบากะ” นมโตของใครหลายคน ลงไปโลกเบื้องล่างเพื่อสังหารโทโมกิ   แต่เนื่องด้วยยัยบากะนั้นบ้าเกินไปจนไม่สามารถสังหารโทโมกิได้ ไมนอสจึงได้ส่งแองเจรอยด์รุ่น 2 “เอปซิลอน” (หรือ เคออส) ซึ่งต่อมาก็ได้กลายเป็นสุดยอดลาสต์บอสของใครหลายคนไปแล้ว) ลงไปเพื่อฆ่าฮิคารอสและนิมฟ์โดยเฉพาะ

                    แต่อย่างไรก็ตาม เคออสเป็นแองเจรอยด์ที่ไม่สนคำสั่งเจ้านายของตน กลับสนใจว่า “ความรักคืออะไร?” ทำไมรุ่นพี่ฮิคารอส, นิมฟ์ และเดด้าถึงสนใจโทโมกินัก

     

     

    อนิเมะทำออกมาดีมาก ตรงฉากนี้

     

    สิ่งที่ชอบ 8 รักน่ะ ยัยตัวร้าย

    Sora no Otoshimono Manga 29-30 (ในอนิเมะเป็นตอนที่ 7-8  ซีซั่นสอง) เป็นหนึ่งในตอนที่ผมเชื่อว่าหลายคนชอบ เพราะเป็นเรื่องที่แสดงให้เห็นว่านิมฟ์เป็นสุดยอดสาวซึนเดเระมากขนาดไหน แม้ว่าตอนนี้จะเป็นตอนที่สามนางฟ้าต่างมีบทเด่นเหมือนกัน (โดยเฉพาะปักธงของเดต้า)  แต่เพราะความซึนแตกของนิมฟ์ทำให้ขโมยซีนอย่างช่วยไม่ได้

    เป็นอีกตอนที่นิมฟ์รับบทหนักอีกครั้ง จากตอนก่อนๆ นิมฟ์มีความกังวลใหม่เข้ามา เมื่อเธอแอบชอบโทโมกิ แต่เธอก็ได้แค่มอง เพราะตอนนี้โทโมกิมีฮิคารอสอยู่แล้ว ส่วนตัวเธอนั้นก็ไม่สามารถทำประโยชน์เพื่อใครได้ ระหว่างนั้นเองนิมฟ์ก็ได้พบเคออส แองจีรอยด์ที่ร้ายกาจที่สุด

     เคออสปั่นหัวนิมฟ์ นอกเหนือจากทำร้ายร่างกายนิมฟ์อย่างโหดร้ายแล้ว ยังทำลายจิตใจนิมฟ์ว่าเป็นแองจีรอยด์ที่ไร้ประโยชน์ที่ไม่มีใครต้องการ  เคออสแปลงร่างเป็นคนที่นิมฟ์รู้จัก แต่คนที่ทำให้นิมฟ์สะเทือนใจที่สุด ก็คือโทโมกิ (ที่เคออสแปลงร่าง) บอกให้นิมฟ์ “ระเบิดตัวเองตายไปซะ”

    ระหว่างที่นิมฟ์กำลังย่ำแย่อยู่นั้น ฮิคารอสก็มาช่วยเหลือ แต่ก็ถูกเคออสปั่นหัวด้วยการแปลงร่างเป็นโทโฒกิอีก แล้วสั่งให้ฮิคารอสฆ่านิมฟ์ แต่ฮิคารอสไม่อยากทำร้ายนิมฟ์ จึงจับนิมฟ์ขว้างไปที่ปลอดภัย

      นิมฟ์เจ็บทั้งกายและจิตใจ ระหว่างที่กำลังนิมพ์กำลังจะถูกเดสด้าที่รับคำสั่งสกายมาสเตอร์ทำมาฆ่านั้น โทโมกิก็ได้ปรากฏกายขึ้นมาทัน (ปรากฏกายได้ถูกเวลามาก) โทโมกิได้พูดประโยคมหาเมพที่หลายคนประทับใจว่า การที่แองเจรอยด์มีความฝันมันผิดด้วยเหรอ? การที่แองจีรอยด์ไม่ทำตามคำสั่งมาสเตอร์ไม่ได้เหรอ? แองเจรอยด์ไม่มีปีกน่ะมันผิดด้วยเหรอ? การที่แองจีรอยด์ทานแอ๊ปเปิ้ลเชื่อมร้องไห้ ชอบทานขนม ไปสวนสัตว์ และดูพวกสัตว์ไม่ได้เหรอ? สำหรับฉันนะ ฉันรับได้ ฉันยอมรับเธอ

    เมื่อนิมพ์ได้ยินก็ซึนแตกตื้นตันใจซบอกโทโมกิ “โทโมกิ โทโมกิ โทโมกิ....” ซ้ำไปซ้ำมา พร้อมกับร้องไห้แบบไม่อายใคร เมฆหมอกที่หลงคิดว่าตนเองไร้ประโยชน์ได้สลายไปจนหมดสิ้นแล้ว (ยิ่งเป็นอนิเมะยิ่งฟิน เพราะตอนช่วงเพลงจบ โทโมกิได้กลับบ้านพร้อมกับนิมฟ์ ก่อนที่ตอนท้ายทั้งสองจับมือด้วยกัน)

    สุดท้ายฮิคารอสได้ส่งเคออสสู่ห้วงทะเลลึก เพราะเห็นว่าเคออสนั้นอันตรายเกินไป ไม่สมควรที่จะพบโทโมกิ แต่อย่างไรเพราะโชคชะตานำพาเคออสมาพบกับโทโมกิจนได้  

     
     

    ในช่วง 1-30  การ์ตูนก็เผยตัวตนของ ซิแนปซ์ (โลกเบื้องบน) มากขึ้น (แม้จะมีหลายจุดที่ยังเป็นปริศนาก็ตาม) โดยมันเป็นเกาะหลายเกาะที่ลอยอยู่บนฟ้า คล้ายๆ กับอีกโลกหนึ่ง โลกที่ว่าเป็นที่อยู่ของคนมีปีกที่เรียกว่า คนเบื้องบน” หรือ “นางฟ้า”  

    นอกจากนี้ที่นั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ เดดาลัสซึ่งเป็นชาวโลกเบื้องบน (ชื่อ เดดาลัสมาจากชื่อของนักประดิษฐ์จากเทพนิยายกรีกที่สร้างเขาวงกตขังมิโนเทอร์) ที่ได้สร้างเหล่าแอจีรอยด์ และยังสร้างเทคโนโลยีต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นบ้านที่เหมือนบ้านกรีกโบราณ โดมขนาดใหญ่ที่เป็นที่นอนของเหล่าคนเบื้องบนที่เชื่อมความฝันกับโลกความจริง และอนุสาวรีย์ประหลาดที่มีภาษาโบราณสลักเอาไว้

    เดดาลัสได้ผลิตพวกแองจีรอยด์ที่มีประสิทธิภาพกว่านางฟ้าทั่วไปโดยเรียกว่า รุ่นหนึ่งคือ อิคารอส นิมพ์  และ เดลต้า จะเป็นแองจีรอยด์ที่ใช้ในสงครามที่ถูกกำหนดโดยสามปัจจัย คือ การต่อสู้, ควบคุมอารมณ์, และการประมวลผล เอาไว้ไม่เหมือนกัน ไดดารอสนั่นรักผลงานของตนเสมือนเป็นลูกสาวตนเอง

     หากแต่ด้วยเหตุการณ์อะไรบางอย่างเดดาลัสไม่ลงรอยกับไมนอส (สกายมาสเตอร์) ที่มีนิสัยโฉด ชั่วร้าย ซาดิสต์ และมีอำนาจสูงสุดในโลกเบื้องบน เธอจึงได้หลบหนีมาอยู่ที่ลับแห่งหนึ่งที่สกายมาสเตอร์ตามมาไม่ถึง

    ต่อมาด้วยเหตุการณ์อะไรบางอย่าง เดดาลัสได้เข้าไปในความฝันของโทโมกิเพื่อพูดคุยกัน และเป็นคนส่งฮิคารอสมาให้โทโมกิ และเฝ้าดูอย่างห่างๆ ซึ่งวัตถุประสงค์ยังไม่ทราบว่าทำไมเดดาลัสถึงได้ชอบโทโมกิมากถึงขนาดนี้

     

     

    ชอบฉากนี้

     

                    สิ่งที่ชอบ 7 ท้องฟ้าของเธอและฉัน

                    Sora no Otoshimono Manga 45 เป็นอีกหนึ่งตอนที่แสดงให้เห็นว่าฮิคารอสเป็นสุดยอดสาวคูลเดเระมากขนาดไหน

                    สาวคูลเดเระเป็นตัวละครที่ค่อนข้างจะแปลกคือ ไม่ว่านางเอกหรือนางเอก หากเป็นคูลเดเรบทจะกลายเป็นเงา หรือปิดทองหลังพระบ่อยครั้ง ในขณะที่ตัวละครสาวคนอื่นๆ กลับได้บทเด่น ขโมยซีนสาวคูลเดเระอยู่เรื่อย แต่อย่างไรก็ตามหากสาวคูลเดเระมีบทเมื่อไหร่ และคูลแตกเมื่อไหร่ล่ะก็ซาบซ่า โรแมนติก ฟินเมื่อนั้น

                    และตอนนี้เองถือว่าเป็นตอนที่ฮิคารอสมีบทเป็นตัวเอกอีกครั้ง หลังจากที่ผ่านมาตกเป็นนางรองเพราะนิมฟ์แย่งบทหลายตอนก็ตาม และเป็นตอนหนึ่งที่ฮิคารอสคูลแตก แม้ว่าหลายๆ ตอนที่ผ่านมาฮิคารอสคูลแตก ร้องไห้ ซบโทโมกิบ่อยครั้ง (จนหลายคนมักบ่นว่าฮิคารอสไม่น่าคูลแตกเร็วเลย) แต่ตอนนี้เป็นตอนที่แสดงให้เห็นว่าฮิคารอสคูลแตกหนักกว่าที่ผ่านๆ มา และเป็นตอนหนึ่งที่ผมค่อนข้างชอบ

                    สำหรับตอนนี้โทโมกิได้ยกเลิกพันธะสัญญา (อิมปรินติ้ง)ระหว่าง เขากับฮิคารอส เพื่อหวังให้ฮิคารอสเป็นอิสระ แต่กลายเป็นว่าแทนที่ฮิคารอสจะดีใจ กลับเสียใจอย่างหนัก แถมงอนโทโมกิอีก  ส่วนคนรอบข้างก็ว่าเขาโง่อีกด้วย ซึ่งโทโมกิก็ไม่รู้เลยว่าเขาทำผิดตรงไหน

                    ระหว่างที่งอนกันไปงอนกันมา จนกระทั่งถึงมาถึงฉากที่ฮิคารอสจะจับโทโมกิบินไปบนท้องฟ้า ฮิคารอสร้องไห้แล้วพูดกับโทโมกิว่า “มาสเตอร์คุณมันบ้าที่สุดเลย!!  ชั้นไม่ต้องการหรอกอิสระอะไรนั้น สิ่งเดียวที่ฉันต้องการคือการอยู่ข้างๆ มาสเตอร์ต่างหาก”

