คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #137 : To Love-Ru การ์ตูนฮาเร็มที่ดีเป็นอย่างไร?
กระทู้
“(มองอย่างแมวๆ) Anime Summer 2011 การ์ตูนไหนน่าสนใจ - ไม่น่าสนใจ"
http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2196366
To Love-Ru เป็นการ์ตูนที่ผมอยากเขียนมานานแล้วครับ(ที่อยากเขียนตอนนี้ก็เพราะประทับใจเรื่องอุยเสียวป๋ออ่ะนะ) เนื่องจากเป็นการ์ตูน(มังงะ)ที่ผมชอบมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ และไม่ใช่ผมคนเดียว หลายคนก็ชอบด้วย มันเป็นการ์ตูนที่สามารถนำไปอ้างอิงได้เลยว่าแนวฮาเร็มที่ดีเป็นอย่างไร การตัดสินใจของคนเขียนที่เขาคิดยังไงถึงได้ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้กลายเป็นการ์ตูนที่หลายคนพูดถึงมากที่สุดในหลายปีที่ผ่านมา เขียนยังไงถึงออกมาเด็ดดวง ใช้หลักการอะไรบ้างที่ทำให้การ์ตูนคอมมาดี้ฮาเร็มเรื่องนี้ถูกใจโอตากุ การ์ตูนเรื่องนี้มีคำตอบครับ
To Love-Ru
คอมมาดี้, ตลกฮาเร็ม, ไซไฟ, ชีวิตในโรงเรียนวันต่อวัน
To Love-Ru เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น ที่คำว่าTu-ra-bu -ru อ่านทับศัพท์ภาษาอังกฤษได้ว่า Trouble เป็นการเล่นคำ แทนที่จะเป็น Toraburu (Trouble) ก็เลยแบ่งเป็น To-rabu-ru ก็เลยได้เป็น To Love Ru เมื่อเอามารวมก็แปลว่า “ปัญหาความรัก” การ์ตูนเนื้อเรื่องโดยซาคิ ฮาซามิ(Saki Hasemi) ภาพประกอบโดย เคนทาโร่ ยาบูกิ(Kentaro Yabuki) ที่มีผลงาน Black Cat การ์ตูนลงต่อเนื่องในนิตยสารโชเน็นจัมป์ระหว่างปี 24 เมษายน 2006 ถึง 31 สิงหาคม 2009 ซึ่งถือว่าแปลกมากเพราะอย่างที่เรารู้กันว่าการ์ตูนโชเน็นจัมป์ส่วนใหญ่เน้นแอ็คชั่นบู๊มิตรภาพเป็นหลัก แถมคนวาดเองผลงานที่แล้วมาก็มีแต่แอ็คชั่น ทำให้การ์ตูนเลิฟคอมมาดี้เซอร์วิสฮาเร็มเรื่องนี้ท้าทายมากเพราะหากพลาดคนวาดเองก็อนาคตดับด้วย หากแต่ปรากฏว่าการ์ตูนเรื่องนี้กลับดังเหมือนสามล้อถูกหวย(ส่วนสาเหตุจะเล่าที่หลัง) แถมดึงสาวกโอตากุเข้ามาเป็นแฟนจัมป์ด้วย(แฟนจัมป์ส่วนมากเป็นเด็ก) การ์ตูนมังงะมี 18 เล่มจบ และขายดีจนถึงขั้นมีฉบับรูปเล่มพิเศษ ถูกสร้างเป็นอนิเมชั่น เกมต่างๆ มากมาย(เกมโดจินโป๊ยังมี) แม้การ์ตูนดังกล่าวจะจบไปแล้วด้วยเหตุผลส่วนตัวของคนเขียน แต่กระนั้นเหล่าแฟนๆ ยังเรียกร้องให้มีคนเขียนวาดภาคใหม่ต่อ(เพราะภาคแรกจบแบบค้างๆ คาๆ แต่สำหรับผมแล้วมันสมบูรณ์แบบแล้วล่ะ) ทำให้มีการสร้างภาคใหม่ในชื่อ To Love-Ru Darkness ในนิตยสารโชเน็ต SQ(Jump Square) เมื่อ 4 ตุลาคม 2010 จนถึงปัจจุบัน
สามารถอ่านมังงะทั้งหมดได้ที่
http://sonic-kun.exteen.com/category/Manga-To-LOVE-Ru
To Love-Ru เป็นการ์ตูนฮาเร็ม(ที่ตอนแรกไม่คิดจะเป็นฮาเร็มด้วยซ้ำ) ที่เป็นเรื่องของตัวเอกเด็กมัธยมปลายคนหนึ่งชื่อ ยูกิ ริโตะ นักเรียนมัธยมที่ไม่สามารถสารภาพรักกับผู้หญิงในฝันไซเรนจิ ฮารุนะ ได้ (นอกจากนี้เขายังมีนิสัยรู้สึกประหม่าเวลาอยู่กับผู้หญิงอีก) จนกระทั้งวันหนึ่งในขณะที่ เขากลับมาบ้านและลงอ่างน้ำ จู่ๆ ก็มีผู้หญิงสวยเปลือยลึกลับปรากฏออกมาในอ่างน้ำในขณะเขาแช่อ่างแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว เธอแนะนำตัวว่าเธอชื่อ ลาล่า เป็นมนุษย์ต่างดาวจากดาวเดวิดลูค ซึ่งเป็นดาวมหาอำนาจยิ่งใหญ่ในจักรวาล ซึ่งเธอเป็นเจ้าหญิงของพระราชาดาวดังกล่าว ซึ่งพ่อของเธออยากให้เธอกลับไปที่ดาวเคราะห์บ้านเกิดเพื่อที่จะได้ไปแต่งงานกับหนึ่งในผู้สมัครเป็นสามี แต่เธอไม่ยอม แถมยังตัดสินใจว่าจะแต่งงานกับริโตะเพื่อจะได้อยู่บนโลกต่อ ตอนแรกริโตะก็ไม่เห็นด้วยเพราะว่าเขามีคนชอบอยู่แล้ว แต่ด้วยเหตุการณ์พาไปทำให้ลาล่าเข้าใจผิดนึกว่าริโตะรักเธอ แถมพ่อของลาล่ายังขู่ว่าถ้าริโตะไม่แต่งงานกับลาล่าเขาจะต้องถูกฆ่าและทำลายโลกใบนี้ ทำให้ชะตากรรมของโลกขึ้นอยู่กับคนตัวเล็กๆ อย่างริโตะไป
หลังจากนั้นเป็นต้นมา ลาล่าก็อาศัยอยู่กับริโตะ ลาล่าเป็นผู้หญิงไฮเปอร์ที่สามารถเข้ากันได้ดีกับคนรอบข้าง ทำให้ริโตะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับผู้หญิงหลายคนไปด้วย พร้อมกันนั่นเขายังสามารถใกล้ชิดกับฮารุนะและพัฒนาความสัมพันธ์อย่างรวดเร็ว(ซึ่งความจริงแล้วฮารุนะก็แอบหลงรักริโตะเหมือนกัน) แต่ปัญหาของริโตะกำลังเริ่มขึ้นเมื่อคู่หมั่นทั้งหลายของลาล่าต่างไม่เห็นด้วยกับการที่ลาล่าเลือกแต่งงานกับริโตะ ทำให้หลายคนพยายามที่จะเอาชนะหรือฆ่าริโตะให้ได้ แต่กระนั้นด้วยความเป็นมหาเมพของริโตะทำให้รอดตัวหลายครั้ง และเมื่อหมดปัญหานี้ไป ริโตะกับเจอปัญหาใหม่ เมื่อชีวิตของเขามีผู้หญิงหลายคนมาเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น คนหรือมนุษย์ต่างดาว บางคนก็แอบชอบริโตะตั้งแต่แรกเห็น บางคนก็พัฒนาความสัมพันธ์จนเริ่มชอบ ในขณะที่บางคนยังมีเครื่องหมายคำถามอยู่ว่าเธอชอบริโตะจากใจจริงหรือเปล่า?