                    จากนั้นฮิคคารอสก็ซบอกโทโมกิร้องไห้แบบไม่อายใคร และนั้นเองทำให้โทโมกิ จึงได้ทำสัญญากับเธออีกครั้ง

                    เป็นตอนที่ผมค่อนข้างชอบ ชอบตรงฮิคารอสร้องไห้แหละ แบบว่าไม่ได้เห็นมาหลายตอน ไม่ได้เห็นมานาน พอฮิคารอสร้องไห้แบบสุดๆ นี้มันช่างรู้สึกซาบซ่ามากๆ อีกทั้งยังตอนนี้เห็นได้ชัดว่าฮิคารอสนั้นมีความรู้สึกเหมือนมนุษย์มากกว่าที่ผ่านมา จากตอนแรกๆ ฮิคารอสมีสีหน้าไร้อารมณ์  ไร้ความรู้สึก เหมือนสิ่งของ แต่พออยู่กับโทโมกิ ซึมซับ ความเป็นมนุษย์เพียงเล็กน้อย โดยที่โทโมกิไม่รู้ตัว และนอกจากนั้นยังแสดงให้เห็นมาสเตอร์ของฮิคารอสมีเพียงโ?โฒกิเท่านั้นไม่มีใครคนอื่นอีก

     

     

    ฮิโยริจูบโทโมกิ

     

                    สิ่งที่ชอบ 6 วันที่ผมพบเธอ

    แม้ว่าภาพยนตร์ Heaven's Lost Property the Movie: The Angeloid of Clockwork จะผิดหวังสำหรับแฟนๆ การ์ตูนเรื่องนี้ (แต่ผมชอบตรงเพิ่มเนื้อหาว่าทำไมฮิโยริถึงชอบโทโมกิที่ทั้งคู่เคยพบกันสมัยตอนเป็นเด็ก และรอยยิ้มของโทโมกิในตอนท้าย)  แต่ในมังงะเรื่องของ “คาซาเนะ ฮิโยริ” ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนเนื้อเรื่องอย่างแท้จริง ที่ทำให้เรื่องน่าติดตามมากขึ้น

                    Sora no Otoshimono Manga 34-40  เรื่องของฮิโยริน่าจะอธิบายปริศนามากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่มากก็ไม่น้อย  เมื่อฮิโยรินักเรียนมัธยมปีที่ 2 ที่แอบรู้สึกชอบโทโมกิ ได้ขอเข้าเข้าชมรมที่โทโมกิอยู่เพื่อใกล้ชิดเขา ซึ่งความจริงแล้วตัวจริงของฮิโยริคือเทวดา (ชาวเบื้องบน) ที่อยู่ในซิแนปส์ ที่เข้าสู่ระบบหลับฝัน ความนึกคิดได้เชื่อมต่อให้เธอมีร่างกายเป็นมนุษย์ธรรมดาในโลก คล้ายๆ กับ “อวตาร์” โดนระบบอวตาร์นั้นจะลบความทรงจำที่มีอยู่ในไซแนปส์ทั้งหมด และใส่ประวัติใหม่เพื่อสามารถใช้ชีวิตในโลกเบื้องล่างในตัวตนใหม่ได้  (ซึ่งแน่นอนว่าฮิโยริไม่ได้เป็นชาวเบื้องบนคนเดียวที่อวตาร์มายังโลก เพราะมีชาวเบื้องบนคนอื่นๆ ที่ทำแบบฮิโยริด้วย ส่วนเหตุว่าทำไมถึงต้องทำแบบนั้นก็อยู่ในช่วงตอนสุดท้าย)

                    ในช่วงของฮิโยรินั้นเต็มไปด้วยเหตุการณ์น่าประทับใจมากมาย  (แม้ว่าจะปรากฏตัวในช่วงหลัง ไม่ได้เป็นตัวละครหลัก แต่ก็เป็นตัวละครสำคัญให้เรื่องขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วย) ไม่ว่าจะเป็นการความน่ารักของตัวละครใหม่ฮิโยริ การพบกันระหว่างโทโมกิและฮิโยริที่เต็มไปด้วยความฮ่าและซาบซ่า  รวมไปถึงความรักของบรรดาสาวๆ รอบข้างที่รู้ว่าฮิโยริชอบโทโมกิ (ในขณะที่พวกตนยังสับสนความรู้สึกของตนที่มีต่อโทโมกิอยู่เลย)

                    แต่อนิจจาความสุขของฮิโยริที่มีต่อโทโมกินั้นมันแสนสั้น เมื่อจู่ๆ ฮิโยริก็โดนรถบรรทุกพุ่งชน และนั้นทำให้อวตาร์ของฮิโยริตายไป ส่งผลทำให้การเชื่อมต่อสิ้นสุดลง ฮิโยริที่เป็นนางฟ้าในซิแนปส์ลืมตาตื่นขึ้น ซึ่งเธอเสียใจมาก เพราะเธอไม่สามารถทำกับโทโมกิอีกแล้ว และสำหรับเธอกับซิแนปส์แล้วมันเลวร้ายมาก เธอกลับมาเป็นนางฟ้าอีกแล้ว (กว่าจะรู้ว่าทำไมฮิโยริไม่ชอบซิแนปส์ก็ตอนท้ายเรื่อง)

                    เมื่ออวตาร์ของฮิโยริตายไป ผลที่ตามก็คือ ระบบซิแนปส์จะทำการลบตัวตนของฮิโยริในโลกเบื้องล่างทั้งหมด รวมไปถึงความทรงจำทุกคนที่อยู่รอบตัวของฮิโยริด้วย สรุปคือบนโลกเบื้องล่างไม่มีเด็กสาวที่ชื่อฮิโยริอีกแล้ว  อย่างไรก็ตามยังมีคนหนึ่งที่ไม่ยอมถูกลบความทรงจำของฮิโยริไปจากสมองได้ นั่นก็คือ “โทโมกิ”

                    โทโมกิไม่ยอมลืมฮิโยริ แม้ว่าคนรอบข้างจะลืมแล้วก็ตาม ส่วนพวกฮิคารอสก็เป็นห่วงโทโมกิ เพราะหากโทโมกิไม่ลืมฮิโยริระบบซิแนปส์จะพยายามทุกอย่างให้โทโมกิลืมฮิโยริให้ได้ ด้วยการทำให้สมองของโทโมกิปั่นปวน  จนโทโมกิเจ็บปวดทรมานมาก

    นิมพ์ทนไม่ได้ที่โทโมกิเจ็บปวดทรมานก็ทนไม่ไหวจึงได้พูดประโยคหนึ่งที่กลายเป็นปริศนาขบคิดในเวลาต่อมาว่า “โทโมกิ...รอบๆ ตัวนายน่ะ... คนที่ไม่ใช่ของจริงน่ะ ไม่ได้มีแค่ฮิโยริคนเดียวนะ...!!

    ในขณะเดียวกันฮิโยริที่อยู่ซิแนปซ์ยังคงอยากพบกับโทโมกิอีกทั้ง ไม่ว่าจะเป็นสภาพใดก็ตาม และนั้นเองทำให้เธอถูกดัดแปลงเป็นแองจีรอยด์ เพื่อส่งไปยังโลกเบื้องล่าง เพื่อพบโทโมกิ หากแต่ไม่ได้มาในฐานะเพื่อน แต่มาในฐานะศัตรู (ฮิโยริถูกล้างสมอง แถมถูกใส่ปลอกคอเชื่อฟังคำสั่ง)

    ในภาพยนตร์ Heaven's Lost Property the Movie: The Angeloid of Clockwork ฮิโยริได้ระเบิดตัวตาย (ซึ่งหวังว่าภาพยนตร์เรื่องหน้าเธอก็คืนชีพอีกครั้ง) แต่ในมังงะฮิโยริถูกช่วยเหลือโดยนิมพ์ ที่ได้รับพลังใจจากโทโมกิ (เมพ) ว่า “นิมพ์นี้คือคำสั่ง ห้ามตายน่ะ!และนั้นทำให้นิมพ์ได้ความสามารถใหม่และได้ช่วยเหลือฮิโยริได้ในที่สุด

    หลังจากนั้นฺฮิโยริก็อยู่โลกเบื้องล่างต่อ แม้ว่าสภาพของเธอจะกลายเป็นแองจีรอยด์แล้วก็ตาม แต่เธอก็ยังคงทำตัวเหมือนเด็กสาวทั่วไป เธอได้ขอบคุณโทโมกิที่ไม่ลืมเธอ พร้อมทิ้งท้ายคำพูดที่ทำให้หลายคนต้องขบคิดว่า “ชั้นรู้น่ะว่าคนที่เธอชอบอยู่คือใคร...”  (กว่าจะรู้คำตอบทั้งสองก็ตอนท้ายเรื่องโน้นแหละ) ก่อนที่ฮิโยริจะจูบโทโมกิ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้ตัดใจจากโทโมกิ และยังคงชอบเขาเหมือนที่ผ่านมา

                    สำหรับความประทับใจในช่วงรูทของฮิโยรินั้น ผมประทับใจอยู่สองอย่าง ความประทับใจที่ว่าคนแต่งได้ใส่สิ่งที่ทำให้คนอ่านติดตามเรื่องนี้ต่อได้อย่างชาญฉลาด อย่างแรกคือคำพูดของนิมพ์ที่ว่า  “โทโมกิ...รอบๆ ตัวนายน่ะ... คนที่ไม่ใช่ของจริงน่ะ ไม่ได้มีแค่ฮิโยริคนเดียวนะ...!! แสดงให้เห็นว่าคนรอบตัวโทโมกิคนหนึ่งเป็นนางฟ้า ซึ่งหลายคนคงคาดเดาได้แล้วว่าคนที่ว่าก็คือ “โยโซระ” เพื่อนสมัยเด็กของโทโมกินั้นเอง

                    และอย่างที่สองคือคำพูดของฮิโยริที่พูดทิ้งท้ายกับโทโมกิว่า “ชั้นรู้นะว่าคนที่เธอชอบอยู่คือใคร...” ไม่รู้ว่าฮิโยริพูดเข้าข้างตนเอง (ประมาณว่า รู้น่ะว่าโทโมกิชอบตนหรือเปล่า?) หรือโทโมกิหลงรักสาวในฮาเร็มคนอื่น ซึ่งประโยคนี้ทำให้หลายคนคงต้องคำถามในใจแล้วว่าตกลงแล้วโทโมกิชอบสาวคนไหนกันแน่? โทโมกิเลือกแล้วเหรอ เรื่องนี้จะจบฮาเร็มหรือไม่ หลายคนอาจคิดว่าน่าจะเป็นฮิคารอสเพราะมีภาษีเยอะที่สุดเพราะดูจากบทหลายตอนที่ผ่านมา  และสุดท้ายบทบาทของเธอที่มีต่อความรักโทโมกิจะเป็นเช่นไร (และที่สุดยอดคือผู้หญิงคนที่โทโมกิชอบนั้น พลิกล็อคมากๆ จนหลายคนคาดไม่ถึงก็ว่าได้  ทั้งๆ ที่เราเห็นคำใบ้มาโดยตลอดแล้วแท้ๆ)

                    พูดง่ายๆ เรื่องของฮิโยริได้ชี้ไปถึงเพื่อนสมัยเด็ก “โยโซระ” ว่าจะมีบทบาทในอนาคตข้างหน้า ซึ่งตอนนั้นหลายคนไม่รู้เลยว่าโยโซระจะมีบทบาทแบบไหนกันแน่? ซึ่งทำให้ผมได้ลุ้นติดตามเรื่องนี้ต่อไป

                    แม้ว่าเรื่องราวของฮิโยริจะจบลง แต่เธอยังปรากฏตัวบ่อยครั้ง และในช่วงใกล้ตอนท้ายๆ เธอก็ได้เสียสละตนเองให้กับเคออส เพื่อให้เคออสเข้าใจอารมณ์ของมนุษย์มากขึ้น นำไปสู่จุดพลิกพลันของเรื่อง

     

     

     

    “พี่จ๋า หายโกรธหนูหรือยัง”

     

    สิ่งที่ชอบ 5 สามนางฟ้าผ่าวิกฤต

                    ในช่วงปี 2011-2014  Sora no Otoshimono อยู่ในช่วงที่สนุก ยังคงเต็มไปด้วยอารมณ์ฮ่าบ้าบอ ดราม่า ก่อนที่จะจบลงอย่างซาบซ่าในแต่ละช่วง ผสมกับฉากต่อสู้อลังการตื่นเต้น ทำให้ฮาเร้มเรื่องนี้มีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ซ้ำฮาเร็มเรื่องใด ทำให้แต่ล่ะปีจะมีช่วงเวลาหนึ่งที่ผมประทับใจทุกครั้งและเก็บเอาไว้ในความจำเสมอ

     หนึ่งในช่วงเวลาที่น่าประทับใจ ในปี 2011  Sora no Otoshimono 54-56ยังคงเต็มไปอารมณ์ที่กล่าวามาข้างต้น ซึ่งตอนนี้เป็นอีกตอนที่ทั้งโทโมกิและฮาเร็มต้องสะบัดสะบอมที่สุด แต่ในขณะทีเดียวกันก็มีบทอวยของสามนางฟ้าครบชนิดว่าแต่ละคนไม่ด้อยไปกว่าใคร

    เรื่องของเรื่องไมนอสยังคงคิดจะเผด็จศึก จึงได้ส่งพวกโคลน (Melan)  อิคารอส, แอสเทรีย, นิมฟ์จำนวนมากไปยังโลกเบื้องล่าง เพื่อหวังเอาชนะฮาเร็มโทโมกิโดยเฉพาะ แม้ว่าจะเรียกว่าโคลน แต่โคลนดังกล่าวมีพลังเทียบเท่าแองเจรอยด์ทั้งสาม อีกทั้งยังมีความเยือกเย็น ไร้จิตใจ ทำตามคำสั่งของไมนอสเท่านั้น

                    แน่นอนอารมณ์ยังคงเหมือนเดิม จากตอนแรกฮ่าอยู่ดีๆ กลับกลายเป็นดราม่าไปได้ เมื่อโทโมกิโดนโคลนฮิคารอสทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส  (ที่แล้วมาโดนมิสไซล์ โดนลำแสง โดนสับ ไม่เป็นไร  มาตอนนี้เจ็บซะงั้น)

    ในระหว่างที่นิมพ์และแอสเทรียตามหาโทโมกิ ก็พบว่าโทโมกิถูกทำร้ายโดยโคลนอิคารอส กลายเป็นแฮ็คชั่นปล่อยพลังตูมตามผสมดราม่าฮาเร็มอวยแบบอวยสุดฤทธิ์สุดเดชทันใด

    เริ่มจากแอสเทรียเมื่อเห็นโทโมกิล้มต่อหน้าก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ พร้อมพุ่งเข้าหาโคลนอิคารอสพร้อมตะโกนว่า แกกล้าดียังไง แกกล้าดียังไง พร้อมย้อนอดีตโทโมกิเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่าโทโมกิกลายเป็นคนสำคัญของฮัสเทรย์เป็นที่เรียบร้อย

    แต่อนิจจาพลังของแอสเทรียไม่สามารถต่อกรโคลนอิคารอสได้ ระหว่างที่โคลนอิคารอสกำลังยิงธนูลำแสง “APOLLON” พุ่งเข้าหาโทโมกิ หากแต่ระหว่างที่ธนูกำลังพุ่งไปอิคารอสก็ได้สติและใช้แรงที่เหลือบังธนูและระเบิดไปพร้อมกับโคลน ฮิคารอสบาดเจ็บสาหัส

    แต่ยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้ ระหว่างที่แอสเทรียและนิมพ์กำลังเสียใจ ที่อิคารอสและโทโมกิบาดเจ็บสาหัสใกล้ตาย ทันใดนั้นก็ปรากฏพวกโคลนจำนวนมากก็ล้อมหน้าหลัง พร้อมเข้ามารุมต่อยตี

    และทีนี้ก็ถึงบทอวยนิมพ์ เมื่อนิมพ์โดนโคลนนิมพ์ ล้างสมอง ไอ้เกรียนมีปีกก็พูดจากวนตีนบอกว่า เอ็งน่ะไม่ได้กับโทโมกิหรอก ในใจของโทโมกิมีแต่ควีนยูเรนัส (อิคารอส) คนเดียวเท่านั้น ต่อให้เอ็งทำอะไรโทโมกิก็ไม่สนใจหรอก มาอยู่กับข้าสิ แล้วเอ็งจะได้โทโมกิมาไว้ครอบครองคนเดียว

    อย่างไรก็ตาม ด้วยบทนางรอง สาวทวินเทล เตี้ย แบน ซึน ก็ด่ากลับไอ้เกรียนมีปีกว่า ไอ้บ้า คิดเหรอว่าฉันอยากได้โทโมกิในสภาพนี้เหรอ ใครว่าฉันสู้อิคารอสไม่ได้ ฉันจะใช้พลังของฉันทำให้โทโมกิสนใจฉันให้ดู

    และแล้วนิมพ์ก็กลายร่างสุดยอด!! ซึ่งร่างดังกล่าวมีเงื่อนไขคือหากแองเจลรอยด์มีจิตใจเหมือนมนุษย์จะสามารถปลดล็อกระบบที่เรียกว่า “กล่องแพนโดร่า” ซึ่งทำให้ตนเองวิวัฒนาการกลายเป็นอาวุธสุดยอดได้(ของเก่าสุดยอดชนิดว่าแก่งกว่าดราก้อนบอลแล้ว มันยังสุดยอดอีก)

    อย่างไรก็ตามระหว่างที่นิมพ์สามารถทำลายโคลนได้จำนวนหนึ่ง แต่ตนเองก็หมดแรงเพราะพลังหมด ระหว่างนั้นเองโทโมกิก็โชว์เมพ แม้อาการของโทโมกิจะร่อแร่ แต่ก็ยังคงเป็นห่วงทุกคน เขาเข้าไปหาฮิคารอส ตรวจดูอาการอิคารอส ลูบผมอิคารอสเล็กน้อย เมื่อพบว่าฮิคารอสไม่เป็นอะไรมาก เขาก็สลบไป แต่มันก็เพียงพอแล้วที่ทำให้ฮิคารอสฟื้นคืนสติมาอีกครั้ง และกลายเป็นร่างสุดยอดร่างที่ 2 เมื่อเธอเห็นมาสเตอร์ผู้อันเป็นที่รักของเธอนอนบาดเจ็บหายใจรวยรินกองอยู่กับพื้น เธอก็โกรธเป็นฟื้นเป็นไฟ มองหน้าพวกโคลนว่า

                    ใครบังอาจทำร้ายมาสเตอร์ของฉัน

                    และแล้วอิคารอสก็ใช้ท่าสุดยอดแบบจัดหนัก ไม่ว่ามิสไซล์ หมัดพลังช้าง ฯลฯ ถล่มพวกโคลนจนย่อยยับ ไม่เหลือแม้แต่ตัวเดียว หลังจากนั้นอิคารอสก็ปลดอาวุธตรงเข้ามาหาโทโมกิและร้องไห้ (คูลแตกอีกครั้ง)             และนิมพ์ก็บอกว่าแค่หมดสติไป ทำให้ทั้งสามนางฟ้าก็โล่งอก

                    หากแต่แล้วเรื่องราวไปจบแต่เพียงเท่านั้น ระหว่างที่สามนางฟ้ากำลังโล่งใจอยู่นั้น แม่ชีน้อยคาออส แองจีรอยด์รุ่นที่ 2 ก็ได้แทรกแซงการต่อสู้ และเธอก็ใช้พลังดูดกลืนพลังจากซากโคลนทั้งหมดมาไว้ในตัวเธอ จนกลายเป็นเคออสร่างสุดยอด ที่มีพลังเหนือกว่าอิคารอสและนิมพ์ร่าง 2 รวมกัน และสามารถทำลาย“ซิแนปส์” อย่างง่ายดาย

    และระหว่างที่คาออสกำลังปล่อยท่าไม้ตายสุดยอด(ที่เป็นพลังของนางฟ้าทั้งสามรวมกัน) ใส่พวกเธออยู่นั้น จู่ๆ เคออสก็หยุดโจมตี เพราะเธอเห็นโทโมกิบาดเจ็บปางตาย กลัวโดนลูกหลงจากท่าไม้ตายเธอ สำหรับเธอแล้วโทโมกิคือบุคคลที่เธอรักไม่แพ้สามนางฟ้า และแล้วเคออสก็จากไปอย่างง่ายดาย ท่ามกลางความ งง ของสามนางฟ้าที่ไม่เข้าใจว่าเคออสจากไปเพราะอะไร?? (พูดง่ายๆ เป็นอีกฉากหนึ่งที่ผมชอบมากครับ จากสีหน้าของเคออสตอนแรกบ้าเลือด แต่เธอกลับกลายเป็นสาวตัวเล็กๆ ธรรมดา เมื่อเห็นโทโมกินี้ มันเป็นอะไรที่หลากหลายอารมณ์มากๆ ชนิดว่าอยากให้เคออสได้อยู่กับโทโมกิเสียที)

                    ฉากต่อมา โทโมกิฟื้นอีกทีก็อยู่โรงพยาบาล ระหว่างคนรอบข้าง(รวมไปถึงสามนางฟ้า)กลับบ้านไป โทโมกิก็หลับยาว ระหว่างนั้นเอง เคออสก็ปรากฏตัวออกมา และเข้าไปนอนหลับอยู่ข้างโทโมกิ  พร้อมกับร้องไห้ว่าเมื่อไหร่โทโมกิจะหายโกรธเธอ หากเธอฉลาดกว่านี้โทโมกิก็ยกโทษเธอหรือเปล่าน่ะ ก่อนที่จะพูดประโยคปิดท้ายว่า พี่จ๋า เป็นอันจบตอนดราม่าและการต่อสู้แต่เพียงเท่านี้