เชื่อเถอะว่าตอนแรกการ์ตูนเรื่อง To Love-Ru คนเขียนตั้งใจจะให้เป็นแอ็คชั่นอยู่แล้วที่ผมเชื่อแบบนี้ก็เพราะสามเหตุผลครับ อย่างแรกก็คือมันลงนิตยสารจัมป์ซึ่งถือว่าเป็นการ์ตูนที่เน้นแอ็คชั่นมิตรภาพมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ในอดีตการ์ตูนที่ลงในจัมป์แล้วเปลี่ยนแนวกะทันหันจากคอมมาดี้มาเป็นแอ็คชั่นปล่อยพลังกันนี้มีเพียบ(รีบอร์นไงล่ะ) ดังนั้นพวกฮาเร็มคอมมาดี้ที่ไม่มีแอ็คชั่นตั้งแต่ต้นจนจบในจัมป์จึงมีน้อยมาก(เท่าที่มีก็เช่น Ichigo 100% แต่เรื่องดังกล่าวผมถือว่ามันไม่ใช่ฮาเร็มที่ดี ผมให้ติดลบในแง่ฉากจบ) อย่างที่สองคนเขียนเองผลงานที่แล้วมาไม่มีเลิฟคอมมาดี้สักเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Yamato Gensoki(1998), Jigen Bakuju(1999), Black Cat(2000). Trans Boy (2004) ล้วนเป็นการ์ตูนแอ็คชั่นเนื้อหาสูตรสำเร็จทั้งสิ้น(ดังก็มี Black Cat แหละ)ดังนั้นเรื่องประสบการณ์การเขียนคอมมาดี้ของคนเขียนแทบไม่มีเลยสักนิด(ทำให้หลายตอนของการ์ตูนดังก
แต่ผลสุดท้ายการ์ตูน To Love-Ru ได้ดำเนินเรื่องอย่างที่ควรจะเป็นครับ เมื่อการ์ตูนดังกล่าวปรับเนื้อหาให้เป็นฮาเร็มแนวอิจฉาพระเอกเต็มรูปแบบ ตัดเรื่องคู่หมั่นของลาล่าออกไป ตัดตัวละครที่ผู้ชายหล่อๆ ทั้งหลายออกไป(เหลือแต่โผล่มาแจม จำพวก ผอ. และเพื่อนพระเอกซารุยาม่าให้ฮ่าเป็นระยะ) ส่วนเนื้อหาที่ตอนแรกมาแบบดราม่าหนักๆ ก็เอาออกไป เน้นใช้ปรัชญาโอตากุมาเสริมคือ ไม่จำเป็นต้องดำเนินเรื่องเป็นเรื่องเป็นราว เนื้อหาหยุดอยู่กับที่ เน้นอีเวนท์และเซอร์วิสระหว่างริโตะกับสาวๆ ในเรื่องเข้าไปแทน แต่เพื่อไม่ให้น่าเบื่อก็มีการเพิ่มดราม่าเข้าไป มีเนื้อเรื่องย่อย ใส่ฉากแอ็คชั่นเข้าไปนิดหน่อย และการตัดสินใจครั้งนี้ได้กล่าวเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญอย่างแท้จริง เพราะ To Love-Ru ได้กลายเป็นการ์ตูนติดลมตั้งแต่บัดนั้น ขายดิบขายดีจนติดอันดับตลาดมังงะญี่ปุ่น และกลายการ์ตูนที่โอตากุโหวตว่าถูกอกถูกใจจนสามารถยืนหยัดมาได้จนถึงปัจจุบัน
To Love-Ru มาแบบฮาเร็มแท้ๆ (ซึ่งเรียกกันว่าสูตรสำเร็จฮาเร็ม) โดยองค์ประกอบสำคัญก็คือพระเอกฮาเร็ม ยูกิ ริโตะนั้น เป็นคนธรรมดาสามัญที่ไม่มีดวงเรื่องผู้หญิง แต่จู่ๆ ด้วยความโชคดีหรือเหตุการณ์นำพาให้ตัวเอกได้รู้จักตัวละครผู้หญิงจะสวยหรือน่ารัก แล้วเมื่อเนื้อเรื่องดำเนินนานวันเข้า พระเอกก็มีรู้จักตัวละครหญิงหลายคน หลายแบบ หลาย สไตล์ และทุกคนต่างชอบพระเอกคนเดียวกัน จนทำให้เกิดสถานการณ์รักสามเศร้า พระเอกได้เป็นจุดศูนย์กลางเรื่องดังกล่าว และเกิดอีเวนท์ต่างๆ มากมาย จนถึงฉากจบ ก็จบแบบฮาเร็ม คือพระเอกเลือกผู้หญิงทั้งหมด(ไม่มีใครเข้าวิน) หรือฉากจบอารมณ์แบบจิ้นตีความเอาเองว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อ
การ์ตูนฮาเร็มนั้นเขียนง่าย เพราะเนื้อเรื่องหลักไม่มีอะไรมาก แค่วาดตัวละครสาวน่ารักต่างสไตล์หลายคนกับพระเอกก็ทำได้แล้ว แต่ปัญหาคือจะทำยังให้การ์ตูนดังกล่าวฮิตติดตลาด อันนี้ก็ขึ้นกับความคิดของคนเขียนแหละครับว่าคุณจะใส่อะไรลงไป แม้ To Love-Ru จะเป็นการ์ตูนฮาเร็มสูตรสำเร็จ แต่กระนั้นมันกลับทำได้เด็ดดวง เหล่าโอตากุชอบ สาเหตุก็ง่ายๆ ก็คือ มันมีองค์ประกอบที่ทำให้โอตากุชอบทุกอย่าง มีเนื้อหาไม่หักหลังโอตากุ ดำเนินเรื่องแบบเอาใจโอตากุ รู้ว่าฮาเร็มที่ดีควรเป็นอย่างไร โอตากุ(คนโสด)ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เขียนยังไงให้โอตากุ(คนโสด)ชอบ ซึ่งผมชมคนเขียนจริงๆ เพราะคนเขียนศึกษาเรื่องพวกนี้เป็นอย่างดี จนสามารถนำสิ่งที่โอตากุชอบมาใส่ To Love-Ru จนเกือบสมบูรณ์แบบ บวกกับคนเขียนก็เอาการ์ตูนฮาเร็มดังกล่าวมาผสมสไตล์ความถนัดของตนเองเข้าไปด้วย ต่อให้เป็นสูตรสำเร็จ เนื้อหากากๆ ก็ทำให้การ์ตูนดังกล่าวอ่านแล้วสนุก เพลิดเพลิน จนจบแบบไม่รู้ตัว
การ์ตูนฮาเร็มก็เหมือนการ์ตูนขายฝันของโอตากุแหละครับ ที่โลกแห่งความจริงไม่สามารถเป็นแบบในการ์ตูนได้ ดังนั้นพวกเขาจึงได้วาดฝันตัวเองลงในการ์ตูนฮาเร็มแทน โดยพวกเขามักเปรียบเทียบตัวเองเหมือนกับพระเอกการ์ตูนฮาเร็มไว้ว่าจะต้องเป็นคนธรรมดาสามัญ ที่ไม่มีจุดเด่นอะไรเลย(อาจเพิ่มด้วยว่า ต้องเป็นคนเตี้ย อย่าเก่ง อย่าสูง อย่าหล่อ ฯลฯ) เสมือนกับตัวโอตากุในโลกแห่งความจริงที่หน้าตาเขาไม่มีเสน่ห์ ไม่มีสาวที่ไหนมาหลงรักได้ แต่แล้วจู่ๆ พระเอกก็มีตัวละครสาวแอบหลงรัก และตัวละครสาวๆ ดังกล่าวส่วนมากเป็นตัวละครสาวในฝันโอตากุทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น สาวแว่น สาวซึน คุณหนู องค์หญิง น้องสาว เพื่อนสมัยเด็ก ฯลฯ
ส่วนสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการ์ตูนฮาเร็มคือทุกเรื่องจะต้องมีฉากเซอร์วิส ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วการทำเช่นนี้มักไม่เข้ากับเนื้อเรื่องอย่างมาก การใช้มุมกล้องเพื่อโชว์ให้เห็นกางเกงใน ยกทรง ร่องนม หรือภาพนมเด้ง หรือตัวละครผู้หญิงแต่งตัว(หรือแปลงร่าง) เป็นพวก เนะโกะมิมิ, กิโมโน, กระต่าย, ชุดเมด, ชุดมิโกะ, ชุดพยาบาล, เครื่องแบบตำรวจหญิง, ชุดสาวเสิร์ฟ, ชุดพละ, เครื่องแบบนักเรียนหญิง, ชุดเจ้าสาว, ชุดว่ายน้ำ และชุดอื่นๆ ให้คนอ่านขาหื่นได้จิ้นตาสะดวก โดยสถานที่เกิดฉากเซอร์วิสเหล่านี้ก็คือ ฉากอาบน้ำที่โรงอาบน้ำหรือบ่อน้ำร้อนเห็นผู้หญิงเปลือย(หมอกศีลธรรม) ฉากทะเลที่เหล่าสาวๆ ใส่ชุดว่ายน้ำมาเล่น ฉากหนวกปลาหมึกลามกพันแข้งพันขาเหล่าตัวละครสาวๆ หรือฉากสองแง่สองง่าม จำพวกครีมหกใส่จนเหมือนน้ำเหนียวๆ อะไรสักอย่างเป็นต้น แม้ฉากพวกนี้จะไม่เข้าเนื้อเรื่องแต่กระนั้นมันจำเป็นต้องมี ไม่มีไม่ได้เพราะมันจะไม่ใช่ฮาเร็ม
อย่างไรก็ตามแม้ตัวละครหญิงจะมีมากมาย แต่กระนั้นดูเหมือนว่าการ์ตูนฮาเร็มจะเลือกตัวละครที่เป็นผู้หญิงหลักมาหนึ่งคน(นางเอกหลัก) ที่ทำหน้าเสมือนเป็นตัวเชื่อมพระเอกกับสาวๆ เหล่านั้น ซึ่งสาวที่รับบทเป็นนางเอกหลักนั้นมักมีสูตรสำเร็จว่าจะต้องเป็นสาวร่าเริง(ก็มีการ์ตูนบางเรื่องเป็นตัวเอกเป็นสาวเงียบ หรือสาวเจ้าปัญหาเหมือนกัน แต่ส่วนมากเน้นดราม่า)
นอกจากนั้นก็ยังมีองค์ประกอบอื่นๆ ที่โอตากุชอบอีก ยิบๆ ย่อยๆ เช่น พระเอกบื้อในความรัก, เพื่อนพระเอกหื่น(หน้าเหมือนลิง), พระเอกจะต้องเป็นผู้โชคดีในเรื่องความรักเท่านั้น(ส่วนตัวละครชายในเรื่องยกเว้นพระเอกห้ามมีแฟนเด็ดขาด จุดตรงนี้สำคัญครับ เห็นมาเยอะแล้วการ์ตูนฮาเร็มมาตายจุดนี้) และก็มีฉากในตำนานที่มีอยู่ในเฉพาะการ์ตูนฮาเร็ม เช่น ชนผู้หญิงระหว่างไปโรงเรียน(แล้วเห็นกางเกงในผู้หญิง), พระเอกลื่นหกล้มแล้วไปโดนอะไรผู้หญิงเข้า, ฉากเข้าใจผิดที่ตัวละครหญิงไปเจอพระเอกกับตัวละครหญิงกำลังทำท่าล่อแหลมทั้งๆ ที่ความจริงแล้วเป็นอุบัติเหตุ เป็นต้น(จหึ่งทำไมว่ะ พระเอกควบสองอยู่แล้ว)