                    54-56 เป็นช่วงมังงะที่ผมชอบยังไงชอบกล เพราะว่าเนื้อหาอวยตัวละครแบบเด็ดดวง และกระจายบทได้ดี ความรู้สึกของสามนางฟ้าที่มีต่อโทโมกิ  ไปจนถึงโทโมกิที่อุตส่าห์มหาเมพ ก่อนปิดท้ายด้วยเคออส พี่จ๋าเรียกได้ว่านี้แหละคือ Sora No Otoshimono

     

     

    ฉากซาบซ่าแห่งปี 2012

     

                    สิ่งที่ชอบ 4 ฮาร์ปี้บ้านฉันไม่น่ารักแบบนี้หรอก

    Sora no Otoshimono 62-66 ในปี 2012 เป็นช่วงเวลาของการ์ตูนเรื่องนี้ไม่แพ้กว่าตอนอื่นๆ แม้ว่าตอนท้ายจะเป็นดราม่าที่จบอย่างน่าเศร้าก็ตาม

                    ที่แปลกคือในช่วงนี้คนที่รับบทเด่นนั้นกลับไม่ใช่ฮิคารอส, นิมฟ์ หรือแอสเทรีย แต่กลับเป็นตัวละครหนึ่งที่บทหายไปช่วงหนึ่ง คือสองพี่น้อง “ฮาร์ปี้”

    ฮาร์ปี้สองพี่น้องนั้นปรากฏตัวครั้งแรกในช่วงเล่ม 2-3ซึ่งตอนที่ปรากฏว่าอย่างกับมารร้ายหลังข่าวช่อง 3 เพราะรังแกนิมพ์ ฉีกดึงปีกของนิมพ์เวลานั้นพูดตามตรงว่าหลายคนคงเกลียดฮาร์ปี้จับใจ อย่างไรก็ตามในหลายตอนที่ผ่านมาฮาร์ปี้ก็ได้กลายเป็นตัวละครตัวประกอบที่ถูกลืม จนหลายคนไม่อยากจดจำด้วยซ้ำว่ามีตัวละครที่ว่าอยู่

    แต่ด้วยเวทมนต์ของคนแต่ง ได้ทำให้ฮาร์ปี้ตัวละครที่หลายคนเกลียดและลืมกลับมาให้จดจำอีกครั้ง แถมการกลับมาครั้งนี้ได้กลายเป็นนางเอกที่แสนอวยไปเสียได้

    โดยเรื่องของเรื่องคือไมนอสส่งฮาร์ปี้สู้กับสามนางฟ้าของโทโมกิ หากแต่ระหว่าง ฮาร์ปี้กับพวกฮิคารอสกำลังจะสู้กันนั้น จู่ๆ พวกเขาก็ขัดจังหวะโดยโทโมกิ(ซึ่งจะว่าไปฮาร์ปี้ไม่เคยเจอโทโมกิแบบตรงๆ เลยสักครั้ง) ซึ่งโทโมกิได้บอกให้ฮาร์ปี้ไปแต่งตัวใหม่ซะ

                    ที่นี้แหละ แม่เจ้าเว้ยขอถามหน่อยเถอะฮาร์ปี้สองพี่น้องนี้เป็นคนเดียวกับที่ปรากฏตัวในเล่มแรกๆหรือเปล่าฟ่ะ หน้าตาดูน่ารักขึ้น (จากตอนแรกออกแนวป้าๆ) แถมคนพี่มีทั้งซึนทั้งขี้อาย คนน้องร่าเริงและเข้ากันได้ดีกับโทโมกิ(คุณน้องชอบแกล้งพี่)

    ตอนแรกฮาร์ปี้ก็ทำท่าเป็นศัตรู หากแต่ในช่วงที่พวกโทโมกิก็ชวนฮาร์ปี้ไปเที่ยวทะเลซึ่งเกิดเหตุฮาร์ปี้คุณพี่จมน้ำ (เพราะว่ายน้ำไม่เป็น) แต่โทโมกิและเพื่อนช่วยเหลือไว้ได้ ต่อมาโทโมกิกับฮาร์ปี้คนพี่ก็หลงในทะเลทราย ในระหว่างนั้นโทโมกิก็ล้มป่วยเพราะสภาพร่างกายขาดน้ำ ตอนแรกฮาร์ปี้คนพี่คิดจะฆ่ากับโทโมกิ หากแต่ว่าตนไม่สามารถฆ่าเขาได้  และนั่นเองทำให้ฮาร์ปี้คุณพี่เกิดความรู้สึกขัดแย้งในจิตใจว่าเธอเริ่มชอบโทโมกิหากแต่ในขณะเดียวกันเธอก็ต้องทำภารกิจของเธอให้สำเร็จ

    อย่างไรก็ตาม พวกฮาร์ปี้ไม่เหมือนนิมฟ์ที่ไม่สามารถหักหลังไมนอสได้  ในคืนวันเทศกาลพวกฮาร์ปี้ได้ตัดสินใจต่อสู้กับฮิคารอส แต่ทั้งสองไม่สามารถสู้กับฮิคารอสเลย และนั้นทำให้ทั้งคู่คิดว่าตนเป็นคนไร้ประโยชน์ไม่สามารถทำเพื่อเจ้ายายได้ และนั้นทำให้ฮาร์ปี้ทั้งสองตัดสินใจที่จะฆ่าตัวตายด้วยการใช้ระเบิดปลอกคอระเบิดตัวเองเพื่อให้เจ้านายของตนมีความสุข แต่อย่างไรก็ตามฮิคารอสก็สามารถกางบาเรีย “AEGIS” ป้องกันความเสียหายเอาไว้ ซึ่งพวกฮาร์ปี้เองก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่นั้นคือสิ่งที่พวกเธอทำดีที่สุดแล้ว ก่อนการจากลาฮาร์ปี้ทั้งสองยอมรับโทโมกิว่าน่าจะเป็นมาสเตอร์ของพวกเธอมากกว่าไมนอส สุดท้ายฮาร์ปี้สองพี่น้องก็ระเบิดตัวเองจะดังสนั่นกระจุยไม่เหลือซาก

    การตายของฮาร์ปี้ทั้งสองนำมาซึ้งความเศร้าโศกความเสียใจของทุกฝ่าย ไมนอสถึงกับทรุดพูดอะไรไม่ออก ในขณะที่โทโมกิแม้ว่าเขาพยายามที่จะพูดให้ฮาร์ปี้เลิกล้มฆ่าตัวได้ยังไงก็ไม่สำเร็จ เขาทั้งสิ้นหวัง โกรธแค้น และนั่นเป็นครั้งแรกที่โทโมกิโกรธแค้นไมนอสชนิดเกลียดจากก้นบึ้งถึงจิตใจ (และนั้นนี้ถือว่าเป็นหนึ่งฉากที่ผมชอบครับ) ถือว่าเป็นตอนดราม่า และแสดงความเก่งของคนแต่งเป็นอย่างดี

    (เรื่องของฮาร์ปี้นั้นเสียดายอย่างคือ ในตอนอวสานฮาร์ปี้ไม่ได้กลับไปหาโทโมกิ  แต่อยู่กับไมนอสต่อ แต่การอยู่กับไมนอสนั้น ฮาร์ปี้หมดสิ้นที่จะเป็นศัตรูกับพวกโทโมกิไปเรียบร้อยแล้ว)

     

     

                    เนื้อหาหลังจากนี้ เป็นช่วงสุดท้ายของการ์ตูนเรื่องนี้ ซึ่งผมไม่สามารถบอกรายละเอียดทั้งหมดได้ ว่าอะไรเป็นอะไร ส่วนใหญ่ดูจากภาพแล้วตีความเอา กับดูข้อมูลวิกีพีเดีย หากผิดพลาดตรงใดขออภัยมา ณ ที่นี้

     

     

    หมัดของโทโมกิ

     

                    สิ่งที่ชอบ 3  ต่อยเม่งมันเลย (หมัดนี้เพื่อพวกเธอ)

                    Sora no Otoshimono ดำเนินเรื่องมาอย่างยาวนานถึง 6-7 ปี  เต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นตลกฮ่า แอ็คชั่นอลังการ ไปจนถึงเรื่องรักๆ ฮาเร็มซาบซ่า  และยังคงไม่ลืมประเด็นและปริศนาต่างๆ ในเรื่องที่เอาเปิดเผยที่เล็กๆ น้อย  จนในที่สุดในปี 2013-2014 เนื้อหาก็เข้าสู่ช่วงไคแมกซ์สุดท้าย เมื่อเคออสได้ใช้ระบบซิแนปส์จัดการสร้างโลกใบใหม่ขึ้นมา โลกใบที่ว่าเป็นโลกที่เธอสามารถอยู่กับโทโมกิได้

                    เมื่อระบบไซแนปส์เดินเครื่อง ผู้คนรอบตัวของโทโมกิก็ได้หายไปทีละคน ทีละคน รวมไปถึงโยโซระเพื่อนสมัยเด็กก็หายไปต่อหน้าต่อตาเขาด้วย และนั้นเองทำให้โทโมกิมีความคิดที่จะบุกซิแนปส์เพื่อที่จะหาวิธีให้โลกของเขาและทุกคนกลับคืนมา

                    หากแต่กว่าที่โทโมกิจะสามารถเข้าถึงซิแนปส์ได้ โทโมกิก็ต้องพบเรื่องน่าเศร้ามากมาย เมื่อสามนางฟ้า นิมพ์ ไปจนถึงฮิคารอสต่างเสียสละตนเองเพื่อคนที่ตนรัก (นั่นก็คือโทโมกิ) เพื่อให้โทโมกิไปถึงจุดหมายได้

    จนในที่สุดโทโมกิก็ได้เจอไมนอสตัวต่อตัว

                    เชื่อว่าคนที่ติดตาม Sora no Otoshimono ตั้งแต่ต้นจนจบ หลายคนอยากเอาตีนลูบหน้าไมนอสไม่มากก็ไม่น้อย และเชื่อว่าฉากที่โทโมกิได้ชกหน้าไมนอสในตอนสุดท้ายของการ์ตูนเรื่องนี้ ถือว่าเป็นฉากที่สะใจพระเดชพระคุณของหลายคนเหลือเกิน และถือว่าเป็นฉากที่หลายคนรอมาอย่างยาวนานเหลือเกิน

                    ปกติแล้วตัวโกง ตัวร้าย ในการ์ตูนฮาเร็มในแต่ละเรื่อง มักมีบทบาทคือ เป็นตัวทำร้ายความสุขของพระเอกและพวกสาวๆ ในฮาเร็ม ตัวร้ายแต่ละคนสร้างความทุกข์ทำเรื่องโหดร้ายต่อสาวๆ แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับเกรดตัวละคร เช่นพวกตัวประกอบเกรดบีพวกนักเลงพวกขี้ยาจ้องจะทำไม่ดีไม่ร้ายแก่พวกสาวๆ พวกตัวโกงระดับบอสที่เป็นต้นเหตุทำให้สาวเกิดปมจิตใจ เป็นตัวพันธการทำให้สาวไม่มีความสุข  จนพระเอกนั้นต้องเข้าไปช่วยเหลือปกป้อง ก่อนที่จะปักธง (พิชิตรัก) สาวคนนั้นให้รักพระเอกแบบสุดใจไป