ฉากจบนี้ถือว่าเป็นจุดสำคัญที่สุดในการ์ตูนฮาเร็มเลยครับ มีหลายเรื่องที่ตกม้าตายเพราะฉากจบแบบนี้มานักต่อนักแล้ว กล่าวคือ ห้ามมีตัวละครผู้หญิงคนไหนเข้าวิน แบบพระเอกเลือกตัวละครผู้หญิงคนเดียวครับ(อันนี้เฉพาะผมเท่านั้น) และห้ามมีฉากที่สื่อว่าพระเอกนั้นมีเพศสัมพันธ์กับตัวละครสาวๆ ในเรื่อง หรือว่ามีฉากแต่งงาน มีลูกเด็ดขาด!! (ย้ำเลยอันนี้จุดสำคัญ) ขอบอกว่าโอตากุนี้ค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะว่าโอตากุนั้นเปรียบเสมือนตัวละครสาวการ์ตูนฮาเร็มเป็นสาวบริสุทธิ์ไร้มลทิน และไม่มีใครชอบแน่ที่สาวๆ เหล่านั้นไม่บริสุทธิ์ครั้งหนึ่งเคยมีข่าวว่าโอตากุรวมตัวกันออกมาต่อต้านที่สำนักพิมพ์แห่งหนึ่งหลังทราบข่าวว่าสาวในเคอง(K-no) ภาค2(ภาคมหาลัย)จะมีแฟน!! เท่านั้นแหละโอตากุทั้งหลายโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจะเอาเรื่องให้ได้ ขู่ว่าหากคนเขียนทำแบบที่ว่าจริงมีเรื่องแน่ คนที่ไม่ใช่โอตากุนี้ไม่เข้าใจเลยเปิดศึกบอกว่าสาวๆ ไม่มีแฟนมันก็ไม่สมจริงสิ เถียงกันไปเถียงกันมาปรากฏว่าคนเขียนตามใจโอตากุครับ เพราะว่ายังไงโอตากุเป็นกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ที่ซื้อการ์ตูนดังกล่าว
เคยมีกระทู้เรื่องหนึ่งตั้งถามเรื่องการ์ตูนฮาเร็มเป็นอย่างไร และมีเม้นหนึ่งตอบว่าการ์ตูนฮาเร็มชายเหมือนการ์ตูนฮาเร็มหญิงที่สาวๆ อยู่ท่ามกลางหนุ่มหล่อ อันนี้ผมเถียงครับ การ์ตูนฮาเร็มหญิงนั้นแตกต่างจากการ์ตูนชายสุดขั้วเลย เพราะมันดันมีจุดที่โอตากุชายไม่ชอบเต็มไม่หมด ไม่ว่ามันจะมีฉากสื่อเพศสัมพันธ์ พระเอกหล่อฮาเร็มเจ้าชู้ ฉากจบแต่งงาน ฯลฯ
นี้คือหลักการฮาเร็มที่ใช้ใน To Love-Ru แน่นอนว่ามันเป็นสูตรสำเร็จ ดังนั้นหลายคนมาอ่านการ์ตูนเรื่องอาจรู้สึกเอียนๆ บ้าง อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนครับ เพราะการ์ตูนดังกล่าวมันเฉพาะกลุ่มจริงๆ มันไม่ใช่เฉพาะทุกเพศทุกวัย มันเหมาะสำหรับโอตากุ(โดยเฉพาะคนโสด อายุระหว่าง 15-24 ปี ให้เด็กให้คนธรรมดามาอ่านนี้คงรู้สึกไม่ชอบก็ได้ ขนาดตอกแรกๆ สาวกผลงานเก่าๆ ของคนเขียนการ์ตูนนี้ยังออกมาบ่นการ์ตูนเลย ว่าเปลี่ยนแนวรับไม่ได้อ่ะ!! ประมาณนั้น
แต่ประสบการณ์สำหรับผมนะครับ ผมว่าการ์ตูนฮาเร็ม To Love-Ru สนุกนะครับสำหรับผม ดีกว่าการ์ตูนแนวฮาเร็มหลายเรื่องที่ผมเคยอ่านมา เพราะว่าลายเส้นของคนเขียนมันมีเสน่ห์ อีกทั้งยังวางบท การพัฒนาจิตใจตัวละครแต่ละตัวทำได้ดี ทำให้ผมอ่านแล้วตัวละครไม่แบนราบน่าเบื่อ เนื้อเรื่องก็ทำได้น่าติดตาม อย่างตอนพวกริโตะผจญภัยในที่ต่างๆ หรือพวกอีเวนท์ก็ทำได้เด็ดดวง ดูแล้วอมยิ้มหรือจิ้นได้ตามสะดวก กลับมาอ่านหลายครั้งก็ไม่มีเบื่อ(ผมอ่านหลายรอบมาก)
สิ่งหนึ่งที่ทำให้การ์ตูน To Love-Ru ประสบผลสำเร็จสูง ตัวละครในเรื่องน่ารักโมเอะหลายตัวครับ บางตัวมีเสน่ห์มาก ไม่ว่าการออกแบบชุด นิสัย รูปร่าง หน้าตา หรือปมด้านจิตใจ แม้ว่าบางตัวจะออกแบบโดยใช้สูตรสำเร็จฮาเร็มมาใช้ หรือบางตัวคุ้นๆ ตาเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่พออยู่ในมือของคนเขียนคนนี้ ผมก็ขอชมอีกว่า คนเขียนคนนี้วาดตัวละครผู้หญิงได้เด็ดดวงจริงๆ สัดส่วนตัวละครทำได้ยั่วยวน หน้าอกเป็นหน้าอก กางเกงในโมเอะ ฉากเซอร์วิสทำได้เยี่ยม จึงไม่แปลกแต่อย่างใดที่ตัวละครหลายคนในเรื่องหนึ่งติดอันดับตัวละครหญิงของโอตากุเป็นอันดับต้นๆ เช่น ลาล่า, ยามิ, ยุย, ฮารุนะ ฯลฯ โดยตัวละคร To Love-Ru นั้น มีความแตกต่างในเรื่องรายละเอียดของตัวละครเล็กน้อย ในภาคมังงะ และอนิเมชั่น บางตัวก็ออกมาเป็นขาประจำ ในขณะที่บางตัวออกมาบางฉาก บางตัวปรากฏมาเป็นตัวประกอบในเรื่อง Mayoi Neko Overrun!
ยูกิ ริโตะ พระเอกตัวหลักหนึ่งเดียวในเรื่อง To Love-Ru ที่ลักษณะของริโตะนั้น มาแบบการ์ตูนฮาเร็มของแท้และดั้งเดิม เด็กมัธยมอายุ 16 ปี(ปัจจุบันอายุ 17) ที่ไม่ค่อยมีจุดเด่น นิสัยค่อนข้างประหม่าพูดไม่ออกเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้หญิง อีกทั้งยังชอบทำตัวเงอะงะ เซอซ่าชอบสะดุดขาตัวเองล้มตัวลงไปจับแต๊ะอั๋งผู้หญิงหรือเห็นกางเกงในผู้หญิงที่อยู่ใกล้ๆ เคยเป็นนักฟุตบอลในมัธยมต้นมาก่อน(ค่อนข้างเก่ง) แต่ต้องเลิกเพราะว่าต้องช่วยงานของพ่อซึ่งเป็นนักเขียนการ์ตูนมังงะ และต้องช่วยทำงานบ้านกับมิคังที่เป็นน้องสาวในบ้าน แม้การเรียนไม่ค่อยเอาไหนแต่กระนั้นริโตะนั้นเก่งเรื่องเล็กๆ น้อย เช่น ตู้เครนหยอดเหรียญ เกมเทศกาล(เช่นตกปลา, ยิงปืน) ชอบทำสวนดอกไม้ พืชสวน
เรียกได้ว่าริโตะไม่มีอะไรที่จะอวดสาวๆ ให้มาชอบตนได้เลย(แถมบื้อในความรักอีก) แต่กระนั้นคนอ่านต่างยกให้ริโตะว่า เป็นเทพมหาเมพ มันเริ่มขึ้นหลังจากที่ริโตะนั้นแอบหลงรักเพื่อนร่วมห้องฮารุนะ มานานแล้ว หากแต่หลังจากที่เขาเจอลาล่า และลาล่าหลงรักริโตะ ทำให้เรื่องราววุ่นวายไปหมด แต่กระนั้นในใจของริโตะนั้นยังคงมีแต่ฮารุโนะมาโดยตลอด ระหว่างที่เรื่องวุ่นวาย ริโตะกลับทำให้เหล่าผู้หญิงที่อยู่รอบๆ แอบชอบเขาแบบไม่รู้ตัว โดยเจ้าตัวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนไปทำอะไรผู้หญิงเหล่านั้นถึงแอบชอบเขานักหนา แต่ด้วยความมหาเมพริโตะ(หรืออ่อนโยน) ริโตะไม่เคยตัดความสัมพันธ์หรือทำร้ายจิตใจผู้หญิงเหล่านี้ให้เลิกชอบตนได้เลย(กลับเป็นการเพิ่มความรักขึ้นซะงั้น) ในตอนท้ายเรื่องภาคแรกริโตะได้สารภาพกับลาล่าว่าตนรู้สึกชอบลาล่าแต่เขาก็ยังชอบฮารุนะอยู่ แต่ลาล่าไม่โกรธแถมยังบอกให้ริโตะสารภาพรักฮารุนะอีก(จะได้แต่งงานพร้อมกันสองคน) แต่กลายเป็นว่าริโตะสารภาพฮารุนะพลาด เพราะดันไปสารภาพรักกับ โมโม, รุน, ยุย และมิโคโดะ แทน ทำให้ความรักของริโตะยังคงเป็นปัญหาต่อไปในอนาคต
ลาล่า มีชื่อเต็มว่า ลาล่า ซาตาริน เดวิลูค (ชื่อกลางของลาล่าและชื่อราชวงค์เดวิลูคทุกคน จะมีที่มาจากชื่อของปีศาจ โดยซาตาริน มาจากชื่อ “ซาตาน” ปีศาจที่ทรงอำนาจในพระคัมภีร์) นางเอกของซีรีย์ To Love-Ru ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด(แม้ช่วงหลังบทของลาล่าจะน้อยก็เถอะ) เป็นเจ้าหญิงจากดาวมหาอำนาจในกาแล็คซี่เดวิดลูค ที่ถูกบังคับให้คลุมถุงชนกับเจ้าชายในดวงดาวต่างๆ แต่ลาล่าเบื่อและไม่อยากแต่งงานเลยหนียังโลก จนกระทั้งมาลงท้ายด้วยการเปลือยกายลงในอ่างน้ำจนเจอริโตะ ตอนแรกลาล่าใช้ประโยชน์จากริโตะเลยบอกว่าเธอจะแต่งงานกับริโตะจะได้อยู่บนโลกต่อ แต่เมื่อเวลาผ่านไปลาล่าก็รักริโตะจากใจจริง แม้รู้ว่าริโตะไม่ได้หลงรักเธอ แต่ก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ริโตะมาหลงรักตนให้ได้ ทั้งทางอ้อมและทางตรง จนกระทั้งทำได้สำเร็จในที่สุด แม้ภายนอกเหมือนเด็กสาวอ่อนโลก แต่กระนั้นลาล่าเป็นนักประดิษฐ์อัจฉริยะระดับจักรวาล แต่สิ่งประดิษฐ์ส่วนมากมักนำมาใช้แกล้งคนอื่น หรือไร้ประโยชน์เสียส่วนมาก ส่วนนิสัยมาแบบนางเอกหลักฮาเร็มแบบแท้ๆ ดั้งเดิมอีกคน คือนิสัยไฮเปอร์ ขี้เล่น น่ารัก อ่อนโลกแบบเจ้าหญิง ไม่ห่วงเนื้อห่วงตัว ชอบนุ่งลมห่มฟ้า ทำให้ริโตะมักเห็นลาล่าเปลือยกายหลายครั้ง นอกจากนี้ยังมีความสามารถทางร่างกายสุดยอด สามารถยิงลำแสงทำลายที่หาง มีพลังทำลายล้างสูง สามารถทำลายไต้ฝุ่นได้เพียงแค่ตะโกน
ฮารุนะ ไซเรนจิ (Haruna Sairenji) หนึ่งในตัวละครยอดนิยมของซีรีย์ To Love-Ru (แม้ช่วงหลังๆ บทจะน้อยลงก็ตาม) เป็นเพื่อนร่วมชั้นของริโตะชอบ และเป็นผู้หญิงที่ริโตะชอบมานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสสารภาพรักได้เสียที ทั้งที่ในใจของฮารุนะนั้นแอบชอบริโตะมานานแล้ว ทำให้ความรักของทั้งสองยังคงค้างคา จนกระทั้งลาล่าโผล่มาทำให้ความรักของทั้งคู่ยุ่งยากเข้าไปใหญ่ ด้านนิสัยตามแบบฉบับสาวน้อยฮาเร็ม(แบบนางรอง) คือเป็นหัวหน้าห้อง สวยเก่ง รูปร่างดี(B78 H80 W55) เรียบร้อย เก่งเรื่องการเรียน กีฬา(เทนนิส) และงานบ้าน ไม่ชอบขัดใจคนอื่น จิตใจอ่อนโยน แม้จะรู้ว่าลาล่าเป็นคู่แข่งหัวใจ แต่เธอก็ไม่โกรธหรือริษยา ซ้ำยังกลัวที่จะทำลายความสัมพันธ์ความเป็นเพื่อนกับลาล่าอีก หากแต่เมื่อเธอประกาศเป็นคู่แข่งความรักต่อหน้าลาล่า ลาล่ากับฮารุนะก็ยังคงสานสัมพันธ์เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมพร้อมกับพัฒนาความรู้สึกกับริโตะไปพร้อมๆ กัน ตอนท้ายริโตะได้พยายามสารภาพกับฮารุนะอีกครั้ง หากแต่พลาดดันไปสารภาพ รุน, ยุย, นานะ และมิโคโดะแทน