                    แน่นอนไมนอส เป็นหนึ่งในตัวร้ายในการ์ตูนฮาเร็ม ระดับบอส  นักประดิษฐ์และผู้ปกครองของไซแนปส์ที่นิสัยหนิ่งโหดร้ายและซาดิสต์ มองพวกมนุษย์ที่อยู่เบื้องล่างเป็นพวกน่ารังเกียจ อีกทั้งยังเป็นมาสเตอร์ของฮิคารอส นิมพ์ และแอทเธรีย ที่เห็นพวกเธอเป็นของเล่น ไม่ก็เป็นขยะ หากแต่ตอนหลังสามนางฟ้าไปอยู่กับโทโมกิหมด ทำให้ไมนอสจองเวรโทโมกิและ (ตอนแรกถูกเรียกว่า “สกายมาสเตอร์” ซึ่งชื่อจริงกว่าจะเผยก็ตอนหลัง โดยไมนอสเป็นชื่อของกษัตริย์ครีตตามตำนานกรีกนั้นเอง)

                    ไม่รู้ว่าทำไมไมนอสถึงจงเกลียดจงชังโทโมกิมากนัก ในแง่เหตุผลเรื่องราวคือต้องการกำจัดโทโมกิเพราะเห็นว่าเป็นภัยแก่ซิปแนปส์ แต่อย่างไรก็ตามในแง่อารมณ์ส่วนตัวนั้นไมนอสเกลียดโทโมกิมาก เนื่องด้วยเป็นคนที่มีอีโก้สูง มีทุกสิ่งทุกอย่าง อีกทั้งยังมีศักดิ์ศรีเป็นชาวเบื้องบนที่ไม่เข้าระบบความฝันอวตาร์  (มีทฤษฏีหนึ่งคือระบบไม่ให้ไมนอสเข้า) ในขณะที่ชาวเบื้องบนคนอื่นเข้าระบบความฝันหมด ทำให้เขาต้องอยู่ในไซแนปส์นั่งบัลลังก์เพียงคนเดียว (ช่วงแรกจะเห็นไมนอสอยู่กับสาวๆ นั้นคือแองจีรอยด์ ซึ่งตอนท้ายพวกสาวๆ แองจีรอยด์หายไปก็ไม่รู้ว่าไปไหน) ดังนั้นเขาจึงเกลียดชาวเบื้องล่างมาก ทำไมพวกสูงศักดิ์ต้องลดตัวมาอยู่เพียงอ่อนแอแบบนี้ ยิ่งเมื่อสามนางฟ้าจากไปหาโทมิกิก็ยังแค้นนัก ว่าทำไมสามนางฟ้าที่สุยอดถึงต้องอยู่กับคนเบื้องล่างที่แสนห่วยคนนี้ด้วย (มันไม่หัดดูตนเองเลย)

    ไมนอสเป็นตัวร้ายที่ผมอยากเอาตีนลูบหน้าที่สุดเท่าที่เคยดูในการ์ตูนเรื่องไหนๆ มา เพราะเป็นตัวการที่ทำให้สาวๆ ในเรื่องล้วนเจ็บปวดเพราะมันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น การออกคำสั่งให้ฮิคารอสต้องเปื้อนเลือด, ทำร้ายร่างกายนิมพ์ , การเปลี่ยนฮิโยริเป็นแองจีรอยด์และให้ไปฆ่าพวกโทโมกิ

    นอกเหนือจะมีพฤติกรรมที่โหดร้ายแล้ว ไมนอสยังมีชอบพูดจาทำร้ายจิตใจอีกด้วย (พูดง่ายๆ ปากหมา) ชอบพูดคนอื่นอ่อนแอ (แต่ไม่ดูตนเอง) โดยเฉพาะนิมพ์ที่บอกว่าไร้ประโยชน์ มีบางช่วงพยายามหว่านล้อมให้นิมพ์กลับมาหาตน (จนนิมพ์ปฏิเสธไร้เยื่อใย) และนอกจากนี้ยังมีเคออสที่ไมนอสพูดว่า “แกน่ะไม่มีใครต้องการหรอก” และนั้นทำให้เคออสเกิดปมจิตใจก่อให้เกิดเรื่องราวร้ายแรงตามมา อย่างไรก็ตามระหว่างไมนอสกับนิมพ์นั้น ลึกๆ แล้วไมนอสคงมีความรู้สึกกับนิมพ์เหมือนกัน เพราะหลายตอนเห็นว่าไมนอสพยายามหวานล้อมให้นิมพ์กลับมาหาตน และในมังงะตอน 76 ไมนอสพยายามขอให้นิมพ์กลับมาอยู่กับเขาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามนิมพ์หมดสิ้นเยื่อใยกับไมนอสแล้ว เพราะคนที่เธอรักที่สุดก็คือโทโมกิ และนั้นทำให้นิมพ์เสียสละตนเองด้วยการระเบิดฆ่าตัวตาย

    ในขณะที่ไมนอสดูโทมิกิจากไซแนปส์ตลอดเวลา และรู้จักโทโมกิมานาน แต่โทโมกิไม่เคยเห็นหน้าไมนอสเลยแม้แต่น้อย พูดง่ายๆ ทั้งคู่แทบไม่รู้จักกันเลย โทโมกิแค่นั่งอยู่กับบ้าน ใช้ชิวิตประจำวันของตน ในขณะที่ไมนอสตั้งแง่โทโมกิ เกลียดชีวิต และนั้นเองไมนอสเริ่มรู้สึกอะไรบางอย่างกับมนุษย์เบื้องล่างได้

    ในตอนที่ 77 โทโมกิพบไมนอสเป็นครั้งแรกในวิหารที่ไมนอสอยู่ โทโมกิไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวร้ายผู้นี้เลย สิ่งที่เขารู้ก็พอๆ คนอ่านว่าเป็นคนเลวร้ายและเป็นคนสร้างปัญหาทั้งหมด  และบางทีสภาพไมนอสตอนนี้เป็นคนบ้าไปแล้ว  (หลายคนมีข้อสันนิษฐานว่าไมนอสก็คืออีกตัวตนหนึ่งของโทโมกิ หากแต่ผมว่าไม่ใช่เพราะไมนอสไม่น่าจะสร้างอวตาร์เพราะเป็นคนที่อีโก้สูง)

    การพบกันของทั้งคู่อยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียด ไมนอสพยายามที่จะฆ่าโทโมกิ แต่ผลปรากฏว่าอาวุธของไม นอสไม่สามารถฆ่าโทโมกิได้เลย เพราะตัวของโทโมกินั้นได้รับการปกป้องจากจิตวิญญาณของสามนางฟ้าของเขานั้นเอง

    โทโมกิเดินเข้าหาไมนอส เขาจัดการต่อยไมนอสด้วยแรงทั้งหมดที่มี มันเป็นหมัดที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ความรู้สึกของทุกคนมารวมไว้ในหมัด  แม้ว่าจะเป็นฉากพระเอกต่อยตัวร้าย เป็นแค่ฉากพื้นๆ ที่พบเห็นทั่วไปในการ์ตูนเรื่องอื่นๆ แต่สำหรับการ์ตูนเรื่องนี้กลับทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ เพราะตัวร้ายที่ว่ามันมีนิสัยอยากต่อยให้คว่ำจากวีรเวรที่มันทำ สุดท้ายไมนอสจบชีวิตตนเองด้วยการฆ่าตัวตายตามวิถีคนอีโก้สูง แต่โทโมกิพูดจี้ใจดำไมนอสในตอนท้ายว่า "เฮ้ นายเคยมีความกล้าลวไปเบื้องล่างหรือเปล่า?" คำพูดของโทโมกิจี้ใจดำไมนอสอย่างแรง ทั้งๆ ที่โทโมกิพบไมนอสเป็นครั้งแรก แสดงโทโมกิมองออกว่าไมนอสอิจฉาชาวเบื้องล่างเสมอมา แต่เขาไม่สามารถลงไป หรือแม้แต่อวตาร์ตนเองก็ยังทำไม่ได้ การคิดแค้นโทโมกิเป็นเพียงความอคติล้วนๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหน้าที่การงานอะไรเลย   อย่างไรก็ตาม ในตอนท้ายโทโมกิก็ได้ใช้ระบบไซแนปส์คืนชีพไมนอส แม้ว่าไมนอสจะไม่เลิกล้มความคิดที่จะเป็นศัตรูกับโทโมกิก็ตาม



    โซฮาระสองคน (เหมาหมด)

    สังเกตว่าลายเส้นตอนหลังเปลี่ยนแปลงไปจากตอนแรกนิดหน่อย

     

      สิ่งที่ชอบ 2 โซฮาระและเดดาดัสทั้งสองคือเพื่อนสมัยเด็กของผม!?

                    เชื่อว่าเรื่องราวของโซฮาระกับเดดาดัสน่าจะเป็นสิ่งที่เซอร์ไพร์ในการ์ตูนเรื่องนี้ สำหรับผมแล้วเธอ (ไม่ว่าจะเป็นโซฮาระหรือเดดาลัสก็ตาม) ได้กลายเป็นสุดยอดของเพื่อนสมัยเด็กๆ ในหลายความหมาย เป็นอีกตัวละครที่คนเขียนใช้คุ้มค่า จากเพื่อนสมัยเด็กที่แทบไม่มีบทในช่วงหลังๆ  (เพราะโดนสามนางฟ้าขโมยซีนหมด) โผล่มาสับโทโมกิท่าเดียว บทโรแมนติกก็ไม่ค่อยมี แต่กลายเป็นว่าโซฮาระกลายเป็นกุญแจสำคัญของเรื่อง  เมื่อการ์ตูนใช้โซฮาระเป็นตัวเฉลยปมปริศนาที่มีทั้งหมดของเรื่องภายในตอนเดียว ซึ่งทำได้อย่างกระจ่าง คลี่คลาย อิ่มใจ ไปจนถึงบทสรุปเพื่อนสมัยเด็กและเหล่าฮาเร็มของเขาได้อย่างน่าชื่นชม

    “ตกลงแล้วเดดาลัสเป็นใครกันแน่?  ถือว่าเป็นหนึ่งในคำถามที่คนอ่าน Sora no Otoshimono คิดอยู่ในใจตลอดว่า ทำไมเดดาดัสถึงชอบโทโมกิ ทำไมถึงชอบเข้าฝันเขาบ่อยๆ อีกทั้งยังส่งฮิคารอสมาให้โทโมกิ ตกลงแล้วเดดาลัสเป็นอะไรกับโทโมกิกันแน่ ทั้งคู่ไปรู้จักกันเมื่อไหร่ แม้ว่าตอนแรกๆ พวกโทโมกิพยายามค้นหาปริศนาความฝันนี้แต่ก็พบแต่เรื่องอธิบายไม่ได้เต็มไปหมด ทำให้เรื่องของเดดาลัสถูกซุกซ่อนอยู่ในมืด กว่าที่เรื่องจะเฉลยก็จนตอนสุดท้ายของเรื่อง