ในภาค To Love-Ru Darkness ฮารุนะบทน้อยพอๆ กับลาล่า และยังคงรอให้ริโตะสารภาพอยู่ อีกทั้งเธอยังอยู่ในโปรเจ็กต์ฮาเร็มขอโมโมะวางแผนเพื่อให้เป็นคนรักของริโตะ
และฮารุนะนี้แหละ ที่เป็นต้นเหตุทำให้ To Love-Ru ถูกตัดจบไป โดยว่ากันว่าคนวาดยาบูกิ ได้เอาต้นแบบอดีตคนรักชื่อคาชิวากิ ชิโฮะ มาวาดเป็นฮารุนะ ซึ่งต่อมาชิโฮะดังกล่าวก็ออกมาฟ้องดังกล่าว ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว ฮารุนะกับชิโฮะมีความแตกต่างกันมากทั้งนิสัยและการกระทำ เพราะเท่าที่ดูจากข่าวลือคาชิวากิ ชิโฮะคนดังกล่าวมีแต่ข่าวด้านลบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเชิดเงินหนี้ เอาลูกไปเลี้ยง ขอหย่า(ทั้งที่ไม่เป็นภรรยาที่ดี) ขอเงินเลี้ยงดูจำนวนมาก ว่ากันว่า คนเขียนได้วาดใส่ความรู้สึกนี้ไปที่ฮารุนะ โดยให้ริโตะยังคงรักฮารุนะไม่เปลี่ยนแปลง แม้จะมีผู้หญิงจำนวนมากมายเข้ามาชีวิตก็ตาม เสมือนกันว่า คนเขียนยาบูกิหลงรักชิโฮะตั้งแต่แรกเห็น หากแต่ช่วงหลังฮารุนะบทน้อย(ตั้งแต่เล่ม 13) และยุยมีบทบาทมากขึ้น ซึ่งในช่วงดังกล่าวชิโฮะก็ทำการฟ้องข้อหาหมิ่นประมาณว่าเอาตัวเธอมาล้อเลียนดังกล่าว และเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวการ์ตูนเรื่องนี้จึงถูกตัดจบลง โดยให้ความรักค้างๆ คาๆ อยู่อย่างนั้น
เรื่องดังกล่าวไม่รู้เป็นจริงหรือเปล่า แต่สิ่งที่รู้ คือคนเขียนยาบูกิได้กลับไปเขียนภาคใหม่อีกครั้ง To Love-Ru Darkness(ซึ่งมืดตรงกับชื่อเลย) ซึ่งภาคดังกล่าวฮารุนะก็ไม่มีบทเด่นเช่นเดิม แต่สิ่งที่น่าสังเกตคือภาคดังกล่าวเรตยิ่งกว่าเดิม และฉากสองแง่สองง่ามมีมากขึ้น
รู้ไปก็เท่านั้น ฮารุโนะปรากฏตัวในช่วงสั้นๆ ในมังงะ Mayoi Neko Overrun! ในฐานะลูกค้ามาซื้อเค้ก
มิคัง(Mikan Yuuki) น้องสาวของริโตะ อายุ 11 ปี เรียนอยู่ประถม 6 ที่เป็นต้นฉบับน้องสาวในฝันฮาเร็มของแท้ดั้งเดิม เช่น อาศัยอยู่กับริโตะในบ้าน 2 คน(ในตอนแรก) ทำหน้าที่ทำอาหารและทำงานในบ้านในขณะที่พ่อแม่ทำงานข้างนอก มีความเป็นผู้ใหญ่ เอาจริงเอาจัง เฟอร์เฟ็คทุกอย่างตรงกันข้ามกับพี่ชายที่ไม่ค่อยเอาไหน แต่กระนั้นเธอก็รักพี่ชาย แม้จะทำเป็นเหมือนไม่สนใจหรือขาดความเคารพพี่ชายก็เถอะ นอกจากนี้เธอยังเป็นเพื่อนกับ คอนจิคิโนะ ยามิ แม้อายุจะต่างกันก็เป็นเพื่อนกันได้ ในภาคมังงะนั้นบทมิคังจะด่นๆ ในช่วงหลังๆ ส่วนในภาคอนิเมชั่นภาคแรกนั้นมิคังไม่ค่อยมีบทเท่าไหร่นัก ส่วนในภาค To LOVE Ru OVA ตอนที่ 2 มิคังได้บอกกับริโตะว่าพวกเราไม่ใช่พี่น้องโดยสายเลือด เพราะฉะนั้นเราสามารถแต่งงานกันได้ แม้ว่าประโยคดังกล่าวมิคังบอกว่าโกหก แต่กระนั้นมันก็ทำให้คนอ่านคิดแล้วว่าตกลงเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า? ส่วนตัวผมแล้วมิคังน่ารักตามแบบน้องสาวฮาเร็มมากๆ
ในมังงะภาค To Love-Ru Darkness มิคังเติบโตขึ้น และสามารถอ่านความรู้สึกของคนอื่นได้ โดยเฉพาะความรู้สึกในใจต่อความรัก ของ ฮารุนะ, ยุย และไม่ชอบให้โมโมะใกล้ชิดกับริโตะเกินไป แต่กระนั้นโมโมะก็ยังคิดจะเอามิคังอยู่ในโปรเจกต์ฮาเร็มของริโตะให้ได้อีกราย
รู้ไปก็เท่านั้น ในมังงะภาค To Love-Ru Darkness มิคังได้รับฉายาจากนักอ่านว่า “มิคังดูดนม” ทำไมถึงได้ฉายานี้ไปดูเอง และมิคังยังปรากฏตัวในช่วงสั้นๆ ในการ์ตูน Mayoi Neko Overrun! มังงะ บทที่ 1 และ บทที่ 3 ในฐานะลูกค้ามาซื้อเค้ก
เรน/รุน เอลซี่ จูเอเรีย(Ren/Run Elsie Jewelria) เพื่อนสมัยเด็กของลาล่า เป็นมนุษย์ต่างดาวสองร่าง โดยตอนแรกจะมีแต่เรนที่บทออกมาแนวคู่แข่งฮาเร็มของแท้ดังเดิม โดยย้ายมาเรียนที่เดียวกับลาล่าก็เพื่อจะแต่งงานกับลาล่า ตามสัญญาในสมัยเด็ก และแสดงเป็นคู่แข่งกับริโตะ ต่อมาเรนก็มีความสามารถใหม่คือเวลาที่จามจะสลับร่างเปลี่ยนทั้งร่างกาย จิตใจ และเพศกันได้ โดยอีกตัวตนที่อยู่ภายในคือ รุนสาวผมยาวผมสีเขียน นิสัยน่ารัก ชอบซื้อของจากรายการโทรทัศน์ และชอบริโตะมากแม้ริโตะมีเจ้าของก็ตาม ซึ่งตั้งแต่รุนปรากฏตัวครั้งแรก บทบาทของเรนก็น้อยลง(จนหลายคนลืมแล้วว่าไอ้หมอนี้มันใคร) กลายเป็นว่ารุนเป็นร่างหลักแทน นอกจากนี้บทบาทของรุนในการ์ตูนก็คือการทำทุกอย่างให้ริโตะสนใจตนบ้าง โดยพยายามแกล้งลาล่า และต่อมาก็เป็นไอดอล(ในอนิเมชั่นภาคแรกรุนไม่ได้เป็นไอดอลเพราะไม่ผ่าน) และได้เป็นเพื่อนกับคิริซากิ เคียวโกะ แสดงภาพยนตร์และออกอัลบั้มด้วยกัน รุนเป็นตัวละครอีกตัวที่ไม่ค่อยมีบทเด่นเท่าใดนักในมังงะและอนิเมชั่น โดยมักปรากฏตัวในฐานเพื่อนร่วมก๊วนตัวประกอบ ตัวแถม หรือตัวสร้างสีสัน(พร้อมเซอร์วิส)ในแต่ละตอนมากกว่า แต่กระนั้นในช่วงท้ายเรื่องรุนก็อยู่ในก๊วนที่ริโตะสารภาพรักผิดพลาด และในภาค To Love-Ru Darkness รุนยังไม่มีบทเด่น(คาดว่าจะปรากฏตัวเป็นอีเวนส์ในตอนที่ 9) แต่กระนั้นรุนก็เป็นหนึ่งในโปรเจกต์ฮาเร็มที่โมโมะเลือกเพื่อให้เป็นคนรักริโตะ
รู้ไปก็เท่านั้น รุนปรากฏตัวในช่วงสั้นๆ ในการ์ตูน Mayoi Neko Overrun! ทั้งมังงะและอนิเมชั่น
ยุย โคเทเงวะ (Yui Kotegawa) ในการ์ตูนแปลสำนักพิมพ์ VI เขียนว่า ยูอิ โคเทเงวะ หนึ่งในตัวละครหลักของเรื่อง แม้ไม่ใช่นางเอก แต่กระนั้นได้รับความนิยม เกินคาด จนกลายเป็นตัวละครเด็ดดวงติดหนึ่งในดวงใจของโอตากุหลายคน เนื่องจากน่ารักสุดๆ และรูปร่างยั่วใจอยากเป็นแฟน(สัดส่วน W59, B88, H87) อีกทั้งมาแบบสาวฮาเร็มมาดหัวหน้าห้อง(เธอไม่ใช้หัวหน้าห้อง แต่เป็นเจ้าหน้าที่รักษากฎระเบียบ) เคร่งกฎระเบียบที่เห็นใครผิดกฎระเบียบไม่ได้ต้องตักเตือน(ทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียน) ขี้หงุดหงิด เจ้าอารมณ์ ที่พึ่งรู้จักริโตะตอนอยู่ห้องเดียวในปีที่ 2(มังงะเล่มที่ 5) เป็นตัวละครไม่กี่ตัวในเรื่องที่ตอนแรกไม่ชอบริโตะเลยสักนิด แต่มองริโตะเป็นพวกสร้างปัญหา ทำให้โรงเรียนไม่มีระเบียบ ทำให้เวลาเจอหน้าริโตะมักแดกดันหรือทำท่าทางไม่พอใจใส่ หากแต่นานวันเข้าด้วยความมหาเมพของริโตะ(ทั้งกอด, ทั้งหื่นใส่, ลวนลามแบบไม่ได้ตั้งใจ) ให้ยุยเริ่มมีความรู้สึกแอบชอบริโตะ ซึ่งการ์ตูนค่อนข้างมีเนื้อเรื่องของยุยออกมาหลายตอนในช่วงหลัง เพราะเป็นตัวละครที่มีการพัฒนาด้านความสัมพันธ์ทางจิตใจมากที่สุดในด้านความรัก(ในแบบวัยุร่น) หากแต่ตนบัดนี้ เธอก็ยังไม่สามารถไม่เผยความรู้สึกที่แท้จริงต่อหน้าริโตะได้เสียที(คนอื่นก็ไม่รู้เธอชอบริโตะด้วย มีแต่มิคังเท่านั้นที่สังเกต) โดยเวลาถึงฉากโรแมนติก(??)กับริโตะ ยุยมักจบการลงท้ายด้วยความอายหรือโมโหแบบไม่มีเหตุผลทุกครั้ง(ซึน!?) แต่กระนั้นยุยก็มีส่วนน่ารักก็คือเป็นคนชอบแมวมากๆ ไม่ว่าจะเป็นของจริง หรือของสะสม และในภาคTo Love-Ru Darkness ยุยได้มีบทเต็มๆ ในตอนที่ 4 จากการเป็นหนึ่งในโปรเจกต์ฮาเร็มที่โมเมะเลือก และโมโมะได้สร้างสถานการณ์ให้ริโตะอยู่กับนยุยสองต่อสอง จนเรียกความนิยมจากกนักอ่านได้มากโข เพราะยุยได้จับกดริโตะ!!
รู้ไปก็เท่านั้น โคเทเงวะ ยุย ปรากฏตัวสั้นๆ ใน Mayoi Neko Overrun! ในบทที่ 4
ซากิ เทนโจวอิน (Saki Tenjouin) ควีนแห่งโรงเรียนและรุ่นพี่ของริโตะปีที่สาม ที่มักมาพร้อมกับผู้ติดตามสองคน(บทน้อยพอๆ กัน) มาแบบนางมารร้ายฮาเร็ม(ต๊อง) ไฮโซบ้านรวย ที่มีนิสัยหยิ่ง ขี้อิจฉา เห็นลาล่าเป็นคู่แข่ง และพยายามแย่งริโตะจากลาล่า สุดท้ายก็ไม่ได้ผล และบทคุณเธอก็น้อยสุดๆ (เชื่อทรงทรงเกลียวสว่างวาดยากคนเขียนเลยไม่ค่อยเอามาออก) อีกทั้งเป็นตัวละครที่ไม่ค่อยมีใครสนใจมากนัก(แม้จะชอบใส่ชุดว่ายน้ำกลางที่สาธารณะก็เถอะ) แถมบทที่ออกมาก็มาแบบแนวไม่ได้หลงรักริโตะ อีกทั้งยังโดนริโตะหื่นแบบไม่ได้ตั้งใจหลายฉาก และช่วงกลางภาคแรกแอบหลังรักซัสตันข้ารับใช้ของลาล่า แต่ช่วงหลังดูเหมือนเธอแอบมีใจริโตะเล็กน้อย(ในตอนริโตะแปลงร่างเป็นผู้หญิง) แม้ในภาค To Love-Ru Darkness เธอยังไม่บท แต่กระนั้นเธอก็อยู่ในโปรเจกต์ฮาเร็มของโมโมะซึ่งเชื่อว่าเธออาจมีบทเร็วๆ นี้
รู้ไปก็เท่านั้น ในอนิเมชั่นภาคแรกซากิไม่ได้หลงรักซัสติน และพยายามเกลี้ยกล่อมริโตะให้มาหลงรักเธอตลอดทั้งเรื่อง(แต่บทน้อยอยู่ดี) และซากิยังปรากฏในช่วงสั้น ๆ ของ Mayoi Neko Overrun ในบทที่ 2 พร้อมเพื่อนสองคนของเธอ
เซรีนุ(Celine) หากแต่ในสำนักพิมพ์ VI และการแปลตามที่ต่างๆ เรียก เซรีน สิ่งมีชีวิตรูปร่างพืชหายากที่ลาล่าเอามาเป็นของขวัญให้แก่ริโตะในงานวันเกิดอายุครบ 16 ปี ในตอนแรกเซรีนุอยู่ในรูปร่างของพืชขนาดใหญ่น่ากลัวที่อาศัยอยู่ในสนามหลังบ้านของริโตะ แม้หน้าตาดูเหมือนดุร้าย แต่กระนั้นก็มีอารมณ์คล้ายมนุษย์ รักเจ้าของ ซึ่งริโตะเองก็ดูแลเซรีนุเหมือนครอบครัว(เห็นได้จากบางฉากเซรีนุจะมีผ้าพันคอขนาดใหญ่คลุมเวลาอากาศหนาว หรือบางวันเซรีนุก็ได้กินราเม็นขนาดใหญ่) ในช่วงเล่มที่ 15 การ์ตูนในใช้พล็อตฮาเร็มแนวพืชเปลี่ยนเป็นคน(Moe Anthropomorphism) คือเซรีนุได้กลายเป็นเด็กผู้หญิงที่มีจุดเด่นคือดอกไม้บนหัว เรียกริโตะว่า “มาม่า” และชอบริโตะมากๆ มีความสามารถคือเวลาเมาโคล่าจะพ่นสเปรย์ละอองเกสรจากดอกไม้บนหัวใส่คนอื่น ทำให้คนอื่นที่โดนมีความรู้สึกชอบริโตะไปชั่วขณะ นิสัยชอบร่าเริง ชอบเรื่องสนุก ชอบกระโดดเกาะใส่หน้าคนอื่น และชอบยุยเป็นพิเศษ(แต่ส่วนใหญ่แล้วมิคังเป็นคนเลี้ยง) และเชื่อว่าคนเขียนพยายามวาดอีเวนท์เซรีนุกลายเป็นสาว(เห็นได้จากภาพร่างในการ์ตูนของสำนักพิมพ์ VI) หากแต่การ์ตูนตัดจบเสียก่อน แต่กระนั้นก็เชื่อว่า To Love-Ru Darkness เราอาจจะได้เห็นอีเวนท์ดังกล่าว
รู้ไปก็เท่านั้น ในอนิเมชั่น To Love-Ru ภาคแรกเซรีนุไม่ได้เปลี่ยนเป็นคน และปรากฏตัวครั้งแรกในอนิเมชั่น OVA 06 ตอนที่ 3 นอกจากนั้นเซรีนุยังปรากฏตัวในมังงะ Mayoi Neko Overrun! ที่มาพร้อมกับมิคังเพื่อมาซื้อเค้ก
ยามิ/ความมืดสีทอง(Yami/Golden Darkness) ตัวละครหลักที่ดังในซีรีย To love-Ru ติดอันดับต้นๆ ตัวละครหญิงถูกใจโอตากุมากที่สุดในใจของหลายคน เนื่องจากเป็นสาวเงียบ น่ารัก เก่งกาจ เด็ดดวง และเป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยปริศนาและค่อนข้างที่แตกต่างจากตัวละครผู้หญิงหลายคนในเรื่องเนื่องจากใช้ต้นแบบตัวละครตัวหนึ่งคือ “อีฟ” ในเรื่อง “แบล็คแคท” มาใช้ออกแบบ โดยเป็นชีวมนุษย์ ที่ถูกสร้างโดยศาสตร์จารย์คนหนึ่ง ในองค์กรแห่งหนึ่ง เพื่อใช้ในสงครามหรืออะไรสักอย่าง ปรากฏตัวครั้งแรกในฐานะนักฆ่ารับจ้างที่ฉายาว่า “ความมืดสีทอง” เพื่อมาฆ่าริโตะ หากแต่ตอนหลังก็เลิกล้มเป้าหมาย และขออยู่บนโลกต่อโดยอ้างว่าเพื่อจับตาดูและจะฆ่าริโตะเมื่อมีโอกาส แต่กลายเป็นว่านานวันยิ่งฆ่าไม่ลง เพราะความมหาเมพของริโตะ ภายนอกเหมือนสาวเงียบธรรมดา(ที่จริงในจิตใจลึกๆ อยากเป็นสาวน้อยธรรมเหมือนกัน) อายุ 11 ปี(ความจริงอายุจริงคือ 24 ปี) พูดน้อย เวลาว่างชอบอ่านหนังสือหรือนิตยสาร ชอบแช่น้ำร้อน ชอบกินไทยากิ(เพราะเป็นอาหารอันแรกที่ริโตะให้ครั้งยามิมายังโลก) มีความสามารถคือ “ทรานส์” ที่สามารถบังคับเส้นผมเป็นรูปร่างต่างๆ และเปลี่ยนรูปร่างกายได้ หากแต่ใช้มากไปจะส่งผลกระทบต่อร่างกาย นอกจากนี้เอยังเกลียดเรื่องลามก เวลาเจอใครหื่นจะใช้ความรุนแรงเข้าตอบโต้(ริโตะโดนเยอะสุด) แต่กระนั้นเธอก็แพ้ของลื่นๆ
ยามิถือว่าเป็นตัวละครหลักของเรื่องที่ปรากฏตัวมากที่สุด หากแต่การปรากฏตัวของยามิแต่ละครั้งนั้นก็ไม่สามารถบอกชัดเจน ว่ายามิชอบริโตะหรือเปล่า? ส่วนมากมักเน้นการพัฒนาความสัมพันธ์ให้ยามิรู้ดีๆ กับริโตะเสียมากกว่า ส่วนตัวริโตะเองก็ไม่รู้ยามิชอบเพราะเธอมักส่งรังสีอำมหิตใส่เขาให้รู้สึกกลัวมากกว่า โดยในภาค To Love-Ru darkness ยามิได้กลายเป็นตัวหลักของเรื่อง(แต่กระนั้นบทส่วนใหญ่โมโมะกับได้เยอะกว่า) และได้เข้าเรียนในโรงเรียนเดียวกับริโตะ(ซึ่งปกติยามิก็อยู่โรงเรียนริโตะก่อนหน้านี้แล้วเพียงแต่ไม่ได้เป็นนักเรียนเฉยๆ) โดยอ้างว่าจะได้รับตาริโตะ แต่ความจริงแล้วคือปกป้องริโตะจากกลุ่มบุคคลที่เรียกตัวเองว่า “แม่” และ “น้องสาว” หากแต่เนื้อหาไม่ได้เน้นเรื่องความรักระหว่างยามิกับริโตะมากนัก(ในอนาคตไม่แน่) ส่วนมากเน้นความเป็นเพื่อนกับมิคังน้องสาวของริโตะเสียมากกว่า แต่กระนั้นก็มีอยู่ฉากหนึ่งแสดงให้เห็นว่ายามิชอบริโตะ ก็คือฉากที่ยามิตั้งใจทำอาหาร(ผสมไทยากิ)ให้แก่ริโตะกินคนเดียว
รู้ไปก็เท่านั้น ในอนิเมชั่น To love-Ru ภาคแรกยามิไม่ค่อยมีบทมากนัก แต่กระนั้นมีหลายฉากที่ยามิแอบรั่วไม่น้อย(มุกส่วนใหญ่คือมุกหาที่อยู่ เพราะยามิไม่มีบ้าน) ในมังงะก็มีหลายฉากที่ยามิแต่งตัวเหมือน “อีฟ” ในเรื่องแบล็คแคท และหนึ่งในฉากที่น่าจดจำก็คือการพบคุโระในมังงะเล่มที่ 17 (ไม่มีทางพบเจ้าตาเดียวหรอก เพราะริโตะจะคาบไปกินเอง ฮ่าๆ) และปรากฏช่วงสั้นๆ ในมังงะ Mayoi Neko Overrun! ซึ่งเป็นฉากโรงอาบน้ำ ในบทที่ 7