                    “ผมมั่นใจว่า...คุณไม่เคยเห็นความฝันแบบนี้มาก่อน ในความฝัน มีเด็กผู้หญิงที่ผมไม่รู้จักอยู่เคียงข้าง ไม่รู้เพราะอะไรผมถึงรักเธอนนี้มาก และเธอก็รักผมมากเช่นกัน แต่ในตอนจบของทุกครั้ง ท้องฟ้าจะพรากเธอไปเสมอ และเมื่อผมตื่นขึ้น ก็พบตนเองร้องไห้เสมอ”

                    นี่คือประโยคแรกเปิดเรื่อง Sora no Otoshimono ฉากโทโมกิกับเดดาดัสในความฝัน (ตรงจุดนี้มีคำใบ้แล้ว เพราะปกติการ์ตูนแนวคอเมดี้ ในฉากเปิดเรื่อง สาวที่อยู่ความฝันพระเอกก็คือเพื่อนสมัยเด็กนั้นแหละ ไม่ใช่ใครที่ไหน) ก่อนที่โทโมกิตื่นขึ้นมาก็พบโซฮาระที่กำลังจะปลุกเขา (พร้อมสับเขาตามมุกตลกฮาเร็มทั่วไป) โดยไม่รู้เลยว่าทั้งเดดาดัสและโซฮาระนั้นก็คือคนเดียวกัน เพียงแต่ที่มานั้นซับซ้อนกว่านั้น

    เรื่องราวเริ่มต้นขึ้น ก่อนที่โทโมกิจะจำความได้ ในสมัยที่ไซแนปส์ยังคงมีประชากรที่เรียกว่า “ชาวเบื้องบน” (นางฟ้า)

    คนเบื้องบนนั้นเป็นประชากรที่มีชีวิตที่สมบูรณ์พูนสุขทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน เงินทอง ความอำนวยความสะดวกทั้งหลาย อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีก้าวล้ำสามารถบันดาลได้ทุกสิ่ง และพวกเขายังสร้าง “แอเจรอยด์” มารับใช้พวกเขาเป็นไม่มีตกหล่น  เรียกได้ว่าพวกเขาไม่ต้องการอะไรอีกแล้วในชีวิตนี้

    แต่อนิจจา แม้ว่าชาวเบื้องบนจะมีชีวิตที่มีความสงบสุข แต่นานวันพวกเขากลับพบว่ามันเป็นชีวิตที่น่าเบื่อหน่าย ขาดสีสันในชีวิต วันๆมีแค่กิน กับนอน และความบันเทิง มันแทบไม่มีอะไรให้พวกเขาตื่นเต้นในชีวิตเลย

    ผลก็คือชาวเบื้องบนเบื่อหน่ายในชีวิต  และนั้นทำให้ชาวเบื้องบนหลายคนต้องจบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายเพื่อหลีกหนีออกจากชีวิตที่สมบูรณ์แบบนี้

    จนกระทั่งวันหนึ่งชาวเบื้องบนได้มีความคิดแอบดูชีวิต “คนเบื้องล่าง” หรือก็คือมนุษย์เดินดินธรรม ซึ่งครั้งหนึ่ง คนเบื้องบนดูถูกว่าเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ ไร้การศึกษา และเคยสังหารหมู่ชีวิตพวกเขาด้วยซ้ำ

    แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อชาวเบื้องบนได้เห็นชีวิตชาวเบื้องล่าง พวกเขากลับพบสิ่งที่พวกเขาไม่เคยเห็น พวกเขาได้พบความสุขที่พวกเขาไม่เคยสัมผัส

    และนั้นเองทำให้ชาวเบื้องล่างเกือบทั้งหมด  ได้เข้าโปรแกรมเชื่อมต่อความฝันที่ “เดดาดัส” และ “ไมนอส” สร้างขึ้น โปรแกรมเชื่อมต่อความฝันนั้นเมื่อชาวเบื้องบนหลับ โปรแกรมจะสร้างอวตาร์ของคนที่หลับ อวตาร์ เพื่อให้ตนกลายเป็นคนเบื้องล่าง ใช้ชีวิตอย่างคนเบื้องล่าง ปะปนอยู่กับคนเบื้องล่าง

    อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ก็มีกฎอยู่ว่าาหากอวตาร์ชาวเบื้องบนตายก่อนวัยอันควร (ส่วนแก่ตายนั้นไม่ทราบ)  ชาวเบื้องบนจะตื่นขึ้น และไม่สามารถกลับไปฝันแบบนี้เป็นครั้งที่สองอีก พร้อมกับลบตัวตนของอวตาร์ในโลกเบื้องล่างไปด้วย

    หนึ่งในนั้นมีชาวเบื้องบนที่ชื่อ “เดดาลัส” เป็นนักประดิษฐ์คนสำคัญ ซึ่งก็ได้นอนหลับฝันด้วยระบบนี้เช่นกัน ซึ่งเธอได้กลายเป็นคนเบื้องล่างที่ใช้ชื่อ “โซฮาระ”

    โซฮาระถูกกำหนดว่าเป็นเด็กหญิงที่อ่อนแอตั้งแต่กำเนิด มีชีวิตอยู่แต่ในบ้าน (ซึ่งตัวตนจริงๆ ของเธอก็อ่อนแออยู่แล้วเช่นกัน) ไม่สามารถออกไปไหนมาไหนบ้าง จนกระทั่งได้รู้จักกับคนเบื้องล่างคนธรรมดาคนหนึ่ง “โทโมกิ” ที่เป็นเพื่อนบ้านกัน ทั้งสองได้รู้จักจนกลายเป็นเพื่อนสมัยเด็กในที่สุด นี่คือความสุขที่ชาวเบื้องบนไม่มี

    อย่างไรก็ตาม ความสุขนี้ก็ได้หายไป เมื่อโซฮาระเสียชีวิตจากโรคร้าย และนั้นทำให้โทโมกิร้องไห้เสียใจมาก 

    เมื่อโซฮาระตายไป ผลคือทำให้ไดดารอสได้ตื่นขึ้น เธอไม่สามารถจะหลับฝันเป็นครั้งที่สองได้อีก รวมไปถึงไม่กล้าพบหน้าโทโมกิตรงๆ (ไม่กล้าลงไปโลกเบื้องล่าง) และนั้นเองทำให้ไดดารอสสร้างอวาตาร์ขึ้นมาใหม่ “โซฮาระ” (หมายเลข 2 ที่นมใหญ่กว่าเดิม) โดยอวาตาร์นี้มีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตนเอง (โดยใส่ความทรงจำของเพื่อนสมัยเด็กโทโมกิเข้าไป) ไม่เชื่อมกับตนอีกต่อไป  เพื่อเป็นเพื่อนสมัยเด็กของโทโมกิต่อ รวมไปถึงลบความทรงจำของโทโมกิเกี่ยวกับความตายของตน แล้วคิดว่าโซฮาระที่อยู่ข้างหน้านั้นเป็นของจริง

    แม้เดดาลัสจะไม่ได้เป็นเพื่อนสมัยเด็กของโทโมกิต่อไป เดดาลัสยังคงแอบมองชีวิตประจำวันโทโมกิอยู่ทุกวัน บางครั้งเธอก็ปรากฏตัวมาหาเขาในความฝันของเขาด้วย แม้ว่าโทโมกิจะจำเดดาลัสไม่ได้ แต่เขาก็รู้สึกว่าเขารู้จักเธอมานานแล้ว

                    เดดาลัสอาจเป็นตัวละครที่หลายคนหลงลืมไปแล้วว่ามีความสำคัญกับเนื้อเรื่อง แต่กระนั้นการ์ตูนก็หย่อนคำใบ้มาตลอดทางว่าโซฮาระก็คือเดดาลัส (ที่หลายคนไม่ได้คิดว่าทั้งสองเป็นคนเดียวกันก็เพราะเดดารัสอกแบน แต่โซฮาระดันหน้าอกใหญ่ ) ไม่ว่าจะเป็นตอนเปิดตอนแรก หรือช่วงฮิโทริที่หลายคนรู้แล้วว่าโซฮาระเพื่อนสมัยเด็กที่อยู่ตรงไหน้าไม่ใช่ของจริง

    Sora no Otoshimono Manga  68 น่าจะเป็นตอนดีที่สุดของโซฮาระ เพราะเป็นตอนที่โทโมกิกับโซฮาระย้อนอดีตไป 8 ปี ในขณะที่ยังเป็นโทโมกิเป็นอนุบาล และที่นั้นเขาก็พบกับเรื่องจริงว่าโซฮาระเพื่อนสมัยเด็กนั้นตายไปนานแล้ว แล้วโซฮาระในปัจจุบันเป็นใครกันแน่?

    แม้ว่าความทรงจำวัยเด็กเกี่ยวกับโซฮาระตัวจริงจะถูกลบหายไป แต่ความรู้สึกยังคงอยู่ ความมุ่งมั่นปรัชญาการใช้ชีวิตเรื่อง “สิ่งที่ดีที่สุดคือความสงบสุขไม่มีเปลี่ยนแปลง” มาโดยตลอด  แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงเขาก็พยายามที่จะอยู่กับมัน หากแต่เขาไม่อยากสูญเสียอะไรอีกแล้ว หากเขาสูญเสีย เขาจะนำมันกลับคืนมาให้จงได้

                    โทโมกิยังคงปฏิบัติโซฮาระปัจจุบันเหมือนที่ผ่านมา จนกระทั่งถึงตอนที่เคออสใช้ระบบซิแนปส์สร้างโลกใหม่ โซฮาระได้ถูกลบไป โทโมกิที่เห็นโซฮาระถูกลบ ก็ตกใจและร้องไห้ ไม่ว่าโซฮาระเป็นเป็นอะไร ตัวจริง หรือตัวปลอม เธอก็ยังเป็นเพื่อนสมัยเด็กของเขาอยู่ดี

                    เมื่อโยโซระถูกระบบซิแนปส์หายไป โทโมกิตัดสินใจขึ้นไปยังซิแนปส์เพื่อนำสิ่งที่เขาต้องการกลับคืนมา เขาสูญเสียสามนางฟ้าที่รักเขายิ่งกว่าชีวิต  ฝ่าด่านไมนอส จนกระทั่งเขามาพบเดดาลัสอีกครั้ง คราวนี้ทั้งคู่ไม่ได้พบกันในโลกแห่งความฝัน แต่เป็นโลกแห่งความจริง เดดาลัสได้เปิดเผยว่าเขาก็คือโซฮาระเพื่อนสมัยเด็กตัวจริง เธอขอโทษโทโมกิที่สร้างปัญหามาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการหลอกลวง ทั้งยังส่งฮิคารอสไปให้จนตกเป็นเป้าของไมนอส จนบัดนี้เธอก็ยังเสียใจในสิ่งที่ผมลงไป