เรียวโกะ มิโคโดะ(Ryoko Mikado) อาจารย์ประจำห้องพยาบาลในโรงเรียนไซนันที่พวกริโตะเรียนอยู่ (อาจารย์ประจำห้องพยาบาลจากการ์ตูนเกือบทุกเรื่องมักมาแนวแบบนี้แหละ) ภายนอกเหมือนผู้หญิงวัยกลางคนธรรมดา หน้าอกโต แต่ความจริงแล้วมนุษย์ต่างดาว ที่ครั้งหนึ่งเคยทำงานเป็นนักวิจัยให้แก่องค์กรร้ายองค์กรหนึ่ง และได้รู้จักยามิในฐานะตัวอย่างการทดลอง หากแต่ต่อมาเธอไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่องค์กรทำ เลยหนีมายังโลก และเปิดคลินิกรักษามนุษย์ต่างดาวที่อาศัยอยู่บนโลก(เป็นงานเบื้องหลัง) นิสัยชอบหยอกเล่นกับคนอื่น(โดยเฉพาะริโตะ) ใจดี ใจเย็น และไม่ห่วงเนื้อห่วงตัว(?) นอกจากนี้เธอยังมีความรู้สึกแอบชอบริโตะนิดๆ เหมือนกัน เห็นได้จากฉากที่เธอเคยขอร้องให้ริโตะหาน้ำมันบนตัวเธอตอนไปเที่ยวทะเล และเธออยู่ในก๊วนที่ริโตะสารภาพรักผิดพลาด ในภาค To Love-Ru darkness เธอยังไม่มีบทหลัก
รู้ไปก็เท่านั้น แม้ไม่ใช่ตัวละครหลัก แต่มิโคโตะก็ปรากฏในการ์ตูนโดจินโป๊มาแล้ว มากกว่าหนึ่งเรื่อง
นานะ(Nana Asta Deviluke) มีชื่อเต็มว่า นานะ อัสต้า เดวิลูค(ชื่อกลาง อัสต้า มาจาก แอชตอเร็ธ ปีศาจที่เป็นถึงเจ้าชายแห่งนรกผู้ทรงพลัง) น้องสาวฝาแฝดของลาล่า(องค์หญิงลำดับ 2 ของเดวิดลูค) ที่ปรากฏภายหลังแต่กระนั้นกลายเป็นตัวขโมยซีนตัวละครหลายตัวในเรื่องไป เนื่องด้วยพลังแฝด และชุดโลลิต้า!! นานะมักอยู่กับโมโมะซึ่งเป็นน้องสาว(อายุไม่ห่างกันเท่าไหร่) ปรากฏตัวครั้งแรกในโลกแห่งเกมเสมือนจริงที่ต้องการทดสอบริโตะและเพื่อนของริโตะ ในช่วงหลังนานะและโมโมะได้หนีมายังโลกเพราะเบื่อการเรียนที่ดาวเดวิดลูค ตอนแรกอาศัยอยู่กับพวกองค์รักษ์ซัสตินแต่ไม่ชอบเลยว่าอยู่บ้านริโตะ(ในช่องว่างมิติที่อยู่ใต้หลังคาบ้าน)จนกลายเป็นครอบครัวของริโตะถวาร นิสัยร่าเริงและเป็นสาวซึนของแท้ เพราะไว้ผมทรงทวินเทล ฟันคมแหลมซี่เดียว หน้าอกแบนราบทำมักอิจฉาโมโมะที่มีน่าอกใหญ่กว่าตน มีความสามารถคุยกับสัตว์ได้ นานะเป็นตัวละครอีกตัวที่ไม่รู้ว่าตนหลงรักริโตะหรือเปล่าและยังสงสัยว่าทำไมผู้หญิงจำนวนมากถึงชอบริโตะทั้งๆ ที่เขาไม่มีอะไรดีสักอย่าง แม้ในการ์ตูนจะมีฉากที่นานะรู้สึกดีกับริโตะก็ตาม แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าริโตะมักด่าริโตะทุกครั้ง(ซึน) ในภาค OVA ตอนที่ 5 นาโนะมีความรู้สึกชอบริโตะ จนมีความคิดแอบย่องจะไปนอนกับริโตะในห้องนอนด้วย(แต่กลายเป็นว่าพี่สาวสองคนแอบมานอนกับริโตะก่อนตัดหน้าแล้ว) ส่วนตัวผมแล้วผมชอบสาวทวินเทลครับ
ในภาค To Love-Ru Darkness นานะได้กลายเป็นนักเรียนเดียวกับริโตะ และเป็นหนึ่งโปรเจกต์ฮาเร็มที่โมโมะวางแผนให้นานะหลงรักริโตะให้ได้
โมโมะ(Momo Velia Deviluke) ชื่อเต็มคือ โมเมะ เบเรีย เดวิลูค(ชื่อกลาง เบเรีย มาจาก เบริอัล ปีศาจที่มีแต่ชั่วร้ายในทางพระคัมภีร์ไบเบิล)น้องสาวฝาแฝดของลาล่า(องค์หญิงลำดับ 3 ของเดวิดลูค) ปรากฏตัวมาพร้อมกับนานะ ภายนอกเหมือนสาวผมหวานผมสั้น ตรงกันข้ามกับนานะ(ฝาแฝดส่วนใหญ่มักนิสัยตรงกันข้ามแบบนี้แหละตามสูตรฮาเร็ม) หากแต่เมื่อเจออะไรที่ขัดใจเธอจะกลายเป็นสาวโหดซาดิสต์ เจ้าแผนการและฉลาดพอๆ กับพี่สาว แอบชอบริโตะตั้งแต่แรกเห็น บางทีอาจมากกว่าพี่สาวด้วยซ้ำ เพราะคุณเธอแสดงออกโจ๋งแจ้งมากๆ เช่น ชอบแอบนอนบนเตียงริโตะตอนกลางคืน หรือชอบจับกดริโตะ(แต่ริโตะปฏิเสธทุกครั้ง) มีความสามารถสื่อสารกับพืชและเก่งเรื่องการต่อสู้
ในภาค To Love-Ru Darkness โมโมะได้รับบทเด่นจนกลายเป็นนางเอกของภาคนี้ก็ว่าได้ ซึ่งในภาคดังกล่าวโมโมะยังคงแอบชอบริโตะ เมื่อเธอรู้ว่าถ้าริโตะเป็นกษัตริย์เดวิดลูคกฎหมายของโลกไม่มีผล ริโตะสามารถแต่งงานกับผู้หญิงกี่คนก็ได้ ทำให้โมโมะมีความคิดจะสร้างฮาเร็มให้แก่ริโตะ โดยให้ผู้หญิงที่อยู่รอบตัวริโตะเปิดเผยความรักต่อหน้าริโตะให้หมด โดยมียามิเป็นเป้าหมายใหญ่(แถมริโตะก็ไม่ว่าอะไรกับแผนการของโมโมะนี้ด้วย)
โอซิซุ มุราซาเมะ(Oshizu Murasame)วิญญาณหญิงสาวที่เสียชีวิตเมื่อ อายุ 400 ปี มีความสามารถพิเศษคือพลังจิตเคลื่อนย้ายสิงของ หากตกใจมากๆ (โดยเฉพาะตอนกลัวสุนัข) จะไม่สามารถควบคุมพลังจิตได้ นอกจากนี้ยังสามารถเข้าไปดูจิตใจคนอื่น สิงร่างคนอื่น ตอนแรกเธอสิงอยู่ในอาคารเรียนเก่า จนกระทั้งมาเจอพวกริโตะ เธอก็มีความคิดอยากรู้อยากเห็นโลกสมัยใหม่ เลยขอเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของอาจารย์มิโคโดะและ มิโคโดะก็ได้สร้างไบโอรอยด์(หุ่นที่มีลักษณะใกล้เคียงกับมนุษย์)รูปร่างเหมือนเธอเพื่อเข้าสิง เพื่อสามารถอยู่ร่วมกับคนอื่นได้ หากแต่เวลาตกใจวิญญาณมักหลุดออกจากร่าง และเธอเป็นตัวละครผู้หญิงอีกตัวที่ไม่ได้หลงรักหรือมีความรู้สึกดีต่อริโตะ(แต่มีอีเวนส์) แต่กระนั้นเธอเป็นคนไม่กี่คนที่รู้ว่าฮารุนะสนใจริโตะและพยายามเป็นแม่สื่อให้แก่คนทั้งคู่(แต่ส่วนมากล้มเหลว) ทำให้กลายเป็นเพื่อนสนิทฮารุนะไป(แม้ว่าฮารุนะจะกลัวผีก็ตาม)
รู้ไปก็เท่านั้น ใน To Love-Ru อนิมชั่นภาคแรกนั้น โอซิซุมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในมังงะ โดยเธอไม่ได้สิงไบโอรอยด์ ไม่ได้เป็นเพื่อนกับฮารุนะ แต่กลายเป็นว่าเธอเป็นผีสาวที่ทำงานเป็นสาวนักดื่มตอนกลางคืน(เอาเข้าไป) และบทออกมาน้อยจัดมาก หากแต่ในภาค OVA เธอก็กลับมาอีกครั้งในภาคเด็กสาวนักเรียนมัธยมปลายเหมือนมังงะ และเธอปรากฏสั้นๆ ในมังงะ Mayoi Neko Overrun! ในฐานะลูกค้าที่มาซื้อเค้ก(กับฮารุนะ)
ริสะ&ริโอะ(Risa Momioka& Ryoka Yuzuki) เพื่อนสนิทของฮารุนะกับลาล่า(ตามแบบเพื่อนสนิทนางเอกแนวฮาเร็ม) ที่มักปรากฏออกมาเปแนคู่กันเสมอ และมักให้ข้อมูลผิดๆ แก่ลาล่าเวลาลาล่าถามเกี่ยวกับวัฒนธรรมบนโลก นิสัย(ทั้งสอง)ขี้เล่น ชอบคลำเนื้อตัวสาวอื่นๆ แม้เล่มแรกๆ สองคนนี้มักปรากฏตัวออกมาบ่อย แต่ช่วงหลังก็หายไป(เนื่องจากตัวละครอื่นๆ เข้ามามีบทบาทแทน ส่วนมากมักมาเป็นแนวตัวประกอบ ร่วมก๊วนกลุ่มลาล่ามากกว่า) และปรากฏตัวอีกทีในช่วงเกือบท้ายเล่ม โดยริโอะชอบแต่งคอสเพลย์ทำงานในคาเฟ่สาวใช้ ส่วนริสะก็ออกอีเวนท์ครั้งเดียว(แต่อีเวนส์ดังกล่าวถูกใจคนดูมาก) โดยเป็นฉากจับกดริโตะ แต่กระนั้นก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเธอชอบริโตะจริงจังหรือล้อเล่นหรือเปล่า?
เคียวโกะ คิริซากิ (Kyouko Kirisaki) หรือมาจิกเคิลเคียวโกะ ไอดอลสาวมัธยมปลายที่โด่งดัง ความจริงแล้วตัวตนคือลูกครึ่งมนุษย์ต่างดาว ที่มีความสามารถสร้างและควบคุมไฟได้ ตอนแรกที่ปรากฏเป็นสาวน้อยมหัศจรรย์ทางทีวีที่ลาล่าชื่นชอบและมักพาริโตะมาดูด้วย ต่อมาพวกน้องสาวลาล่าได้ใช้ต้นแบบของเคียวโกะนำมาสร้างจอมมารในโลก RPG ในชุดสุดเซ็กซี่เพื่อลองใจริโตะ และริโตะได้เจอเคียวโกะอีกครั้ง(ซึ่งเป็นตัวจริง) ในการนัดเดทเป็นเพื่อนกับรุน ซึ่งปัจจุบันทำเพลงอัลบั้มไอดอทด้วยกัน เพียงแค่เจอกันครั้งแรกเธอก็ติดใจความเมพของริโตะ หากแต่การ์ตูนตัดจบเสียก่อน และภาค To Love-Ru Darkness เธอยังไม่มีบทเด่น
รู้ไปก็เท่านั้น คิริซากิ เคียวโกะเป็นตัวละครอีกตัวที่มาจากเรื่อง “แบล็คแคท” ไม่ว่าจะเป็นความสามารถ รูปร่างหน้าตา ชื่อ (สิ่งที่แตกต่างเธอไม่ได้ชอบพี่แบล็ค เพราะพี่แบล็คแพ้ความหมาเมพริโตะ) และในอนิเมชั่น To Love-Ru ภาคแรก มีตอนหนึ่งเคียวโกะรับบทเด่นหากแต่เป็นตอนที่ไม่เกี่ยวกับริโตะเลยสักนิด เพราะเป็นตอนเกี่ยวกับรายการทีวีมาจิกเคิลเคียวโกะล้วนๆ
ริโกะ ยูซากิ (Riko Yuusaki) ริโตะในเวอร์ชั่นผู้หญิง ที่ถูกเครื่องมือของลาล่าเปลี่ยนเพศ เมื่อเป็นหญิงแล้วออกทอมบอยเล็กน้อย ขี้อาย หน้าอกใหญ่ และน่ารักมากๆ แม้จะออกช่วงสั้นๆ แต่เหล่าแฟนๆ นักอ่านชอบ จนมีโดจินโป๊และภาค To Love-Ru Darkness เซอร์วิสยูริสุด ๆ
รู้ไปก็เท่านั้น ในภาค OVA และ Motto To Love-Ru เสียงพากย์ของริโกะไม่เหมือนกัน
เมอา คุโรซากิ(Mea Kurosaki) เด็กนักเรียนปีหนึ่งและรุ่นน้องของริโตะ พึ่งปรากฏในตอนแรกของ To Love-Ru Darkness นอกจากนี้ยังเป็นเพื่อนร่วมห้องกับนานะและโมโมะ ที่สนิทกับนานะ ตัวตนจริงของเธอของเธอคือน้องสาวของยามิ ที่มีพลังคล้ายกัน แต่มีความสามารถเข้าฝันเห็นจิตใจคนอื่นได้ ด้านนิสัยต่างกับยามิเพราะเธอชอบเรื่องลามก(??) หลังจากเข้าไปดูฝันริโตะแล้วก็ได้พบว่าริโตะหื่นกับโมโมะ(สรุปคือในใจของริโตะนี้หื่นกันขนาดนี้เลยเหรอ?) เมอาเลยเกิดความสนใจความเป็นสัตว์ป่าของริโตะดังกล่าว และสนับสนุนโปรเจกต์ฮาเร็มของโมโมะด้วย ส่วนวัตถุประสงค์หลักของเธอคือการจับตาดูยามิ และการรับคำสั่งของบุคคลหนึ่งที่เรียกว่า “แม่” (katakana/แต่ในมังงะแปลไทยเรียกมาสเตอร์) เพื่อวัตถุประสงค์ให้ยามิฆ่าริโตะ(คงจะยาก)
จะเห็นได้ว่าตัวละครของ To Love-Ru ใช้หลักการฮาเร็มมาใช้ออกแบบ กำหนดนิสัย และคาแร็คเตอร์หลายตัวจนเกือบเต็มสูตรเลยก็ว่าได้ จะขาดแต่ สาวแว่น, มิโกะ, เพื่อนสมัยเด็กเท่านั้น แต่ความรู้สึกแล้ว ผมคิดว่าตัวละครของ To Love-Ru ไม่เชิงว่าจะเอาฮาเร็มมาใช้แบบยัดเยียดมากเกินไป เพราะคนเขียนสร้างตัวละครในแบบฉบับคนเขียนเข้าไปด้วย ทำให้ตัวละครสาวทุกตัวจำได้ง่าย มีสเน่ห์ ผิดจากเรื่องอื่นๆ
อีกความเห็นหนึ่ง To Love-Ru ไม่เชิงว่าจะเป็นฮาเร็มน้ำเน่าครับ (หลังๆ กลายเป็นมังงะเซอร์วิสหื่น) น่าจะการ์ตูนตามแบบฉบับของคนเขียนเสียมากกว่า ก่อนอื่นก็ต้องเข้าใจด้วยว่าฮาเร็มถือได้ว่าเป็นการ์ตูนที่เอามาดัดแปลงให้ไม่เหมือนใครแล้วเป็นที่นิยมยากที่สุด จริงอยู่ครับว่าฮาเร็มมันมีเยอะ แต่เพราะเยอะนี้แหละทำให้เป็นการยากที่จะทำอย่างไรให้มันมีสเน่ห์โด่งดัง ฮาเร็มส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีในการ์ตูนหรอกครับ มันมีเยอะในเกม H เสียมากกว่า และเจ้าเกม H ดังกล่าวก็พล็อตซ้ำๆ ตัวละครแทบเหมือนกันหมด(เพราะเอาหลักการฮาเร็มมาใช้) ส่วนพล็อตแปลกใหม่ สรุปคือแทบไม่มีเลยครับ
พล็อตฮาเร็มนี้เท่าที่ผมเห็นเยอะแบ่งออกเป็นสองแบบ คือฮาเร็มแนวเหนือธรรมชาติ และฮาเร็มแนวชีวิตในโรงเรียน แนวโรงเรียนนี้จำพวกพระเอกได้เพื่อนผู้หญิงเยอะหรือจำพวกพระเอกไปเรียนโรงเรียนบ้านนอก เอามาดัดแปลงให้แปลกใหม่ยากครับ ใส่ดราม่า ใส่ฉากจบอะไรลงไปก็ใช่ว่าจะถูกใจหลายคน อย่าง School Day มาหักมุมตอนจบ(ขอย้ำมา ณ ที่นี้เลยว่านี้แค่พล็อตส่วนหนึ่งในเกม H เท่านั้น) มันทำให้ดังก็จริง แต่ใช่ว่าจะทำให้หลายคนชอบด้วยนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง(เอาเถอะอย่างน้อยก็ได้มุกเข้ามา) ดังนั้นสมัยนี้ใครเห็นการ์ตูนแนวฮาเร็มแนวโรงเรียนก็ชักจะเอียนๆ แล้วครับ แค่อ่านพล็อต เห็นตัวละคร ก็ขี้เกียจดูแล้ว
ดังนั้นแนวเหนือธรรมชาติฮาเร็ม จึงเป็นนำมาดัดแปลงเยอะที่สุดและทำให้มีเสน่ห์ง่ายครับ แต่กระนั้น มันก็เป็นโจทย์อีกแหละว่าเหนือธรรมชาตินี้เรายังไงให้มันน่าสนใจ จอมมาร, แม่มด, หุ่นยนตร์, สัตว์ประหลาด, มนุษย์ต่างดาว, นักฆ่า, ผู้มีพลังจิต ฯลฯ เรียกได้ว่าพล็อตแบบการ์ตูนฮาเร็มพวกนี้มันมีครบแล้วครับ พูดง่ายๆ มันไม่เหลืออะไรจะเหลือที่จะเขียนอีกแล้ว
มังงะ To Love-Ru กับคนไทย มังงะการ์ตูนดังกล่าวมีทั้งหมด 162 ตอน 18 เล่มจบ คนเขียนใช้เวลา 4 ปีวาดจบถือว่าประสบความสำเร็จในญี่ปุ่นครับ เพราะการ์ตูนดังกล่าวขายดีได้รับอันดับเจ็ด เมื่อเล่ม 1 วางจำหน่ายเพียง 1 สัปดาห์(ในการจัดอันดับยอดขายสูงสุดของ ชูเอชะ) แสดงให้เห็นว่าตลาดโอตากุของญี่ปุ่นมันยิ่งใหญ่ขนาดไหน หากแต่สำหรับคนไทยแล้วการ์ตูนฮาเร็มยังถือว่าจำกัดเฉพาะกลุ่มครับ อาจเป็นเพราะวัฒนธรรมของเรา หรืออาจเป็นเพราะแนวของคนไทยที่ชอบแนวการ์ตูนบู๊กระจายมากกว่า อีกทั้งสาเหตุสำคัญการเอาการ์ตูนแนวนี้มาอ่านต่อหน้าคนหมู่มากมันเป็นความคิดที่ไม่เข้าท่าแน่นอน ใครที่อ่านการ์ตูนฮาเร็มเซอร์วิสต่อหน้าเพื่อนๆ นี้จะถูกล้อว่าไอ้ลามก หื่น โป๊ ฯลฯ เรียกเสียๆ หายๆ ผิดจากแบล็คแคทผลงานก่อนหน้า หรือการ์ตูนวัชพีช โคนัน นารูโตะ อ่านบนรถประจำทางนี้ไม่มีใครว่า (น่าเศร้าใจ)
นอกจากนี้การ์ตูนแนวฮาเร็มที่เข้ามาไทยแล้วมีลิขสิทธิ์นี้น้อยมาก จนแทบนับเรื่องได้ ทั้งนี้ก็เพราะฉากเซอร์วิสแหละครับที่มันไม่เหมาะแก่คนไทย จะออกวีซีดีลิขสิทธิ์นี้เลิกพูดได้เลย ส่วนมังงะหากมีลิขสิทธิ์ก็คงมีอักษรศีลธรรมมาเช็นเซอร์ สร้างความเสียอารมณ์แก่ผู้อ่านไม่มากก็ไม่น้อย
To Love-Ru ไม่มีลิขสิทธิ์ในไทย ดังนั้นก็ต้องอ่านแปลไทยตามเว็บอื่นเอา หรือไม่ก็อ่านไม่มีลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์ Vi Comics Group ซึ่งปัจจุบันตีพิมพ์ครบ 18 เล่มจบแล้ว แต่ข้อเสียคือมันมีอักษรศีลธรรมบดบัง ทั้งๆ ที่ไม่มีลิขสิทธิ์(สงสัยกลัวโดนเก็บแผง) แต่อย่างไรก็ตามมังงะดังกล่าวกลายเป็นการ์ตูนสามัญประจำห้องนอนที่ต้องมีไว้สำหรับผมไปแล้วครับ ดูซ้ำดูซากอย่างงั้นไม่มีเบื่อ