                    อย่างไรก็ตาม โทโมกิไม่ได้โกรธเดดาลัส เขาขอบคุณด้วยซ้ำที่ได้ส่งฮิคารอสมาให้เขา จนทำให้ทุกวันนี้เขามีความสุขกับสามนางฟ้าที่เป็นลูกของเธอ “ถ้าฉันไม่เชื่อว่าเพื่อนสมัยเด็กของฉันตาย... ฉันคงไม่รู้ตัวจริงของเธอ (และรู้จักทุกคน หรอก )...ใช่มั้ยล่ะ?และนั้นทำให้เมฆหมอกปมจิตใจของเดดาลัสได้หายเป็นปลิดทิ้ง  แม้ว่าเดดาลัสจะเป็นอัจฉริยะ เป็นชาวเบื้องบนที่ร่างกายไม่เหมือนเขา โทโมกิยังคงมองเดดาลัสเป็นโยโซระเพื่อนสมัยเด็กข้างบ้านเหมือนเดิม

                    สุดท้ายหลังโลกกลับคืนสู่สภาพเดิม เดดาลัสก็มีความกล้าที่จะลงไปโลกเบื้องล่าง รวมไปถึงโซฮาระหมายเลขสองก็กลับมาหาโทโมกิอีกครั้ง  ไม่ว่าเดดาลัสหรือว่าโซฮาระทั้งคู่ก็คือคนสำคัญของเขา นั้นคือเพื่อนสมัยเด็กที่ไม่มีอะไรมาทดแทนได้


     

    ฉากโทโมกิพบเคออสถือว่าเป็นฉากที่ผมชอบก็ว่าได้

    มันเหมือนกับฉากพระเอกพบจอมมาร ในร่างสาวน้อยที่รักพระเอกมากๆ อย่างงั้นแหละ

     

    สิ่งที่ชอบ 1 ยัยตัวร้ายกลับบ้าน

    ผมเชื่อว่าถ้าเรื่อง Sora no Otoshimono ขาดเคออสไป สีสันเรื่องนี้คงจืดชืดแน่นอน เพราะเคออสทำให้เนื้อเรื่องเข้มข้น ดราม่า และทำให้ตอนจบเรื่องนี้มีความหมายมากขึ้น

    เคออนเป็นแองจีรอยด์รุ่นสองที่สร้างโดยไมนอส เป็นศัตรูสำคัญที่สุดในซีรีย์ หากเทียบกับเรื่องอื่นๆ ก็คือ “ลาสต์บอส” ก็ไม่ผิดนัก เพราะเป็นตัวละครสำคัญของเรื่อง เป็นตัวทำให้เกิดเรื่อง (ดราม่า) เป็นตัวทำร้ายจิตใจผู้ดู และก็เป็นตัวละครที่น่าสงสารในเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังเป็นแองจีรอยด์ที่ร้ายกาจที่สุดในเรื่อง มีพละพลังมหาศาล สามารถพัฒนาไม่มีที่สิ้นสุด สามารถทำลายล้างโลกได้อย่างง่ายดาย (แต่ที่ทำให้เคออสน่ากลัวคือ เป็นแองจีรอยด์ที่ไม่สนกฑของแองตจีนอยด์ทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็น สามารถเข้าความฝันคนอื่นได้, ไม่สนคำสั่งมาสเตอร์ และมีความสามารถที่เพิ่มเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นดูดกลืนพลังของศัตรู)

    ปกติการ์ตูนแนวฮาเร็มไม่มีลาสต์บอส ยกเว้นหากเป็นแนวที่มีแอ็คชั่นเพิ่มเข้ามาก็จะมีศัตรู และลาสต์บอสเป็นหัวหน้าใหญ่ อย่างไรก็ตามน้อยมากที่ลาสต์บอสจะมีรูทชอบพระเอก (ปกติลาสต์บอสที่เป็นผู้หญิงจะรักชายคนอื่นที่ไม่ใช่พระเอก) และตัวละครลาสต์บอสมีน้อยมากที่สมหวังกับพระเอก (หากลาสต์บอสรักพระเอกน่ะ) ดังนั้นการที่เคออสจะได้สมหวังโทโมกิ มันเป็นอะไรที่ผมค่อนข้างประทับใจมาก

    เคออสเป็นหนึ่งในตัวละครที่ผมดูแล้วสนุก ดูแล้วอวย และดูแล้วน่าวิเคราะห์ น่าศึกษา (เชื่อว่าหลายคนอวยตัวละครนี้ไม่มากไม่น้อย) อวยที่ว่าไม่ใช่รูปร่างน่าตา  แต่เป็นบทบาทของเคออสจากเริ่มต้นตัวร้ายที่ร้ายมากๆ เลือดเย็น รังแกนิพท์และฮิคารอส กลับกลายเป็นเด็กสาวตัวน้อยๆ ที่อยากได้ความรักจากโทโมกิ แต่อนิจจาเพราะดราม่าของเรื่อง กว่าที่เคออสจะได้สมหวังก็เป็นตอนสุดท้ายของเรื่อง

    ภารกิจของเคออสตอนแรก (ปรากฏตัวครั้งแรก มังงกะตอนที่ 27) คือการทำลายฮิคารอสและนิมพ์ โดยการปลอมเป็นโทโมกิแกล้งนิมพ์อย่างโหดร้ายและสั่งให้ฮิคารอสฆ่าตัวเอง

     ก่อนที่เคออสจะถูกฮิคารอสจับไปถ่วงน้ำ จมอยู่ส่วนลึกมหาสมุทรชั่วระยะเวลาหนึ่ง จนกระทั่งดูดพลังแองจีรอยด์ที่ชื่อ “ไซเรน” (กลายเป็นตัวละครที่น่าสงสารที่สุดในซีรีย์การ์ตูนเรื่องนี้) ทำให้ว่าเคออสว่ายน้ำได้ และขึ้นบกเพื่อมาหาโทโมกิ

    เคออสถือว่าเป็นตัวละครที่รับบทตัวร้าย โหดเหี้ยม อำมหิต ตัวหายนะ แอบโรคจิต ชนิดว่าถ้าฉากไหนเคออสปรากฏมาเมื่อไหร่จะต้องมีใครตายหรือดราม่าแน่นอน แต่อีกด้านหนึ่งในบทตัวร้ายๆ นั้นก็มีมุมมองที่น่าสงสาร น่าอวยในเวลาเดียวกัน

    แม้เคออสจะโหดเหี้ยม หากวิเคราะห์แล้ว ในใจลึกๆ แล้วเคออสก็เป็นเพียงเด็กน้อยที่อ่อนต่อโลก มีด้านเหงาๆ  เต็มไปด้วยความสงสัยและอยากรู้ ภายใต้เด็กน้อยในชุดแม่ชีนี้มักตั้งคำถามในใจว่า “ความรักคืออะไร?” ทำไมฮิคารอสและนิมพ์ต้องหักหลังมาสเตอร์ของตนเอง เพื่อมาอยู่โทโมกิด้วย

    หากติดตามตั้งแต่ต้นจนจบจะพบว่าคำถาม “ความรักคืออะไร?” ทำให้บทบาทของเคออสเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ตอนแรกเคออสถามนิมพ์ นิมพ์ไม่ตอบเลยตอบโต้ด้วยการโจมตี ถามแอสเทรียก็ตอบไม่รู้ ต่อมาก็ถามคำถามนี้กับฮิคารอส ฮิคารอสไม่สามารถตอบได้รู้แต่ว่า “มันเจ็บ” ทำให้เคออสมีความคิดว่าความรักคือความเจ็บปวดมาตลอด

    ความจริงแล้วสาวแต่ละคนมีมุมมองความรักของแต่ล่ะคนแตกต่างกันไป อย่างนิมพ์มีความรักโทโมกิขอแค่โทโมกิมองตนบ้างก็พอใจแล้ว  อย่างฮิคารอสก็ขอแค่อยู่เคียงข้าง จนกระทั่งเคออสพบโทโมกิเป็นครั้งแรก เคออสถามโทโมกิว่าความรักคืออะไร ? แม้ว่าโทโมกิจะไม่สามารถตอบคำถามแน่ชัด แต่กระนั้นก็ทำให้เคออสเริ่มมีความรู้สีกชอบโทโมกิ กิในแบบของเธอเช่นกัน นั้นคือเคออสรักโทโมกิในฐานะเป็นพี่ชาย

    ทำไมเพียงแค่นี้เคออสสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังกลับโดนปักธงได้อย่างง่ายดาย สาเหตุง่ายๆ คือโทโมกิมองเคออสเป็นเพียงเด็กหญิงแค่ตัวเล็กๆ ไม่ได้มองเป็นสิ่งน่ารังเกียจหรือน่าสะพรึงกลัวแม้แต่น้อย (กว่าที่เคออสจะพบโทโมกิ โดนนิมพ์ตอบโต้ด้วยความรุนแรง  โดนฮิคารอสหาว่าเป็นตัวอันตราย ไม่เคยมีใครทำดีกับตนเอง แต่โทโมกิใช้ความอ่อนโยนและการให้ (โทโมกิให้รองเท้ากับเคออส และหากสังเกตดีๆ ไม่ใช่รองเท้าของโทโมกิ แต่เป็นของโซฮาระอีกต่างหาก)

    แต่อนิจจาเรื่องราวความรักของเคออสต่อโทโมกินั้นต้องมีเหตุการณ์อะไรสักอย่างมาขัดขวางเสมอ เคออสถูกไมนอสตัดห่างปล่อยวัด แถมพูดว่าเคออส บอกว่าเป็นตัวน่ารักเกียจและอ่อนแอ แถมตอนที่เคออสจะกลับไปหาโทโมกิก็โดนเข้าใจผิดคิดว่าโทโมกิรังเกียจตนอีก และนั้นเองทำให้เคออสฝังใจว่า ตนต้องเก่ง ไม่ทำตัวอ่อนแอ เพื่อกลับไปหา โทโมกิจะไม่โกรธอีก

    หลังจากนั้นเคออสพัฒนาตนเอง จนตนเองมีพลังมากมายชนิดจะล้างโลกได้ แต่สิ่งที่เคออสต้องการไม่ได้ต้องการล้างโลก สิ่งที่ต้องการมีเพียงอย่างเดียวคือต้องการกลับไปหาโทโมกิเท่านั้น

    จนกระทั่งถึงช่วงสุดท้ายของมังงะฮิโยริสละตนเองเพื่อให้เคออสซึมซับความทรงจำและความรู้สึกฮิโยริที่มีต่อโทโมกิทั้งหมด และนั้นเองทำให้เคออสมีความรู้สึกของมนุษย์ และเริ่มรู้ว่าที่ผ่านมาตนเองทำผิดมาโดยตลอด

    เคออสไปหาโทโมกิอีกครั้ง แต่เพราะความเข้าใจผิด (อีกครั้ง) ทำให้เคออสทำร้ายโทโมกิแบบไม่ได้ตั้งใจ และนั้นเป็นต้นเหตุทำให้เคออสใช้ระบบซิแนปส์สร้างโลกใหม่ขึ้นมา

                    Sora no Otoshimono Manga 75 เรียกได้ว่าเป็นตอนที่ดีที่สุดของแอสเทรียหรือยัยบากะ และเคออสก็ว่าได้ เพราะเป็นฉากที่ยัยบากะสู้กับเคออส ทั้งคู่ต่างงัดร่างสุดยอดมาสู้อย่างเมามัน แม้ว่าสุดท้ายทั้งคู่จะตาย แต่กระนั้นเคออสก็ยอมรับว่าแอสเทรียเป็นพี่สาวของเธอ ก่อนปิดท้ายเคออสถามว่ารักคืออะไรอีกครั้ง แอสเทรียตอบว่า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะฉันโง่เกินไป ดังนั้นคราวหน้าให้ถามโทโมกิเองน่ะ โอเค?ก่อนทั้งสองจะหายไปและระเบิด

    อย่างไรก็ตาม หลังโทโมกิให้โลกกลับมาเหมือนเดิม ทุกคนที่หายและตายกลับมาหาโทโมโกิหมด รวมไปถึงเคออสด้วย  คราวนี้เธอได้รับการอภัยจากทุกคน เคออสยอมเป็นเด็กสาวตัวน้อยๆ ที่ได้รับความรักจากพี่ชาย มากกว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ร้ายกาจที่สุดในสองโลกที่ทุกคนหวาดกลัวและรังเกียจอีก เป็นอันว่าฮาเร็มของโทโมกิก็สมบูรณ์แบบในตอนจบนั้นเอง

     

    ตอนจบที่ผมชอบเป็นพิเศษ

     

     

    ตอนที่เขียนบทความ Sora no Otoshimono ยังไม่ได้จบอย่างสมบูรณ์ เพราะว่ายังเหลือตอนพิเศษอีก ซึ่งจะลงประมาณวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2014 ซึ่งผมเชื่อว่าน่าจะเป็นตอนพิเศษเน้นตลกมากกว่า (เหมือนการ์ตูนท้ายตอนรวมเล่มอื่นๆ ก่อนหน้า) คงไม่มีอะไรที่พลิกอะไรอีกแล้ว (สาธุ)

    แม้ว่าหลายคนจะพอรู้วาดตอนจบของการ์ตูนเรื่องนี้แบบคร่าวๆ แล้ว เพราะขึ้นชื่อยี่ห้อของคนแต่ง Suu Minazuki ที่ผลงานที่ผ่านมาตอนใกล้จบปวดตับ ตัวละครหลักตายเกือบหมด ก่อนที่ตอนจบจะชุปหมู่ จบแบบมีความสุขก็ตาม แต่กระนั้นก็เป็นตอนจบที่หลายคนชอบอยู่ดี

    สำหรับเรื่องรักๆ ฮาเร็มเรื่องนี้ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่การนำเสนอเกี่ยวกับความรักและความผูกพัน แต่เน้นสื่อถึงเพื่อน และครอบครัว (ไปจนถึงอะไรที่มากกว่าครอบครัว) เสียมากกว่าสื่อในเรื่องของเพศ ชายหรือหญิง (แปลกอยู่อย่างเรื่องนี้มีโดจิน H น้อยกว่าที่คิด)

    ที่น่าสนใจคือ สาวๆ ในเรื่องนี้มีมุมมองเกี่ยวกับความรักแตกต่างกันออกไป และหลากหลาย อย่างนิมพ์ของแค่โทโมกิมองตนบ้างตนก็พอใจแล้ว, หรือแอเทเรียมองโทโมกิเป็นเพื่อนเล่น เคออสมองโทโมกิเป็นพี่ชาย, ส่วนโยโซระมองเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่ขาดไม่ได้ (จะมีฮิโยรินี้แหละที่มองโทโมกิแบบชายและหญิงทั่วไป แบบว่าอยากอยู่กินจนแก่เฒ่าก็ว่าได้) ส่วนประเด็นความรักของฮิคารอสกับโทโมกิ ที่อาจสื่อถึงมนุษย์สังเคราะห์หลงรักมนุษย์นั้นเนื้อหาการ์ตูนไม่ได้เอาประเด็นนี้มาย้ำให้ดราม่ามากนัก เพราะอย่างที่รู้ความรักมนุษย์สังเคราะห์ที่มีจิตใจมนุษย์มักจบแบบไม่สมหวัง ดังนั้นคนเขียนจงใจหลีกเลี่ยงดราม่าดังกล่าว  และเปลี่ยนเป็นความรักของฮิคารอสได้ส่งมอบความกล้าให้โทโมกิก้าวเดินต่อไปในตอนท้าย (และจะเห็นว่าไม่เพียงฮิคารอสเท่านั้น ยังรวมไปถึงนิพม์ และแอเทเรีย ต่างส่งพลังมาให้โทโมกิด้วย) ไม่ว่าสาวๆ มองโทโมกิอย่างไร มันก็คือความรัก  (แน่นอนว่าทุกคนมีปมปัญหาจติใจ หากไม่มีปมนั้น โทโมกิคงสามารถปักธง หรือทำให้เธอรักเขาได้ แน่นอน)

    สุดท้ายสาวในฮาเร็มของโทโมกิก็สมหวัง  แต่การจบฮาเร็มนี้ไม่ได้จบแบบฮาเร็มหมู่เหมือนที่หลายคนคิด แต่เป็นฮาเร็มที่จบแบบไปโรงเรียนด้วยกัน (แต่ตอนจบพวกโทโมกิกลับจากโรงเรียน)   โทโมกิไม่ได้เลือกคนใดคนหนึ่งเป็นคนรักของตน  อาจเป็นเพราะโทโมกิไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย หรือไม่ก็อยากให้เป็นแบบนี้เช่นทุกวันที่ผ่านมา ส่วนพวกสาว ๆ เองก็ไม่ได้ดราม่าเรื่องรัก ต่างพร้อมใจใช้ชีวิตแบบเดิมๆ เหมือนที่ผ่านมาเช่นกัน เพียงแต่คราวนี้พวกเธอพยายามพัฒนาความรักของตนกับโทโมกิมากขึ้น (เพราะปมจิตใจถูกขจัดออกไปแล้วนี่น่า) แม้ว่าบางคนจะไม่กล้าบอกโทโมกิตรงๆ ก็ตาม

    มีอยู่ฉากหนึ่ง ผมชอบเป็นพิเศษ เป็นฉากที่ตัวละครหญิงหลักสี่คน ฮิคารอส, นิมพ์, แอเทเรีย และโทโมกิต่างร้องไห้รอบตัวโทโมกิที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส จากการหยุดการต่อสู้ระหว่างเคออสและนิมพ์ นอกจากความหล่อของโทโมกิแล้ว เราก็ได้เห็นสาวทั้งหลายร่ำไห้แบบไม่อายใคร แสดงให้เห็นว่าทุกคนต่างยอมรับซึ่งกันและกันว่ารักชายคนเดียวกัน โทโมกิคงใจร้ายมากหากรักใครคนใดคนหนึ่ง

    พระเอกโทโมกิน่าเป็นพระเอกฮาเร็มจำนวนน้อยคนจริงๆ ที่มีลักษณะเฉพาะตัวค่อนข้างสูง ไม่เหมือนปัจจุบัน พระเอกสมัยนี้ออกแบบกากๆ ไปในทิศทางเดิมๆ ดูแล้วไม่ค่อยน่าอวยเท่าใดนัก แต่สำหรับพระเอกโทโมกินั้นตรงกันข้าม เป็นพระเอกที่มีสีสัน ภายใต้พระเอกขี้เก๊ก (ทั้งๆ ที่หน้าตาไม่หล่ออะไรมากมาย) ตัวเตี้ย  ลามก เสื่อม ชอบอยู่ในโหมดน่าหยิก (ในฐานะโรคจิตหื่น) น่าต่อยบ่อยครั้ง แต่โทโมกิเป็นพระเอกที่ใครเกลียดไม่ลง เพราะเมื่อถึงบทดราม่า บทพิสูจน์ตน คลายปมสาวๆ พระเอกโทโมกิจะหล่อเท่ขึ้นมาทันใด

    แน่นอนว่ายังมีคำถามสำคัญของเรื่องตกลงแล้วโทโมกิเป็นอะไรกันแน่ เพราะจากที่หลายตอนพบว่าโทโมกิไม่ใช่คนธรรมดา แต่อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้การ์ตูนไทม่ได้ขยายความหรือเปิดเผยมากนัก ความลับของโทโมกิยังเป็นปริศนาต่อไป รู้เพียงว่าเขาเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ที่เป็นพระเอกฮาเร็มแท้ๆ ที่เราเห็นว่าเขาพยายามทุกอย่างเพื่อให้ได้ความสุข การยอมรับตัวตนของอีกฝ่าย สิ่งนี้แหละคือสิ่งที่ทำให้โทโมกิได้รับสิ่งตอบแทนในตอนท้าย  

    โทโมกิเป็นพระเอกไม่กี่คนในวงการการ์ตูนที่ทำตามคติประจำใจอย่างที่เขาพูดตั้งแต่ต้นจนจบ คือการชีวิตอย่างสงบสุข  ไม่เหมือนพระเอกฮาเร็มหลายเรื่องปากบอกว่าฮาเร็ม แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว ฮาเร็มย่อยยับ ไม่คุ้มค่าที่ติดตาม แต่โทโมกิไม่ได้เป็นเช่นนั้น เขาทำได้  เขาทุ่มสุดตัว แสดงความเป็นลูกผู้ชายออกมา และทำจนสุดความสามารถ จนทำให้เรื่องจบดีแบบนี้

    Sora no Otoshimono อาจเป็นการ์ตูนฮาเร็มที่มีข้อตำหนิอยู่บ้าง แต่กระนั้นผมก็ไม่ได้สนข้อตำหนิเหล่านี้ เพราะข้อดีของเรื่องนี้เยอะกว่า ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินสลับอารมณ์ได้อย่างไม่รู้เบื่อ เนื้อหาน่าติดตาม  เอกลักษณ์ผสมกับตลกบ้าบอ เอจจิ ฉากแอ็คชั่นปล่อยพลังอลังการ และดราม่าอย่างลงตัว  บทตัวละครที่คุ้มค่า (แม้บางตัวละครผมเห็นว่าไม่จำเป็นต้องมีบทก็ได้ อย่าง เจ้านักเรียนคุณหนู เป็นต้น) ส่วนคู่ประธานกับรุ่นพี่เองแม้จะไม่สามารถสู้รัศมีฮาเร็มของโทโมกิได้ แต่ก็เป็นอีกคู่ที่ผมเห็นว่ามีก็ไม่เสียหายเพราะมีดราม่าอะไรให้ชวนอึ่งตอนท้าย  สรุปคือเป็นการ์ตูนที่คุ้มค่าที่ได้ติดตามมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา  

    สุดท้ายนี้ผมขอขอบคุณ Suu Minazuki ที่สร้างสรรค์การ์ตูนเรื่องนี้ให้ทุกคนได้อ่าน และแสดงให้เห็นว่าฮาเร็มไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องรักๆ ของชายและหญิงเหมือนเรื่องอื่นทั่วไป และทำให้การ์ตูนมังงะเรื่องนี้จบแบบมีความสุขครับ   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×