แต่คำถามตามมาคือในเมื่อคนเขียนประสบผลสำเร็จแนวแนวฮาเร็ม แต่ทำไมการ์ตูน Mayoi Neko Overrun! ถึงไม่ประสบผลสำเร็จ อันนี้ก็มีหลายเหตุผล เช่น มันไม่สามารถทำได้ดีกว่า To Love-Ru หรือพระเอกในเรื่อง Mayoi Neko Overrun! คนเขียนพลาดครั้งใหญ่(ก็ว่าได้) เพราะพระเอกมันค่อนข้างไม่ได้แสดงให้เห็นความมหาเมพเหมือนริโตะครับ รายของริโตะนั้นมันเริ่มจาก 0 มาก่อน ก่อนที่จะยิ่งใหญ่ผงาดเป็นมหาเมพ แต่รายดังกล่าวมาแนวแบบเงียบๆ เหงาๆ มืดมนนิดๆ หน่อย บวกกับดันไปเพิ่มเพื่อนพระเอกเกินหนึ่งคน(ความจริงคือไม่ต้องไปใส่เพื่อนพระเอกก็ได้ ใส่พระเอกคนเดียวก็พอ) แถมเพื่อนพระเอกดังกล่าวดันมีแบบไม่ถูกใจโอตากุครับ คือเพื่อนพระเอกคนหนึ่งเงียบขรึม อีกคนเป็นโอตากุแต่ไม่ชอบ 3 D ทั้งสองกลับกลายเป็นตัวน่ารำคาญสำหรับคนอ่านแทน ส่วนตัวละครสาวๆ นี้ผมถือว่าสอบผ่านครับ เพื่อนสมัยเด็กพระเอกที่ผมว่าน่ารักมาก ผมชอบประโยคนี้ครับ “ไปตายซะสิบรอบซะ!!!” หรือคุณหนูเตี้ยรวยไฮโซเอาแต่ใจ หรือน้องหนูหูแมวเงียบ สามสาวหลักแค่สามคนทั้งหมดชอบพระเอกครับ แต่พระเอกออกมาเนิบๆ เฉยๆ บอกไม่ถูก แต่สิ่งที่พลาดกลับเป็นเนื้อหาที่วางบทไม่ได้มหาเมพเท่า To Love-Ru และดูเหมือนคนเขียนดั้งใจจะเขียนให้มันจบในไม่กี่เล่ม ทำให้เนื้อหาดังกล่าวมันทำได้ไม่น่าติดตามเท่าไหร่ อีกทั้งสาเหตุสำหรับการ์ตูนเรื่องนี้ผมไม่เห็นจิตวิญญาณของคนเขียนเหมือนคนเขียนไม่ค่อยมีพลังในการวาด ไม่เหมือน To Love-Ru อันนี้มีจิตวิญญาณคนเขียนจริงๆ นะครับ มากกว่าแบล็คเคทอีก รู้เลยว่าคนเขียนผ่านร้อนผ่านหนาว ลองผิดลองถูกอะไรมาบ้าง เอาชีวิตจริง เอาเรื่องจริงมาใส่ จนทำให้การ์ตูนมีจิตวิญญาณดังกล่าว (เชื่อผมสิ)
นอกจากนี้ To Love-Ru ยังนิยมมาวาดในโดจินโป๊ด้วยนะครับ แม้ไม่เท่าการ์ตูนนารูโตะ บลิซ วันพีชก็เถอะ แต่ก็ถือว่ามีมากพอสมควร เนื้อหาก็จับฉากเวอร์วิสในการ์ตูนแหละครับ ที่ฉากไหนริโตะไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่า เอามาวาดให้ริโตะตบะแตก เช่น ฉากลาล่าเปลือยนอนบนเตียงริโตะ ฉากริโตะเจอยามิที่ห้องสมุดในโรงเรียน ฉากริโตะอยู่กับยุยสองต่อสอง ทุกฉากทำให้ H หมด แต่กระนั้นก็ยังมีโดจินไม่โป๊ ในชื่อ [Je T'aime (Lime Mutsuki)] Twins Emergency (To Love-Ru) ที่โดจินดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับนานะเป็นหลัก(เป็นตอนนานะสลับร่างกับโมโมะ)
To Love-Ru ภาคอนิเมชั่น หลังจากที่โด่งดังในมังงะ อนิเมชั่นก็ตามมา ผลิตโดย XEBEC ฉายครั้งแรก 3 เมษายน 2008-25กันยายน 2008 รวมทั้งหมด 26 แน่นอนว่ามันไม่ทันตอนจบของภาคมังงะ(มังงะจบปี 2009) ดังนั้นทำให้อนิเมชั่นภาคแรกนั้นได้เปลี่ยนแปลงรายละเอียดและเพิ่มเนื้อหาตอนบางส่วน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้เหล่าแฟนๆ บางส่วนรับไม่ค่อยได้หลายจุด
โอตากุนี้เรื่องมากตรงจุดการเปลี่ยนแปลงนี้ครับ อย่าทำเป็นเล่นไป เห็นตัวอย่างมานักต่อนักแล้ว หากผลงานทำไม่ตรงกับต้นฉบับ ซึ่ง To Love-Ru ภาคซีเบค(ผลงานก่อนหน้านี้คือ คาโนค่อน) นั้น บทตัวละครในอนิเมชั่นนั้นค่อนข้างแตกต่างจากมังงะค่อนข้างเยอะครับ ส่วนมากแต่ละตอนจะเน้นลาล่าเสียมากกว่า ส่วนตัวละครสาวอื่นๆ บทไม่ค่อยเน้นมากนัก อีกทั้งบางคนยังมีบุคลิกและบทเปลี่ยนไปด้วย บางตัวนี้แทบรับไม่ได้ เช่น ยามินี้บุคลิกเปลี่ยนไปเยอะครับ ในมังงะนี้จะมาแนวซึนๆ และไม่ค่อยอยากเป็นเพื่อนกับใคร แต่มาในอนิเมชั่นยามิมีรั่วเล็กน้อย และค่อนข้างเจียมๆ นิดหน่อย ยุยเองก็บทไม่ค่อยเยอะอีก นอกนั้นยังคงเหมือนเดิมครับทั้ง ริโตะ ลาล่า และฮารุนะ (แต่ริโตะภาคนี้เหนื่อยยิ่งกว่าในมังงะอีกเพราะต้องวุ่นวายทั้งลาล่าและเพื่อนจากต่างดาวของเธอด้วย)
ทางด้านเนื้อหาก็ยังอยู่ที่ความรักสามเศร้า ดูเป็นเรื่องเป็นราวกว่ามังงะเยอะ มีการเพิ่มตอน คู่หมั่นลาล่าเข้าไป หรือฉากตอนใหม่ๆ ที่ไม่มีมังงะเข้าไปด้วย ซึ่งผมว่าสนุกดีนะครับ เพราะว่ามันไม่มีในมังงะทำให้น่าติดตามดีว่าจะเป็นยังไงต่อ แต่ก็มีบางตอนที่ผมดูแล้วไม่สนุกเลย อย่างเช่นตอนมาจิกเคิลเคียวโกะ หรือตอนใกล้สุดท้ายของเรื่องที่ดูแล้วนึกถึงกลิ่นอายลามูยังไงชอบกล แต่กระนั้นเมื่อบวกลบคูณหารผมว่า ถือว่าสอบผ่านครับ สำหรับการดัดแปลง To Love-Ru ในครั้งนี้
แต่อย่างที่ผมบอกก็มีแฟนๆ จำนวนหนึ่งไม่ยอมรับ To Love-Ru ภาคแรกนี้ค่อนข้างเยอะครับ อย่างที่บอกไว้แต่แรกคือการเปลี่ยนบทและตัวละครบางตัว ทำได้ไม่ถูกใจนัก แต่กระนั้นจุดแข็งของ To Love-Ru ในคุณภาพการเคลื่อนไหวผมว่าจุดนี้อนิเมชั่นสอบผ่านครับ เพราะกำหนดกลุ่มเป้าหมายชัดเจนเลย ว่าการ์ตูนเรื่องนี้เหมาะสำหรับโอตากุคอมมาดี้ฮาเร็ม ฉากเซอร์วิสเกือบเรตทำได้เด็ดดวง เยอะยิ่งกว่าคาโนค่อนอีก บางทีอาจเหนือกว่าด้วย นมเป็นนม ฉากเวอร์ซิสที่ไม่มีในมังงะใส่ไม่ยั้ง มีทั้งหนวดหื่นลามก ลาล่าแก้ผ้ามากกว่าเดิม เรื่องหน้าตาตัวละครแม้แตกต่างจากมังงะ แต่ทำได้น่ารักดีครับ โดยเฉพาะริโตะนี้ติ๋มๆ น่ารักของเยอะ ข้อเสียอย่างเดียวคือไม่ควรดูอนิเมชั่นดังกล่าวต่อหน้าเพื่อนหรือว่าผู้ปกครอง(โดยเฉพาะฉากเปิดเรื่อง) แม้จะมีแสงศีลธรรมหรือมีอะไรมาบังก็เถอะ
และนั้นเองทำให้มี To Love-Ru ภาคใหม่ตามคือคือภาค OVA และภาค Motto To Love-Ru เข้ามา ซึ่งมีเนื้อหาดำเนินเรื่องตรงกับมังงะที่สุด ซึ่ง ผลปรากฏว่าได้รับเสียตอบรับเป็นด้านบวก แม้ว่าดูไปดูมามันดำเนินเรื่องตรงกับมังงะจนไม่ต้องเดาเนื้อหาตอนจบเลยก็เถอะ แต่สำหรับโอตากุไม่สนครับ ขอให้ตรงกับต้นฉบับที่สุดฉันไม่สน แค่อยากเห็นตัวละครโลดแล่นเคลื่อนไหวได้ก็มีความสุขอยู่แล้ว ซึ่งทำให้เชื่อว่า To Love-Ru Darkness อาจตามมาเร็วๆ นี้ก็ได้
สุดท้าย To Love-Ru ให้อะไรกับคนดู ใครว่าการ์ตูนเรื่องนี้จะไม่มีข้อคิดนะครับ มีเยอะเลยแหละ เริ่มจากสิ่งที่การ์ตูนเรื่องนี้ต้องการนำเสนอก็คือความยึดมั่นในความรักครับ ไม่ว่าจะเป็นกรณีของริโตะ ลาล่า ฮารุนะ หรือตัวละครผู้หญิงทั้งหมดในเรื่อง โดยเฉพาะความรักของลาล่า ที่ซื่อสัตย์ต่อความรัก แม้จะรู้ว่าริโตะไม่รักตน แต่ลาล่าก็ไม่ท้อถอย ตามตื้อ จนทำให้ริโตะเกิดความรู้สึกที่ดีต่อลาล่าในที่สุด
นอกจากนี้เนื้อหายังผสมกับข้อคิดปัญหาความรักของวัยรุ่น แม้แต่เหล่าตัวละครผู้หญิงจะชอบพระเอกคนเดียวกัน แต่กระนั้นความรักที่เต็มไปด้วยปัญหาเหล่านั้นก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ เป็นเพื่อนกันได้
ส่วนพระเอกเองแม้ว่าจะเป็นมีเซอร์วิสกับสาวๆ หลายฉาก แต่ด้วยความรับผิดชอบ อายุ วัยที่กำลังเรียน สุดท้ายพระเอกก็ไม่มีอะไรเกินเลยกับสาวๆ เหล่านั้น ยังคงใช้ชีวิตตามปกติสุข อนาคตข้างหน้ายังอีกยาวไกลครับ อย่าพึ่งเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวชั่วข้ามคืน จงค่อยเป็นค่อยไปแบบนี้จะดีที่สุด
ก็จบลงเพียงเท่านี้ครับกับการพูดถึง To Love-Ru หนึ่งในการ์ตูนที่ผมชอบที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง ขอบคุณที่ตามอ่านจนถึงตอนนี้ครับ
ความคิดเห็น